Wish 18 END
ผมกลับบ้านโดยมีหมอมาวินเป็นคนมาส่ง เดี๋ยวก่อนครับ ไม่ใช่ว่าเรากลับบ้านด้วยกันเป็นประจำอะไรแบบนั้น แต่วันนี้มีฉลองกินเลี้ยงกันนิดหน่อยในโรงพยาบาล ไม่ได้เป็นเลี้ยงอะไรพิเศษแต่เป็นกินเพราะอยากกินนั่นแหละครับ คนอยากกินอะไรก็ห้ามไม่ได้
แน่นอนว่าไม่มีเครื่องดื่มมึนเมาในงานกันแน่นอน คุณหมอมาวินเห็นว่าดึกแล้วเลยอาสามาส่งผมที่บ้าน ซึ่งผมก็ไม่มีเหตุจะปฏิเสธอะไรนี่นา
ทว่าพอมาถึงหน้าบ้านก็เกิดความโกลาหลเล็กๆ เพราะหน้าบ้านผมมีรถยนต์จอดอยู่คันหนึ่ง รูปทรงคล้ายๆ กับของมาวินเลยแฮะ ใจของผมกระตุกแทบจะพุ่งลงไป
คริส เป็นเขาใช่มั้ย
ประกายนัยน์ตาของผมคงปิดไว้ไม่มิด หมอมาวินเหมือนจะเข้าใจ เขาไม่พูดอะไรสักคำนอกจากบอกให้ผมกลับเข้าบ้านดีๆ แล้วเขาก็ขับรถออกไปเงียบๆ แบบนั้น
รู้สึกผิดยังไงไม่รู้
ผมเดินเข้าบ้านด้วยใจที่ห่อเหี่ยวเล็กน้อย เหมือนทำร้ายหมอมาวินโดยไม่ตั้งใจ ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นเลย ผมเห็นไฟกลางบ้านยังสว่าง
“กลับมาแล้วเหรอธัน”
“ครับ”
“แล้วนี่กลับมายังไง แม่เหมือนได้ยินเสียงรถ”
แม่ตั้งใจจะให้ผมลำบากใจใช่มั้ยเนี่ย “เอ่อ..หมอวินอะครับ”
“ไม่เชิญหมอวินเข้าบ้านมาด้วยล่ะ”
“ดึกแล้ว เกรงใจเขาแม่”
แม่ไม่เซ้าซี้อะไรต่อ แม่เปลี่ยนเรื่อง “คริสมารอลูกตั้งแต่เย็นแน่ะ” ผมมองเจ้าของชื่อที่นั่งอยู่ ใบหน้าของเขาดูอ่อนเพลีย เป็นอะไรหรือเปล่า
“ครับ”
“คริสมีเรื่องจะคุยกับธัน แม่เลยบอกให้ไปคุยกันที่คอนโดคริสแล้วกัน” ผมฟังคำพูดแบบแล้วอยากจะร้องออกมา วอท!?ทำไมถึงส่งผมเข้าปากคริสง่ายๆ แบบนั้น
นี่ลูกทั้งคนนะครับ
“เอางั้นเลยเหรอครับ”
“จ้ะ ตอนที่รอธันกลับ แม่เลยเก็บของให้ลูกเสร็จแล้ว” ผมต้องทำยังไง กระโดดโลดเต้นที่แม่เต็มใจยกผมให้คริสใช่มั้ยเนี่ย
“เหมือนแม่ไล่ผมเลยอะ” ผมโอดครวญ
“เปล่าเลย ไม่มีเลยนะ” แม่พูดจบก็ยิ้มแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอนผม ตอนที่กลับออกมาก็มีกระเป๋าติดมือออกมาด้วย มันเป็นเวลาแค่ไม่นาน ผมกับคริสเลยยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน
นอกจากมองกันไป มองกันมา
“ห้องไม่มีกลิ่นอับเลยแฮะ” ผมเดินตามคริสเข้ามาในห้องพักของเขาที่คอนโด แปลกใจที่ไม่มีคนอยู่ แต่ทำไมดูสะอาดจัง
“ฉันให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดเมื่อวันก่อน”
“อ่อ”
“เอาของไปเก็บก่อน แล้วนายอยากคุยหรืออยากนอน?” คริสไม่เร่งรัด เหมือนเขาไม่ค่อยทุกข์ร้อนอะไร
ผมสังหรณ์ใจแปลกๆ เขากำลังถ่วงเวลาอะไรหรือเปล่า
“หน้านายดูเหนื่อยๆ พักก่อนก็ดี” ผมเข้าไปใกล้เขา พลางยกมือจับใบหน้าเขา คริสหลับตาลงนิ่ง ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ถอยหนี
“ยังนอนไม่หลับอยู่มั้ย” ผมถาม เขาไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้า
ผมเลยก้าวเข้าไปใกล้และกอดเขาไว้ทั้งตัว ไม่รู้ช่วงที่เขาหายไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“กินอะไรมาหรือยัง”
“แม่นายทำให้กินแล้ว” แม่ผมนี่ช่างเอาใจคริสเสียจริง
“งั้นนายไปอาบน้ำก่อน” ผมไล่เขาไป เจ้าของห้องก็ไม่ขัดขืนหายเข้าไปในห้องนอนแต่โดยดี
ว่าง่ายเกินไป?
ผมตามเขาเข้าไปในห้องนอนทีหลัง ระหว่างที่กำลังแขวนเสื้อผ้าและของใช้ออกมาวาง คริสก็ออกมาพอดี
“ห้องน้ำว่างแล้ว” เขาบอกอย่างไม่จำเป็น ผมยิ้มให้แล้วจะเปลี่ยนเข้าไปในนั้นบ้าง แต่ผมยังรู้สึกถึงความผิดปกติอยู่ดี
“คริส”
“ว่าไง” เขาตอบเดินไปหยิบเสื้อมาสวมตรงตู้เสื้อผ้า
“ที่หมอวินมาส่งวันนี้”
“...”
“ไม่มีอะไรจริงๆ นะ พอดีมีเลี้ยงที่โรงบาล ดึกแล้ว หมอเลยมาส่งแค่นั้น”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
“นายอย่างอนสิ เรื่องหมอวินอะ ฉันคุยกับเขา เคลียร์กันแล้ว ไม่มีอะไรจริงๆ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ฉันรู้ว่านายไม่ทำอะไรลับหลังฉันหรอก แต่ก็อดหึงไม่ได้”
“เลิกหึงได้แล้ว”
“อืม”
กลับออกมาอีกครั้ง ผมก็เห็นเขาหลับสนิท เข้าเฝ้าพระอินทร์ไปแล้ว
ไหนว่านอนไม่ค่อยหลับไง?
เช้าวันเสาร์ผมตื่นขึ้นมาแปลกใจกับห้องที่ไม่คุ้นเคย ดึงสติกลับมาสักพักจึงนึกออกว่าเมื่อคืนนี้ผมมาค้างที่ห้องคริส โดยมีผู้สนับสนุนอย่างแม่ผมในการยกผมใส่ถุงหิ้วแล้วให้คริสหิ้วขึ้นรถมาอย่างง่ายๆ ไม่ต้องออกแรง
เมื่อคืนนี้คริสหลับไปอย่างรวดเร็ว เราจึงไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกัน
ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว “ตื่นนานแล้วเหรอ” ผมเลยถามเขา จะปล่อยให้บรรยากาศมันเงียบๆ ก็ดูอึดอัด
“สักพัก”
“เป็นไงบ้าง”
“ก็ดี ได้กลับบ้านเสียที”
“นายไม่ได้กลับบ้านเหรอ?” ผมไม่เข้าใจ ก็ไหนว่าเขากลับบ้านไง
“ฉันหมายถึงบ้านที่มีนาย”
“เพี้ยนอะไรแต่เช้า”
“ขอกอดหน่อย” จู่ๆ คริสก็พูดขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง
“ฉันว่าเช้านี้นายเพี้ยนจริงๆ”
“เร็ว ขอกอดหน่อย” คงไม่ทันใจเขา ผมรู้สึกถึงแรงดึงรั้งจากเขามากผิดปกติ
“หายใจไม่ออก ปล่อยก่อน” จมูกของผมจมกับหน้าอกเขา เดี๋ยวก่อน ผมยังไม่อยากตาย
“ไม่ปล่อย”
“รู้มั้ยว่าคิดถึง”
“ถ้าคิดถึงแล้วหายหัวไปไหนมาเป็นเดือน” ผมไม่อยากจะด่าหรอกนะ แต่ดันพูดออกไปแล้ว
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ ทำให้ผมยิ่งหมั่นไส้
“คิดถึงฉันบ้างมั้ย” คริสมาถามอะไรแบบนี้
“อะไรของนาย” ผมเลี่ยงไม่ตอบ
“ตอบหน่อยเร็ว” เขาเร่งอีก
“เออ คิดถึงดิ นายเล่นเงียบไป ไม่ติดต่อมาเลย ฉันเองก็ไม่กล้าติดต่อไปกลัวจะมีปัญหา”
“ฉันไปอเมริกามา”
“หืม? ไปทำไม”
“อืม แม่ลากไปหาปู่กับย่า”
“เพื่ออะไร” ผมสงสัย หรือว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
“ดูนี่สิ” เขาปล่อยแขนแล้วไปค้นอะไรกุกกักตรงกระเป๋าสตางค์แล้วส่งการ์ดสี่เหลี่ยมมาให้
“อะไร” เป็นความเคยชินอะครับ ถึงจะรับมันมาแล้วก็อดถามไม่ได้อยู่
พอเอามาดูจึงเห็นว่าไอ้การ์ดสี่เหลี่ยมนั่นน่ะ มันเป็นใบขับขี่ของคริส “เอามาให้ดูทำไมล่ะ” ผมยังไม่เข้าใจ
“ดูนามสกุลสิ”
“เฮ้ย” ผมตาโตกับนามสกุลของเขา มันไม่ใช่นามสกุลพ่ออีกต่อไป แต่เป็นนามสกุลใครนั้นผมก็ไม่อาจทราบได้
“นามสกุลแม่ฉันเอง” คริสเฉลย
“ต้องขนาดนี้เลยเหรอ”
“อืม ฉันถูกไล่ออกจากตระกูลแล้วนะ นายต้องเลี้ยงดูฉันด้วย” คริสว่าพลางหยิบบัตรออกจากมือผมและเอามันไปวางที่เดิม
“เวอร์ไป ถ้าถูกไล่ออกจากตระกูล แม่นายไม่น่าจะยอมให้ใช้นามสกุลเก่าตัวเองหรอก”
“งั้นเหรอ” เขายังหัวเราะอยู่นั่นเอง ผมคิดว่านี่มันค่อนข้างเป็นเรื่องซีเรียสเลยนะ
“นายหายไปทำอะไรมาบ้าง”
“ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อมา ฉันไม่อยากให้นายมาคอยกังวลในแต่ละเสต็ปที่ฉันจะทำ เลย
อยากให้รู้เรื่องทีเดียว”
“อืม ฉันรอเก่งน่า”
“ฉันรู้” เขาจูบผมทีหนึ่ง เกือบทำให้สติของผมกระเจิง ผมต้องผลักเขาออกก่อน ไม่งั้นเรื่องที่จะคุยคงไม่จบ คุยกับ คริสทีไรไม่ค่อยได้เรื่องทุกที
“หลังจากที่ฉันไปส่งนายที่บ้านก็กลับบ้านเช่นกัน ฉันบอกพ่อกับแม่ตรงๆ เรื่องนาย และคิดว่ามันถึงเวลาที่ฉันจะทำอะไรตามใจตัวเองเสียที”
“คุณน้าไม่ตกใจแย่เหรอ”
“นิดหน่อย แต่ฉันมีแบ็คดี พี่ๆ น่ะ เขาสองคนช่วยฉันพูดจนแม่เริ่มใจอ่อน แต่ท่านก็ยังห่วงหน้าตาอยู่ดี เลยให้ฉันไปเปลี่ยนนามสกุล ไม่อยากให้ทางบ้านพ่อมีประวัติอะไรแบบนี้”
“มันเกี่ยวเหรอ” ผมว่าคนนอกก็รู้อยู่ดีว่ามีลูกอย่างคริสอยู่ดี
“ฉันบอกท่านแล้ว แต่แม่เขาอยากสบายใจก็ช่างเถอะ ให้เขาทำไป”
“อืม”
“จริงๆ แม่ก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วล่ะ เขารอว่าฉันจะเข้าไปพูดเมื่อไหร่”
“รู้ได้ไง”
“ตั้งแต่ที่ฉันไม่ยอมเป็นทูตเหมือนพ่อ ทะเลาะกันบ้านแตกคราวนั้น แม่ก็พอจะเดาเรื่องออกได้แล้ว”
“ลำบากนายแย่เลย” ผมบอกเขาด้วยความเป็นห่วง เพราะผมมีแม่ที่เข้าใจผมตลอดเวลา
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้ามันจะทำให้นายกลับมาได้ ฉันก็พร้อมลุย”
“ทำตัวเป็นเด็ก” ผมดุเขา แต่ไม่ค่อยจริงจังอะไรหรอก เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น
“ตกลงว่าแม่ของนาย ยอมรับเรื่องของเราหรือยัง” ผมกลั้นใจถาม เพราะนี่คือใจความหลักของผมและคริสแล้ว
คริสยิ้มบาง เขาส่ายหน้า คำตอบนั้นทำให้ผมใจแป้ว
“แม่ไม่ยอมรับ แต่ไม่ได้ห้ามแล้ว”
“อ่า”
“นายจะโอเคหรือเปล่า”
“ยังไง” ผมถามความหมายจากเขาให้เพิ่มมากขึ้น
“แปลว่านายจะไม่มีตัวตนในบ้านของฉันไง” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำใจยากใช่มั้ย ฉันไม่โทษนายเลยถ้านายจะไม่อยู่กับฉัน” เขาพูดต่อเสียงเศร้า
“ฉันกลับบ้านก่อนได้มั้ย” ผมบอกเขา และลุกขึ้นนั่ง เหวี่ยงขาลงจากเตียง ทำให้ตอนนี้ผมนั่งหันหลังให้เขา
ผมได้ยินเสียงสะบัดผ้าห่มและแรงกอดจากด้านหลังที่ตามมา “ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันทำเต็มที่แล้ว แต่ทำได้แค่นี้ ฉันมันดีแต่ปาก” คริสกล่าวโทษตัวเอง เขาเองก็เจ็บปวดที่ทำตามอย่างที่พูดไม่ได้
“นายได้ฉันแล้วนะคริส พูดแบบนี้ตั้งใจจะให้ฉันโกรธจนทิ้งนายไปใช่มั้ย”
ผมคิดว่าเขาน่าจะงงกับคำพูดผมแหละ “ฉันพูดความจริง แล้วฉันก็ไม่ได้อยากทิ้งนายด้วย”
ผมพยายามกลั้นหัวเราะ จนไหล่ไหว เขาเลยจับผมให้หันกลับไปหาเขา “หัวเราะ?”
“อืม ใช่”
“นายแกล้งเหรอ?”
“อืม” ผมยังหัวเราะไม่หยุด ก่อนพยายามข่มความรู้สึกนั้นไว้ “เรื่องที่นายบอกฉัน เอาจริงๆ
นะมันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากอะ”
“ฉันเข้าใจ”
“แต่ฉันรอนายมากี่ปีแล้ว สุดท้ายก็ยังต้องเลิกกันอยู่ดี ถ้าแบบนั้นเราจะกลับมาคุยกันทำไม จริงมั้ย เพราะถ้าฉันต้องเลิกกับนายอีกครั้ง ฉันไม่รู้ตัวเองจะทนไหวหรือเปล่า” ผมบอกเขาจากใจ
“หมายความว่า”
“ต่อให้แม่นายไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ฉันโอเค ขอแค่เขาไม่ห้ามเราคบกันหรือทำร้ายจิตใจนายก็พอ”
“ธัน...”
“อย่างน้อยฉันก็มีแม่ที่เข้าใจฉันทุกอย่าง ฉันพอใจแล้วล่ะ”
“ฉันดีใจ ดีใจมาก” เขากอดผมแน่นมาก ด้วยความดีใจของเขานั่นแหละ
“เจ็บๆ เบาหน่อย” ผมบอก ให้เขาคลายแรงลงบ้าง
“ขอบคุณนะ ขอบคุณนายมาก”
“ฉันก็ขอบคุณนายที่ทำอะไรเพื่อฉันเช่นกัน”
และเราจูบกันเหมือนเป็นคำสัญญาว่าเราจะจับมือกัน เดินเคียงข้างกันแบบนี้ตลอดไป และเพราะห่างกันเป็นเดือน มันก็ต้องมีเลยเถิดบ้าง ผมจะไม่เล่าให้คุณฟังหรอกว่า เลยเถิดไปถึงขั้นไหน แค่จะลุกนั่งให้ได้ ในตอนนี้ผมยังไม่มีแรงเลย
“คริส เมื่อวานนายบอกว่ายังนอนไม่ค่อยหลับใช่มั้ย” ผมถามทั้งที่ผมยังนอนคว่ำด้วยความเหนื่อยล้า แต่เพราะนึกขึ้นได้มากะทันหันจึงต้องรีบถามก่อนจะลืมไปเสียก่อน
“ใช่”
“แต่เมื่อวานฉันออกมาจากในห้องน้ำ นายก็หลับแล้ว”
“นั่นสิ อาจจะเพราะนายอยู่ตรงนี้แล้วมั้ง”
“ฉันก็ดีใจที่มีนายอยู่ตรงนี้เหมือนกัน”
จบ
=============================
จบแล้วค่ะ
จบแล้วจริงๆ อยากให้จบในโมเมนท์แบบนี้
อาจจะดูห้วนไป
แต่ความรักทั้งคู่ถึงปลายทาง ณ ห้องนี้แล้วค่ะ
เขาสองคนแค่ขอกลับมารักกัน
เรื่องหลักเรื่องอื่นก็เป็นเรื่องรอง
เขมขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก
จุดเริ่มต้น คือตอนนั้นอารมณ์หม่นหมองเลยอยากเขียนอะไรแบบนี้ขึ้นมา
ขอบคุณค่ะ
ติดตามเรื่องใหม่ของเขมได้
ภาคต่อของความรัก
Tag #WishingYou ค่า
ติดตาม พูดคุย กันได้เลยค่ะ
ทวิตเตอร์
https://twitter.com/khemmakanเฟซบุ๊ค
https://www.facebook.com/akanae14/[/size]