ขอโทษที่ให้รอน้า
แบบว่าช่วงนี้ยุ่งวุ่นวายทั้งงานราษฎร์งานหลวง
แถมด้วยอาการป่วยที่ยังไม่หายดี บวกด้วยรอยช้ำจากการตกบนไดอีก (แต่ยังแอบๆ เข้าไปรีฯที่กระทู้อื่น
)
ช่วงนี้ดวงตกสุดขีด
แต่ตอนนี้มาต่อตอนจบของหมอคมกะน้องนพให้แล้วน้า
คุณหมอคมสันและนายนพ(ตอนจบ)ผมสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ลึกและพยายามตั้งสติอย่างเต็มที่ เพราะผมกำลังยืนอยู่ในลิฟท์ที่กำลังพาผมขึ้นไปที่ห้องพี่คม
ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะดีใจที่จะได้อยู่ร่วมกับคนที่ตัวเองรัก แต่ผมไม่ใช่นี่นา…ผมไม่ได้คิดฝันมาไกลขนาดนี้ สำหรับผมแล้วเพียงแค่ขอรักพี่คมเงียบ ๆ ผมก็มีความสุข แต่นี่มันเกินกว่าที่ผมฝันไว้จนผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
“นพ…” พี่คมเรียกชื่อผมหันมามองด้วยสายตาหวาน ๆ จนผมอยากจะกองลงไปกับพื้น
ผมจะทำยังไงกับหัวใจตัวเองดี จะทำยังไงกับความรู้สึกที่แทบระเบิดอยู่ในหัวดี พี่คมเอื้อมมาจับมือผม มือพี่คมร้อนแต่มือผมเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ผมว่าผมเริ่มมีอาการเหมือนจะช็อคนะ
“นพ?…”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร…”
พอประตูลิฟท์เปิดออกพี่คมก็พาผมเดินไปที่หน้าห้อง แค่เปิดประตูเท่านั้นแหล่ะผมก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่คือห้องของคนเป็นหมอเหรอ!!!?
นี่น่ะนะห้องหมอคมสันอายุรแพทย์คนเก่งของโรงพยาบาล!~ ผมดูจนตาจะหลุดแล้วมันก็ยังคงเป็นเหมือนรังหนูรก ๆ เสียมากกว่า
“…..พี่คม….” ผมหันไปมอง
พ่อคนข้าง ๆ ที่ยืนหัวเราะแหะๆๆ ผมมองทางที่พอจะเดินเข้าไปในห้องได้ แทบจะทุกตารางนิ้วมีแต่กระป๋องเบียร์กับเศษกระดาษขยำจนเป็นก้อนกลมวางอยู่เต็มไปหมดบางแผ่นถูกฉีกเป็นชิ้นปลิวกระจัดกระจายก็มี
มุมห้องอีกด้านนึงมีเศษชิ้นส่วนที่ผมคิดว่าเป็นแจกันกองอยู่บนพื้นแฉะ ๆ คิดว่าก่อนหน้านี้มันคงจะเป็นแจกันใบสวยใส่ต้นกวนอิมตั้งอยู่มุมห้องที่ผมเคยนึกชมว่าพี่คมเลือกซื้อมาได้เข้ากับห้อง
“ตั้งแต่นพแยกตัวออกไปพี่ก็หงุดหงิด… เห็นอะไรมันขวางหูขวางตาไปซะหมด…” เจ้าของห้องยืนอธิบายหน้าเจือนอยู่ตรงประตู
หงุดหงิดผมแล้วไประบายกับแจกันที่คิดว่าราคาของมันคงทำให้ผมกินข้าวไม่ลงเนี่ยนะ นี่ถ้าวันข้างหน้าเรามีเรื่องไม่เข้าใจกันอีกห้องนี้มิพังเหรอ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความรู้สึกที่… ไม่รู้สิ มันบอกไม่ถูก เหนื่อยใจ… มันก็มีอยู่บ้างก็เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ นั่นสิก็เพราะพี่คมเป็นคนแบบนี้
เขาไม่ใช่คนที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง ผมก็ไม่ใช่คนที่ดีเพียบพร้อม ทุกคนคงต้องมีข้อเสียคนละ 2-3 อย่าง และนี่ก็เป็น 1 ใน 2-3 อย่างของเขา ผมเองก็มีข้อเสีย ข้อเสียที่ผมขี้เป็นห่วงเกินไป ห่วงนั่นห่วงนี่ไปซะหมดบางทีก็ห่วงมากจนเกินไป นี่ก็เป็นข้อเสียจุดหนึ่งของผมเหมือนกัน
อีกความรู้สึกหนึ่ง ดีใจ… ใช่!! จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ผมดีใจที่ผมทำให้เขาหงุดหงิดได้ในเวลาที่ผมกับเขามีปัญหากัน ทำให้เขารู้สึกว่าผม
‘สำคัญ’ รวม ๆ แล้วมันก็…. เฮ่อ!~ นี่แหล่ะนะพี่คม นี่ล่ะพี่คม…คนที่ผมรัก
“ผมว่าก่อนที่ผมจะหาที่ที่พอจะนอนได้ในวันนี้ผมคงจะต้องจัดพวกมันทั้งหมดใหม่ก่อน” ผมยิ้มให้พี่คมก็ยิ้มตอบกว้างเหมือนกับดีใจมาก ๆ เราสองคนช่วยกันเก็บห้อง
ผมเคยมีคำถามในใจว่าคนที่รักใครและได้ความรักตอบนั้นจะรู้สึกยังไง? จะมีความสุขแค่ไหน? กับการที่รักใครซักคนและเป็นที่รักของใครคนนั้นมันจะให้ความรู้สึกยังไง? จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ แต่สิ่งที่ผมรู้ก็คือตอนนี้ในใจผมมันอิ่มเอิบ ความรู้สึกที่เปี่ยมล้นอยู่ในใจผมตอนนี้มันไม่รู้จะอธิบายยังไงได้ แต่มันคือความสุข สุขมากจนรู้สึกเหมือนกับว่าขาผมมันไม่ได้เหยียบอยู่บนพื้น เหมือนกับว่าผมกำลังฝันอยู่ สิ่งที่อบอุ่น อ่อนโยน หอมหวานและเปี่ยมไปด้วยความเต็มตื้นมันโอบล้อมผมอยู่ นี่หรือเปล่าที่เรียกว่า ความสุข…..
ผมเหลือบมองนาฬิกา จะ 4 โมงเย็นแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็ว เดี๋ยวก่อน!!? จะ 4 โมง อ๊ะ!!!!!
“พี่คม!!!”
“หือ?” พี่คมเงยหน้าจากกองหนังสือในมือแล้วหันมามองผม
“จะได้เวลาเข้าเวรพี่แล้วไม่ใช่เหรอ!!!?”
พี่คมหันไปมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วก็ตาโต “เฮ้ย!!!! เวรแล้ว!!!!”
พี่คมรีบวางหนังสือแล้ววิ่งลนหาเสื้อเป็นการใหญ่ ผมรีบหาเนคไทมาผูกให้พี่คมขณะที่พี่คมกลัดกระดุมเสื้อเม็ดอื่น ๆ ไปด้วย
“เดี๋ยวถ้าไปทันคงต้องอาบน้ำที่โรงพยาบาลก่อนเข้าห้องตรวจ ออกเวรแล้วพี่จะรีบกลับนะอย่าเพิ่งรีบนอนล่ะ”
พี่คมจัดการตัวเองเสร็จก็ก้มมาหอมแก้มผมแล้วคว้ากุญแจรถวิ่งออกไป ปล่อยให้ผมยืนอยู่ในห้องคนเดียว
ผมยืนปิดหน้าที่คิดว่าตอนนี้มันคงแดงแป๊ดบวมเห่อจนดูไม่ได้แน่ ๆ ไอ้ปากนี่อีก!~ ทำยังไงมันก็ไม่ยอมหุบยิ้ม จนผมคิดว่าผมอยากจะขอยืมเฝือกพี่วุฒิมาครอบไว้ทั้งหัวซะจริง ๆ เลย ผมจะทำยังไงดี ผมหุบยิ้มไม่ได้ นี่ผมเป็นกรามค้างรึเปล่าเนี่ย!~
ผมต้องยืนนวดแก้มอยู่ตั้งนานกว่ามันจะยอมยุบลง หันไปมองรอบ ๆ ก็เห็นว่าห้องยังจัดไม่เสร็จก็ลงมือทำต่อ ที่จริงแล้วของที่ต้องจัดก็ไม่ได้มีอะไรมากอยู่แล้ว แค่จัดของเข้าที่อีกนิด เก็บกวาดขยะ ดูดฝุ่น แล้วก็ฉีดสเปรย์ปรับอากาศซักหน่อย โชคดีที่ห้องพี่คมมีของอำนวยความสะดวกเยอะผมเลยไม่ต้องเหนื่อยมากไปกว่านี้
ผมล้มตัวลงนอนกับเตียงของพี่คมหลังจากทำความสะอาดห้องและตัวเองเรียบร้อย ถึงจะดูว่างานไม่เยอะแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
เหลือบตามองไปรอบ ๆ ห้อง ห้องของพี่คม…. ห้องของพี่คม…. ห้องของพี่คม… ใช่ผมอยู่ในห้องของพี่คม นอนอยู่บนเตียงของพี่คม ต่อไปผมก็จะอยู่ในห้องนี้ทุกวัน ผมจะอยู่ที่นี่ตลอดไป …พี่คมบอกว่าจะรีบมาอย่าเพิ่งนอน….
“บ้า!!! ไอ้บ้านพชัย พี่คมเขาก็แค่จะให้อยู่รอคุยด้วยเท่านั้นแหล่ะ!!! คิดอะไรบ้า ๆ !!!~”
ผมเอาหน้าถูหมอนแรง ๆ เผื่อไอ้ความคิดบ้า ๆ นี่จะหลุดไปจากสมองบ้าง คิดอะไรบ้าจริง ๆ เลย!~… แล้วสิ่งที่ตามมาหลังความคิดบ้า ๆ ก็คือความง่วง วันนี้เหนื่อยตั้งแต่เช้าจะง่วงก็ไม่แปลกหรอก
แต่ว่า….ถ้านอนตอนนี้เดี๋ยวกลางคืนก็ไม่หลับน่ะสิ แล้วดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่หลับมานั่งมองหน้าพี่คมเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก อายตายเลย ผมพยายามฝืนความง่วงไม่ยอมนอนเอาไว้ แต่ก็ฝืนไม่ได้นาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวหลับไปเองโดยที่ไม่รู้ตัว….
ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อตอนที่เหมือนมีอะไรมาดิ้นอยู่ตรงคอ อะไร? ทำไมมันเย็น ๆ? จั๊กจี้เหมือนอย่างกับมีใครมาลูบหน้าอกแน่ะ ผมงัวเงียลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าพี่คมห่างไปไม่กี่เซ็นต์ยิ้มหวานเท้าแขนคร่อมผมอยู่
พี่คมกลับมาแล้ว? หันไปมองรอบ ๆ ด้าน งั้นนี่มันก็เที่ยงคืนแล้วน่ะสิ มิน่ามืดจัง ดีที่ยังมีไฟเล็ก ๆ หัวเตียงให้พอมองเห็นบ้างแม้จะสลัว ๆ ก็เถอะ
“นี่ถ้ายังไม่ตื่นดีสงสัยพี่ต้องลักหลับแน่เลย”
แค่ได้ยินคำพูดนั้นผมก็สะดุ้งตาสว่างทันที ผมรีบยันตัวถอยห่างออกมาจากพี่คมถึงได้เห็นว่าเสื้อยืดที่ใส่อยู่ของผมมันเปิดขึ้นมาถึงหน้าอกแล้ว
“พี่คมกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
ผมดึงเสื้อลงพยายามจะถอยห่างพี่คมก็คลานตามมาเรื่อย ๆ จนติดหัวเตียง
“กลับมาได้ซักพักแล้ว เห็นนพกำลังหลับเลยไม่อยากกวน”
ไม่อยากกวนแต่เอาลิ้นมาเลียคอเนี่ยนะ
“พ…พี่คม…ถอยไปหน่อยสิครับ….”
หลังผมแนบติดหนึบอยู่กับพนักหัวเตียง ถอยไม่ได้แล้ว พี่คมยังมาเอาแขนท้าวไว้ทั้งสองข้างจนเบี่ยงหลบไม่ได้อีก
“…ถอย?….ถอยไปไหนล่ะ?”
ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่คมวันนี้น่ากลัวจริง ๆ ดูเจ้าเล่ห์น่าหวาด ๆ ยังไงไม่รู้ ….ไอ้ที่คิดไว้มันไม่ได้น่ากลัวอย่างนี้นี่นา…. อากาศรอบตัวมันหายไปไหนหมดเนี่ย ทำไมผมรู้สึกอัดอัดหายใจไม่ออกแบบนี้ล่ะ
“ก..ก็…ถ..ถอย…ถอยไป..ข้างหลัง…หน่อย…เราจะได้…นั่งคุยกัน”
“นั่งคุยกัน?” พี่คมเลิกคิ้วเหมือนกับสงสัย
“ก็พี่คมบอกผมว่าอย่าเพิ่งรีบนอน พี่คมจะคุยธุระด้วยไม่ใช่เหรอ?…ครับ?…”
โอ้ย!~ อย่ายิ้มแบบนี้สิ หัวใจผมมันตกไปอยู่ที่เท้าแล้ว สมองจะระเบิดซะให้ได้
“อ๋อออออ~………”
อ๋อยาวจริง ๆ เลย
“แต่ว่า…. ไอ้เรื่องที่พี่จะคุยเนี่ยมันนั่งคุยไม่ได้หรอก มันต้องนอนคุย….”
อ๋า!~…
“ผมว่านั่งคุยกันดี ๆ ดีกว่านะ เปิดไฟสว่าง ๆ แล้วนั่งคุยกันจะได้…รู้เรื่อง…”
แค่นี้หัวใจผมก็จะวายตายอยู่แล้ว พี่คมทำหน้าคิดแล้วก็หันมายิ้มให้ชนิดที่ผมขนลุกไปทั้งตัว
“นพชอบสว่าง ๆ เหรอ มันก็ดีหรอกนะแต่ไอ้เรื่องที่เราจะคุยกันนี่พี่ชอบแบบสลัว ๆ มากกว่า”
พี่คมยิ้มจับขาผมให้ขยับตามไปที่กลางเตียง
“เอ่อ… พี่คมจะคุยเรื่องอะไรครับ!!!?”
ผมรีบงัดหัวข้อคุยขึ้นมาเมื่อพี่คมยกข้อเท้าผมขึ้นมาจูบเบา ๆ
“คุย…เรื่องอะไรดี?…อืม…เรื่องวิธีการเป็นภรรยาดีมั้ย? แต่จริง ๆ แล้วพี่อยากคุยในภาคปฏิบัติมากกว่านะ”
หัวข้อคุยของพี่คมทำเอาผมกลืนน้ำลายไม่ลงคอ
“วันนี้มันดึกแล้ว ผมว่า…เอาไว้คุยกันวันหลังดีมั้ยครับ?”
“…นพ…. นพกลัวพี่เหรอ?”
พี่คมลูบแก้มผมเบา ๆ ผมได้แต่หลบตาไม่กล้าตอบ ก็ใครบ้างล่ะไม่กลัวกับการมีเซ็กส์ครั้งแรก
“นพ….”
พี่คมจับแก้มผมหันกลับมาสบตาอีกครั้ง
“พี่รักนพนะ เรารักกันไม่เห็นต้องกลัวอะไร พี่รักนพ รัก…. อยากจะกอด อยากจะจูบ อยากจะทำให้นพเป็นของพี่ ทำให้นพไม่มองใครอีกนอกจากพี่…”
“..ก็…ไม่เคย...มองใคร...ซักหน่อย”
พูดออกมาได้พี่คมนี่ ไม่รู้จักอายซะบ้าง ผมเหลือบไปมองทางหางตาแล้วก็รีบหันหนีแทบไม่ทัน พี่คมยิ้มหวานเชื่อมจนผมแทบจะมุดลงไปใต้เตียง ว่าในลิฟท์ยิ้มหวานแล้วนะแต่นี่ยิ่งกว่าอีก….โอ้ย!~ ผมอยากจะเอาหน้าโขกหัวเตียงจริง ๆ เลย
พี่คมก้มลงไปจูบมือผมไล่ขึ้นมาที่แขน ไหล่ บ่า คอ แล้วก็มาหยุดอยู่ที่ปากผม จูบอ่อนหวานของพี่คมทำเอาสติผมแทบละลายกองลงไป แค่วูบเดียวจูบนั้นก็เร่าร้อนวาบหวามจนผมหัวหมุนติ้ว เสียงหัวใจผมดังอย่างกับมีมือกลองเข้าไปรัวกระหน่ำตีอยู่ซัก 10 คน
พี่คมค่อย ๆ ดันผมให้เอนลงไปแล้วกดด้วยน้ำหนักตัวจนผมแทบจะจมมิดลงไปในที่นอน ลิ้นร้อน ๆ นั่นทำเอาผมลืมทุกอย่างรอบตัวมารู้ตัวอีกทีพี่คมกำลังถอดกางเกงของผมชิ้นสุดท้ายอยู่
“เดี๋ยว!!! พี่คม! หยุด!!!…”
ผมพยายามห้ามแต่พี่คมไม่หยุดฟังจูบไปทั่วหน้าอกจนผมขนลุกไปทั้งตัว
“พี่คม!! ปิดไฟก่อน!~…”
ถึงจะไฟหัวเตียงก็เถอะ แค่นี้มันก็เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“เปิดไว้ดีแล้ว พี่อยากเห็นนพชัด ๆ “
“ไม่เอา~ พี่คม…ปิดไฟ…”
ผมก็อายเป็นนะ พี่คมเงยหน้าขึ้นมองผมสองมือจับแก้มผมให้สบตา
“ไม่เห็นต้องอายเลย นพสวยออก สวยกว่าใคร พี่อยากจะมองนพอย่างนี้อยากจะเห็นนพทั้งตัวแบบนี้….”
พี่คม คนบ้า!!~ มาพูดแบบนี้แล้วจะให้ผมทำยังไง ก็รู้อยู่ว่าผมไม่เคยขัดใจพี่ ผมก็อายนะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเปิดทั้งตัวให้ใครเห็นมาก่อนเลยแล้วยังจะมาขอดูอีก
ผมเอามือปิดหน้าไว้ตอนนี้มันคงจะแดงบวมเห่อเป็นซาลาเปาตกถังสีแดงแน่ ๆ เลย พี่คมบ้า!~ ๆๆๆ
“นพ…”
พี่คมดึงมือผมออกก้มหน้ามาหอมแก้มทั้งสองข้างแล้วจูบผมอีกครั้ง อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกวาบตั้งแต่ปลายผมไปถึงปลายเท้าเมื่อพี่คมก้มลงไปจูบที่หน้าท้อง
“พี่คมอย่า!!!!~….”
ผมห้ามไม่ทัน พี่คมจับเจ้าตัวเล็กของผมขึ้นมาจูบแล้วเลียไปทั่ว สติผมมันหมุนติ้วเหมือนใบไม้ที่ลอยอยู่กลางแอ่งน้ำวนแอ่งใหญ่ ผมพยายามกัดนิ้วตัวเองไว้ไม่ให้ร้องออกมารู้สึกร้อนไปหมดทั้งตัว
“อื้อ!!!!~”
มัน….มันออกมาแล้ว… ผมเพิ่งเคยเหนื่อยขนาดนี้ ความรู้สึกชาวาบไปหมดทั้งตัว หอบฮั่กอย่างกับไปวิ่งมาสัก 200 เมตร รีบหายใจเหมือนไม่เคยได้รับอากาศมาเป็นปี
พี่คมขยับตัวขึ้นมามองหน้าผมยิ้ม ๆ ริมฝีปากยังชื้น ๆ
“…พี่คม…บ้า~…กลืนลงไปได้ยังไง!…” ผมยังพูดไม่เป็นประโยคดีนักเพราะยังคงเหนื่อย ทั้งเหนื่อยทั้งอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ดีออก มีน้ำตาลที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วยนะ” ยังมาวิเคราะห์อีก
“บ้าสิ!~”
“นพ นพอย่ากัดนิ้วสิ ร้องออกมา…ให้พี่ได้รู้ ว่าพี่ทำให้นพมีความสุขแค่ไหน”
พี่คมจับมือผมไปดู เลียนิ้วที่ผมกัดไว้จนเป็นรอยฟันเบา ๆ
“ไม่เอาหรอก น่าอายจะตายไป”
“ไม่เห็นน่าอายเลย พี่ทำให้นพรู้สึกดีนพก็ส่งเสียงให้พี่รู้ไง”
บ้าจริง พูดออกมาได้ไม่อายปาก
พี่คมก้มลงมาจูบผม มือก็พยายามปลุกเจ้าตัวเล็กของผมขึ้นมาอีกครั้ง
“อ๊ะ!!!”
คราวนี้มือไม่หยุดแค่นั้นแล้วกลับเลยลงไปอีก มือพี่คมคลึงสะโพกผมอย่างกับเป็นลูกบอลอย่างนั้นล่ะ มันจั๊กจี้นะ!
“พี่คม!! อื้อ!!!!~…”
ผมยังไม่ทันได้ว่าอะไรพี่คมก็ยิ้มแล้วลากนิ้วลงไปตามร่องสะโพกจนผมเสียววูบ ผมพยายามกัดริมฝีปากไว้ไม่ให้ร้องพี่คมก็ขยับขึ้นมาไล้ลิ้นที่ปากล่างของผมจนผมจั๊กจี้ต้องเลิกกัด
อยู่ ๆ พี่คมก็ละมือขยับขึ้นมาหยิบของบางอย่างที่ลิ้นชักข้างเตียง
“…พี่คม…อะไรน่ะ?…”
“ก็สิ่งที่จะช่วยให้นพรู้สึกดีขึ้นไง” พี่คมตอบแล้วก็ขยับลงไปอยู่ท่าเดิมอีกครั้ง
“อ๊า!!!~…”
พี่คมกดนิ้วเข้ามาในตัวผมจนผมสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับความรู้สึกเย็นวาบที่แทรกเข้ามา
“เสียงน่ารักมากเลยนพ…” พี่คมกระซิบเบา ๆ แล้วก็กดจูบลงมา
ตอนนี้สติผมมันหมุนคว้างจนไม่รู้ทิศไหนเป็นทิศไหนแล้ว ทั้งหน้าอกทั้งสะโพกที่พี่คมทำเหมือนกับเล่นตุ๊กตาจนผมไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกอย่างนี้ว่าอะไรดี แต่ในหัวมันร้อนเหมือนจะระเบิดซะให้ได้
“อื้อ!!!!~….”
พี่คมเริ่มแทรกจำนวนนิ้วเข้ามามากขึ้นแต่ผมไม่สามารถร้องออกไปได้ เพราะปากที่ยังนัวเนียอยู่กับผมไม่เลิกจนแทบจะไม่มีอากาศหายใจนี่แหล่ะ
ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นความดันสูงขึ้นมากระทันหันแล้ว ในหัวผมมันร้อนวูบวาบเวียนหัวไปหมด รู้สึกปั่นป่วนเหมือนเล่นรถไฟเหาะตีลังกาซัก 5-6 รอบ
พี่คมค่อย ๆ ถอนนิ้วออกไป มองหน้าผมด้วยสายตาจริงจังแต่ตอนนี้ผมเบลอไปหมด ตาเหมือนจะมองได้ไม่เต็มที่ พี่คมจับขาผมพาดบนเอวจับสะโพกผมยกขึ้นวางไว้บนตัก ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันแข็งอยู่ที่สะโพก
“นพ… พี่รักนพ…”
พี่คมก้มลงมาจูบผม แล้วอยู่ ๆ ผมก็รู้สึกเจ็บแปลบสะดุ้งสุดตัว พี่คมแทรกตัวเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
“อื้อ!!!!~” ผมร้องไม่ออกเพราะพี่คมยังคงจูบผมอยู่
สองแขนพี่คมกอดผมแน่นแต่มันทำให้ผมหายเจ็บไม่ได้ ผมเผลอตัวลงเล็บบนหลังพี่คมจนเป็นทางยาว ความรู้สึกเจ็บเหมือนกับยาวนานเหลือเกินจบลงเมื่อพี่คมแทรกตัวเข้ามาจนสุด
“นพ…” พี่คมเรียกชื่อผมข้างหูเบา ๆ
ผมเพิ่งรู้ว่ามันรู้สึกอึดอัดขนาดนี้ การมีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันมันอึดอัดขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่าเป็นเพราะขนาดด้วย? ถ้าอย่างนั้นผมก็โชคดีแล้วที่พี่คมยังใช้เจลช่วยถ้าพี่คมไม่เตรียมการไว้ก่อนผมคงจะต้องตายแน่ ๆ
พี่คมค่อย ๆ ขยับตัวช้า ๆ มันยังคงเจ็บอยู่แต่ความรู้สึกนั้นก็ค่อย ๆ ลดลง แต่สิ่งที่แทรกเข้ามาด้วยคือความรู้สึกวูบวาบที่มันฉุดกระชากใจผมไปด้วย ตอนนี้มันเหมือนกับผมดึงสติไว้ไม่อยู่ ผมกำลังล่องลอยไปไกลลึกเข้าไปในความฝันแต่กลับถูกกระชากกลับด้วยแรงดึงที่วาบหวามและจูบที่เร่าร้อนของคนตรงหน้า เสียงกระซิบเรียกหอบ ๆ ที่ข้างหูยังคงพยายามดึงสติผมไว้
“…พี่..พี่คม…”
ผมกอดพี่คมไว้แน่น สิ่งที่ไม่อาจเรียกหรือบรรยายได้มันอัดแน่นเต็มหัวไปหมด รู้แต่ตอนนี้ผมรัก รักพี่คมเหลือเกิน
“พี่รักนพ…”
ผมเห็นละอองดวงดาวอยู่ไม่ไกล สิ่งที่อัดอยู่ในตัวในสมองมันใกล้ระเบิดเต็มที่
“…อ…อา….พ…พี่..คม..”
พี่คมเร่งแทรกตัวเข้ามาหาผมหนักขึ้น ๆ ไม่…ไม่ไหวแล้ว…
“อ้า!!!!~…..”
พี่คมแทรกตัวเข้ามาหาผมสุดแรงพร้อมกับความรู้สึกปั่นป่วนนั่นหยุดลง ผมเห็นดาวพราวระยับเต็มไปหมดไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตา ความชุ่มชื้นเอ่อล้นอยู่ในตัวผม พี่คมทิ้งตัวลงมาหาผมอ้อมกอดที่รัดแน่นจนกระดูกแทบแหลกตอนนี้คลายลง เสียงหอบดังไปทั่วห้อง พี่คมเงยหน้าขึ้นมาลูบแก้มผมสองข้างแล้วจูบเบา ๆ
“…พี่รักนพที่สุดเลยรู้มั้ย…”
“ผมก็รักพี่”
พี่คมขยับขึ้นมานอนกอดผมไว้ ครู่เดียวเท่านั้นพี่ก็คมหลับไปแล้ว ผมเข้าใจตั้งแต่เช้ามาก็ยังไม่ได้พัก หลังจากพาผมกลับมาแล้วยังต้องไปทำงานต่ออีก ตอนนี้เขาจะได้พัก ผมเองแม้จะเหนื่อยแต่ผมก็ยังไม่หลับ ความคิดเลยเริ่มคิดทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมา
พี่คมจะรู้สึกยังไงนะที่มามีอะไรกับผม มีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันมันให้ความสุขกับเขาได้แน่เหรอ? กับผมไม่มีปัญหาหรอกเพราะผมรักเขา แต่ผมจะทำให้เขาพอใจได้รึเปล่า? ถ้าเขาไม่พอใจผมแต่พอใจที่จะมีเซ็กส์กับผู้หญิงแบบอ้อยมากกว่าล่ะ?
….อ้อย… จริงสิ… พี่คมคบกับอ้อยมาก่อน เธอคงจะรู้ว่าพี่คมสามารถทำให้เรามีความสุขได้มากขนาดไหน แล้วทำไมเธอยังเลิกกับพี่คมอีกล่ะ? ขณะที่คิดไปคิดมาผมเผลอพลิกตัวไปอีกข้างจนพี่คมตื่น
“นพ?”
“ขอโทษที่ทำให้ตื่นครับ” ผมยังไม่กล้าสบตาเขา ทั้งที่อยากจะถาม …แต่….ไม่ถามดีกว่า เรื่องแบบนี้….
“นพ….” พี่คมดึงผมให้หันหน้าไปหา
“มีอะไรรึเปล่า?”
“………”
“นพ?…”
“…คือ…”
พี่คมมองหน้าผมแล้วยิ้มให้
“…คือผม….ผมไม่รู้ว่าผมทำให้พี่คม…พอใจ…รึเปล่า?”
พี่คมขมวดคิ้ว
“ก็แบบว่าผมเป็นผู้ชาย ผมจะทำให้พี่มีความสุขได้เหมือนอ้อยเหรอ”
พี่คมลูบหัวผมเบา ๆ ดึงผมเข้าไปกอดอีก “ไม่เหมือนหรอก เพราะพี่รักนพ นพทำให้พี่มีความสุขกว่าใคร ๆ แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่เคยมีอะไรกับอ้อย”
“ไม่จริงน่า!!~”
พี่คมเนี่ยนะไม่มีอะไรกับอ้อย ไม่น่าเชื่อ….
“จริง ๆ พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมพี่ถึงไม่คิดจะขอมีอะไรกับอ้อย แต่ใจมันไม่คิดซักครั้ง ไม่เหมือนคนนี้ ถึงขอแล้วไม่ยอมก็จะทำให้ยอมให้ได้” พี่คมเอานิ้วจิ้มจมูกผม
“บ้า~…”
“สบายใจยัง?”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนได้แล้วคุณภรรยาขึ้หึง”
“ผมไม่ได้หึงซักหน่อย”
“ครับ ๆ ไม่หึงก็ไม่หึง”
เราขยับเข้าหากัน กอดกันไว้ อ้อมกอดอบอุ่นทำให้ผมรู้สึกสบายและหลับได้ในเวลาไม่นาน
.
.
.
.
.
“RRRR”
อือ…. ใครโทรมาแต่เช้าเลย….
“ฮัลโหล… ใครครับ?…”
ทำไมมันปวดเมื่อยไปทั้งตัวแบบนี้เนี่ย
“นพ….”
หือ?… เสียงคุ้น ๆ แฮะ
“….พี่วุฒิ?”
“พี่เอง เป็นไงบ้าง?”
ผมเหลือบมองนาฬิกา 7 โมงเช้า พี่วุฒิคงเพิ่งจะเข้าเวร
“…ก็…ก็ดีครับ” ใครจะกล้าบอกว่าปวดไปทั้งตัวจนไม่อยากขยับแล้ว
“แขนเป็นไงบ้าง?”
“ดีขึ้นมากแล้วครับ เหลือแค่ยังเขียว ๆ อยู่นิดหน่อย”
“ยังไงถ้ายังเจ็บอยู่มาให้พี่ดูแขนอีกรอบนะ”
“ครับพี่วุฒิ ขอบคุณครับ”
พี่ชายที่แสนดีของผม ยังเป็นห่วงเสมอว่าผมเป็นอะไรมากรึเปล่า
“…นพ… ใครโทรมา?…”
พี่คมเริ่มรู้สึกตัวดึงผมเข้าไปกอดแน่นขึ้น
“พี่วุฒิน่ะครับ เป็นห่วงว่าแขนผมดีขึ้นรึเปล่าเลยโทรมาเช็ค”
อยู่ ๆ พี่คมก็ดึงหูโทรศัพท์ไป
“เดี๋ยวถ้าไม่หายจะพาไปให้ดูอาการเองแหล่ะ ไม่ต้องโทรมาแต่เช้าหรอก”
ดูพูดเข้าสิ พี่วุฒิอุตส่าห์เป็นห่วงผม
ทั้งสองคนยังเถียงกันอยู่หลายประโยคแล้วพี่คมก็วางหูไป ผมว่าผมได้ยินเสียงพี่วุฒิด่าฉอด ๆ มาตามสายโทรศัพท์
“…พี่คม?…”
พี่คมหน้าหงิกมองโทรศัพท์แล้วก็หันมามองผม “ก่อนจะรับโทรศัพท์ใครแต่งตัวดี ๆ ซะก่อนไม่ได้รึไง!?”
หา!?~
“พี่คม~… มันแค่โทรศัพท์ แล้วนั่นก็พี่วุฒิ”
“ไอ้วุฒิก็ไม่ได้!!”
อะไรกันเนี่ย!!? หึงกับเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ
“แต่ว่า….”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”
พี่คมดึงผมเข้าไปกอดแล้วนอนต่อ ไม่ยอมลุกไปอาบน้ำซักที
ใครบอกว่าผมขี้หึง ผมเถียงใจขาดเลย เพราะคำว่าขี้หึงต้องใช้กับพี่คมต่างหาก หลังจากนั้นวัน ๆ ผมแทบไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่ในห้อง เวลาจะไปไหนก็ต้องรอให้พี่คมกลับมาแล้วไปด้วยกัน
เปล่า~ ผมไม่ได้อ้อนให้เขาพาไป แต่เป็นคำสั่งจากพี่คมว่าถ้าจะไปไหนให้รอให้เขาพาไป ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ได้ออกจากห้องนอนอีก
นี่ตกลงว่าผมเลือกรักคนถูกรึเปล่าเนี่ย?……
แต่รวม ๆ แล้วผมก็มีความสุขละนะ หยวน ๆ ก็แล้วกัน……
******************END******************
จบแย้วววววววววววววววว
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะมีตอนพิเศษด้วย
ขอเวลาไปคุ้ยก่อนแล้วจะมาใหม่น้า