พันธนาการ...รัก #5 ฝนที่ตกลงมาปรอยๆทำให้แผนการณ์ที่จะพาพระจันทร์ไปนั่งชมดาวที่ Victoria Peak ยามกลางคืนต้องพับเก็บ... สุริยะมณฑลจึงขับรถลัดเลาะผ่านถนน Supream Court มาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งใจกลางเขต Central ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของฮ่องกง เขตนี้เป็นที่ตั้งของบริษัทธุรกิจชั้นนำของเอเชีย ธนาคารนานาชาติ สำนักงานใหญ่ของรัฐบาล และอาคารศาลสูงสุด เขาแอบขับวนลัดเลาะผ่านตึกเหล่านั้นเพื่อให้พระจันทร์ได้เพลิดเพลินมองไฟตึกสวยๆยามกลางคืน เป้าหมายคือเพื่อลบความกลัวการขับรถเร็วของตัวเขาให้หายไป และดูเหมือนแผนนี้จะค่อนข้างได้ผล เพราะตอนนี้เขาแอบเหลือบเห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กเอามือวางทาบตรงขอบกระจกแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างสนอกสนใจและมีท่าทางผ่อนคลายขึ้นมาก
ชายหนุ่มตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปจอดบริเวณริมสระน้ำกลางสวนสาธารณะที่มองเห็นสวนนกและน้ำพุอยู่กลางสระแบบชัดเจน ก่อนจะสตาร์ทรถทิ้งไว้แบบไม่กลัวเปลืองน้ำมันแล้วปรับเบาะพนักพิงให้เอนลงไปเพื่อจะได้นั่งอย่างสบายๆ เขาเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ ซึ่งมันถูกปรับให้เป็นคลื่นวิทยุสำหรับวัยรุ่นฮ่องกงอยู่แล้ว แต่คงเพราะตอนนี้เป็นตอนดึก เสียงเพลงที่คลอแผ่วออกมาจึงเป็นเพลงสตริงที่มีท่วงทำนองช้าๆราวเพลงลูกทุ่งจีนอย่างไรอย่างนั้น พระจันทร์ที่ได้ยินเสียงถอนหายใจดังออกมาจากคนขับจึงหันมามองพร้อมเสียงขำเล็กๆ
“ถ้าเพลงไม่เพราะ…พี่ยะก็ร้องเองเลยสิครับ” ดวงตากลมโตจ้องเขาตาแป๋ว ชายหนุ่มจึงหรี่ตามองตอบกลับ…
“แน่ใจแล้วเหรอที่จะฟังพี่ร้อง...” เขาแสร้งพูดแล้วหัวเราะหึขึ้นจมูกราวมั่นใจในเสียงตัวเองเสียเต็มประดา ฝ่ายพระจันทร์เพียงยักไหล่แล้วหันกลับไปให้ความสนใจกับแสงไฟบนตึกสูงๆตรงหน้าต่อ เขาได้ทีจึงเลียบๆถาม “แล้วจันทร์ไม่กลัวความเร็วแล้วใช่มั้ย…ถ้าหายกลัวแล้วพี่จะยอมร้องเพลงให้ฟังก็ได้…”
ตลอดสิน่าผู้ชายคนนี้…จะมาหลอกถามว่าเขาหายโกรธเรื่องที่หลอกเขามาช่วยงานตำรวจก็ถามมาตรงๆก็ได้ ไม่เห็นต้องมาแกล้งฟอร์มอย่างนี้เลย…
“จันทร์ยังไม่หายกลัว แล้วก็ไม่อยากฟังพี่ยะร้องเพลงแล้วด้วย…” เด็กหนุ่มแล่บลิ้นใส่ไปที มองใบหน้าคมเข้มที่ขรึมลงอย่างคนที่ไม่ได้ดั่งใจแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมานิดๆ “…เดี๋ยวจันทร์ร้องให้ฟังเองดีกว่า…ฟังมั้ย”
เด็กหนุ่มยักคิ้ว มองคนทำหน้าที่สารถียกมือมากอดอกแล้วจ้องเขาตาขวางเล็กๆ คงจะมาหาว่าเขาเป็นเด็กเป็นเล็กแต่บังอาจมาล้อเล่นกับผู้ใหญ่อีกล่ะสิ…อย่าคิดนะว่าจันทร์จะกลัว ทีพี่ยะน่ะยังมาล้อเล่นกับจันทร์แรงกว่านี้ตั้งหลายเท่าเลยด้วยซ้ำ โดนกลับบ้างนิดๆหน่อยๆทำมาเป็นไม่พอใจเดี๋ยวก็ฟ้องป้าแหม่มเสียเลยดีมั้ยเนี่ย…
“จะร้องเองเหรอ? เอาจริง?”
“จริงๆ…” สายตาคมหรี่มองแบบไม่ค่อยไว้ใจคนบอกจะร้องเพลงให้ฟังเท่าไหร่
“ไม่เอาเพลงลอยกระทงนะ…”
“งั้นร้องเพลงชาติแล้วกัน…” พระจันทร์เย้า แต่ทว่า “อะ…อ๊าพี่ยะ…จะตีจันทร์เหรอ!...เอื้อมมือมาทำ…ไม…” พระจันทร์หุบปากเงียบกริบทันที เมื่อคนเป็นผู้ใหญ่ที่ตอนแรกทำท่าเอื้อมมือมาเหมือนจะตีเขากลับเปลี่ยนไปเลื่อนมือลงข้างเก้าอี้ แล้วจัดการปรับพนักพิงของเขาให้เอนลงแทน…ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ทั้งร่างจะล้มตัวปุลงมาบนตักให้เขาสะดุ้งเล่น!
เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงแต่นุ่มมือเหมือนกำมะหยี่สร้างความสากระคายและคันคะเยอบนหน้าขาไม่น้อย เมื่อคนจงใจล้มตัวนอนบนตักเขาพยายามจัดท่าจัดทางตัวเองให้นอนสบายขึ้น แต่ทว่าเพราะขนาดช่วงขาที่ใหญ่และยาวเกินไปบวกกับกระจกรถที่เอาลงไม่ได้เพราะฝนตก ทำให้สุริยะมณฑลต้องยกขาข้างหนึ่งมางอพับอยู่บนเบาะ ส่วนอีกข้างก็ค้ำไว้กับพื้นรถด้านล่าง มือหนาคว้ามือเล็กๆของอีกคนข้างหนึ่งมาวางไว้บนอกตัวเอง ส่วนท่อนแขนใหญ่ที่เหลืออีกข้างก็ค่อยสอดรัดเข้าหลังเอวแบนๆ เหนี่ยวไว้กันตัวเองถูกถีบหัวตกลงมาจากตักจะได้เตรียมดึงให้ตกลงมาพร้อมกัน…
“ไม่เอาทั้งเพลงชาติและเพลงลอยกระทงนะ...นอกนั้นจัดมา เอาล่ะ...คนฟังพร้อมแล้ว ร้องได้เลย” สุริยะมณฑลทำท่าหลับตาพริ้มหายใจอย่างสม่ำเสมออยู่บนหน้าขาเล็กๆ พระจันทร์ขำกิ๊กออกมากับท่าทางออดอ้อนคล้ายเด็กอยากได้ตังค์กินขนมจากคุณแม่อย่างไรอย่างนั้น ...ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาดี รูปร่างเพอร์เฟคล่ะก็...พระจันทร์คงตอกเข้าหน้าเข้าให้ว่า ‘ปัญญาอ่อน’
“แต่จันทร์ยังไม่พร้อม...” พระจันทร์แกล้งงอแงบ้าง
“ไม่พร้อมไม่ได้...ตัวประกันอยู่ตรงหน้าพี่ ถ้าไม่ร้องเดี๋ยวนี้พี่จะฟัดให้พุงแตกแน่พระจันทร์...” สุริยะมณฑลทำเป็นขู่แล้วฝังใบหน้าเข้าไปฟัดพุงกะทินุ่มๆเสียสองทีเป็นการเตือนว่าเขาเอาจริงเมื่ออีกคนยังทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่เชื่อคำเขา ...และมันก็ได้ผลเมื่อเขารู้ดีว่าบริเวณท้องของพระจันทร์นั้นคือจุดอ่อน...เพราะพระจันทร์บ้าจี้ที่ท้องอย่างหนัก!...
“โอ๊ย...อย่าพอแล้ว...ไม่เอา ร้องก็ได้ร้องให้ฟังแล้ว...ช้างๆๆ น้องเคยเห็นช้า...ง โอ๊ยพี่ยะ !! ฮ่าๆ...อย่า...ไม่เอา...จันทร์...จั๊กจี้!! โอ๊ย...โอเคๆ...ร้องดีๆแล้ว...ไม่เอา! เอาหน้าออกไปเลยพี่ยะ...!!”
“...ไม่เล่นแง่กับพี่แต่แรกก็จบไม่เหนื่อยแล้วเด็กน้อย...”
“มาเรียกจันทร์ว่าเด็กอีกคำ จันทร์จะเอาพุงหนีบหน้าพี่ยะให้หายใจไม่ออกตายไปเลย...” คนตัวเล็กแต่ฤทธิ์เยอะประกาศกร้าวเอาจริง...มั่นใจในเรื่องชั้นไขมันสะสมตรงพุงกะทิของตัวเองมากว่ามันชนะขาดพี่ยะแน่ ก็รายนั้นเคยมีไขมันสะสมในร่างกายที่ไหน จับตรงไหน บีบตรงไหนก็แข็งโป๊กไปเสียหมดเลยนี่นา...ยิ่งโดยเฉพาะตรงหน้าท้องนะ อยากเอาสังขยามาเทราดนัก เล่นขึ้นเป็นลอนแปดแพ็คคล้ายแถวขนมปังตอนเช้าของคุณป้าแหม่มไม่มีผิด
“มองอะไร...บอกกันดีๆก็ได้นะว่าอยากเห็นมังกรคอมมานโดของพี่ เดี๋ยวพี่ควักให้ดู...”
“ไม่ดู...ทะลึ่งแล้วพี่ยะ!...เก็บไว้ให้สาวๆในสต็อกของพี่ดูเถอะ...จันทร์ยังอยากเติบโตเป็นเด็กสายตาดีอยู่”
“ไม่ดูแล้วจะเสียใจนะจันทร์...ของพี่สวยนะ” ยิ่งเย้าเรื่องใต้เข็มขัดให้ฟังเท่าไหร่ พระจันทร์ตัวน้อยก็ยิ่งหน้าแดงจัดสู้สีรถเขาเข้าไปทุกที... แม้ต้องทนกับการประทุษร้ายเอาคืนตรงหัวนมนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มกัน...
“แหวะ...ของจันทร์ก็มี แถมยังขาวอมชมพูสวยกว่าของพี่ยะตั้งเยอะ...” อย่านึกว่าจะทำให้พระจันทร์อายไปได้มากกว่านี้นะ อยู่กับคนแบบพี่มาตั้งสองปี...ภูมิต้านทานมันก็ต้องมีกันบ้างล่ะ...
“อ้าว...ก็เห็นมองใต้เข็มขัดพี่ใหญ่ก็นึกว่าอยากดูน่ะสิ ก็เลยว่าจะยอมเสียบริสุทธิ์ให้พระจันทร์ดูเสียหน่อยก็ได้ เพื่อไถ่โทษให้กับการหลอกลวงขืนใจพามานั่งรถด้วย...”
“ไม่ต้อง! คนอะไรยิ่งดึกยิ่งหื่น เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า...จะเอาจันทร์กลับไปไว้บ้านก่อนก็ได้นะ แล้วพี่ค่อยไปหาผู้หญิงของพี่ที่คอนโดเหมือนทุกทีไง...”
“พี่ไม่ใช่ตาแก่ขี้หื่นนะจันทร์... แค่แหย่น้องนุ่งเล่นนิดหน่อยนี่ถึงกับจะไล่พี่ไปหาผู้หญิงอื่นเลยเหรอ ไม่เอาแล้วเลิกแกล้งกันดีกว่า...พี่อยากฟังจันทร์ร้องเพลงแล้ว เร็ว...เดี๋ยวพี่ต้องรีบพาจันทร์กลับไปส่งคืนให้ป้าแหม่มกล่อมเข้านอนด้วย...ขืนไปสายเกินห้านาทีมีหวังพี่ถูกไล่ไปนอนกับชิวชิวแน่...” สุริยะมณฑลเขย่ามืออีกคนเบาๆเป็นการเร่ง...
พระจันทร์ก้มลงมองสายตาคมๆที่อ่อนแสงลงตอนมองเขา ฝ่ามือบางเคลื่อนไปทาบทับที่แก้มเย็นๆแล้วกดเบาๆเพื่อมอบความอบอุ่น พี่ยะคนร้ายกาจ...แต่ก็เป็นคนที่ตบหัวแล้วลูบหลังเก่งชะมัด...ชอบกลับมาทำให้เรายิ้มได้ทุกทีสิน่า...
ในใจคิดแบบนั้นแล้วปากก็ค่อยๆเอื้อนเอ่ยร้องเพลงออกมาเสียงแผ่วหวาน...
<ฟังเพลง#1>“
ร้องนามอยู่ อย่างพร่ำเพ้อ
…เธอค้นเจอ ความรัก สลักหทัย
…ฉันรู้ดีว่า ความคำนึงอันใด…
ถ่ายทอดไป ไม่เคยจะถึง…เธอ
แม้ไกลกัน เกินเอื้อมถึง…
เงารักเรา ตราตรึงคะนึงสุดฟ้า
…ปรากฏขึ้นบนราตรีกลางนภา
…เมื่อยามสายตาทอด…ออกไกล…” ฝ่ามือน้อยค่อยๆลูบแก้มคนยึดตักเขาแบบเผด็จการเป็นหมอนรองหนุนชั่วคราวแผ่วเบา เอื้อนเอ่ยเสียงร้องไปตามท่วงทำนองที่เคยได้ยิน…เสียงเพลงแว่วหวานขับกล่อมให้คนนอนหนุนตักค่อยๆหลับตาลงอย่างเชื่องช้า ตั้งใจฟังเสียงร้องใสๆราวแก้วคลอเคล้าไปกับเสียงสายฝนตกปรอยด้านนอก…
มังกรหนุ่มชักเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองได้เจอรังนอนที่อบอุ่นเป็นของตัวเองเสียที…รังที่เขาจะสามารถหลับตานอนได้โดยไม่ต้องห่วงกังวลอะไร ไม่ต้องคอยระแวดระวังตัวเองตลอดเวลาเหมือนทุกวันนี้…ที่ๆที่เขาจะมีคนคอยดูแล…ให้ได้หลับฝันดีตลอดคืน…
“
สัมผัสความรัก ของเราทั้งสอง
…ในท่วงทำนอง ครรลอง เงียบเหงา
…เพราะว่าใจนี้ มีโลกแห่งรัก ที่เคยสร้างไว้” เสียงขับกล่อมเรื่อยๆ เอื่อยเอื้อนแผ่วหวานยิ่งฟังชวนเศร้าเมื่อมันมีเสียงฝนตกด้านนอกเป็นฉากหลัง สุริยะมณฑลกระพริบตาขึ้นมองคนร้อง รับรู้สัมผัสปลอบโยนแผ่วเบาตรงข้างแก้มของตัวเอง ไม่รู้ว่าคนร้องดูอินกับเพลงมากไปรึเปล่า เขาถึงได้มองเห็นคล้ายมีหยาดน้ำใสๆคลอเอ่ออยู่รอบดวงตากลมโตคู่นั้นด้วย…
“
…จันทราผ่อง ส่องประกาย
…แสงพร่างพราย ในรัตติกาล สีคราม…
เรียงร้อยคืน รักเราหมดจด งดงาม
…ยามคิดถึง คะนึงยามนี้…วันคืนความฝัน ที่ร่วมสร้างมา
…เอื้อมมือสู่ฟ้า มลายหายไป…
เพราะว่ามือนี้ ทำลายความรัก ที่เคยสร้างไว้
จันทราผ่อง ส่องประกาย
…แสงพร่างพราย พริ้งพราวในคราว เงียบงัน…กร่อนหัวใจ จวนเจียนมลาย ของฉัน…สั่นสะเทือน บิดเบือนเลือนหาย…”
พระจันทร์ดวงน้อยหลบสายตาเขาวูบเมื่อเขาพยายามจะมองสบตาด้วย... ฝ่ามือหนาจึงรีบเลื่อนไปประคองแก้มอีกคนให้ก้มลงมองตัวเอง และก็พบว่าเดาไม่ผิดจริงๆว่าหยดน้ำนั่นคือหยาดน้ำตาของคนร้อง...
“แห่ะๆ...ขอโทษที จันทร์อินไปหน่อย...จบแค่นี้ดีกว่าเนาะ เพลงมันเศร้าน่ะพี่ยะ...” คนกำลังอินกับเพลงที่ตัวเองร้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ไม่รู้ว่ามันจะไหลออกมาทำไม... เขาไม่ใช่คนอ่อนไหวพร่ำเพรื่อเสียหน่อย...
“ตรงกับชีวิตจริงมากเลยเหรอจันทร์...” สุริยะมณฑลเอ่ยปากถาม แต่พระจันทร์กลับส่ายหน้าให้พร้อมบอก ‘เปล่า’ แต่อีกคนไม่ปักใจเชื่อ ฝ่ามือใหญ่โตยื่นไปสัมผัสข้างแก้มเย็นๆของอีกคนแล้วลูบเบาๆเลียนแบบการกระทำของพระจันทร์ และเขาก็ได้รับรอยยิ้มน้อยๆตอบแทนมา
“ถ้ายังไม่อยากจะยิ้มให้ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะ...” ชายหนุ่มบอก...เขาเลื่อนสองแขนมากอดเอวอีกคนเอาไว้แน่นๆก่อนจะซุกซบใบหน้าลงบนหน้าท้องของอีกคน ฝังจมูกสูดกลิ่นผิวนุ่มหอมอ่อนๆให้ชื่นใจ...
พระจันทร์ดวงน้อยที่เขาเป็นคนสอยลงมาจากฟ้า...แล้วใช้สองมือจับเด็ดปีกเด็ดหาง ก่อนพาเก็บไว้ในกรงทอง...กักขังไว้ให้มีอิสระแค่ภายในความคิด แต่ไร้ซึ่งกำลังจะบินหนีไปจากเขาได้... รู้ว่าตัวเองใจร้ายนักกับทุกสิ่งที่ทำลงไปกับเด็กคนนี้...กรรมของพ่อ...แต่ลูกต้องมาชดใช้...มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
<ฟังเพลง#2>“
เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง…หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า…หยาดเพชร เก็จแก้วแววฟ้า…ร่วงมาจากฟ้าหรือไร
หยาดมาแล้วอย่าช้ำโศก…ปล่อยคนทั้งโลกร้องไห้…หยาดเพชร เก็จแก้วผ่องใส…แม้อยู่ไกลเกินผูกพัน
แม้ยามเพชรหยาดจากฟ้า…ร่วงลงมา ฟ้าคงไหวหวั่น…ดวงดาวก็พลอยเศร้า โศกศัลย์…มิอาจกลั้นน้ำตาอาลัย”
พอร้องถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็เปลี่ยนมือที่คล้องรอบเอวมาทำท่าเอื้อมไปจะจับแก้มอีกคน...แต่ว่าไม่ถึง พระจันทร์จึงยิ้มน้อยๆแล้วเป็นฝ่ายเอาแก้มแนบลงมากับฝ่ามือใหญ่นั่นเสียเอง...ก่อนจะวางมือตัวเองทาบทับเอาไว้อีกที ตั้งใจฟังอีกคนร้องเพลงตอบกลับ...
“
...เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว...เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่...หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส...แม้อยู่ในความมืดมน…”
บรรยากาศภายในรถเงียบกริบไปชั่วขณะหลังจากคำร้องนุ่มทุ้มคำสุดท้ายเอื้อนเอ่ย...ราวกับว่าผู้ฟังอีกคนจะกำลังพยายามดื่มด่ำกับมันให้มากที่สุด...
...นานๆทีพี่ยะจะแอบมีมุมโรแมนติกกับเขาบ้างนี่นา...ขอเก็บเกี่ยวช่วงเวลาสงบๆผ่อนคลายแบบนี้ซักพักเถอะ...
“พี่ร้องเป็นไงบ้าง...”
“...ร้องเพลงอะไรน่ะ...จันทร์เกิดไม่ทัน...” พูดจบก็แอบก้มไปย่นจมูกใส่คนถามไปที ก่อนที่ตัวเองจะโดนจัดการบีบจมูกคืนจากนิ้วใหญ่เป็นการตอบแทน... “โอ๊ย...เอาอือออกไออะ...”
“เกิดไม่ทัน...เกิดไม่ทันใช่มั้ย ทำไมชอบย้ำพี่จริงๆเลยเรื่องอายุเนี่ย...รู้มั้ย...คนแก่ขี้ใจน้อยนะจันทร์”
“อ้าว...ก็พี่มาร้องเพลงบอกอายุทำไมล่ะ...”
“ก็จันทร์ไม่จั๊กจี้เหรอถ้าพี่จะมาร้องเพลง...อะไรนะ...
ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน…เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน…จนถึงวันที่ฉัน…แต่งงานกับเธอ… อ้าว ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะพระจันทร์…พี่ไม่ได้ร้องเพลงจีบจันทร์นะ” คนนอนสบายพูดตบท้ายพร้อมกลั้วหัวเราะ ยื่นนิ้วชี้ไปจิ้มแก้มอีกคนที่มันดูออกว่าแดงจัดแม้จะในที่สลัวรางแบบนี้ก็เถอะ...
<ฟังเพลง#3>“ก็พี่ยะอ่ะ!...อย่าไปร้องเพลงนี้ให้สาวที่พี่ไม่คิดจะจริงจังด้วยฟังเชียว เขาจะนึกไปว่าพี่กำลังร้องเพลงขอเขาแต่งงานนะ...รู้รึเปล่า” พระจันทร์รู้ตัวเหมือนกันว่าหน้าตัวเองร้อนฉ่ายังไงพิกล ก็อีกคนเล่นร้องไปทำตาหวานไป ยิ่งประกอบกับเสียงทุ้มนุ่มๆเป็นเอกลักษณ์ในแบบที่ปกติไม่ค่อยจะได้ยินด้วยแล้ว...พระจันทร์ชักรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นสาวน้อยที่กำลังละลายเพราะแฟนหนุ่มมาร้องเพลงขอแต่งงานอย่างไรอย่างนั้นเลย...
“อะไร...นี่อย่าบอกนะว่าแอบเขินที่พี่ร้องเพลงให้ฟัง”
“ไม่ได้เขิน! แต่แบบ...โอ๊ยไม่รู้...รีบลุกไปขับรถเลย เดี๋ยวคุณยามมาเห็นเขาจะนึกว่าพี่พาจันทร์มาปล้ำนะ ไปเร็วๆ...”
“ไม่ได้เขินแต่เปลี่ยนเรื่องเนี่ยนะ...ไม่เอา ขี้เกียจขับแล้วเหนื่อย...”
“เหนื่อย?...ขี้เกียจขับงั้นเหรอ? ได้ๆ...งั้นลุก จันทร์จะได้เดินกลับบ้าน...” อีกคนแสร้งพูดประชดพลางผลักศีรษะอีกคนให้ตกลงจากหน้าขา... ทว่าเพราะมือปลาหมึกที่พันธนาการกอดเกี่ยวร่างกายของเขาเอาไว้ จึงทำให้แกะมือไม่ออกซักที...มันหนุบหนับหมุบหมับบอกไม่ถูก...พอแกะตรงนี้ออกอีกมือก็เลื่อนไปแตะตรงโน้น แต่พอแกะตรงโน้นออกมันก็มายุ่มย่ามอยู่ที่เดิมอีกแล้ว...เหนื่อยใจจริงๆ
“ปล่อยให้เดินกลับได้ยังไง...ถ้าโดนใครฉุดไปพี่ไม่มีปัญญาไปหาพระจันทร์ดวงอื่นไปคืนป้าแหม่มแทนหรอกนะ...จันทร์ก็รู้ว่าแกรักแกหวงคุณหนูพระจันทร์ของแกขนาดไหน...ส่วนพี่มันก็แค่อดีตคุณหนูคนโปรดที่ตกกระป๋องไปแล้วเรียบร้อยนี่...”
“คนแก่ใจน้อยเหรอ...โอ๋ๆ...ไม่เอานะเดี๋ยวหัวล้าน จันทร์ยังไม่อยากมีผู้ปกครองเป็นตาแก่หัวล้านนะ...” เด็กหนุ่มเย้าแล้วก็ถือวิสาสะสางผมของอีกคนเล่นตามคำก่อนเอ่ยต่อ “...กลับบ้านกันเถอะพี่ยะ จันทร์ง่วงแล้ว...”
“...” คนกำลังนอนสบายเงยมองคนอ้อนจะกลับบ้านแล้วก็ถอนหายใจเฮือก... ใจจริงคืนนี้อยากนอนแบบนี้ไปจนเช้ามากกว่าแต่ติดสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ปกครองตัวจริงของเด็กหนุ่ม และสัญญาของตัวเองที่บอกไว้ว่าจะพาอีกคนไปดูหนังแต่เช้าด้วย...
ใบหน้าคมเข้มจึงก้มลงไปเกลือกเข้ากับหน้าท้องนุ่มๆของอีกฝ่ายด้วยความหมั่นเขี้ยวอีกซักที ก่อนที่ลำตัวใหญ่โตจะยอมลุกขึ้นมานั่งตรงๆแล้วเข้าเกียร์เตรียมถอยรถกลับบ้านตามคำเรียกร้อง...
------------------------------------------------------------------------------------ - --- -- -