ตอนที่ 6
“น้องจ๋า ผู้หญิงข้างๆสารวัตรคือใครหรอ?” และแล้วผมก็ทนความสงสัยไว้ไม่ไหว จึงถามน้องจ๋าที่เริ่มเปลี่ยนอิริยาบถมายืนกินขนมไปสังเกตผมไปเพ้อเจ้อไป -*- นับถือจริงๆครับเด็กผู้หญิงคนนี้ จินตนาการล้ำเลิศเกินสามัญชนจริงๆ
“อ๋ออออ แม่ของพี่ก้องไง” อ๋ออออ ก็ว่าใคร ทำไมคุ้นๆ ไม่ใช่แล้วโว๊ยครับน้องจ๋า พี่หมายถึงอีกคน - -‘
“ไม่ๆ หมายถึงคนสาวๆนะ”
“อ๋ออออ นั่นก็พี่จินนี่ น้องสาวคนเดียวของพี่ก้องไง” อ๋อออ อย่างงี้นี่เอง.. ฮ๊ะ!? อะไรนะ น้องสาวไอสารวัตร หมายความว่า..นี่ทั้งหมด..มันหมายความว่าผม..นี่ผมโดนหลอกหรอ?! แล้วไอสารวัตร..ไอคนปั่นหัวผมคนนั้น เค้าต้องการอะไรจากผมถึงต้องมาหลอกผมแบบนี้ นี่มันอะไรกัน(วะ)?!!
“น้องจ๋า พี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ” ผมเอ่ยออกมา รู้สึกไม่มีแรง คล้ายโลกหมุนเร็วเกินไป ผมว่าผมคงต้องการการพักผ่อนโดยด่วน
“อ้าว จะกลับแล้วหรอ ยังไม่เป่าเค้กพี่ก้องเลยนะพี่กล้อง” น้องจ๋าพูด
“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก พี่กลับก่อนนะ” ผมยิ้มให้น้องจ๋าเตรียมจะเดินออกจากงาน
“แล้วพี่กล้องไม่บอกพี่ก้องก่อนหรอ?” น้องจ๋าถาม จริงด้วยสินะ ไม่ไปลาเจ้าของวันเกิดหน่อยหรอ?
“ไม่ล่ะ ฝากบอกด้วยแล้วกันว่าพี่ไปแล้ว พี่ไม่ค่อยสบายน่ะ” ความจริงแล้วคือผมต้องการจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด จะว่าไงดี ออกไปจากที่ที่มีคนคนนี้อยู่ให้เร็วที่สุดซะมากกว่า สิ่งที่ผมเกลียดมากที่สุดในโลกคือการโดนหลอก แล้วมาโดนหลอกโดยคนที่ผมไว้ใจด้วยนี่สิ มันก็คงไม่แปลกอะไรหรอกมั้ง ถ้าผมจะทำอะไรแบบนี้น่ะ
“อื้อ ไม่เป็นไร ทำความสะอาดนิดหน่อยก็อยู่ได้แล้วล่ะ” ผมคุยโทรศัพท์ระหว่างที่สำรวจบ้านพักตากอากาศหลังเล็กๆริมชายหาดทะเลหัวหิน ที่น่าจะถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน โดยปลายสายก็คือไอเต้ย รุ่นน้องของผมเจ้าของบ้านหลังนี้นี่เอง
“แล้วพี่ไม่คิดจะให้ผมบอกไอกล้าจริงๆหรอ? มันเป็นห่วงพี่แทบบ้าแล้วนะ” ไอเต้ยพูด น้ำเสียงดูตึงเครียด หลังจากที่ผมออกมาจากงานวันเกิดของคนหลอกลวง ผมก็โทรไปขอที่สงบๆไว้หลีกหนีทุกอย่างที่ช่างสับสนจากเจ้ารุ่นน้องคนนี้โดยที่ไม่ได้บอกใครและขอร้องไม่ให้มันบอกคนอื่นด้วย ผมไม่อยากแวะกลับไปที่บ้านกลัวจะเจอกล้า ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น อยากหลบหน้าทุกคน ต้องการแค่ที่ที่จะมีผมอยู่คนเดียว คิดไปก็สมเพชตัวเองที่โดนหลอกซะเต็มเปา นี่ผมโง่ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย? ฮะฮะ
“อื้อ ขอพี่อยู่คนเดียวซักพักเถอะนะ” ผมพูดอีกครั้ง ก่อนจะโยนตัวเองลงแผ่บนเตียงที่ยังคลุมผ้าเพื่อกันฝุ่นอยู่ แต่ผมไม่สนใจแล้ว ขอแค่ได้ล้มตัว ได้มีหลักให้พิงก็พอแล้ว
“แต่ตอนนี้ทุกคนกระวนกระวายกันใหญ่เลยนะพี่ ตั้งแต่พี่กล้องรู้ว่าพี่หายไป ทั้งพี่กล้องทั้งไอเต้ย ออกตามหาพี่กันใหญ่เลย มันโทรมาถามผมด้วยว่ารู้มั้ยว่าพี่ไปไหน นี่เดี๋ยวผมก็ต้องไปแกล้งตามหาพี่กับไอกล้าอีก ลำบากผมด้วยเนี่ยประเด็น” ไอน้องนี่ พูดมาเป็นชุดนี่ประเด็นคือลำบากมันใช่มั้ยเนี่ย - -‘ ความจริงแล้วผมก็เป็นห่วงไอกล้ามันนะ เพราะผมกับกล้ามีอะไรก็จะบอกกันตลอด แต่มันไม่ใช่ในช่วงเวลาแบบนี้ ผมกลัวว่าถ้ากล้ารู้ที่อยู่ผมแล้วจะเอาไปบอกคนหลอกลวงคนนั้น พูดถึงคนคนนั้น นานแค่ไหนนะกว่าจะรู้ว่าผมออกจากงานมาแล้ว จะทำหน้ายังไง จะตกใจรึเปล่านะ ป่านนี้ก็คงจะรู้แล้วว่าผมตาสว่างแล้ว จะรู้สึกยังไงนะ? เฮ้ย!! แล้วนี่ผมจะไปคิดถึงหมอนั่นทำไมกันนะ? ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระเล็กน้อย
“ขอเวลาพี่หน่อยแล้วกัน แค่นี้นะ” ผมตัดบท
“เฮ้ยพี่..” ผมกดตัดสาย แล้วหลับตาลง ..เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะ
ถ้าถามว่าตอนนี้รู้สึกยังไง..สิ่งที่ผมรู้สึกคือโคตรเหนื่อยครับ ตอนนี้ผมกำลังทำความสะอาดห้องนอนให้พออยู่ได้ บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักตกอากาศของครอบครัวไอเต้ย แต่ตั้งแต่ป๊ากับม๊ามันเสียชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อน มันก็ไม่กลับมาที่นี่อีกเลย มันบอกว่าป๊ากับม๊ามันรักบ้านหลังนี้มาก มันเห็นแล้วมันเศร้า ทำใจไม่ได้ ฝุ่นและคราบอะไรทั้งหลายแหล่จึงเยอะมาก โชคดีที่เครื่องเรือนต่างๆมีผ้าคลุม ผมจึงไม่ต้องทำอะไรมากนัก ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ก็มีเสื้อผ้าเก่าๆของไอเต้ยที่ผมตัดสินใจเอาไปซักทั้งหมด ถ้าเอามาใส่เลยมีหวังคันคะเยอไปทั้งตัวแน่ๆ
อยากจะรู้ตอนนี้เธอนั้นอยู่ที่ไหน.. อยากจะรู้เธอคิดถึงฉันมั้ย...
เสียงริงโทนใหม่ผมครับ มันจะอยากรู้อะไรนักหนา เอาเป็นว่าหลังจากรับสายนี่ผมเปลี่ยนเพลงละ ตอนนี้ผมซื้อมือถือถูกๆและซิมง่ายๆมาใช้เพื่อติดต่อกับเต้ยคนเดียว ส่วนเครื่องปกติของผมปิดเครื่องไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
“ว่าไง”ผมขานรับ ทิ้งตัวนั่งบนเตียงนิ่มๆ พลางปาดเหงื่อ การทำความสะอาดนี่มันลำบากจริงๆนะครับ
“พี่ กล้ากับพี่ก้องออกตามหาพี่ทั้งคืนเลยนะ หาวววววว” ไอเต้ยพูดไปหาวไป
“อย่าบอกนะว่าแกก็เลยไม่ได้นอนไปด้วย” ผมถาม นี่ผมทำให้ทุกคนลำบากกันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?
“ก็ใช่ดิ เนี่ยกล้าเพิ่งมาส่งถึงบ้าน หาววววว นี่พี่ ผมไม่รู้อ่ะนะว่าพี่กับพี่ก้องมีเรื่องอะไร แต่ผมว่าพี่ก้องเค้าเป็นห่วงพี่มากนะ รีบกลับมาเหอะ อย่าเบียดเบียนผมกะไอกล้ามันอีกเลย หาวววววว” ไอเต้ยยังสามารถวกกลับมาว่าว่าผมทำให้มันเดือดร้อนได้อีก ดูมันสิ - -‘
เป็นห่วงงั้นหรอ.. เป็นห่วงแล้วทำไมต้องหลอกกันล่ะ หลอกกันอย่างงี้ก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงก็ได้นะ
“มีไรอีกมั้ย จะไปทำความสะอาดต่อ”
“เออๆ ไม่มีไรแล้ว ฟื้นใจแล้วก็กลับมาเร็วๆนะพี่ ผมไม่อยากโต้รุ่งทุกคืน”
“เออ ไม่นานเดี๋ยวก็กลับไปแล้วล่ะน่า” ผมพูดก่อนจะเอ่ยคำล่ำลาและวางสายไป
หลายวันผ่านไป ผมได้ทบทวนอะไรๆหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งความรู้สึกทุกอย่างของผม ถามว่าผมโกรธสารวัตรมั้ย? ตอนแรกเลยรับว่าโกรธ แต่ตอนี้ความรู้สึกที่เข้ามามันเหมือนว่า เค้ามาหลอกเราทำไมมากกว่า ผมไม่ใช่คนโง่เง่าที่ใครๆจะมาหลอกก็ได้นะ ตอนนี้ที่จริงแล้วผมต้องการแค่คำขอโทษและเหตุผลของทุกอย่างผมก็จะหายโกรธเค้าแล้วล่ะ..ว่าแต่เค้าจะมาหาผมได้ยังไงล่ะเนี่ย? ในเมื่อผมไม่ให้ไอเต้ยมันบอกใครนี่นา
กุกกัก กุกกัก
ตอนนี้ผมกำลังทำเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัวครับ ห้องครัวอยู่ที่ด้านหลังของบ้าน แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหน้าบ้าน อย่าบอกนะว่าหนู!!
กุกกัก กุกกัก
เสียงนี้ยังไม่หยุด ไอพวกหนูบ้าทั้งหลาย ออกไปจากบ้านได้แล้วจ้า - -‘ เฮ้ย! หรือจะเป็นโจร 0o!!
หมับ!
ผมรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดอุ่นๆของใครบางคนจากด้านหลัง ผมชะงัก หน้าคงซีดไปหมดแล้ว ผมไม่กล้าหันหลังไป ไม่อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“ผมขอโทษ” เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหู ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ตา อย่าร้องสิไอกล้อง จะร้องทำไม ผมรู้สึกหนักๆที่ไหล่ข้างหนึ่ง เมื่อคนที่อยู่ข้างหลังผมเอาคางมาวาง ซักพักมันก็รู้สึกได้ถึงความชื้น เค้าร้องไห้หรอ? ความจริงผมควรจะผลักคนข้างหลังผมออกแล้วหนีไปให้ไกล แต่ตอนนี้เรี่ยวแรงทั้งหมด ความรู้สึกทุกอย่างมันหายไปหมดแล้ว มีเพียงแต่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ไหลเพราะอะไรก็ไม่รู้
“มาทำไม”ผมและคนข้างหลังยืนในสภาพที่ผมยืนน้ำตาไหลโดยมีผู้ชายกอดจากด้านหลังเอาคางมาเกยและร้องไห้เหมือนกันอยู่ในห้องครัวแห่งนี้เป็นชั่วโมงก่อนที่จะเป็นผมเองที่จะปาดน้ำตาที่เริ่มแห้งแล้วพูดขึ้น
“คิดถึง”คนข้างหลังตอบผมสั้นๆแต่ก็ทำให้ใจของผมอบอุ่นขึ้นเยอะเลย
“เหมือนกัน”ผมตอบกลับไปสั้นๆก่อนจะก้มหน้างุด ไม่อยากให้เห็นว่าแก้มผมแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“ผมขอโทษ”
“...”ผมไม่พูดอะไร เพราะอยากให้เค้ารู้เองมากกว่าว่าเค้าควรจะพูดอะไร
“ที่ผมหลอกคุณ”
“งั้นอธิบายเหตุผลและทุกๆอย่างหน่อยได้มั้ย?” ผมพลิกตัวให้เราสองคนหันหน้าหากันโดยที่ผมยังอยู่ในอ้อมกอดของคนคนนี้ ผมไม่อยากไปไกลจากอ้อมกอดนี้เลยจริงๆสิ นี่เค้ามาขโมยหัวใจผมไปตอนไหนกันเนี่ย?!
“ถ้าอธิบายแล้วจะไม่โกรธใช่มั้ย?”สารวัตรตาบวมๆแดงๆจากการร้องไห้เอาหน้าผากมาแตะที่หน้าผากของผม ผมหลับตา เพราะเขินเกินกว่าจะสบตาคนคนนี้ตอนนี้จริงๆ
“อธิบายมาก่อนสิ” ผมยิ้ม
ผมพาสารวัตรที่ตอนนี้กลายเป็นเด็กน้อยว่านอนสอนง่ายไปนั่งที่โซฟาโดยที่ผมนั่งบนตักของสารวัตรและพาดแขนไปที่คอของเขา สรุปก็คือสารวัตรชอบผมตั้งแต่ผมหลับที่สี่แยก แล้วพอเห็นว่าผมเป็นพี่ชายของกล้า จึงขอให้กล้าช่วยจีบ กล้าจึงเสนอไอเดียว่าให้ผมแกล้งเป็นแฟนแล้วเอาจินนี่มาเล่นละครซ้อนแผนอีกที ประเด็นนี้ผมจะกลับไปคิดบัญชีกับไอกล้าทีหลัง -*- ความจริงแล้วงานวันเกิด สารวัตรกะจะประกาศตัวผมกับทุกคนและจะเฉลยความจริงทั้งหมด แต่เกิดเรื่องนี้ขึ้นซะก่อน ส่วนที่มาที่หัวหินได้ก็เพราะไอเต้ยสงสารจึงบอกความจริงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อันนี้จะต้องไปคิดบัญชีกับไอเต้ยด้วย
“คุณอมยิ้มอะไรน่ะ?” สารวัตรถามผม ก็อมยิ้มในความน่ารักของนายไงเจ้าสารวัตรบ้า!
“เปล่าซะหน่อย”ผมอมลมเข้าไปในปากเพื่อจะปิดรอยยิ้ม
ฟอด
“งื้ออ”ผมจับที่แก้มที่เพิ่งถูกขโมยหอมไปเมื่อกี้
“หอมจัง”สารวัตรยิ้ม
“ตาบ้า หอมไรล่ะ ฉวยโอกาส นิสัยไม่ดี”ผมตีแขนของสารวัตร แต่ดูท่าทางไม่สะทกสะท้านอะไรเลยนะ - -‘
“ก็เป็นแฟนกันหอมกันผิดตรงไหนล่ะ?”หนอยแหน่ะ ไอสารวัตรบ้า พูดมาได้หน้าตาเฉย
“ใคร ใครเป็นแฟนคุณ? อย่ามามั่วนะ” ผมพยายามดิ้นออกจากตักของสารวัตร แต่ก็โดนรวบแขนทั้งสองข้าง แถมยังโดนบังคับให้สบตาเจ้าสารวัตรบ้านี่อีก มันเขินนะเว่ย ไม่รู้รึไง!!
“ก็คุณไง” สารวัตรกระชับอ้อมกอดที่กอดบริเวณเอวของผมอยู่ ทำให้ผมและสารวัตรมีช่องว่างระหว่างกันไม่มากนัก ผมเผลอจ้องตากับสารวัตรโดยที่ไม่สามารถจะถอนสายตาออกจากเค้าได้
“ผมรักคุณนะ”สารวัตรพูด ก่อนที่หน้าของเราสองคนจะขยับเข้ามาใกล้ๆกันมากขึ้น ไอ้หยา ตอนนี้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย จะฉากเลิฟซีนแล้วหรอ?
“ผมก็รักคุณ” ผมพูดก่อนที่ปากของเราจะสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาก่อนจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากของคนขี้แกล้งบดเบียริมฝีปากผมจนผมต้องเผลอเผยอมันออก ลิ้นสากเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของผม มีหรือที่ผมจะยอม ผมจึงดันลิ้นสู้ กลายเป็นว่าลิ้นของเราสองคนเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ให้ตายเหอะ ผมรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของผมมันหายไปหมดแล้ว สารวัตรเอามือข้างหนึ่งกดบริเวณคอของผม อีกข้างก็สอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวบาง มือของสารวัตรมันร้อนอะไรขนาดนี้ ผมและสารวัตรจูบกันนัวเนีย จนกระทั่งผมรู้สึกหายใจไม่ทัน ผมบีบที่แขนของสารวัตรก่อนจะได้สติแล้วพบว่าเสื้อผ้าผมหายไปไหนหมดแล้ว!! .////////.
“ไปที่เตียงกันเถอะ” ไม่รอคำตอบ ไอสารวัตรจอมหื่นก็อุ้มผมเข้าไปในห้องนอน ส่วนทำอะไรกันนั้น ขออนุญาตไม่บอกแล้วกันนะครับ เขิน >///< ขอตัวก่อนนะครับ!
-------------------------------------END------------------------------------------------
เย้เย้เย้ จบแล้วจ้าาาาาาาาา
หูยในที่สุดก็จบจนได้อ่ะ ><
มาซะช้าเลยเนอะ แต่งแล้วแต่งอีกแก้แล้วแก้อีกจริงๆตอนสุดท้ายเนี่ย ในที่สุดก็ได้ออกมาอย่างงี้อ่ะ
ตอนจบนี่ออคิดส์หมายถึงจบเรื่องของหมอกล้องแลสารวัตรก้องอ่ะนะจ๊ะ อาจจะมีต่อเล็กๆน้อยๆในพาร์ทของคนอื่นนะ
ติดตามกันไปอีกนัดแล้วกันน XD
ปล.มีใครสนใจอ่านเรื่องราวในห้องนอนมั้ยคะ? ถึงคุณหมอกล้องของพวกเราจะไม่บอก แต่ออคิดส์มีกุญแจนะคะ อิอิ
อยากตามเข้าไปในห้องกันม๊าาา