,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]  (อ่าน 76365 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กลอยจะมาปวดขี้ตอนจะเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ตลอดไม่ได้นะ5555 มีอะไรเข้าปุ๊บก็จะออกปั๊บเลยหรา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คงจะคิดถึง​น่าดูเลยนะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ขี้หึงเว่อวังจริ๊งๆๆๆ

ออฟไลน์ cass-meyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น้องกลอยยยยย คิดถึงมากกกกกกก
คิดถึงความเกรียนของน้อง

รักเรื่องนี้กลับมาอ่านทีไรก็ยังสนุกเหมือนเดิม  :-[

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 ใส่ผักให้เยอะดีนัก เจอกลอยเกรียนใส่เลยจ้า
เอ็นดูความอ้อล้อของกลอยที่โชว่า

เป็นคนขี้บ่นตั้งแต่ตอนไหนล่ะนั่น ไม่ได้บ่นมานานอะเนาะ
แต่ความหื่นทุกเวลา ทุกนาที ก็ไม่ได้ลดลงกว่าเดิม
เพิ่มเติมเพราะห่างหายไปนาน เอ็นดูกลอยใจ
แต่กลอยก็ชอบยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เพราะแค่เป็นโช

ความหึงไม่เข้าใครออกใคร แล้วโชก็ออกอาการได้บ้าบอดี
ความซื่อตรงนี้ กลอยเกรียนยอมใจเลยมั้ง

ขอบคุณมากนะคะที่มีตอนพิเศษมาเติมความคิดถึง
มาอีกนะคะ เราจะมาตามอ่านจ้า

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ mochimanja2

  • มึน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 o13   :m20: สนุกมากๆๆ ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :mew4:พี่โชน่ารักมมากก

 :pig4: :pig4: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่โชเค้าขี้หึงขี้หวงก็เพราะน้องกลอยเค้าน่ารักอ่ะเนอะ ถึงจะเกรียนสมฉายาก็เถอะ ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน[ll] ตอนพิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?




   วันหยุดที่พี่โชจะมีเวลาว่างสักที ผมกระดี้กระด๊าตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงตอนนี้ เพราะคนได้หยุดรับปากว่าจะพาผมไปเที่ยว ไปในทุกที่ๆ ผมอยากไป จะเอาใจทุกอย่าง มันโคตรจะดีเลย...แต่

   “ไม่เกินชั่วโมงนะ” เสียงพูดเรียบๆ ที่ทำเอาภาพความสนุกในสมองหดหาย

   “อืม ก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา” ตอบกลับอย่างเสียไม่ได้

   “เอาน่า แปบเดียว พี่จะรีบทำให้เสร็จไวๆ โอเค?”

   “ไม่โอเคได้ด้วยเหรอ” พี่โชยิ้มออกมา มือขาวยื่นมาขยี้หัวของผมซะผมฟูฟ่อง “กลอยรอข้างนอกนะ”

   “ครับ”

   แล้วผมก็ยืนมองพี่โชเดินเข้าไปในตัวโครงสร้างของตึกขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้เสร็จไปแล้วเกินกว่าครึ่ง ใช่ครับ วันหยุดที่เหมือนไม่ได้หยุดทำเอาผมหน้าแห้งเลยทีเดียว อุตส่าห์วางแผนซะดิบดี สุดท้ายโดนโทรศัพท์สายด่วนให้มาดูหน้างาน เพราะเจ้าของอยากเปลี่ยนบางอย่าง พ่อของพี่โชก็ไม่อยู่ พี่อัลสามีพี่ชีสก็ไม่อยู่ ทุกอย่างเลยมาที่พี่โชแทน
 
   ไอ้กลอยเซ็ง กว่าจะมีวันหยุดให้ได้เที่ยวเต็มอิ่มบ้าง

   แต่เรื่องงานจริงๆ ผมก็เข้าใจครับ ว่ามันปฏิเสธไม่ได้ รู้ดีและรู้ซึ้งกับงานเร่งด่วน เคยเจอมาแล้วกับตัวในช่วงที่ทำงานที่เก่า ลูกค้าอยากเปลี่ยนตอนนี้ เราก็ต้องทำตอนนี้ ไม่ว่าเราจะกินข้าว อาบน้ำ หรือแม้แต่นอนหลับอยู่ก็ต้องลุกขึ้นมาทำ ไอ้กลอยรู้ดีทุกอย่าง

   แต่ก็อยากหยุดบ้าง!

   ผมยืนพิงกับตัวรถ ขายกเตะฝุ่นไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีอะไรทำ ตอนแรกจะตามเข้าไปด้วย แต่ถูกสั่งห้าม สาเหตุคงเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากห่วงและหวง ห่วงเพราะกลัวผมเดินซุ่มซ่ามชนนั่นนี่ ไม่ก็ไปเกะกะคนงานเขา ส่วนหวงก็...พอดีผมเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเลยผูกมิตรกับพี่ๆ ที่บริษัทพี่โชไปทั่ว โดนเฉพาะแผนกออกแบบ แล้ววันนี้พี่รองหัวหน้าแผนกที่เคยพาผมไปกินข้าวเป็นคนมาดูหน้างานเอง คงเดากันได้แล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมผมถูกสั่งห้าม..

   คุยเก่งไปก็อยู่ยากมากจริงๆ นะครับ

   ด้วยความเบื่อผมเลยเดินดูนั่น ดูนี่ จนมาเจอกองทรายกองใหญ่ ข้างๆ มีเด็กหลายวัยกำลังเล่นกันอยู่ ด้วยความเป็นคนรักเด็ก (?) เลยเดินเข้าไปหา พอทุกคนเห็นหน้าผมก็หยุดนิ่งทำตาปริบๆ มอง เอาซะผมรู้สึกเหมือนเอเลี่ยนที่เด็กไม่เคยเห็น ผมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อยนะเฮ้ย

   “ทำอะไรกันอยู่” อยากทำลายความเงียบเลยถามออกไป ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงตอบ

   “เล่นไง คิดว่ากินข้าวเหรอ” เสียงแหลมแทรกขึ้น เด็กที่พูดเป็นผู้หญิง อายุน่าจะพอๆ หลานพี่โชแน่ๆ “แล้วลุงเป็นใคร”
 
   อื่อฮือ โดนสวนเมื่อกี้ ยังไม่เจ็บปวดเท่าถูกเรียกว่าลุง

   “พี่ก็พอ ลุงที่ไหนจะหนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยวขนาดนี้” นี่ถ้ากลุ่มตรงหน้าเป็นพวกพี่แทมละก็ มีเต้นเข้ามุกเพลงไปแล้ว แต่นี่เป็นเด็ก กลัวไม่เข้าใจแล้วจะพาลกลัว “แล้วนี่ทำไมไม่ไปเรียน หรือว่าขี้เกียจ ไม่ดีนะเนี่ย”

   “วันนี้วันหยุดต่างหาก ลุงไม่รู้เหรอ”

   เหมือนโดนด่าว่าโง่กลายๆ แต่ช่างเถอะ ไอ้กลอยปล่อยเบลอได้ไม่ถือสา

   “ก็แค่ลืม...แล้วนี่เล่นอะไรกันอยู่ ขายของเหรอ หรือสร้างปราสาททราย”

   “พวกเราเล่นพ่อแม่ลูกครับ” เด็กผู้ชายน่าจะโตกว่าตอบบ้าง ผมก็พยักหน้าเข้าใจ “ลุงอยากเล่นด้วยไหม”

   “ไม่ล่ะ” ลุงอีกแล้ว นี่ผมแก่ขนาดโดนเรียกว่าลุงจริงๆ เหรอ อายุยี่สิบนิดๆ เองนะ

   “ทำไมล่ะ พวกเราขาดคนพอดี”

   “ขาดคน? ขาดยังไง” เพราะเท่าที่เห็นก็หกคนแล้ว พ่อแม่ลูกก็แค่สามหรือเปล่าวะ

   “ก็คนใช้ไง” เสียงแหลมชิงพูด ก่อนเด็กทุกคนจะพากันหัวเราะ ส่วนผมได้แต่ยืนข่มความเจ็บช้ำ

   ทั้งลุง ทั้งคนใช้ นี่ชีวิตผมเคยมีอะไรดีๆ บ้างไหม ตั้งแต่เรียนแล้ว ละครเวทีก็เป็นตัวประกอบ ไอ้กลอยอยากเป็นคนหล่อ อยากเป็นพระเอกบ้าง

   “เล่นพ่อแม่ลูกเบื่อจะตาย มาเล่นอย่างอื่นดีกว่า สนใจไหม” พอสู้เด็กไม่ได้ ผมก็เริ่มเปลี่ยนวิธี พูดจบมีหลายคนมองอย่างสนใจ ยกเว้นเด็กน้อยเสียงแหลม “เป็นเกมส์ทายปริศนา ใครทายถูก มีขนมให้ด้วยนะ” หลอกล่อให้สุด เรื่องนี้ผมถนัดนัก

   “ไหนล่ะขนม” นั่นแหน่ะ เริ่มสนใจแล้ว

   “รอแป๊บ”

   ว่าแล้วผมก็ย้อนกลับไปที่รถ พลางเปิดท้ายรถแล้วหยิบขนมห่อใหญ่ออกมา ดีนะก่อนมาที่นี่ได้แวะห้างซื้อของมาก่อน ไม่งั้นไม่มีของแลกเปลี่ยน ผมกลับมาอีกที เด็กทุกคนก็หันมาสนใจ แต่สายตาพุ่งที่ขนมในมือผมมากกว่า

   “ไง ใครสนใจอยากเล่นเกมส์ทายปริศนาบ้าง” ผมลองแหว่งห่อขนมไปมา เด็กๆ ต่างก็มองตามกันเป็นแถว “ยกมือให้ดูหน่อย” ว่าแล้วทุกคนก็ยกมือกันให้พรึ่บ รวมทั้งเด็กเสียงแหลมด้วย “แต่ก่อนจะเล่น เราต้องรู้จักกันก่อน ใช่ไหม”

   “ใช่ๆ” ตอบแทบจะพร้อมกันหมด ค่อยใจชื้นมาหน่อย

   “งั้นพี่จะบอกชื่อก่อน พี่ชื่อกลอย” ฉีกยิ้มให้ดูเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กๆ ทุกคนก็เริ่มบอกชื่อ บ้างก็ชื่อไทยจำง่าย บ้างก็มีชื่อแปลก คงเป็นภาษาถิ่นของเขา ผมคงไม่กล้าถามที่มา ส่วนเด็กที่ปากดีกับผมชื่อมาลี ระหว่างที่ทุกคนบอกเชื่อ ผมก็ยื่นอมยิ้มให้ก่อน เมื่อกี้เอาใส่กระเป๋ากางเกงมาด้วย

   “ไหนล่ะเกมส์” เด็กมาลีรีบถาม มือยัดอมยิ้มใส่กระเป๋ากางเกง

   “ใจร้อนจริง งั้นมาเริ่มดีกว่า” ผมเดินไปลากถังเปล่ามาเพื่อเป็นที่นั่ง ยืนนานๆ ก็เมื่อย อีกอย่าง เด็กๆ เงยหน้ามองผมคงจะปวดคอเหมือนกัน “ใครท่องกอไก่ถึงฮอนกฮูกได้ ไหนยกมือหน่อย” แล้วก็พากันยกหมด “ดีมาก เกมส์นี้เล่นง่ายๆ ไม่ยาก” ยิ้มพรายเมื่อเด็กดูสนใจ (ขนม)

   ผมลองให้เด็กทุกคนท่องพยัญชนะของไทยแบบธรรมดาไปเรื่อยๆ แม้บางตัวผมจะขมวดคิ้วเพราะที่เรียงลำดับในสมองผิด แต่ก็ทำเนียนๆ เหมือนเป็นเซียนไปงั้น จนมาถึงตัวสุดท้าย เด็กๆ ถึงกับร้องดีใจคิดว่าได้ขนม

   “มันง่ายไปนะ” บอกหลังจากมีฝ่ามือเล็กๆ หลายคู่ยื่นมาตรงหน้า

   “อ่าว แล้วให้ท่องทำไม งี้แหละ ถึงไม่อยากโต” ผมหันไปมองเด็กมาลีที่ทำหน้าง้ำงอ

   “ทำไมถึงไม่อยากโตล่ะ”

   “ก็ถ้าโตไปแล้วขี้โกง เป็นเด็กดีกว่า”

   เหมือนถูกเข็มแหลมพุ่งมาปักเต็มหน้าจนชาดิก ด่าได้เจ็บแสบชะมัด ผมอ้าปากพยายามหาเสียงตัวเองจนเจอ พยายามตีหน้าเริงร่าต่อ แม้ในอกจะเจ็บแปลบเหมือนฟ้าแลบแปล๊บๆ มาใส่

   “เขาไม่เรียกว่าโกงสักหน่อย เขาเรียกว่าลองเชิงดูต่างหาก”

   “แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะได้ขนมล่ะ พูดมากเหมือนแม่เลย”

   “ก็ได้ๆ งั้น ต่อไปนี้ ตอบในสิ่งที่พี่ถาม ใครยกมือตอบถูกคนแรก เอาขนมไปเลย โอเคไหม”

   “โอเค”

   “ดีมาก จะเริ่มแล้วนะ”

   แล้วรอยยิ้มพร้อมความกระตือรือร้นของเด็กๆ ก็กลับมาใหม่ ผมฉีกยิ้มพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เด็กพวกนี้ฉลาดพอดู ดังนั้น คำถามต้องสร้างสรรค์สักหน่อย

   “คำถามที่หนึ่ง” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมา “ใครรู้บ้าง ว่าแพะร้องยังไง” แป๊บเดียวก็มีเด็กผู้ชายยกมือขึ้นคนแรก “ร้องว่าไง”

   “แพะร้องแบะๆ ครับ” ตอบด้วยความมั่นใจพร้อมรอยยิ้มกว้าง

   “ถูกไหมน้า” ทำท่าครุ่นคิดจนคนตอบเริ่มหน้าเสีย เรื่องแกล้งเด็กขอให้บอก ไอ้กลอยถนัด (ขี้โม้ไปเรื่อย)

   “ถูกๆๆ” เสียงมาจากทุกคนที่ช่วยลุ้น และพอผมพยักหน้า ไม่เพียงแค่คนตอบถูก แต่เป็นทุกคนที่ร้องอย่างดีใจกับเพื่อนที่ได้

   มิตรภาพมักสวยงามเสมอ

   “คำถามที่สอง ยังไม่ได้ถาม มาลีเอามือลงก่อน” แค่เกริ่นเด็กมาลีก็ยกมือรอ ทำเอาทุกคนขำกันใหญ่ แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้โกรธเคือง นอกจากยิ้มอายๆ ที่ใจร้อน “ไก่ร้องยังไง ยกมือ”

   “ไก่ร้องกระต๊ากๆ ค่ะ” เด็กผู้หญิงคนข้างๆ มาลียกมือได้ก่อน ทำเอาคนเคยยกรอหน้าบูดเมื่อไม่ได้ขนม

   “คำถามที่สาม แมวร้องยังไงใครรู้บ้าง”

   “แมวร้องเหมียวๆ เดี๋ยวก็มาครับ” แล้วก็มีคนยกตัดหน้าเด็กมาลีอีกจนได้ ผมได้แต่กลั้นขำเมื่อเด็กน้อยตีหน้ายุ่งใส่เพื่อน

   มิตรภาพเริ่มสั่นคลอน เพราะผมเลวที่แกล้งใช่ไหม...ตอบเองเลยว่าใช่

   ทายไปทายมาจนเหลือคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ขนม ตอนแรกก็คิดจะแจก แต่ก็ดูไม่แฟร์กับคนอื่นที่แย่งตอบคำถาม หลังจากถูกตัดหน้ายกมือไปหลายรอบ เด็กมาลีก็ไม่ยกอีกเลย จนมาคนสุดท้าย ท้ายสุดนี่แหละ

   “เหลือซองสุดท้าย สำหรับคนสุดท้ายพอดี” ผมว่า เด็กมาลีค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา ดวงตากลมจ้องผมเป็นมัน “คำถามง่ายๆ เลย”

   “ถามมาเลย” คนอยากได้ขนมรีบลุกขึ้นยืน

   “ควายร้องยังไง” ถามไปปุ๊บ เด็กมาลีก็เชิ่ดหน้า ปากเล็กๆ ยิ้มกว้างออกมาทันที

   “ง่ายๆ ควายก็ร้องว่า มอๆ ไง” ตอบอย่างมั่นใจ ผมเม้มปากไม่อยากหัวเราะให้เด็กหมดความมั่นใจ แต่ก็นะ มันอดไม่ได้จริงๆ “ลุงขำอะไร ไหนล่ะขนมของมาลี”

   “มาลีตอบผิด พี่จะให้ขนมได้ยังไง” เด็กทุกคนพากันมองมาลีอย่างงงๆ ก่อนหันมามองผมอย่างสงสัย

   “ตอบผิด? ผิดยังไง ก็ควายร้องมอๆ ก็ถูกแล้ว ลุงแหละมั่ว”

   ยังไม่เลิกเรียกลุงอีก

   “ไม่ได้มั่ว ควายไม่ได้ร้องมอๆ สักหน่อย วัวต่างหากที่ร้องมอๆ น่ะ” พอผมบอกปุ๊บ เด็กทุกคนก็พากันพยักหน้าลงอย่างเห็นด้วย ต่างจากคนตอบที่ยังไม่ยอมรับความจริง

   “งั้น ถ้าวัวร้องมอๆ แล้วควายร้องว่ายังไงล่ะ ไหนลุงร้องบอกหน่อยสิ” มีย้อนถามกลับซะด้วย ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางเดินอ้อมไปด้านข้าง ใช้ความตัวใหญ่เข้าข่มเด็ก

   “ควายก็ร้องว่า...โอ๊ย”

       แทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ขา พอถลกขากางเกงขึ้น ถึงได้เห็นว่ามดแดงเต็มหน้าแข้งไปหมด มันคงจะอยู่ใต้ถังเปล่าที่ผมไปลากมา แล้วก็แอบมุดไปในกางเกงโดยที่ผมไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมเต้นเท้าไฟสุดเพื่อเขย่ามดออก มือข้างหนึ่งปัด อีกข้างหนึ่งพยายามไล่บี้ตัวที่มันอยู่ต้นขา กว่าจะปัดออกหมดเล่นเอาเหงื่อตก คันก็คัน แสบก็แสบ ทรมานได้อีก

        และพอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เจอสายตาเด็กหลายคู่จ้อง ผมพยายามส่งยิ้มเพราะเด็กอาจเป็นห่วง แต่เปล่าเลย สิ่งที่กำลังถูกถามมา เล่นเอาผมใบ้กิน

   “มาลีเพิ่งเคยได้ยิน ว่าควายมันร้องว่าโอ๊ย” ดูเหมือนเป็นคำถามใสซื่อ แต่สำหรับผม เหมือนด่าเลยว่ะ

   “ไม่ใช่ ควายไม่ได้ร้องว่าโอ๊ย เมื่อกี้มัน...”

   “ก็ลุงบอกเอง ทุกคนก็ได้ยิน ว่าควายมันร้องว่าโอ๊ย”

   “ไม่ใช่...”

   ก่อนที่ผมจะป้าปากอธิบาย เสียงหัวเราะก็ดังแทรกเข้ามา แน่นอนว่าไม่ใช่เด็กที่นั่งมองหน้าผมแน่ เพราะทุกคนกำลังสงสัยเรื่องเสียงร้องของควาย พี่โชเดินเม้มริมฝีปากมากับพี่รองหัวหน้าแผนก แล้วก็มีลุงที่เป็นช่างอีกสองสามคน ซึ่งทุกคนพากันขำหมด

   ได้ยินเมื่อกี้หมดใช่ไหมเนี่ย

   “เล่นอะไรอยู่” พี่โชถาม แม้จะพยายามทำเสียงดูเป็นปกติ แต่เจือเสียงสั่นของการกลั้นขำอยู่

   “เสร็จแล้วเหรอ” รีบเอาขนมถุงสุดท้ายให้เด็กมาลีไป ก่อนจะเดินมาหาพี่โช แม้จะดูลำบากไปบ้างก็ตามเพราะต้องก้มเกาขาตัวเองทั้งสองข้าง

   “เป็นอะไร” จากที่ขำเมื่อกี้เริ่มนิ่ง ดวงตาดุตวัดมองขาผม ที่ตอนนี้ขากางเกงถูกถลกขึ้นมากองบนน่อง จนเห็นรอยแดงกับตุ่มพองๆ อย่างชัดเจน “ไปโดนอะไรมา”

   “มดกัด พี่โชคัน” ว่าแล้วก็นั่งยองๆ แล้วเกาอย่างมันมือจนเลือดติดเล็บออกมา พี่โชถึงกับฉุดให้ผมยืนแล้วดึงไปที่รถโดยไม่ได้บอกลาหรือทักทายใครเลย

   โดยเฉพาะ ไม่ได้แก้ให้เด็กๆ รู้เลย ว่าควายไม่ได้ร้องว่าโอ๊ย!


   มาถึงรถผมก็ถูกจับยัดเข้าไปนั่ง โดยที่พี่โชรีบวิ่งอ้อมไปนั่งหลังพวงมาลัยแล้วออกรถอย่างเร็วจนผมตกใจ แต่พูดมากไม่ได้เพราะต้องเกา ตอนนี้เหมือนความรับรู้ทุกอย่างจะพุ่งไปที่ขาทั้งสองข้าง ยิ่งต้นขาที่ไม่สามารถเกาตรงๆ ได้ยิ่งคัน จนผมทนไม่ไหวต้องถอดกางเกงมันในรถ พี่โชตกใจในคราแรก แต่พอเห็นรอยแดงมากมายเต็มขาก็เงียบไป พลางเพิ่มความเร็วจนผมกลัวตำรวจจะจับเอาสักแยก

   นานพอสมควรว่ารถคันสวยจะจอด ผมหันหน้าไปดูนอกหน้าต่างรถ ป้ายคลินิกที่เคยมาสมัยล้มหัวเข่าเจ็บยังเหมือนเดิม ว่าแต่ พาผมมาที่นี่ทำไม

   “พี่โช เดี๋ยวๆ” มัวแต่คิดเลยลืมดูว่าพี่โชเดินอ้อมมาเปิดประตู ผมรีบรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมออก แม้จะเจอสายตาดุอยู่

   “เร็วๆ เกาจนเลือดเต็มขาไปหมดแล้วน่ะ” น้ำเสียงดุจนผมอ้าปากค้าง นานแล้วที่ไม่ถูกกดเสียงต่ำแบบนี้ แต่ใบหน้ากับนัยน์ตาที่มองมาทำเอาผมเม้มริมฝีปาก “กลอย รีบออกมา”

   “ใส่กางเกงก่อนได้ป่ะ” ตอนนี้ท่อนล่างผมเหลือแค่บ็อกเซอร์ ซึ่งถ้าเป็นลายธรรมดาๆ ละก็ ผมคงลงเพราะหน้าทนอยู่แล้ว แต่นี่ลายเป็ดสีเหลืองเด่น แม้หน้าจะหนาเพียงใด แต่ยางอายก็ยังพอหลงเหลือบ้าง แต่สิ่งที่ผมขอ ดูจะไม่เป็นผล เมื่อพี่โชสอดตัวเข้ามาช้อนขากับตัวผมขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมถูกอุ้มเรียบร้อย เหมือนเดจาวูเมื่อท่าอุ้มเหมือนกับครั้งแรกที่มา “พี่โชเดี๋ยวๆ”

   ไม่มีการตอบโต้ใดๆ นอกจากการใช้เท้าปิดประตูรถเสียงดังสนั่น แล้วก้าวยาวๆ พาผมเข้าคลินิก ผู้คนที่มารอรับการรักษาต่างพากันมองอย่างสนใจ บ้างก็คิดว่าผมอาการหนักถึงกับหลีกทางให้พี่โชเดิน เอ่อ ผมยังแข็งแรงดีครับ  เลือดเต็มขาก็มาจากการเกา ไม่ได้หักหรือขาดแต่อย่างใด

   “อ่าวโช น้องเป็นอะไรน่ะ” พี่สา หมอสาวสวยญาติสนิทของพี่โชทักอย่างตกใจ เธอรีบเรียกให้พี่โชตามเข้าไปในห้องตรวจ

   นี่ผมแซงคิวคนอื่นอีกแล้ว

   “ไปโดนอะไรกัดมาคะเนี่ย เลือดแดงเต็มขาไปหมด” พี่พยาบาลมองอย่างตกใจ พอๆ กับคุณหมอที่กำลังพลิกขาผมไปมาเพื่อดูร่องรอย

   “มดแดงกัด” คนตอบเป็นคนที่ยืนข้างผม พี่โชขมวดคิ้วมองอย่างกังวล อาจเพราะขาผมมีเลือดด้วยละมั้ง เกาเพลินจนลืมสนใจไปหน่อย “จะเป็นอะไรมากไหมพี่”

   “ปกติแล้วกลอยแพ้มดกัด หรือแมลงชนิดอื่นกัดไหม” คุณหมอคนสวยไม่ตอบพี่โช แต่เลือกที่จะถามผมแทน ซึ่งผมก็รีบส่ายหน้าบอก “งั้นก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เดี๋ยวจะให้ยาทาไป ตรงที่บวมเอาน้ำแข็งประคบน่าจะยุบลง แต่ถ้ากลับไปแล้วรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ให้รีบไปโรงพยาบาลด่วนๆ เลยนะ”   

   “แล้วไม่ต้องฉีดยาแก้แพ้เหรอ” พี่โชถามเพราะยังห่วง มือใหญ่คอยยื่นมาตบมือผมไม่ให้เกาขา

   “ถ้าไม่มีอาการแพ้รุนแรงแบบเฉียบพลัน หรือไม่มีประวัติแพ้แมลงกัดก็ไม่ต้อง บางจุดมันจะหายบวมเอง” ว่าแล้วพี่หมอคนสวยก็ชี้ไปตรงตาตุ่มของผม ที่อาการบวมเริ่มยุบเหลือเพียงรอยจุดแดง “ต่อไปก็ระวังๆ หน่อย จะยืนหรือทำอะไรดูพื้นก่อน เกิดเป็นตัวที่มีพิษจะอันตราย”

   “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้เมื่อได้พูดบ้าง ปล่อยให้พี่โชพูดอยู่คนเดียวหาที่แทรกแทบไม่ได้ ตอนนี้พี่พยาบาลใช้น้ำเกลือชุบสำลีแล้วล้างขาผมทั้งสองข้าง ก่อนเอาขี้ผึ้งสีเหลืองๆ มาทาทับอีกรอบ รู้สึกหายคันไปพอสมควร แม้จะยังมีอาการจี๊ดๆ บ้างเล็กน้อยถึงปานกลางก็เถอะ

   ระหว่างทายาผมมองหาพี่โชที่เดินตามหลังพี่หมอออกไป และพอทายาเสร็จ คนหายไปก็กลับมาพร้อมกางเกงขาสั้นในมือ
 
   “ใส่ตัวนี้ก่อน”

   “ของใคร?”

   รับมาเสร็จก็รีบกางดู
 
   “ของอาพี่เอง”

   “ของอาหมอ? กลอยจะใส่ได้ไง ไม่เอา”

   “กลอย”

   เสียงเรียกชื่อที่โทนเสียงต่ำมาก จนผมต้องรีบพยักหน้าแล้วสอดขาใส่กางเกงทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็เดินตามพี่โชออกไปด้านนอก ไม่ลืมยกมือไหว้คุณอาหมอที่ออกมาทักทาย แอบเห็นคุณอาหมอมองกางเกงที่ผมใส่ด้วย ไม่รู้ไปหยิบมาเฉยๆ หรือเอ่ยปากยืมมากันแน่ พี่โชเนี่ย

   ออกจากคลินิกมาแล้ว ปลายทางคือกลับห้อง แพลนเที่ยวทุกอย่างถูกพับโครงการหมด ต้องโทษมดแดงพวกนั้นที่ทำให้ผมอดเที่ยว คอยดูเถอะ เจอที่ไหนจะเอาน้ำร้อนไปราดให้ตายยกรังเลย และช่วงที่รถติดไฟแดง ผมยกกางเกงตัวเดิมขึ้นมาดู ยังเห็นมดที่ไม่ตายเดินไปมา เลยบี้ให้มันเละด้วยความแค้น

   “พี่โช รู้ไหมว่ามดสามตัวร้องว่ายังไง” แล้วก็มีคำถามไปให้คนที่นั่งเงียบมาตลอดทาง แม้บ่อยครั้งจะก้มมองขาของผมที่ยังเป็นจุดแดง

   “ไม่รู้” แม้จะตอบเสียงแข็ง แต่ก็เริ่มมีส่วนร่วมบ้าง

   “ง่ายจะตาย มดสามตัวมันก็ร้องว่า แอ่น แอ๊น แอ้น ไง” พูดจบก็ขำออกมา พอหันไปมองคนข้างๆ กลับตีหน้านิ่ง พี่โชเบ้ปาก กรอกตามองบนเอาซะผมขำแห้ง “มุกนี้ไม่ขำเหรอ”

   “ไม่ขำ” เสียงตอบกลับเอาซะอกแฟบ ก่อนจะทำตาโตเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “ไม่ขำเท่าควายร้องว่าโอ๊ยเมื่อกี้” แล้วคนพูดก็หลุดหัวเราะออกมา “ไหน ควายลองร้องโอ๊ยให้ฟังหน่อย”

   “นี่ก็ไม่ขำ” ยกมือของพี่โชมางับเป็นการแก้แค้น แต่คนโดนกลับยังหัวเราะออกมาหน้าตาเฉย “พี่โช หยุดขำเลยนะ”

   “ก็มันตลก เกิดมายี่สิบกว่าปี เพิ่งเคยได้ยินควายร้องโอ๊ย กลอยร้องเหมือนมาก”

   “ยัง ยังไม่หยุดอีก เลิกซ้ำเติมสักที”
 
        มดแดงนั่นอีกแล้ว ที่ทำให้ไอ้กลอยคนนี้ดูแย่

   “ว่าแต่ พี่โชรู้ไหม ว่าควายร้องว่ายังไง”

   “ก็ร้องโอ๊ยไง”

   “พี่โช”

   “โอเคๆ ไม่ขำแล้ว” ไม่ขำแต่ยังยิ้มอะ “พี่ไม่รู้ แล้วกลอยรู้เหรอ”

   “ไม่รู้อะ”

   “อ่าว แล้วเอาไปถามเด็กทำไม”

   “ก็แค่อยากแกล้ง...นิดหน่อยเอง”

   “อยากแกล้งคนอื่น เลยโดนเล่นซะเอง” รีบพยักหน้าเห็นด้วยที่สุด “แต่จังหวะมันได้จริงๆ ควายร้องโอ๊ย”

   “พี่โชหยุดขำเลยนะ ห้ามยิ้มด้วย”

   “แม่งควายร้องโอ๊ย คิดได้ไงวะ”

   อยากบอกว่าไม่ได้คิดโว๊ย มดมันกัดตอนนั้นก็ร้องออกมา จังหวะแม่งโคตรซิทคอม

   “ปีศาจ ห้ามหัวเราะกลอย!”

   “ครับๆๆ”

   แม้จะรับปากแต่ก็ยังไม่หยุดหัวเราะ พอแผลมดกัดของผมดีขึ้น ก็ออกฤทธิ์ ออกเดชเลยนะปีศาจโช มันน่าเอามดที่เหลือดีดใส่ให้ไปกัดซะจริง

   “ถ้าหัวเราะอีก กลอยจะไม่คุยด้วยละนะ”

   “หยุดแล้วครับ พอใจไหม”

   “ไม่พอใจ ต้องเลี้ยงข้าวด้วยถึงจะพอใจ”

   “วกกลับมาเรื่องกินตลอดนะเราเนี่ย”

   “แน่นอน ควายต้องเดิน เอ้ย กองทัพต้องเดินด้วยท้องสิ” ได้ยินคำว่าควายบ่อยจนติดปาก พี่โชหลุดขำออกมาอีก คราวนี้หน้าดำ หน้าแดง หัวเราะไม่ยอมหยุด “ห้ามหัวเราะ พี่โชโว๊ย” ในเมื่อไม่มีมดเหลือ เลยควักขี้มูกออกมาดีดใส่ พี่โชโวยวายทันทีแต่ผมไม่สน ให้รู้ซะบ้าง ว่าอย่าลองดีกับท่านกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้...ว่าแต่

   ...มีใครรู้บ้างครับ ว่าควาย...มันร้องว่ายังไง 

   กดหนึ่ง...มอๆ

   กดสอง...อุแอ๊ อุแอ๊

   กดสาม...อะแอ๊ อะแอ๊

   หรือกดสี่...ควายมันจะร้องยังไง ก็เรื่องของควายสิ 



...


มาแบบสั้นๆ ค่า หวังว่ายังไม่ลืมน้องกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้ (ทำตาเว้าวอน)

หวังว่าทุกคนจะมีรอยยิ้มได้ไม่มากก็น้อย หรืออาจไม่มีเลย (น้ำตา)

แล้วพบกันใหม่ค่าาาา

ว่าแต่...ควายร้องว่ายังไงน้อ???

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เราก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าควายมันร้องว่าโอ๊ย  :laugh: :laugh: :laugh: กลอยเอ้ยกลอย

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
จะแกล้งเด็กดันโดนดีซะเองงงง กลอยเอ๊ยยยย กรรมตามทันใช่ม่ะ 5555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กลอยเอ้ยอดเที่ยวไม่พอ กลายเป็นควายไปอี๊ก 55

ออฟไลน์ cass-meyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
พึ่งเห็นว่าคนเขียนแอบมาลงตอนพิเศษให้
ขอบคุณมากๆนะคะ สนุกมากกกก
คิดถึงพี่โชกับน้องกลอยที่สุด
ว่าแต่ ควาย ร้องโอ้ย เนี่ยสมเป็น้องกลอยดีนะคะ ^^

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกมาก ๆ ครับ พี่โชก็ยังขี้หึงเหมือนเดิม ส่วนกลอยก็เกรียนแต่น่ารักเหมือนเดิม



ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่วายมีเรื่องเนอะกลอย

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
5555555 น่ารักมาก
ตลกในความเกรียนของกลอย
ได้กลับมาอ่านเรื่องนี้ภาคต่อแล้วดีต่อใจ
ชอบผองเพื่อนมากๆ รวมกลุ่มกันที่ไรเฮฮาตลอด
โดยส่วนตัวเราชอบตัวละครซันมากเลย ชอบมาตั้งแต่ภาคแรกเลย
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบมากๆ อิอิ แต่ชอบมาก
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ น่ารักสนุกๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Khongsak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตามมาตั้งแต่ภาค1  มาต่อภาค2  ขอภาค3ต่อ​ ได้มั้ยคะ​ สนุกดี​ เบาสมองคลายเครียด​ ชอบกลอยและผองเพื่อน​  :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2019 12:35:36 โดย Khongsak »

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เรื่องหลอนๆ ในคืนวันเพ็ญ



    เป็นเพราะวันสิ้นเดือนตุลาคมต่างคนต่างติดภารกิจส่วนตัว งานวันฮาโลวีนที่ตั้งใจไว้เลยจำเป็นต้องพับเก็บโปรเจคไปแบบน่าเสียดาย แต่แล้วก็ได้ผู้ใหญ่ใจดีอย่างแม่ของพี่แทม ที่คิดจัดงานย้อนหลังให้ โดยงานจะจัดขึ้นที่บ้าน ซึ่งเป็นการจัดแบบรวบสองงานในวันเดียว นั่นคือวันฮาโลวีนและวันลอยกระทง ดังนั้นธีมที่ถูกบรีฟผ่านสายโทรศัพท์มา คือการแต่งตัวเป็นผีมาลอยกระทงที่สระน้ำอย่างปีก่อน ผมละอยากรู้จริงๆ ว่างานมันจะไปไหนทางไหน ไทยกับเทศมารวมกันจะกลมกล่อมหรือฮาขนาดไหน
 
   ที่แน่ๆ เงินรางวัลชุดยอดเยี่ยมต้องเป็นของผมคนนี้เช่นเดิม ฟันเฉาะ เอ้ย ฟันธง ฟันเฟิร์ม
   
   “พี่โชว่ากลอยจะได้รางวัลไหม” แม้จะมั่นใจในคอสตูมของตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม ผมเหล่หางตามองไปยังคนที่กำลังขับรถด้วยใบหน้าเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดเป็นปมตั้งแต่ก้าวขาออกจากห้อง แถมยังเอาเสื้อแขนยาวตัวเองมาคลุมหัวผมตลอดการเดินออกจากคอนโดอีก ไม่รู้เป็นอะไรของเขา ผมเกือบล้มตอนออกลิฟต์ด้วย นึกแล้วก็ยังเคืองไม่หาย “พี่โช กลอยถามได้ยินไหม”

   “น่าจะได้มั้ง” คำตอบที่ได้ ดูเหมือนตอบไปทีจนแทบอยากยื่นมือไปตี แต่ติดที่ว่าทำไปแล้ว อาจโดนทบต้นทบดอก เลยได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดจนพี่โชถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตาคู่ดุหันมามองผมในขณะที่รถจอดติดไฟแดง “ทำถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ได้ให้มันรู้ไป”

   “พูดแบบนี้น่าให้รางวัล” ว่าแล้วก็จะทำท่ายื่นหน้าไป ติดตรงพี่โชรีบชี้นิ้วสั่งพร้อมถลึงตาใส่แทบจะทันที

   “อย่าขยับนะ นั่งนิ่งๆ ไปดีแล้ว”

   “นี่พี่โช...รังเกียจกลอยเหรอ”

   “เออ”

   ตอบซะไม่รักษาน้ำใจกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้เลย น้อยใจชะมัด พอเห็นผมทำปากเป็ด พี่โชก็ขำออกมาพลางยื่นมือมาจะขยี้หัว แต่ก็ชะงักแล้วชักมือกลับ นี่รังเกียจจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย

   ผมเบ้ปากพลางเสหน้ามองแสงไฟท้ายรถด้านหน้าที่จอดรอการจ่ายเงินค่าทางด่วนแทน ค่ำคืนที่รถรายังแออัดราวกับปลากระป๋องตราสามพ่อครัว แม้จะน่าเบื่อแต่ก็ต้องทำใจให้ชินเพราะเจอแบบนี้มาทุกวัน เมื่อรถคันข้างหน้าออกตัวไปแล้ว พี่โชก็ค่อยๆ เลื่อนรถตัวเองไปจอด ด้วยความสงสัยว่าทำไมพี่พนักงานในตู้ถึงก้มๆ เงยๆ หรี่ตามองเข้ามาในรถหลายครั้ง ผมเลยขยับตัวยื่นหน้าไปฝั่งพี่โช พอพี่พนักงานที่นั่งในตู้หันมาเห็นถึงกับเบิกตาโตแล้วอุทานลั่นตู้จนผมสะดุ้ง พี่โชเหลือบมามองก่อนยกฝ่ามือดันหัวผมให้กลับไปนั่งที่ตามเดิม แล้วออกรถมา   

   “พี่เขาเป็นอะไรอะ” เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย พี่โชปรายตามองผมนิดๆ ก่อนส่ายหน้า “สงสัยจะปวดขี้”

   “พี่เขาไม่ใช่กลอยนะ”

   “กลอยมันทำไม พูดดีๆ นะ”

   “ก็ปวดขี้ตลอด”

   “ไม่ได้ปวดตลอดสักหน่อย บางครั้งแค่นั้น”

   “เหรอ”

   “ใช่ พี่โชพูดมากว่ะ รีบๆ ไปเลย ป่านนี้คนเต็มงานแล้ว” พูดไปงั้นแหละ เพราะหาคำพูดมาเถียงไม่ได้ในเมื่อมันคือเรื่องจริง ก็คนปวดขี้มันห้ามได้ที่ไหนเล่า

   กว่าจะขับรถถึงบ้านพี่แทมก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง บ้านหลังใหญ่ที่แสนคุ้นเคย เมื่อก่อนมาบ่อยมาก ทั้งมากับพี่โชและแอบมาคนเดียว (อันหลังนี่ห้ามบอกปีศาจเชียวนะครับ) ตอนนี้หน้าบ้านตกแต่งแสงไฟเป็นสีๆ รวมทั้งไฟกระพริบ ตรงหน้าบ้านมีป้ายที่เขียนชี้บอกทางที่ใช้สีแดงเขียนดูเหมือนงานฮาโลวีน แต่มีรูปกระทงอยู่รอบๆ ดูแปลกแต่ก็เข้ากัน

   “ไงพวกมึง มาช้านะ” เสียงทักดังจากด้านหลัง ผมที่เพิ่งลงจากรถก็หันไปยิ้มแป้นพลางโบกมือทักทาย แต่กลับได้คำอุทานตอบกลับมาพร้อมใบหน้าตื่นตกใจ “เหี้ย!”

   “นี่กลอยไม่ใช่เหี้ย” พี่โชถึงกับขำพรืด คนทักดูลังเลนิดๆ ก่อนจะเดินมาวนรอบตัวผม (แบบห่างๆ)

   “นี่ไอ้กลอยจริงๆ เหรอวะเนี่ย แม่งเอ้ย ขนลุกสัด” พูดจบก็ยื่นแขนมาให้ดูเป็นภาพประกอบว่าไม่ได้โม้

   “เข้างานได้แล้วมึงน่ะ มาช้ายังพูดมากอีก”

   “มึงก็ไม่ต่างจากกูเลยไอ้โช”

   “กูจอดรถก่อนมึง”

   “มึงแซงกูตรงปากซอยไอ้สัด”

   “มึงมันอ่อนเอง”

   “อ่อนพ่อมึงสิ”

        ผมเดินตามหลังพลางขำออกมา เมื่อมองพี่โชเถียงกับเพื่อนตัวเอง เป็นคนไม่ยอมใครเหมือนเดิม แม้แต่ผมบางทีก็เถียงจนตัวเองชนะ เอาใจยากนะครับบอกเลย พวกเราสามคนเดินเข้ามาในงานตามป้ายบอกทาง ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเห็นคนที่มางานแต่งตัวเป็นผีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย ทั้งเทศ บางคนก็น่ากลัว บางคนก็น่ารักคิกขุ เป็นวันลอยกระทงที่มีผีเยอะจริงๆ

   “ไงเพื่อนๆ ท่านยมสุดหล่อมากแล้ว”

        ผมละความสนใจจากบรรยากาศรอบตัวไปมองคนที่พี่ตินทัก คนกลุ่มใหญ่ยืนคุยกันอย่างออกรสรวมทั้งเพื่อนๆ ของผมด้วย ซึ่งแต่ละคนแต่งตัวจัดเต็มสุด คงหวังเงินรางวัลเหมือนกันสินะ ผมบอกแล้วว่าวันนี้จะมีเงินรางวัล แต่จำนวนมากกว่าปีที่แล้วหนึ่งเท่า ที่หนึ่งได้ตั้งสองหมื่นเชียวนะครับ ไม่ใช่น้อยๆ เพราะแบบนี้ผมเลยต้องจัดคอสตูมแบบท็อปฟอร์ม เข็ดกับลอยกระทงปีก่อนที่ถูกพี่แทมแบ่งครึ่งไป แถมเงินที่ได้ยังต้องเอาไปใช้คืนค่าชุดที่ทำเปียกอีก ดังนั้น ปีนี้ต้องเป็นของผมคนเดียว (ชูกำปั้นดั่งเทพีสันติภาพ)    

   “มาช้านะพวกมึง แล้วมึงเป็นผีอะไรไอ้ติน” พี่ซันทักเพื่อนตัวเอง วันนี้เทพบุตรแสนใจดีแต่งเป็นซอมบี้ด้วยเสื้อผ้าขาดๆ หน้าขาวถูกป้ายให้ขาวกว่าเดิม มีการแต้มสีแดงให้เหมือนเลือดไหลออกจากปากสองข้าง ซึ่งแน่นอนว่าพี่จอมก็ต้องแต่งเหมือนกัน

   “กูเป็นท่านยมเว้ย ระวังให้ดี กูจะลากผีเหี้ยๆ อย่างพวกมึงลงนรก”

   “ลากตัวมึงลงไปก่อนเถอะไอ้ห่า แล้วมึงเป็นผีอะไร กูไม่เห็นมึงแต่งอะไร เห้ย!” พี่ซันเปลี่ยนมาถามพี่โช ก่อนเบิกตาโตเมื่อเห็นผมยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านหลัง “นั่น...”

   “มึงตกใจเหมือนกูเลยไอ้ห่า” พี่ตินเสริม และนั่นก็ทำให้กลุ่มที่ยืนคุยหันมาสนใจ โดยพี่จอมเดินปรี่เข้ามาหาผม มือยื่นมาจะจับ แต่ก็ชักกลับอยู่หลายรอบ อาการเดียวกับพี่โชเป๊ะ
 
   “นี่มึงจัดเต็มเกินไปไหมวะไอ้เกรียน แม่งกูขนลุกสัด” พี่จอมเบะปากทำหน้าตาขยะแขยงผมสุด

   “มึงลงทุนเกินไปแล้ว” ไอ้ทูเดินแทรกเข้ามา หน้าตาดูน่ากลัวกว่าปกติ คงเพราะมันแต่งหน้าเป็นโครงกระดูก บนหัวมีตะปูอันใหญ่ปักอยู่ (มันคือที่คาดผมตะปู)

   คู่แข่งผมน่ากลัวกันทุกคนเลยว่ะ

   “มึงก็ลงทุนไม่ต่างจากกูเลยไอ้ห่า” ผมว่าอย่างเซ็งๆ โดยมีมือไอ้อัธมาตบบ่าเบาๆ พอหันไปหากลายเป็นมือผีที่มีหนอนปลอม เอาซะผมสะดุ้งกระโดดหนี คนทำหัวเราะอย่างชอบใจที่แกล้งผมได้ “ไอ้เพื่อนชั่ว”

   “มึงกลัวหนอนปลอมกูทำไม ในเมื่อหน้ามึง หัวมึง ตัวมึงมีหนอนจริงอยู่ไอ้ห่ากลอย” ไอ้อัธว่าอย่างขำๆ “มันกินได้หรือเปล่าวะ”

   “ได้ดิ่ กูกินมาตลอดทาง” ว่าแล้วก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านในแล้วหยิบออกมา

   “เชี่ย มึงเอามาจากไหน” คราวนี้ไอ้ทูปรี่เข้ามาหยิบ รวมทั้งพี่ตินที่โผล่มาแจมแบบเงียบๆ ต่างจากพี่จอมที่มองอย่างกลัวๆ
 
   “จากเชียงใหม่” ตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ เจื่อนลงเมื่อรู้สึกถึงกระแสพลังบางอย่างกำลังจ้องมองมา และก็จริงเมื่อมองไปยังคนที่ยืนข้างผีซอมบี้หน้าขาว พี่โชตีหน้านิ่ง คิ้วเริ่มขมวด จนผมต้องรีบเปิดประเด็นใหม่ “มึงว่าหน้ากูควรเพิ่มอีกไหมวะ”

   “แค่นี้ก็น่ากลัวแล้วไอ้สัด กูว่ากูจัดหนักแล้วนะ เจอมึงเข้าไป กูยอม” ไอ้ทูออกความเห็นคนแรก

   “ถ้าเจอที่มืดๆ กูวิ่ง” ไอ้อัธเสริม มันเหมือนเป็นคำชมที่ทำเอาผมใจชื้นขึ้นมา “แต่งหน้าเละเหมือนจริงโคตรๆ มีหนอนด้วย กูยอมเลย” ไม่ว่าเปล่า ยังใช้นิ้วจิ้มๆ แผลที่แก้มผมอีก และมันคงจะจิ้มนานกว่านี้หากไม่มีเสียงกระแอมดังขัด

   “กูให้พี่ผิงแฟนพี่กิ่งแต่งให้เว้ย พี่เขาโคตรเก่ง”

   “แล้วชุดนอนกระโปรงขาวนี่ล่ะ”

   “นี่พี่เขาก็หาซื้อมาให้กู”

   “อยากได้รางวัลแต่แม่งไม่ลงทุนเลยไอ้ห่า” พี่ตินพูดแขวะทั้งที่หนอนทอด (รถด่วน) ของผมยังอยู่เต็มปาก ก่อนโวยวายเมื่อผมเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม “ไอ้กลอยอย่างก”

   “นี่มันพร๊อบของผม ถ้าพี่กินหมดแล้วจะเอาที่ไหนมาเติม”

   “มึงมันขี้งกเหมือนไอ้โช” หาเรื่องเพื่อนตัวเองเฉย ดีที่พี่โชไม่ได้สนใจเพราะกำลังคุยกับพี่ซันอยู่

   จะว่าไปผมยังไม่เห็นพี่แทมเลย ไม่รู้จะเป็นผีชาติไหน นี่ผมไม่ได้พูดหาเรื่องนะครับ แค่อยากรู้ว่าจะเป็นผีชาติไหนเท่านั้นเอง นี่ไม่ได้ด่านะ

   “เข้าไปที่จัดงานเถอะ กูหิวแล้ว” พี่จอมพูดจบก็รีบเดินปาดซ้ายปาดขวาหนีผมที่เดินเข้าไปใกล้ ปากตะโกนด่าอยู่ตลอด “มึงอยู่ไกลๆ ตีนกูเลยไอ้ห่าเกรียน อย่ามาใกล้กู!”

   “พี่กลัวผมเหรอ” เหมือนเห็นประกายดาวอยู่ตรงหางตาตัวเอง (โม้ไปงั้น) “พี่จอมครับ” กลัวนักก็แกล้งซะเลย ยิ่งเดินหนี ผมก็ยิ่งซอยเท้ายิกๆ เข้าไปใกล้อ้าแขนทำท่าจะรวบกอด “พี่จอม”

   “หนอนมึงหล่นเต็มพื้นแล้วไอ้เหี้ย” คนวิ่งหนีชี้มือมั่วซั่วไปหมด และพอผมหยุดวิ่งแล้วหันหลังไปดูก็เห็นหนอนรถด่วนทอดร่วงเต็มพื้นจริงๆ “มึงจัดการเด็กมึงด้วย แกล้งกู”

   “ก็มึงไปแหย่กลอยทำไม” เน้ พี่โชเข้าข้างผมเว้ย ผมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แต่ก็ต้องรีบงับเมื่อมีคำถามเย็นๆ ดังข้างหู “เอาของฝากจากเชียงใหม่มาจากไหน”

   “ก็...จากพี่โอ๊ต” ส่งยิ้มแหยๆ ส่งให้ แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งอย่างเดียวเลยต้องรีบอธิบายเพิ่มเติม “พอดีพี่โอ๊ตมาประชุมเลยแวะเอามาให้”

   “ตอนไหน ทำไมพี่ไม่รู้เรื่อง”

   “เมื่อวานตอนเที่ยง”

   “กลอยไม่เห็นบอกพี่เลย”

   “พี่โชไม่อยู่นี่นา แล้วก็เจอกันแป๊บเดียวเอง”

   “จะแป๊บเดียวหรือว่านาทีเดียวก็ต้องบอก”

   “โอเค รับทราบ” ทำท่าตะเบะเหมือนทหารจนพี่โชขำ “พี่โชเอาหนอนแปะหน้าเพิ่มให้หน่อย” เมื่อกี้ตอนวิ่งไล่พี่จอมร่วงไปเยอะ

   ผมล้วงหนอนรถด่วนทอดออกมาให้พี่โชแปะไว้ที่หน้า พี่ผิงลงทุนหาวิธีแต่งหน้าเละจากในเน็ตเพื่อมาแต่งให้ผม ซึ่งก็เหมือนจริงจนผมเห็นครั้งแรกยังตกใจหน้าตัวเอง ทั้งแก้ม หน้าผาก คอ แล้วก็แขน ล้วนแล้วแต่มีแผลจากการตกแต่งให้เป็นแผลเหวอะ ตอนแรกก็มีแค่นั้น พอดีเห็นกระปุกหนอนรถด่วนที่ได้จากพี่โอ๊ตเลยเพิ่มแผนความสยอง แผลเน่าก็ต้องคู่กับหนอน จะใช้หนอนจริงก็ดูน่ากลัวมากไปหน่อย ใช้รถด่วนนี่แหละ แถมอิ่มท้องด้วย หิวก็จับกิน แน่นอนว่าแผลพวกนี้พี่โชเห็นครั้งแรกก็อึ้งจนพูดไม่ออก ก็บอกแล้วว่าปีนี้ผมนอนมาแน่นอน

   ส่วนชุดผีก็เป็นชุดนอนกระโปรงยาวสีขาวถูกป้ายด้วยสีแดงสดคล้ายกับเลือด และแขนเสื้อถูกกรีดให้ขาดเพราะจะได้เห็นแผล ตอนแรกมีวิกผมยาวด้วย แต่พี่โชว่ามันเยอะเกินไปเลยไม่เอา บอกแค่นี้ก็พอแล้ว

   ผมกับพี่โชเดินเข้าสถานที่จัดงานช้าสุด เพราะมัวเอาหนอนแปะหน้าเพิ่ม และพอเข้ามาถึง เหมือนผีทุกชาติกำลังเมามันส์กับแสง สี เสียง รวมทั้งอาหารที่ถูกแยกไว้สามฝั่ง  ฝั่งแรกแบบไทยรองด้วยกระทงใบตอง ฝั่งที่สองก็แนวหลอนๆ ดูแล้วไม่ค่อยกล้าจะหยิบสักเท่าไหร่ เยลลี่สีแดงที่ทำให้เหมือนไส้กองอยู่ในจาน มีวุ้นลูกตาที่ทำเหมือนซะขนลุก ยังดีที่ฝั่งตรงกลางเป็นอาหารธรรมดาๆ ที่หน้าตาดูน่ากิน ไม่งั้นผมคงหิวโซกลับห้องแน่นอน

   อ้อ มีเรื่องแปลกๆ จะเล่าด้วย ตั้งแต่ผมเข้างานมา ไม่มีใครยิ้มให้ผมสักคน บางคนถึงขั้นก้มหน้า ก้มตารีบเดินหนี ไม่รู้เป็นอะไร จะว่าผมลืมรูดซิบก็ไม่ใช่ เพราะชุดนอนไม่มีซิบ 

   “พี่โชๆ” เริ่มสะกิดเรียกคนข้างๆ เมื่อความมั่นใจเริ่มลด

   “หืม?”

   “ทำไมทุกคนมองกลอยแปลกๆ อ่ะ มีอะไรติดหน้ากลอยหรือเปล่า”

   “ติดหน้า? ก็หนอนไง”

   ...ก็ถูกของพี่โช

   “ไอ้ทู มึงดูนั่นดิ่ มีผีขนมปังด้วย” ผมหันไปสะกิดเพื่อนตัวเองยิกๆ ไอ้ทูรีบหันไปมอง ปากยังคาบน่องไก่ซอสเผ็ด “สงสัยจะเป็นผีขนมปังที่ตายแล้ว”

   “ขนมปังบ้านมึงตายได้ด้วยเหรอวะ”

   “มีสิ ก็มันเสีย”

   “เขาเรียกบูด”

   “แล้วมันเสียป่ะล่ะ”

   “กูไม่อยากเถียงกับผีหน้าหนอนแบบมึง” แล้วมันก็ยัดน่องไก่เข้าปากจนแก้มตุ่ย แถมยังยื่นมือมาหยิบหนอนรถด่วนจากหน้าผมไปกินด้วย ตลกแดกจริงๆ ไอ้นี่

   “แล้วไอ้ม่านล่ะ กูไม่เห็นหน้ามันมานานแล้วเนี่ย”

   “เด็กมันไม่ให้มา” ไอ้ทูตีหน้าเซ็ง “กูโทรหาแม่งงอแงตลอดเด็กมัน ชวนไปไหนก็ไม่ให้ไป ไอ้ม่านก็ตามใจทุกครั้ง ไม่รู้หลงอะไรกันนัก กันหนา”

   “เพราะรักไง รักชนะทุกสิ่ง”

   “น้ำเน่า”

   “แต่ก็เห็นเงาจันทร์”

   ผมพูดจบไอ้ทูก็หันไปโก่งคออ้วก ก่อนจะกลับไปกินน่องไก่ต่อ ส่วนผมก็มองรอบๆ งาน มาตั้งนานแล้วนะยังไม่เห็นพี่แทมเลย เมื่อกี้เห็นแม่พี่แทมแวบๆ แต่งเป็นแม่ชีในหนังสยองขวัญ เป็นหนังที่ทำให้ผมไม่กล้าหลับตาเกือบอาทิตย์ แล้วนี่มาเจอในงานแบบนี้ ผมจะนอนยังไงล่ะ

   “นั่นไอ้แทมหรือเปล่าวะ” เสียงพี่ซันทำเอากลุ่มพวกเราหันไปมอง และทุกคนก็พร้อมใจกันอุทานคำหยาบต่างๆ รวมถึงพาสัตว์เลื้อยคลานออกมาเพ่นพ่านให้พรึ่บ 

   “ไงเพื่อนๆ” พี่แทมโบกมือทักทาย แต่ไม่มีใครทักกลับสักคน เพราะมัวแต่ตะลึงกับสิ่งที่เห็น คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไร้หัวสวมชุดคลุมสีขาวมีคราบคล้ายเลือดสีแดงไหลยาวไปทั่วตัว มือขวาถือหัวปลอมที่ดูเหมือนหัวเจ้าตัวจริงๆ เอาไว้ “นี่กูว่ากูจัดเต็มแล้วนะ เจอหน้าหนอนของไอ้กลอยเข้าไป สยองสัด”

   “พี่น่ากลัวกว่าผมเยอะว่ะ” พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้พลางยื่นมือไปแตะๆ ที่ตัว แล้วลูบขึ้นจนคนถูกจับโวยวาย เมื่อกี้เจอหน้าพี่แทมแล้วครับ ซ่อนอยู่ในชุดคลุมสีขาว

   “หัวปลอมนี่แม่งโคตรเหมือนไอ้ห่า” พี่จอมเข้ามาสำรวจบ้าง แต่ก็ยืนห่างกับผมพอสมควร สงสัยจะกลัวหนอน

   “กูสั่งทำไง แพงด้วย”

   “เพื่อ?”

   “รางวัลไง”

   “ก็เงินของแม่มึงเองไม่ใช่เหรอ”

   “มันคือศักดิ์ศรีด้วย ใช่ไหมไอ้กลอย”

   “ถูกต้อง”

   “ไอ้พวกหน้าเงิน”

   “หน้าหนอนต่างหาก แบร่” ยื่นหน้าไปแกล้งพี่จอมจนเกือบโดนหมัดชก ดีที่พี่โชดึงผมออกทัน ไม่งั้นคงน็อกคาที่แน่ และพอทำร้ายผมไม่ได้ก็หันไปทำร้ายแฟนตัวเองแทน เอาซะพี่ซันส่ายหน้าอย่างระอาในความดื้อของแฟน “ปวดฉี่” กระซิบบอกคนข้างๆ ที่ยังจับแขนผมอยู่

   “ให้พี่ไปส่งไหม”

   “กลอยไปเองได้”

   ว่าแล้วผมก็เดินเตร่ๆ เข้าไปในตัวบ้านที่ถูกหรี่ไฟลงให้ดูสลัวๆ โดยตามทางเดินเปิดไฟตะเกียงเอาไว้ เพิ่มความหลอน ถ้าไม่มีซุ้มประตูต้นกล้วยแล้วก็กระทงสำหรับลอยคืนนี้ จะคิดว่างานนี้คืองานฮาโลวีนอย่างเดียวแล้วนะเนี่ย บรรยากาศแบบนี้หวังว่าจะไม่มีผีอะไรโผล่มาเซอร์ไพร์สแบบบ้านผีสิง ยิ่งคิดสมองยิ่งจินตนาการจนต้องรีบเดิน พอถึงห้องน้ำก็รีบทำธุระส่วนตัว ล้างมือล้างไม้หลังจากเสร็จกิจ พอเงยหน้ามาเห็นตัวเองในกระจกก็สะดุ้งเฮือก นี่ผมน่ากลัวเหมือนกันนะครับเนี่ย โดยเฉพาะแผลเละจากปากไปถึงหู ในแผลเหวอะมีหนอนรถด่วนแสนอร่อยแปะอยู่ เกือบใช้หนอนจริงแล้วหากพี่ผิงไม่กลัวเสียก่อน คิดแล้วก็เติมหนอนเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า

   ระหว่างที่กำลังแปะหนอนลงที่แผล เสียงเคาะประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น สงสัยจะมีคนปวดท้อง ผมเช็คความเรียบร้อยของตัวเองพลางเก็บหนอนที่เหลือ แต่พอเปิดประตูออกไปปุ๊บ คนด้านนอกกลับยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตากลมเบิกกว้าง ปากแดงสดอ้าค้างจนผมต้องเรียกอีกรอบ

   “ขอโทษที่เข้าไปนานนะครับ” พูดไม่ทันจบหนอนที่แปะใหม่ข้างปากก็ร่วง คนยืนตะลึงตรงหน้าค่อยๆ ก้มมองหนอนบนพื้นแล้วเงยหน้ามามองผมอีกที “คุณ....เชี่ย”

   พูดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก เพราะความรู้สึกตอนนี้ มีให้คำเดียวเลยว่า...จุก...ฝ่าตีนเน้นๆ เข้าเป้าหมายจังๆ จนผมลงไปนั่งกองที่พื้น หนอนที่ถือในมือก็ปลิวไปตามแรง และคงไปตกใส่ตัวของคนข้างนอก เธอถึงกับกรี๊ดบ้านแทบแตก จะว่าไป ผมควรเป็นฝ่ายกรี๊ดนะ ถีบมาได้ 

   “เกิดอะไรขึ้น! อะไร” คนด้านนอกคงได้ยินเสียงเลยวิ่งกรูเข้ามาเต็มหน้าห้องน้ำไปหมด ผู้หญิงคนที่ถีบผมเธอชี้มั่วซั่วมาทางผมที่นั่งกองอยู่ที่พื้น มือกุมเป้าตัวเองเอาไว้

   “ไอ้เชี่ยนี่มันลวนลามเหรอ” ถามจบก็มีเสียงด่าสารพัดดังขึ้น และมีคนเลือดร้อนสักคนพุ่งมาจะต่อยผม ยังดีที่พี่โชจับไว้แล้วเหวี่ยงออกไป ก่อนขายาวจะก้าวเดินเข้ามาพยุงผมให้ยืน ดวงตาคู่ดุตวัดมองกราดไปทั่วเสียงประณามเลยค่อยๆ เงียบลง ไม่รู้เรื่องราวจริงๆ กลับถูกด่าซะงั้น

   “ผมไม่ได้ลวนลามเธอนะ ไม่ได้แตะต้องอะไรเลยด้วย” รีบปฏิเสธเสียงแข็ง
 
   “เจ็บตรงไหน” พี่โชก้มหน้ามาถามอย่างเป็นห่วง ไม่สนใจคนอื่นที่ยืนอออยู่เต็ม แอบเห็นพวกพี่จอมเพิ่งแทรกตัวมาถึงหน้าห้องน้ำด้วยใบหน้าใคร่รู้

   “โดนถีบเข้าเป้าเมื่อกี้” บอกพร้อมชี้จุดเกิดเหตุที่เจ็บอยู่ “จังๆ แบบจุกๆ”

   “ยังจะทำตลกอีก” โดนดุไปถึงกับต้องรีบงับปาก คราวนี้พี่โชเงยหน้าไปมองคนที่ถีบผม เธอยืนทำหน้าเสียข้างผู้ชายที่จะต่อยผม “กลอยทำร้ายคุณหรือเปล่า?” แล้วเธอก็ส่ายหน้าตอบ ดวงตากลมโตกวาดมองไปยังทุกคนก่อนจ้องมองมาที่ผม ปากแดงค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา

   “เขาไม่ได้ทำร้ายฉันหรอกค่ะ พอดีเขาเปิดประตูออกมาแล้วฉันตกใจคิดว่าผีก็เลย...”

   “ถีบผมเหรอครับ” เจ็บปวด

   “ค่ะ” แล้วเธอก็ส่งเสียงขำแห้งๆ ทำเอาคนมุงส่ายหน้าแล้วสลายตัวกลับไปที่งานด้านนอกต่อ “ขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันตกใจจริงๆ ก็คุณน่ากลัว แถมมีหนอนด้วย”

   “ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกพร้อมรอยยิ้ม และคงมีหนอนร่วงที่พื้น เพราะดวงตากลมตรงหน้าก้มมอง “หนอนรถด่วนครับ ทอดแล้วกินได้”

   “ฉันก็ไม่ชอบอยู่ดี ขอโทษจริงๆ นะคะ”

   “ครับ”

   ผมยิ้มให้ก่อนพี่โชจะดึงออกจากหน้าห้องน้ำ พวกพี่ตินหัวเราะอย่างชอบใจที่ผมถูกทำร้าย ขนาดพี่จอมยังขำ แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้

   “ผมเจ็บเนี่ย เคยสงสารไหม”

   “มึงอยากจัดเต็มเอง กูจะสงสารทำไม” พี่แทมออกตัวคนแรก ตอนนี้เอาหัวปลอมไปวางแล้วเปิดหัวจริงคุยแทน สงสัยจะเมื่อยมือ

   “แต่เป็นผมเจอแบบนี้ที่มืดๆ ผมก็วิ่งนะพี่” ไอ้อัธยังยืนยันตามเดิม

   “งั้นวันนี้มึงเอารางวัลไปเถอะ ขนาดโดนถีบเนี่ย ต้องไม่ธรรมดา อะฮ้า ไม่ธรรมดา”

   “ไชยาไข่เค็มก็มา”

   “มึงพูดซะกูอยากกินเลยไอ้ทู”

   เพื่อนผมกับเพื่อนพี่โชมีใครเต็มร้อยแบบผมบ้างครับเนี่ย หายากจริงๆ


   แล้วงานก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม เพลงลอยกระทงถูกผลัดกันร้องทั้งที่มีอยู่เพลงเดียว แม่พี่แทมเลยสั่งให้เปิดคาราโอเกะหาเพลงไทยแบบสนุกเปิด คราวนั้นละ ทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุงเปิดสลับกันอย่างจัดเต็ม แต่ที่ไม่เข้าใจคือ เวลาเปิดเพลงลูกกรุงแนวสามช่า ทำไมกลุ่มเพื่อนๆ ของแม่พี่แทมต้องจับคู่ลีลาศด้วย มันทำให้พวกผมต้องเต้นตาม ถามว่าเป็นไหม...ถนัดเลยแหละ

   “เหยียบตีน” ไอ้อัธด่าใส่หน้าผมรอบที่สิบ

   “ก็กูมองไม่เห็นตีนมึง” เถียงไป

   “งั้นมึงไปเต้นกับพี่โชของมึงไป”

   “ถ้าพี่โชยอมเต้น กูคงไม่ลากมึงมาหรอก ทำไม หรือกลัวคนในความลับมึงจะรู้ อย่าให้กูสืบได้นะ ว่ามึงคบใครอยู่” ยื่นหน้าจนจะชิดกับไอ้อัธ มันหลุบตาต่ำลงไม่กล้าสบกับผมตรงๆ นี่ล่ะ อาการพิรุธของมัน

   เกือบจะหาจุดอ่อนของเพื่อนตัวดีได้แล้ว หากไม่ถูกพี่โชดึงคอเสื้อจนแทบหงายหลัง ตาดุๆ ถลึงใส่ ปากก็เตือนว่าใกล้เกินไป ไอ้อัธได้ทีรีบชิ่งหนี ผมส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
 
   งานหลอนๆ ในคืนวันเพ็ญถึงช่วงท้ายนั่นคือการร่วมกันลอยกระทงในสระน้ำ กระทงต้นกล้วยถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ใบตอง มีธูปและเทียนปักอยู่ดูสวย ผมกับพี่โชเลือกมาแค่กระทงเดียว เราสองคนจับพร้อมกันพลางชูขึ้นอธิษฐาน ไม่นานก็ปล่อยให้ลอยไปตามแรงน้ำที่ถูกลมตีให้กระเพื่อม

   “ปีหน้าเราไปลอยที่เชียงใหม่ไหม เพื่อนกลอยมันบอกสนุก”

   “ครับ”

   ผมคลี่ยิ้มยามพี่โชยิ้มกว้างส่งมาให้ และแล้วสิ่งที่ดึงความสนใจจากหน้าหล่อๆ ของพี่โชก็คือเงินรางวัล แม่ของพี่แทมพูดออกไมค์ถึงผลประกาศคนชนะชุดที่ใส่มา แน่นอนแล้วว่าเป็นไอ้กลอยคนนี้ ผมเกือบกระโดดกอดพี่โชแล้วหากไม่ถูกฝ่ามือดันหน้าเอาไว้ ผมรีบเดินไปหน้าเวที ก้มไหว้รับซองเงินมาถือ รางวัลชนะเลิศมันช่างหอมหวานนัก

   “ปีนี้หนูท็อปฟอร์มมากนะ” แม่พี่แทมชมผม ซึ่งผมก็ยิ้มแป้น “แล้วก็ไม่ต้องยิ้มกว้างมากก็ได้ ป้ารู้สึกคืนนี้น่าจะนอนไม่หลับ”

   “อ่าว”

   แล้วเสียงหัวเราะก็ดังมาทั่วสารทิศ ผมโบกมือให้กับทุกคนราวกับไอ้มงกุฎนางงาม (ว่าไปนั่น) พองานเลิกจริงๆ เราสองคนก็คิดจะกลับคอนโด ตอนแรกจะแวะที่วัดเพื่อลอยกระทงที่แม่น้ำจริงๆ แต่เวลาดึกขนาดนี้เขาคงปิดหมดแล้วเลยตรงกลับห้องดีกว่า

   “พี่โช กลอยหิว”

   “กินไปเมื่อกี้ยังไม่อิ่มเหรอ”

   “ยัง กลอยอยากกินบะหมี่เกี๊ยว เอาร้านใกล้ๆ คอนโดก็ได้ ร้านที่เราไปกินบ่อยๆ อะ” เป็นร้านที่เปิดดึกแต่ปิดเช้า อร่อยมากๆ ด้วย เวลาไหนที่พี่โชกลับดึก ผมมักจะให้ซื้อมาประจำ “นะๆ”

   “ครับๆ”

    พี่โชชะลอจอดรถเมื่อถึงหน้าร้าน ผมเปิดประตูออกไปไม่ทันฟังพี่เขาเรียกหรือจะพูดอะไร ด้วยความหิวตอนนี้ไม่สามารถหยุดผมได้แล้ว ทันทีที่ผมเดินไปถึงหน้าร้านเตรียมสั่ง ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เสียงโวยวายดังลั่นจนผมตกใจ พร้อมๆ กับทุกคนแถวนั้น ทั้งคนขาย คนนั่งกินด้านในวิ่งหนีหายกันหมด ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมยืนหน้าเหวอหน้าร้าน

   “นี่ไง” เสียงพี่โชดังมาจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง “ไม่ฟังพี่เรียกเลย”

   “เขาเป็นอะไรกัน” ตีหน้างงอย่างสงสัย “เหมือนพวกเขากลัวอะไรสักอย่างแหละ”

   “ก็กลัวกลอยไง” แล้วพี่โชก็ขำออกมา แต่ผมก็ยังตีหน้าโง่อยู่ “เพิ่งถูกถีบมาจำไม่ได้เหรอ”

   “อ๋อ ลืมไป” และผมก็หลุดหัวเราะออกมาเอง “สงสัยได้กลับไปกินบะหมี่ถ้วยที่บ้าน”

   “ไม่ต้องสงสัยหรอก”

   “พี่โชอะ”

   “กลับ”

   ผมยังชะเง้อคอหาคนขายแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเลยได้แต่ถอดใจเดินตามพี่โชไปขึ้นรถ ก็แค่อยากกินบะหมี่เกี๊ยวเอง ผมผิดตรงไหน โธ่

   “พี่โชแวะร้านลูกชิ้นทอดให้หน่อย”

   “อยากให้เขาวิ่งหนีอีกเหรอ”

   “ไม่กินก็ได้ โมโหหิว!”

   พี่โชไม่ตอบโต้เพราะเอาแต่หัวเราะ จนถึงคอนโด แล้วก็เกิดเดจาวูอีกรอบ เมื่อทุกคนที่อยู่ชั้นล่าง รวมทั้งเพิ่งออกจากลิฟต์ร้องลั่นแล้ววิ่งหนีไปคนละทิศละทาง


   นี่กลอยไง กลอยสุดหล่อแม่นเว่อร์ไง ทุกคน!!!!


   ช่างเป็นวันหลอนๆ ในคืนวันเพ็ญที่โกลาหลที่สุด



......

สวัสดีวันลอยกระทงค่าาาาาาาา มาช้าตลอดๆ จะมาตั้งแต่ฮาโลวีนแต่ติดงานนิดหนึ่งเลยเลื่อนมารวมกันเลย ได้โปรดให้อภัยด้วยค่าาา (คุกเข่ายอมรับการถูกแส้วินัยตี) อาจจะมึนๆ เบลอๆ ไปบ้าง ขออภัยด้วยค่า จะรีบแก้ไขให้ดีขึ้น

ปล.รู้สึกตัวเองหายไปนานเหลือเกิน ยังคิดถึงทุกคนอยู่เสมอ จูบุ๊ จูบุ๊

ไปลอยกระทงแล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองและทรัพย์นะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขในคืนวันเพ็ญค่า รักกกกกกก

ออฟไลน์ Khongsak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮ่าๆๆๆๆ​ กลอยเอ้ย​ ยังเกรียนเหมือนเดิมเลย​ ขอบคุณ​ผู้แต่งที่ยังแวะเวียนมาแถมตอนพิเศษ​นะคะ​ ถ้ามีต่อภาค3  จะดีมากๆค่ะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เหนือสิ่งอื่นใดสงสารคนเก็บค่าทางด่วนป่านนี้คงทอนเงินมั่วไปหมดแล้ว  :laugh: :laugh: :laugh:
 ป.ล. ยินดีกับรางวัลที่หนึ่งด้วยนะกลอยปะเกรียน  :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อย่าว่าคนอื่นเลย นี่ถ้าเจอก็เผ่นเหมือนกันน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 กลอบประเกรียน เกรียนเท่ากลอยไม่มีอีกละ55555

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
กลอยประเกรียน นี่เกรียนได้ทุกงานจริง ๆ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด