พันธนาการ...รัก (---Chain of love---) ตอนที่ 35 [29/05/2015] PG.67 {100%} END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พันธนาการ...รัก (---Chain of love---) ตอนที่ 35 [29/05/2015] PG.67 {100%} END  (อ่าน 779039 ครั้ง)

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
เพลงแรกมันคือชีวิตหนูพระจันทร์ตอนนี้มากๆ
ฟังแล้วแอบน้ำตาไหลตามพระจันทร์เลย :sad4:
เฮ้อ ยิ่งหวานกันมากเท่าไหร่มีแววว่าจะมาม่าชามโตมากเท่านั้น :เฮ้อ:
แต่เคืองอิพี่ยะว่ะ ทั้งๆที่มีคู่หมั้นแต่ยังมาทำแบบนี้กับพระจันทร์อีกเนาะ o12

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
น้องจันทร์น่ารักมากๆ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
พระจันทร์น่ารักมาก
พี่ยะก็ขี้แกล้ง
ไม่อยากให้ดราม่าเลยอ่า
ชอบรอยยิ้มของพระจันทร์มากกว่าน้ำตา

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
กริ้วววววววววววววววววววววววว จะบอกว่า พี่น้องบ้านนี้ปากแข็งกันทั้งบ้านนนนนนนนนน ฮ่าๆ


ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
ตอนนี้คล้ายๆพี่ยะกับน้องจันทร์เค้าร้องเพลงจีบกัน :-[
แม้มันจะไม่ใช่ก็เถอะ แต่ก็ทำให้เรายิ้มไปกับบรรยากาศอย่างนี้
แถมยังมีเดทเล็กด้วย  :o8: ถึงจะดูเหมือนเป็นอย่างนั้น
แต่ก็ยังมีความรู้สึกเหงาๆไปกับน้องพระจันทร์อยู่ดี
กลัวว่าสุขมากแล้วก็จะทุกข์มากไปด้วยน่ะสิ :เฮ้อ:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
โอ๊ยยยยยย พี่ยะเด๋วน้องจันทร์ก็เป็นโรคหัวใจวายยยยยยยยยยยยยยกันพอดี  :o8:

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
กลายเป็นคนเจ้าน้ำตาไปซะแล้วเรา อย่างกับตัวเองเป็นพระจันทร์ซะงั้น  :z3: ร้องไห้ตลอด ๆ  ดราม่ามาก  :angry2: สงสารพระจันทร์ที่ต้องอยู่กับความรู้สึกไม่แน่นอนอย่างนี้ ทำเหมือนจะต้องการเรามาก แต่ใจจริงมันไม่ใช่แค่รู้สึกว่า เป็นสิ่งที่จะต้องมีไว้ จำเป็นต้องใช้แค่บางเวลาเท่านั้น  ไม่รู้จะหมดประโยชน์เมื่อไหร่  ทรมานใจกับความโครงเครงของชีวิตเหลือเกิน เค้าสงสารพระจันทร์อ่า  :o12: แต่ว่าช่วงหลัง ๆ นี้เฮียหยางแกจะอยากเลื่อนขั้นให้หนูพระจันทร์จังเลยนะคะ นัวเนียอยู่ได้ทุกช่วงจังหวะ  :laugh:
เป็นกำลังใจให้พระจันทร์ดวงน้อยจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
รอตอนต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เหนื่อย ร้อน เงินจ๊อบก็ม่ะด้าย...ย :z3:
มามะน้องพระจันทร์มาหาให้ชุ่มชื่นหัวใจซะที... :กอด1:

ออฟไลน์ mapi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ๊ายยยย....พระจันทร์น่ารักจังเลย   :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เพิ่งเข้ามาอ่าน  ชอบค่ะ แต่แอบหมั่นไส้พระเอกเล็ก ๆ
เหมือนจะมีดราม่าแอบแฝงอยู่เรื่อย ๆ

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
เราเอง :  ทำไงดี อยากให้มาต่อทุก ๆ เจ็ดวัน  :z3:
เพื่อน  :  เป็นคนอ่านที่เอาแต่ใจชะมัด  :z6:
เราเอง  :   :serius2:
เพื่อน  :  แกเพ้อมากไปแระ  :angry2:
เราเอง  :   :เฮ้อ: และจะรอต่อไปอย่างมีความหวัง  :กอด1:  :call: :call: ขอใช้ไสยศาสตร์บ้างไรบ้าง โอมจงมา จงมา  :oni3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2013 20:40:36 โดย Pam_ban »

pudson

  • บุคคลทั่วไป
ขอติดตามด้วยคน ชอบค่ะ
พี่ยะ กับ น้องพระจันทร์น่ารักกันทั้งคู่เลย
พี่ยะ มีแอบหื่นด้วย


ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
จิ้มๆ :z13:น้องพระจันทร์ทำไมพูดเก่งจัง ป่วยจิงอ่ะป่าวอ่ะ
ความสัมพันยังกะผัวเมียเหมือนคุณตำรวจว่า5555
หลินนี้จะเป็นตัวมาป่วนป่าวเนี้ย :m16:
อยากเจอหนูลินอ่ะ  เหมือนยะจะไม่ค่อยถูกกะตะวันป่าว

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
อยากบอกว่ามารอทุกวัน ไม่รู้เป็นไร  ใจมันเรียกร้องว่าอยากอ่านพระจันทร์ต่อแล้วอ่ะ  :give2:

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
พันธนาการ...รัก  #6



“ใช่สิ...พี่ตี้ของจันทร์เขาทำอะไรก็ดีก็งามไปเสียทุกอย่าง เดี๋ยวนี้พี่มันไม่มีความสำคัญอะไรแล้วนี่...พระจันทร์ดวงนี้มันส่องแสงด้วยตัวของมันเองได้แล้ว ไม่ต้องอาศัยแสงของดวงอาทิตย์ช่วยแล้วนี่นะ...”

“พี่ยะพูดอะไรเข้าใจยาก...สรุปว่าคืองอน? น้อยใจ? ที่จันทร์เห็นพี่ตี้สำคัญกว่าใช่มั้ย...”

“เปล่า”

“เปล่าอะไร...หน้ายังงออยู่เลย จันทร์รึเปล่าที่สมควรโกรธ...ที่พี่มาทำรุ่มร่ามกับจันทร์ในที่สาธารณะแบบนั้นน่ะ”

“สาธารณะที่ไหน...นั่นน่ะเขาเรียกที่รโหฐาน...” พร้อมกับที่พูดสุริยะมณฑลก็ชี้นิ้วไปโป้งเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าบุรุษ ที่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ต้องเดินไปจ่ายเงินค่าเนคไทด์ทั้งหมดยกเซ็ต...

“...ตรงนั้นมันเป็นที่ส่วนตัวตรงไหนกันพี่ยะ ไม่เห็นที่เคาเตอร์แคชเชียร์เหรอ มันมีกล้องวงจรปิด!”

“แล้วยังไง...ก็จันทร์ไม่บอกก่อนล่วงหน้าเองนี่ว่าอยากมาช้อปปิ้งในที่รโหฐาน พี่จะได้สั่งให้เขาปิดห้างให้...”

“คุณนี่...ครบสูตรคนรวย หล่อ เลวเลยนะ...เห็นเรื่องเงินเป็นที่ตั้ง ใช้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง...”

“รวยกับหล่อนี่พี่พอเข้าใจและยอมรับได้...แต่เลวนี่...พี่ไม่นับว่ามันเป็นคำจำกัดความของพี่นะ...” สุริยะมณฑลยกนิ้วมาลูบคางตัวเองพลางทำท่าคิด พระจันทร์ตัวน้อยแลบลิ้นใส่เขามาทีแล้วมุบมิบปากให้เขาพออ่านได้ว่า ‘แหวะ...คนหลงตัวเอง’
   
   ชายหนุ่มยักไหล่แบบไม่สนคำกระแนะกระแหนแบบเด็กๆนั่น...หนังเรื่องแรกที่เข้าโรงก่อนเป็นหนังแนวสืบสวนสัญชาติตะวันตก คนที่มารอชมเรื่องนี้ในรอบแรกของวันมีไม่มาก และส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติด้วย ...ที่นั่งฮันนีมูนสวีทมีผ้าห่มให้พร้อม และในมือของคนตัวเล็กก็มีเสบียงพร้อมเช่นเดียวกัน... ที่นั่งแบบยืดขาเอนหลังได้ทำให้สุริยะมณฑลไม่รอที่นั่งแบบสบายตั้งแต่เริ่มเรื่อง...เขาเอาแขนมาพาดไหล่อีกคนแล้วดึงให้ไปนั่งซบอกตัวเองไว้ หนังช่วงแรกๆผ่านไปโดยสุริยะมณฑลได้รับน้ำรับขนมแบบป้อนถึงปาก แต่พอหนังเริ่มเข้าสู่ช่วงไคลแมกซ์ คนตัวอุ่นก็ค่อยๆขยับออกจากอกไปนั่งขัดสมาธิ ล้วงมือหยิบป็อบคอร์นกินเองคนเดียวพร้อมสายตาที่จ้องเขม็งไปบนหน้าจอราวลุ้นนักหนา...ปล่อยให้เขาหาวปากกว้างพริ้มตาจะหลับเพราะเดาคนร้ายออกตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว...
   
   หนังเรื่องนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาทีก็จบ...สุริยะมณฑลออกอาการเมื่อยขบยืนส่ายเอวบิดแขนไปมาหลังจากลุกขึ้นยืนได้ ท่ามกลางไฟสลัวของโรงหนังสายตาคมปลาบก็ยังมองเห็นคนร่างเล็กแสร้งทำท่าส่ายเอวบิดแขนไปมาล้อเลียนเขาอีกแน่ะ...

“อย่างนี้แหละน้า...คนอายุเยอะแล้ว กระดูกกระเดี้ยวแล้วก็อะไรๆมันก็เปราะ...” พระจันทร์แกล้งพูดขึ้นมาลมๆ อีกคนยกมือขึ้นโบกกลางกระหม่อมของเขาไปทีก่อนตอบ

“ถึงอย่างอื่นพี่จะเปราะ...แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่มีวันเปราะนะ” พูดเสร็จชายหนุ่มก็เอานิ้วโป้งของตัวเองชี้ลงไปที่เป้ากางเกง “อยากลองมั้ย...ว่ามันจะเปราะไปตามวัยรึเปล่า...”

“ยี้...ไม่เอา ตาแก่ขี้หื่น...ไหนเคยบอกว่าเลี้ยงจันทร์ไว้เป็นน้องไง แล้วทำไมช่วงนี้พี่ยะ...”

“...ชอบหื่นใส่จันทร์บ่อยๆใช่มั้ย” พูดจบคนพูดก็ยั่วยักคิ้วตบท้ายราวกับตนเองทำแล้วดูเท่ห์เสียเต็มประดา อีกคนพยักหน้ารับแรงๆหลายๆทีก่อนจะเงยมองสบตาคนขี้แกล้งขี้อำ

   สุริยะมณฑลค่อยๆก้มหน้าลงมาสบตาอีกคนใกล้ๆ ในเมื่อคนตัวเล็กทำเป็นท้าทายไม่ยอมหลบตาเขาก่อน เรื่องอะไรที่จะเขาจะต้องไปยอมอ่อนข้อให้...

“เหตุผลที่พี่ชอบทำตัวหื่นใส่จันทร์บ่อยๆ...ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าช่วงนี้จันทร์ทั้งขาว ทั้งหอม ตัวก็นิ่ม แล้วยัง...” เขาก้มลงไปจนจมูกเกือบจะโดนกันอยู่แล้ว ...เสียงมารโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้นมากลางจังหวะ และมันก็ทำให้อีกคนหันหน้าหนีเขาไปมองโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตัวเองแทน...

   สุริยะมณฑลถอนหายใจแบบออกอาการฮึดฮัดขัดใจเล็กน้อย...พลางหูก็เงี่ยฟังโทรศัพท์ ในใจคิดว่าคงเป็นป้าแหม่มตามเคยที่ชอบโทรมาเช็คข่าวคราวของคุณหนูคนโปรด...

“Hello...” เสียงเล็กๆทักทายออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งนั่นไม่เคยเกิดขึ้นในการรับโทรศัพท์จากแม่บ้านเก่าแก่ ...หรือว่าจะเป็นน้ำฟ้า ภรรยาของน้องชายเขาที่อยู่เมืองไทยโทรมาหากัน...

“อ๋อ...ครับ จำได้ครับ...เอ๋? เอ่อ ตอนนี้?...ที่หน้าโรงหนังเหรอครับ” พอถึงตรงนี้พระจันทร์ก็หันหน้ามามองเขาราวขอคำอนุญาตว่าจะไปพบกับคนปลายสายที่หน้าโรงหนังในเวลานี้ได้รึเปล่า ซึ่งสุริยะมณฑลก็ไม่ได้ออกปากอนุญาต แต่กลับคว้าข้อแขนขาวๆลากออกไปแทน

   พระจันทร์วางสายไปแล้วและก็กำลังเดินตามเขามา ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าปลายสายของคนตัวเล็กเป็นใคนแต่ก็พาลากจนออกมายืนอยู่ที่หน้าโรงหนังจนได้

“อ่ะ...คุณอี้หลิน” พระจันทร์อุทานเสียงแผ่วก่อนผินสายตาไปมองผู้หญิงในชุดกระโปรงผ้าสีน้ำเงินลายสก็อต เสื้อทรงตุ๊กตาสีขาวมีระบาย ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอ่อนๆ แลดูคล้ายเป็นคุณหนูตระกูลสูงมากที่ไหนซักแห่ง...

           แน่นอนว่าคนความจำดีเลิศอย่างสุริยะมณฑลนึกออกทันทีว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร แม้ว่าสภาพตอนแรกพบกันในตอนนี้จะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยก็เถอะ...

           ...ลอกคราบเด็กสก๊อยออกจนเกลี้ยงเลยนะ... สุริยะมณฑลนึกในใจพลางเดินตามพระจันทร์ไปห่างๆเมื่อเด็กหนุ่มดึงมือออกจากแขนเขาเพื่อเดินเข้าไปหา ‘อดีตเด็กสก๊อย’ คนที่ว่า...

“หลินมาสอนพิเศษเด็กแถวๆนี้ เห็นลูน่ากำลังเดินเข้าโรงหนังไปพอดีเลยกะเวลารอให้หนังเลิกแล้วค่อยโทรไป...โชคดีจังที่กะเวลาได้ถูก” หญิงสาวในวันนี้ช่างแตกต่างกับเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง...ใบหน้าได้รูป จมูกโด่งนิดๆ ริมฝีปากชมพูใสๆ และผิวขาวตามสายเลือดคนชาติฮ่องกงแท้ๆ ขับให้คนตรงหน้าในชุดโทนสีน้ำเงินขาวดูสูงส่งมีชาติตระกูลขึ้นมาอักโข ยิ่งได้มามองภายใต้แสงไฟสว่างๆ ไม่ใช่ในแสงไฟมืดๆสลัวรางของเมื่อคืนแล้ว...พระจันทร์ต้องยอมรับเลยว่าถ้าไม่ได้เจอเจ้าหล่อนเมื่อคืน เขาแทบจะนึกสภาพคนตรงหน้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถแข่งแบบผิดกฎหมายแบบนั้นไม่ออกแน่ๆ...

“เอ่อ...คุณหลิน ผมขอโทษนะครับเรื่องเมื่อคืน...คือ...เรื่องคดีความแข่งรถ...”

“โอ๊ยไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะลูน่า...ป่ะป๊าหลินกับเหวินจิ้งจัดการให้เสร็จภายในห้านาทีเลย อาจิ้งถูกกักบริเวณเป็นการลงโทษ...ส่วนหลิน สบายค่ะ ก็ลูกสาวสุดที่รักของป่ะป๊านี่” พูดจบหญิงสาวก็ยิ้มหวานตาหยีให้เขา ราวกับการพบเจอกันครั้งแรกเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก

“อ๋อ...ครับ” พระจันทร์ไม่รู้จะตอบรับยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดีจึงได้แต่รับคำไปเบาๆ แล้วหญิงสาวก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก้มลงไปค้นของในกระเป๋าถือกุกกัก...

“อ้อ จริงด้วยสิคะ ที่โทรหาคุณลูน่าเนี่ย ก็เพราะมีของอยากจะเอามาคืนน่ะค่ะ เอ...อยู่ไหนน้า” หญิงสาวพูดพลางก็ค้นมือลงในกระเป๋าถือพลาง ค้นอยู่ซักแป๊บก็เงยขึ้นมาทำหน้าหงอยๆใส่พระจันทร์ก่อนบอก “หาไม่เจอล่ะค่ะ สงสัยหลินคงจะลืมเอาไว้ที่บ้าน...ไว้วันหลังหลินจะเอามาให้นะคะ”

“ของที่ว่า...คืออะไรเหรอครับ” พระจันทร์ออกอาการงง เมื่อเขากับอี้หลินเพิ่งได้เจอกันครั้งแรก และจำไม่ได้ด้วยว่าเคยให้หญิงสาวยืมอะไรไว้ถึงต้องเอามาคืน เท่าที่จำได้ก็มีแค่เบอร์โทรศัพท์อย่างเดียวนี่นา

“อ๋อ เข็มกลัดติดเนคไทด์น่ะค่ะ” อี้หลินตอบ และพระจันทร์ก็ยิ่งงงหนัก

“เอ๋ เข็มกลัดติดไทด์?” สีหน้าพระจันทร์คงดูงงมากจริงๆอี้หลินจึงเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า

“ก็ที่เมื่อคืนลูน่าเอามาติดที่เข็มขัดไงคะ มันหล่นตอนลูน่ากระโดดข้ามแผงกั้นขอบถนนน่ะค่ะ หลินเก็บได้ก็ว่าจะเอามาคืนให้นี่แหละค่ะ...” อี้หลินตอบ รอยยิ้มหวานยังคงถูกส่งให้ต่อเนื่อง...พระจันทร์เผลอยกมือมาจับหลังเอวตัวเองตรงตำแหน่งที่มันเคยมีที่ติดเนคไทด์ของอีกคนอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนกลับบ้านไปก็ดึกมากแล้ว เขาโดนป้าแหม่มจับลอกคราบและเป็นคนเก็บชุดที่ใส่เมื่อคืนไว้ เขาเองก็ง่วงมาก อาบน้ำเสร็จก็นอนเลย ไม่ทันได้ตรวจเช็คของว่าเครื่องแต่งกายตัวเองวันนั้นมีอะไรที่ขาดหายไปบ้าง...

   ...แย่ละ เจ้าของของที่หายยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วย ถ้ารู้ว่าเขาดันเผลอทำของๆคู่หมั้นเขาหายไปแบบนี้ จะไม่โกรธแย่เหรอเนี่ย...

   ใบหน้าเล็กๆแอบหันเอียงไปมองคนตัวสูงกว่าที่ยืนอยู่ข้างหลัง และอย่างที่คิด...ชายคนนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธมาก !

“เอ่อ...คือถ้ายังไงหลินกลับก่อนก็แล้วกันนะคะ มีสอนติวต่อตอนเที่ยง แล้วยังไงวันหลังหลินจะโทรไปหานะคะลูน่า จะได้เอาของมาคืน... ไปแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ” ท้ายประโยคพูดจบอี้หลินก็พนมมือไหว้ ‘คุณผู้ปกครอง’ ตัวสูงที่ยืนตีหน้ายักษ์อยู่หลังหนุ่มตรงหน้าหล่อน ก่อนจะฉีกยิ้มหวานตบท้ายแล้วเดินจากไป...

“เอ่อ...พี่ยะคือ...” เด็กหนุ่มหันหลังกลับไปเต็มตัวแล้วพยายามเอ่ยจะอธิบายให้คนตัวสูงเข้าใจว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำของหายแล้วไม่บอก แต่ว่าตัวเองก็เพิ่งรู้จริงๆ “เมื่อคืนป้าแหม่มเป็นคนถอดชุดแล้วก็จัดการเก็บเครื่องแต่งกายไว้ให้ทั้งหมด ผมไม่รู้จริงๆว่า...เข็มกลัดคุณหายไป...”

“...เอาเบอร์ของเธอให้เขาไปตอนไหน” พอสิ้นเสียงอธิบายแผ่วๆ เสียงแข็งกร้าวก็เอ่ยถามย้อนกลับมาทันที

“คือ...เมื่อคืนตอนที่...”

“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเอาเบอร์ตัวเองให้คนที่ไม่รู้จัก มันอันตราย...ไม่เข้าใจรึไง” พร้อมกับที่พูด เมื่อหนาก็เอื้อมมารั้งต้นแขนอีกคนดึงให้เข้ามาใกล้ เสียงทุ้มที่กดลงต่ำกว่าปกติบ่งบอกอารมณ์โกรธได้ดี

“เขาเอาโทรศัพท์ผมไป ไม่ได้ให้เองเสียหน่อย...” พระจันทร์แม้จะเจ็บแขนมาก แต่ก็พยายามจะอธิบายต่อไป “แล้วอีกอย่าง...คุณหลินเธอไม่ใช่คนไม่ดี พี่ยะนั่นแหละที่กังวลมากไป ...มันไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นหรอกน่า...”

“ภัยมันจะมาถึงตัว ก็เพราะตัวเธอเองนั่นแหละที่ประมาท...” สุริยะมณฑลเอ่ยเสียงเข้ม เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของอีกคนแล้วเขาถึงเพิ่งรู้สึกตัวแล้วปล่อยมือที่บีบแขนอีกคนออก ก่อนเอ่ยเสียงเครียด “หรือว่าพี่ต้องเอากุญแจมือล่ามเราติดไว้กับตัวพี่จริงๆเสียแล้ว ฮึ?”

“อย่าพูดเล่นนะพี่ยะ”

“ไม่ได้พูดเล่น...แต่ถ้าจำเป็นต้องทำ พี่ก็จะล่ามเราเอาไว้ติดตัวจริงๆ...” อีกคนพูดพร้อมจ้องตาเขา

“ผมไม่ใช่นักโทษของพี่นะ” พระจันทร์ค้าน ก่อนส่งสายตาค้อนๆไปให้

“ก็ไม่ใช่นักโทษไง...แต่เป็นคนสำคัญ...มาก...พี่เลยต้องทำแบบนี้” น้ำเสียงไม่มีวี่แววล้อเล่น ทำให้พระจันทร์ต้องก้มหลบสายตาสื่อความหมายตรงๆของอีกคน

“จันทร์...จันทร์ไม่อยากดูหนังแล้ว จันทร์อยากกลับบ้านมากกว่า” เมื่อจู่ๆอีกคนเริ่มออกอาการงอแงร่ำร้องอยากกลับบ้านขึ้นมาเพื่อเป็นการตัดบท แต่คนที่ยอมอุตส่าห์โดดงานบริษัทตอนเช้าเพื่อพาอีกคนมาเที่ยวยังไม่อยากกลับ ฝ่ามือใหญ่จึงเอื้อมคว้าแขนอีกคนให้เดินไปในทิศทางตรงข้ามกับลานจอดรถ
   
   พระจันทร์ออกอาการสะบัดแขนดิ้นเร่าๆอยู่พอสมควร แต่แรงแมวน้อยดิ้นแค่นั้นโดนเขาหิ้วจับหลังคอเอาไว้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว... สุริยะมณฑลลากอีกคนเข้ามานั่งอยู่บนเก้าอี้ชั้นสวีทของห้องฉายหนังระบบ 3D เขาจัดการสวมแว่นตาให้แล้วกดอีกคนให้นั่งนิ่งๆพิงอ้อมแขนเขา ปิดหูไม่ฟังเสียงร้องอุทรณ์ตะแง๊วๆของอีกคนที่ไม่สนใจคนอื่นในโรงหนังเลยแม้แต่น้อย จนสุริยะมณฑลออกอาการรำคาญเสียเต็มแก่แล้ว มือหนาจึงอ้อมผ่านหลังต้นคออีกคนมาเอามืออุดปากพร้อมส่งเสียง ‘ชู่ว’ ออกมาเบาๆ เมื่อตัวอย่างหนังเริ่มทำการฉายขึ้นจอแล้ว...
 
----------------------------------------    - ---         --          -

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์



   ห้องทำงานบนชั้นสูงสุดของบริษัทตระกูลหยางที่ชาวบ้านเรียกกันเพิ่งมีแฟ้มงานหนาประมาณหนึ่งนิ้ววางอยู่ ก่อนหน้าที่สุริยะมณฑลจะเดินเข้ามาในห้องเพียงไม่กี่นาที โดยที่คนเอามาวางก็ยังคงยืนอย่างสำรวมอยู่ข้างโต๊ะทำงาน เมื่อทราบเวลาเข้าทำงานของเจ้านายหนุ่มเป็นอย่างดี

“คุณหยาง เอกสารที่ต้องการอยู่บนโต๊ะแล้วนะครับ...” เสียงพูดภาษาไทยสำเนียงจีนดังขึ้นทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง

“จัดการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ให้พระจันทร์ซะ แล้วโทรบอกอาตี้ ว่าให้รายงานฉันทุกๆครึ่งชั่วโมง ว่าพระจันทร์ทำอะไรอยู่ที่ไหน...รวมทั้งสถานการณ์ในบ้านด้วย...” สุริยะมณฑลเอ่ยสั่งงานทันทีที่เข้ามาในห้อง และมือซ้ายของเขาก็รับคำสั่งเตรียมพร้อมทำงานทันทีเช่นกัน

“เบอร์โทรศัพท์ของคุณพระจันทร์จะถูกเปลี่ยนภายในครึ่งชั่วโมงนี้ครับ” ซานตง เอ่ยบอกหลังจากส่งข้อความคำสั่งให้ลูกน้องในสายงานตัวเองจัดการต่อ

   สุริยะมณฑลเปิดแฟ้มเอกสารที่วางอยู่กลางโต๊ะขึ้นอ่าน กวาดสายตามองรูปภาพและรายละเอียดที่อยู่ด้านข้าง ในนั้นระบุว่า สาวสก๊อยที่ชื่ออี้หลิน เป็นลูกสาวของเจ้าพ่อบริษัทก่อสร้างฝั่งเกาลูน โดยมีฉากหลังเป็นคนปล่อยเงินกู้รายใหญ่ เป็นแบ็คอัพให้รัฐบาลฝ่ายค้าน และมีหุ้นส่วนอยู่ในธนาคารแห่งชาติฮ่องกง...ประวัติของพ่อโหญ่โตและโชกโชนไม่ใช่เล่น

   ส่วนตัวลูกสาวก็ไม่แพ้กันจริงๆ เป็นนักเรียนดีเด่นว่าที่เกียรตินิยมตั้งแต่ปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเกาะฮ่องกง เคยไปแลกเปลี่ยนที่เมืองไทยสองปีตอนไฮสคูล เป็นคุณหนูขนานแท้ที่รักความเร็ว ชอบซิ่ง และปีนผา...มิน่าล่ะ งานอดิเรกคือชอบเป็นสาวสก๊อยนี่เอง เมื่อคืนถึงได้ไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ไอ้ลูกคนรวยนั่น...แล้วสาเหตุที่เข้ามาตีสนิทกับพระจันทร์คืออะไร...สเป็คผู้ชายที่บรรยายไว้ก็ตรงกันข้ามกับพระจันทร์ทุกอย่าง...

“คุณหยางครับ เรื่องสำคัญกว่าคุณหนูอี้หลินก็คือ พ่อของคุณเหวินจิ้งนะครับ...รัฐมนตรีเหวินเป่าไม่พอใจมากที่เรายื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องเมื่อคืน ผมเกรงว่าโครงการจัดซื้อที่ดินบนเกาลูนของเราจะมีปัญหานะครับ...เพราะรัฐมนตรีเหวินเป่ากับพ่อของคุณหนูอี้หลิน...เป็นเพื่อนรักกัน...”

“ไม่มีคำว่าเพื่อนรักในวงการนี้หรอกอาตง...สองคนนั้นเอื้อผลประโยชน์ให้กัน เลยใช้ลูกชายลูกสาวเป็นสะพานเชื่อม...ส่วนเรื่องที่ดินไม่ต้องกังวลหรอก มันแทรกแซงได้ลำบากแน่เพราะเรามีตำรวจหนุนหลังอยู่ มันคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม...”

   สุริยะมณฑลทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังบุนวมสีเทา พลางหยิบแฟ้มที่เหลือบนโต๊ะมากวาดสายตาอ่านรายละเอียดข้างใน ข้อมูลการทุจริตและคอรัปชั่น รวมไปถึงการใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อเปิดเส้นทางการค้าให้เจ้าพ่อเงินกู้ของเกาะเกาลูนถูกรายงานมาอย่างละเอียดยิบ...

“แค่นี้มันยังไม่พอ ฉันต้องการหลักฐานการทุจริตที่เป็นรูปธรรมมากพอที่จะเอาไว้ใช้แบล็กเมล์รัฐมนตรีเหวินเป่า...”

“หลักฐานอื่นๆทางกรมสอบสวนคดีพิเศษก็กำลังเร่งติดตามรวบรวมอยู่เหมือนกันครับ ผมไม่อยากให้มันข้องเกี่ยวกับพวกตำรวจ...ก็เลย...”

“ถ้างั้นเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะที่ฉันรวบรวมหลักฐานทั้งหมดก็เพื่อจะส่งให้ทางการนั่นแหละ...เรื่องอะไรจะให้เลือดมันมาเปื้อนมือเรา ยืมมือคนอื่นฆ่า...ง่ายกว่าตั้งเยอะ”

“...” ซานตงมองเจ้านายที่คลี่ยิ้มบางๆพลางโยนแฟ้มลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนที่เสียงเครื่องมือสื่อสารจะดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีข้อความเข้า...

   ‘...คุณพระจันทร์กำลังศึกษาการทำอาหารจากคุณน้ำฟ้าผ่านโปรแกรมเฟสไทม์อยู่ครับ...ตี้เฉิน’

“เย็นนี้ฉันจะกลับไปกินข้าวที่บ้านนะ...ยกเลิกนัดลูกค้าตอนเย็นให้ด้วย” คนเป็นมือซ้ายและเลขาส่วนตัวมองเจ้านายที่กำลังทำสีหน้า ‘ยิ้มอบอุ่น’ ระหว่างที่มองโทรศัพท์ตัวเองแล้วก็ได้สงสัย ในขณะที่มือก็กดบันทึกสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือยกเลิกนัดลูกค้าตามความประสงค์ของเจ้านาย ไม่รู้ว่าไอ้เจ้าตี้เฉินมันส่งข้อความอะไรมา เจ้านายเขาถึงได้ยอมทำเรื่องเหลือเชื่อมากในรอบสิบกว่าปีที่เขาเข้ามาร่วมทำงานด้วยอย่าง ‘การยกเลิกนักลูกค้า’ แบบนี้ !!!


----------------------------------------    - ---         --          -



“พี่ฟ้า ! ทำไมแค่น้ำยำมันถึงได้ยากแบบนี้ล่ะ...โอ๊ย น้ำมะนาวเข้าตาเลย แสบอ่ะ !!”

‘เอ้าๆ รีบไปลืมตาในน้ำไป พี่บอกแล้วไงว่าให้คุณป้าแหม่มช่วยคั้นน้ำให้ก่อนก็ได้ ดื้อจะทำเอง...เป็นยังไงล่ะ’ เสียงหวานใสเอ่ยบอกแบบเห็นหน้าผ่านทางหน้าจอโน๊ตบุ๊คยี่ห้อดัง น้ำฟ้าส่ายหน้ามองคนที่สองปีนี้ติดต่อกันอยู่ตลอด จนตัวเองรักเป็นน้องชายแท้ๆไปแล้วด้วยความเอ็นดู

“ก็...ก็พี่ยะบอกให้...”

‘...พระจันทร์ลงมือทำกับข้าวเองเป็นเวลาสองอาทิตย์’

“อื้อ” พระจันทร์รับคำหน้ายุ่งตาหยี โดยมีคุณป้าแหม่มกุลีกุจอหยิบผ้าเย็นมาให้คุณหนูตัวเล็กเช็ดตาเพิ่มเติม น้ำฟ้ามองคนตัวเล็กที่พยายามจะหั่นมะนาวต่อแล้วอดนึกสงสารไม่ได้ ...เชื่อคำพี่ยิ่งกว่าอะไร ทำตามทุกคำสัญญา ยอมรับทุกข้อแม้ที่มีระหว่างกันกับพี่ชายสามีตัวเองแบบสุดหัวใจ... คุณยะจะรู้บ้างมั้ยนะ ว่าพระจันทร์ลงทุนลงแรงทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้แก่กันแค่ไหน

“พี่ฟ้าผสมน้ำมะนาวกับน้ำปลาเสร็จแล้วทำอะไรต่อ...” พระจันทร์เอ่ยถาม นิ้วมือแสบไปหมดเพราะโดนมีดบาดไปหลายทีแต่เพราะไม่ลึกมากจึงไม่มีรอยเลือด แต่ทว่ากรดจากน้ำมะนาวก็กัดให้นิ้วน้อยแสบพอควร...

‘ใส่น้ำตาลจ่ะ...ไม่ต้องเยอะนะ กะให้พอมีรสชาดหวานปะแหล่มๆก็พอ’

“เอ๋า...แล้วจันทร์จะรู้มั้ยเนี่ยว่าต้องใส่ขนาดไหน...” พูดพลางก็ตักน้ำตาลทรายขาวขึ้นมาเพียงติดปลายช้อนนิดหน่อย ก่อนจะหย่อนลงถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆแล้วคนๆ

“ใส่อีกหน่อยก็ได้ค่ะคุณหนู นี่ซักประมาณนี้นะคะ...” ป้าแหม่มที่ยืนเป็นลูกมือ...หรือพูดให้ถูกคือเป็นผู้คุมคุณหนูตัวน้อยไม่ให้ระเบิดห้องครัวของหล่อนตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยสาธิต ว่าการใส่น้ำตาลให้พอหวานปะแหล่มในขณะที่คุณหนูเพิ่งผสมน้ำมะนาวเข้าไปสามลูกนั่นคือประมาณไหน...

“อ๋อ...แล้วยังไงต่อครับ” พอคนๆเจ้าน้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะนาวจนละลายกันดีแล้วพระจันทร์ก็ออกปากถามคนที่อยู่ในจอคอมพิวเตอร์ต่อ รู้สึกแสบนิ้วจนต้องแอบเอามาอม แล้วก็อี๋...ทำไมมันทั้งเค็มทั้งเปรี้ยวแบบนี้ล่ะ แหวะ...

‘เสร็จแล้วก็ตั้งทิ้งไว้ มาทอดไข่ดาวจ่ะ...ทานกันกี่คนล่ะ ถ้าสองคนก็ทอดซักสามสี่ฟองก็พอ...’ น้ำฟ้าแนะนำ วันนี้พอเจ้าน้องชายตัวน้อยเฟสไทม์มาหาจากฮ่องกงบอกว่าจะลงมือเข้าครัวเอง เขาก็คิดว่าน้องคงเบื่ออยากทำกับข้าวกินเองเลยแนะนำให้ทำเมนูไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋นแบบง่ายๆไป แต่พระจันทร์กลับตอบมาว่า

   ‘ขืนทำเมนูเบสิคแบบนั้นให้พี่ยะทานมีหวังโดนล้อแหงว่าหมดสองอาทิตย์ หน้าพี่เขาคงเหมือนไข่ จันทร์อยากทำอะไรที่มันยากกว่านั้นอ่ะครับพี่ฟ้า...น้าๆ’ ก่อนจะตบท้ายด้วยลูกอ้อนเข้ามาไม่ต่างจากเจ้าลูกชายพุงกลมๆของเขาเวลาอ้อนขอของเล่นเลย สุดท้ายน้ำฟ้าก็ใจอ่อนบอกเมนูยำไข่ดาวให้คนไม่เคยเข้าครัวแบบจริงจังอย่างพระจันทร์ได้ลองหัด... แล้วก็อย่างที่คิด ถ้าไม่มีคุณป้าแหม่มอยู่ช่วย ป่านนี้นิ้วขาวๆทั้งสิบนิ้วคงไม่เหลือ...

“อ๊ะ! ชิวชิว ออกไปก่อนนะ เดี๋ยวโดนน้ำมันลวกไม่รู้ด้วย...” และระหว่างที่คนตัวบางกำลังพยายามจะเทน้ำมันลงบนกะทะร้อนๆก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อรู้สึกว่ามันมีขนอะไรนุ่มๆมาถูไถอยู่ที่เนินขาอ่อนแบบไม่ให้ทันตั้งตัว...

   ใช่...ฟังไม่ผิดหรอก เนินขาอ่อน เพราะไอ้เจ้าสิ่งนั้นมันตัวสูงใหญ่เท่าขาเขาเลยทีเดียว...มันคือ ‘สัตว์เลี้ยง’ ในบ้านหลังนี้ที่วันก่อนพี่ยะเกือบได้โดนมานอนเล่นด้วยแล้วนั่นแหละ...แต่ทว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้มันจะเป็นสุนัขหรือแมวตัวน้อยๆน่ารักๆแบบบ้านอื่นเขาได้ยังไง ในเมื่อเจ้านายของมันคือคุณชายสุริยะมณฑล ผู้มีฉากหน้าเป็นนักธุรกิจเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทั่วเกาะฮ่องกง แต่เบื้องหลังคือเจ้าพ่อบ่อนคาสิโนและผู้เก็บอากรท่าเรือที่แม้แต่รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิ์เก็บแม้แต่เซนต์เดียวอย่างผู้ชายคนนั้น!

   หัวอันใหญ่โตของเจ้าชิวชิวพยายามซุกไซ้หว่างขาของผู้เป็นนายอีกคนของบ้านตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนอย่างต้องการจะอ้อน ลายพาดกลอนจางๆขยับไหวราวมีชีวิตจนพระจันทร์ต้องเอื้อมมือข้างหนึ่งมาลูบที่ศีรษะเพื่อบอกให้มันถอยออกไปก่อน...แต่ดูเหมือนเจ้าสัตว์ตัวใหญ่นั่นจะไม่ยอมไปไหน เพราะมันตัดสินใจทิ้งตัวนอนตะแคงข้างพิงขาเจ้านายเสียอย่างนั้น...

“สงสัยจะทะเลาะกับเจ้าซิมบ้ามาอีกล่ะสิท่า...ถึงได้มานอนอ้อนคุณหนูอยู่แบบนี้น่ะ...” คนกำลังมือเป็นระวิงกับการเบาเตาแก๊สให้คุณหนูคนโปรดเอ่ยเดา เพราะตอนนี้คนบอกจะทำอาหารเองเริ่มก้มลงไปให้ความสำคัญกับพุงนิ่มๆห้อยย้อยของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดเสียแล้ว...

“อ้าว...นั่นไง นินทาปุ๊บมาปั๊บ เหมือนเจ้านายแกไม่มีผิดเลยนะซิมบ้า...” พระจันทร์ที่นั่งยองๆลงเกาท้องให้ ‘เสือขาว’ ลายพาดกลอนที่นอนนิ่งอยู่แทบเท้าเงยหน้ามองสัตว์เลี้ยงอีกตัวที่ถูกพาดพิง...แน่นอนว่าพอสิ้นเสียงพูดของเขาปุ๊บไอตัวที่นอนอยู่ใกล้เขาก็เริ่มส่งเสียงขู่กรรโชกในลำคอ พอๆกับอีกฝ่ายที่แยกเขี้ยวเข้าหาพอกันเมื่อต่างฝ่ายต่างเจอคู่ปรับ...

   บ้านนี้นอกจากชิวชิวหรือเจ้าเสือขาวลายพาดกลอนตัวที่นอนอยู่กับพระจันทร์นี่แล้ว ก็ยังมีเจ้าสัตว์เลี้ยงหน้าขนที่ชื่อซิมบ้าอีกตัว...เหตุที่มันชื่อซิมบ้าก็เป็นเพราะคนตั้งชอบนิทานเรื่องเดอะ ไลอ้อน คิง เอามากๆ ถึงได้เอามาตั้งเป็นชื่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรด...ที่สำคัญ เป็นเพราะเจ้าซิมบ้าที่ว่ายังเป็น ‘สิงโตดำ’ สมกับชื่อตัวในนิทานเรื่องนั้นเสียด้วย...

   แล้วทำไมบ้านหลังนี้ถึงได้มีทั้งสิงโตและเสือมาเดินเพ่นพ่าน ทำตัวราวกับตัวเองเป็นสุนัขพันธุ์โตๆแบบนี้ได้ล่ะ... คำถามนี้เขาก็เคยถามเจ้าบ้านตัวจริงมาก่อนเหมือนกัน และก็ได้รับคำตอบว่า...เป็นเพราะนิทานเรื่องเดอะ ไลอ้อน คิง อีกนั่นล่ะที่ทำให้เจ้าบ้านตัวสูงร่างบึกคนนั้นอยากลองไปสัมผัสทุ่งหญ้าสวานาและป่าเขาลำเนาไพรแถบแอฟริกาจริงๆซักครั้ง และเขาก็ลงมือทำมันโดยการลากกลุ่มเพื่อนสนิทและลูกน้องหยิบมือบินข้ามน้ำข้ามเขาไปจนถึงถิ่นฐานของเจ้าซิมบ้าในเรื่อง... และด้วยเพราะอยู่ในวัยหนุ่ม เขาจึงอยากนอนกลางดินกินกลางทรายแบบจริงๆจังๆ จึงได้ออกไปกางเต้นท์นอนท่ามกลางดินแดนในเขตสัตว์ป่าแทนการเข้าพักในโรงแรมหรูแบบที่คนรวยทั่วไปเขาทำกัน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้เจอกับเจ้าซิมบ้า

            ด้วยความที่เจ้าซิมบ้าไม่ใช่สิงโตธรรมดา แต่เป็นสิงโตดำที่นานๆจะมีขึ้นซักหน สภาพที่คุณสุริยะมณฑลไปเจอในตอนนั้นจึงเป็นลูกสิงโตตัวน้อยที่นอนหายใจรวยรินใกล้จะตายแหล่มิตายแหล่อยู่ในพงหญ้า เนื่องเพราะมันขาดอาหารจากแม่ที่โดนฆ่าตายเป็นซากอยู่ใกล้ๆ แถมยังไร้คนเหลียวแลจากสมาชิกอื่นในฝูงเพราะสีขนที่ผิดแผกแตกต่างจากสิงโตตัวอื่น...พี่ยะจึงตัดสินใจนำมันมารับการรักษาที่เต้นท์ของตัวเอง ให้สัตวแพทย์ในทีมที่ร่วมเดินทางไปด้วยช่วยดู ตั้งใจตอนแรกไว้ว่าพอมันหายดีค่อยส่งกลับเข้าฝูง แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่มันไม่ยอมห่างกายพี่ยะเลยแม้แต่นิด ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ขู่ฟ่อใส่ทุกคนที่เข้าใกล้พี่ยะ...สงสัยมันคงจะคิดไปว่าพี่ยะเป็นแม่มันละมั้ง...

              พระจันทร์คิดขำๆระหว่างที่นึกเรื่องที่คนตัวสูงเคยเหล่าเกี่ยวกับประวัติของสิงโตเจ้าป่านามซิมบ้าที่กระโดดขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางผึ่งผายพลางมองมาที่เขาด้วยดวงตาทอประกายสีทองเจิดจ้ามีชีวิตชีวา... ปลายหางที่เป็นพู่สีดำสะบัดกวัดแกว่งพร้อมปากที่แยกเขี้ยวใส่ศัตรูตลอดกาลอย่างชิวชิวทั้งๆที่อยู่ร่วมบ้านกันแท้ๆ...ไม่รู้เมื่อไหร่และทำไมเจ้าสัตว์หน้าขนสองตัวนี่ถึงไม่ถูกกัน ทั้งๆที่มาจากถิ่นเดียวกันแท้ๆ...

            หลังจากนั้นประมาณหนึ่งปี พี่ยะที่ติดใจชีวิตนุ่งลมห่มใบหญ้าท่ามกลางป่าเขาที่แลดูแห้งแล้งก็ยกขบวนกลับไปเข้าแคมป์ที่ป่าแถบแอฟริกาอีกรอบ...และคราวนี้ที่เก็บมาได้ก็เป็นเจ้าเสือหนุ่มน้อยขนสีขาวปลอดนี่เอง...เจ้าตัวนี้พลัดหลงกับแม่มาร้องงี๊ดๆอยู่ข้างเต้นท์พี่ยะตอนหัวค่ำ พี่ยะผู้ใจดีก็เลยรับเก็บมาช่วยดูแลให้อีกระหว่างออกตามหาครอบครัวของมัน...ก่อนจะพบว่าแม่ของมันก็กลายเป็นซากเพราะถูกนักล่าแห่งแม่น้ำขึ้นมาจัดการเขมือบจนเหลือเพียงซากกระดูกไว้ให้ลูกน้อยได้ดูต่างหน้าเพียงเท่านั้น...และด้วยตรรกะอันชาญฉลาดของพี่ยะว่าเจ้าซิมบ้าของพี่แกควรจะมีเพื่อน เจ้าชิวชิวเลยได้โอกาสมาอยู่ร่วมบ้านนี้ด้วยอีกตัวหนึ่งนั่นเอง...

             คำให้การเพิ่มเติมจากคำบอกเล่าของป้าแหม่ม ผู้ที่คุ้นเคยกับเจ้าสองตัวนี้มาตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมาก็บอกว่า...เจ้าซิมบ้าจะหวงพี่ยะยิ่งกว่าอะไรดี เข้าใจคำสั่งและเชื่องกับพี่ยะเพียงคนเดียว ทำตัวเป็นร็อตไวเลอร์ตัวโตที่ทำหน้าที่อารักขาเจ้านายได้ดีไม่มีที่ติ ส่วนเจ้าชิวชิวนี่จะออกแนวเกเรแต่ขี้อ้อน คล้ายไปทางเยอรมันแชพเพิร์ด หมาตำรวจผู้เย่อหยิ่ง เชื่อฟังคำสั่งและปฏิบัติตามได้อย่างแม่นยำ...ปกติชิวชิวก็จะดูชิวสมชื่อ แต่ตั้งแต่สองปีก่อนที่พระจันทร์เริ่มก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้...ก็ดูเหมือนเจ้าชิวชิวจะถูกชะตาพระจันทร์เข้าอย่างมาก...มันเริ่มทำตัวเป็นลูกแมวแล้วก็เข้าหาพระจันทร์ก่อน พร้อมยอมให้ลูบหัวเล่นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ผิดกับซิมบ้าที่ออกท่าทางไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาซักเท่าไหร่นัก...ก็คงจะเพราะหวงเจ้านายมันนั่นแหละ

            ตอนนี้คนทั้งบ้านเลยเป็นอันรู้กัน ว่าเจ้านายของซิมบ้าน่ะคือพี่ยะ...แต่เจ้านายของชิวชิวก็คือเขา แบ่งอำนาจกันอย่างเบ็ดเสร็จ ถ้าหากอยากปราบพยศตัวไหนที่ไม่เชื่อฟังก็ให้ไปเรียกเจ้านายฝ่ายนั้นมาจัดการ รับผิดชอบหน้าที่การควบคุมสองสัตว์หน้าขนกันไปโดยปริยาย และเหมือนเจ้าสองตัวนี่ก็ดูจะพออกพอใจอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวเชียวล่ะ...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่าซิมบ้าจะเกเรกับพระจันทร์หรอกนะ แค่อาจไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาร้อยเปอร์เซนต์ และเพราะมันอาจจะไม่ค่อยคุ้นนักกับเจ้านายรายใหม่ก็ได้ แต่ว่าตอนนี้บางครั้งมันก็อนุญาตให้เขาสามารถนั่งเล่นนอนเล่นบนอกมันได้แล้วเหมือนกันล่ะ...

           ...นิสัยเย่อหยิ่งแบบนี้ก็ดูเหมาะกับเจ้านายสุดเจ้าเล่ห์นั่นเหมือนกันแฮะ... พระจันทร์คิดยิ้มๆ

ฉิงโต !!! คุณแม่...ฉิงโตๆๆ...ฉิงโตตัวหย่ายยยยย...’ เสียงอ้อแอ้แบบเด็กกำลังหัดพูดเพราะฟันยังไม่เต็มปากดังขึ้น พระจันทร์หันมองไปทางหน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ก็เห็นคุณแม่ยังสวยแบบพี่น้ำฟ้ากำลังรั้งสองแขนเข้าใต้รักแร้ อุ้มลูกชายตัวจ้อยวัยสองขวบให้ยืนบนหน้าขาพลางชี้ให้ดูมาทางเขา...

‘ช่าย...สิงโตตัวใหญ่ น้าจันทร์มีพี่เสือด้วยนะ...พี่เสือก็ตัวใหญ่เหมือนกัน อยากเห็นมั้ยลูก...’ น้ำฟ้าบอกลูกน้อยพลางขยิบตามาทางเขาว่าเอาเจ้าชิวชิวขึ้นกล้องให้ที เมื่อลูกชายเริ่มเต้นรำแบบออกอาการตื่นเต้นเต็มที่...แหม แค่อยู่บ้านเฉยๆก็เหมือนได้เที่ยวสวนสัตว์ คุณแม่ของน้องหนูลินเก่งจริงๆ !

“เอ้า ชิวชิว ออกกล้องหน่อย...มีเด็กน้อยอยากเห็น ดูๆ...ไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆซิมบ้าเร็ว...” พระจันทร์ออกคำสั่งพลางชี้ไปที่เก้าอี้ห้องครัวอีกตัวซึ่งอยู่ข้างกันกับเจ้าสิงโตซิมบ้า... ชิวชิวลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านแต่ก็พอเข้าใจว่าเจ้านายอยากให้เขาไปนั่งใกล้กับไอ้บ้าผิวดำนั่น...ที่ถึงจะโตมาด้วยกัน แต่ก็ไม่ถูกชะตากันเลยจริงๆพับผ่าสิ!!!

“แฮ่...หนูลินดูเร็ว เห็นสิงโตมั้ย สิงโตหล่อมั้ยครับ...สิงโตเจ้าป่าชื่ออะไรนะ จำได้มั้ยคนเก่ง...”

‘เดอะ ไลอ้อน คิงงงงงง...’ เจ้าหนูวัยสองขวบฉลาดเป็นกรดพูดชื่อหนังเสียงดังฟังชัดก่อนทำท่าปล่อยแสงพิฆาตแบบอุลตร้าแมนใส่ผู้เป็นน้าผ่านกล้อง...

“ไลอ้อน คิง น่ะเป็นชื่อเรื่อง...แต่พระเอกชื่ออะไร เร็วๆๆนึกเร็ว ติ๊กต่อก...” พระจันทร์แกล้งหยิบหน้าจอโน๊ตบุ๊คมาตั้งโต๊ะให้สองหนุ่มหน้าขนมองใกล้ๆ ชิวชิวมีท่าทางเอียงคอแบบสงสัย ก่อนจะอ้าปากโชว์เขี้ยวประมาณว่าเขางับมันได้รึเปล่า พระจันทร์จึงต้องรีบเอื้อมมือไปหุบปากมันให้เข้าหากัน เพราะกลัวว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของพี่ยะจะได้มีรอยฟันเจ้าเสือใหญ่ซักสองสามกร้วมภายในไม่กี่นาทีนี้แน่...
 
   ผิดกับเจ้าซิมบ้า ที่ยืดอกใหญ่ก่อนจะคำรามออกมาเบาๆแบบไว้ตัวเมื่อได้ยินเสียงเด็กสองตัวกระจิ๋วในกล่องสี่เหลี่ยมเรียกชื่อมันซ้ำๆ...

‘ซิมบ้า !...ซิมบ้า !!!! ซิมบ้าๆๆ’ หนูลินกระโดดโลดเต้นเมื่อเห็นท่าทางสิงโตเจ้าป่ากำลังคำรามแบบต้องการจะโชว์พลังเสียงเหมือนในการ์ตูนที่เคยดู

“เก่งมากกกกกกก แล้วตัวนี้ล่ะครับ...เจ้าสีขาวนี่ชื่ออะไรน้า พี่เสือของน้องลินชื่ออะไรนะลูก...” พระจันทร์ยิ้มแฉ่งพลางมองหลานชายตัวน้อยทำท่านึกราวกับเบ่งอึอยู่บนตักคุณแม่...

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์


‘ฉะ...ฉิว...ฉิว’ เด็กน้อยพยายามจะออกเสียงให้ชัด จนเมื่อได้ยินเสียงคุณแม่เอ่ยชื่อที่ถูกต้องให้ก็กรี๊ดเสียงดังก่อนจะเรียกชื่อเสือหนุ่มลายพาดกลอนจางๆหลายครั้ง ‘ชิวชิว!! ชิวชิว กับ ซิมบ้า !!!  ชิวชิวกับซิมบ้า !!! เย้........น้องลินเก่งมั้ยคุณแม่...’ เด็กน้อยหันไปขอรางวัลจากหม่าม๊าที่ตัวเองพูดได้ถูก และก็ไม่ผิดหวังเมื่อริมฝีปากนุ่มๆของคนเป็นแม่ฝังจูบซ้ำๆลงบนแก้มนิ่มเสียเต็มรัก...

“โห...เรียกพร้อมกันอย่างนี้ก็ตายน่ะสิ ดูสิ...คำรามแข่งกันใหญ่แล้ว” พระจันทร์ว่าพลางอ้อมไปยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าสัตว์หน้าขนสองตัวพลางดึงหูของทั้งให้ตั้งชันขึ้น

‘ระวังๆพระจันทร์ เดี๋ยวมันก็โกรธแล้วกัดเอาหรอก...’ น้ำฟ้าร้องเตือน จะกี่ครั้งที่ได้เห็นสองสัตว์เลี้ยงของพี่ชายแท้ๆของพ่อหนูลินเขาก็อดจะหวาดหวั่นไม่ได้ ตามประสาคนธรรมดาที่คุ้นเคยกับสองสัตว์นักล่าพวกนั้นแค่ในกรงสวนสัตว์เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเห็นน้องชายตัวน้อยของเขากำลังทำท่าเล่นกับพวกมันราวสัตว์เจ้าป่ากลายเป็นหมาบ้านธรรมดาไปเสียได้...

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่าพี่ฟ้า... ซิมบ้ากับชิวชิวไม่ทำอะไรจันทร์หรอก ออกจะชอบ...เน้อ” พร้อมกับที่พูด คนไม่กลัวสัตว์ป่าก็ก้มลงจูบปลายจมูกของซิมบ้า แล้วย้ายไปจูบแก้มเจ้าชิวชิวสองทีติด... และก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเมื่อซิมบ้าเอียงหัวมาไถอกเขา ส่วนชิวชิวไม่ต้องพูดถึง แทบจะปีนขึ้นไปเหยียบหัวเขาอยู่แล้วมั้ง...

‘เฮ้อ...ยังไงน่ะนะจันทร์ก็ต้องระวัง สัตว์ป่าไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงตามบ้าน สัญชาตญาณของมันน่ะแรงนะ...’

“...จันทร์ชินแล้วล่ะพี่ฟ้า อยู่กับคนสัญชาตญาณแรงยิ่งกว่าสัตว์มาได้ตั้งสองปี...เสือกับสิงโตน่ะ ชิวชิว...” เจ้าเสือหนุ่มนึกว่าเจ้านายเรียกชื่อตัวเองก็เลยแหงนหน้ามอง ก่อนจะไซร้หัวอันใหญ่โตเข้าไปใต้คางของผู้เป็นนายตัวจิ๋ว...

‘เอาล่ะๆ เล่นมามากแล้ว ทอดไข่ได้รึยัง...กะทะไหม้แล้วมั้ง...’ น้ำฟ้าเตือนน้องเมื่อดูเหมือนมันจะเลยเวลาที่น้ำมันจะร้อนไปได้หลายนาทีแล้ว

“ป้าทอดให้เรียบร้อยแล้วค่ะ...” และทันทีที่พระจันทร์สะดุ้งเตรียมเดินไปทางเขา คุณป้าแหม่มใจดีก็ยื่นจานกระเบื้องที่ข้างบนมีไข่ดาวสีขาวขอบทองเหลืองกรอบน่ากิน วางอยู่บนกระดาษทิชชู่เพื่อซับน้ำมันให้เสร็จสรรพ...

“ว้า...ป้าแหม่ม อย่างนี้จันทร์ก็ไม่ได้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ยะน่ะสิ กลายเป็นป้าแหม่มเป็นคนทำเสียได้...”

“แหม ก็ป้าเห็นคุณหนูกำลังเพลิน...กลัวเตาจะไหม้เสียก่อน อีกอย่างป้าอยากจะช่วยนี่คะ...รับรอง ป้าไม่บอกคุณยะหรอก จะปิดปากเงียบ!...กริบเลยค่ะ!” คุณป้าแหม่มทำท่าเอานิ้วมารูดซิบปากก่อนจะยกสามนิ้วมาใกล้ๆใบหน้าเป็นสัญญาแบบลูกเสือสามัญ...

“โหย...แค่พี่ยะเห็นสภาพไข่ดาวสวยๆแบบนี้ก็รู้แล้วครับว่าใครเป็นคนทอด”

‘เอาน่าพระจันทร์ ขั้นตอนสำคัญของยำไข่ดาวคือการปรุงน้ำยำต่างหาก ไข่ดาวน่ะใครจะทอดก็ช่างมันเถอะ...แค่คุณยะทานแล้วรู้สึกว่าเป็นรสชาดของพระจันทร์ก็พอแล้วมั้ง...’ น้ำฟ้าที่ได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เห็นเหตุการณ์เพราะคนกำลังถือจานไข่ดาวราวของล้ำค่าไม่ได้กลับหน้าจอโน๊ตบุ๊คไปอีกด้าน ยังคงปล่อยให้พี่ชายที่แสนดีคนนี้เผชิญหน้ากับเจ้าสัตว์ยักษ์ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเริ่มอยู่ไม่สุข... เพราะมันกำลังยื่นหน้ายื่นตามาดมตรงบริเวณจอเขาใหญ่แล้ว...

“รสชาดของจันทร์...จะดีเหรอพี่ฟ้า จันทร์ว่า...จันทร์ให้ป้าแหม่มทำให้แล้วจันทร์สวมรอยดีกว่า อ๊ะๆ ไม่ใช่อยากจะผิดคำสัญญานะ แค่กลัวพ่อมาเฟียใหญ่เขาท้องเสีย แล้วไปทำงานไม่ได้ จะกลับมาไล่จันทร์ออกจากบ้านโทษฐานวางยาสลอดใส่ในกับข้าวเขาน่ะสิ...” คนเป็นน้องอุทธรณ์ขอความเห็นใจ แต่ศาลอย่างพี่ชายใหญ่ไม่รับพิจารณา

‘ไม่ต้องมาทำตัวขี้เกียจเลย รับปากเขาแล้วก็ต้องทำให้ได้...เอ้า ไปเตรียมเขียงกับมีดไว้ หั่นไข่ดาวเป็นชิ้นพอคำแล้วเอาใส่ถ้วยจ่ะ...หนูลินไม่จิ้มตรงนี้ลูก เดี๋ยวคอมระเบิด บู้ม!! ทำยังไงฮึ?’ ปลายสายคล้ายเสียงพี่ชายเขากำลังกำราบเจ้าจอมซน พระจันทร์จึงได้เอื้อมมือไปคว้าโน๊ตบุ๊คกลับมาจากการกำลังจะกลายเป็นอาหารมือกลางวันให้ชิวชิวแทะเล่น...เพื่อเห็นภาพหลานชายตัวจ้อยกระโดดเสียจนตัวลอยพร้อมเอ่ยว่า

 ‘มันก็ระเบิด บู้มมมม!!! กลายเป็นโกโก้คลันช์!!!’

            พระจันทร์ขำกิ๊กกับท่าทางของพี่ชายที่ต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปไล่จับตัวอ้วนกลมของลูกชายตัวแสบ...แล้วจู่ๆช่วงขายาวภายใต้กางเกงแสล็คสีดำก็เดินมาจากด้านหลังของพี่ฟ้า เพื่ออ้าแขนออกรับการโถมกระโดดจากร่างปุ้มปุ้ยของหลานชายเขาเอง

‘คุณพ่อ!!!’ เจ้าตัวน้อยตะโกนเสียงดังคาอ้อมอกของบิดาร่างสูงผู้เป็นน้องชายสายเลือดเดียวกับพี่ยะ ซึ่งเดินเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้

‘ว่าไงแม่ลูก...ทำอะไรกันอยู่ เล่นวิ่งไล่จับเหรอ...’ เสียงทุ้มนุ่มคล้ายคลึงกับของพี่ยะลอดเข้ามา เขาเห็นพี่ชายตัวเองหันไปรับกระเป๋าเอกสารของอีกคนมาถือไว้ก่อนจะคว้าท่อนแขนยาวๆให้โผล่หน้ามาจอของเขาทั้งสามคนพ่อแม่ลูก...

‘ฟ้าคุยกับพระจันทร์อยู่ครับ...น้องผมโดนพี่ชายคุณหลอกหล่อให้ทำอาหารให้กินตั้งสองสัปดาห์แน่ะ’ เสียงพี่น้ำฟ้ากล่าวงอนๆแทนเขา

‘ว่าไงเรา...โดนพี่ยะแกล้งมาเหรอ...’

   พระจันทร์ไม่ค่อยคุ้นกับแฟนของพี่ชายบุญธรรมนัก จึงได้แต่พยักหน้าให้พร้อมอมยิ้มกับภาพสามพ่อแม่ลูกผูกพันธ์ในจอ ครั้งหนึ่งเขาก็เคยอยากมีภาพแบบนี้กับครอบครัวตัวเองบ้างเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันคงไม่มีทางอีกต่อไปแล้วล่ะ...แอบอิจฉาหนูลินนิดๆเหมือนกันนะ ถึงพ่อกับแม่จะเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ก็ได้รับความรักไปเต็มๆเลย...หลานน้าจันทร์...

‘วันหลังก็ไม่ต้องไปยอมมันทุกเรื่องหรอก...ถ้ามันแกล้งอะไรอีกก็บอกพี่ได้ เดี๋ยวจัดการให้’ รังสิมันต์บอกคนที่เปรียบเสมือนน้องชายของภรรยาอย่างใจดี รู้ตัวได้เองว่าตั้งแต่มีลูกก็ใจดีกับคนแก่ เด็ก และคนชรามากขึ้น...นี่สินะ อิทธิพลของคนมีครอบครัวแล้ว หึหึ มันก็ไม่แย่นักหรอก...

“ขอบคุณครับพี่ตะวัน แต่จันทร์ไม่เป็นไรครับ แค่ทำยำไข่ดาว...สบายมาก...” และเพราะต้องการชูสองนิ้วให้พวกพี่ๆดูทางจอ ครอบครัวอีกบ้านจึงได้เห็นรอยนิ้วแดงๆที่เกิดจากการจับมีดหั่นมะนาวเสียเต็มตา พระจันทร์อุทาน ‘อ๊ะ’ ออกมาเบาๆก่อนจะรีบเก็บนิ้วไปไว้ข้างหลัง แล้วย้ำอีกทีว่าสบายมาก เด็กหนุ่มหันไปคว้าเขียงและมีดที่คุณป้าแหม่มหยิบมาวางเตรียมไว้ให้เรียบร้อยมาเตรียมหั่นไข่ดาวตามที่พี่ชายบอก

“ระวังร้อนนะคะคุณหนู...” คุณป้าแหม่มเตือนและคอยระมัดระวังให้ทุกการลงมีด... ครอบครัวสุขสันต์จากเมืองไทยหันมองตากันยิ้มๆกับภาพป้าหลานคู่ใหม่ที่ทำเอาพี่ชายนายสุริยะมณฑลโทรมาบ่นน้อยอกน้อยใจที่ป้าแหม่มเลิกรักกับน้องชายอย่างเขาได้...

‘ฟ้าว่าป้าแหม่มช่วยลวกกุ้งกับหมึกเตรียมไว้ให้พลางๆดีกว่าครับ ขืนปล่อยให้ทำเองคนเดียวมีหวังข้าวเย็นของคุณยะได้กลายเป็นข้าวเช้าแน่ๆ...’ น้ำฟ้าแซวคนเป็นน้องยิ้มๆ ยอมรับว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นตั้งแต่ได้ติดต่อกับพระจันทร์อยู่บ่อยๆ บอกตามตรงว่าถึงเขาเองจะมีลูกมีครอบครัวใหม่ให้ดูแลแล้ว แต่บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหงา เมื่อตัวเองก็เสียบุคคลในครอบครัวแท้ๆไปจนหมด...พอได้พระจันทร์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกันมาพึ่งพิง ติดต่อพูดคุยด้วย ทำตัวเป็นน้องชายที่เอาเขาเป็นที่ปรึกษาทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรียน น้ำฟ้าก็เลยเทรักให้หมดใจ ยกสถานะของอีกคนมาเทียบเท่าญาติแท้ๆแสนสนิทของตัวเองไปแล้วเรียบร้อย

“อ๊ะๆ ไม่ต้องครับ เดี๋ยวจันทร์ทำเองนะ...” พระจันทร์เอ่ย ระหว่างเอามีดช้อนชิ้นไข่เจียวลงถ้วยกระเบื้องที่ป้าแหม่ม (คนดีอีกแล้ว) เตรียมไว้ให้

“จะเอางั้นเหรอคะ...แต่ป้าว่า ให้ป้าช่วยดีกว่ามั้ยคะ ใกล้ถึงเวลาคุณยะเลิกงานแล้วด้วย...ถ้านัดกับคุณหนูไว้ว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วยกันป้าว่าคุณยะน่าจะกลับมาเร็วหน่อยล่ะค่ะ” คุณป้าแหม่มคาดการณ์เวลาในศีรษะอย่างรวดเร็วเมื่อมองการทำอาหารของคุณหนูพระจันทร์ที่ดูท่าจะไม่เสร็จง่ายๆอย่างที่คุณน้ำฟ้าว่าจริงๆ...

“แต่ว่า...” พระจันทร์ตั้งท่าจะค้าน แต่ก็โดนทั้งพี่ฟ้าทั้งป้าแหม่มช่วยกันกล่อมให้เขาเตรียมคลุกเครื่องอย่างเดียวพอ...

   เมื่อสุดท้ายก็ค้านไม่ได้แน่แล้วพระจันทร์จึงยอมหันมาเตรียมเครื่องเคียงอย่างอื่นไว้คลุกแทน เขาหั่นต้นหอม และหอมแดงที่แช่น้ำเตรียมไว้กันแสบตาเวลาหั่นวางแยกไว้ ป้าแหม่มใช้เวลาไม่นานนักในการลวกกุ้งกับหมึกใส่ถ้วยมาให้คุณหนูตัวน้อย พระจันทร์ยิ้มขอบคุณให้ป้าแหม่ม ก่อนจะเทของทุกอย่างลงถ้วยทำยำแล้วเทน้ำยำที่ทำเตรียมไว้ตามไปท้ายสุด จากนั้นก็คนๆคลุกๆตามคำบัญชาของพี่ชายผมยาวผิวขาว

   เจ้าสัตว์หน้าขนสองตัวนั่นยังคงเดินวนไปวนมาสวนกันอยู่ในครัวไม่เลิก...ป้าแหม่มไปเรียกเด็กๆมาช่วยกันทำความสะอาดครัวที่พระจันทร์ทำเลอะไว้พลางๆระหว่างรอให้คุณพระจันทร์เป็นคนลงมือปรุงขั้นตอนสุดท้ายเอง... แรกๆคุณพระจันทร์ก็น้อยใจว่าตัวเองมาทำให้คุณป้าแหม่มและเด็กๆเดือดร้อน แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าแล้วบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า กลับรู้สึกตื่นเต้นแทนคุณหนูพระจันทร์เสียอีก ที่จะได้ลองเอาอาหารที่ตัวเองทำเองไปเสิร์ฟให้คุณยะลองชิม...ทุกคนเลยพร้อมใจมามุงดูอยู่ตรงกรอบประตูห้องครัวกันอยู่นานแล้ว

   พระจันทร์ลวกผักเพิ่มอีกจาน มีน้ำพริกสำเร็จรูปใส่กระปุกอยู่ในตู้เย็น และปลากรอบตัวเล็กจากถุงเพิ่มให้อีกจาน มื้อเย็นของพี่ยะก็เป็นอันเสร็จ เห็นท่าทางคุณหนูๆแบบนั้นแต่พี่ยะกลับเป็นคนกินง่ายเกินคาด แต่ละมื้อถ้าพี่ยะกลับมาทานข้าวที่บ้าน พวกป้าๆเขาก็จะจัดอาหารไทยง่ายๆให้แค่สองสามอย่าง เพราะพี่ยะเคยบอกไว้ว่า ทำเยอะไปก็กินไม่หมด เวลางานพี่ยะยังทานแค่ข้าวกล่องกล่องเดียวพร้อมลูกน้องในบริษัทเสียด้วยซ้ำ ไม่ได้ไปนั่งทานตามร้านอาหารหรูๆ เหมือนพวกคนใหญ่คนโตทั่วไป...หน้าที่หลักของป้าแหม่มก็เลยมีแค่คอยเลี้ยงดูพระจันทร์และทำอาหารเลี้ยงคนงานเพียงอย่างเดียว

   พระจันทร์ตัวน้อยค่อยประคองโน๊ตบุ๊คที่ยังคงเห็นภาพพี่ฟ้ากับพี่ตะวันกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกชายวัยกำลังซนบนฟูกมาวางไว้บนโต๊ะทานข้าว แล้วเดินย้อนไปขนถ้วยกับข้าวมาวางจัดเตรียมด้วยตัวเอง จานข้าวเปล่าสองชุดถูกวางเตรียมไว้ตรงข้ามกันบนโต๊ะขนาดแปดที่นั่ง พระจันทร์เอานิ้วชี้เคาะจมูกตัวเองเบาๆว่าโต๊ะอาหารยังดูขาดชีวิตชีวาไป เขาควรจะทำอะไรเพิ่มดี

“ดอกไม้! จริงสิ...จันทร์ขอไปตัดดอกไม้ในสวนมาใส่แจกันหน่อยนะครับป้าแหม่ม...อยากจัดดอกไม้สดใส่แจกัน โต๊ะกินข้าวจะได้ดูสดชื่นขึ้น...” พระจันทร์ตัวน้อยร้องบอกป้าแหม่ม ก่อนที่คนเป็นแม่บ้านใหญ่ที่ถือแก้วน้ำเปล่าเข้ามาให้จะบอก...

“เชิญเถอะค่ะ ดอกไม้ของคุณหนูทั้งนั้นแหละ...พี่ยะของคุณหนูสั่งมาลงไว้ให้นี่คะ...” ป้าแหม่มยิ้มเอ็นดูก่อนจะจัดแก้วน้ำและช้อนให้เข้าที่บนโต๊ะ แล้วเอ่ยทักหลานคุณผู้หญิงที่บ้านใหญ่ซึ่งกำลังปีนตักคนเป็นบิดาอย่างสนุกสนานว่า “ว่าไงคะคุณหนูของป้าแหม่ม ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะคะ...”

‘ซนหนักขึ้นด้วยครับคุณป้า...’ น้ำฟ้าหันมาตอบคุณป้าแหม่มด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะจับเจ้าตัวอ้วนพนมมือแล้วก้มหน้าไหว้หล่อนผ่านทางโปรแกรมเฟสไทม์ แล้วออกปากนินทาน้องชายกับคุณป้าแหม่มว่า ‘ดูท่าทางพระจันทร์จะมีความสุขกับการโดนแกล้งของคุณยะนะครับ...’

“นั่นน่ะสิคะ...เอ หรือเพราะว่าคุณยะเห็นว่าคุณพระจันทร์อยู่ว่างๆแล้วคงจะเบื่อ ก็เลยหางานมาให้ทำเฉยๆคะ...” ป้าแหม่มถามน้ำฟ้ากลับ

‘ก็เป็นไปได้นะ...ผมฝากป้าช่วยติดตามพฤติกรรมของพี่ยะให้ทีสิ เดี๋ยวนี้ผมว่าเขานิสัยแปลกๆไปหน่อย...’

“แปลกไปยังไงคะคุณตะวัน...”

‘ผมว่า...มันไม่เถื่อนเหมือนเดิมนะสิ...’ รังสิมันต์เอ่ยบอกความคิดเห็น เลยโดนภรรยาคนสวยตีเพี๊ยะไปหนึ่งที

‘คุณยะเขาดูมีความสุขขึ้นก็ดีแล้วนี่ครับ...’ คุณป้าแหม่มได้ยินเสียงคุณน้ำฟ้าแทรกเขามาก็พยักหน้าเห็นด้วย... เพราะหล่อนเองก็สังเกตุเห็นอยู่เหมือนกันว่าตั้งแต่ที่บ้านมีคุณหนูตัวน้อยๆที่วิ่งจัดดอกไม้มือเป็นระวิงนี่เดินไปเดินมา คอยยิ้มคอยอยู่ใกล้ชิดกับคุณยะของหล่อน ก็แลดูเหมือนคุณยะเองจะดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าแต่ก่อนจริงๆ...

‘ก็ใช่...แต่พี่ไม่คุ้นนี่นา เคยที่ไหนโทรมาบ่นกับพี่ บอกว่าป้าแหม่มไม่รัก เพราะมัวแต่โอ๋คุณหนูคนใหม่...’ รังสิมันต์แสร้งเลียนแบบคำพูดพี่ชายบ่นออกมาให้คุณป้าแหม่ม คนดูแลพี่ชายเขาฟัง ซึ่งคุณป้าแหม่มก็ขมวดคิ้วพลางบอกคุณหนูกลางของบ้านว่า

“ไม่จริงเสียหน่อยค่ะ ก็คุณยะเองนั่นแหละที่เป็นคนสั่งป้าให้เลี้ยงคุณหนูพระจันทร์ให้ดี แล้วมาทำตัวงอแง...แก่แล้วนะคะคุณยะน่ะ...” ป้าแหม่มกล่าวถึงคุณชายตัวใหญ่ที่ตนเองเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้...

‘ป้าอย่าไปพูดแบบนี้ให้มันได้ยินนะ...คงได้มีคนร้องไห้แงๆวิ่งกลับเมืองไทยแน่...ฮ่าๆ’ รังสิมันต์ได้แซวพี่ชายแล้วก็สบายใจ หันไปก้อร้อก้อติกกับภรรยาและลูกชายที่นั่งเล่นกันอยู่ข้างๆ แต่ทันใดนั้นเอง เสียงทุ้มนุ่มของคนที่ถูกนินทาลับหลังอย่างโชกโชนก็สอดแทรกขึ้น ทำเอาทั้งครอบครัวคนที่อยู่เมืองไทย และครอบครัวที่ยังอยู่ที่ฮ่องกงสะดุ้งเฮือกกันเป็นแถว...

“ฉันไม่วิ่งกลับเมืองไทยให้เหนื่อยหรอก...อย่างมากก็ตีตั๋วชั้นหนึ่งบินกลับ ทิ้งคนแถวนี้ให้นั่งร้องไห้ตาบวม...” ปลายประโยคฟังดูน่าจะหมายถึงคนที่เพิ่งนินทาตัวเองว่าแก่อย่างคุณป้าแหม่มที่ไปยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างโต๊ะ แต่ทว่าสายตาที่มองจ้องตรงไปกลับไปหยุดอยู่ที่คนขาวๆในชุดผ้ากันเปื้อนสีขาว เลยทำให้ไม่รู้กันว่าไหนผิวคนไหนเสื้อไหนกางเกง

“พี่ยะ...จันทร์อยู่นิ่งๆของจันทร์แล้วนะ ยังมาพาลแขวะจันทร์อีกเหรอ...งอนแล้ว” พระจันทร์บ่นเสียงไม่จริงจังและหน้างองุ้มเข้าจริงๆ เด็กหนุ่มหันหน้าเข้าหาแจกันดอกไม้แล้วหยิบกิ่งเฟื้องฟ้าสีชมพูปนขาวเสียบแซมลงไปลวกๆ

“พี่กลับมาถึงบ้านได้ไม่กี่นาที ก็งอนพี่แล้วเหรอ ยังไม่ได้ออกชื่อซักคนว่าจะทำให้ใครร้องไห้...พี่อาจจะหมายถึงป้าแหม่มก็ได้”

“ถ้าหมายถึงป้าแหม่มแล้วมองจันทร์ทำไม...”

“มองไม่ได้รึไง”

“ไม่ได้ ! ไม่ให้มอง...ปิดตาเดี๋ยวนี้ ปิดตาเลย...” พร้อมกับที่พูดพระจันทร์ก็ยกมือเขย่งเท้าขึ้นไปปิดตาอีกคนเสียให้มิด หลังจากเห็นความซุกซนและนัยตาพราวระยับแสร้งจับจ้องตรงช่วงขาของเขาไม่วาง...

‘บอกแค่พี่น้องๆ พี่น้องอะไร...เห็นงอนกันทุกวัน’ รังสิมันต์อดไม่ได้เมื่อฟังแค่คำพูดแล้วพอจะเดาท่าทางออก เลยต้องขอสอดปากเข้ามาซักหน่อย เลยได้เห็นภาพพี่ชายกอดคอคุณหนูพระจันทร์ของคุณป้าแหม่มให้โผล่เข้ามาในหน้าจอทั้งคู่ ก่อนจะยักคิ้วยียวนใส่เขา คนมีครอบครัวแล้วเลยอดไม่ได้ ต้องคว้าเอาภรรยามาหอมแก้มสู้ว่าพวกเขาก็หวานกว่า... แถมยังมีพยานรักตัวน้อยๆที่คลานไปรอบตัวเป็นโซ่ทองคล้องใจอีกต่างหาก...

“...อย่านึกว่าเอาลูกมาสู้แล้ววันนี้พี่จะแพ้นะ เพราะวันนี้...พี่พาลูกชายของพี่กับพระจันทร์มาด้วย...อาตง” ปลายเสียงเรียกชื่อลูกน้องคนสนิท ที่จู่ๆก็เดินถือกล่องกระดาษลังแบบเจาะรูเอาไว้รอบด้านเข้ามาจากประตูห้องอาหาร แถมด้านหลังยังมีพี่ตี้ของพระจันทร์ เดินหิ้วถุงอะไรก็ไม่รู้พะรุงพะรังตามมาด้วย...มือซ้ายของพี่ยะวางมันลงบนเก้าอี้ข้างๆเจ้านาย ก่อนจะเปิดมันออกตามคำสั่ง...

“ว้าว! พี่ยะ...นี่มัน...” พระจันทร์ตาโต ระหว่างมองเจ้าสิ่งที่นอนนิ่งอยู่ในมือของผู้ช่วยพี่ยะ ก่อนจะนำมายื่นให้เจ้านายตัวเองรับไปต่อ

“ถือเสียว่าเป็นของตอบแทน ที่จันทร์ยอมไปนั่งรถเป็นเพื่อนพี่ เล่นโปลิศจับเด็กแว้นเมื่อคืนแล้วกัน...”

“ลูกหมานี่ครับ...! น่ารักจัง...พี่ยะไปได้มาเมื่อไหร่ ซื้อมาเหรอ...” พระจันทร์รีบออกปากถามรัวเร็วระหว่างมองจ้องลูกหมาตัวเล็กมากๆในอุ้งมือของผู้ชายตัวใหญ่

“ไม่ได้ซื้อมาหรอกครับคุณพระจันทร์ มีคนเอามันมาใส่กล่องแล้ววางทิ้งไว้ที่ข้างทางออกบริษัท คุณหยางเหลือบไปเห็นเข้าเลยให้เก็บติดมือมาด้วย...” ซานตงรายงานให้คุณหนูเล็กของบ้านรับทราบ พระจันทร์พยักหน้าเข้าใจเรื่องราว ก่อนจะยื่นนิ้วน้อยๆไปลูบที่ขนนุ่มกลางลำตัวของมันเบาๆ มันมีขนสีเทาหม่นๆ ดวงตาเล็กๆปิดสนิท ครางงี๊ดๆเบาๆอยู่ในอุ้งมือคนตัวโต...

“มันคงเพิ่งคลอดสินะครับ...ตายังไม่ลืมเลย โถ...ถูกเอามาทิ้งเสียแล้ว คงยังไม่เคยเห็นหน้าแม่เลยมั้ง...” พระจันทร์เอ่ยเดาดวงชะตาของเจ้าหมาน้อย เขารู้สึกสงสารมันจับใจ...แต่ว่าเด็กหนุ่มก็ต้องช็อกยิ่งกว่าเมื่อหนุ่มร่างสูงที่อุ้มลูกหมาไว้ค่อยๆปล่อยมันลงในมือให้เขาได้อุ้มบ้างเอ่ยบอกขึ้นว่า...

“เปล่าหรอก...มันตาบอด...พี่เอาไปให้สัตวแพทย์ดูให้แล้ว เขาบอกว่ามันน่าจะอายุได้ราวๆซักสามสัปดาห์เองมั้ง ยังไม่ทันหย่านมเลย คงเพราะมันตัวเล็กแถมยังพิการด้วย เลยโดนคนเอามาทิ้งน่ะ...”

“ตายจริง...คุณยะนี่ชอบจริงๆเลยนะคะ เก็บสัตว์พิการกลับมาเลี้ยงที่บ้านเนี่ย...ทั้งซิมบ้า ทั้งชิวชิว...แล้วยัง...อุ๊ย! ขอโทษค่ะ...!! ป้า...” คุณป้าแหม่มที่เผลอพูดความคิดตัวเองออกมาก็ต้องรีบอุดปากฉับ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหนึ่งในนั้นก็มีใครคนหนึ่งที่มีสภาพไม่ต่างกันยืนฟังอยู่ด้วย...

   พระจันทร์หันไปยิ้มให้คุณป้าแม่บ้านประมาณว่าไม่เป็นไรหรอกครับ...เพราะจันทร์รู้ตัวดี ว่าตัวเองก็เป็นแค่สัตว์เลี้ยงที่ยะเก็บมาเพราะสงสาร เป็นหนึ่งในสัตว์พิการที่ได้รับความใจดีจากพี่ยะอีกตัวหนึ่ง...ก็เท่านั้นเอง...

“จันทร์ว่า...มันไม่น่าจะเป็นลูกของจันทร์กับพี่ยะหรอกครับ น่าจะเป็นของเจ้าซิมบ้ากับชิวชิวมากกว่า...ดูซิน่ะ เดินสวนสนามกันใหญ่แล้ว...” พระจันทร์เอ่ยขึ้นไม่เชิงอยากตัดบทแต่ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบอยู่แบบนี้ สองสัตว์นักล่าวัยหนุ่มเดินสวนกันไปสวนกันมาเพราะได้กลิ่นสัตว์มีขนประเภทคล้ายคลึงกับตัวเองก็อยากรู้อยากเห็นกันใหญ่ พระจันทร์เลยทำมือให้เจ้าสัตว์สองตัวขึ้นมานั่งบนเก้าอี้สองข้างเขาคนละตัว
   
   ซิมบ้ากับชิวชิวกระโดดขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้อย่างรวดเร็วและว่องไว ปลายจมูกใหญ่โตยื่นเข้าไปดุนๆดมๆเจ้าสัตว์มีขนสีเทาหม่นซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของพระจันทร์อย่างสนใจ ไม่ได้มีท่าทีจะอ้าปากงับเจ้าตัวน้อยลงไปกินแต่อย่างใก ทว่าน้ำฟ้าที่มองอยู่ผ่านจอกลับเสียววาบทุกครั้งที่สองสัตว์ตัวใหญ่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จึงเอ่ยขึ้นว่า...

‘จันทร์...มันจะกินเจ้าตัวเล็กมั้ย พี่กลัวจัง...เอาออกไปห่างๆปากมันหน่อยเถอะ ดูท่าทางแล้ว ถ้าซิมบ้ากับชิวชิวอ้าปากงับคำเดียวคงหมดแน่...’ น้ำฟ้าร้องบอกน้อง ทว่าเด็กหนุ่มกลับส่งรอยยิ้มไปให้ก่อนบอก

“ไม่หรอกน่าพี่ฟ้า...ซิมบ้ากับชิวชิวเป็นยักษ์ใหญ่ใจดี ไม่กินเด็กหรอก...จันทร์จะเลี้ยงเจ้าตัวเล็กอย่างดีเลยพี่ฟ้าไม่ต้องห่วง...” พระจันทร์เอ่ย...พิการแค่ตานี่นะ ไม่ได้พิการใจหรือความรู้สึกเหมือนพระจันทร์เสียหน่อย...เลี้ยงได้ง่ายๆอยู่แล้ว

‘ซักวันบ้านพี่คงได้เปิดกิจการเป็นสวนสัตว์เขาเขียวสองแน่...’ รังสิมันต์เอ่ยแซวคนเป็นพี่ แต่คนโดนแซวกลับทำแค่ยักไหล่ แล้วเอื้อมมือโอบผ่านซิมบ้าที่อยู่ตรงกลางระหว่างเขากับคนตัวเล็กและหมาตัวเล็กเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มปรับมุมโน๊ตบุ๊คให้เห็นแต่หน้าตัวเอง หน้าพระจันทร์และเจ้าหมาน้อย ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าตัวเองลงใกล้ๆคนอุ้ม...

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์


   พระจันทร์ยืนแข็งทื่อ เมื่อจู่ๆร่างสูงใหญ่ก็โน้มลงเหนือใบหน้าเขา...หน้าแดงแป๊ดเพราะเข้าใจไปว่าคงโดนหอมแก้มโชว์ครอบครัวพี่น้ำฟ้าแน่แล้ว สองตาหลับสนิทในวินาทีที่ปลายจมูกปัดโดนแก้ม...เพื่อที่ริมฝีปากอุ่นจะผ่านเลยไปก้มลงจูบกระหม่อมเล็กๆของเจ้าหมาน้อยในอ้อมแขนเขาเสียนี่!

‘เฮ้ยๆ...จะทำอะไรก็ระวังบ้างสิวะ’ รังสิมันต์ออกปากเตือนเมื่อเห็นพี่ชายลงมือแกล้งทั้งหมาทั้งคนโชว์เขา เพราะน้ำฟ้าหยิกแขนเขาจนเจ็บไปหมดแล้วตอนนี้...

“ไม่สนเว้ย...พอใจจะทำ ไม่อยากดูก็ปิดไปซะ ไอ้คนครอบครัวอบอุ่น...” สุริยะมณฑลพูด หมั่นไส้นักกับท่าทางจี๋จ๋าอี๋อ๋อของมันกับเมีย ชอบมาหวานให้เขาอิจฉาเล่นเพราะเห็นว่าเขาไม่มีใคร...แต่ตอนนี้สุริยะมณฑลไม่รู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว...เมื่อเขาเองก็มีครอบครัวกับเขาเหมือนกันนี่ ...เขามีหมาหนึ่งตัวกับเด็กหนึ่งคน...แค่นี้ก็เท่ากันแล้ว...

‘ไอคนขาดความอบอุ่น ไม่ต้องมาอิจฉากันเลยนะพี่...รีบๆแต่งงานมีเมียได้แล้ว...พ่อเขากังวลว่าจะมีหลานโตไม่ทันลูกผมแล้วจะแบ่งมรดกกันลำบาก...’

“ฉันไม่แคร์หรอก...ลูกฉัน ฉันหามรดกให้เองได้เว้ย...ส่วนของพ่อน่ะยกให้ไอ้ตัวจิ๋วพุงกลมนั่นไปเถอะ...พูดจริงนะเนี่ย พี่สงสารหลาน...” สุริยะมณฑลมองหลานตัวน้อยที่วิ่งจุ้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร ทั้งบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ร่าเริงอารมณ์ดี จนดูไม่ออกเลยจริงๆว่าเป็นเด็กมีปัญหาที่พ่อแม่ๆขึ้นไปรออยู่บนสวรรค์กันหมดแล้ว... ไอ้ตัวจิ๋วของเขาลุกไปปีนแม่ทีแล้วก็ไต่ไปหาพ่อ...เขาลองจินตนาการภาพตัวเองมีเด็กมาไต่ไปไต่มาตามตัวแล้วจั๊กจี้พิลึก...ถ้ามีลูกแล้ววุ่นวายขนาดนั้นเขาก็คิดว่าไม่มีเสียดีกว่า เขาเป็นพวกหวงอิสระของตัวเองมาก...และที่สำคัญก็ไม่ได้คิดว่าชีวิตในวงการนี้มันจะยืนยาวอะไรขนาดนั้นด้วย...

‘ถ้าสงสารก็รีบๆหาน้องมาให้ลูกผมได้แล้ว...ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้กะแต่งกับงานจริงๆใช่มั้ยเนี่ย’

“อยากได้น้องให้ลูกก็ทำกับเมียแกสิวะ...มาบอกให้ฉันหาทำไม”

‘...ไม่ทันแล้วครับ ฟ้ามีน้องให้หนูลินไม่ได้แล้วล่ะ...แต่ถ้าพระจันทร์ล่ะก็ไม่แน่...อ๊ะ!’ คนผมยาวผิวขาวเอามือปิดปากฉับเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไปเสียแล้ว

“พี่ฟ้า!!!” พระจันทร์เรียกชื่อพี่ชายเสียงเข้ม ตากลมโตเหลือบมองคนตัวโตข้างกายที่หันมามองหน้าเขาอย่างสงสัย...ท่าทางเดียวกันเป๊ะกับพี่น้ำฟ้าที่ก็โดนคุณรังสิมันต์หันมองแล้วหรี่ตาราวต้องการบังคับให้อธิบายประโยคเมื่อครู่ให้ชัดเจน...

‘คือ...ฟ้าหมายถึง ฟ้าไม่สามารถไปแต่งงานแล้วก็มีภรรยามีลูกกับคนอื่นได้แล้วนี่ครับ ก็ฟ้าเป็นของคุณแล้วนี่ ขืนไปมีคนอื่น เขาคงโดนคุณยิงตายใช่มั้ยล่ะ...แต่สำหรับพระจันทร์ เขายังมีโอกาสแต่งงานแล้วก็มีน้องให้หนูลินได้ไง... ทำหน้าสงสัยทำไมครับ...’ น้ำฟ้าหันไปเลิกคิ้วมองสามีเป็นทำนองถามกลับเมื่อยังเห็นสายตาต้องการล้วงความนัยจากเขาเพิ่มเติม...

   ฝ่ายรังสิมันต์หันกลับมามองสบตากับพี่ชายผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เมื่อต่างฝ่ายต่างสังเกตอาการคนของตัวเองแล้วสรุปได้ความว่า...น่าจะมีความลับอะไรร่วมกันอยู่แน่ๆ...และแน่นอนว่า พวกเขาสองคนไม่มีทางปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอน...

‘ฟ้าว่าได้เวลาพาเจ้าหมูอ้วนไปหาคุณย่าเขาแล้วล่ะ...คุณยะก็ทานอาหารเย็นให้อร่อยนะครับ พระจันทร์เขาตั้งใจทำมากเลยนะ นิ้วแดงหมดเลย... พระจันทร์แล้วเดี๋ยวคืนนี้พี่ค่อยโทรหานะ ไปแล้วๆ ตัวเล็กงอแงใหญ่แล้ว...กินข้าวให้อร่อยนะ’ น้ำฟ้าชิ่งเอ่ยตัดบท โบกมือลาน้องชายกับผู้ชายตัวสูงในจอฝ่ายตรงข้ามแล้วก็เป็นฝ่ายกดปุ่มวางไปก่อนทันที ปล่อยให้พระจันทร์อ้าปากค้างกับการเอาตัวรอดแบบฉับไวของพี่ชายผิวขาวผมยาว

           ดวงตากลมโตกระพริบปริบหันมองไปข้างๆอย่างเต็มตา และก็พบว่าอีกคนนั้นหันมองเขาอยู่ก่อนแล้ว...

“คุณ...จะ...ทานเลยมั้ยครับ เดี๋ยวยำจะเย็นหมด...จันทร์ทำสุดฝีมือเลยนะ อาตง...พี่ตี้ ทานด้วยกันนะครับ กับข้าวเยอะแยะเลย...” พระจันทร์ใจดีหันไปชวนสองลูกน้องชายหนุ่มให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยซะเลย แต่สองหนุ่มนั่นก็เหมือนรู้ทัน ก้มหน้าปฏิเสธทันทีเมื่อมองกับข้าวแล้ว...มันช่างห่างไกลจากคำว่าเยอะแยะสำหรับคนสี่คนเหลือเกิน...

“เอาเถอะ...ป้าแหม่มตักข้าวเลยแล้วกัน...จันทร์ก็นั่งลงสิ จะได้ทานพร้อมกัน” สุริยะมณฑลมองดูอาการกาวตราช้าวติดปากของคนตัวเล็กแล้วก็ได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ รู้ดีว่าต่อให้เค้นให้ตายยังไงท่าทางความลับที่สองเตี้ยนี่ร่วมกันปกปิดคงไม่มีทางหลุดออกมาแน่...

   ...ท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัดของเมียน้องชายที่ว่า ตัวเองมีลูกให้ไม่ได้อีก แต่พระจันทร์ยังมีได้...หมายความว่ายังไงกันแน่...เหตุผลไม่น่าจะใช่อย่างที่คนผมยาวนั่นอธิบายเพียงอย่างเดียวแน่ เอ๊ะ...หรือว่าจะหมายถึง เมียน้องชายเอาเป็นหมันไปเรียบร้อยแล้ว เลยมีลูกไม่ได้ แต่พระจันทร์ไม่ได้เป็น...มันก็ไม่น่าจะใช่ความลับอะไรที่ต้องปกปิดหรือทำท่าไม่อยากให้ใครรู้ขนาดนั้นนี่นา...

 “คุณทานเถอะครับ...เดี๋ยวผมพาเจ้าตัวเล็กไปหาที่หลับที่นอนก่อนดีกว่า...”

“ไม่ต้อง...นั่งลง” คนตัวสูงใหญ่ออกเสียงเข้มแนวบังคับตามความเคยชินทันที เมื่ออีกคนรีบหันหลังเตรียมเดินออกไปจากห้องอาหาร

“ถ้างั้น...เดี๋ยวป้าแหม่มไปเอายามาให้นะคะคุณหนู ททานยาให้ครบตามที่คุณหมอสั่ง จะได้ดีวันดีคืนเหมือนตอนนี้ไงคะ...” ป้าแหม่มใช้ให้เด็กๆผู้ช่วยเป็นคนไปตักข้าวให้สองเจ้านายหนุ่ม ส่วนตัวเองก็รีบเดินไปที่ตู้เก็บยา หยิบยาของเจ้านายตัวน้อยที่ได้รับมาเป็นประจำทุกเดือนมาให้

“ป้าแหม่ม...เว้นมื้อหนึ่งไม่ได้เหรอครับ จันทร์ขี้เกียจกินยาแล้วนะ กินทุกวันวันละ 3 มื้อเชียวนะ...เขาบอกว่ากินยามากไม่ดีไม่ใช่เหรอครับ...นะ” พระจันทร์ตัวน้อยบ่นงึมงำ พลางมองยาในถุงที่ตัวเองเอียนเหลือจะกล่าว...แค่ได้กลิ่นก็อยากจะแหวะแล้ว แถมจำนวนยาต่อมื้อก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้าไม่ติดว่ากินยาจนชินคงได้มีแหวะจริงๆกันบ้างล่ะ

“ไม่ได้ค่ะ...คุณหนูต้องกินนะคะ จะได้หายขาดไงล่ะ...เห็นมั้ยเดือนที่แล้วที่ไปหาคุณหมอ คุณหมอยังชมเลยนี่คะ ว่าพัฒนาการด้านการพูดแทบเป็นปกติแล้ว ป้าว่าทานติดต่อกันอีกสักไม่กี่เดือนก็คงได้หยุดแล้วล่ะค่ะ...ก็คุณพระจันทร์แทบจะหายดีแล้วนี่คะ”

“งั้นจันทร์เลิกกินตั้งแต่ตอนนี้เลยได้มั้ยครับ...ป้ายังบอกเลยนี่ว่าจันทร์หายดีแล้ว นะๆ”

“กินยาซะจันทร์...จะได้กินข้าว พี่หิวแล้วนะ...จะให้แขวนท้องรอเรางอแงไปถึงเมื่อไหร่” เมื่อเห็นว่าฤทธิ์กล่อมคนตัวเล็กให้กินยาของคุณป้าแหม่มเหมือนจะไม่ได้ผล สุริยะมณฑลเลยต้องออกโรงเอง...ชายหนุ่มหยิบแก้วน้ำเย็นๆมาดื่ม ได้กลิ่นเตยหอมปนกลิ่นมะลิลอยขึ้นมาอ่อนๆ มันช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว...มิน่าล่ะ ผมเจ้าตัวเตี้ยวันนี้ถึงหอมหวานแปลกๆ ที่แท้ก็กลิ่นใบเตยนี่เอง...

“...ก็ได้” พี่ยะพูดแค่คำเดียวเท่านั้นพระจันทร์ก็ยอมกรอกยาเข้าปากตามคำสั่งทันที ป้าแหม่มมองคนดื้อกับคนกำราบแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ...ดูเหมือนจะใจร้าย...แต่สุดท้ายก็ดูจะกลายเป็นใจรักนะคะคุณหนูยะของป้าแหม่ม...

   เจ้าลูกหมาน้อยสี่ขาตาปิดนอนสงบเงียบอยู่บนตักของพระจันทร์ เด็กหนุ่มลองวางมันลงบนผ้าที่ปูรองไว้บนโต๊ะทานข้าวแล้วล่ะเขาจะได้กินสะดวก แต่เสียงร้องงี๊ดๆที่ดังขึ้นทันทีที่เขาปล่อยมือก็เหมือนสัญญาณว่ามันไม่อยากไปไหนไกลจากเจ้านายตัวอุ่นที่โอบอุ้มตนอยู่เมื่อครู่ พระจันทร์ก็ยิ่งสงสารหนัก อุ้มเอาไว้กับตัวไม่ยอมวางอีกเลย... สุริยะมณฑลลอบมองคนตัวเล็กเป็นระยะ เพราะดูเหมือนตอนนี้พระจันทร์จะให้ความสำคัญกับไอ้ตัวจิ๋วมากกว่าเขาเสียแล้ว มันร้องออกมานิด ขยับตัวหน่อยเป็นต้องอุ้มขึ้นมาโอ๋...ทำตัวเป็นแม่หมาบุญธรรมเต็มตัวไปเรียบร้อย...นี่ถ้าให้นมเองได้คงทำไปแล้วมั้ง

   ส่วนยำไข่ดาวที่อีกคนลงมือทำให้ก็ดูเหมือนจะเปรี้ยวนำจนโดด และสุริยะมณฑลก็ไม่คิดจะเก็บคำวิจารณ์นั้นไว้กับตัว เขาพูดออกมาให้คนทำได้รับรู้รสชาดฝีมือตัวเองเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงต่อ...แต่ถึงจะติโน่นว่าผักลวกดิบไป หรือจะตินี่ว่าชิ้นไข่ดาวเปรี้ยวเค็มไม่เท่ากันก็เถอะ...แต่พระจันทร์ก็เห็นว่าทั้งสองจานกลับขายดีชนะขาดปลากรอบอันเป็นของโปรดของเจ้าตัวเสียอีก...

   เด็กหนุ่มกลืนอาหารลงท้องไปได้เพียงเล็กน้อย...ถึงจะน้อยใจที่โดนติทุกจานที่ทำแต่ก็ยังรู้สึกดีอยู่ที่อีกคนกลับฝืนกินกับข้าวที่เขาทำจนหมด...ในสมองก็บันทึกไว้เรียบร้อยว่ารสชาดที่พี่เขาน่าจะชอบเป็นอย่างไร จะได้เอาไปปรับแก้ในครั้งต่อไป...

   มือขาวนิ่มนวลที่ลูบขนเจ้าลูกหมาขนเทาบนตักค่อยๆแอบเลื่อนมาวางทาบบนหน้าท้องของตัวเองเบาๆ พลางก้มลงมอง...เขาไม่ได้โกหกใครเรื่องที่ตัวเองเป็นคนพิการ...แม้จะไม่ถึงขั้นเป็นบุคคลทุพพลภาพ ประเภทไม่มีสมรรถภาพในการทำงานก็เถอะ แต่ทว่าความพิการที่แท้จริงของตัวเขามันไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ยอมรับได้ง่ายๆ ความผิดปกติทางด้านสมองจนทำให้พูดเชื่องช้า คิดไม่ทันคนอื่นจึงเป็นข้ออ้างที่ดีให้การไปเอายาบำรุงจากโรงพยาบาลสามัญทั่วไปเป็นประจำทุกเดือน...ซึ่งความจริงไม่กินซักวันมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก...อยากจะพูดออกไปแทบตายว่าเอียนกับยาต่างๆพวกนี้เต็มที แต่ก็ต้องทนบอกใครไม่ได้... รู้อย่างนี้ตัดสินใจผ่าออกไปพร้อมพี่ฟ้าตอนนั้นเสียก็ดี...จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายโดนบังคับกินยาทุกมื้อเพราะโดนนึกว่าเป็นเด็กออทิสติกปัญญาอ่อนเหมือนทุกวันนี้...!



----------------------------------------    - ---         --          -

to be continue...

เอามาลงให้อ่านกันแบบตาแฉะไปข้าง...มากำนัลโทษฐานหายหัวไปนานนนนน ม๊วกๆ >_<

หลังจากนี้จะเป็นช่วงสอบแล้ว...ก็อาจจะเงียบๆหายๆไปอีกซักพัก แห่ะๆ แต่ยังไงก็จะพยายามมาต่อให้บ่อยมากขึ้นนะจ๊ะ !!  :fire:





jaewoniie

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยยยน่าร๊ากกก

สัตว์เลี้ยงของบ้านนี้มันเก๋จริงๆ ฮ่าๆๆ เสือกับสิงโต ดูเข้ากัน
ตอนนี้มากันทั้งสองบ้านเลยย  คิดถึงนู๋ลิน  :-[
นู๋ลิน ฟ้า กับ จันทร์น่ารักม๊ากกก ชอบ


แล้วก็ฟ้ากับจันทร์ เปนกระเทยแท้ใช่มั้ยยยย~ แอร๊ยย  ปล.เคยอ่านเรื่องกระเทยแท้กับกระเทยเทียมมาแบบผ่านๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
ผ่าอะไรอ่ะ ฟ้ากะจันทร์เป็นอะไร
ตกลงไม่ได้เป็นออทิสติก?
แต่เป็นผู้ชายที่มีมดลูกหรือสามารถมีลูกได้ใช่มะ
ใช่แน่ๆ เอ๊ะหรือไม่ใช่ อ๊ากกกกส์ค้างๆๆอยากรู้

ออฟไลน์ jilantern

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ผ่าอะไรออกง่าาาาา
อยากรู้ว่า2คนนี้เป็นอะไรร
มีลูกได้หรอ!! O.o

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
แอบค้างนะเนี่ย
พระจันทร์กับน้ำฟ้าต้องเป็น ช ที่ท้องได้แน่เลย

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
ตาแฉะจริง ยาวมากค่ะ อ่านจนจุใจเลย

ออฟไลน์ jitsupa apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มีความลับอะไรน่ะ! :really2:

ออฟไลน์ beer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ถ้าน้ำฟ้ากับพระจันทร์เป็นกระเทยแท้ ก็มีลูกได้ซิ

แต่ที่บอกว่าน้ำฟ้าผ่าออกไปแล้วน่าเสียดายจัง

ไม่งั้นหนูลินได้มีน้องๆเพิ่มอีกหลายคนแน่นอน  :laugh:

ออฟไลน์ toye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
น่ารักจังเลยเรื่องนี้
น้องพระจันทร์น่าเลิฟสุดๆ
ครอบครัวสุขสันต์พ่อแม่ลูกน่ารักฝุด
 :-[ :-[

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกพี่ยะนี่ทั้งขี้แกล้งขี้หื่นนะ55555555555555

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณ คนเขียน มากกกกกกกกกกกก

มาให้ยาวแบบจุใจเลย แต่ว่าก็ค้างตอนสำคัญให้อยากรู้อีกแล้ว

แต่ไม่เป็นรัยค้า รอได้ หุหุ 

ว่าแต่ ฟ้า กะ น้องจันทร์ เป็นอะไรอ่ะ ทั้งสองคนสามารถมีลูกได้หรอ??

อยากรู้จังเลยอ่ะ  :m28: :m28:

มาไวไวๆ น้า

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ So_Da_Za

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
อะไรกัน
ฟ้ากะน้องพระจันทร์เป็นอะไร
ผ่าอะไรออกไป
อย่าทำให้เค้าอยากรู้ซิ
 :z3: :z3: :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด