ช่วงที่ 13
“วันนี้เราจะมาพาพูดถึงเรื่อง เทคนิคการโจมตีแบบ Phishing กันนะคะ” วันนี้อาจารย์วิภาบรรยายเกี่ยวกับเรื่อง
“Phishing” ครับ เรื่องนี้มันไม่มีอะไรยุ่งยากมากมายเท่าไหร่ ที่สำคัญผมขอ PDF จากอาจารย์ไปนั่งอ่านล่วงหน้าแล้ว ทำให้คาบนี้ผมนั่งฟังแบบสบายๆเหมือนเป็นการทบทวนแล้วก็ฟังคำอธิบายจากอาจารย์เพิ่มเติม วันนี้เหมือนมันจะไม่มีเรื่องอะไรมากวนจิตใจผมเท่าไหร่ ที่สำคัญเรื่องที่ต้นกล้าพูดยังทำให้ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตั้งแต่เมื่อวาน
“ตรืดดดดด ตรืดดดดดด” ในระหว่างที่ผมฟังบรรยายเสียงโทรศัพท์ที่ถูกตั้งระบบสั่นไว้ก็สั่นขึ้นมา ผมก้มลงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ามาดูว่าใครกันที่โทรมาเวลาแบบนี้ คงไม่ใช่เพื่อนในห้องที่ไม่ได้เข้าแล้วโทรมาให้ผมลาให้หรอกนะ
“โค้ช Calling” ทันทีที่ผมเห็นชื่อที่บันทึกไว้ผมก็เหลือบมองนาฬิกาที่อยู่ตรงมุมบนของโทรศัพท์
“09:45” เดาไม่ยากครับว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เค้าโทรเข้ามา ตอนแรกผมก็ลังเลว่าจะรับดีไหม แต่นี่มันเวลาเรียน แถมธุระของเค้าก็สามารทำทำเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเอาผมไปด้วย ผมเลยกดปิดสั่นไป หลังจากที่โทรมาครั้งแรก โค้ชโทรมาซ้ำอีกหลายครั้ง แต่ผมก็ทำเหมือนเดิมทุกครั้ง
แล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนโกหกวิชาสุดท้ายของวันจบลงด้วยการที่อาจารย์ท้องเสียกระทันหันจากมื้อเที่ยงทำให้การเรียนต้องหยุดลงตั้งแต่บ่ายสองโมงกว่าๆผมเลยนั่งคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับงานกลุ่มที่ยังค้างกันอยู่จนถึงประมาณบ่ายสามเศษๆ ผมกับเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับ หลังจากที่เดินแยกย้ายกับเพื่อนในห้อง ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กข้อความเพราะรู้สึกว่าตอนที่นั่งเรียนอยู่จะมีข้อความเข้าหลายข้อความ
“สมัครด่วน บลาๆๆ ได้รับส่วนลดทันที 5%”“แมทนี้ใครจะไป ใครจะอยู่ สมัครเลย เพียง 50 บาทต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน”“ลุ้น UPhone4 ฟรี เพียงสมัครรับข้อความข่าวกับเรา”“เป็นเจ้าของ UPAD ได้ง่ายๆ เพียงส่งข้อความมาที่ บลาๆ จับรางวัลทุกวัน”“แจ้งผลทุกแมท ทุกคู่ ตลอด 24 ชม เพียง 40 บาทต่อเดือน สมัครบลาๆๆ” เคยได้ไหมครับข้อความแบบนี้ เซ็งห่านมากๆที่ต้องมานั่งลบอยู่เรื่อยๆ แต่ว่าระหว่างที่ผมนั่งลบข้อความอยู่นั้น ก็เจอข้อความของว่านส่งมา
“ว่างแล้วโทรกลับด้วยนะครับ” อืม....ส่งมาตั้งแต่ 11.17 แน่ะ มีอะไรหรือเปล่า ว่าแล้วผมก็โทรกลับไป
“ตรู๊ดดดดดด......... ตรู๊ดดดดดดดดดดด......แกร๊ก....ครับ”“ว่า”“พี่ๆ มารับผมไปเอาชุดที่บ้านหน่อยซิครับ ผมลืมเอามา”“อืมมม ได้ซิ เดี๋ยวไป”“ผมรอที่เดิมนะ”“ไปรอเลยแล้วกันไม่เกิน 5 นาทีถึง”“ครับ.....พี่ๆๆ” เหมือนจะได้วางสายแล้ว แต่จู่ๆว่านก็เรียกผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ครับ”“วันนี้เพื่อนผมมาเรียนเพิ่ม 5 คนนะ” ว่านพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจ
“เหรอ ก็ดีซิจะได้ไม่เหงา”“ใช่ครับ” ว่าแล้วผมก็ไปหาว่านที่โรงเรียนทันที เพื่อนว่านเหรอ...อืมม....ช่วงนี้เด็กที่ยิมลดลงไปหลายคน มีเข้ามาเพิ่มก็ดีเหมือนกัน ไม่นานนักอย่างที่สัญญากับว่านไปผมก็มาถึงที่โรงเรียนว่าน ทันทีที่มาถึงผมก็พบว่าว่านเองมาคอย ณ จุดที่นัดกันไว้แล้วเหมือนกัน เมื่อว่านเห็นผมว่านก็ยิ้มให้แล้วก็รีบเดินมาหาอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับ” ว่านยกมือไหว้ผม
“ดีๆ ไหนล่ะเพื่อน”“เพื่อนไปรอที่ยิมแล้วครับ”“เหรอ แล้ววันนี้ทำไมเลิกเร็วจัง”“อาจารย์ติดประชุมครับ”“อีกแล้ว”“ครับ” ว่านตอบกลับมาพลางวางกระเป๋าที่หน้ารถ ก่อนจะเดินมาจ้องหน้าผม
“พี่เอ” “ครับ” ผมหันไปมองว่านตามเสียงเรียก
“หันมานี่หน่อย” ว่านพูดจบก็จับไหล่ขวาผมแล้วดึงให้ผมหันหน้าตรงเข้าหาว่าน
“เนคไทพี่ไม่ตรง”พูดจบว่านก็เอามือมาดึงๆจับๆขยับไปมา
“เบี้ยวมากเลยเหรอ” ผมถามว่าน
“ไม่หรอกครับ แต่จัดให้ตรงดูดีกว่า”“....”“เสร็จแล้ว”“อืม....ขอบใจนะ” แล้วผมก็พาว่านไปเอาชุดที่บ้านของว่าน ระหว่างทางว่านพูดถึงเพื่อนห้าคนที่มาเรียนใหม่ตลอดตั้งแต่ไปที่บ้านว่านจนวนกลับมาที่ยิมเหมือนว่านจะตื่นเต้นมากๆที่มีเพื่อนร่วมห้องมาเรียนด้วยทว่าเมื่อมาถึงยิมปรากฏว่าไม่เจอใครเลย
“ไม่เห็นมีใครเลย” ผมพูดขึ้น
“ก็พวกนั้นบอกว่าจะมารอหน้ายิมนี่นา” ว่านพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย
“โทรถามดิ”“จริงด้วย” แล้วว่านก็โทรหาเพื่อน ปรากฏว่าเพื่อนรอนานไปหน่อยเลยไปนั่งอ่านหนังสือแล้วก็ตากแอร์ฟรีรอที่ 7 – 11ว่านเลยรีบเรียกเพื่อนๆให้มาที่ยิมเป็นการด่วน แต่ว่า...ผมยังไม่ได้เปลี่ยนชุดมาเลยแฮะ ผมเลยบอกว่านว่า
“เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวจะกลับมาอีกที ว่านก็รอกับเพื่อนในยิมไปก่อน”“อ่าว แล้วทำไมเมื่อกี้พี่ไม่แวะล่ะครับ” ว่านถามกลับมา
“ลืม มัวแต่คุย”“ฮ่ะๆๆ รีบมานะครับ”“อื่อ” แล้วผมก็กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนจะกลับมาอีกครั้ง พอมาถึงที่ยิมผมก็เดินไปที่ประตูระหว่างที่ถอดรองเท้าผมก็ได้ยินเสียงว่านกับเพื่อนๆนั่งคุยเรื่องเทควันโดกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว และ เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป เพื่อนว่านก็หันมามองแล้วยกมือไหว้ผมแทบจะพร้อมๆกัน ก่อนที่หนึ่งในห้าจะพูดว่า
“นี่เหรอ พี่เอ ที่เอ็งชอบพูดถึงบ่อยๆ” ยังไม่ทันที่เพื่อนคนนี้จะพูดอะไรต่อว่านก็เอามือไปปิดปากเพื่อนทันที
“อะไรๆ เขินหรือไง” เพื่อนว่านอีกคนทักว่าน
“ไม่ใช่เว้ย” ว่านตอบกลับมาพลางเอาขาไปถีบๆเพื่อนคนที่ทัก
จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกับว่านมาผมไม่เคยเห็นว่านร่าเริงแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ ส่วนมากจะวางตัว ไม่คุยกับใครง่ายๆ ที่คุยๆก็เห็นมีแค่ผม กับโค้ช กับพี่ป้อมเองว่านก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรด้วยเลยเว้นว่าพี่ป้อมจะถามมาก่อน จะว่าไปก็ดีเหมือนกันมีเพื่อนๆมาแบบนี้ว่านเองจะได้เลิกทำตัวเครียดๆซะทีผมกับเพื่อนว่านสนิทกันได้รวดเร็วมากเพราะเพื่อนว่านได้ยินเรื่องของผมจากว่านมามากพอควร เพื่อนว่านเล่าว่าว่านจะชอบเล่าเรื่องที่ผมเล่าให้ว่านฟังให้เพื่อนๆฟังต่ออยู่บ่อยๆ เพื่อนๆกลุ่มนี้ที่อยากมาเรียนส่วนหนึ่งก็อยากมาเจอผมด้วยเพราะในห้องหลายคนก็สงสัยว่า พี่เอ ที่ว่านพูดถึงบ่อยๆนี้เป็นใคร แล้วน้องๆก็ได้เจอ
อ้อ ลืมแนะนำไปเพื่อนว่านที่มาเรียนเพิ่มนี้มีห้าคนครับชายสามคนหญิงสองคน มาเริ่มกันที่ชายก่อนแล้วกัน คนแรกชื่อเกม น้องเกมคนนี้เป็นเด็กที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว รูปร่างค่อนข้างผอมพอควรผิวขาวแต่ว่าเนื่องจากเกมเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนทำให้นอกเหนือจากจุดที่ในกางเกงว่ายน้ำนั้นคล้ำหมด ส่วนหน้าตาน้องเกมนั้นทำให้สาวๆกรี๊ดได้ไม่ยาก คนที่สองชื่อฟิว น้องฟิวเป็นเด็กขาวตี๋ไม่สูงมากวันที่เจอวันแรกฟิวสูงน่าจะประมาณไม่เกินหนึ่งร้อยหกสิบห้ารูปร่างธรรมดาๆ หน้าตาเด็กตี๋เลยล่ะครับ ผิวขาวเป็นใยบวบ เท่าที่คุยๆกันฟิวแทบไม่เคยตากแดดเลย แล้วเทควันโดก็เป็นกีฬาชนิดแรกที่ฟิวเลือกที่จะเล่นเอง คนต่อมาชื่อริว น้องริวคนนี้สูงที่สุดในบรรดาห้าคนที่มา ณ วันที่เจอน้องสูงอยู่ที่หนึ่งร้อยแปดสิบสาม น้องริวเป็นลูกชายคนสุดท้องของตระกูลคนมีอันจะกินตระกูลหนึ่งในจังหวัดที่ผมอยู่ ริวบอกว่าที่มาเรียนส่วนหนึ่งเพราะอยากมานั่งฟังเรื่องที่ผมเล่าสดๆมากกว่าจะรอฟังจากที่ว่านเล่า
ต่อมาแนะนำน้องผู้หญิงบ้าง คนแรกชื่อส้ม น้องส้มเป็นเด็กหญิงน่ารักตาโตมีเสน่ห์ที่ดวงตาเวลาที่น้องส้มยิ้มสายตาที่น้องส้มส่งมามาหวานพอจะทำให้มดเป็นเบาหวานตายยกรังเลยทีเดียว แล้วที่สำคัญน้องส้มเองยังมีข้อหากุ๊กกิ๊กอยู่กับน้องเกมด้วย คนต่อมาชื่อพลอย น้องพลอยเป็นสาวหมวยเป็นลูกสาวคนเดียวจากตระกูลผู้มีอันจะกินอีกตระกูลหนึ่งเช่นกันกับริว เหตุเพราะเป็นลูกสาวคนเดียวทำให้พลอยถูกคาดหวังจากทางบ้านมาก ส่วนบุคลิกของพลอยนั้นค่อนข้างกันเอง สนุกสนานร่าเริง เหตุผลที่มาเรียนส่วนหนึ่งก็อยากเจอผมเหมือนกัน
โดยระหว่างที่น้องๆแนะนำตัวกันนั้นเหมือนว่าต่างคนต่างอยากแนะนำตัวเองกันใหญ่ แย่งคุยแย่งพูดกันไม่หยุดบ้างก็ใส่มุขมาด้วย บ้างก็เผากันวุ่นวาย เกือบจะจับใจความไม่ได้เลยทีเดียว แต่รวมๆแล้วผมว่าห้าที่มาเพิ่มนี้จะทำให้ยิมสนุกสนานขึ้นเป็นกอง หลังจากที่คุยกับน้องๆไปได้พักหนึ่งน้องๆคนอื่นก็เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ ส่วนมากพอเก็บของเสร็จแล้วก็เข้ามาจับกลุ่มคุยกันเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วระหว่างที่ผมกับน้องๆคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานนั้น โค้ช ก็มาครับ ทันทีที่โค้ชมาถึงหน้ายิมน้องๆก็หันไปไหว้กันตามมารยาท แต่ว่าสีหน้าของโค้ชที่มองมานั้นดูไม่ดีเลย จนโค้ชเดินเข้ามาในยิม โค้ชก็พูดว่า
“ทำไมไม่ไปวอร์มไปซ้อมของตัวเอง จับกลุ่มคุยกันแบบนี้ มันทำให้เก่งขึ้นไหม” โค้ชพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดสุดๆทำเอาวงสนทนาที่กำลังสนุกสนานเงียบกริบลงทันที ก่อนที่น้องๆจะเริ่มแยกย้ายกันไปวอร์มแบบ งงๆ เพราะจะว่าไปนี่ยังไม่ถึงเวลาซ้อมเลยด้วยซ้ำเพื่อนว่านที่มาวันแรกถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ผมเลยให้ว่านพาเพื่อนไปวอร์ม
“ว่านๆ เดี๋ยวพาเพื่อนไปวอร์ม สอนแล้วก็ดูเค้าด้วยว่าตรงไหนทำยังไง” ผมบอกว่าน
“ครับ” ว่านหันกลับมาตอบ
“โอ๊ย ไปสอนอะไรท่าวอร์ม แค่ทำตามก็พอแล้ว” เสียงโค้ชดังขึ้น ว่านหันมามองหน้าผมเหมือนจะถามว่าเอาไง
“ตามนั้นแหละ” ผมพูดกับว่านเบาๆพร้อมพยักหน้าให้รู้ว่าทำตามที่ผมบอกพอว่านเห็นว่านก็หันกลับมาพยักหน้าคืน
“เอ มานี่” พอน้องๆแยกย้ายกันวอร์มหมดโค้ชก็เรียกผม
“ห้าคนนั่นเด็กใหม่เหรอ” โค้ชถามขึ้น
“ครับ”“วันนี้พี่ไปสั่งอุปกรณ์คาราเต้แล้วนะ”“ครับ”“เห็นต้อมมันบอกว่าอุปกรณ์ของเรามันแพงเกิน มันให้พี่ไปดูอุปกรณ์ที่ร้านมีแทน”“ครับ”“พรุ่งนี้พี่จะไปดูที่ร้าน ไปด้วยกันไหม”“ไม่ครับผมมีเรียน”“เหรอ งั้นไม่เป็นไร” แล้วโค้ชก็เงียบไปผมเลยลุกออกไปดูแลน้อง วันนั้นโค้ชต้อนรับเด็กใหม่ได้โหดมาก สำหรับว่านอาจเด็กๆแต่กับเพื่อนว่านบางคนหน่ะซิครับ อย่างที่บอกไปหลายคนไม่เคยเล่นกีฬามาก่อนมาเจอแบบนี้ฟิวถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทีเดียวส่วนคนอื่นๆก็หอบเป็นหมาหอบแดดเลย หลังซ้อมเสร็จว่านก็เดินๆมานอนพิงผมเหมือนที่เคยทำ ส่วนเพื่อนๆของว่านก็นั่งอยู่รอบๆ ก่อนจะเปิดประเด็นคุยเรื่องฮากัน วันนั้นผมจำได้ว่าผมคุยถึงเรื่องพาดหัวข่าวข่าวหนึ่ง อืมมม ผมขอแปลงเนื้อหาเล็กน้อยแล้วกัน
“พวกเราเคยอ่านหัวข้อข่าวหนังสือพิมพ์ไหม” ผมถามน้องๆ
“เคยซิครับ เวลาผมไปแผงหนังสือ ผมต้องอ่านพาดหัวก่อน” ฟิวตอบกลับมา
“หนังสือโป๊ะล่ะซิเมิงอะ” ริวแซว
“บ้า อย่างกูไม่อ่านหรอกเว้ยหนังสือโป๊ะอะไรพวกนั้น กูโหลดเอาเลยดีกว่าไม่ต้องเสียเวลาอ่าน ฮ่าๆๆ” ฟิวตอบกลับมาพลางหัวเราะ
“หื่นจริงมึงเนี่ยะ” เกมพูดพลังเอามือไปตบหลังฟิว
“พวกเอ็งคุยเรื่องอะไรเกรงใจพวกเขาหน่อย” พลอยพูดขึ้น
“ช่าย ผู้หญิงนั่งอยู่ตรงนี้เห็นไหมเนี่ยะ” ส้มแถม
“อะไรๆ พวกเอ็งผู้หญิงด้วยเหรอ” ฟิวตอบกลับมา
“พี่เอ ต่อๆ” พลอยทักให้กลับเข้าเรื่อง
“ก็....เคยเห็นข่าวเดียวกันแต่คนละฉบับไหมล่ะ”“เคยๆ” น้องๆตอบพร้อมๆกัน
“เคยสังเกตไหมว่ามันลงเนื้อหาไม่ตรงกัน”“ใช่ๆ โดยเฉพาะข่าวการเมือง ผมอ่านทีไรมันยิ่งกว่าอ่านคินดะอิจิอีก” ฟิวพูดขึ้น
“ทำไมวะ ข่าวการเมืองมันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอ” เกมถาม
“เออ พวกมึงลองอ่านดู กูว่านักการเมืองแม่งลื่นยิ่งกว่าฆาตกรในนิยายอีกนะมึง” ฟิวตอบกลับ
“พวกเอ็งทำประมงเหรอ พาออกฝั่งทุกทีเลย” ก่อนที่ ฟิว กับ เกม จะพูดอะไรต่อ พลอยก็พูดขึ้นมา
“ช่าย พี่เอ ต่อๆ” ส้มพูดขึ้น
“ก็มันมีข่าวหนึ่งพี่ไปอ่านเจอ พี่เลยว่าจะถามพวกเราว่า เป็นพวกเราจะหยิบฉบับไหนขึ้นมาอ่านถ้ามันพาดหัวว่า....” ผมเว้นช่วงเพื่อดูว่าน้องๆสนใจที่จะฟังต่อแค่ไหน ปรากฏว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม แม้แต่ว่านเองก็ยังเยหน้าขึ้นมามอง
“ฉบับหนึ่งเขียนว่า แมวโคตรโหดตะปบเด็กชายดิ้นคากรง”“อีกฉบับล่ะพี่” ริวถามต่อทันที
“อีกฉบับก็เขียนว่า เด็กชายโชคร้ายถูกแมวข่วนบาดเจ็บ เป็นเรา เราจะอ่านฉบับไหน”“แมวโคตรโหดอะพี่” ส้มตอบ
“แมวโคตรโหด ฮ่าๆๆๆๆ” ว่านพลางระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่น
“หัวเราะอะไร” เกมถามว่าน
“หัวเราะแมวโคตรโหดไง แม่ง เขียนซะกูเห็นภาพแมวเลย ฮ่าๆๆๆ มีดิ้นด้วย ฮ่าๆๆ” ว่านตอบไป น้องๆอีกห้าคนฟังดังนั้นก็จินตนาการตามทันทีก่อนจะพากันหัวเราะตามจนน้องๆในยิมคนอื่นหันมามอง
แล้วการสนทนาก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนน้องๆทยอยกลับกันหมดเหลือแค่ผมกับว่านสองคน พอเดินปิดไฟหมดผมก็สังเกตว่าวันนี้แสงจันทร์สว่างมาก ผมเลยเดินไปที่ริมหน้าต่างที่ผมชอบมายืนอยู่ประจำ วันนี้พระจันทร์เต็มดวงครับ สวยมาก ท้องฟ้าโปร่งสุดๆเห็นดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด
“จะแปลงร่างเหรอพี่” ว่านถามขึ้นก่อนที่จะเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆผม
“พระจันทร์สวยเน๊าะ”“วันนี้จันทร์เต็มดวงด้วย” พอว่านพูดจบผมก็เอามือไปวางบนมือว่านแล้วกุมไว้หลวมๆ
“เมื่อก่อนเห็นพี่กับบีชอบมานั่งกันตรงนี้ มามองดาวกันเหรอพี่”“อืมม มานั่งดูดาว นั่งดูท้องฟ้า มารับลมเย็นๆ”“....” ว่านไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“อยู่บ้านคนเดียวทุกวันเหงาบ้างม๊ะ” ผมถามว่าน
“ชินแล้ว” ว่านตอบกลับมา
“เหรอ”“ครับ” พอว่านพูดจบผมก็หันมาเอามือลูบหัวว่านเบาๆว่านยืนนิ่งให้ผมลูบอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งก่อนจะหันมางับแขนผมเข้าให้หนึ่งดอกผมเลยงอแขนดึงตัวว่านเข้าหาตัวผมแล้วกอดว่านไว้ ว่านค่อยๆคลายแรงกัดลง ผมก้มลงช้าๆก่อนที่จะไปหยุดตรงคอว่าน ผมจูบลงไปเบาๆ ตอนนี้ว่านคลายแรงที่กัดแขนผมไว้จนหมด ผมเลื่อนมือไปลูบริมฝีปากว่านเบาๆ โดยที่ปากผมยังแนบชิดกับคอของว่านอยู่ผมหายใจรถต้นคอน้องอยู่อย่างนั้น หัวใจว่านเริ่มเต้นแรงขึ้นจนผมรู้สึกได้ ผมค่อยๆกอดว่านแน่นขึ้น มืออีกข้างผมลูบที่อกของว่านเหมือนที่เคยทำกับบี....ผมคิดถึงบีจัง........แต่..อ๊ะ!! นี่ผมทำอะไรอยู่......ที่ผมกอดอยู่นี่ไม่ใช่บีนี่นา ผมค่อยๆคลายมือออกมาจากตัวว่านช้าๆ พอผมปล่อยมือออกว่านก็หันมามองผม...มือขวาผมยังคงจับบ่าซ้ายของว่านไว้อยู่ ผมไม่รู้ว่าสายตาแบบนั้นของว่านมันสื่อว่าอะไร ว่านคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่ขัดขืนล่ะ แล้วนี่ผมทำอะไรอยู่ ว่านยืนยิ่งไม่พูดอะไร บรรยากาศตอนนี้มันเงียบไปแล้ว....
“หิวอะไรไหม” ผมถามว่าน
“คะ...ครับ” ว่านตอบกลับมาเหมือนตกใจกับคำถามของผม
“ทานก๋วยเตี๋ยวกัน”“ได้ครับ” วันนั้นตอนทานก๋วยเตี๋ยวผมไมได้คุยอะไรกับว่านเลย ว่านเองก็แค่หันมายิ้มๆไม่ได้พูดอะไร ตอนไปส่งว่านผมก็แค่จับมือว่านไว้เหมือนเคยตลอดทางไม่มีเสียงสนทนาอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่รู้ซิครับ ผมไม่ชอบที่มันเงียบแบบนี้ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง จนกระทั่งมาถึงบ้านว่าน พอว่านลงจากรถว่านก็หันมายิ้มๆ
“ว่าน” จู่ๆผมก็เรียกว่านทั้งๆที่ไม่มีเรื่องอะไรเลย
“ครับ” ว่านหันกลับมา
“เอ่อ....” ให้ตายซิผมเรียกน้องทำไมกันเนี่ยะ
“ขอเมลล์หน่อยซิ”“อ่อครับ พี่มีประดาษไหม”“มะ...ไม่มี...เอางี้ส่ง SMS มาแล้วกัน”“ได้ครับ”“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน”“ครับผม”To Be Con