บัลลังก์รักใต้เงาแค้น
บทที่ 9.2
"เจ้าฟ้า...”
“อาทิตย์ เราคืออาทิตย์ของเจ้า”
ทรงแก้ไขคำพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พระหัตถ์ที่วางแนบอยู่เหนือบั้นเอวขยับรั้งโกมุทให้ยิ่งใกล้ชิดจนรับรู้ถึง
ลมหายใจอุ่นๆ
“ปล่อยหม่อมฉันเถิด”
โกมุทเอ่ยเตือนด้วยหัวใจหวิวไหว อ้อมกอดของหลานชายที่เป็นถึงเจ้าฟ้าในคราวนี้ช่างแตกต่างจากการกอด
รัดในวัยเยาว์ ความรู้สึกดังกล่าวกำลังทำให้เลือดในกายชายหนุ่มวิ่งพล่านไปมา
“เจ้าเบื่ออ้อมกอดของเราเสียแล้วหรือท่านน้า”
หยอกเย้าอยู่ใกล้ๆใบหูจนใบหน้าเนียนของโกมุทแดงก่ำอย่างยากจากจะหักห้าม มือเรียวที่วางแนบอยู่ตรง
พระอังสากว้างออกแรงผลักทั้งที่รู้ว่าไม่อาจสะเทือนแม้แต่น้อย
“ทรงรู้อยู่แล้วว่าอะไรคือความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมนะพะย่ะค่ะ หากมีผู้ใดมาพบเห็นจะเสื่อมเสีย
เกียรติยศของพระองค์ได้ อุ๊บ!”
คำตักเตือนพลันหายไปทันทีเมื่อกลีบปากช่างต่อว่าถูกอีกฝ่ายปิดมันลง โกมุทยืนตัวแข็งอยู่ในอ้อมกอด
ราวกับวิญญาณกำลังจะหลุดลอยออกจากร่างเมื่อเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์กำลังจูบเขาอย่างหนักหน่วง ดวงตาเรียวดังเนื้อทราย
เบิกกว้างก่อนจะค่อยๆปรือปิดลงด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังถูกชักจูงให้คล้อยตาม ร่างกายที่ฝืนหนีก็กลับโอนอ่อนและ
เผลอไผลบดเบียดแนบชิดโดยที่โกมุทไม่รู้ตัว
เป็นนานกว่าเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์จะยอมคืนอิสระให้เรียวปากอิ่มที่ถูกจูบจนสั่นสะท้าน ดวงตาสองคู่ประสานสบ
กันอย่างค้นคว้าและหวามไหว
“เลิกใช้ความเหมาะสมมาห้ามเราเสียทีโกมุท เราเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่อยากอยู่ใกล้คนที่เรารักก็แค่
นั้น”
รักงั้นหรือ
โกมุทตะลึงไปกับดำรัสของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ ดวงตางามที่ช้อนมองปะปนกันไปทั้งความตกใจสงสัยและหวั่น
ไหวกับคำพูดของชายสูงศักดิ์ที่เป็นหลานแท้ๆของตน เขาฝืนยิ้มออกมาอย่างยากเย็น
“น้าหลานก็ต้องรักกันอยู่แล้ว”
เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงกัดพระโอษฐ์อย่างขัดพระทัย พระหัตถ์เลื่อนยกมาบีบที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของโกมุท
และเขย่าจนศีรษะสั่นคลอน
“เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกปฏิเสธความจริงเสียที เมื่อไหร่ที่เจ้าจะรู้สักทีว่าเราเลิกมองเจ้าเป็นน้าของเรานานแล้ว หือ
โกมุท”
“อาทิตย์”
น้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบจับใจความไม่ได้เมื่อได้ยินความจริงจากโอษฐ์ของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ หัวใจของ
โกมุทเต้นเร็วและแรงจนเกือบจะกระเด็นมานอกทรวงอก มือเรียวที่วางแนบอยู่บนอังสากว้างบีบกระชับอย่างไม่รู้ตัวเรียก
ร้องให้เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงก้มพักตร์ลงไปแนบชิดจุมพิตอีกครั้ง
จุมพิตยิ่งอ่อนหวานจนโกมุทแทบละลายลงไปกองกับพื้น ลิ้นเล็กที่พลิกหนีในคราแรกบัดนี้ตวัดตอบโต้เรียก
เสียงพึมพำอย่างถูกพระทัยและแปรเปลี่ยนจูบหวานให้กลับทวีความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ โกมุทหลับตาพริ้มพลางยกแขนขึ้น
คล้องพระศอแล้วโอบรัดเข้าหา มันทำให้เจ้าฟ้าอาทิตยวงส์หมดความยับยั้งชั่งใจลงทันที
ทรงช้อนพระหัตถ์ตวัดเข้าใต้เข่าของพระมาตุลาแล้วอุ้มจนร่างโปร่งบางลอยขึ้นเหนือพื้นอย่างง่ายดาย เจ้าฟ้า
อาทิตยวงศ์ที่ยังจุมพิตร้อนแรงพาโกมุทเข้าไปในบังตาด้านในที่มีเพียงแท่นพระบรรทมเล็กตั้งอยู่ ทรงวางร่างนุ่มลงไป
ก่อนจะขยับวรกายขึ้นเอนนอนทาบทับ พระหัตถ์ซุกซนดึงเครื่องแต่งกายออกไปจนเหลือเพียงกายเปล่าเปลือยเบียดแนบ
ซึ่งกันจนอุ่นร้อน
“งามเหลือเกิน น้าของเรา”
สุรเสียงยั่วเย้าวาบหวามเมื่อทรงสละเรียวปากอิ่มเพื่อทอดพระเนตรเรือนร่างงดงามที่ทอดกายอยู่เบื้องล่าง
ร่างสูงโปร่งขาวผ่องเนียนนุ่มน่าสัมผัสไปทุกสัดส่วน ใบหน้าแดงเรื่อด้วยเลือดลมสูบฉีดพลางหลบตาต่ำอย่างขัดเขินแต่ก็
ไม่ได้ขัดขวางอีกต่อไปเมื่อเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์จะไล่แตะต้องไปตามเนื้อนุ่มจนแม้แต่จะวางพระหัตถ์แนบไปกับแก่นกาย
งดงามพอเหมาะของเขาและนวดเฟ้นปลุกเร้าให้เขาตื่นขึ้นมาอยู่ในอุ้งหัตถ์ร้อน โอษฐ์ชื้นแตะไล้อยู่ตรงซอกคอก่อนจะ
เลื่อนกายลงมาครอบครองยอดอกสีชมพูสวยที่เต่งตูมยวนยั่ว มาถึงตอนนี้โกมุทก็ถึงกับบิดกายพล่านอยู่บนแท่นบรรทม
“อาทิตย์ อา... พระองค์กำลังจะฆ่าหม่อมฉัน”
น้ำเสียงสั่นพร่าตัดพ้อระคนเสียงครางหวานผะแผ่ว ดวงตาเรียวปรือฉ่ำพลางกัดปากแดงก่ำด้วยไฟแห่ง
อารมณ์ที่ทะยานขึ้นมา สองแขนโอบรัดรอบพระศอกดลงต่ำเพื่อให้วรกายหนั่นแน่นยิ่งเบียดรัดและไม่เลิกวอแวกับเม็ด
เล็กเหนือทรวงอกที่แข็งขันชูชันรอรับปลายชิวหา โกมุทกำลังทรมานไปกับความต้องการจนต้องชันขาขึ้นมาเปิดทางให้
เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เบียดร่างสัมผัสช่องว่าง
เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์เองก็กำลังกระเจิดกระเจิงไปกับความต้องการจนยากจะหยุดยั้ง พระชิวหากวาดไล่ดอมดม
ไปทั่วทั้งลำตัวของโกมุท ความกระหายกำลังพุ่งสูงจนปวดหนึบไปทั่วพระนาภี
“จงเป็นของเราเถิดนะโกมุท”
ตรัสจบประโยคพลันดันกายสอดแทรกเข้าใส่ คราแรกโกมุทถึงกับเกร็งกายรับความเจ็บปวดที่ถูกชำแรก
เข้าหา เสียงร้องดังลอดออกมาจนเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ต้องทรงจูบปลอบขวัญ
“อย่ากลัวอย่างเกร็งนะคนดี เรารักเจ้าโกมุท เราจะไม่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวด”
พรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อก่อนจะหยุดที่ริมฝีปาก เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงดึงความสนใจด้วยลิ้นที่ตวัดเกี่ยว
อยู่ในโพรงปากและค่อยๆดันกายเข้าไปช้าๆ เสียงร้องของความเจ็บปวดเริ่มห่างหายกลับกลายเป็นเสียงหอบหายใจ
กระเส่ายามที่พระองค์ขับเคลื่อนอยู่บนร่างกายนุ่มมือใต้ล่าง
“อา อึก อาทิตย์ ลึกไปแล้ว”
ร้องท้วงเมื่อทรงดันกายเข้าไปจนสุดทาง ความคับแน่นที่แสนบริสุทธิ์กำลังทำให้พระองค์หน้ามืดจนอยากจะ
เร่งเร้าให้มากกว่านี้ หากแต่เป็นเพราะไม่อยากให้โกมุทบอบช้ำจึงต้องห้ามใจเพื่อให้โกมุทได้ปรับตัวจนกระทั้งความฉ่ำ
ชื้นของช่องทางหลั่งรินออกมาช่วงลดความเจ็บปวด เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์จึงได้ยันกายขึ้นมองโกมุทอย่างพอพระทัย
“ขึ้นสวรรค์กับเรานะโกมุท”
ขับเคลื่อนเลื่อนเอวเข้าออกอยู่ภายในร่างกายที่แอ่นรับสอดประสานกันอย่างลงตัว โกมุทขยับเอวเปิดทาง
กว้างพลางรับแรงกระแทกเร่าร้อนด้วยความยินดี เสียงลมหายใจหอบสะท้านซ่านหัวใจเมื่อเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์กำลังกำนัล
เขาให้ลุ่มหลงไปกับไฟรักก่อนจะพากันเกร็งกายเมื่อจูงมือกันไปสู่แดนสวรรค์
“หายเจ็บหรือยังท่านน้า”
เสียงหยอกล้อพร้อมกับสายพระเนตรฉ่ำหวานที่จ้องมองทำให้โกมุทถึงกับขัดเขินจนต้องใช้ปลายนิ้วหยิกเบาๆ
ไปบนหน้าท้องแข็งแกร่งของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ที่ตะแคงกายนอนอยู่เคียงข้างบนแท่นพระบรรทมเล็กในที่พักท่ามกลาง
สงครามแย่งชิงเขตแดน โกมุทกัดริมฝีปากหักห้ามความอายเมื่อถูกกอดรัดไปทั้งตัว
“หม่อมฉันไม่มีหลานดื้อๆอย่างนี้หรอกพะย่ะค่ะ”
เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์แสร้งร้องสูดโอษฐ์ราวกับเจ็บปวดเสียเต็มประดากับปลายนิ้วที่หยิกเนื้อลงมา พระองค์แย้ม
สรวลเมื่อเห็นโกมุทยิ่งย่นหน้างอง้ำเมื่อถูกหยอกล้อ
“ใช่ เจ้าไม่มีหลานดื้อๆอย่างเราหรอก เพราะเจ้ามีแต่สวามี...”
“พูดมากจริงเชียว”
ยกมือปิดโอษฐ์ให้หยุดเสียง แต่กลับถูกดึงไปพรมจูบทั่วฝ่ามือเรียวอย่างหลงใหล เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงทอด
พระเนตรโกมุทจริงจังยิ่งขึ้น
“ขอโทษนะโกมุท ที่เราต้องบอกรักเจ้าอยู่บนเตียงเล็กๆแข็งๆและร้อนอบอ้าวเช่นนี้ ทั้งที่เราอยากจะให้เจ้ามี
ความสุขอยู่บนเตียงนุ่มมากกว่า”
โกมุทช้อนสายตามองเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ด้วยความรักและภักดี
“เท่านี้ก็ดีแล้วพะย่ะค่ะ หม่อมฉันอยากให้พระองค์มีความสุข”
“เจ้าช่างใจเย็นเหมือนชื่อของเจ้า โกมุทแปลว่าเกิดจากน้ำซึ่งมันก็คือดอกบัวใช่ไหม”
ทรงตระกองกอดร่างนุ่มไว้กับอกเมื่อทรงยอมรับแล้วว่ารักคนที่นอนเคียงข้างมากแค่ไหน โกมุทเองก็มองตอบ
อย่างเทิดทูน
“ดอกบัวเกิดแต่ตม หากแต่มันกลับรักแสงแดดจากดวงอาทิตย์ยิ่งชีพ หากวันไหนไร้แสงวันนั้นดอกบัวก็จะ
เหี่ยวเฉาและตายอย่างไร้คุณค่าพะย่ะค่ะ”
มือนุ่มที่จับแต่กองหนังสือตำราเป็นหลักยกขึ้นมาลูบพระพักตร์คมของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ สายตาที่จับจ้องบอก
ถึงความรักและภักดีแม้แต่ยอมทอดกายให้พระองค์ในสนามรบเช่นยามนั้น
“ไม่มีวันที่เราจะทอดทิ้งเจ้า โกมุท”
ทรงถอดธำมรงค์วงเล็กออกจากข้อนิ้วพระหัตถ์ ธำมรงค์ที่มีเพชรงามประดับอยู่บนยอดอวดแสงสวย เจ้าฟ้า
อาทิตยวงศ์ทรงดึงมือเรียวของโกมุทแล้วบรรจงสอดแหวนเข้ากับนิ้วนางของโกมุทได้อย่างพอดีจนน่าแปลกใจ
“โกมุท เรารักเจ้า”
ดึงมือเรียวมาจูบแล้วไล่พรมขึ้นไปก่อนจะพาโกมุทไปสู่สวรรค์อีกครา
โปรดติดตามตอนต่อไป