รวิกานต์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า เขาไม่ได้เอาเรื่องนี้มาคิดมากจนเห็นภาพชัดเจนแบบนี้นานมากแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัว ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย
เหตุการณ์หลังจากนั้น แม่ตัดสินใจพาเขาออกมาใช้ชีวิตกันเองสองแม่ลูก ในตอนแรกแม่พาเขากลับไปบ้านเกิดที่แม่พอจะมีทรัพย์สินอยู่ที่นั่นบ้าง แต่พอกลับไปปรากฏว่าที่ดินและทรัพย์สินถูกพี่น้องของแม่นำแอบไปขายจนเกือบหมด เหลือเพียงแค่บ้านสวนของคุณตาและที่ดินอีกประมาณ 1 ไร่ หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นช่วงระยะเวลาหนึ่ง แม่ก็ตัดใจขายบ้านและที่ดินย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เนื่องจากทนการเอารัดเอาเปรียบจากพี่น้องไม่ไหว
เงินที่ได้จากการขายบ้านสวนและที่ดิน สามารถซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ได้หลังหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาย้ายมาแล้ว แม่เริ่มสมัครงานจนได้งานเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวได้หาทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงดูลูกจนเขาสามารถเข้ามาเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้โดยไม่รับความช่วยเหลือใด ๆ จากอดีตสามี เพราะเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เขารักผู้หญิงคนนี้มาก และพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้กับแม่ผู้ที่ทำงานหนักเพื่อเขาตลอดมา
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็ออกไปทำกิจวัตประจำวันตามปกติ เวลาผ่านไปสองสามวัน แม่ก็บอกว่าได้วันลาหยุดพักร้อนและจัดการลาเรียบร้อยแล้ว ในการเดินทางครั้งนี้พวกเราจะไปค้างที่บ้านพ่อ 1 วัน ก่อนที่จะวางแผนกันว่าจะเดินทางด้วยรถไฟและแวะเที่ยวไปตามรายทาง
เช้าวันเดินทางอากาศไม่ค่อยเป็นใจนัก สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายทั้ง ๆ ที่ย่างเข้าฤดูร้อนแล้ว รถแท็กซี่สีเขียวเหลืองเลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้านอย่างช้า ๆ รวิกานต์ช่วยมารดาขนสำภาระไว้ท้ายรถก่อนที่จะขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ในขณะที่ธารานั่งที่เบาะหน้าคู่กับคนขับ เป็นเช่นนี้เสมอเวลาที่เขากับแม่ใช้บริการรถสาธารณะ แม่ให้เหตุผลว่าเห็นใจคนขับที่ต้องนั่งอยู่คนเดียวเลยไปนั่งเป็นเพื่อนเผื่อจะได้เป็นเพื่อนคุยได้บ้างเวลาที่รถติดหนัก ๆ
รถค่อย ๆ เคลื่อนที่อย่างสบาย ๆ ไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปสู่จุดบริการขนส่งมวลชนสายภาคเหนือ ในใจของชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้ง เขายังไม่พร้อมนักสำหรับการกลับไปเจอพ่อ แม่เลี้ยง และพี่ชายต่างแม่ที่เขาสุดแสนจะเกลียด คนที่คอยว่าร้ายแม่และเขาตลอดเวลาที่ตัวเขายังพักอยู่ที่บ้านหลังนั้น บ้านที่ควรจะเป็นของแม่กับเขาแต่ก็ต้องตัดใจออกมาเผชิญชีวิตอยู่ด้านนอก ในใจเขารู้สึกเหมือนโดนแย่งชิงความสุขในชีวิตไปจนหมดสิ้นนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
“กานต์ อย่าทำหน้าอมทุกข์อย่างนั้นสิลูก ยิ้มหน่อย นาน ๆ ทีแม่จะมีเวลาไปเที่ยวกับลูกนะ” ธาราเอ่ยออกมาเมื่อเห็นบุตรชายนั่งทำหน้าบึ้ง เห็นลูกเป็นอย่างนี้แล้วเธอก็ไม่สบายใจ
“ก็กานต์ไม่มีความสุขนี่...ขอโทษครับแม่ เอาเป็นว่ากานต์จะพยายามก็แล้วกัน”
ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบก่อนที่เสียงถอนหายใจของผู้เป็นแม่จะดังขึ้น
“ถ้ากานต์ไม่มีความสุข แม่ว่าเราไม่ไปแล้วดีไหมลูก ถึงแม่จะอยากให้ลูกไปพบเขาสักครั้ง แต่ถ้าลูกไม่อยากไปขนาดนี้ เรากลับบ้านกันก็ได้นะ”
รวิกานต์มองหน้ามารดาที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าแล้วก็ได้แต่ฝืนยิ้ม “ไหน ๆ ออกมาแล้วก็ไปกันเถอะครับ กานต์ไม่ได้ไปเที่ยวกับแม่นานมากแล้วจริง ๆ แม่ว่าเราไปเที่ยวปายกันดีไหม หรือไม่ก็เลยไปแม่ฮ่องสอนด้วยเลย”
ธาราหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ไปปายหน้าร้อนจะมีอะไรล่ะลูก อีกอย่างแม่ลาได้ไม่นานพอที่เราจะขึ้นเขากัน เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะลูก”
บรรยากาศภายในรถผ่อนคลายขึ้น สองแม่ลูกคุยกันในเรื่องสัพเพเหระ ในขณะที่รถกำลังแล่นไปด้วยความเร็วคงที่บนถนนที่รถค่อนข้างบางตาเนื่องจากฝนตกลงมาค่อนข้างหนัก ธาราได้เอื้อมไปหาบุตรชาย รวิกานต์เห็นดังนั้นจึงได้กุมมืออุ่นที่คอยโอบกอดเขาไว้ตลอดตั้งแต่เล็กจนโต แล้วก้มลงไปจูบที่หลังมือนั้นเบา ๆ
“กานต์รักแม่จังเลย”
ธาราแย้มรอยยิ้มกว้างซึ่งเป็นรอยยิ้มที่รวิกานต์คิดว่าสวยที่สุดเสมอมา
“แม่ก็รักกานต์เหมือนกัน”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ถ้าหากเขารู้ว่ารอยยิ้มนั้นจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่เขาจะได้เห็น เขาจะบอกรักแม่ทุกวินาทีไม่ยอมให้เวลาที่ผ่านเลยมาสูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย.
.
.
.
.
.
.
.
.
โครม!!!!!
เสียงชนของโลหะดังขึ้นเสียงดังสนั่นพร้อม ๆ กับแรงสั่นสะเทือนที่เขย่าโลกของชายหนุ่มไปหมดทั้งใบ สติของเขาดับวูบลงทันที
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มค่อย ๆ กระพริบถี่ ในขณะที่สติยังคงกระจัดกระจาย เขานอนกลิ้งอยู่บนที่รองเท้าใต้เบาะที่นั่งที่เอนลงมาแทบจะทับตัวเขาไว้ เมื่อเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาก็พยายามดันเบาะที่นั่งขึ้นแล้วเรียกหามารดาทันที แต่ก่อนที่จะทันได้ออกเสียง สิ่งที่ได้เห็นก็ดูดกลืนคำพูดของเขาออกไปเสียหมด
ด้านหน้าของซากโลหะที่ไม่อาจเรียกว่ารถได้อีกต่อไปถูกอัดก๊อปปี้เข้ามาถึงบริเวณเบาะนั่งด้านหน้า แสงสว่างค่อนข้างน้อยเนื่องจากถูกเศษซากรถบดบัง แต่ก็มิอาจบดบังบางสิ่งไปจากสายตาของเขาได้...
บางสิ่งที่แทบจะทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตา...
แขนเรียวยาวที่เขาพึ่งกุมด้วยความรัก ตกอยู่ข้าง ๆ เบาะที่นั่งทางด้านซ้าย ใกล้กันนั้นมีวัตถุทรงกลมเจือสีแดงสดตกอยู่ ตรงกลายประดับด้วยอัญมณีสีน้ำตาลอ่อน สีที่เขาเห็นตั้งแต่จำความได้ อัญมณีน้ำงามที่มักจะส่องประกายยามที่เขาประสบความสำเร็จแม้แต่ในเรื่องเล็กน้อย อัญมณีที่มักจะทอดแลอย่างอ่อนโยนเวลาที่เขาต้องการไออุ่น....
“แม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”หากแสงสว่างมันช่างน่ากลัวขนาดนี้...เขาก็ไม่อยากมองเห็นมันอีกต่อไป---------------------------------
สั้นเนอะ
ตอนนี้เป็นเศษที่เหลือจากตอนที่แล้วค่ะ จะต่อในตอนสองก็ดูแปลก ๆ เลยตัดตอนนี้มาลงก่อน ตอนหน้ายาวแน่นอนค่าาาา