Chapter : Fourteen
//
“The greatest thing you’ll ever learn is just to love and be loved in return”
“สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้คือการรู้จักรัก และได้รับรักตอบแทน”
(Moulin rouge 2001.)
//
“ผม...รักอาโปครับ”
สิ้นสุดคำพูดของไฟ ห้องรับแขกก็เงียบสนิท ไฟกระชับมือคนน้องแน่นเมื่อรู้สึกถึงแรงมือของอาโปที่พยายามจะดึงออกจากการเกาะกุมของเขา
ไฟก้มลงมองอาโปที่ช้อนตามองเขาด้วยแววตากังวล คงเพราะเขาไม่ได้บอกน้องล่วงหน้าว่าวันนี้เขาจะมาคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ ถ้าบอกก่อนก็กลัวน้องจะไม่ยอมมาและเรื่องของเราก็คงจะค้างคาอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ
“เมื่อกี้...ลูกว่ายังไงนะจ๊ะ?”
ถึงแม้คนเป็นแม่อย่างเธอจะได้ยินประโยคนั้นดังก้องอยู่ในหูตั้งแต่ลูกชายพูดมันออกมาครั้งแรกแต่ไม่รู้ทำไมเธอจึงอยากถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าลูกของเธอไม่ได้จะพูดเล่นหรือเพียงเอ่ยเย้าแหย่เธอกับสามีอะไรทำนองนั้น
ไฟหันมองอาโปอีกครั้งพร้อมพยักหน้าให้เบาๆเพื่อบอกอาโปว่าเรื่องทั้งหมดต้องคุยกันให้จบวันนี้และความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนจะต้องก้าวหน้าไม่ใช่หยุดอยู่กับที่หรือถอยหลังจนต้องห่างเหินกันไป
อาโปเห็นดังนั้นก็ทำเพียงส่งยิ้มอ่อนๆให้คุณไฟของเขา มันเป็นการให้กำลังใจที่อาโปสามารถทำให้คุณไฟได้ในตอนนี้ แม้เขาจะประหม่าแต่ยังไงเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องด้วยเช่นกัน หากจะให้อาโปหลบสายตาไม่กล้าเผชิญหน้าและปล่อยให้คุณไฟจัดการปัญหาคนเดียว ถ้าทำแบบนั้นมันจะเรียกว่าคนรักกันได้ยังไง
เมื่อได้รับพลังใจอย่างเต็มเปี่ยมจากคนน้องแล้ว ไฟจึงหันไปหาบุพการีทั้งสองคนที่ยืนมองเขาอยู่อีกครั้ง ไฟสูดลมหายใจ กระชับมือของอาโปไว้แน่นก่อนจะเอ่ยประโยคเดิมไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ
“ผมรักอาโปครับ”
อาโปควรจะเขินหรือเปล่าที่เขาได้ยินคุณไฟบอกรักเขาตั้งสองครั้งสองคราในเวลาเดียวกัน....
คนเป็นพ่อแม่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหันมามองหน้ากันเหมือนต้องการปรึกษา ก่อนคนที่เป็นประมุขของบ้านจะพยักพเยิดให้ภรรยาเป็นคนจัดการเรื่องนี้
“แม่ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดีที่ได้ยินสิ่งที่ลูกบอก ไม่ใช่ว่าแม่ไม่ยอมรับ แม่เข้าใจว่าโลกสมัยนี้มันไปกันถึงไหนต่อไหนแล้วแต่แม่ไม่ได้คิดว่าลูกจะ....เฮ้อ..เอาเถอะแม่คิดว่าเราคงต้องคุยกันอีกทีตอนเย็นพร้อมกับยายของอาโปแล้วล่ะ”
คุณผู้หญิงของบ้านก็ยังไม่รู้วิธีจัดการหรือวิธีการที่จะพูดยังไงกับลูกของเธอดี เธอมีเพียงลูกชายแค่คนเดียวและไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายของเธอจะมาชอบผู้ชายที่เป็นเพศเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะยอมรับไม่ได้แต่มันคงต้องขอเวลาคิดอะไรสักหน่อย เพราะเธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่กับลูกตลอดชีวิตหรอก หากลูกมีความสุขกับสิ่งที่เลือกแล้วเธอก็ไม่อยากห้ามเพราะนั่นมันอาจจะทำให้ลูกของเธอไม่มีความสุขเลย
“ครับแม่” ไฟตอบรับ
“พ่อชื่นชมลูกนะที่กล้าเดินมาบอกพ่อกับแม่แบบนี้” คนเป็นพ่อเดินเข้ามาตบบ่าลูกชายพร้อมกับส่งยิ้มให้อาโปที่ยืนข้างกันกับลูกชายของเขา
“ผมแค่อยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง คิดว่าพ่อกับแม่คงไม่ว่าอะไร” ไฟตอบพร้อมมองหน้าบิดาด้วยความแน่วแน่
“อืม...คงต้องคุยกันตอนเย็นอย่างที่แม่ว่า ถ้าเกิดคุยตอนนี้พ่อกับแม่คงจะได้ไปทำงานสายแน่ๆ” คนเป็นพ่อพูดติดตลกเพื่อให้บรรยากาศคลายความอึดอัดลง
อันที่จริงเขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเจ้าลูกชายจะมาตกม้าตายที่อาโป เด็กหนุ่มที่ใสซื่ออีกทั้งยังเป็นเด็กดีคนนี้อีก
“ครับ ขอบคุณนะครับ”
คนเป็นพ่อกับแม่หันไปมองหน้ากันเพียงนิดก่อนจะพยักหน้าให้อาโปและไฟพร้อมส่งยิ้มอ่อนๆให้เด็กทั้งสองคลายกังวล ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมรับแต่แค่ขอเวลาทำความเข้าใจอะไรสักหน่อยเท่านั้นเอง
มองดูท่านทั้งสองเดินออกจากห้องรับแขกเพื่อไปยังห้องอาหารจนลับสายตา ไฟจึงเป็นคนก้มลงมามองหน้าอาโปที่กำลังเม้มปากเหมือนกำลังคิดมากถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนเย็น
“เดี๋ยวก็เจ็บปากหรอก” ว่าพลางเขี่ยริมฝีปากคนน้องให้หลุดออกจากกัน
คนเป็นน้องช้อนสายตามองคนเป็นพี่ก่อนจะทำแววตาไม่มั่นใจออกไปทำให้ไฟต้องยกมือขึ้นลูบศีรษะอาโปให้คลายความกังวล
“ผมกลัวครับ” เขาว่าออกไปอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกของตนเอง
อาโปกลัว...เขากลัวว่ายายของเขาจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ อาโปกลัวจะทำให้ยายผิดหวังและอาโปก็กลัวเหลือเกินว่ายายจะทิ้งอาโปไป...
“อืม...เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
ไม่มีคำปลอบโยนหรือคำกล่าวที่ว่าไม่เป็นอะไรหรือคำพูดที่ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปด้วยดี มีเพียงประโยคสั้นๆที่อาโปตีความได้ว่าหากจะเกิดะไรขึ้นเขาก็จะมีคุณไฟคอยอยู่เคียงข้างและอาโปก็จะอยู่เคียงข้างกับคุณไฟเช่นกัน
♥`•.¸¸.•´♥
ระหว่างวันที่ต้องรอให้ถึงช่วงเย็น อาโปก็ไปหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมาก ฟุ้งซ่านและเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาคอยวิ่งทำนู่นทำนี่ ช่วยงานคนทั้งบ้านจนยายบอกว่าให้พักบ้างนั่นแหละเขาถึงได้มานั่งจุมปุกอยู่ที่ใต้ต้นไม้ในสวนของคุณผู้ชายเขา
ไม่รู้ป่านนี้คุณไฟกำลังทำอะไรอยู่ ตั้งแต่เมื่อเช้าเราก็แยกกัน คุณไฟเดินขึ้นห้องไปยังชั้นบน ส่วนอาโปก็เดินแยกไปหายายและคนอื่นๆที่กำลังขะมักเขม้นกันอยู่ในครัว พอหลังจากนั้นอาโปก็วิ่งวุ่นตลอดเลยลืมไปว่าเขายังไม่เห็นคุณไฟเลยตั้งแต่เมื่อเช้าที่แยกจากกัน
“เหม่ออะไรหืม?”
อาโปเงยหน้ามองเจ้าของเสียงก็พบกับคนที่เขากำลังคิดถึงยืนส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ตรงหน้าเขา อาโปทำท่าจะลุกแต่ไฟห้ามไว้และเป็นฝ่ายเข้ามานั่งข้างๆอาโปแทน
“คุณไฟไปไหนมาครับ?”
“ไม่ได้ไปไหน นอนอยู่ในห้อง”
อาโปพยักหน้าเข้าใจ ก็จริงอย่างที่ว่า คุณไฟจะไปไหนได้ก็ในเมื่อตอนนี้เราต่างคนก็ต่างรอเวลาให้ช่วงเวลาเย็นมาถึงเหมือนกัน
“พึ่งตื่นหรือครับ ผมยุ่งเชียว” ว่าพลางก็ช่วยจัดทรงผมยุ่งๆของคุณไฟให้เรียบร้อยอีกสักหน่อย จริงๆมันไม่ได้ยุ่งเหยิงน่าเกลียดอะไรแต่มันแค่ดูไม่เนี๊ยบและไม่สมกับเป็นคุณไฟเอาซะเลย
ไฟเอียงศีรษะให้อาโปจัดทรงผมให้เขาได้ถนัดก่อนจะกลับมานั่งตัวตรงเหมือนเดิมเมื่ออาโปบอกว่าเสร็จแล้ว
“ขอบคุณครับ” เขายิ้มให้เด็กข้างๆก่อนจะหันออกไปมองรอบๆสวนของพ่อตัวเองอีกครั้ง
จริงๆการมีสวนสีเขียวในบ้านก็ทำให้สดชื่นและผ่อนคลายดีเหมือนกันนะ...
ระหว่างนั้นก็ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นอีกระหว่างอาโปกับคุณไฟนอกจากความเงียบที่ก่อตัวขึ้นถึงจะอย่างนั้นก็ไม่ได้มีความอึดอัดอย่างที่เคยเป็นในตอนแรกๆที่อยู่ด้วยกัน
ตั้งแค่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนพัฒนาขึ้น การได้นั่งด้วยกันเงียบๆแบบนี้มันเป็นความสบายใจและการผ่อนคลายอีกอย่างหนึ่งของทั้งสองคนเลยก็ว่าได้
“หิวไหมครับ? จะเที่ยงแล้ว” หลังจากเงียบกันไปสักพัก อาโปก็เป็นฝ่ายหันมามองคุณไฟพร้อมกับถามขึ้น
ไฟทำท่าจะส่ายหน้าแต่พอมองดูอาโปที่กำลังทำสายตาดุเขาให้เขาต้องทานข้าวตรงเวลาก็ต้องเปลี่ยนเป็นการพยักหน้าแทน
“อือ หิวก็ได้”
อาโปยิ้มขำน้อยๆใส่คุณไฟ ก่อนจะลุกขึ้นแต่ไม่วายก็ยืนรอให้อีกคนลุกขึ้นตาม
“ไม่รู้แม่ครัว....”
“ไม่กิน จะกินอาหารที่นายทำ” ไฟว่าขัดไว้ก่อนเมื่อรู้ว่าอาโปจะพูดอะไร คงไม่พ้นให้เขาทานอาหารฝีมือของแม่ครัวของบ้านแน่ๆแต่ใครจะไปทานกันล่ะในเมื่อเขาก็มีพ่อครัวประจำตัวอย่างอาโปอยู่แล้วนี่นา
“เอาแต่ใจเหมือนเด็กเลยครับ” อาโปดุไม่จริงจังนัก
“อือ” ไฟไม่ปฏิเสธนอกจากอือออยอมรับว่าตัวเองเอาแต่ใจจริงๆ
“งั้นก็ได้ครับ ผมทำให้คุณไฟทานก็ได้”
“ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว”
อาโปไม่ได้ว่าอะไรอีกนอกจากส่ายศีรษะเบาๆอย่างนึกเอ็นดูคุณไฟถึงแม้จะอายุมากกว่าแต่ก็เอาแต่ใจเก่งยิ่งกว่าเด็กเสียอีก
♥`•.¸¸.•´♥
เมื่อช่วงเย็นมาถึงอาการตื่นเต้นของอาโปที่มีอยู่แล้วในตอนแรกกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนออกอาการทำให้คนรอบข้างถามเขาอย่างเป็นห่วงแต่อาโปก็แค่ตอบว่าไม่เป็นอะไร จากนั้นก็ทำกลบเกลื่อนด้วยการเดินช่วยงานคนนู้นทีคนนี้ทีเพื่อไม่ให้ตัวเองว่าง
เขาไม่อยากจะรับรู้เลยว่าหลังจากนี้จะเจอกับอะไรบ้างแต่ก็นั่นแหละเขาหนีไม่ได้หรอกเพราะสักวันทุกคนก็ต้องรู้เรื่องของเขากับคุณไฟ
ให้รู้ตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้คนสำคัญของเราสองคนได้รับรู้ภายหลังจากปากคนอื่นนั่นก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีและเรื่องที่สมควรจะทำเลย
คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงเพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้โดยอาโปก็รู้มาจากพี่แก้วที่ไปรับคุณท่านทั้งสองที่หน้าบ้านอีกที อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเป็นเวลารับอาหารเย็นของคนในบ้านแล้วด้วยแต่อาโปก็ยังไม่รู้เลยว่าคุณท่านทั้งสองจะเรียกเขาและยายเข้าไปคุยด้วยกันตอนไหน
กระทั่งถึงเวลาทานอาหารของคุณๆในบ้าน แม่บ้านก็ทยอยกันยกอาหารออกไปยังห้องอาหาร อาโปก็เช่นกันที่กำลังช่วยยกอาหารเดินตามพี่แม่บ้านคนอื่นๆ
จริงๆตอนนี้เขายังไม่ค่อยอยากเผชิญหน้าคุณท่านทั้งสองเท่าไหร่ แต่เอาเถอะยังไงสุดท้ายอาโปก็รู้ดีว่าการหลบไปอยู่เงียบๆก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาอยู่ดี
เมื่อมาถึงห้องอาหารเขาก็เห็นคุณผู้ชาย คุณผู้หญิงและคุณไฟนั่งกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเรียบร้อยแล้ว อาโปไม่ได้มองใครนอกจากก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อยส่วนไฟก็เหลือบมองอาโปที่เขาดูยังไงก็ดูออกว่าตอนนี้อาโปทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวลมากแค่ไหน
เฮ้อ...เด็กคนนี้นี่ชอบคิดมากจริงๆเลย
คุณท่านทั้งสองของบ้านที่สังเกตุเห็นพฤติกรรมของลูกชายที่มองอาโปอย่างรักใคร่และเป็นห่วงเป็นใยก็หันไปส่งยิ้มให้กัน ไม่ได้พูดอะไร
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าลูกชายหัวดื้อรักเด็กน้อยตรงหน้ามากแค่ไหน...
“อาโปจ้ะ”
อาโปกำลังจะเดินออกไปจากห้องอาหารแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของคุณผู้หญิงเรียกเขาไว้ก่อน
“ครับคุณผู้หญิง”
คุณผู้หญิงของบ้านส่งยิ้มให้ก่อนเอ่ยต่อ “ไปเรียกยายอาโปมาทานข้าวด้วยกันหน่อยสิ อืม...อาโปก็มาทานด้วยกันนะจ้ะ”
“อ่า...ผมเกรงว่า...”
“ไปสิจ้ะ ให้ผู้ใหญ่รอนานมันไม่ดีนะ” คุณผู้หญิงเอ่ยเย้าแต่อาโปที่ยังมีเรื่องให้คิดมากอยู่แล้วก็คิดว่าคุณผู้หญิงกำลังตำหนิจึงก้มหน้าเม้มปากอย่างวิตก
“แม่ครับ”
“หืม?” คุณผู้หญิงหันมองเจ้าลูกชายที่เรียกเธอขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ผมว่าน้องคงไม่สะดวกใจเท่าไหร่นะครับ”
“ทำไมล่ะ?” เธอหันไปถามลูกชายเมื่อไม่ได้คำตอบจึงหันไปหาอาโปอีกครั้ง “อาโปไม่สะดวกใจหรือ?” เธอถามอย่างคนไม่รู้ทั้งที่เธออาจจะรู้ดีด้วยซ้ำว่าอาโปกำลังกังวลใจแค่ไหน
“คือ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับแต่ผมเกรงว่าจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่คนใช้อย่างผมจะไปนั่งเทียบเท่ากับเจ้านาย” อาโปพูดออกไปตามที่คิด
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ ในเมื่ออาโปกับเจ้าไฟก็...”
“คุณผิงมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ เห็นแม่แก้วบอกว่าคุณให้เธอไปตามยายมา”
ยายอาโปที่เดินเข้ามาในห้องอาหารถามอย่างไม่เข้าใจ เมื่อหันไปด้านซ้ายมือก็เห็นอาโปหลานแกกำลังยืนก้มหน้าก้มตาเหมือนทำความผิดอะไรไว้อย่างนั้นแหละ
“ฉันจะชวนยายกับอาโปมานั่งทานข้าวด้วยกันน่ะ”
ยายอาโปไม่ได้มีท่าทีสงสัยมากนักเพราะบางครั้งคุณผู้หญิงก็เรียกแกมาทานข้าวด้วยแบบนี้บ่อยๆอยู่แล้ว แรกๆยายก็ปฏิเสธเพราะคิดว่าคงไม่เหมาะสมแต่หลังจากที่ปฏิเสธบ่อยเข้าก็เกิดความเกรงใจขึ้นมาอีกทั้งคุณเขาก็ไม่ละความพยายามที่จะชวน สุดท้ายแกก็เลยยอมร่วมโต๊ะทานอาหารกับคุณท่านทั้งสอง
“พอดีมีเรื่องจะคุยด้วย ฉันอยากให้ยายอยู่ฟังด้วยกัน”
ยายของอาโปตกปากรับคำในที่สุดก่อนจะบอกให้อาโปตักข้าวมาให้ทั้งแกทั้งตัวเองจากนั้นสองยายหลานก็พากันมานั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกับนายของบ้าน
โต๊ะอาหารไม่ได้เงียบหรืออึดอัดอย่างที่อาโปคิดเมื่อคุณท่านทั้งสองยังคงทำตัวปกติและคอยถามไถ่เขากับยายอยู่เป็นระยะ พอแอบชำเลืองไปมองคุณไฟที่นั่งตรงข้ามกันก็เห็นคุณไฟกำลังมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
อาโปเกือบเผลอตักอาหารให้คุณไฟด้วยความเคยชินเหมือนเมื่อตอนอยู่กันสองคนแต่เขาก็ห้ามมือตัวเองไว้เพราะคิดว่าตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ส่วนคุณไฟรายนั้นกลับทำตรงข้ามกับอาโปโดยสิ้นเชิงเมื่อคุณไฟเอาแต่ตักอาหารมาใส่จานของอาโปพร้อมกับจ้องมองเหมือนจะบอกให้อาโปทานสักทีไม่ใช่มัวแต่เขี่ยข้าวเล่นอยู่แบบนี้
ทั้งสองคนคงไม่ได้รู้เลยว่าการกระทำทุกอย่างกำลังตกอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสามคน....
“ไฟ” คุณผู้หญิงที่มองเด็กสองคนคุยกันผ่านทางสายตาและการกระทำก็นึกเอ็นดูแต่ยังไงวันนี้ลูกชายเธอก็ต้องบอกเรื่องนี้ให้ยายอาโปรับรู้เช่นกัน
“ครับแม่” ไฟหันไปมองทางแม่ตัวเองพร้อมตอบรับ
“มีอะไรจะบอกยายของอาโปไหมจ๊ะ?” เธอถามพร้อมหันไปมองยายอาโปที่มองทุกคนด้วยความไม่เข้าใจ พอหันไปมองหลานตัวเองที่นั่งข้างๆก็เห็นอาโปกำลังก้มหน้าก้มตา บีบมือตัวเองที่วางไว้บนตักแน่น
ไฟพยักหน้าให้แม่ของตัวเองเมื่อรับรู้ได้ว่าแม่กำลังมีจุดประสงค์อะไรอยู่...ท่านคงอยากให้เขาเป็นคนบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
“คุณยายครับ” ไฟเรียกยายอาโปที่กำลังมองอาโปอยู่ให้หันกลับมาฟังสิ่งที่เขาจะบอก
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะคุณไฟ?” ยายถาม
“ผมรักหลานของคุณยายครับ”เมื่อได้ยินดังนั้นอาโปก็บีบมือตัวเองแน่นยิ่งขึ้นไปอีก เขาไม่กล้ามองสบตายายในตอนนี้ ไม่รู้ว่ายายจะว่ายังไงแต่เขาก็ภาวนาให้ยายยอมรับได้
คนเป็นยายเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ยังคงมีสีหน้าไม่เข้าใจ เมื่อหันไปมองหลานตัวเองก็เจอปฏิกิริยาที่แกรู้ได้เลยว่าหลานแกกำลังกังวลกับเรื่องที่คุณไฟบอกเมื่อกี้แน่ๆ
“คือ...คุณไฟว่าอะไรหรือจ๊ะ? ยายขออีกรอบได้หรือเปล่า” เธอถามขึ้นอย่างไม่เชื่อหู เมื่อกี้อาจจะหูฝาดไปเองก็เป็นได้...
ไฟพยักหน้าก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมกับอาโปรักกันครับ”คราวนี้แกเบิกตากว้างอย่างตกใจ แกไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเลยสักนิด...ไม่เคยแม้แต่คิดเลยสักครั้งและสุดท้ายสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
แกไม่ได้ตอบอะไรคุณไฟอีกนอกจากหันไปหาหลานของแกที่ตอนนี้กำลังสะอื้นเบาๆอยู่ข้างๆ แกสังเกตก่อนนั้นว่าคุณไฟดูเป็นห่วงหลานแกเหลือเกินแต่แกก็ไม่ได้คิดว่า..
“โป...โปรักคุณไฟอย่างนั้นหรือ?” แกพยายามเค้นเสียงเท่าที่จะทำได้ก่อนจะถามหลานไป
อาโปนิ่งจนไฟก็ใจไม่ดี กลัวเหลือเกินว่าน้องจะตอบปฏิเสธเพื่อให้คนเป็นยายสบายใจ
อาโปที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นยาย ก่อนจะพยักหน้าเชื่องช้าแล้วเอ่ยกับยายว่า
“ครับ อาโปรักคุณไฟ”
ถึงแม้จะกลัวแค่ไหนอาโปก็ไม่อยากทำให้คุณไฟต้องเสียใจหากอาโปจะโกหกเพื่อให้ยายสบายใจ บางครั้งการที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องก็อาจจะทำให้คนที่เรารักและรักเราเจ็บปวดได้ แต่ยังไงซะอาโปเชื่อว่ายายที่เลี้ยงดูอาโปมาด้วยความรักจะเข้าใจอาโปไม่วันนี้ก็วันหน้า
“คุณทั้งสองรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วหรือจ๊ะ?” ยายหันไปถามคุณท่านทั้งสอง
คนโดนถามทำเพียงพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มอ่อนๆให้
ยายทำเพียงถอนหายใจ เอาเถอะตอนนี้แกขอไม่สนมารยาทสักนิดสักหน่อยคุณท่านคงไม่ไล่แกออกหรอก ก่อนยายจะติดสินใจหันไปพูดกับไฟที่นั่งมองอาโปเงียบๆอยู่
“ถ้าคุณไฟรักหลานยายจริงๆยายก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะจ๊ะ ยายรู้ว่าเรื่องความรู้สึกยังไงก็เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้แต่ยายขอแค่ให้คุณไฟรักหลายของยายจากใจจริงๆ แค่นี้แหละที่ยายจะขอจากคุณ”
“ผมรักอาโปจากใจจริงของผมครับ” ไฟตอบหนักแน่นพร้อมมองตาคนอายุมากกว่าด้วยความมั่งคงแน่วแน่จนยายอาโปต้องส่งยิ้มให้เพราะแกเชื่อว่าแววตาคู่นั้นของคุณไฟมีแต่ความหนักแน่นและมั่งคงในคำตอบที่ตอบออกมา
“ส่วนอาโป ยายรู้ว่าเอ็งกังวลใช่ไหมว่ายายจะรับเรื่องนี้ไม่ได้” อาโปพยักหน้ายอมรับ “ข้าว่าแล้วเชียวว่าทำไมวันนี้เอ็งถึงทำตัวแปลกนัก เฮ้อ...ข้าน่ะแก่แล้วคงอยู่กับเอ็งได้ไม่นานหรอกนะ ข้าได้รู้ว่าเอ็งได้เจอคนที่เอ็งรักและเขาก็รักเอ็งแค่นี้ข้าก็นอนตายตาหลับแล้ว”
“ยาย~~” อาโปโผเข้ากอดเอวคนเป็นยายพร้อมกับสะอื้นออกมาอย่างไม่อายเลยว่ายังมีคนอื่นนอกเหนือจากทั้งสองคนอีก
“ขี้แยไปได้ ดูสิคุณไฟเขามองเอ็งใหญ่แล้ว ไม่อายหรอกเรอะ” ยายเอ่ยเย้าคนเป็นหลานแต่อาโปกลับส่ายหน้าพร้อมกับสูดน้ำมูกเสียงดังบ่งบอกว่าตอนนี้เขาได้เอาความอายออกไปจากตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“อาโปขอโทษนะยาย”
“จะขอโทษข้าทำไมกันเล่า คนรักกันครั้นจะห้ามมันก็ใช่ที่” แกว่าพลางยิ้มเอ็นดูหลาน
“ขอบคุณนะยาย ขอบคุณที่เข้าใจอาโปมาตลอดนะ”
“อืม...ขอแค่เอ็งมีความสุข ข้าก็พลอยมีความสุขไปกับเอ็งแล้วล่ะ”
“อาโปรักยายนะ”
สองยายหลานบอกรักกันไปมาจนคุณท่านทั้งสองที่กลัวไม่มีบทบาทจึงเอ่ยแทรกขึ้นมากลางคันบ้าง
“ถ้ายายว่าอย่างนี้แล้ว ผมกับคุณผิงก็ว่ากันไปตามยายก็แล้วกัน”
ประโยคนั้นแปลความได้ง่ายๆว่าทุกคนยอมรับความรักของทั้งอาโปและคุณไฟแล้ว....
“ขอบคุณครับ”♥`•.¸¸.•´♥
.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺
ว่าจะมาลงให้เมื่อวานแต่อีเว้นท์ตัวเองเยอะมากเลยเอามาลงวันนี้แทน อิอิ ใครกลัวดราม่าก็บอกเลยเด้อว่าเราไม่เคยมีดราาม่าในนิยายตัวเอง ฮ่าๆๆ เพราะอะไร ก็เพราะแต่งไปแล้วมันไม่เคยดราม่าให้เลย เห้อมมม มาบอกอีกทีว่าตอนหน้าก็จะจบแล้วเด้อออออและขอย้ำอีกรอบน้าว่าตอนพิเศษจะอยู่แค่ในเล่มเด้อจ้าาา
ปล.ขอกราบขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกๆคนเลยนะคะ
แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitterfacebook