My sassy, don’t let it be!
รักนี้บีบวก
ตอน 21 งานโรงเรียน
get’s
วันศุกร์ งานโรงเรียน...
ซึ้งคำว่าแหกขี้ตาตื่น ต้องลุกก่อนไก่โห่ด้วยเรามาแต่เช้าเอามากๆ
ถึงกระนั้นบรรยากาศคึกคักรื่นเริงก็รออยู่ก่อนหน้า
ผมอภิสิทธิ์ไม่มีงานสารวัตรนักเรียน เอาตัวเด็กไปส่งถึงมือพวกพี่เขียวได้ก็พุ่งเข้ารวมกลุ่มนักบาส
มีแข่งรอบแรก 9 โมงเช้า และอีกรอบบ่าย 3 ทั้งสามโรงเรียนโคจรมาแข่งแบบพบกันหมด
เฮดทูเฮด ใครชนะนับแต้มสูงสุดได้ครองถ้วยรางวัล
ทิ้งงานออกร้านให้เต๋ากับทรายเป็นหัวเรือใหญ่ร่วมกับเพื่อนๆ ในห้องดูแลกันเอง
รายการคิวทองเต็มเอียด เด็กเต้นโคฟเวอร์เวลา 11 โมง ไอ้ลมสวมบททศกัณฐ์บ่ายโมงครึ่ง
พ่อกับแม่จะตามมาภายหลัง น่าจะทันดูผมแข่งช่วงบ่าย 3 อย่างเดียว
..................
กว่า 10 โมงเช้า ณ หอประชุมด้านหลังเวที บริเวณทางเข้าโซนแต่งตัวนักแสดง
"เก็ท!" เสียงสดใสดังก้องกว่าใคร
"บี!"
ตั้งแต่เช้าเล่นหายหน้าไปเลย เวลานี้เปลี่ยนเป็นแจ่มใสใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอาง
สวยน่ารักผิดลุคจนเกือบสะดุดบันไดทางขึ้นล้มหัวฟาด
ชุดแสดงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่กางเกงชมพูอ่อนลายทางเล็กๆ เส้นสีม่วงเข้มขาสั้นจู๋
ดูเหมือนจะหายไปใต้ชายเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพูอ่อนตัวเล็กบางเกินเหตุ
อุเหม่! เสือกพับขึ้นอีกสองทบ แอบดึงลงเจ้าแม่มรกตจะตามด่าโคตรเหง้ากูไหมวะ
"จะแสดงยัง?" ผม
"ยัง เพิ่งเสร็จ ไม่ได้ไปดูบาสล่ะ พวกพี่เค้าไม่ให้ไป"
"รู้แล้วๆ" ข้อความโต้ตอบเล่นไลน์กับผมแทบทุก 10 นาที
แค่แต่งตัวอะไรจะคุมเข้มเว่อร์ขนาดนั้น แต่แค่เห็นท่าทางสนุกล้นเกินจึงวางใจ
"แล้วชนะเปล่า?" ถามผมตาแป๋ว กรีดอายไลน์เนอร์สวยเด่น
"ม่าย-รู้-สิ ได้ยิงกี่ลูกไม่รู้ ไม่ได้นับ" 5 ลูกครับ จำขึ้นใจ
ผมดูเกมอีกคู่ต่อมา เช็ดเหงื่อแค่หมาดๆ รอหายเหนื่อยก็ออกมา
"โฮ้ย! อะไรวะ บอกหน่อย คนยิ่งลุ้นจนเครียดอยู่" หน้ามุ่ยพองแก้มป่องน่าฟัด
"ตัวแค่นี้เครียด 555" ตัวจ้อยยืนบนบันไดขั้นบน
ผมยกเอวเด็กสอยลงมาข้างล่างจับเหวี่ยงลอยไปมา
หลังเวทีต่างจากพื้นทางเดินข้างนอกแค่เมตรเดียวไม่ต้องตกใจไป
ลอบมองปากแดงฉ่ำน่าจูบมิใช่น้อย
"โว๊ย! ปล่อย ไอ้เก็ท"
"ไม่!" ผมคึก เกร็งกำลังแขนรัดเอวเล็กๆ
"อ๊า" ดังก้อง
"นี่ๆ 555"
"หมวกๆ จะหล่นแล้วปล่อยก่อน พี่เค้าจะขึ้น หลีกๆ"
"เอ่อ...ขอทางหน่อยครับ" ตัวแทรกแซง
นักเรียนอื่นหิ้วลังพร็อพของประกอบเวทีจะขึ้นบันได จำต้องปล่อยวางลงจนได้
"อ๊ะ! ติดไร เก็ท ดูก่อน"
"ดีๆ นะ" ผมถูกดึงรั้งไว้
"มันเกี่ยวอ่ะ"
สร้อยรุงรังเกี่ยวซิปเสื้อวอร์มผมครับ ได้โอกาสอุ้มตัวไปยืนบนขั้นบันไดอีกครั้ง
ถืออภิสิทธิ์หยุดอยู่ตรงหน้าปล่อยให้อีกฝ่ายสาละวนแกะโซ่สร้อยไม่ช่วย
แกล้งเนียนเอื้อมจับเข็มขัดแล้วค่อยเลื่อนต่ำลงมาเลาะข้อพับที่ปลายกางเกงออก
หุหุ หวังว่าคงไม่รู้ตัวนะครับ เด็กน้อย
แผงขนตาปัดมาสคาร่า แต่งแต้มสีสันใบหน้าสวยเหมือนผู้หญิง
หลุบต่ำมองหน้าอกผมง่วนไม่สนใจใคร ชอบเวลานี้ที่สุดถ้าไม่มีตัวกวน...
"เฮ้ย! ตี๋เก็ท ไปกินข้าว บ่ายเกินเดี๋ยวจุก อ้าวกอดใครล่ะนั่น?" พี่ภู่และทีมบาสยกก๊วน เฟรมกับเก้งร่วมขบวนด้วย
ขาดเอกกับโจโจ้ที่น่าจะตามเฝ้านางสีดานิสาที่น่าจะแต่งตัวอยู่ห้องซ้อม
เพราะเอกลากคอโจโจ้ออกไปตั้งแต่แข่งทีมของเราแล้วเสร็จ ไม่อยู่รอดูอีกคู่เหมือนผมกับเฟรม
"แม่เจ้า นั่นบีเหรอวะ!?" เก้งโพล่ง ตาโตอ้าปากค้าง
"เด็กนรก?" เฟรมแขนพาดบ่าเก้งยังอึ้ง
"ใช่เหรอ?" พี่แมว
"นั่น ตัวเล็ก?" พี่วิน
"เฮ่เฮ้! ไอ้ผึ้งน้อย วันนี้น่ารักว่ะ มามะขอพี่กอดที" พี่โป๊งเหน่งจอมกวน
จะกระโดดขึ้นสวนหย่อมสูงครึ่งเมตร กั้นระหว่างถนนทางเดินกับเฉลียงทางเข้า
ด้านข้างหอประชุมที่เราสองคนยืนอยู่
"อ้าวๆ กูก่อน นั่นตัวเล็กของกู" พี่ภู่ดึงเสื้อพี่โป๊งเหน่งไว้ ร้องจ๊ากเสียงดังขาพาดขอบกระถางไม่ได้ไปต่อ
"ของมึงเหรอ!" พี่ยักษ์แยกเขี้ยว จับบ่าไว้ทันท่วงที
"อ้าวพี่! มาไง" ผมร้องทักแก้เก้อ
พี่ยักษ์หลบอยู่มุมไหนส่วนไหนเพิ่งเห็นตัว ขนาดพี่ภู่ยังเหวอได้
"ถ่ายรูปหน่อย 1-2-3!" เก้งชูมือถือตัวเอง พอๆ กับพี่แมวเก็บล่วงหน้าไปหลายแชะ
"แหะๆ" ผมวางนิ้วใต้คางโพสต์ท่าหล่อ
"ตายแน่ เป็นข่าวแน่ๆ" เด็กน้อยพึมพัมกับอกแต่ชูสองนิ้วฉีกยิ้มเซย์ชีสสู้กล้องบ่มียั่น
สายสร้อยยังคล้องไม่หลุดดึงให้สุมหัวตัวติด ข่าวกอสซิปแค่ไหนก็ไม่สนหรอก ^^ จริงไหมฮันนี่
...............
....................
มันจะดีเลิศประเสริฐเหลือแสน ถือเป็นฉากไฮไลท์ของเรื่องถ้าไม่มีตัวขโมยซีน
เชรี่ยลม! หรือไอ้เวรลม เพื่อนวายร้ายของผมเอง
ชุดดำปักลายเลื่อมเดินดิ้นเงินวาบวับ เพริศแพร้วพรรณรายทรงเครื่องชุดใหญ่ออกโรง...เชิด
“ชิชะ! เจ้าโจรใจทราม ช่างหยามน้ำหน้าตูข้า บังอาจพรอดรักกับเด็กน้อยสีกากู ~เอิงเอย” ไอ้ลมชี้ปลายนิ้วงอนๆ
พุ่งดิ่งตรงมาที่คู่เราสอง
“เฮ้ย มีลิเกด้วยว่ะ นั่นลมนี่หว่า” พี่แมว
“555 ทศกัณฐ์ออกโรงแล้วโว้ย!” พี่โป๊งเหน่ง
“มาไงวะ มันจะแสดงบ่ายโมงไม่ใช่เหรอ” พี่ภู่
ทศกัณฐ์เข้ามาแตะฉาก ยุบย่อโยกตัวเล่นเชิงไปมาตรงหน้าผม ปั้นสีหน้าโกรธาเอาเรื่อง
แต่งหน้าสวมเครื่องประดับบ้างแล้ว แตะปากแค่สีชมพูระเรื่อน่ามอง
เพื่อนกูโดดเด่นเกินคนโคตรๆ ผมตื่นตาชื่นชม มีแดนซ์เซอร์ตัวเล็กกุมแก้มกรี๊ดเล็กๆ ไม่กั๊กอาการ
“อ๊า ลม~ขอกรี๊ดได้ปะ หล่อเว่อร์อะ เค้าชอบ”
“ไงวะลม?” ผมดึงตัวไว้ กุมทั้งสร้อยทั้งมือคนไม่ปล่อย
“มิได้ๆ อันตัวเรานี้มิใช่สายลม~มามะนี่กระไร~น้องศรีรามราเมศวานไข นามมะกรอันยิ่งใหญ่เทียมฟ้าผู้นี้คือผู้ใด” ลมว่าเป็นกลอน
เชิดคางวางหน้าอย่างนาฏศิลป์ตัวเอก
“~นามพญาอสุราตนนี้ไซร้~พญายักษีสิบเศียรยี่สิบกร ทศกัณฐ์ผู้เกรียงไกรยิ่งใหญ่” ชุดเขียวปีกแมงทับร่างเล็กระหง
เยื้องย่างกรีดกรายแทรกเข้ามา วาดวงแขนจีบนิ้วตั้งวงสวยก่อนฟ้อนชี้
แตะที่อกชุดดำเลื่อมเงินของเพื่อนผม
รินทร์-ไชยารินทร์ รับบทพระราม ชุดเขียวมรกตออกเหลื่อมเงาวิบวับม่วงเม็ดมะปรางปักดิ้นลายทองพร้อย
หน้าหวานเหมือนพระเอกลิเกดาราชื่อดังของไทย
แต่งหน้าแบบนี้ยิ่งเพิ่มระดับความสวยหยดแบบไทยๆ เกินกว่าไอ้ลมลูกเสี้ยวหลายเท่า
“อ๊า รินทร์! เค้าชอบรินทร์มากกว่าอีก รินทร์สวยมั่กๆ พระรามๆๆๆ” เด็กแดนซ์มีเชียร์
ถ้าชูป้ายไฟได้คงยกสูงสุดๆ ชัวร์
“อ้าว! เวร” พญาอสุราลดแขน ปั้นบึ้งเซ็งเล็กๆ กลับร่างกลายเป็นลมเหนือคนเดิม
“555” พวกเราทุกคนพร้อมใจ
“วู้วววว! พระรามขโมยซีนว่ะ”
“กูว่าไอ้ลมเราเจ๋งแล้วนะ เจอรินทร์เข้า แม่มเป็นคนละคนเลยว่ะ สวยชิบหาย” พี่แมว
"สวยเว่อร์ว่ะพี่"
"ชักอยากเห็นนางสีดาแล้วซิ"
“ถ่ายรูปๆ ถ่ายรูปหน่อย น้องรินทร์ พระรามคร้าบ หันมาเร็ว!”
เกือบทุกคนสนใจตัวพระกันหมด จังหวะเด็กน้อยแกะสร้อยหลุดพอดี
“เซ็งว่ะ บีทำงี้ได้ไง” ทศกัณฐ์เท้าสะเอว
"ก็พระรามสวยกว่านี่" มีรึ ตัวเล็กจะยอม
"เดี๊ยะจับกิน แฮ่!" พยายักษ์กางกรงเล็บพุ่งมาหา
“ย๊ากกกก! ช่วยด้วย”
“555 ยักษ์มาๆ” ผมเล่นด้วย
“เด็กน้อยของเราบังอาจเปลี่ยนใจ ต้องจับกิน!” ไอ้ลม
“ไม่เอา ก็เค้าชอบพระรามอ่ะ”
ลมแยกเขี้ยวขู่ เด็กน้อยยึดตัวผมเป็นโล่บัง ล้วงหลังหยอกเล่นสนุกพอประมาณ
............
“มาไงวะ ไม่โดนเก็บตัว?” ผมพอรู้ครับ งานฟ้อนรำเพื่อนคนนี้มีโชว์ตลอด
ในทุกเทศกาลที่รู้จักกันมามักจะถูกกักบริเวณอยู่ในห้องรอเวลาแสดง
น้อยมากที่จะปล่อยเพ่นพ่าน
“โปรโมท รู้จักเปล่า โปรโมชั่นเรียกแขก”
“อ้อ เข้าใจล่ะ” มีไม่บ่อยแต่พอคุ้น
เมื่อครู่ตอนแข่ง เต๋า นัย และเพื่อน 4/1 หลายคนแห่ไปตะโกนเชียร์บาสเกตบอล
ข่างสวมชุดคอสเพลย์หน้ากากเสือไม่สวมเสื้อ วาดเมจิกสีดำเป็นกล้ามซิกซ์แพ็ค
ถือป้ายโฆษณาร้านห้องเรารับร้อยสร้อยพวงกุญแจ โบกธงตะโกนเชียร์ดังสนั่น
ผมตัวสำรองได้ลงควอเตอร์สุดท้ายจบเกมถึงแวะทัก
ต้นจั๋งโชว์รูปมือถือถ่ายทศกัณฐ์กับพระรามหน้าสวยหยดให้ดู
ฟ้องว่าไปฉกยาคูลท์ที่แผงขายของห้องเราฟรี ยื่นตั๋วโขนให้พลางสั่งเลิกร้าน บังคับไปดูการแสดงให้ได้
ค่าตั๋ว 25 บาทครับ ถือเป็นค่าเก้าอี้ด้านหน้าซึ่งเก็บไปอย่างนั้นเอง
รู้กันทั้งโรงเรียนว่าเข้าฟรี ยืนได้เต็มพื้นที่ด้านข้างและด้านหลังไม่จำกัดจำนวน
“นี่ๆ ได้ทิปเต็มเลยค่ะพี่” เพิ่งเห็นมีน้องหญิงชายร่วมในขบวน 4-5 คน
ชูป้ายชมโขนจำลองฟรี ระบุวันเวลาสถานที่แสดงพร้อมชื่อผู้กำกับมือดีคือศิษย์เก่าชื่อพี่นกแอ้
“โห! มีแบงค์พันด้วยวะ” พี่โป๊งเหน่งกับพี่แมวสอดรู้ ขึ้นมายืนบนสวนหย่อมจนได้
ดูธนบัตรพับตามยาวแบบเก็บเงินบนรถเมล์ สอดกับกำไลรัดข้อมือกับเข็มขัดทศกัณฐ์และพระราม
"ผมขับกลอนกับตีกรับ แต่สองคนนี่ทำพัง ร้องนอกบทตลอดล่ะพี่" เพื่อน ม.4 สายศิลป์ชูกรับไม้ฟ้องพวกพี่ชมรมบาส
"โจอี้บอยกับไททาเนี่ยมมาเอง แร็บโย่ซะ" ลูกทีมหักหลังเพื่อนผมซึ่งๆ หน้า
"มีพี่ปั้บ โปเตโต้กับพี่ตูน บอดี้แสลมด้วยครับ คาราบาวก็มี ดีหน่อยไม่มีร็อคสะเดิด" น้องถือป้าย ม. ต้นเอาใหญ่
"อ้าว พี่ลมบอกของจริงต้องดูบนเวที เฉลยหมดก็ไม่ตื่นเต้นซิ" ขัดกันเองต่างหาก
พวกผมฮายกวง รู้เวลาไอ้ลมคึกคักสนุกจะฉุดไม่อยู่
เข้าคู่กับรินทร์สายเลือดลิเกเจ้าบทเจ้ากลอนอีกคน ส่วนผสมลงตัวได้มันส์พะยะค่ะ
..............
"แบงค์พันทศกัณฐ์ปล้นมาจากจารย์ป๋าธง” อันนี้รินทร์เป็นคนบอก
"รำเกี้ยวกันให้พี่รินทร์เป็นนางอัปสรด้วยพี่ พวกผมอึ้งแดก จารย์ป๋ากับผู้อำนวยการหยั่งฮา"
“จารย์แม่ลลิตา จารย์พ่อจ๊อด แล้วก็...อ้อ แบงค์ 500 นี่พี่หมอก” น้องผู้หญิงถือป้ายร่ายยาว
รายชื่ออาจารย์ใจดีแฟนคลับลมเหนือทั้งนั้น
“หมอกด้วยเหรอวะ?” ผมสะดุดใจแต่ไม่แปลกใจ
นิสาเป็นนางสีดาฟ้อนรำชุดเดียวกัน หมอกน่าจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น
“หมอกแต่งเมดคาเฟ่เปล่า?” เด็กน้อยปากไวสนใจใคร่รู้
“ไม่นะคะ หนูเห็นแต่งชุดวอร์มโรงเรียนเราธรรมดา”
“ว๊า เสียดายจัง” ตัวเล็กจ๋อย
“555 พวกหนูก็รอดูอยู่เหมือนกันค่ะ”
ไม่แน่จริงนี่หว่า ไหนว่าจะแต่งคอสเพลย์
เห็นเพื่อนผู้หญิงห้องสอง 4-5 แต่งเมดขาวดำ ผ้ากันเปื้อนระบายฟูฟ่อง
ส่วนหมอกกับเพื่อนห้องสองมองเห็นระหว่างเกมแข่งว่ามานั่งเชียร์ก่อนหายหัว คิดว่าน่าจะตามเฝ้านิสา
“บี อีกกี่นาที?” ลมเปลี่ยนเรื่อง ถามเด็กน้อยจับเสื้อด้านหลังผมมั่น กลัวยักษ์กินตับ
“อีก 25 นาที” ผมยกข้อมือบอกกำหนดการเต้นโคฟเวอร์
“งั้นปะ พอเท่านี้ก่อน ขอบคุณน้องๆ นะครับ แยกย้ายได้...รินทร์จะกลับห้องข้างบนก่อนมั้ย เราว่าจะกินข้าวนี่ ดูบีเสร็จถึงจะขึ้นไป” ลมสั่งเลิกรายการ
หันไปหาพระรามร่างประมาณเก้ง...สูงกว่าตัวเล็กของผมอยู่ดี
พลางรับปิ่นโตเถาเล็กจากน้องผู้ชายอีกคน
ผมมองที่ถนนไกลออกไปหน่อย นั่นประไร พี่เหลิมกับก๊วนจักรยาน 2-3 คนรออยู่หน้าแคนทีน
รินทร์คนนี้ไม่เคยถูกปล่อยห่างสายตาซักน้อย
“งั้นแยกกันก็ได้ ว่าจะไปซื้อน้ำแคนทีนหน่อย ต้องแต่งหน้าใหม่เลยมั้ง...คงไม่ได้ดูบีเต้นนะ ขอโทษที” รินทร์หันมาที่กระต่ายของผม
“ไม่เป็นไร รินทร์ดูตอนซ้อมหลายรอบ จืดหมดแล้ว” เด็ก
“ไม่จืดหรอก วันนี้บีน่ารัก เก็ทถ่ายเยอะๆ ไว้ให้เราดูด้วยนะ...ค่อยเจอกัน บาย” พระรามลาโรง
“บ๊ายบาย รินทร์! วันนี้ส๊วยสวย ไว้โขนเล่นบีจะจองแถวหน้า ไม่พลาดแน่”
“555 จริงนะ” ลูกลิเกโบกมือตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ไปสนิทกันตอนไหน ซ้อมก็อยู่คนละห้อง
ถึงเด็กจะเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ มีชื่อรินทร์พระรามรูปงามติดโผ
แต่ไม่คิดว่าจะจ๊ะจ๋ากับลิเกดาวรุ่งคนนี้ได้ ปล่อยห่างไม่ได้จริงๆ
ผมมองตาม แค่รินทร์เดินเข้าระยะ พี่เหลิมก็คว้าถุงน้ำกับของกินเข้ามาสมทบขบวน
เดินห่าง ไม่คุย ไม่ได้มองหน้ากันก็จริงแต่ทั้งคู่มุ่งไปทางเดียวกัน
รับรู้ว่าร่วมทางไม่ไกล ไม่ทอดทิ้ง
เหมือนคนแปลกหน้าแต่ทว่าใกล้ชิดรวมเป็นหนึ่งเดียว
หายใจเข้าออกจังหวะเดียวกันด้วยรึเปล่า
ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน
นึกสงสัย...เป็นเงาตามตัวขนาดนั้น พี่เหลิมอดทนได้ยังไงวะ???
.............
หมาหมู่เห่าหอนข้างตัว เกือบลืม...
“วู้ววววว! บ๊ายบายด้วยคนคร้าบ”
“ตามไปดีกว่า ขอพี่โป๊งเหน่งไปด้วยคนนะจ๊ะ”
“ไอ้นี่ แมว! จับมันไว้” พี่ภู่
“กินข้าวกัน เดี๋ยวมาดูนะบี มึงไปด้วยเปล่าเก็ท?” เก้งย้อนถามผม
“ไม่ล่ะ ยังไม่หิว” ผมยกมือรับกับเฟรมที่พยักหน้าให้
สองคนนี้ก็เหมือนกัน เป็นยิ่งกว่าเงาเพราะแทบกลืนร่างเป็นคนๆ เดียว
ใกล้ชิดตัวติดจนรู้สึกเฉยๆ ไม่เห็นอีกคนซิแปลก
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนบางทีจะว่ายากก็ยากเย็น จะง่ายก็ง่ายดายจนนึกไม่ถึง
.................
หันกลับตามเด็กน้อยและลมเข้าในอาคาร...
ในห้องโล่งด้านหลังเวที ทศกัณฐ์ทักทายแก๊งพี่เขียว
ปล่อยวิ๊ดว๊ายชื่นชมพญายักษ์พักใหญ่ก่อนลมจะแยกมานั่งเก้าอี้ด้านข้างมุมทางออกอีกฝั่ง
เรียกผมไปกินข้าวจากปิ่นโตเดียวกัน คุณแม่ผู้น่ารักของเพื่อนอัดสำรับมาเต็มเอียด
หมูทอด ไข่เจียวกับผัดผักง่ายๆ
เล่าการแข่งขันกีฬาภาคเช้าให้เพื่อนฟัง ปล่อยเด็กอยู่ใต้อาณัติเจ้าแม่ออร์กาไนซ์ด้านโน้น
ซักซ้อมท่า เติมหน้าแต้มสีไปตามเรื่อง
....................
.........................
"ตื่นเต้นๆๆ"
"555" ขำแร้บบี้เต้นเร่า ซอยเท้ายิกๆ ตรงหน้าผม
"ลืมท่าแน่เลย ตายแน่ๆ ทำไงดี" กระสับกระส่ายไม่นิ่ง
"เพี้ยง! ทำได้ๆ" ผมประคองสองแก้ม เป่ามนต์ที่หน้าผากเหม่ง
"..." เงียบกริบทันที เสียงจอแจคล้ายเลือนหายจากโสตประสาท
ปล่อยให้ผมลูบปลายนิ้วสัมผัสพวงแก้มนุ่มหยุ่น กรุ่นน้ำหอม กลิ่นเครื่องสำอางเจือจางติดจมูก
"นิ่งทำไม ทำออกบ่อย" ผมเขินซะเอง
"ทำบ่อยเชรี่ยไร?"
"พูดไม่เพราะ ไม่เอา...อยู่เฉยๆ" ตามช้อนจับใบหน้าไว้ไม่วาง ไม่ละสายตา
ก้าวชิดปลายเท้าอีกคน พาตัวเองเข้าใกล้มากขึ้น
"ทะ ทำอะไร...ดะ เดี๋ยวใครเข้ามา หะ เห็น"
ยกมือกั้นหน้าอกผม ตากลมโตสีหน้าเลิ่กลั่ก ใบหูเล็กๆ แต้มสีปลั่ง
ภายใต้แป้งแต่งหน้าต้องแดงก่ำกว่านี้แน่ หึหึ
"...ไม่มีคนเห็นหรอก เชื่อสิ" หมาป่ากระซิบหลอกล่อกระต่าย
"...นี่มัน..."
เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องไม่ขัดขืนแบบนี้ ทุกทีโอนเอนร่างกายเข้าซบอกผม
ให้หัวใจบริหารปอดหนักหน่วง ก้อนเนื้อทรวงอกเต้นแรงจนเจ็บ
รับรู้ทั้งสองฝ่าย...เราต้องการกันและกัน แล้วค่อยกดริมฝีปากกับหน้าผากมน
เก็บสกอร์แต้มเดียว ไม่มากกว่านั้นไม่น้อยกว่านี้
ต้องห้ามความรู้สึกดิบเถื่อนทุรนทุรายข้างในปางตาย
จะมีช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโดนผู้ปกครองตักเตือน
ผมบอกโกหกกับเด็กว่าเป็นข้อตกลงของทีมเราถึงผ่านพ้นมาได้
บางทีการถอยห่างทางร่างกาย กลับทำให้รู้ซึ้งถึงความโหยหาอาลัยอาวรณ์ทางจิตใจอย่างเห็นได้ชัด
คำตอบผุดพรายกระจ่างจ้าเสมือนมีแสงแดดส่องผ่านพ้นเมฆหมอกครื้มดำ...
ผมต้องการบี...ต้องการคนนี้เพียงคนเดียวจริงๆ
................
"...หลับตา" ก้มกระซิบข้างหู ดึงลึกเข้าซอกม่านสูงหลบสายตาผู้คน
ปล่อยทศกัณฐ์นกต่อหลอกล่อความสนใจผู้คนด้านโน้น
"อือ..." เหมือนไม่ยอมแต่ยินยอม
"บีคนเก่งทำได้อยู่แล้ว...ทำ-ได้" จุ๊บหน้าผากมนแผ่วเบา แล้วสวมกอดนุ่มนวล
มือเล็กๆ จับเสื้อยืดด้านหลังผม ดึงจนตึงแน่นแล้วกดนิ่งอยู่
ปล่อยความร้อนจากร่างกายเราวิ่งเข้าหากัน
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!
ชัยชนะของทีม ปลาบปลื้มยินดีกับลูกชู๊ตสามแต้มในสนามแข่งเมื่อครู่...พลันปลาสสิ้น
...................
[Born this way: เลดี้กาก้า]
http://www.youtube.com/v/wV1FrqwZyKwเช้ดดดดดดด ไม่น่าเลย! (="=)
ผมกุมขมับ สะกดตัวเองไม่ให้เอื้อมกดสัญญาณเพลิงไหม้ข้างเสา
อยากกระทืบเวทีล่มงานใจจะขาด
ชายกางเกงที่แอบดึงลงถูกพับขึ้นเหมือนเดิม โชว์ขาขาวมากเกินกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เวลาเหวี่ยงไม้เท้า จับปีกหมวกจูจุ๊บปากส่งจูบ
หมุนตัวเตะฉีกขาก้าวคร่อมเก้าอี้แล้วกระแทกนั่ง โอยยยยยย (TT0TT) เก็ทอยากตาย!!!
ผ่านๆๆๆ ข้ามซีนนี้ครับ รับไม่ได้T^T
.......................
...............................
อาคารโรงยิม สแตนด์ที่นั่งชิดแป้นติดหน้าประตูห้องนักกีฬา
ผมยังคงจัดการเชือกผูกรองเท้าให้มั่นกว่าเคย นัด 2 ถูกสั่งให้ตัวจริงตั้งแต่เปิดสนาม
“ตื่นเต้นๆๆๆ นี่ๆ ตื่นเต้นมั้ยเก็ท!?” หางเสียงสูง ไม่รวมดวงตากลมโต เขย่าเท้าเล่นตุบๆ
“...” พยายามไม่เหลือบมองขาขาวโผล่พ้นกางเกงชมพูตัวเดิม (ไม่เปลี่ยน บ้าชะมัด Y.Y)
ก้มง่วนทั้งที่เสร็จนานแล้ว (บีกับไอ้ลมอยู่ขั้นที่ 2 พวกเราอยู่ขั้นแรกจากพื้นสนาม)
“ไม่ต้องห่วง ไม่เท่าไหร่ นี่อ่อนสุด รองบ่อนเราทุกปี ไม่งั้นพี่ภู่ไม่ให้ลงก่อนหรอก” เก้งตัวสำรอง นั่งคู่เฟรมอยู่ข้างผม
โจโจ้ เอกและเพื่อนในทีม ม.4 คนอื่นลงวอร์มเข้าแถวเลย์อัพชู๊ตใต้แป้นกับพี่แมว
ทุ่มลูกเสียงดังตึงๆ กระโดดสูงลิ่ว คึกคักข่มขวัญคู่ต่อสู้
"OK!" ผม
“ไปกัน!”
“เล็ทโก!” เฟรมและเก้งฮึกเหิมวิ่งลงสนาม มีกองเชียร์ร้องตามหลัง...
“เต็มที่เว้ย!”
“จัดการ ท่านหัวหน้า!” เต๋ากับข่างกู่ก้อง
เต๋าเปลี่ยนสวมหัวหน้ากากเสือ ให้ข่างใส่หน้ากากยางลิงอุรังอุตัง โบกธงเย้วๆ
“สู้ๆ เว๊ยเพื่อน” ลม สลัดคราบทศกัณฐ์เป็นชุดธรรมดา
กางเกงวอร์มดำขายาวกับเสื้อยืดขาวสำหรับวิชาพละ
“เก็ททททท ชนะๆ~” เสียงใสชูสองนิ้วยืดสุดแขน
ผมหลุดมาด ติดอมยิ้มมุมปากเข้าสนาม
.................
สองโฆษกข้างสนาม พี่ ม.5 ฝีปากเก่งเกินคน
“เกมตอนนี้...อีก 5 นาทีจะหมดควอเตอร์ที่สองจะได้พักครึ่งกันล่ะ”
“เอาล่ะครับ สีเขียวโรงเรียน D ครองบอล ทุ่มลูกคุมเชิงหน้าเส้น 3 แต้ม จะส่งดีไม่ส่งดีเอ่ย เอ้า! ชู๊ตซะงั้น กะเก็บ 3 แต้มกันเลยทีเดียว”
“ลง-ไม่ลงๆๆ!” พี่นักพากย์ตื่นเต้น
(กรี๊ด / ว๊าย / โอ๊วววว ไม่ลง!/ลง!) ผู้ชมรายรอบสองทีม
เจ้าบ้านพวกเราตะโกนไม่ลงเสียงดังมากกว่าหลายเท่า
“โว้วววว! ไม่ลง เช็ดแป้นแรงไป น่าเสียดายไม่งั้นได้ขึ้นนำแน่นอน”
“โอกาสเป็นของเราแล้วครับ สีขาวทีมเรารีบาน์วได้ โดย---เบอร์ 13 อินฟินิตี้-เฟรมมมมม นั่นเอง!”
“พาสลูกให้รูปหล่อเพื่อนซี้ ได้ข่าวว่าสองคนนี้เรียน 4/1 ห้องเดียวกันใช่มั้ย”
“เยส! หมายเลข 20 เอกพาเลี้ยงเข้าในดงคู่ต่อสู้ หลุดเดี่ยวแล้วครับ แต่พระเอกของเรา...หยู๊ดดดดด หยุดๆๆ หยุดรอเพื่อนก่อน”
(555) กลับลำซะงั้น ผู้ชมฮาทั้งสนาม
“เหลืออีก 1 นาที 25 วินาทีจะหมดเวลา สกอร์เสมอกันอยู่ 19 ต่อ 19 มาดูกัน”
“แรงเยอร์สีขาวของเราดาหน้าเต็มพื้นที่ ทิ้งน้องต๋องคุมแป้นแค่คนเดียว”
“อ้าว! เอกเบอร์ 20 ยัดลูกใส่อกอินฟินิตี้เฟรม เล่นชอร์ทกัน แต่-โอ้ววววว”
---ปรี๊ดดดด-----
(บูววววววส์/ ไม่เอา!) โห่ไล่ยกสนาม กองเชียร์โรงเรียนเราทั้งนั้น
“นกหวีดเป่าฟาล์ว อินฟินิตี้ 13 ล้มไปแล้ว เหมือนจะโดนฟันศอกด้วย กรรมการไล่หมายเลข 5 สีเขียวออกจากสนาม เทคนิคัลฟาล์วรุนแรงเกินเหตุ เราได้ชูตลูกโทษกินเปล่า” โฆษกไมโครโฟนซ้ายมือถือหางพวกเราเต็มที่ จำได้ว่าเป็นพี่ ม.5 ห้องเดียวกับพี่โป๊งเหน่ง
“มาดูกัน เฟรมจะชู๊ตลงมั้ย หมายเลข 20 มือแม่นของเราก็เปลี่ยนออกตั้งแต่ควอเตอร์เมื่อกี้แล้ว”
"มีเวลาเตรียมตัวน้อยเกิน ต้องฟิตนิดนึงครับ"
20 คือเก้ง ตายหอบ ตะคริวกินน่องตั้งแต่เริ่มควอเตอร์ที่สอง ออกไปนั่งพร้อมโจโจ้ที่ไม่ฟิต ขาลากตั้งแต่ 10 นาทีแรก
“ม่าย-ลง โอ๊ะ รึว่าจงใจ!?” เสียงโฆษกจากไมค์เกือบตะโกน
เฟรมส่งซิกแวบเดียวก่อนกระโดดชู๊ตแรงแทบขว้าง
ต๋องเพื่อนร่วมทีมใกล้แป้นแทรกตัวขึ้นฉกรีบาร์ว ส่งต่อให้เอก พาสบอลเร็วมาที่ผม
“โอ้ มายก้อด! ตัว 3 แต้มของเราครับ และๆๆๆ ปล่อยบอลหลุดมือไปแล้ววววววว”
(“...”) ทั้งสนามเงียบกริบ
‘สวบบบบ’! เส้นด้ายตาข่ายกระทบลูกสีส้มเบาๆ ทว่าดังมากในความรู้สึก
(“เฮ้~~~”)
“3 แต้ม ลงไปอย่างสวยงาม”
“กิดากรสังหาร เจเรมี่ หลินของแท้”
‘ปรี๊ดดดดดดด!’ กรรมการหยุดเกมครึ่งแรก เหลือสองควอเตอร์สุดท้ายวัดฝีมือ
.....................
บนสแตนด์ ฝูงชนบ้าระห่ำเพราะเครียดสั่งสมมาตลอดครึ่งชั่วโมงตั้งแต่เริ่มแข่ง
เราตามมาตลอด เพิ่งพลิกมานำจากลูกเก่งของผม
“เก็ทททท~~~” เสียงเดียวได้ยินติดหูพร้อมรอยยิ้มหวานสดใส ชูสองนิ้วเชียร์สุดใจ
ผมเพิ่งยิ้มออก ยกมือทักตอบก็เห็นไอ้ลมลุกยืนปรบมือให้
ไม่ได้โฉบแวะไปหาเพราะพี่ภู่คว้าคอเข้าโซนที่พักนักกีฬา โดนดีแน่เรา...
“มึงไหวมั้ยเฟรม?” พี่แมวจอมวางแผน เสธประจำทีมแผนรุกไม่มีรับ
“...จุกพี่...ลิ้นปี่” เฟรมก้มตัวงอ เก้งพุ่งลงจากที่นั่งเข้าประคอง โจโจ้วอเตอร์บอยส่งน้ำดื่มให้ผม
“เป็นไงล่ะ เอก”
“แม่ม! เบอร์ 5 นั่นเล่นโคตรแรงพี่ ก่อนนั้นมันผลักผมด้วยอะ”
“มึงเข้าช้า มัวแต่แฮงค์อยู่ล่ะสิท่า พลาดหลายลูก ไม่ดูเพื่อนต่างหาก ไอ้ต๋องกับเก็ทมันก็ว่าง เป็นกูหน่อยไม่ได้” พี่โป๊งเหน่งเลือดร้อน
ดุเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ สุรากับเพื่อนพวกนี้
“พี่เตือนพวกมึงแล้วใช่มั้ย เรื่องนี้น่ะ---” พี่แมวอีกคน
“แมว! ไปวอร์ม เปลี่ยนตัวกับเอก มึงด้วยโป๊งเหน่ง แทนไอ้เฟรม เดี๋ยวกูบอกโค้ชเอง” พี่ภู่ดุเพื่อนตัวเอง สั่งการเด็ดขาด
“...ผมไหวพี่” เฟรมสวมปลอกแขนกัปตันในขณะนี้ยังเสนอ ทั้งที่ตัวงอเป็นกุ้ง
"ทำไมทิ้งห่างไม่ได้วะ ไหนว่าหมู" พี่วิน
"มันตัวจริงยกทีม มี ม.6 เล่นด้วย เบอร์ 4 ไอ้ตัวเลย์อัพนั่นน่ะ"
“ช่างเถอะน่า ตามแผนเลยละกัน เราดูออกหมดแล้ว ไว้ปล่อยพวกพี่ต่อเอง” พี่ภู่หิ้วปีกเฟรมอีกข้าง
“เข้ามาๆ ...” อาจารยโค้ชเข้าถึงกลุ่ม เรียกรวมพอดี
พักครึ่ง 20 นาที...สรุปเฟรมกับเอกออก พี่ภู่กับพี่แมวเข้า
โค้ชวางแผนไว้จะเปลี่ยนยกชุดในควอเตอร์ที่ 4
ต้องเปลี่ยนแผนการเล่นใหม่เพราะเฟรมเนื้อเขียวช้ำให้เห็น
ได้แต่ยกปลอกแขนกัปตันทีมคืนให้พี่ภู่
..................
ผมลงอีกแค่ควอเตอร์ที่ 3 ควอเตอร์เดียวก็ถูกเปลี่ยนออก
ตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม รุ่นพี่พร้อมใจกันตัวไว้ให้อยู่แดนหลัง และส่งลูกให้ชู๊ต 3 แต้มบ่อยครั้ง
ทีมเราชนะ ได้ครองถ้วยติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ในที่สุด
อีก 2 โรงเรียนได้เหรียญเงินและทองแดงเป็นรางวัล...ปิดจบงานโรงเรียนวันรักษ์ภาษาอย่างสวยงาม
************************TBC by puppyluv