ตอนที่ 21 : ถึงเวลา“อะไรนะครับ!!” มีคุณหันไปมองหน้าภูริชก่อนหันกลับมามองคุณภารวีอีกครั้ง
“ห้องน้ำในห้องภูมิน้ำรั่วนี่แม่เลยต้องปิดไว้ ช่างที่ไว้ใจได้เขาว่างเข้ามาทำให้อาทิตย์หน้าเลยต้องรอ”
“ครับ” มีคุณกำลังลำดับเรื่องราวอยู่ในหัว สายตาเหลือบไปมองชโนทัยที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างไม่ไว้วางใจ
“แล้วก็อย่างที่แม่บอกต้องขอรบกวนคุนนิดหนึ่ง ขอย้ายพี่ภูมิมาอยู่ห้องเดียวกันชั่วคราว”
“คือ..” มีคุณอยากบอกว่าห้องพักแขกยังเหลืออีกหลายห้อง แต่เขาไม่ใช่เจ้าของบ้านจะแย้งก็ลำบาก
“เดี๋ยวเสาร์นี้พี่วาดกับคุณวรรณจะมาพักด้วย แม่เลยให้คนจัดห้องพักแขกไว้ให้ คิดไปคิดมาห้องของคุนกว้างขวางเพราะแม่เตรียมไว้เผื่อหลานแฝดโตน่าจะพอให้ภูมิเข้าไปพักอีกคน คุนไม่มีปัญหาใช่ไหมลูก”
“คือผมกลัวเตียงจะแคบไปครับ ถ้ายังไงผมไปค้างห้องเดียวกับแม่ก็ได้ พี่ภูมิจะได้นอนกับเด็กๆ”
“โอ๊ยเรื่องนั้นแม่คิดไว้แล้ว นี่เพิ่งสั่งให้เขามาเปลี่ยนเตียงให้ ขนาดใหญ่พิเศษนอนสี่คนสบายๆ”
“ครับ?!” ช่างไม่ว่างมาแต่เตียงมาส่งแล้ว ฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น ระดับคุณภารวีมีหรือจะหาช่างมาทำให้ไม่ได้
“พี่ภูมิ” มีคุณหันไปหาที่พึ่งสุดท้าย ด้วยหวังว่าภูริชจะไม่สะดวกใจเช่นเดียวกับเขา
“พี่ยังไงก็ได้ อยู่ง่ายกินง่ายอยู่แล้ว” มีคุณอ้าปากเหวอ จู่ๆ ก็เป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ตอนไปเที่ยวแม่เห็นพักด้วยกันได้ก็เลยคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา คุณลำบากใจหรือเปล่าลูก”
“เปล่าครับ ผมไม่ลำบาก” มีคุณจำใจต้องปฏิเสธ
“ค่อยยังชั่ว ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบายนะจ๊ะ กลับมากันเหนื่อยๆ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อนกันเถอะ อ้อ แม่ย้ายเสื้อผ้าภูมิบางส่วนมาไว้ในห้องคุนให้แล้วนะ ห้องนั้นต้องปิดไว้”
“ขอบคุณครับแม่” ภูริชไม่สนใจว่าเรื่องนี้จะฟังขึ้นหรือไม่ เพราะไม่ว่าโชคช่วยหรือใครช่วยก็ถือเป็นกำไรของเขาทั้งสิ้น
“ไปครับคุน พี่อยากเปลี่ยเสื้อผ้า”
“พี่ภูมิขึ้นไปก่อนก็ได้ครับเดี๋ยวผมตามขึ้นไป ขอนั่งคุยกับข้าวก่อน”
“ผมจะกลับแล้วครับพี่คุน วันเสาร์ผมแวะมาคุยด้วยใหม่คุณป้าชวนมาค้างด้วย”
“แม่จะจัดปาร์ตี้เล็กๆ ไม่ได้เชิญใครหรอกเฉพาะคนในครอบครัวนี่แหละ ต้อนรับคุณวรรณกับพี่วาด”
“ก็ดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอก” ภูริชเห็นดีด้วย
“ไม่มีอะไรแม่จัดการเองได้ ไปๆ ไปพักผ่อนกันเถอะ”
“ครับ” ภูริชอุ้มเด็กชายริชขึ้นส่งให้มีคุณส่วนตัวเขาอุ้มลูกชายคนโต เป็นการบังคับกรายๆ ให้มีคุณขึ้นไปพร้อมกัน
“พี่ภูมิ”
“ครับ” ภูริชวางลูกชายลง มองเตียงที่มารดาเปลี่ยนให้ด้วยสายตาพอใจ ขนาดกำลังเหมาะกับผู้ใหญ่สองเด็กสอง คอกกั้นเด็กอยู่ด้านในชิดกับกำแพง เท่ากับเขากับมีคุณจะได้นอนติดกัน
“ทำไมถึงไม่บอกคุณป้าไปครับว่าอยากแยกไปพักคนเดียวมากกว่า”
“ก็พี่ไม่อยากนี่” มีคุณเหวอเป็นครั้งที่สองเมื่อเจอหน้าและเสียงดื้อๆ ของภูริช
“ถ้าพี่ภูมิอยากนอนกับแฝดผมย้ายให้ก็ได้ครับ”
“แล้วทำไมถึงคิดว่าพี่ไม่อยากนอนกับคุน”
“พี่ภูมิ!”
“พี่หมายถึงนอนห้องเดียวกัน นอนกันสี่คนอบอุ่นดี ใช่ไหมครับเด็กๆ ดีใจไหมที่พ่อย้ายมาอยู่ด้วย” ภูริชใช้มุกเดิมๆ เพราะรู้ว่าได้ผลเสมอ
“ดีใจครับ ภูดีใจ”
“ลิดก๊ะดีจาย พ่อมานอนจิงๆ น้า”
“ต้องถามน้าคุนครับว่าให้พ่อมานอนด้วยได้หรือเปล่า”
“น้าคุนให้อยู่แล้วน้าคุณใจดี ให้พ่อนอนด้วยนะครับน้าคุน” เด็กชายภูโถมเข้ากอดขาผู้เป็นอา แหงนเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตามีความหวัง
“ครับ” มีคุณจะชนะสายตาใสซื่อของหลานได้อย่างไร มีคุณรู้ตัวว่าเขาเริ่มหวั่นไหวจึงพยายามออกห่างภูริช แต่ยิ่งเขาพยายามมากเท่าไหร่ภูริชก็เหมือนยิ่งแกล้งพาตัวเองเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเท่านั้น
“เย้ๆ น้าคุนให้แล้ว” เด็กชายภูกระโดดโหยงเหยงดีใจที่ได้นอนห้องเดียวกับพ่อ ส่วนเด็กชายริชนั่งยิ้มหวานหน้าตามีความสุขจนมีคุณเผลอถอนใจ เด็กๆ จะรู้ไหมว่าน้าคุนต้องใช้พลังใจมากเท่าไหร่ในการผ่านให้ได้แต่ละคืน
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“คุณภาคุยกับผมหน่อย”
“เรื่องอะไรคะ” คุณภารวีลงนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม จากที่คิดจะแวะไปห้องของมีคุณเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครย้ายไปนอนห้องพักแขก
“คุณภาคิดจะทำอะไร”
“ทำอะไร เรื่องอะไรคะ” คุณภารวียกมือแตะอกขึ้นเสียงสูง ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
“คุณภาเราแต่งงานกันมากี่ปี ทำไมผมจะดูไม่ออกเวลาคุณคิดทำอะไรอะไรแผลงๆ หรือเพี้ยนๆ”
“แผลงก็พอมั้งคะ ภาหกสิบแล้วเพี้ยนอะไรกัน”
“อย่ามาเฉไฉ ตอบผมมาคุณภาคิดจะทำอะไร”
“ห้องของภูริชน้ำท่วม ภาก็แค่..”
“คุณภา!” คุณภารวีถอนใจเฮือก นึกไม่ชอบใจความฉลาดของสามีก็วันนี้
“พูดไปคุณก็จะว่า”
“ถ้ารู้ว่าผมจะว่าก็อย่าทำ”
“ภาไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยก็แค่อยากเป็นกามเทพบ้างจะเป็นไรไป”
“กามเทพ? เดี๋ยวคุณภาพูดให้ผมเข้าใจหน่อยกามเทพอะไร ใครกับใคร”
“ทีอย่างนี้กลับไม่รู้ มีกันอยู่แค่นี้จะใครล่ะคะ”
“คุณภา! ภูมิมันผู้ชาย คุนก็เป็นผู้ชาย”
“แล้วผู้ชายรักกับผู้ชายไม่ได้เหรอคะ ภาเห็นออกถมถืดไป ลูกเพื่อนคุณก็ใช่เราเพิ่งไปงานแต่งงานมาลืมเหรอคะ ไหนจะข้าวกับคุณหมออิก ไม่เห็นคุณห้ามหรือพูดอะไร”
“ก็นั่นเด็กมันรักกันผมจะไปห้ามทำไม แต่นี่ลูกเราเป็นเกย์ก็ไม่ใช่ คุณดันจับคู่ให้กับผู้ชายด้วยกัน”
“ภาก็ไม่ได้บังคับเสียหน่อย”
“ที่ทำอยู่นี่ไม่เรียกว่าบังคับเหรอภา ยัดเยียดให้เจ้าภูมิไปรบกวนคุน ถ้าเด็กมันอึดอัดไม่อยากอยู่บ้านนี้ขึ้นมาจะว่ายังไง”
“ตายจริง!” คุณภารวีลืมคิดถึงข้อนี้ไปสนิท “แต่..แต่ข้าวบอกว่ามีคุณน่าจะชอบผู้ชายนะคะ ข้าวบอกว่าพอดูออกเพราะเป็นเหมือนกัน”
“ถึงมีคุณจะชอบผู้ชายก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบนายภูมิ”
“คุณสัณณ์” คุณภารวีเสียงจ๋อยคอตก รู้สึกผิดขึ้นมา
“ทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้ดูผลกระทบเลย แล้วนี่ปรึกษากับข้าวใช่ไหม” คุณภารวีเบิกตาโต รู้ตัวว่าพลาดดันเผลอหลุดชื่อชโนทัยออกไป
“ก็ภาอยากให้หลานอยู่ด้วยตลอดไปนี่ค่ะ”
“แล้วภามีสิทธิ์ทำอย่างนั้นเหรอ อยากให้หลานอยู่ด้วยจนเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของคนอื่น”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ภาทำเพราะหลานก็จริงแต่ภาก็ชอบมีคุณด้วย เห็นว่าเป็นเด็กดีเป็นเด็กน่ารัก คุณเองก็ยังชมกับภาไม่ขาดปาก”
“มันก็ใช่ แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคนดีกว่าไหม ถ้าเขาผูกพันกันหรือจะรักกันขึ้นมาจริงๆ ก็ขอให้เกิดจากใจไม่ใช่จากการพยายามกะเกณฑ์ของใคร”
“ภาก็ไม่ได้จะบังคับลูก ก็แค่หาโอกาสให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ถ้ามันไม่ใช่ภาจะไปทำอะไรได้คะ ภาก็แค่ตั้งความหวังผิดด้วยเหรอ“
“ไม่ผิดถ้าความหวังนั้นไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรืออึดอัดใจ ถ้าคุณภาอยากเชียร์ให้ภูมิมันมีเมียเป็นผู้ชาย ก็ขอให้ดูด้วยว่าลูกมันอยากมีหรือเปล่า อย่ายัดเยียดความคิดตัวเองให้ลูก ภูมิมันโตจนมีลูกถึงสองคนแล้วมันคิดของมันเองได้ ความสุขของเราไม่ใช่ความสุขของลูกเสมอไปนะคุณภา ชีวิตของภูมิเป็นของภูมิ เราเป็นเพียงผู้ให้กำเนิดเท่านั้น”
“ค่ะ” คุณภารวีรับคำเสียงหงอย ไม่บ่อยครั้งที่สามีจะดุเธอจริงจังถึงเพียงนี้
“ค่ะแล้วเข้าใจที่ผมพูดไหม”
“เข้าใจค่ะ ภาผิดจริงๆ ที่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตลูก”
“ดีแล้วที่คิดได้”
“แต่เรื่องห้องภาทำไปแล้ว” คุณภารวีทำเสียงขอความเห็นใจ
“เอาเถอะปล่อยไปสักวันสองวัน แล้วรีบทำห้องภูมิให้เป็นเหมือนเดิมซะ”
“ขอบคุณค่ะคุณสัณณ์” คุณภารวีค่อยยิ้มออก นึกว่าจะถูกสามีบังคับให้ไปสารภาพกับลูกชาย
“แต่ว่า...” คุณภารวีสอดแขนเข้ากอดแขนสามี
“แต่ว่าอะไร”
“ภาแค่เชียร์ได้ใช่ไหมคะ รับปากว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่าย”
“แค่เชียร์นะ”
“ค่ะ” คุณภารวีรับคำเป็นมั่นเหมาะ
"ได้สิ”
“แล้วถ้าภูมิกับคุนชอบกันขึ้นมาจริงๆ คุณสัณณ์จะมีปัญหาไหมคะ”
“ผมเคยมีปัญหากับเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ เพิ่งบอกไปว่าชีวิตลูกเป็นของลูกผมไม่เข้าไปยุ่ง นอกเสียจากในเวลาที่ลูกต้องการผม”
“เพราะคุณเป็นแบบนี้ไงคะภาถึงแต่งกับคุณ”
“แต่ผมขอคิดใหม่ได้ไหมว่าแต่งถูกคนหรือเปล่า เอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน”
“คุณสัณณ์” คุณภารวีค้อนสามี รู้ว่าอีกฝ่ายแค่แหย่เล่นไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ
“หึหึ” คุณสัณณ์หัวเราะอยู่ในลำคอ ถึงคุณภารวีจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักและมีเสน่ห์ เป็นคนมีความคิดยอมรับถูกผิดและเชื่อฟังสามี เพราะแบบนี้เขาถึงได้เลือกมาเป็นคู่ชีวิตและเป็นแม่ของลูกชาย
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“คุนเกาหลังให้พี่หน่อยครับไม่รู้โดนอะไรกัด” ภูริชเดินออกจากห้องน้ำมาด้วยผ้าเช็ดตัวพันเอวผืนเดียว มีคุณหลุบตาลงมองหนังสือในมือ เพื่อไม่ให้เห็นร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
“คุณ” เสียงเรียกออดอ้อนจนมีคุณต้องยอมเงยหน้าขึ้นมอง
“เกาหลังให้พี่หน่อยครับ” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียง หันหลังให้มีคุณที่นั่งอ่านหนังสือนิทานให้เด็กๆ ฟังอยู่บนเตียง
“ไม่เห็นแดงเลยครับ”
“แต่พี่คันต้องมีอะไรกัดสิ”
“เด็กๆ ครับ ใครอยากช่วยเกาหลังให้พ่อบ้าง”
“ภูเอง ภูเอง” เด็กชายภูตะกายลุกขึ้นนั่ง
“ลิดโด้ยคับ” สองแฝดรีบลุกเดินไปหาภูริช สองคนสี่มือช่วยกันลงแรงไปบนแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นพ่อ
“ซ้ายอีกนิดครับ”
“ซ้ายยย” เด็กชายภูเลื่อนมือไปทางซ้าย
“ข้างบนอีกนิดลูก”
“ข้างโบน” เด็กชายริชเลื่อนมือขึ้นพยายามลูบให้ถูกตำแหน่ง มีคุณนั่งฟังสามคนพ่อลูกพยายามช่วยกันทำภารกิจให้สำเร็จ
“เกาเลยลูก แรงๆ ก็ได้ครับ”
“งื้อ ลิดก๊ะแลงแย้ว” มีคุณพ่นลมหายใจออกจากปาก ขืนปล่อยนานกว่านี้สองแฝดคงไม่ได้นอน มีคุณจับเอวหลานชายให้หลบก่อนขยับตัวไปนั่งหลังภูริช ยกมือขึ้นแตะแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ “ตรงไหนครับ”
“คุน” เสียงเรียกชื่อเขาพร้อมกับใบหน้าที่เอี้ยวมาหา มีคุณรีบผงะหน้าหนี ถ้าเขาช้ากว่านี้อีกนิดจมูกภูริชคงโดนแก้มเขาแล้ว
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ภูมิคันตรงไหน”
“ตรงนี้” ภูริชเอื้อมมือไปชี้บริเวณเหนือกระดูกสะบัก
“ครับ” มีคุณลูบโดยทิ้งน้ำหนักมือลงไป เขาไม่อยากเกาให้ผิวของภูริชถลอก
“สูงขึ้นอีกนิด”
“ตรงนี้หรือครับ” มีคุณเลื่อนมือขึ้นจนเกือบถึงบ่า
“ไม่ใช่ครับตรงนี้” ภูริชเอื้อมมือไปจับมือของมีคุณเลื่อนไปวางบนจุดที่ต้องการ
“พี่ภูมิ”
“ครับ”
“ปล่อยมือผมได้แล้ว” ภูริชปล่อยมือมีคุณด้วยความเสียดาย จับแล้วไม่อยากปล่อย ไม่ปล่อยไม่ได้หรือ
“น้าคุนแรงๆ ครับ” เด็กชายภูเขามาช่วยกำกับอยู่ข้างๆ จำคำพูดจากที่พ่อบอก
“ได้ครับ” มีคุณเกิดอาการหมั่นไส้คนเป็นพ่อ จากที่คิดจะลูบจึงจิกเล็บลงไปเกาสุดแรง
“โอ๊ย!คุน พี่เจ็บ”
“เดี๋ยวไม่หายคัน ไหนบอกให้เกาแรงๆ”
“พ่อบอกแลงๆ เยย” เด็กชายริชที่ลูบให้พ่อจนเมื่อยแขนสนับสนุนน้าคุนอีกเสียง มีคุณลอบยิ้มคุณพ่อเจ้าเล่ห์ต้องโดนแบบนี้
“แรงก็ได้ครับ” ภูริชทำหน้าหงอยมองมีคุณจนเจ้าตัวเกือบได้ใจว่ายกนี้เขาชนะ “แต่ถ้าพรุ่งนี้มีรอยเล็บ คุนจะให้พี่ตอบว่ายังไง” ตาเศร้าๆ เปลี่ยนเป็นดวงตาวิบวับ ริมฝีปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวมันบางพอสมควร ถ้ามีคนสังเกตเห็น พี่ไม่ตอบว่าเป็นรอยเกาเพราะคันแน่ๆ มันฟังไม่สมาร์ท ขออนุญาตตอบว่าโดนแฟนข่วนแทน”
มีคุณกลืนน้ำลายลงคอรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ ต้องยอมลดความแรงของมือลงแต่ปากยังดื้อดึงเพราะไม่อยากเสียฟอร์ม “อยากตอบแบบไหนก็ตามใจครับเพราะไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือผม”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะบอกใครต่อใครว่าคุนเป็นแฟนพี่”
“พี่ภูมิ!”
“น้าคุนเป็นแฟนพ่อเหรอ” เด็กชายภูตาโตกับข่าวใหม่ แฟนเหมือนในละครที่คุณยายดูใช่ไหม น้าคุนกับพ่อเป็นแฟนกัน
“ไม่ใช่ครับ” มีคุณตกใจ นึกโกรธภูริชที่พูดอะไรไม่ระวังเด็กๆ
“พ่อบอกว่าน้าคุนเป็น”
“พี่ภูมิอธิบายให้ลูกเข้าใจเดี๋ยวนี้เลยครับ” มีคุณมองภูริชตาเขียว แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะออกมาไม่มีทีท่าเป็นกังวล
“พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง คุนเป็นแฟนพี่ดีไหมจะได้จบเรื่อง ไม่ต้องอธิบายอะไร”
“เป็นแฟนเป่าน้าคุน” เด็กชายริชจับแก้มมีคุณให้หันไปหา ตาใสมองมาด้วยความสนใจใคร่รู้
“น้าคุณเป็นน้าครับ คุณพ่อเป็นพ่อ ส่วนภูกับริชเป็นเด็กก็ต้องเข้านอนได้แล้ว”
“ภูยังฟังนิทานไม่จบเลย” เด็กชายภูโอดครวญ เรื่องฟังนิทานเรื่องใหญ่เขาลืมเรื่องแฟนไปสนิทใจ
“ถ้าใครอยากฟังก็ต้องลงไปนอนให้เรียบร้อยครับ จบแล้วก็ต้องเข้านอนโดยไม่โยเย ใครรับปากน้าคุนได้น้าคุนถึงจะเล่าให้ฟัง”
“ภูครับ” ลิดคับ” สองแฝดรีบล้มตัวลงนอน เด็กชายภูลุกขึ้นมาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองและน้องชายจนถึงคอ ส่งยิ้มแป้นให้น้าคุนดูว่าเขาเชื่อฟังทุกอย่าง
“เก่งมาก เราต้องรู้จักหน้าที่ ถึงเวลานอนก็ต้องเข้านอน เด็กต้องพักผ่อนให้เพียงพอจะได้เติบโตแข็งแรง”
“เหมือนพ่อ” เด็กชายภูภูมิใจพ่อของตนเองมาก เขาอยากรูปร่างสูงใหญ่เหมือนบิดา
“ลิดเหมือนน้าคุนก๊ะด้าย” เด็กชายริชกลัวน้าคุนน้อยใจ จึงเลือกเหมือนมีคุณแทน
“เหมือนใครก็ได้ครับหรือไม่เหมือนก็ได้แค่เป็นเด็กดีของน้าคุนก็พอแล้ว”
“ของพ่อด้วย”
“ภูเป็นเด็กดี” “ลิดก๊ะเป็นเด็กดี”
“ถ้าอย่างนั้นเด็กดีก็จะได้ฟังนิทาน” มีคุณเอนตัวลงนอนข้างหลานชาย หยิบนิทานที่อ่านค้างไว้มาเล่าต่อ สีหน้าท่าทางของเขาเป็นปกติทุกอย่างแต่ในใจกลับสับสนและคิดไปสารพัดเรื่อง ภูริชพูดเล่นใช่ไหม ทำไมพักนี้ถึงชอบเล่นมุกคล้ายเดิมซ้ำๆ หรือภูริชต้องการแหย่เขา มีคุณคิดหัวแทบแตกก็ไม่ได้คำตอบ มีทางเดียวเท่านั้นที่จะรู้ มีคุณเหลือบสายตามองพ่อของสองแฝดที่ลุกไปแต่งตัว เขาควรจะคุยกับภูริชให้รู้เรื่องดีไหม อาจถึงเวลาแล้วที่เขาต้องบอกความลับให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รู้ ก่อนที่การล้อเล่นของภูริชจะทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวจนไม่อาจถอนตัว
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
สปอย...
ใครรอความชัดเจนตอนหน้าจะสว่างขึ้นค่ะ
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin