【Keep distance|ระยะห่างที่ใกล้ใจ】#มารักกับไฟ Last Chapter [22.09.18] UP!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【Keep distance|ระยะห่างที่ใกล้ใจ】#มารักกับไฟ Last Chapter [22.09.18] UP!  (อ่าน 16009 ครั้ง)

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





【Keep distance|ระยะห่างที่ใกล้ใจ】


You make me tremble.

มีคนเคยบอกไว้ว่ายิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว
เขาไม่เคยเชื่อเลยจนกระทั่งได้มาเจอกับตัวเอง
.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺

แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2018 17:44:34 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : One



//


A life without love, is no life at all.
ชีวิตที่อยู่โดยไม่มีความรัก มันก็เหมือนกับการไม่มีชีวิตอยู่
(Ever After: A Cinderella Story (1998))


//




“อาโป หยิบพริกให้ยายหน่อยซิลูก”



เสียงหัวหน้าแม่บ้านดังขึ้นเพื่อออกคำสั่งกับหลานชายเพียงคนเดียวของตน เด็กหนุ่มเจ้าของชื่ออาโปกระวีกระวาดหยิบสิ่งที่ยายร้องขอออกมาจากตู้เย็นขนาดใหญ่แล้วจึงนำไปใส่ภาชนะเพื่อล้างให้สะอาดเรียบร้อยจากนั้นจึงนำพริกที่พึ่งล้างเสร็จยื่นไปให้ยายของตนเองที่ยื่นมือรอรับทั้งที่กำลังวุ่นวายอยู่กับหน้าเตา



“นี่จ่ะยาย”



“อาโปช่วยล้างผักให้พี่แก้วที ล้างสะอาดแล้วก็เอามาจัดจานเลยนะ”



อาโปพยักหน้าตอบรับแล้วหยิบผักที่พี่แก้วแม่ครัวอีกคนวางไว้ก่อนหน้าหยิบเอาไปล้างให้สะอาด เมื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าทุกใบสะอาดแล้วจึงนำผักที่ล้างเสร็จไปจัดจานตามที่พี่แก้วบอกไว้อย่างสวยงามและคล่องแคล่วเพราะเขาช่วยยายทำงานในครัวมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กอายุเจ็บขวบจนตอนนี้ก็อายุปาเข้าไปสิบแปดปีแล้วจึงไม่แปลกอะไรที่เขาจะทำงานแบบนี้ได้อย่างสบาย



“มีอะไรให้โปช่วยอีกไหมจ๊ะ?” เด็กหนุ่มถามต่อเมื่อหมดหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายเรียบร้อยแล้ว



เป็นปกติอย่างนี้ทุกวันที่อาโปหลานของหัวหน้าแม่บ้านจะเข้ามาช่วยงานในครัวทุกครั้งที่ต้องเตรียมอาหารให้กับเจ้านายของบ้าน เด็กหนุ่มจะช่วยหยิบจับหรือแม้กระทั่งทำอาหารก็ไม่เคยเกี่ยง สั่งให้ทำอะไรก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่ใช่เฉพาะแค่เพียงงานในครัวเท่านั้น งานปัดกวาดเช็ดถูในบ้านอาโปก็จะคอยช่วยทำตลอดหากตนมีเวลาว่าง เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่ขยันและไม่เคยขี้เกียจเลยก็ว่าได้



จนทำให้เหล่าบรรดาแม่บ้านแม่ครัว คนขับรถแม้กระทั่งเจ้านายของบ้านก็ให้ความเอ็นดูกับอาโปเหมือนลูกเหมือนหลานของตนเองเพราะเห็นเด็กมันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอีกทั้งยังเป็นเด็กดีจึงไม่แปลกเลยที่จะมีแต่คนเอ็นดู



เด็กชายอาโปเป็นเด็กกำพร้าทั้งพ่อและแม่เพราะแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่ที่เขาเกิดส่วนพ่อนั้นยายเคยเล่าให้ฟังว่าทิ้งแม่ไปตั้งแต่อาโปอยู่ในท้องของแม่ อาโปเคยสงสัยว่าทำไมพ่อถึงทิ้งไปแต่เขาก็ไม่เคยได้รับคำตอบในความสงสัยของตนเองเลยจนกระทั่งอาโปเริ่มเติมโตขึ้นเรื่อยๆจึงเข้าใจอะไรมากขึ้นว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเที่ยงแท้และแน่นอน อย่างเช่นความรักของพ่อที่เคยมีให้แม้ก็สามารถหมดลงเรื่อยๆจนกระทั่งทิ้งแม่ไป ยอมรับว่าเคยโกรธพ่อแต่ก็นั่นแหละโกรธไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร อาโปจึงเริ่มปล่อยวางและเลิกตั้งคำถามต่างๆมากมายกับตัวเองเพื่อจะอยู่กับปัจจุบันที่มียายแท้ๆของตนเองและทุกๆคนในบ้านให้ความรักและความอบอุ่นถึงแม้จะไม่ใช่ญาติแท้ๆเลยก็ตาม



เขาคิดว่าตัวเองโชคดีมากๆที่ได้รับความรักและความเอ็นดูจากผู้คนรอบข้างมากมายขนาดนี้ เขาเคยเห็นเพื่อนบางคนที่มีพ่อแม่ครบทั้งสองคนแต่กลับใช้ชีวิตไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว อาโปจึงคิดว่าถึงแม้ตนเองจะขาดพ่อแม่แต่ความรักและความอบอุ่นอาโปก็ไม่เคยขาดความรู้สึกนั้นเลยตั้งแต่ที่อาโปจำความได้



“ยกอาหารไปตั้งโต๊ะเลยโป”



“ครับพี่แก้ว”



เมื่อทุกอย่างถูกจัดการไว้อย่างเรียบร้อยแล้วอาโปจึงขอตัวกับยายเพื่อจะไปอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหา’ลัยต่อ



ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กมัธยมและเป็นช่วงที่เด็กจบมัธยมชั้นปีที่หกต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหา’ลัยอย่างหนักหน่วง ยายเคยบอกให้อาโปไปเรียนในสถาบันติวเตอร์ดังๆเหมือนเพื่อนคนอื่นเขาเพราะจะได้สอบได้แต่อาโปก็ปฏิเสธไปไม่อยากให้ยายเสียเงินเสียทองมากมาย



อาโปเป็นคนหัวดีและขยันอยู่แล้วจึงคิดว่าหากตนขยันเพิ่มมากขึ้น มหา’ลัยที่หวังจะเข้าก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เขาจึงใช้เวลาที่เหลืออยู่จากการช่วยยายทำงานในบ้านมาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ ระหว่างนั้นเขาก็ยังหางานพาร์ทไทม์ทำแต่ก็ยังหาไม่ได้ถึงแม้ยายจะบอกว่าไม่ต้องทำแต่เขาก็อยากใช้เวลาว่างของตัวเองให้มีประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด เงินที่ได้มาจากการทำงานก็คงจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระยายได้ไม่มากก็น้อย



พอเข้ามหา’ลัยแล้วค่าใช้จ่ายต่างๆคงเพิ่มมากขึ้นและคงมากกว่าตอนที่เขาเรียนมัธยม ถ้าหากได้ทำงานและได้เงินก็สามารถนำเงินส่วนนี้ส่งตัวเองเรียนได้อีกด้วย แต่ก็นั่นแหละตอนนี้เขายังหางานทำไม่ได้ก็ได้แต่ช่วยงานยายแล้วกลับมาอ่านหนังสือที่ห้องเพียงเท่านั้น



“โปเอ๊ย..มากินข้าวลูก”



“จ้ายาย”



เขาขานรับแล้วจัดการเก็บหนังสือและสมุดที่ใช้จดให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินออกมาจากห้องก็เห็นยายยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาจึงช่วยพยุงยายเพื่อจะพากันเดินไปในครัวซึ่งมีโต๊ะกินข้าวสำหรับแม่บ้านและคนงานในบ้านไว้กินข้าวกันทุกครั้งหลังจากที่เจ้านายรับประทานอาหารกันเสร็จ



“มาๆนั่งก่อน วันนี้กับข้าวน่าตาน่ากินทั้งนั้น” ลุงชมคนสวนของบ้านตบเก้าอี้ข้างๆเชิญชวนให้เขากับยายนั่งลงกินข้าวด้วยกัน



อาโปเลื่อนเก้าอี้ให้ยายนั่งข้างลุงชมจากนั้นตัวเองก็นั่งลงข้างๆยายอีกที มื้ออาหารมื้อนั้นมีเสียงพูดคุยกันประปรายแต่ไม่ได้เสียงดังขนาดรบกวนนายของบ้าน



หลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จก็ทำการแยกย้ายกลับไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัย อาโปก็กลับห้องมาอาบน้ำและเตรียมอ่านหนังสืออีกรอบก่อนนอน



ห้องนี้อาโปอยู่กับยายสองคน เป็นห้องที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ มีเตียงให้เขาและยายคนละเตียงแถมยังมีห้องน้ำและสิ่งต่างๆครบครันโดยที่ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าสักบาทเดียว



เจ้านายของบ้านทั้งสองคนใจดีกับเขาและยายมากๆไม่ใช่เฉพาะแค่เราสองคนยายกับหลานหรอก ท่านยังใจดีกับคนงานในบ้านทุกคนและนั่นก็ทำให้อาโปนับถือและตอบแทนท่านทั้งสองเสมอเมื่อมีโอกาส



“โป ยังไม่นอนอีกหรือ?” เสียงแหบๆของยายทำให้อาโปที่กำลังใช้ปากกาเน้นคำขีดลงไปบนเนื้อหาหันมาหายายที่นอนมองเขาอยู่



คนที่ได้ชื่อว่ายายมองหลานตนเองด้วยความห่วงใย ช่วงนี้อาโปทำทั้งงานบ้านแถมพอว่างเข้าหน่อยก็จะมาอ่านหนังสือทันที แกล่ะห่วงเหลือเกินว่ามันจะไม่ไหว อยากให้หลานได้ออกไปเที่ยวเล่นเหมือนคนอื่นๆบ้างแต่อาโปมันก็ไม่ไป แกก็จนใจจะบังคับเด็กมัน หากอาโปอยากทำอะไรแกก็คงต้องปล่อยให้มันทำตามใจ ไม่อยากจะบังคับอะไรหลานมันนัก แค่นี้ก็เป็นเด็กดีจนไม่รู้จะดียังไงแล้ว



“โปขออ่านบทนี้ให้จบก่อนนะยาย เดี๋ยวก็นอนแล้ว”



“อืม...อย่าหักโหมนักล่ะเจ้าโป”



เมื่อพูดจบยายก็ผล็อยหลับไปอีกรอบโดยที่อาโปยังไม่ทันตอบอะไรยายไปเลยสักนิดเดียว อาโปยิ้มขำยายที่คงละเมอตื่นแล้วหันกลับไปอ่านเนื้อหาที่เหลือให้จบจะได้เข้านอนสักที ยิ่งตอนนี้ตาก็เริ่มจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อาโปจึงต้องรีบอ่านเดี๋ยวตัวเองจะหลับคาหนังสือซะก่อนจะอ่านจบ



อาโปแทบร้องเย้ออกมาเมื่ออ่านเนื้อหาในหน้าสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ถ้าไม่เกรงใจที่ยายกำลังหลับอยู่เขาคงจะร้องมันออกมาจริงๆ เขาเก็บหนังสือ สมุดบันทึกและอุปกรณ์เครื่องเขียนให้เรียบร้อยก็เดินมาล้มตัวบนที่นอนก่อนจะตัวดีดผึ่งเมื่อลืมไปว่าตัวเองลืมสวดมนตร์ก่อนนอนซะแล้ว



กว่าจะได้หลับจริงๆก็ตอนสี่ทุ่มของวัน อาโปรู้สึกว่าตัวเองทั้งเหนื่อยทั้งล้าจากการทำงานและการหักโหมอ่านหนังสือ แต่มันก็เป็นข้อดีเช่นกันเพราะเวลาเหนื่อยมากๆพอถึงตอนจะหลับก็จะหลับสบายอาโปจึงไม่เคยบ่นอะไรและยินดีด้วยซ้ำที่ทุกๆวันของเขาจะเป็นแบบนี้



♥`•.¸¸.•´♥

 



อาโปตื่นเช้ามาช่วยยายทำงานเหมือนปกติของทุกๆวัน ตั้งแต่ช่วยยายทำอาหารในครัว ปัดกวาดเช็ดถูบ้านของเจ้านายจนกระทั่งรดน้ำต้นไม้ที่คุณผู้ชายของบ้านชอบซื้อมาปลูกบ่อยๆ อาโปมักจะเห็นคุณผู้ชายมารดน้ำต้นไม้และพูดคุยกับต้นไม้ในสวนทุกครั้งที่มีเวลา วันหนึ่งตอนที่อาโปยังไม่ค่อยรู้ความเท่าไหร่นัก เขาเคยถามคุณผู้ชายว่า



...



“ทำไมคุณผู้ชายถึงเอาแต่คุยกับต้นไม้ล่ะฮะ?” เสียงของเด็กน้อยถามขึ้นตอนที่บังเอิญเดินมาเจอเจ้านายของยายกำลังยืนคุยกับต้นไม้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว



“หืม...ก็เพราะต้นไม้เป็นเพื่อนของฉันไงล่ะ”



“เอ๋~...แต่ต้นไม้ไม่ใช่มนุษย์เหมือนพวกเรานะฮะจะเป็นเพื่อนกับคุณผู้ชายได้ยังไงกัน?”



คนอายุมากกว่ามองเด็กน้อยด้วยรอยยิ้ม เห็นหน้าตาและท่าทางสงสัยของเจ้าหลานหัวหน้าแม่บ้านแล้วเขาก็นึกเอ็นดูไม่น้อยเลย



“ถึงต้นไม้จะไม่ใช่มนุษย์หรือพูดได้เหมือนอย่างเราๆแต่มันก็มีชีวิตนะอาโป เวลาฉันเครียดหรือฉันไม่สามารถพูดระบายเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจได้ ฉันก็มีต้นไม้คอยเป็นเพื่อนและช่วยเยียวยาจิตใจของฉันได้เสมอ มันจะคอยรับฟังปัญหาต่างๆของฉันและถึงแม้มันจะไม่สามารถให้คำปรึกษาฉันได้แต่มันก็ทำให้ฉันได้ระบายเรื่องที่ฉันไม่สบายใจได้ทุกครั้งเลย อาโปเคยสังเกตไหมว่าเวลาตัวเองมาเห็นต้นไม้ที่มีชีวิตชีวาพวกนี้แล้วอาโปรู้สึกยังไงบ้าง?”







ในตอนนั้นเขาไม่เคยเข้าใจคำถามของคุณผู้ชายเลยจนกระทั่งโตขึ้นและได้เผชิญปัญหาต่างๆและมีเรื่องมากมายที่เขาไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้แม้กระทั่งยายของตนเอง อาโปมักจะนึกถึงต้นไม้ของคุณผู้ชายเสมอ มันรับฟังอาโปทุกครั้งที่อาโปพูด มันไม่เคยหันหน้าหนีและมันยังเป็นแหล่งพักพิงที่ดีสำหรับอาโปอีกทีหนึ่ง



หากคุณผู้ชายเอาคำถามเดิมกลับมาถามอาโปอีกครั้งว่าอาโปรู้สึกยังไงบ้างหลังจากที่ได้เห็นต้นไม้ที่มีชีวิตชีวาพวกนี้ อาโปคงให้คำตอบคุณผู้ชายได้ทันทีเลยว่ามันทำให้อาโปมีความสบายใจ มีความสุขและรู้สึกมีแหล่งพักพิงเพิ่มอีกที่ เป็นแหล่งพักพิงที่ใช้แค่ความเงียบก็สามารถทำให้อาโปรู้สึกดีขึ้นได้เสมอ



“ไง~วันนี้สดใสเชียวนะ” อาโปเดินรดน้ำต้นไม้ในสวนไปเรื่อยๆพลางพูดคุยกับต้นไม้ที่เขาเดินผ่านทุกครั้ง พวกมันทำการตอบรับเขาเสมอเวลามีลมพัดมาโดยการโบกสบัดใบสีเขียวอ่อนให้อาโปเป็นเชิงตอบรับ



เขายิ้มขำกับความคิดตัวเองที่นึกอยากให้มันมีชีวิตขึ้นมาเหมือนมนุษย์จริงๆแต่ก็รู้ดีว่าคงไม่มีทางเป็นไปได้ในเมื่อที่แห่งนี้คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกในนวนิยายหรือแฟนตาซีที่อาโปชอบดูในหนังของฝรั่งบ่อยๆ



“อาโป อาโปๆ” เสียงใสของผู้หญิงคนหนึ่งส่งเสียงเรียกชื่อเขาจนเขาสะดุ้งเกือบทำสายยางในมือหล่นแต่ดีที่ตั้งสติได้ก่อนไม่งั้นคงได้เปียกกันทั้งคนทั้งต้นไม้นี่แหละ



“โปอยู่ตรงนี้ครับ” อาโปส่งเสียงตอบกลับผู้หญิงคนนั้น ถ้าเขาเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนั้นก็คงจะเป็นพี่แก้วที่เขานับถือเป็นพี่สาวอีกคนนั่นแหละมั้ง



ไม่รู้ทำไมวันนี้จู่ๆถึงเดินมาเรียกหาเขาดังลั่นสวนขนาดนี้ เห็นทุกวันก็ไม่เคยมาตามหรือมาเรียกเขาเลยสักครั้งนอกจากจะมีเรื่องด่วนจริงๆ



อาโปรีบเอาสายยางไปเก็บและปิดน้ำให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ทันจะได้เช็ดไม้เช็ดมือก็ถูกพี่แก้วลากตัวแถ่ดๆออกจากสวน ทำเอาอาโปต้องเดินตามพี่แก้วไปอย่างมึนๆไม่รู้ว่าจะรีบไปไหน อาโปขาแทบลากแถมตามพี่แก้วเกือบไม่ทัน



“รีบๆเลยโป คุณผู้หญิงถามหาโปแน่ะ” แก้วว่าพลางลากแขนเอาเด็กผู้ชายที่เธอตามหาแทบจะทั่วบ้านสุดท้ายก็ไปเจออยู่ตรงสวนของคุณผู้ชายเข้า



ตอนที่เธอกำลังเก็บอาหารบนโต๊ะหลังจากที่นายทั้งสองคนทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จู่ๆคุณผู้หญิงก็เอ่ยถามถึงอาโปและบอกให้เธอมาตามนี่แหละ



ทีแรกยายของอาโปก็บอกว่ามันคงอยู่ที่ห้องกำลังอ่านหนังสือแต่เมื่อแก้วไปหาก็ไม่พบจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาในบ้านแทนเผื่อว่าอาโปไปทำความสะอาดตรงซอกหลีบแถวไหนของบ้านและก็ยังไม่เจออีก



สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเดินหามันรอบๆบ้านจนมาเจออาโปยืนรดน้ำต้นไม้ด้วยความสบายอารมณ์ในสวนของคุณผู้ชายนี่แหละ เธอก็ไม่ได้บอกอะไรมันหรอกนอกจากลากมันไปหาคุณผู้หญิง อาโปมันก็คงงงไม่น้อยแต่เธอก็ช้าไม่ได้เพราะอีกไม่กี่นาทีคุณผู้หญิงก็ต้องตามคุณผู้ชายออกไปทำงานแล้ว



แก้วพาอาโปมาจนถึงห้องรับแขกของบ้านก็เห็นคุณผู้หญิงกำลังนั่งดูไอแพดเครื่องสวยอยู่บนโซฟา เมื่อคุณผู้หญิงเงยหน้าขึ้นมาก็เรียกอาโปเข้าไปหาโดยมียายของอาโปนั่งอยู่โซฟาข้างๆคุณผู้หญิงก่อนแล้ว



มันไม่ใช่ภาพที่แปลกตาอะไรมากนักที่จะเห็นหัวหน้าแม่บ้านขึ้นมานั่งเทียบกับคนเป็นนาย ยายเคยเล่าให้อาโปฟังว่าคุณผู้หญิงไม่ยอมให้ยายนั่งพื้นเลยสักครั้งเดียวตั้งแต่คุณผู้หญิงได้มาเป็นนายของบ้านหลังนี้ คุณผู้หญิงบอกว่ายายอายุเยอะแล้วและคุณผู้หญิงก็นับถือยายของอาโปมากๆจึงไม่สามารถให้ยายไปนั่งบนพื้นแล้วให้คนอายุน้อยกว่านั่งสูงกว่าได้



นี่แหละคือความใจดีและความไม่ถือตัวของคนบ้านนี้ที่ทำให้เหล่าข้าทาสบริวารนับถือและจงรักภักดีต่อเจ้านายของบ้านเป็นอย่างดี



“ไปไหนมาหือเจ้าโป เขาตามหาเอ็งกันให้วุ่น” ผู้สูงอายุที่สุดในห้องเอ่ยถามกับหลานของตนเอง ตอนแรกแกจะอาสาไปตามหลานชายด้วยตัวเองแต่คุณผู้หญิงก็ห้ามไว้ จึงสั่งให้แม่แก้วไปตามหาให้แทนแต่ก็เห็นมันวิ่งวุ่นอยู่เหมือนกันกว่าจะตามหาหลานของแกเจอ



“อยู่ที่สวนยาย โปรดน้ำต้นไม้ในสวนอยู่” อาโปนั่งลงบนพื้นข้างๆโซฟาตัวที่ยายนั่งโดยไม่ลืมยกมือไหว้คุณผู้หญิงของบ้านก่อน



“คุณผิงเธอมีเรื่องจะพูดกับเอ็งน่ะ เลยให้แม่แก้วไปตาม” ยายอธิบายให้หลานตัวเองฟังเมื่อเห็นมันยังนั่งขมวดคิ้วมองแกกับคุณผู้หญิงสลับกันงงๆ



“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” อาโปว่าพลางพยักหน้าทำความเข้าใจกับตัวเอง



อาโปหันไปหาคุณผู้หญิงที่ส่งยิ้มให้ อาโปจึงทำการยิ้มตอบกลับคุณผู้หญิงไป คุณผู้หญิงเป็นคนที่ถึงแม้อายุจะเข้าเลขสี่ไปแล้วแต่ก็ยังดูสาวและดูสวยอยู่เลยแถมยังเป็นคนใจดีมีเมตตาอีกด้วย



“ขอโทษทีนะจ๊ะอาโปที่จู่ๆก็ให้คนไปตามกะทันหันแบบนั้น”



นายหญิงของบ้านเอ่ยปากขอโทษเป็นอันดับแรก เห็นสภาพอาโปตอนเดินเข้ามาก็พอจะเดาออกว่าคงงงไม่น้อยและแก้วก็คงไม่ได้อธิบายอะไรให้อาโปฟัง ตอนที่เธอเห็นอาโปเดินเข้ามาในห้องรับแขกตอนแรกก็เชื่อสนิทใจเลยตอนที่อาโปเล่าว่ากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวน ก็ดูเสื้อผ้าของเจ้าเด็กน้อยนั่นสิ ยังเปียกเป็นรอยน้ำอยู่เลยด้วยซ้ำ



“ไม่เป็นอะไรครับคุณผู้หญิง โปแค่งงๆที่พี่แก้วพามาที่นี่เฉยๆน่ะครับ” อาโปยิ้มซื่อๆส่งให้คุณผู้หญิง



นายหญิงของบ้านมองเด็กผู้ชายที่เธอเห็นมาตั้งแต่แบเบาะด้วยความเอ็นดูจากนั้นก็เริ่มพูดเข้าเรื่องที่เป็นสาเหตุให้ต้องตามตัวอาโปมาหากันที่นี่



“พอดีฉันเห็นว่าช่วงนี้อาโปก็ปิดเทอมอยู่ เลยอยากจะให้อาโปช่วยไปทำงานให้ฉันสักหน่อยน่ะ”



อาโปตาวาวเมื่อได้ยินคำว่างาน ถ้าทำงานก็ต้องได้เงิน อาโปอยากจะตอบตกลงเร็วๆแต่ก็ต้องถามคุณผู้หญิงก่อนว่างานที่จะให้เขาทำมันคืองานอะไร ถ้าอาโปทำได้แน่นอนว่าอาโปต้องตอบตกลง



“งานอะไรหรือครับ?”



“งานเหมือนที่อาโปทำอยู่ที่บ้านนี่แหละจ่ะ อืม...จะเรียกว่าพ่อบ้านประมาณนั้นก้ได้แต่ฉันจะให้อาโปไปทำที่คอนโดลูกชายของฉันแทน พี่ไฟน่ะอาโปจำพี่เขาได้หรือเปล่า?”



เขานึกถึงลูกชายของคุณผู้หญิง จำได้ลางๆว่าเคยเล่นกับคุณเขาเมื่อตอนยังเด็กและตอนนั้นก็ยังไม่รู้ความอะไรมากนัก โตขึ้นเขาก็ไม่ได้เจอคุณไฟเลย ตอนนนี้ก็เลยนึกภาพคุณไฟตอนปัจจุบันไม่ออก



“โปจำไม่ค่อยได้แล้วครับ แหะๆ” อาโปส่งยิ้มให้คุณหญิงด้วยความเก้อเขิน



คนที่ถูกส่งยิ้มให้มองด้วยความเอ็นดูขึ้นไปอีก อาโปเป็นเด็กซื่อๆถ้าไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้หรือถ้ารู้ก็จะบอกว่ารู้ เป็นความใสซื่อที่ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำนั่นยิ่งทำให้ใครต่อใครต่างเอ็นดูหลานชายของหัวหน้าแม่บ้าน



เธอคิดหนักอยู่เหมือนกันที่จะส่งอาโปให้ไปทำงานที่นั่นแทนแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกไปแต่ทำไงได้เธอไม่ไว้ใจใคร อีกทั้งยังอยากให้อาโปมีรายได้ช่วงปิดเทอมด้วยจึงเลือกให้อาโปเป็นคนไปทำงานที่ห้องเจ้าลูกชายหัวดื้อของเธอ



“ไม่เป็นไร ฉันก็ลืมไปว่าอาโปกับไฟไม่เคยได้เจอกันเลยตั้งแต่ไฟเรียนมัธยม”



“ครับ”



“ฉันอยากให้อาโปไปช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินของเจ้าไฟ ทำความสะอาดห้องอะไรประมาณนี้แหละแต่ฉันอยากให้อาโปย้ายไปอยู่ที่คอนโดกับเจ้าไฟด้วยจะได้ไม่ต้องลำบากเวลาเดินทาง อาโปไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะห้องเจ้าไฟมีห้องนอนสองห้องน่ะ มีเหลือให้อาโปนอนอีกห้อง”



เธอว่ายิ้มๆเพราะอ่านแววตาอาโปออกตอนที่เธอบอกจะให้อาโปย้ายไปอยู่ห้องนั้นกับเจ้าไฟ เธอก็เอ็นดูอาโปเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งจึงไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องที่จะให้อาโปไปอาศัยอยู่ห้องเดียวกันกับลูกชายของตัวเอง



“อ่า...คุณผู้หญิงครับ อาโปทำงานได้ทุกอย่างตามที่คุณผู้หญิงบอกมาได้หมดเลยนะครับแต่ว่าเรื่องที่จะให้ไปนอน....”



“ไม่เป็นไรหรอกอาโป เดี๋ยวฉันจะบอกเจ้าไฟให้ ลูกชายฉันไม่ถือหรอกตอนเด็กๆเขายังบอกฉันอยู่เลยว่าอยากได้อาโปเป็นน้องชายอีกคน”



อาโปอยากจะแย้งเหลือเกินว่านั่นมันตอนเด็กแต่ตอนโตนี่สิแทบจะไม่เคยเจอกัน ไม่สิ...เรียกว่าเขากับคุณไฟไม่เคยเจอกันเลยสักครั้งตั้งแต่อาโปรู้ความเพราะคุณไฟไปเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่มัธยม พอขึ้นมหา’ลัยคุณไฟก็ย้ายไปอยู่คอนโดคนเดียวเวลาคุณไฟกลับบ้านอาโปก็ไปเรียนไม่ก็ทำการบ้านจึงไม่ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยงานยายเวลาคุณไฟกลับมาจึงเป็นสาเหตุที่เขากับคุณไฟไม่ได้เจอกันและเล่นกันเหมือนแต่ก่อนอีกเลย



“แต่คุณผิงจ๊ะ ยายว่าเรื่องที่ต้องให้เจ้าโปย้ายไปอยู่กับคุณไฟไม่ต้องก็ได้นะจ๊ะ ให้มันไป-กลับเอาก็ได้” ยายที่นั่งมองทั้งสองคนพูดคุยกันมานานก็พูดขึ้นบ้าง เธอเห็นด้วยและยินดีที่จะให้เจ้าโปมันไปทำงานแต่เรื่องที่จะให้เจ้าโปมันไปนอนที่นั่นเลยเธอว่ามันมากไปเพราะเกรงใจและไม่อยากตีตนเสมอท่าน ยังไงพวกเราก็เป็นเพียงคนใช้ในบ้านเท่านั้น



“ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันอยากให้อาโปช่วยดูๆเจ้าไฟมันให้ฉันด้วยว่าแอบพาใครเข้าห้องบ้างหรือเปล่า ยิ่งช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยกลับบ้านด้วย ฉันก็เป็นห่วงลูก ถ้าได้อาโปคอยเป็นหูเป็นตาให้ฉันก็คงจะห่วงลูกน้อยลง”



สองยายหลานหันมามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา จนสุดท้ายแล้วคนที่กตัญญูกับนายของบ้านและอยากตอบแทนบุญคุณเจ้านายที่มอบแต่สิ่งดีๆให้ก็ตอบตกลงกับสิ่งที่คุณผู้หญิงขอมาในที่สุด



“ครับคุณผู้หญิง ไม่ต้องห่วงนะครับโปจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”



คุณผู้หญิงของบ้านยิ้มรับ “ขอบใจมากนะจ๊ะอาโป งั้นพรุ่งนี้อาโปเริ่มงานได้เลยไหมจ๊ะหรืออาโปสะดวกวันไหนก็บอกฉันได้ ฉันตามใจอาโป”



“โปขอเวลาหนึ่งอาทิตย์นะครับคุณผู้หญิง”



“ได้จ่ะ ขอบคุณอาโปมากๆนะ เรื่องเงินฉันจะให้อาโปเดือนละหมื่นห้าหรืออาโปอยากได้มากกว่านั้นก็สามารถบอกฉันได้เลย”



อาโปตกใจกับจำนวนเงินที่คุณผู้หญิงบอกเพราะไม่คิดว่าแค่ทำพวกงานบ้านจะได้เงินเป็นหมื่นๆขนาดนี้แถมถ้าไม่พอใจคุณผู้หญิงยังบอกให้เรียกเพิ่มได้อีกแต่มันมากเกินไปอาโปจึงเสนอจำนวนเงินที่ต่ำลงมากว่าเดิมแทน



“แค่ห้าพันก็พอครับคุณผู้หญิง”



“น้อยไปหรือเปล่าอาโป อืม...งั้นหนึ่งหมื่นเนอะ ฉันไม่ให้ต่อแล้วนะอาโป เอาเป็นว่าตามนี้ก็แล้วกันส่วนวันหยุดหรืออาโปอยากจะกลับมาหายายที่นี่ก็ค่อยไปตกลงกับเจ้าไฟอีกทีนะจ๊ะ”



“ครับคุณผู้หญิง”



คุณผู้หญิงยิ้มอย่างพออกพอใจ จากนั้นก็ถึงเวลาที่คุณผู้หญิงต้องไปทำงาน อาโปกับยายจึงเดินมาส่งคุณผู้หญิงที่หน้าบ้าน เมื่อมองรถที่แล่นออกไปเรียบร้อยแล้วอาโปก็ถอนหายใจออกมาแล้วหันไปหายายที่อยู่ข้างๆกัน



อีกเหตุผลที่เขาไม่อยากไปนอนที่อื่นเพราะเขาจะนอนไม่หลับหากไม่มียายนอนด้วย เรียกว่าเขาเป็นคนติดยายเลยก็ว่าได้แต่ก็นะรับปากคุณผู้หญิงไปแล้ว พอถึงเวลาไม่หลับจริงๆก็คงต้องนอนข่มตาหรือนับแกะให้ตัวเองหลับนั่นแหละ



♥`•.¸¸.•´♥

.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺


แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Two



//


Fate exists but it can only take you so far, because once you're there.
It's up to you to make it happen.
ชะตาชีวิตน่ะ มันมีอยู่แล้วแต่ว่ามันพาคุณไปได้ไม่ไกลหรอก
เพราะชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเอง
(Can't Hardly Wait (1998))


//












อาโปยังคงทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนทุกวันๆไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร คงจะมีอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาให้ทำอีกหนึ่งอย่างในชีวิตตอนนี้คือการฝึกทำอาหารให้หลากหลายและรสชาติต้องดีเพราะคุณผู้หญิงบอกว่าคุณไฟเป็นคนที่ทานยากมากๆหรือเรียกอีกอย่างว่าเรื่องมากในเรื่องการทานอาหาร อันนี้คุณผู้หญิงเป็นคนกระซิบบอกอาโปมาอีกที



ดังนั้นอาโปจึงต้องเตรียมตัวโดยการฝึกทำอาหารกับยายและพี่แก้ว จริงๆเขาก็เป็นคนทำอาหารได้บ้างแต่ไม่มากนัก พอได้รับหน้าที่ให้ไปเป็นพ่อบ้านที่คอนโดคุณไฟอาโปจึงต้องมีการเตรียมตัวให้เป็นอย่างดีเพื่อที่จะไม่ทำให้คุณผู้หญิงต้องผิดหวังที่เลือกเขามาทำงานนี้



“อันนี้มันรสจัดไปนะโป คุณผู้หญิงบอกว่าคุณไฟเธอไม่ทานรสจัดนะ” แก้ววางช้อนลงหลังจากชิมอาหารที่อาโปทำเสร็จ



รสชาติทุกอย่างอร่อยดีเกือบเทียบเท่ากับที่ยายอาโปทำเลยแต่ติดอยู่นิดหน่อยเรื่องรสที่จัดเกินไป หากอาโปทำให้คนอื่นทานคงมีแต่คนชมว่าอร่อยแต่คุณไฟที่เธอได้ยินมาว่าไม่ทานรสจัด ถ้าได้ทานคงไม่ถูกปากกับอาหารรสชาติแบบนี้เป็นแน่



“โฮ...พี่แก้ว โปก็ใส่พวกเครื่องน้อยมากๆแล้วนะยังรสจัดอยู่อีกหรือ?” อาโปโอดครวญกับพี่แก้วที่วันนี้อาสาเป็นคนมาสอน



ไม่รู้ว่าโดนเรื่องทำอาหารรสจัดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ อาโปได้ยินแล้วก็เพลียทุกที ขนาดใส่เครื่องน้อยมากๆแล้วพี่แก้วก็ยังเอาแต่บอกว่าไม่ได้ รสชาติมันจัดเกินไป คุณไฟเขาคงไม่ทานแน่ๆ เขาได้ยินแต่คำพวกนี้จนจำขึ้นสมองได้แล้ว



“พยายามอีกนิดหน่าโป พี่ว่าอันนี้มันก็รสชาติจัดน้อยกว่าทุกครั้งที่โปทำแล้วนะแต่มันก็ยังจัดอยู่ โปลองลดปริมาณเครื่องลงอีกสักนิดสิพี่ว่ารอบนี้คงจะพอดีแน่ๆ”



“ฮึ่มมม~ คนอะไรก็ไม่รู้ไม่กินรสจัดแต่ชอบกินต้มยำ ย้อนแย้งเป็นบ้าเลย” เขาบ่นกับตัวเองเบาๆตอนที่เริ่มทำอาหารใหม่อีกครั้ง



“โปเบามือหน่อยนะ ค่อยๆใส่ทีละนิด ถ้าชิมแล้วว่ายังไม่ได้ก็ค่อยๆเติมอย่าหนักมือล่ะ”



อาโปพยักหน้าทำตามที่พี่แก้วบอก เขาค่อยๆใส่พวกเครื่องปรุงทีละนิดทีละน้อยพร้อมกับใช้ทัพพีคนให้เครื่องปรุงในหม้อเข้ากัน จากนั้นก็ตักขึ้นมาชิม



“หือ...จืดเป็นบ้า” ว่าพร้อมกับทำหน้าแหยะๆ คงเพราะเขาเป็นพวกชอบทานรสจัด พอได้มาชิมรสชาติที่ตัวเองปรุงใส่เครื่องน้อยๆมันก็เลยไม่ถูกปาก จืดเหมือนตอนดื่มน้ำเปล่าไม่มีผิดเลย



แก้วมองอาโปด้วยความขบขันแต่ก็ช่วยชิมแล้วบอกให้อาโปเพิ่มนั่นอีกนิดเพิ่มนี่อีกหน่อย พอคนให้เครื่องปรุงเข้ากันแล้วเธอก็ตักขึ้นมาชิมอีกรอบ



“ใช้ได้เลยนะเนี่ย” นิ้วโป้งของหญิงสาวถูกยกให้อาโปที่ยืนทำหน้าลุ้นอยู่ข้างๆ



“จริงหรือพี่แก้ว?” อาโปตาโตไม่อยากจะเชื่อ



“โปลองชิมดูสิ”



อาโปพยักหน้า หาช้อนมาตักชิมบ้าง ชิมคำแรกยังไม่ค่อยรู้รสชาติมากนักเขาจึงตักขึ้นมาชิมเป็นครั้งที่สอง รสชาติที่สัมผัสปลายลิ้นคือความกลมกล่อมอย่างพอดี ไม่จัดจ้านเหมือนอย่างที่อาโปชอบแต่ก็ไม่ได้อ่อนจนเกินไป อาโปจะจำเอาไว้ว่าหากทำอาหารให้คุณไฟทานต้องทำรสชาติแบบนี้



“อร่อย” ส่งยิ้มไปให้พี่แก้วด้วยความดีใจและภูมิใจในฝีมือตัวเอง



“โปจำรสชาติแบบนี้ไว้นะ เวลาไปทำให้คุณไฟจะได้ไม่ผิดพลาด”



“ครับพี่แก้ว”



จากนั้นแก้วก็สอนให้อาโปทำอาหารอีกสองสามอย่าง อาโปค่อยๆพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆจนแก้วก็อดที่จะชื่นชมเด็กหนุ่มไม่ได้ ต้องยอมรับเลยว่าอาโปเป็นเด็กที่หัวค่อนข้างหัวไวและทำทุกอย่างได้ดีเสมอ เธอหวังว่าการไปเป็นพ่อบ้านของอาโปครั้งแรกคงจะออกมาดีให้สมกับความตั้งใจของอาโปล่ะนะ



♥`•.¸¸.•´♥



“โปไม่อยากไปนอนที่คอนโดคุณเขาเลยยาย” ว่าพลางก็พับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ของตัวเองไปพลาง



อาโปไม่คิดว่าหนึ่งอาทิตย์จะผ่านไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ คงเป็นเพราะทุกๆวันอาโปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสนุกกับสิ่งที่ทำจึงไม่ได้คอยนับวันเวลา พอมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เสียแล้ว



“เอ็งรับปากคุณเขาแล้วก็ต้องทำให้ได้” ยายที่มาช่วยอาโปพับเสื้อและเก็บของกล่าว



“โปต้องคิดถึงยายกับทุกคนแน่เลย”



“เอ็งก็พูดไป ถ้าคิดถึงก็แค่กลับมาหา พูดซะเหมือนว่าจะไปอยู่ไกลกันนั่นแหละ”



“โธ่ยาย~ มันก็คล้ายๆกันนี่นา”



คนเป็นยายยิ้มขบขันหลานของตนเอง หลานเขาบทมันจะงอแงก็งอแงไม่เลิก เห็นมันบ่นแบบนี้กับทุกคนในบ้านตั้งแต่เช้า คนในบ้านก็คอยโอ๋มันเหมือนกันหมดตั้งแต่คนสวนยันแม่บ้าน จนจะเข้านอนแล้วมันก็ยังไม่หยุดบ่นเรื่องนี้สักที เห็นทีว่าการไปของมันครั้งนี้จะทำให้ทุกคนคิดถึงมันอยู่ไม่น้อยเลย



“รีบๆเก็บของเร็ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีกไม่ใช่หรือ?” เขารีบเร่งหลานตัวเองที่เก็บของไปนั่งเบะปากไปเหมือนจะร้องไห้



“เฮ้อ...” ทอดถอนหายใจกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วอาโปก็ไม่อาจนับได้



เด็กหนุ่มเลือกเก็บแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเพราะคิดว่าตนเองต้องกลับมานอนที่นี่บ่อยๆ มีพวกของใช้จำเป็น ของใช้ส่วนตัวและหนังสือเตรียมสอบเอาไปไว้อ่านเวลาว่างจากการทำงานที่นั่นอีกสองสามเล่ม



“อาโป” เสียงแหบๆของยายเรียกอาโปขึ้น



“จ๋ายาย” อาโปตอบรับพร้อมกับรูดซิบกระเป๋าของตนเองเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย



“ไปอยู่ที่นั่นก็ทำตัวดีๆล่ะ อย่าทำให้คุณท่านทั้งสองเธอผิดหวังที่เลือกเอ็งให้ไปดูแลลูกชายของเขา”



“แน่นอนจ่ะยาย โปจะทำตัวดีๆแล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดนะจ๊ะ ยายไม่ต้องห่วง”



“ดีแล้วล่ะ ยังไงคุณท่านทั้งสองก็มีพระคุณกับเราสองคนยายหลาน ถ้าหากไม่มีพวกท่านป่านนี้ข้ากับเอ็งก็ไม่รู้จะเป็นยังไง”



“โปรู้จ่ะยาย ถึงได้ไม่ปฏิเสธยังไงล่ะจ๊ะเรื่องที่คุณผู้หญิงขอ” เขาล้มตัวลงนอนบนตักของยาย



“อืม ดีแล้วล่ะที่เอ็งรู้จักกตัญญู ทำอะไรหรืออยู่ที่ไหนก็เจริญเชื่อยายสิ”



 “จ่ะยาย”



วันนี้อาโปเลื่อนเตียงของตัวเองไปติดกับเตียงของยาย พรุ่งนี้เขาจะต้องไปนอนที่อื่นแล้ว วันนี้จึงอยากจะนอนข้างๆยาย ได้นอนกอดยายซึมซับเอาความรักและความอบอุ่นเก็บไว้เป็นพลังตอนที่ต้องห่างไกลกัน



“โปรักยายนะ”



“อืม ข้าก็รักเอ็ง รักยิ่งกว่าชีวิต”



เขาน้ำตาซึมหลังจากที่ได้ฟังประโยคนั้นของยายจบ ไม่อยากจะห่างจากยายเลยสักวินาทีเดียวแต่ก็เป็นไปไม่ได้ในเมื่อชีวิตของเขาก็ต้องเรียนรู้การเติบโตและการใช้ชีวิต หากเขาเอาแต่ยึดติดกับยาย ห่างยายไม่ได้สักวินาทีเดียว ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากเดินตามยายต้อยๆแล้วเกาะยายกินไปวันๆ



โตได้แล้ว!



เป็นสิ่งที่เขาใช้บอกกับตนเองอยู่เสมอ เขาต้องโตขึ้นมากกว่าเมื่อวานและเขาก็ต้องเติบโตขึ้นทุกวันๆเพื่อเป็นเสาหลักให้กับยายและสามารถดูแลยายที่รักของเขาได้



♥`•.¸¸.•´♥



ก่อนอาโปจะออกจากบ้าน คุณผู้หญิงก็ยื่นคีย์การ์ดสำรองห้องของคุณไฟไว้ให้อาโปเก็บไว้ เธอบอกกับอาโปว่าถ้าหากไม่มีใครอยู่หรือเรียกแล้วไม่มีใครมาเปิดประตูให้ อาโปก็สามารถใช้คีย์การ์ดใบนี้เปิดเข้าห้องไปได้เลยเพราะเธอส่งข้อความไปบอกลูกชายของตนเองเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้จะมีคนไปหาที่ห้อง



ตอนแรกคุณผู้หญิงจะให้อาโปนั่งรถมากับคุณผู้หญิงด้วยแต่อาโปก็ปฏิเสธไปด้วยความเกรงใจ เขาไม่กล้าจะไปนั่งเทียบเท่าเจ้านายของตนเองหรอก ถึงแม้คุณท่านทั้งสองจะบอกว่าไม่ถือแต่อาโปก็ไม่ยอมอยู่ดี



สุดท้ายแล้วคุณผู้หญิงก็สั่งให้คนเรียกแท็กซี่ให้เพื่อจะพาอาโปไปส่งคอนโดลูกชายของเธอ อาโปปฏิเสธที่คุณผู้หญิงจะจ่ายเงินค่าแท็กซี่ให้แต่คุณผู้หญิงก็ไม่ยอมเช่นกัน จนแล้วจนรอดอาโปก็ต้องยอมรับเงินค่ารถจากคุณผู้หญิงอยู่ดี



ท่านมีเมตตาขนาดนี้อาโปคงต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพื่อตอบแทนความเมตตาของคุณท่านเช่นกัน



คอนโดสูงและหรูตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่ม เขากวาดสายตามองดูไปทั่วทั้งบริเวณที่มีแต่ความสะดวกสบายแต่จะติดแค่เรื่องรถราที่เยอะแยะมากมายเพียงแค่นั้นที่อาโปมองว่ามันดูวุ่นวายเกินไป



เขาเลือกเดินไปหาประชาสัมพันธ์ก่อนเป็นอันดับแรก บอกข้อมูลที่คุณผู้หญิงบอกอาโปไว้ก่อนมาที่นี่ ประชาสัมพันธ์ที่มีท่าทางใจดีก็ตรวจเช็คอยู่สักพักก็ปล่อยให้อาโปเดินเข้าลิฟต์ไป



ก๊อก ก๊อก...



เด็กหนุ่มยืนเคาะประตูห้องเป็นรอบที่สาม แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะถูกเปิดออก อาโปไม่แน่ใจว่าเขาสามารถเปิดเข้าไปเลยได้หรือเปล่า หากเปิดเข้าไปแล้วเจอคุณไฟอยู่ในห้อง อาโปก็กลัวว่าจะโดนคุณไฟด่าว่าไม่มีมารยาทที่เข้าห้องคนอื่นโดยพลการแบบนี้



แต่อาโปเคาะประตูห้องเป็นรอบที่สามแล้วจริงๆนะ!



อาโปเริ่มเคาะประตูห้องคุณไฟอีกครั้ง ตั้งมั่นไว้ว่าถ้าครบสิบครั้งแล้วคุณไฟยังไม่มาเปิดประตู อาโปจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปด้วยตัวเอง จะโดนด่าก็ช่างเถอะ ยังไงคุณหญิงก็บอกไว้แล้วนี่นาว่าเขาจะมา



ก๊อก ก๊อก...



เมื่อเคาะเป็นรอบที่สิบแล้วประตูก็ไม่มีท่าทีจะถูกเปิดออกจริงๆ อาโปจึงตัดสินใจแตะคีย์การ์ดลงหน้าประตูเพื่อจะได้เปิดเข้าห้องสักที



ห้องของคุณไฟเป็นโทนสีเรียบๆสบายตา มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมากๆจนอาโปคิดว่าแค่ปัดกวาดเช็ดถูนิดหน่อยก็คงพอ



เข้ามาในห้องแล้วเขาก็ไม่เจอเจ้าของห้องอย่างคุณไฟ จึงคิดเอาเองว่าคุณไฟคงจะไม่อยู่ที่ห้องจริงๆอย่างที่คุณผู้หญิงได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้า



อาโปเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องๆหนึ่ง มีโพสต์อิทแปะอยู่และเป็นสิ่งที่ทำให้อาโปเข้าใจแล้วว่าคุณไฟไม่อยู่จริงๆและห้องที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นห้องที่อาโปต้องใช้อยู่อาศัยหลับนอน



“ไปเรียน ห้องพ่อบ้าน”



อืม...ถึงสิ่งที่เขาเขียนจะสั้นไปหน่อยแต่ก็พอเข้าใจได้ล่ะนะ



คนที่พึ่งได้ห้องนอนของตัวเองเปิดประตูเข้าไปก็เจอเข้ากับเตียงหลังเล็กที่สามารถนอนได้เพียงคนเดียวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง มีตู้เสื้อผ้าสีน้ำตาลสวยๆและมีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ตรงปลายเตียง อาโปมองหาห้องน้ำในห้องแต่ก็พบว่าไม่มีจึงคิดว่าเขาคงต้องไปสำรวจข้างนอกดูอาจจะมีห้องน้ำอยู่ เวลาอาบน้ำก็คงต้องออกมาอาบข้างนอก



เขาใช้เวลาจัดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของตัวเองไม่นานเพราะมีเพียงไม่กี่อย่างและตัวเขาก็เอามาน้อยเหลือเกิน พอจัดเสร็จอาโปก็เริ่มทำหน้าที่ของตนเองต่อเลยทันที



อย่างแรกที่เขาทำคือการทำความสะอาดห้อง อาโปไม่รู้ว่าคุณไฟจะกลับมาตอนไหนจึงไม่สามารถเตรียมเวลาทำอาหารได้ถูก ถ้าทำล่วงหน้าไว้ก็กลัวอาหารมันจะชืดไปก่อน อาโปจึงจำเป็นต้องรอคุณไฟเขากลับมา



พ่อบ้านคนใหม่ใช้เวลาทำความสะอาดและจัดของภายในห้องรับแขกอีกนิดหน่อยก็เกือบๆสองชั่วโมง ระหว่างทำความสะอาดก็ถือโอกาสสำรวจห้องคุณไฟไปด้วยและอาโปก็พบว่าข้างนอกไม่มีห้องน้ำให้อาโปใช้เลยและที่ทำอาโปหนักใจไปกว่านั้นคือห้องน้ำมันดันมีอยู่แค่ในห้องนอนของคุณไฟเพียงห้องเดียว



คนตัวเล็กที่เมื่อทำความสะอาดเสร็จก็เอาอุปกรณ์ต่างๆไปเก็บให้เรียบร้อยเป็นที่เป็นทาง เมื่อเช้าเขาตื่นมาตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันเพราะนอนไม่หลับเนื่องจากตื่นเต้นเรื่องที่จะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ พอมาตอนนี้หนังตาก็ชักจะเริ่มปิดลงทุกทีแล้ว อาโปจึงเดินเข้าห้องตัวเองไป ล้มตัวลงนอนขออนุญาตคุณไฟอู้งานนิดหน่อยแต่รับรองว่าเขาจะตื่นขึ้นมาก่อนที่คุณไฟจะกลับมาแน่นอน



♥`•.¸¸.•´♥



เจ้าของห้องชุดในคอนโดหรูเปิดประตูก้าวเท้าเข้ามายังห้องของตนเองที่ผู้เป็นบิดาซื้อไว้ให้ มือข้างหนึ่งล้วงโทรศัพท์ออกมาดูก็เห็นข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นมาตรงหน้าจอทำเอาเขาต้องขมวดคิ้ว



“แม่ให้พ่อบ้านคนใหม่ไปหาลูกที่ห้องแล้วนะคะ”



เขายืนมองข้อความนั้นนิ่ง สุดท้ายก็เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงตนเองเหมือนเดิม พยายามจะมองหาพ่อบ้านที่แม่ส่งมาให้ เขาจำได้ว่าแม่ส่งหลานของหัวหน้าแม่บ้านมาเป็นพ่อบ้านให้เขา เจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยกที่เขาเคยเล่นด้วยสมัยยังเด็กๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นจะโตขนาดไหนแล้วเหมือนกัน ไม่ได้เจอกันนานมากๆแล้ว



เมื่อไม่พบตัวพ่อบ้านที่แม่ส่งมา ไฟจึงคิดว่าเจ้าเด็กนั่นคงต้องอยู่ในห้อง เขาเลยเดินไปยังหน้าประตูห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องของเขาและพึ่งยกให้อีกคนไปเมื่อเช้านี้โดยการเขียนโพสต์อิทแปะไว้ เคาะมันเบาๆสองสามที่ก็ไม่เห็นวี่แววจะมีคนมาเปิดเลยถือสิทธิ์การเป็นเจ้าของห้องเปิดเข้าไปในห้องทันทีโดยไม่มีการเคาะเรียกซ้ำอีก



ภาพแรกที่เขาเห็นคือคนตัวเล็กที่กำลังนอนกอดผ้าห่มจนกลายเป็นก้อนๆ ใบหน้าของเด็กคนนั้นแนบลงกับหมอนจนแก้มที่คงจะป่องในยามปกติมันย้วยออกมาเป็นภาพที่น่าเอ็นดูไม่น้อย ริมฝีปากเล็กทำเสียงแจ๊บๆพร้อมกับยกมือของตนเองขึ้นมาเขี่ยจมูกไปมาแล้วจากนั้นก็พลิกตัวนอนไปอีกทางทำให้คนที่กำลังยืนดูไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพ่อบ้านคนใหม่ได้อีก



คนเป็นเจ้าของห้องส่ายหน้าระอา มาวันแรกก็อู้เลยสินะพ่อบ้านคนใหม่



เขาไม่ได้ปลุกให้เด็กคนนนั้นตื่นขึ้นมา ไฟทำเพียงปิดประตูห้องของอีกคนเบาๆจากนั้นจึงเดินไปจัดการชำระร่างกายของตัวเองในห้อง วันนี้แดดออกมากกว่าปกติ อีกอย่างเขาก็พึ่งไปเล่นฟุตบอลมากับกลุ่มเพื่อนตนเอง คราบเหงื่อใคลพวกนี้จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาต้องไปอาบน้ำเพื่อจะได้สบายตัว



♥`•.¸¸.•´♥


คนที่บอกกับตัวเองไว้ว่าจะตื่นก่อนที่เจ้าของห้องจะมาไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้เสียแล้ว ในเมื่อตอนนี้เจ้าของห้องตัวจริงกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องนอนของเขา ส่วนเจ้าตัวที่แอบอู้นอนยังคงหลับอุตุไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักที



“อืม...แจ๊บๆ” ไม่ตื่นไม่พอ เจ้าตัวยังคงนอนหลับสบายฝันหวานจนยิ้มออกนอกหน้านอกตาอีก



เจ้าของห้องที่กะว่าอาบน้ำเสร็จแล้วจะออกมาเห็นพ่อบ้านคนใหม่ยืนรออยู่ที่ห้องรับแขกก็ต้องคิดผิดเมื่อเขาอาบน้ำเสร็จและเดินออกมาจากห้องก็พบเจอแต่ความว่างเปล่า ทำให้ตอนนี้เขาต้องกลับเข้ามายืนยังห้องนอนข้างๆตนเองอีกรอบ



ดูท่าถ้าเขาไม่ปลุก เจ้าตัวเล็กนี่ก็คงไม่มีทางตื่นแน่ๆ



แปะๆ



ตบเข้าที่ข้างแก้มย้วยๆสองทีแต่คนถูกกระทำกลับยกมือของตัวเองขึ้นมาปัดออกด้วยความรำคาญ แถมยังงึมงำบ่นอะไรที่ฟังไม่ได้ความอีก



แต่ไฟยังไม่ยอมแพ้ ถ้าหากเจ้าเด็กนี่ไม่ตื่นเขาก็จะตบแก้มเจ้าเด็กนี่จนกว่าจะตื่น ถ้าหากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าแก้มของตนแดง เด็กนี่ก็ไม่สามารถมาโวยเขาทีหลังได้หรอกนะ ก็ใครสั่งให้ขี้เซาขนาดนี้กัน



แปะๆ แปะ



“ฮื่อออ~~”



ไฟขมวดคิ้วมองพ่อบ้านของตนเอง ตบจนแก้มขึ้นรอยนิ้วของเขาจะครบห้านิ้วอยู่แล้ว พ่อบ้านคนใหม่ก็ยังคงไม่ตื่นสักทีทำเพียงแค่ครางฮือแล้วเอามือปัดป้องออกเพียงแค่นั้นแล้วอย่างนี้เขาควรต้องทำยังไงต่อ จะปลุกหรือจะปล่อยให้นอนแบบนี้ไปเลยดี



“ไม่ตื่นจริงๆสินะ”



เขาพึมพำกับตนเองเมื่อตอนนี้เด็กขี้เซากำลังเอาผ้าห่มคลุมโปงตัวเองไว้เพื่อหลีกหนีสิ่งรบกวน ไฟได้แต่ขมวดคิ้วมองแล้วก็ถอนหายใจเงียบๆ



ก็คงต้องปล่อยให้นอนจริงๆ



คนเป็นเจ้าของห้องถอดใจแล้วเดินออกมาจากห้อง ล้มตัวลงนั่งที่โซฟาตรงห้องรับแขกจากนั้นก็เปิดโทรทัศน์ให้อยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่เขากำลังทำงาน



งานของเขาก็ไม่ได้มีอะไรมากนอกจากงานกฎหมายที่อาจารย์มอบให้นักศึกษาทำหลังจากจบคลาสเรียน มันไม่ได้ยากอะไรสำหรับเขาเลยเพราะเขาเข้าใจเนื้อหาเป็นอย่างดี



ไฟไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรมากนัก เขาเพียงแค่อ่านและทำความเข้าใจมันเลยทำให้หลายๆคนคิดว่าเขาเรียนเก่ง ก็ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องอ่าน ถ้าหากอ่านแล้วไม่เข้าใจอีกก็แค่ถามอาจารย์ไม่ก็ถามผู้ที่รู้และเข้าใจในเรื่องนั้นๆ มันก็ไม่ได้ยากหรือหนักหนาอะไรขนาดนั้นและนั่นจึงทำให้เขาสามารถเรียนวิชากฎหมายผ่านไปได้ด้วยดีโดยไม่คิดจะซิ่วหรือลาออกไปตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่ง



เขาทำงานไปเรื่อยๆและหวังว่าระหว่างนี้เขาจะเห็นพ่อบ้านที่แม่ส่งมาตื่นขึ้นแล้วมาออกมาข้างนอกห้องสักที แต่จนแล้วจนรอดไฟก็ยังไม่เห็นทีท่าว่าเด็กคนนั้นจะออกมาเลยสักนิด



เขาเก็บงานวิชากฎหมายที่พึ่งทำเสร็จเอาไว้ในห้องนอน ออกมาปิดโทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ วันนี้คงไม่ได้ทานอาหารจากพ่อบ้านคนนี้ ไฟก็ต้องออกไปหาอะไรใส่ท้องข้างนอกนั่นแหละ ถ้ารอเด็กคนนี้ตื่นคาดว่าเขาคงกลายเป็นโรคกระเพาะไปเสียก่อน



♥`•.¸¸.•´♥

.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺


ขอบคุณสำหรับการติดตามนะค้าา หลักๆคือเราจะลงเรื่องนี้ศุกร์-เสาร์เพราะเขียนได้หลายตอนแล้ว ถ้าหากเขียนจนจบแล้วจะมาลงให้เรื่อยๆนะคะ แล้วก็ถ้าหากมีเหตุอะไรไม่ได้มาลงก็จะแจ้งในทวิตเตอร์กับเฟสบุ๊คให้ได้ทราบเด้อ
ปล.เราใกล้เปิดเทอมแล้วจะพยายามลงเรื่องนี้ให้จบก่อนเปิดเทอมน้าาา

แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:






ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คุณพ่อบ้านขี้เซา รอตอนต่อไปนะคะ~~

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Three



//



 People makes mistake. You should forgive.
คนทุกคนสามารถผิดพลาดกันได้ คุณควรที่จะยอมให้อภัย
(Stepmom (1998))


//














อาโปงัวเงียตื่นขึ้นในเวลาต่อมา เขาลืมตาและปรับสภาพตัวเองอีกนิดหน่อยก็ยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน มองซ้ายมองขวาอย่างมึนๆเพราะยังไม่ค่อยคุ้นชินกับสถานที่ใหม่



“ฮ้าววว~~”



อ้าปากหาวจนน้ำตาเล็ดไปหนึ่งทีก็เดินออกมาดูข้างนอก เขาโล่งอกที่ออกมาแล้วไม่เจอคุณไฟ สงสัยจะยังไม่กลับแต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าคุณไฟกลับมาแล้วเห็นเขานอนอู้อยู่ในห้องน่ากลัวว่าจะโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรก



อาโปรู้สึกอยากล้างหน้าล้างตาและชำระร่างกายของตนเองแต่เขาก็ทำไม่ได้ในเมื่อห้องน้ำที่ต้องใช้มันดันอยู่ในห้องนอนของคุณไฟซะนี่



“เฮ้อออ...”



ถอนหายใจแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นพรมหน้าโซฟาที่คงจะแพงกว่าค่าจ้างอาโปหลายเท่า มองนู่นมองนี่ไปเรื่อยๆด้วยความเบื่อหน่าย ถ้าเขาอยู่บ้านตอนนี้ก็คงกำลังช่วยยายทำอาหารไม่ก็ออกไปคุยเล่นกับต้นไม้ใบหญ้าในสวนของคุณผู้ชาย พอสักทุ่มสองทุ่มเขาก็ไปนั่งทานอาหารกับยาย พี่แก้ว ลุงชม พี่เจ๋งและเหล่าคนงานในบ้าน จากนั้นก็พากันแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน เขาได้นอนในห้องเดียวกับยาย ได้อยู่ใกล้ๆยายและหลับสบายและฝันดีเหมือนทุกๆคืน แค่คิดก็ทำเอาคิดถึงทุกคนที่บ้านหลังใหญ่อีกแล้ว



อาโปตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบในตู้เย็นที่พอจะทำอาหารได้ก็เห็นเพียงแค่ไข่และแตงกวา เขายืนคิดเมนูสักพักก็ได้เป็นผัดแตงกวาใส่ไข่กับไข่เจียวธรรมดา มีข้าวสวยร้อนๆปิดท้าย เมนูที่แสนธรรมดาแต่อร่อยอย่าบอกใครเชียว



เขาจัดการทำทุกอย่างด้วยตนเองตั้งแต่ล้างไปจนถึงปรุง ตอนแรกที่กะว่าจะรอให้คุณไฟกลับมาเขาก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป อาโปคิดว่าทำอาหารไว้เตรียมรอก็คงไม่เสียหายอะไร ถ้ามันไม่ร้อนก็ค่อยเอาไปอุ่นก็ได้ ดีกว่าคุณไฟกลับมาหิวๆแล้วไม่มีอะไรให้ทานลงท้องเลย



เด็กหนุ่มพยักหน้ากับความคิดตัวเองด้วยรอยยิ้ม ฮึมฮัมเพลงอย่างมีความสุขขณะทำอาหารไปด้วย เคยได้ยินพี่แก้วบอกว่าถ้าร้องเพลงหรือฮัมเพลงขณะกำลังทำอาหารอยู่จะได้แฟนอายุมากกว่าแต่อาโปสนที่ไหนล่ะถ้ามันจะได้มันก็คงจะได้มาตั้งนานแล้ว



อาโปหยิบจับทุกอย่างในครัวอย่างคล่องมือ ใส่นู่นเติมนี่ในผัดแตงกวาอีกนิดหน่อยก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย ใช้ช้อนตักขึ้นมาชิมก็ต้องยิ้มกว้างกับผลลัพธ์ที่ออกมา



“ฮี่ๆๆ~~ อร่อยจริงๆเล้ยยย”



ทำไปก็ชมตัวเองไปอยู่อย่างนั้น ขนาดตอนตักใส่จานยังชมตัวเองได้อีกว่าตักได้เก่งไม่เลอะขอบจากสักนิดเดียว



เจ้าตัวเล็กที่มัวแต่ยุ่งอยู่หน้าเตาไม่ได้รู้เลยว่ามีใครอีกคนกำลังยืนกอดอกมองตนอยู่ตอนนี้ คงจะมัวแต่ยุ่งกับการทำอาหารจนไม่ได้สนใจอะไรเลยสินะ



ไฟไม่ได้เรียกให้พ่อบ้านที่ตื่นมาทำอาหารให้เขารู้ตัวว่าเขาอยู่ตรงนี้ เขาทำเพียงแค่ยืนมองเจ้าตัวนิ่งๆ ดูไปก็เพลินสายตาเหมือนดูสารคดีสัตว์โลกอยู่เหมือนกัน



“เสร็จแล้ว~~”



ตบมือเปาะแปะดีใจเหมือนแมวน้ำไม่มีผิดเพี้ยนเลย



เขามองคนตัวเล็กทำนู่นทำนี่อยู่ในครัวของตัวเองด้วยความคล่องแคล่ว ไม่น่าเชื่อว่าเด็กอายุเท่านี้แถมยังเป็นผู้ชายจะเก่งเรื่องงานครัวไม่แพ้แม่ครัวที่บ้านใหญ่เลย



อืม...แต่ยังไม่ได้ชิมรสชาติอาหารที่พ่อบ้านคนใหม่ทำเขาก็คงไม่สามารถสรุปอะไรได้ตอนนี้หรอกนะ



ดีที่เขาทานอาหารมาไม่มากนัก ไม่งั้นคงไม่สามารถจะทานอาหารของเจ้าตัวเล็กได้อีกแน่ๆ



เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวเล็กยืนปรบมือเปาะแปะอยู่คนเดียวในห้องครัว



“เยสสส เสร็จสักที!”



เด็กคนนั้นยุ่งวุ่นวายกับจานอาหารอีกนิดหน่อยก่อนที่จะผงะตกใจเกือบทำจานผัดแตงกวาใส่ไข่ตกลงพื้นเมื่อเขาหันมาเจอว่ากำลังมีคนกอดอกมองเขาอยู่



“โอ๊ะ!...คุณ?” เจ้าของผัดแตงกวาใส่ไข่เอียงหน้ามองเขางงๆบวกกับอาการตกใจที่เห็นใครอีกคนอยู่ในห้องนี้ด้วยกัน




“ไฟ” เขาตอบสั้นๆแต่ก็สามารถทำให้เด็กคนนั้นตาโตอ้าปากค้างได้



“ค..คุณไฟ”



เขาพยักหน้าขึ้นลงตอบรับการเรียกชื่อ



“ทำอะไร?” ไฟเดินเข้าไปหาอาโปที่ทำหน้าไม่ถูกที่จู่ๆเจ้านายคนใหม่ก็โผล่มาแบบกระทันหันแบบนี้



“ทะ....ทำอาหารให้คุณไฟครับ”



เสียงสั่นขนาดนี้คงกลัวเขาน่าดู “อืม”



กลิ่นหอมใช้ได้...



น่าตาก็ดูดี...



แต่รสชาติ?...



“ตั้งโต๊ะ”



อาโปเกือบจะถามออกไปแล้วว่าอะไรแต่ก็ยั้งปากตัวเองไว้ทัน พยักหน้าขึ้นลงแล้วลนลานเอาอาหารไปวางไว้ตรงโต๊ะกินข้าวข้างนอกห้องครัวที่แบ่งโซนกั้นไว้กับห้องรับแขก



“สะ...เสร็จแล้วครับ”



ไฟไม่ได้ตอบรับอะไรนอกจากนั่งลงบนเก้าอี้ กวาดตามองอาหารบนโต๊ะอีกครั้งก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเจ้าของอาหารพวกนี้



ยืนสั่นงกๆเลย



“มากิน”



คนโดนชวนยังทำหน้างง จู่ๆคุณไฟก็พูดขึ้นเขาเลยไม่รู้ว่าคุณไฟพูดถึงอะไร



“คะ...ครับ?”



“มากิน”



อ่า...อาโปคงต้องตีความคำพูดคุณไฟเองสินะ



มากินที่คุณไฟพูดคงหมายถึง มากินด้วยกัน ใช่! อาโปคิดว่าต้องใช่แน่ๆ



“คุณไฟชวนผม...ทานหรือครับ?”



คนโดนถามเป็นรอบที่สองถอนหายใจ พยักหน้าขึ้นลงและตอบรับในลำคอ



“อือ”



“เอ่อ..ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมยังมะ...”



โครกกก~~



น่าอาย! น่าอายจริงๆ ทำไมท้องของอาโปต้องมาร้องเอาตอนที่กำลังจะพูดว่าไม่หิวด้วยนะ อายเป็นบ้าเลย



“ไม่หิว?” ไฟกระตุกยิ้มมุมปากมองคนที่ลูบท้องตัวเองเพื่อให้มันสงบลง



“เอ่อ...คือ..” อาโปหิวแต่ไม่กล้าทานร่วมโต๊ะกับเจ้านายเท่านั้นเอง



“หิวก็กิน”



“แต่...”



“กิน”



“คุณไฟครับ..”



“กิน”



“ครับ” พยักหน้าขึ้นลงด้วยความจำยอม เดินไปตักข้าวใส่จานแล้วเดินเอาออกมาทานกับคุณไฟที่โต๊ะทานอาหาร



อาโปนั่งลงตรงข้ามกันกับคุณไฟ เขายังคงมีอาการเกร็งและกลัวคุณไฟนิดๆ ไม่เคยเจอคนที่ทำหน้านิ่งๆและพูดน้อยแบบนี้มาก่อนเลย



“กิน” เพราะเห็นว่าคนตรงข้ามไม่ยอมทานข้าวสักที ไฟจึงต้องบอกแบบนี้อีกครั้ง



“ครับ ทานครับ”



เป็นการทานอาหารที่เกร็งที่สุดในโลกแล้วก็ว่าได้ อาโปแทบอยากจะยัดข้าวเข้าปากเร็วๆแล้วรีบๆอิ่มจะได้ออกจากบรรยากาศกระอักกระอjวนแบบนี้สักที



ก็คงได้แค่คิดเพราะตอนนี้เขาตักข้าวเข้าปากยังไม่ถึงครึ่งท้องเลยด้วยซ้ำ



“ชื่อ?” คุณไฟถามอาโปตอนที่อาโปดื่มน้ำเสร็จแล้ว



“อาโปครับ”



“อือ”



คุณไฟไม่ได้ถามอาโปอีก เขามองคุณไฟที่ลุกขึ้นจากโต๊ะจากนั้นก็ทำสิ่งที่อาโปต้องตกใจและลนลานลุกขึ้นยืนตามคุณไฟทันที



“ผมเก็บเองครับคุณไฟ” เขารีบเก็บเอาจานอาหารที่ว่างเปล่าเอาไว้กับตัวเมื่อเห็นคุณไฟกำลังจะเก็บพวกนั้นไปจริงๆ



“อือ”



อาโปถอนหายใจอย่างโล่งอกตอนที่เห็นคุณไฟเดินออกไปจากโต๊ะทานข้าว รู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นมาทันทียังไงก็ไม่รู้



เขาจัดการเก็บโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อย เดินกลับไปยังห้องครัวอีกครั้งเพื่อจะได้ทำความสะอาดจานและอุปกรณ์ในครัวที่เขาพึ่งใช้เสร็จให้เรียบร้อย



“เฮ้ย!..” แต่ก็ต้องตกใจอีกเมื่อหันมาเห็นว่าคุณไฟกำลังยืนจ้องเขาอยู่จากข้างหลัง ที่ตกใจไปกว่านั้นคือเขาไม่คิดว่าคุณไฟจะเข้ามาใกล้เขาขนาดนี้ หน้าจะชนอกคุณเขาอยู่แล้ว



“อาบน้ำห้องฉัน”



อาโปพยักหน้าขึ้นลงทั้งที่ไม่เข้าใจเลยว่าคุณไฟพูดถึงเรื่องอะไรแต่จะมารู้ตัวตอนนี้ว่าตัวเองไม่เข้าใจก็สายไปเสียแล้วในเมื่อคนที่เข้ามาบอกประโยคสั้นๆได้เดินออกไปทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ



♥`•.¸¸.•´♥



“อาบน้ำ”



“ครับ?” อาโปไม่อยากจะงงแต่ก็งงทุกครั้งที่คุณไฟพูด



“ไปอาบน้ำ” ว่าพลางก็ชี้ไปยังทิศทางห้องของเขา



คงหมายถึงให้ผมไปอาบน้ำในห้องของเขา ใช่ไหมนะ?



“ผมใช้ห้องน้ำในห้องคุณไฟได้ใช่ไหมครับ?”



“อืม”



“คุณไฟไม่ถือนะครับ?”



“อืม”



“งั้น...รบกวนด้วยนะครับ”



“อืม”



เป็นการสนทนาที่สั้นๆง่ายๆและได้ใจความโดยที่ไม่ต้องพูดอธิบายอะไรให้ยาวเหยียด



อาโปคิดว่าสิ่งที่เขาต้องทำเพิ่มจากหน้าที่การดูแลห้องนี้ให้คุณไฟแล้ว อาโปก็จำเป็นที่จะต้องแปลภาษาของคุณไฟให้ออกเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงฟังภาษาคุณไฟไม่เข้าใจแน่ๆ



“เข้ามา”



พ่อบ้านคนใหม่เดินตามเจ้านายคนใหม่เข้าห้องไปอย่างเชื่อฟัง คุณไฟชี้ไปทางห้องน้ำ อาโปก็พยักหน้าตอบรับแล้วจึงเดินไปยังทิศทางนั้นที่คุณไฟชี้บอกมา



ใช้เวลาไม่นานอาโปก็เดินออกมายิ้มแฉ่งส่งให้คุณไฟที่นอนอยู่บนเตียง แต่ถึงจะยิ้มยังไงก็ปิดบังความประหม่าของอาโปเวลาได้เจอคุณไฟไม่ได้อยู่ดี



“ขอบคุณนะครับคุณไฟ”



ไฟมองเด็กที่พึ่งอาบน้ำเสร็จอยู่ในสภาพเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นเลยออกมาจากเสื้อนิดเดียว หากใครเห็นก็คงต้องบอกว่าน่าเอ็นดู ขนาดเขายังคิดแบบนั้นเลย...



“อือ ใช้ได้ตลอด”



“ครับ”



อาโปเดินออกมาจากห้องคุณไฟแล้วเข้าห้องของตัวเอง ตลกตัวเองอยู่เหมือนกันเวลาที่ไม่มีคุณไฟอยู่เขาจะโล่ง อกโล่งใจทุกที



เขาอยากโทรหายายแต่ติดที่ว่ายายคงหลับแล้วจึงคิดเอาว่าค่อยโทรหาตอนเช้าจะดีกว่า



ล้มตัวลงนอนแล้วมองเพดานห้องเพราะนอนไม่หลับ ก็เล่นหลับไปนานขนาดนั้นคงจะข่มตาหลับตอนนี้ลงอยู่หรอก



อาโปลุกขึ้นอีกครั้ง หาหนังสือเตรียมสอบที่พกมาด้วยออกมาจากกระเป๋าเป้  เปิดประตูออกมายังห้องรับแขกที่มืดสนิท เขาไม่กล้าเปิดไฟกลัวมันจะเปลืองจึงกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วเอาเทียนหอมที่พกมาด้วยออกมาจุดไฟจากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องรับแขก



เด็กหนุ่มนั่งลงตรงพรมหน้าโซฟา วางเทียนหอมและหนังสือไว้บนโต๊ะจากนั้นก็เริ่มเปิดหนังสืออ่านเพื่ออ่านเนื้อหาข้างใน



เขายืดเส้นยืดสายหลังจากที่นั่งอ่านหนังสือมาสักพัก ไล่ความเมื่อขบออกไปจากร่างกายก็ก้มลงอ่านหนังสือต่อ ไม่ทันได้สังเกตเลยว่ากำลังมีคนยืนมองตัวเองอยู่



“มืด” อาโปมองคุณไฟที่เดินมาหยุดตรงหน้าเขา



“คุณไฟ” ครางเรียกชื่อเขาเสียงเบา



“เปิดไฟ”



“ไม่เป็นไรครับ”



“เปิดไฟ”



“ผมมีเทียนแล้วครับ” ชี้ไปที่เทียนหอมที่อยู่บนโต๊ะ



“เปิด”



“ไม่เป็นไรจริงๆครับ”



“ไปเปิด”



“อ่า...ครับเปิดก็เปิด”



อาโปถอนหายใจเบาๆไม่ให้คุณไฟได้ยินตอนที่ตัวเองเดินผ่านเพื่อจะไปเปิดไฟตามคำสั่งของคุณไฟ



ห้องรับแขกสว่างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพ่อบ้านคนใหม่กดสวิตซ์เปิดไฟตามคำสั่งของเจ้านาย



“ดี” ไฟว่าจบก็เดินไปทางห้องครัว



อาโปมองตามคุณไฟไปจนลับสายตา อยากจะเดินเข้าไปถามคุณเขาอยู่เหมือนกันว่าต้องการอะไรหรือเปล่าแต่ก็กลัวโดนไล่ออกมา เลยเลือกที่จะกลับมานั่งอ่านหนังสือต่อโดยไม่ลืมจะดับเทียนหอมที่จุดไว้ลง



พ่อบ้านคนใหม่มองเจ้านายตัวเองเดินออกมาจากห้องครัว เขาไม่ได้พูดหรือบอกอะไรกับอาโปอีกนอกจากจะเดินเข้าห้องนอนของเขาไปเฉยๆ



กว่าอาโปจะง่วงก็ตอนเกือบห้าทุ่ม เขาเก็บหนังสือและเทียนหอมตัวเองเข้าไปไว้ในห้อง ออกมาตรวจตราห้องรับแขกและห้องครัว เมื่อพบว่าไม่มีอะไรแล้วก็ปิดไฟเข้าห้องนอนของตัวเอง



วันแรกของการอยู่ที่นี่อาโปคิดเอาไว้ว่าเขาคงข่มตาตัวเองหลับยากเพราะไม่มียายอยู่ด้วย แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กที่เคยงอแงกับยายว่าจะนอนไม่หลับกลับหลับลงทันทีที่หัวถึงหมอน ไม่ต้องนับแกะอะไรให้เหนื่อยและยุ่งยากเลยสักนิดเดียว



♥`•.¸¸.•´♥



เด็กหนุ่มที่ได้รับหน้าที่ในการดูแลห้องของคุณไฟตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้า เขาไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำในห้องของคุณไฟเพราะเกรงใจ นี่ก็ยังเช้าอยู่มาก อาโปจึงย้ายตัวเองไปที่ห้องครัวแทน เอาน้ำในครัวโปะๆหน้าให้สดชื่นจากนั้นก็จัดการทำอาหารเช้าง่ายๆเตรียมไว้ให้คุณไฟอย่างข้าวต้มหมู



กลิ่นอาหารลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้องทำเอาคนพึ่งตื่นงัวเงียเดินมาตามกลิ่นทั้งที่ตาก็ยังคงเปิดไม่สนิท เขาเดินมาถึงห้องครัวก็เห็นแผ่นหลังเล็กของใครสักคน คนพึ่งตื่นเดินเข้าไปสวมกอดเจ้าของแผ่นหลังเล็กจากนั้นก็สูดดมความหอมจากลำคออย่างชื่นใจ



คนที่ถูกกอดสะดุ้งตกใจทำอะไรไม่ถูก มือที่กำลังคนข้าวต้มร้อนๆก็หยุดชะงักลงตอนที่อีกคนก้มลงมาหอมที่ซอกคอ



“คะ..คุณไฟ” เขาตะกุกตะกักพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมแขนคุณไฟ



“อือ...หอม”



อาโปเบี่ยงหน้าหนีคนที่เคลื่อนจมูกไปทั่วเนื้อตัวของเขา อยากจะผลักคุณไฟออกแรงๆแต่ติดที่ว่าไม่กล้าพอ



“คะ...คุณไฟครับ ปล่อยผมก่อนเถอะครับ”



“อือ”



อาโปแกะมือคุณไฟออกช้าๆแต่พอแกะใกล้จะได้แล้วคุณไฟกลับรัดวงแขนตัวเองแน่นขึ้นอีกทำเอาอาโปอยากจะร้องไห้กลับไปฟ้องยายที่บ้านเลยจริงๆ



“คุณไฟครับ คุณไฟ!” เขาเรียกคุณไฟด้วยเสียงที่ดังมากขึ้นพร้อมกับเบี่ยงตัวและผลักคุณไฟออกแรงๆตอนที่อีกคนกดจมูกลงข้างแก้มของเขา



“อาโป?” คนที่พึ่งได้สติและตื่นเต็มตามองพ่อบ้านคนใหม่ด้วยความงงงวย เด็กอาโปทำหน้าไม่พอใจอยู่ตรงหน้าเขา



อ่า...เมื่อกี้คงจะทำอะไรไม่ดีกับเด็กมันแน่ๆ



“ครับ” เสียงอาโปทั้งสั่นทั้งแข็งในเวลาเดียวกัน



“ขอโทษ”



“ครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร คุณไฟจะทานเลยไหมครับผมจะตักไปให้”



“อืม”



อาโปหันมาดูข้าวต้มที่เขาทำไว้อีกครั้ง มันกำลังเดือดปุดๆอีกสองนาทีคงปิดแก๊สและตักใส่ถ้วยเพื่อนำไปเสิร์ฟให้คุณไฟได้



เขาไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องที่โดนแตะเนื้อต้องตัวแบบนั้น มันก็แค่...ตกใจเพียงเท่านั้นเอง



ข้าวต้มหมูร้อนๆถูกวางลงตรงหน้าเจ้าของห้อง ไฟมองอาโปที่เอาแต่ยืนไม่ยอมมานั่งทานด้วยกันเหมือนเมื่อวาน นี่เขาต้องสั่งเด็กคนนี้ให้ทานข้าวด้วยกันทุกครั้งเลยใช่หรือเปล่า



“ไม่กิน?”



“ยังไม่หิวครับ คุณไฟทานก่อนเลย”



“อือ” ถ้าไม่หิวก็ไม่อยากบังคับหรอก



“งั้นผมขอตัวไปทำงานบ้านอย่างอื่นก่อนนะครับ”



“อือ”



จริงๆห้องคุณไฟก็ไม่ได้สกปรกอะไรหรอก เขาแค่ไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนานๆ ไม่รู้สิมันรู้สึกอึดอัดแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ สู้ถอยออกมาอยู่คนเดียวคงจะดีกว่า



อาโปคาดว่าเขาคงต้องใช้เวลาปรับตัวในการใช้ชีวิตอยู่กับคุณไฟพอสมควร ทั้งเรื่องชีวิตประจำวันและเรื่องภาษาของคุณไฟที่เขาต้องแปลมันให้ได้เวลาที่คุณไฟพูดออกมา มันอาจจะดูยากไปหน่อยแต่ถ้าเขาพยายามมากพอก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของอาโปนักหรอก



ขนาดอาโปเคยทำอาหารไม่เป็นแต่พอได้ฝึกและได้เข้าครัวกับยายบ่อยๆก็กลายเป็นว่าฝีมืออาโปก็อร่อยไม่แพ้ยายเลยเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ก็เหมือนกันถ้าหากอาโปพยายามเข้าหน่อย อดทนแค่เพียงนิด อาโปก็คงสามารถทำได้เหมือนตอนที่ฝึกทำอาหารกับยายของเขานั่นแหละ



“อาโป” อาโปหันไปมองตามต้นเสียงที่ติดออกจะยานหน่อยๆก็พบว่าคุณไฟกำลังยืนมองเขาที่ยืนอยู่ตรงห้องรับแขก



“ครับคุณไฟ?”



“มานี่”



คนถูกเรียกก็เดินไปหาคนเรียกด้วยความว่าง่าย



“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณไฟ?”เดินมาถึงก็ถามเขาขึ้นทันที



“นายโกรธ”



“ครับ?”



“เมื่อกี้ นายโกรธฉัน”



ที่เขาเรียกมาหาคงจะเป็นเรื่องนั้นสินะ...



“อ่า...เปล่าครับ” อาโปตอบไปตามความจริง



“โกหก”



“จริงๆครับคุณไฟ ผมไม่ได้โกรธคุณเลย เอ่อ...อาจจะมีตกใจนิดหน่อย แหะๆ”



“โกรธ”



“ไม่ได้โกรธจริงๆครับ”



“โกหก”



“ไม่ใช่นะครับคุณไฟ ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณจริงๆ” อาโปอยากจะยกมือไหว้แล้วขอให้คุณไฟเชื่อเขาจริงๆว่าอาโปไม่ได้นึกโกรธอะไรคุณไฟเลย



“โกรธ”



เฮ้อออ....เขาต้องทำยังไงดีถึงจะทำให้คุณไฟเชื่อว่าเขาไม่โกรธ



“ครับ โกรธก็โกรธ” สุดท้ายอาโปก็ยอมรับว่าโกรธทั้งที่ไม่ได้โกรธเพื่อจะได้ยุติหัวข้อสนทนาเรื่องนี้สักที



“อือ ขอโทษ”



“ไม่เป็นไรครับ” เขาฉีกยิ้มให้คุณไฟ



คุณไฟพยักหน้าขึ้นลงเป็นอันว่าเข้าใจว่าเขาไม่ได้โกรธแล้วคุณไฟก็เดินลับหายออกไปจากห้องทานข้าวปล่อยอาโปไว้ให้ยืนอยู่คนเดียวงงๆ



ตั้งแต่มาที่นี่ไม่รู้ว่าตัวเองงงไปกี่ครั้งแล้วเขาก็ไม่สามารถนับได้เลยจริงๆแต่ก็คงต้องงงไปมากกว่านี้อีกเพราะอาโปยังต้องทำงานให้คุณไฟอีกนานไปจนกว่าจะเปิดเทอมเลยล่ะมั้ง



เฮ้ออออ....



♥`•.¸¸.•´♥

.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺


แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
สนุกจ้้า  ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Four



//



You cannot live your life to please others.

The choice must be yours.

คุณไม่สามารถอยู่เพื่อทำให้คนอื่นพอใจได้ตลอดเวลาหรอกนะ
เพราะคุณก็มีทางของคุณเอง
(Alice Through the Looking Glass (2016))


//

















ตอนเช้าหลังจากอาโปทำงานบ้านเสร็จก็ยังไม่เห็นคุณไฟจะออกจากห้องไปไหนทั้งที่วันนี้ก็เป็นวันไปเรียนปกติหรือวันนี้มหา’ลัยของคุณไฟไม่มีเรียนอันนี้อาโปก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน



เหงื่อของอาโปท่วมตัวจนเหนียวไปหมด อยากจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วสาดน้ำใส่ร่างกายตัวเองเร็วๆแต่ก็เกรงใจคุณไฟเลยต้องเดินเข้าไปขออนุญาตขอใช้ห้องน้ำเจ้าของห้องเขาก่อน



“คุณไฟครับ” เจ้าของชื่อหันมามองคนเรียก คุณไฟไม่ได้พูดอะไรกับอาโปนอกจากนั่งมองอาโปนิ่งๆคงจะรอให้อาโปพูดอยู่ “ผมขออนุญาตใช้ห้องน้ำนะครับ”



ไฟมองเจ้าเด็กอาโปที่ยืนด้วยความสงบเสงี่ยม จำได้ว่าเขาบอกอาโปไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืนว่าหากอยากใช้ห้องน้ำเมื่อไหร่ก็ใช้ได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องมาขออนุญาตเขาเลย



“อือ” จนใจจะพูดกับเจ้าเด็กที่ขี้เกรงใจเหลือเกิน ไฟเลยตอบอืออาอนุญาตให้เด็กมันใช้ห้องน้ำได้ตามสบาย



“ขอบคุณครับ” อาโปยกมือไหว้ขอบคุณคนอายุมากกว่าแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองเพื่อไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำ



ไฟส่ายหัวระอาคนตัวเล็ก แค่อนุญาตให้ใช้ห้องน้ำทำไมต้องถึงกับไหว้เขาด้วยก็ไม่รู้แต่เด็กคนนี้คงจะติดเป็นนิสัยไหว้ขอบคุณอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้ถือสาหรือว่าความอะไรเด็กมัน เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน



วันนี้ไฟมีเรียนแค่ตอนบ่ายคิดว่าคงจะออกจากห้องไปสักเที่ยงๆหรืออาจจะไปตอนที่ใกล้ถึงเวลาเรียน เขากะว่าจะพูดคุยรายละเอียดต่างๆในการอยู่ที่นี่กับอาโปเสียก่อน เมื่อวานก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากมายนอกจากถามชื่อและบอกให้ใช้ห้องน้ำได้เพียงเท่านั้น



ขนาดบอกแล้วเด็กนั่นยังมาขออนุญาตเขาอยู่เลย



อาโปเปิดประตูออกมาจากห้องคุณไฟหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เห็นคุณไฟกำลังดูสารคดีสัตว์โลก มีแมวน้ำกำลังตบมือเปาะแปะอยู่ในโทรทัศน์ เขาที่ไม่เคยดูสารคดีสัตว์สักทีก็มองดูแมวน้ำในนั้นด้วยความสนอกสนใจ ไม่คิดว่าเจ้าตัวนี้มันจะน่ารักน่าเอ็นดูจนสามารถทำให้เขายิ้มกว้างออกมาได้



เคยเห็นแต่แมวน้ำตัวขาวๆที่เป็นตุ๊กตา จำได้ว่าเพื่อนที่โรงเรียนเคยเอามาให้แฟนวันวาเลนไทน์ พอมาเห็นแมวน้ำตัวเป็นๆแต่สีดำก็น่ารักไม่แพ้กันเลย



เขาจำได้ว่าเพื่อนเรียกแมวน้ำพวกนี้ว่าอุ๋งๆ น่ารักมากๆเลยล่ะ



“เสร็จแล้ว?”



อาโปสะดุ้งเมื่อจู่ๆคุณไฟก็หันมาทางเขาที่ยืนอยู่ข้างหลังกำลังดูลูกแมวน้ำว่ายน้ำอยู่พอดีเลย



“ครับ”



“คุยกันหน่อย”



คนถูกเรียกให้มาคุยกันทำหน้าเหรอหรา ชี้นิ้วเขาหาตัวเองเป็นเชิงถามว่าคุณไฟจะคุยกับเขาหรือเปล่า พอเห็นคุณไฟพยักหน้าอาโปเลยเดินเข้าไปใกล้คุณไฟมากขึ้น



“คือ...ผมขอตัวเอาของไปเก็บก่อนได้ไหมครับ” อาโปชูผ้าขนหนูและอุปกรณ์อาบน้ำให้เจ้าของห้องดู



“อืม”



พ่อบ้านคนใหม่เดินออกมาจากห้องนอนของตนแล้วกลับมายืนอยู่ข้างๆโซฟาที่คุณไฟนั่งอยู่อีกครั้ง



“นั่ง”



อาโปพยักหน้า ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นพรมข้างๆโซฟา



“ข้างบน” คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายชี้ตรงโซฟาที่ตนเองนั่งอยู่ บอกให้นั่งโซฟาไม่ใช่ให้นั่งพื้น ทำไมเด็กคนนี้ถึงเข้าใจอะไรยากนัก



“ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งตรงนี้ก็ได้” อาโปปฏิเสธ ยิ้มให้คุณไฟบอกว่าไม่เป็นอะไรจริงๆเพราะเขาชินแล้ว



“ขึ้นมา” แต่ไฟก็ไม่ยอมเช่นกัน เขาสั่งให้อาโปขึ้นมานั่งด้วยกันบนโซฟา



“ไม่เป็นอะไรจริงๆครับคุณไฟ” อาโปก็ยังคงปฏิเสธเช่นเคย



“เร็ว”



“ผมนั่งตรงนี้ได้จริงๆครับ พรมก็นุ่มมากๆเลย” ว่าพลางก็ตบพื้นพรมนุ่มโชว์ให้คุณไฟดูเพื่อเป็นการยืนยันว่ามันนุ่มจริงๆอย่างที่อาโปว่าไว้



“หนึ่ง”



ทำไมคุณไฟถึงเป็นคนชอบบังคับแบบนี้นะ



“นั่งได้จริงๆครับ”



“สอง”



“ไม่เป็นอะไรเลยครับคุณไฟ”



“สา...”



“ครับๆก็ได้ครับ ผมยอมแล้ว” อาโปเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่พอเวลาคุณครูนับเลขกดดันให้ทำอะไรสักอย่างที่ไม่อยากทำเขาก็จะลนลาน จนสุดท้ายก็ยอมทำถึงแม้จะไม่อยากทำอยู่ดี



“ขึ้นมา”



คนโดนสั่งลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินลงมาทิ้งตัวตรงโซฟานั่งติดกับที่วางแขน



“คุณไฟมีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ?”



ไฟมองอาโปครู่หนึ่งก็พยักหน้าส่งให้อาโปจากนั้นเขาจึงเริ่มเข้าเรื่องที่จะพูดกับอาโปสักที



“คุณแม่ว่ายังไงเรื่องงาน?”



“คุณผู้หญิงบอกว่าให้ผมมาอยู่ที่นี่ดูแลงานบ้านและอาหารให้คุณไฟครับ ท่านบอกจะให้เงินผมเดือนละหนึ่งหมื่น ส่วนวันหยุดต้องมาคุยกับคุณไฟเองครับ”



อาโปบอกคุณไฟหมดทุกเรื่องที่คุณผู้หญิงได้บอกกับเขามาก่อนที่จะมาทำงานที่นี่



“วันหยุด?” ไฟถามย้ำ



“ครับ คุณผู้หญิงบอกว่าถ้าอยากกลับบ้านไปหายายก็ต้องมาขอวันหยุดกับคุณไฟก่อนครับ”



“อยากได้วันไหน?”



อาโปทำหน้าครุ่นคิด จริงๆอยากบอกคุณไฟว่าขอเปลี่ยนเป็นทำงานแบบไป-กลับได้หรือเปล่า เขาไม่อยากนอนค้างที่คอนโดคุณไฟเลยแต่ถ้าคุณผู้หญิงรู้เข้าคงไม่ยอมแน่ๆ



“แล้วแต่คุณไฟเลยครับ” เมื่อตัดสินใจไม่ได้ก็ยกหน้าที่นี้ให้เจ้าของห้องเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกัน



ไฟมองหน้าพ่อบ้านของตนเองนิ่ง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้เด็กนี่หยุดวันไหน จริงๆอาโปไม่จำเป็นต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อดูแลห้องเขาและทำอาหารให้เขาขนาดนี้ก็ได้



แต่นั่นแหละแม่เป็นคนส่งเด็กคนนี้มาแถมยังลงทุนให้มานอนที่คอนโดเขาอีก คิดว่าคงไม่ได้ส่งมาแค่ทำหน้าที่พ่อบ้านอย่างเดียว คงจะส่งมาให้ดูพฤติกรรมของเขาแล้วเอาไปรายงานท่านด้วยล่ะมั้ง



ไฟคิดอย่างปลงตกแล้วกลับไปสนใจเด็กอาโปที่นั่งแก้มป่องอยู่ข้างๆ แก้มป่องแบบนี้ถ้าเอานิ้วไปจิ้มไม่รู้จะแตกโป้งเหมือนลูกโป่งไหมก็ไม่รู้



ลองจิ้มดูดีไหมนะ...



“อยากไปหายายวันไหนก็ค่อยบอก” ก่อนจะฟุ้งซ่านไปกับแก้มป่องๆของเด็กตรงหน้าไฟก็กลับเข้าประเด็นต่อ



“ครับคุณไฟ” อาโปตอบรับอย่างดีใจ แก้มป่องๆที่ถูกเจ้าของกลั้นยิ้มไว้ก็เหมือนจะแตกให้ได้เลย



“ส่วนเรื่องห้องน้ำ” เผลอมองแก้มเด็กนี่ที่ไรก็พาลจะยกนิ้วชี้ขึ้นมาจิ้มให้แตกทุกที



“ครับ?”



“ใช้ได้ไม่ต้องขอ”



“ครับ”



“ตอนเช้าก็ใช้ได้”



“ครับ”



“เที่ยงก็ได้”



“ครับ”



“เย็นก็ได้”



“ครับ”



“ค่ำก็ได้”



“ครับ”



“ตอนไหนก็เข้าได้ไม่ต้องขอ”



“ครับ เข้าใจแล้วครับ”



“อือ” เข้าใจก็ดีจะได้ไม่ต้องพูดซ้ำอีก



“ขอบคุณนะครับคุณไฟ” อาโปยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณคุณไฟเป็นครั้งที่สองของวัน



“อือ อยากทำอะไรก็ทำไม่ต้องเกรงใจมาก” คุณไฟยังคงบอกอาโปต่อ อาโปก็นั่งฟังคุณไฟและพยักหน้าไปกับสิ่งที่คุณไฟบอก



“ครับคุณไฟ”



“ไฟใช้ได้ น้ำใช้ได้ โทรทัศน์ดูได้จะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องขอ”



“แต่ผม...”



“บอกว่าไม่ต้องขอ”



“ครับ” เขาแค่เกรงใจเท่านั้นเอง แค่มาอาศัยห้องคุณไฟเขาอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะเกรงใจยังไงแล้ว นี่คุณไฟยังบอกให้เขาทำตัวตามสบายอยากทำอะไรก็ทำได้อีก



“อยากไปไหนก็ไปแต่ต้องบอกก่อน”



“ครับ”



“นี่เบอร์” เขายื่นแผ่นกระดาษเล็กๆมาให้อาโป มีข้อมูลติดต่อของคุณไฟครบทุกช่องทาง



“เข้าใจแล้วครับ”



“ส่วนนี่ตารางเรียน วันไหนไม่กลับมากินข้าวจะบอก ถ้าไม่บอกก็ดูตารางเรียน ฉันเลิกกี่โมงก็จะกลับตอนนั้น”



อาโปนั่งอึ้งที่ได้ยินคุณไฟพูดประโยคยาวเหยียดแบบนี้เป็นครั้งแรก อึ้งจนเก็บอาการไม่มิดรู้ตัวอีกทีก็โดนแผ่นกระดาษเอสี่ที่คุณไฟถืออยู่เคาะลงบนศีรษะสองสามที



“ครับคุณไฟ” เขารับแผ่นกระดาษที่คุณไฟบอกว่าเป็นตารางเรียนที่เขาต้องดูเพื่อจะทำอาหารรอคุณไฟถูกมาไว้ในมือ



“จะวางเงินให้ตรงหัวเตียงก่อนออกข้างนอก อยากซื้ออะไรก็หยิบไป”



“ครับ”



“ไม่พอก็โทรหา”



“ครับ” แต่เขาคงไม่ใช้เงินเยอะหรอก ใช้แค่ซื้อของสดมาทำอาหารให้คุณไฟทานเท่านั้น อาจจะซื้อพวกน้ำผลไม้นิดหน่อยแต่คงหมดไม่เยอะ



“มีอะไรอีกไหม คิดที คิดไม่ออก” ไฟว่าหน้าตาย ไม่รู้ว่าตัวเองพูดเรื่องที่อยากจะพูดไปหมดหรือยังเพราะเขาก็ลืมมันไปเกือบหมดแล้ว



อาโปอยากจะขำกร๊ากตอนได้ยินคุณไฟพูดแบบนั้นด้วยใบหน้านิ่งๆ เรียบเฉยเหมือนปกติของเขาแต่มันฮามากจนอาโปต้องก้มหน้าแล้วขำคนเดียว



“น่าจะหมดแล้วนะครับ” เขาว่าพลางยกมือขึ้นมาปัดปลายจมูก ไม่ได้คันหรืออะไรแค่ยกมือขึ้นมาปิดรอยยิ้มของตัวเองที่เกือบจะขำพรืดออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นคุณไฟพยักหน้าขึ้นลงกับคำตอบของเขา



“อือ จบแล้ว”



“ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”



“ไปไหน?” เจ้าของห้องถามคนที่ขอตัวทันทีเมื่อเขาไม่มีอะไรจะพูดอีก



“ในห้องครับ ผมจะเข้าไปอ่านหนังสือ”



“อือ”



“เดี๋ยวสิบเอ็ดโมงผมจะออกมาเตรียมอาหารให้นะครับ” เพราะเห็นว่าวันนี้ตารางเรียนคุณไฟมีเรียนตอนบ่าย อาโปจึงต้องออกมาเตรียมอาหารให้คุณไฟทานก่อนที่คุณเขาจะไปเรียน



แต่คุณไฟลงทุนปริ้นตารางเรียนใส่กระดาษขนาดนี้เลยหรือเนี่ย เท่าที่เขารู้มาพวกตารางเรียนของมหา’ลัยสามารถดูได้ในโทรศัพท์ไม่ใช่หรอกหรือ เอาเถอะสงสัยคุณไฟเขาก็คงจะสะดวกแบบนี้



“อือ”



♥`•.¸¸.•´♥



เด็กหนุ่มออกมาจากห้องของตัวเองตอนสิบเอ็ดโมงตรงตามที่ได้บอกกับเจ้าของห้องไว้ ออกมาก็เห็นคุณไฟหลับอยู่ที่โซฟา อาโปเลยพยายามทำตัวเงียบๆแล้วเดินผ่านเข้าไปในห้องครัวไม่ได้ปลุกให้เจ้าของห้องตื่น



เปิดดูของในตู้เย็นก็ต้องทึ้งหัวตัวเองหนักๆ เขาลืมไปได้ยังไงว่าอาหารในตู้เย็นของคุณไฟมีเหลือแค่ไข่เท่านั้นเอง คงต้องออกไปซื้อของมาเพิ่มแล้วรีบกลับมาทำอาหารให้คุณไฟทานซะแล้ว



อาโปจำได้ว่าตอนมาที่นี่เขาเห็นว่าข้างล่างมีซุปเปอร์มาเก็ตขายของสดอยู่ คงต้องลงไปซื้อที่นั่น ส่วนเงินอาโปก็จะใช้ของตนเองที่มีอยู่ไปซื้อของสดมา ไม่อยากรบกวนเงินของคุณไฟเท่าไหร่ถือซะว่าเป็นค่าน้ำค่าไฟและค่าที่อยู่อาศัยก็แล้วกัน



หยิบกระเป๋าเงินตัวเองและคีย์การ์ดห้องของคุณไฟก็ออกไปจากห้อง ลงลิฟต์ไปยังชั้นล่างแล้วมุ่งหน้าไปยังซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที ดีที่ตอนเขาลงมาไม่มีรถเลยข้ามได้



อาโปเลือกซื้อพวกเนื้อสัตว์ ผัก เครื่องปรุง ผลไม้และน้ำผลไม้ใส่ลงในรถเข็น เช็คของดูอีกครั้งก่อนจะนำไปจ่ายเงิน



หลังจ่ายเงินกับแคชเชียร์เรียบร้อยแล้วอาโปก็หิ้วถุงของทั้งหลายไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง อยากจะบอกว่าหนักมากๆแต่แค่นี้ยังไหวอยู่



เข้ามาในคอนโดยิ้มทักทายพี่สาวประชาสัมพันธ์ที่ใจดีก็เดินขึ้นลิฟต์ไป ยังไม่ทันจะได้หยิบคีย์การ์ดเพื่อเปิดเข้าห้อง ประตูตรงหน้าก็ถูกกระชากออกมาทำเอาอาโปตกอกตกใจ



“คะ...คุณไฟ?” อาโปมองคนที่เปิดประตูห้องออกมา เขาเห็นคุณไฟมีสีหน้าตกใจตอนที่กำลังมองเขา



“ไปไหน” เสียงเรียบนิ่งของคุณไฟดังขึ้น



“ไปซื้อของมาทำอาหารให้คุณไฟครับ ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างนี้เอง” ว่าพร้อมชูของที่เต็มสองไม้สองมือให้กับคุณไฟดู



“ฉันบอกว่ายังไง?”



อาโปมองคุณไฟงงๆ เขาไม่เข้าใจคำถามของคุณไฟ



“ครับ?”



“ออกไปไหนต้องบอก”



“อ๋า~~.....” อาโปหน้าเหวอ ที่ไม่ได้บอกเพราะเขาแค่ไปซื้ออาหารมาให้คุณไฟไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนอย่างที่คุณไฟเคยบอกเลย



“ห้ามมีครั้งหน้า” เขายอมรับว่าตกใจที่เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นพ่อบ้านคนใหม่อยู่ในห้อง โน๊ตแปะบอกว่าจะไปไหนก็ไม่มีบอก เขาก็เลยผลุนผลันออกจากห้องจนมาเจอเจ้าตัวต้นเหตุยืนถือของพะรุงพะรังอยู่หน้าห้องนี่แหละ



“ขอโทษครับ”



“อืม” ไฟว่าพร้อมเบี่ยงตัวให้คนที่ทำหน้าหงอยๆเข้ามาในห้อง เขาไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยแค่อยากให้บอกหากต้องออกไปข้างนอกเพียงเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยทัน ทำไมต้องทำหน้าหงอยขนาดนั้นด้วย



“ซื้ออะไร?”



ปิดประตูห้องเสร็จก็เดินเข้ามาในครัวเพื่อเข้าไปดูของที่อาโปซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่าง คนโดนถามที่ก้มหน้าหงอยๆเมื่อโดนคุณไฟถามก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่งดีใจที่คุณไฟไม่ได้โกรธตนเอง



“พวกเนื้อสัตว์ครับ มีผักด้วยแล้วก็เครื่องปรุงที่หมดแล้ว อืม...ผมซื้อผลไม้มาให้คุณไฟทานด้วยครับ คุณผู้หญิงบอกว่าคุณไฟชอบทานผลไม้หลังมื้ออาหาร อ้อ! มีน้ำผลไม้อีกสองกล่องครับ ผมซื้อแอปเปิลเขียวกับผลไม้รวมมาครับ คุณผู้หญิงบอกมาอีกเหมือนกันว่าคุณไฟชอบ”



ไฟมองเด็กตรงหน้าที่พูดเจื้อยแจ้วบอกเล่าว่าตนเองไปซื้ออะไรมาบ้างหลังจากที่เขาถาม ดูเด็กคนนี้จะมีความสุขเหลือเกินกับแค่การได้หยิบเนื้อสัตว์ขึ้นมาชูให้เขาดู ไหนจะผักที่อวดว่าเลือกแต่สดๆมาอีก ผลไม้กับน้ำผลไม้ก็เอาแต่บอกว่าแม่ของเขาบอกมาว่าเขาชอบจนเจ้าเด็กคนนี้ต้องซื้อมาให้เขาทานให้ได้



“เท่าไหร่?”



“ครับ?”



“ทั้งหมดเท่าไหร่?”



“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับผมจ่ายเอง”



“บอกมา”



“ครั้งนี้ผมขอออกค่าอาหารนะครับคุณไฟ”



“เท่าไหร่”



“โธ่~ คุณไฟครับ” อาโปไม่ชอบช่วงเวลาที่คุณไฟถามเขาซ้ำๆแบบนี้จริงๆเลย มันมักจะทำให้เขายอมแพ้คุณไฟทุกที



“บอก”



“ขอนะครับแค่ครั้งนี้” เขาแทบจะยกมือขึ้นมาไหว้คุณไฟเลยทีเดียวหากคุณไฟไม่ยอมอีก



เจ้าของห้องมองพ่อบ้านคนใหม่ด้วยท่าทางครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้ายอมอาโปในที่สุด ถ้าทำให้สบายใจเขาก็จะไม่จ่ายคืนให้ก็ได้



“ตามใจ”



พอได้รับคำตอบอาโปก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ นี่คงเป็นครั้งแรกที่คุณไฟยอมฟังอาโปและยอมลงให้อาโปสักทีตั้งแต่เมื่อวานที่อาโปได้มาอยู่ที่นี่



♥`•.¸¸.•´♥


ก่อนออกจากห้องคุณไฟบอกอาโปเอาไว้ว่าวันนี้คงกลับดึกอาโปไม่ต้องทำอาหารให้คุณไฟแค่ทำในส่วนของตัวเองไว้ทานก็พอ



อาโปเลยทำไข่ตุ๋นใส่วุ้นเส้นใส่หมูแล้วก็มะเขือเทศสำหรับทานคนเดียว เขาขี้เกียจหุงข้าว อีกอย่างหุงไปก็คงทานคนเดียวไม่หมดเลยทำเมนูนี้ขึ้นมาประทังชีวิตของตัวเองในตอนค่ำ



ทานอาหารเสร็จอาโปก็เข้าไปอาบน้ำในห้องของคุณไฟ เดินออกมาปิดไฟในห้องรับแขกและห้องครัวจากนั้นก็เข้าห้องตัวเองไปคิดว่าคงไม่ออกมาอีกแล้ว



และเช่นเคย อาโปหยิบหนังสือเตรียมสอบขึ้นมาอ่าน เอาสมุดบันทึกมาจดในส่วนเนื้อหาที่สรุปออกมาให้ตัวเองเข้าใจ



เดือนหน้าเขาต้องใช้พวกเนื้อหาที่อ่านไปสอบแล้ว ตื่นเต้นเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน รุ่นพี่ที่จบออกไปเคยกลับมาแนะแนวให้ฟังว่าข้อสอบเหมือนจะไม่ยากแต่ก็ยาก เราเดาทางไม่ถูกเลยดังนั้นเด็กๆควรจะเตรียมตัวอ่านหนังสือไปอย่างดี รุ่นพี่ยืนยันว่าหากอ่านแล้วต้องทำได้แน่นอน



อาโปลุกขึ้นบิดขี้เกียจเมื่อชักจะอ่านหนังสือนานจนทำให้ร่างกายเมื่อยไปหมด เขาลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายได้ไม่นานท้องก็ร้องดังขึ้นมาทันที



อ่า...หิวข้าวสินะแต่อาโปก็ไม่อยากทานอะไรตอนดึกๆเลย



เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืนแล้ว อาโปได้แต่ถอนหายใจ ดึกขนาดนี้คงทานอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ



เด็กหนุ่มเปิดประตูเดินออกจากห้องเพื่อจะไปดื่มน้ำลดอาการหิวข้าวของตนเอง คิดว่าวิธีนี้คงช่วยได้ไม่มากก็น้อย



เขาคลำๆทางมายังห้องครัวจากนั้นก็กดสวิตช์เพื่อเปิดไฟให้ส่วนของในห้องครัวให้สว่างขึ้น เปิดตู้เย็นออกมาก็เห็นผลไม้และน้ำผลไม้ที่ซื้อมาให้คุณไฟ เขากลืนน้ำลายลงคอ ถ้าขอคุณไฟทานสักนิดสักหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง



อาโปขออนุญาตคุณไฟทานผลไม้และน้ำผลไม้ในใจตนเองเพื่อลดความรู้สึกผิด เขาหยิบแอปเปิลและน้ำผลไม้รวมออกมาจากตู้เย็น กอดกล่องน้ำผลไม้ไว้ที่แขนซ้ายและถือผลแอปเปิลไว้ที่มือขวา ยิ้มกับตัวเองอย่างพออกพอใจเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ต้องหิวไปถึงตอนเช้าอีกแล้ว



“ทำอะไรน่ะ?”



อาโปสะดุ้งจนทำแอปเปิลหล่นลงพื้น เขาหันกลับมาเพื่อจะก้มเก็บแอปเปิลก็เห็นคุณไฟกำลังก้มเก็บผลแอปเปิลผลนั้นให้เขาอยู่



“อ...เอ่อคือ...”



“ขโมย?” ไฟว่าพลางเลิกคิ้ว ตอนเดินเข้าห้องมาเห็นไฟในห้องครัวเปิดอยู่จึงเข้ามาดูก็พบเข้ากับขโมยที่กำลังแอบเอาน้ำผลไม้และแอปเปิลออกมาจากตู้เย็น



ไหนบอกว่าซื้อมาให้เขาทานไงล่ะ ทำไมพ่อบ้านคนนี้ถึงได้มาขโมยของๆเขาเฉยเลย



“มะ...ไม่ใช่ ไม่ใช่นะครับ”



“หือ?” ไม่ใช่ได้ยังไงในเมื่อเห็นเต็มสองตา



“ครับ ยอมรับแล้วครับ”



“ว่า?”



“ผมขโมย”



“แล้ว?”



“ผมหิวครับ”



ไฟพยักหน้า ยื่นแอปเปิลคืนให้เจ้าเด็กที่ทำเสียงหงอยไม่พอยังทำหน้าหงอยใส่เขาอีก จะยอมให้ทานด้วยก็ได้



“ให้”



อาโปมองหน้าคุณไฟสลับกับมองผลแอปเปิลที่คุณไฟยื่นมาให้ เมื่อมองจนแน่ใจแล้วว่าคุณไฟคงอนุญาตให้อาโปทานจริงๆเขาเลยรีบยื่นมือไปรับ



“ขอบคุณครับ” อาโปยกมือไหว้ทั้งที่มีแอปเปิลอยู่ในมือ



“อือ เมื่อกี้แค่ล้อเล่น”



“ครับ?”



“ล้อเล่น อยากกินอะไรก็กิน”



“ขอบคุณมากๆนะครับ”



อาโปยิ้มให้คุณไฟอีกครั้งด้วยความขอบคุณที่ใจดียอมให้เขาได้ทานแอปเปิลและดื่มน้ำผลไม้อร่อยๆเพื่อประทังความหิวไปจนถึงตอนเช้าได้



ขอบคุณความใจดีของคุณไฟที่ถึงแม้จะดูประหลาดไปหน่อยแต่ก็ขอบคุณมากๆ



♥`•.¸¸.•´♥

 .

.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺


มาลงให้อีกตอนค่า สรุปลงทุกวันเลย555 ที่มาลงไม่ใช่อะไรบอลชนะแล้วอารมณ์ดีอยากมาลงให้ทุกคนอ่านเลย555
มาเล่นแท็กกันได้เด้ออ ขอบคุณค่าา
แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Five



//



If you never talk to strangers, you'll never meet anyone.
ถ้าคุณไม่เปิดรับคนแปลกหน้าคุณก็จะไม่มีวันรู้จักใคร
(Never Talk to Strangers (1995))




//














อาโปมาทำงานให้คุณไฟได้สองอาทิตย์กว่าแล้ว ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะมีก็แต่วันหยุดของอาโปที่สามารถขอลาไปหายายวันไหนก็ได้ซึ่งอาโปคิดว่ามันดีมากๆแถมคุณไฟยังใจดีกับอาโปมากๆอีกด้วย แม้บางครั้งคุณไฟจะชอบดุและบังคับอาโปไปบ้างแต่อาโปก็ไม่ได้ไม่ชอบสิ่งที่คุณไฟเขาทำเลย



“ดูไหม?” ไฟหันไปถามคนที่ยืนสนอกสนใจกับสิ่งที่อยู่ในโทรทัศน์แต่ก็ไม่กล้าเข้ามานั่งดูด้วยกันกับเขา เหตุผลเดิมๆของอาโปก็คือเกรงใจ



“ครับ” อาโปพยักหน้า เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นพรมข้างโซฟาตัวที่คุณไฟนั่งอยู่



คนเป็นเจ้าของห้องก็จนใจจะพูดจะบอกเจ้าเด็กขี้เกรงใจคนนี้แล้วเลยต้องปล่อยไป อยากจะนั่งตรงไหนหรือทำอะไรก็ตามสบายเลย



“คุณไฟชอบดูเรื่องนี้หรือครับ?” เมื่อดูจบไปหนึ่งตอนอาโปจึงหันไปคุยกับคนด้านบนโซฟา เขาไม่คิดว่าคุณไฟจะดูการ์ตูนเรื่อง we bare bears ด้วย



“อือ”



“คุณไฟชอบตัวไหนครับ? ผมชอบตัวหมีขาวที่สุดแล้ว ดูอึนๆมึนๆดี อืม...ชื่ออะไรแล้วนะ” เด็กหนุ่มครุ่นคิด เขาดูไม่บ่อยนักแต่การ์ตูนเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาชอบ



“ไอซ์แบร์” คนที่มองเด็กนั่งคิดอยู่นานแล้วก็คิดไม่ออกจึงช่วยพูดบอกชื่อไป ตัวขาวๆอึนๆก็มีแต่เจ้าไอซ์แบร์นั่นแหละ



“อ๋า~~ ใช่เลยครับ ไอซ์แบร์ ผมชอบตัวนี้มากๆเลยล่ะครับ อือ...จริงๆผมก็ชอบทุกตัวแต่ชอบตัวนี้ที่สุดเลย” ว่าพร้อมกับยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกๆให้กับความชอบของตัวเอง “แล้วคุณไฟล่ะครับชอบตัวไหน?”



เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองคนบนโซฟา ถามคำถามนั้นย้ำอีกรอบ



“ทุกตัว”



พอคุณไฟตอบจบการ์ตูนอีกตอนก็มาพอดี ทั้งสองคนเลยไม่ได้พูดคุยและไม่ได้ถามอะไรกันอีก



♥`•.¸¸.•´♥



“สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว คุณไฟอยากทานอะไรครับ?”



หลังจากนั่งดูการ์ตูนกับคุณไฟมาได้หลายตอนก็ยกนาฬิกาที่พึ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นมาดูพบว่าเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว ซึ่งเวลานี้จะเป็นเวลาที่เขาต้องเตรียมอาหารเที่ยงไว้ให้คุณไฟเนื่องจากคุณผู้หญิงกำชับเขาย้ำๆว่าคุณไฟต้องทานอาหารให้ตรงเวลา ห้ามทานก่อนหรือห้ามเลทเด็ดขาดเพราะคุณเขาเป็นโรคกระเพาะง่ายและบ่อยมากๆอีกด้วย



“ตามใจนาย”



“งั้นเอาเป็นข้าวผัดทะเลไหมครับ มีพวกกุ้งกับปลาหมึกอยู่เยอะเลย”



“อือ”



“งั้นผมขอตัวไปทำอาหารก่อนนะครับ” ว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืน



“อืม”



อาโปเดินเข้าครัวเพื่อไปทำอาหารให้คุณไฟทาน เขาเปิดตู้เย็นเอาของสดและผักคะน้าออกมาจากตู้เย็น จัดการทำทุกอย่างคนเดียวด้วยความคล่องแคล่ว



มาอยู่ที่นี่ได้สองอาทิตย์กว่าแล้วอาโปก็ค่อยๆพัฒนาฝีมือด้านการทำอาหารได้ดีมากขึ้น ถึงคุณไฟไม่เคยพูดชมแต่เขาก็สังเกตเอาจากอาหารที่เกลี้ยงทุกมื้ออาหาร



เด็กหนุ่มอดที่จะภูมิใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไม่ได้เลย เวลาที่เห็นใครสักคนทานอาหารของเราจนหมดมันเป็นอะไรที่ทำให้คนทำอย่างเขาดีใจและภูมิใจกับตัวเองจริงๆ



“ไข่ๆ อยู่ไหนน้า~ หือ...เหลือลูกเดียวหรือเนี่ย”



อาโปหยิบไข่จากตู้เย็นที่มีเหลือเพียงแค่ฟองเดียวออกมา เขาคิดว่าหากทำอาหารให้คุณไฟเสร็จแล้วคงต้องลงไปซื้ออาหารรสดมาใส่ไว้ในตู้เย็นเพิ่มอีก



ขณะกำลังก้มหยิบต้นหอมจากตู้เย็นจู่ๆคนที่อาโปคิดว่ากำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่ในห้องรับแขกก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง



กว่าจะรู้ตัวว่ามีคนมาก็ตอนที่อาโปหยิบต้นหอมเสร็จแล้วเกิดชนเข้ากับร่างของใครสักคนซึ่งไม่ต้องเดาให้ยากว่าเป็นใคร แน่นอนว่าจะต้องเป็นคุณไฟเจ้าของห้องนี้อยู่แล้ว



“เหวอ~” อาโปผงะไปข้างหลังเกือบลงเข้าไปอยู่ในช่องตู้เย็นหากคุณไฟไม่คว้าเอาร่างเขาไว้ก่อน มือของอาโปที่ไม่มีที่ยึดในตอนแรกจึงคว้าแขนเสื้อคุณไฟไว้กันร่วงอีกที



“น้ำ” คนที่ใช้มือเกี่ยวเอวอาโปไว้พูดขึ้นสั้นๆ



อาโปไม่เข้าใจว่าคุณไฟต้องการสื่อสารอะไรเขาจึงเอาแต่มองหน้าคุณไฟด้วยใบหน้าที่ยังไม่หายตกใจ พอเห็นคุณไฟถอนหายใจแล้วรวบเอวเขาไว้ด้วยมือข้างเดียวจากนั้นก็โน้มหน้าเข้ามาหา อาโปจึงหลับตาปี๋ด้วยความกลัวเพราะนึกว่าคุณไฟอาจจะ....



“คะ..”



“หิวน้ำ” ไฟปล่อยอาโปเป็นอิสระหลังจากหยิบน้ำที่ตนเองต้องการเรียบร้อยแล้ว



คนที่คิดไปไกลถึงไหนต่อไหนก็เอาแต่ก้มหน้าคางชิดอกด้วยความเขินอาย แก้มสองข้างแดงแจ๋และมือไม้ก็พันกันไปหมดไม่รู้ต้องทำอะไรต่อหรือจะวางมือตัวเองไว้ตรงไหนดี



เข้าก่นด่าตัวเองในใจว่าคิดได้ยังไงว่าคุณไฟจะ...



“อ่า...” อาโปส่ายหน้าไล่ความคิดบ้าๆของตัวเองออกไป มองตามแผ่นหลังคุณไฟที่เดินออกไปจากห้องครัวหลังจากหยิบน้ำและแก้วเสร็จด้วยความึนเบลอ



หันกลับมาสนใจทำข้าวผัดให้เจ้าของห้องต่อ ปัดความคิดหรืออะไรก็ตามที่จะทำให้ตัวเองฟุ้งซ่านออกไปจากสมอง เริ่มหยิบวัตถุดิบต่างๆออกมาตั้งไว้เพื่อสะดวกในการหยิบจับเวลาทำจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาและเสี่ยงต่อการที่อาหารจะไหม้ได้ขณะที่เรากำลังเอาแต่หาของ



♥`•.¸¸.•´♥



พ่อบ้านคนใหม่ขออนุญาตเจ้าของห้องเพื่อมาซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างล่าง ทีแรกคุณไฟชวนให้อาโปทานข้าวด้วยกันก่อนแต่เขายังไม่หิวจึงบอกปฏิเสธไปและคุณไฟคงเบื่อที่จะพูดเลยยื่นเงินให้เป็นการบอกว่าให้ไปได้แล้ว



ก่อนมาอาโปจดลิสต์รายการที่จะต้องซื้อไว้เรียบร้อย ของที่ซื้อไปเมื่อไม่กี่วันก่อนก็หมดเร็วเหลือเกินจนอาโปคิดว่าคงต้องซื้อเพิ่มปริมาณให้มากกว่าครั้งที่แล้ว



คุณไฟให้เงินอาโปมาสองพัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะให้เยอะขนาดนี้ทำไม แต่ก็ช่างเถอะอาโปก็รับไว้ถ้าเหลือก็ค่อยเอาไปคืนคุณไฟเขาก็แล้วกัน



“ฮึบ!” เด็กหนุ่มเขย่งเท้าเพื่อหยิบขวดน้ำปลาที่อยู่ชั้นบน มันสูงเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึงจึงต้องใช้วิธีการเขย่งเท้าเอาจะได้หยิบถึง



เขามองขวดน้ำปลาอย่างเหนื่อยหน่าย เขย่งเท้าเท่าไหร่ก็หยิบไม่ถึงสักทีแต่อาโปก็ไม่อยากจะยอมแพ้ง่ายๆจึงลองฮึบเขย่งเท้าเพื่อจะหยิบขวดน้ำปลาอีกครั้ง



“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”



อาโปหันไปมองคนมาใหม่ มีรอยยิ้มติดใบหน้าอย่างเป็นมิตร เขายิ้มตอบแล้วมองขวดน้ำปลาสลับกับคนมาใหม่อย่างไม่ตั้งใจ



“เอ่อ...คือ..” อาโปเกาหัวแก้เก้อ มันรู้สึกแปลกๆที่เขาจะขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า



“จะหยิบนี่ใช่ไหมครับ?” ว่าพลางคนมาใหม่ก็หยิบขวดน้ำปลาที่อาโปอยากได้ยื่นมาให้



“ครับ ขอบคุณมากๆครับ” อาโปเผลอยกมือไหว้ขอบคุณชายแปลกหน้าแล้วรับขวดน้ำปลาที่เขายื่นมาให้ใส่ในรถเข็นของตนเอง



“ผมชัชครับ” ชายคนนั้นว่าพร้อมยิ้มให้อาโป



“อาโปครับ” อาโปแนะนำตัวกลับกับผู้ชายแปลกหน้าที่ใจดีให้ความช่วยเหลือเขา



“ผมไม่เคยเห็นคุณแถวนี้เลย พึ่งย้ายมาใหม่หรือครับ?” คนมาใหม่ชวนคุยต่อแถมยังเดินตามเมื่ออาโปเข็นรถไปแผนกอื่นอีก



“ครับ ผมมาเป็นพ่อบ้านให้เจ้านายน่ะครับ”



“งานพิเศษหลังเลิกเรียนหรือครับ?”



“อ่า..จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ” อาโปไม่รู้จะทำตัวยังไงกับคนแปลกหน้าคนนี้ดี



อาโปว่าเขาก็ดูใจดีแต่อาโปก็ไม่สามารถด่วนสรุปได้เพียงเพราะชายคนนี้ช่วยเหลือเขาไว้เพียงครั้งเดียว จึงพูดคุยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น



“คุณเรียนที่ไหนหรือครับ มหา’ลัยเดียวกับผมหรือเปล่า” ชัชยังว่าต่อ เห็นเด็กคนนี้แล้วคิดถึงน้องรหัสตัวเอง ถึงจะต่างกันเรื่องการพูดหรือท่าทางแต่ตัวเล็กๆแบบนี้นี่มันเหมือนไอ้น้องรหัสตัวแสบของเขาเลย



“หือ?...ผมพึ่งจบ ม.6 เองครับ”



“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นน้องผมสินะ น้องอาโป...ผมเรียกแบบนี้ได้ไหมครับ?”



อาโปทำตาโตที่ได้ยินคนที่พึ่งเจอกันเรียกแบบนี้แต่มันก็ดี ดีกว่าเรียกว่าคุณเป็นไหนๆเลย



“ได้ครับ...พี่ชัช” อาโปส่งยิ้มให้คนที่ตนพึ่งเรียกว่าพี่ ก็พี่ชัชเรียกเขาว่าน้อง เขาก็ต้องเรียกพี่ชัชกลับว่าพี่ก็ถูกแล้วนี่นา



ชัชมองคนที่พึ่งเจอกันครั้งแรกก็ถูกชะตา เขามองเด็กคนนี้เขย่งเท้าหยิบขวดน้ำปลาอยู่นานพร้อมกับทำใบหน้ายุ่งๆก็นึกเอ็นดูขึ้นมา ดูได้ไม่นานก็ต้องเข้ามาช่วยเพราะไม่อย่างนั้นวันนี้อาโปคงหยิบน้ำปลากลับบ้านไม่ได้แน่ๆ



“ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องอาโป”



“เช่นกันครับพี่ชัช”



ทั้งสองคนทำความรู้จักกันแค่นั้นชัชก็ขอตัวไปก่อน เห็นว่าต้องไปทำธุระกับน้องรหัสของตัวเองต่อ อาโปก็ไม่ได้รั้งตอบรับพี่ชัชแค่คำว่าครับเพียงเท่านั้น



“หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ”



“ครับพี่ชัช”


♥`•.¸¸.•´♥



อาโปคงจะเป็นบ้าหอบฟางในสายตาคนอื่นแน่ๆ เขาถือของพะรุงพะรังทุกครั้งหลังจากกลับมาจากซุปเปอร์มาเก็ต พี่ประชาสัมพันธ์ด้านล่างที่จำอาโปได้ก็ยิ้มทักอาโปเหมือนเคย



เขาเดินไปเข้าลิฟต์อย่างทุลักทุเล ดีที่มีคนกดลิฟต์เข้าก่อนหน้าเขาแล้วอาโปจึงไม่ต้องลำบากในการยื่นนิ้วของตัวเองที่ตอนนี้ก็หาไม่เจอไปกดเปิดลิฟต์อีก



“ชั้นไหนคะ?”



“ชั้นเจ็ดครับ” อาโปยิ้มแล้วผงกหัวขอบคุณผู้หญิงที่ช่วยกดชั้นห้องของคุณไฟให้ “ขอบคุณนะครับ”



ก่อนออกจากลิฟต์ก็ไม่ลืมขอบคุณผู้หญิงใจดีคนนั้นอีกครั้ง เขาหอบถุงพะรุงพะรังไปยังหน้าห้อง พอถึงก็ยกมือตัวเองที่มีถุงเกาะเกี่ยวเต็มไปหมดเคาะประตู อาโปภาวนาเหลือเกินว่าขอให้คุณไฟอยู่เพราะไม่งั้นเขาคงต้องวางของแล้วหาคีย์การ์ดห้องอีกหลายนาทีเป็นแน่



แกร็ก...



ประตูห้องเปิดออกทำเอาอาโปยิ้ม ตอนแรกยืนรออยู่นานก็เกือบจะถอดใจแล้ววางของหาคีย์การ์ดจริงๆแต่ดีที่คุณไฟมาเปิดประตูให้เสียก่อนเขาเลยไม่ต้องทำแบบนั้น



“ขอโทษที่รบกวนนะครับคุณไฟ” อาโปบอกคุณไฟอย่างเกรงใจเมื่อตนเองรบกวนให้เจ้านายมาเปิดประตูห้องให้



“อือ ช่วย” ไฟยื่นมือไปตรงหน้าพ่อบ้านของเขาที่ไปซุปเปอร์มาเก็ตที่ไรก็บ้าหอบฟางกลับมาทุกที



“ไม่เป็น...อ๋า~~” อาโปอุทานออกมา



เจ้าของห้องก็รู้อยู่แล้วว่าพ่อบ้านคนนี้ของเขาขี้เกรงใจแค่ไหน เขาเลยไม่ยอมให้อาโปพูดปฏิเสธจนจบ ยื่นมือไปแย่งถุงที่อาโปถืออยู่เต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้างไปไว้กับตนเองแล้วเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้อาโปยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่หน้าห้องคนเดียว



“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” ไฟถามอาโปที่พึ่งเดินตามเขาเข้ามาทีหลัง



“ก็...พวกของสดเหมือนเดิมน่ะครับ”



“เยอะ” ว่าจบก็ทำท่าจะเดินออกไปจากห้องครัวแต่ก็โดนอาโปรั้งไว้เสียก่อน



“นี่เงินทอนครับ” ยื่นเงินทอนให้เจ้าของห้องรับไว้แต่คุณไฟก็ไม่รับเงินไปสักที



“เก็บไว้”



“แต่..”



“เก็บ”



“ครับ”



อาโปว่าถ้าพูดปฏิเสธไปคงจะอีกยาวเลยยอมทำตามที่คุณไฟบอกแต่โดยดีแค่นี้ก็ไม่ต้องโดนคุณไฟกดดันและอาโปก็ไม่ต้องลนลานเวลาต้องตอบรับคุณไฟแล้ว



สบายใจทั้งสองฝ่าย...



♥`•.¸¸.•´♥



“อ่านอะไร?”



อาโปที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบของตนเองอยู่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ ตั้งแต่ทานข้าวและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย อาโปก็เอาหนังสือออกมาอ่านหน้าโซฟาเหมือนทุกๆวันที่เขาทำ



“หนังสือเตรียมสอบครับ”



ไฟเดินไปนั่งบนโซฟา หยิบหมอนอิงมาวางไว้บนตักแล้วชะโงกหน้าไปดูหนังสือของอาโปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็เห็นว่าเป็นหนังสือเตรียมสอบของเด็กมัธยมหกที่กำลังจะเข้ามหา’ลัย



“จะเข้าที่ไหน?” เขาถามต่อ



“ยังไม่แน่ใจเลยครับแต่ก็คิดๆไว้แล้ว”



“คณะ?”



“คงจะเป็นรัฐประศาสตร์ระหว่างประเทศครับ”



“ชอบ?”



“ครับ”



ไฟพยักหน้าเข้าใจ ถ้าไม่ชอบก็คงไม่เลือก เขานี่ถามอะไรไม่คิดเอาซะเลย



“อือ โชคดี”



“ขอบคุณครับ”



ทั้งสองไม่ได้คุยกันต่ออีกหลังจากนั้น อาโปก้มหน้าอ่านหนังสือของตนเองต่อไปส่วนไฟก็ก้มอ่านหนังสือของตนเองที่ถือติดมือมาจากห้องเหมือนกัน



“หิว”



สักพักคนที่นั่งบนโซฟาก็พูดขึ้น อาโปจึงละสายตาจากเนื้อหาในหนังสือเงยหน้าขึ้นไปมองคุณไฟที่กำลังมองเขาอยู่ก่อนแล้ว



“ทานแอปเปิลไหมครับ ผมพึ่งซื้อมา”



“นมด้วย”



“ครับ”



อาโปลุกขึ้นยืนเดินไปยังห้องครัว เขาเปิดตู้เย็นหยิบแอปเปิลเขียวออกมาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะเอาไปฝานให้เป็นชิ้นๆจะได้ทานง่ายและหยิบสะดวก



เสร็จแล้วก็ไปเอานมสดในตู้เย็นออกมาเทใส่แก้วให้คุณไฟจากนั้นเขาก็ยกจานแอปเปิลและแก้วนมออกมาให้คนที่กำลังนั่งรออยู่บนโซฟา



“นี่ครับ”



เด็กหนุ่มเก็บหนังสือของตัวเองไปวางไว้ที่พื้นก่อนจะวางจานและนมของเจ้าของห้องเอาไว้บนโต๊ะแทนที่



“เอาขึ้นมา” ไฟสั่งพร้อมกับมองหนังสือและอุปกรณ์ทั้งหลายของอาโปที่ตั้งอยู่บนพื้นพรม



“ครับ?” แต่อาโปก็ไม่เข้าใจ



“หนังสือ” ว่าพร้อมกับชี้นิ้วให้อาโปดู



“อ่า...ครับ” เขายกขึ้นมาตามคำสั่งของคุณไฟแต่โดยดี ถ้าเป็นทุกทีเขาคงจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ครั้งนี้คุณไฟดันจ้องเขาเขม็งเสียนี่ อาโปเลยต้องยอมทำตามคุณไฟโดยไม่มีปากมีเสียงใดๆ



อาโปกลับมานั่งอ่านหนังสือของตัวเองต่อโดยมีเจ้าของห้องนั่งรับประทานแอปเปิลและนมอยู่บนโซฟาข้างหลังของเขา



บางคืนคุณไฟก็มักจะออกมาอ่านหนังสือและพอนานไปก็จะบ่นว่าหิว อาโปที่นั่งอ่านหนังสือตรงนี้ประจำก็ต้องลุกขึ้นไปหาอะไรมาให้คุณไฟทานแก้หิว



เขาสังเกตว่าทุกครั้งที่คุณไฟออกมานั่งอ่านหนังสือนอกห้องจะชอบหิวเป็นประจำ หลายๆครั้งที่คุณไฟอยู่ในห้องนอนส่วนอาโปอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขกก็ไม่เคยเห็นคุณไฟเดินออกมาจากห้องนอนแล้วบ่นว่าหิวสักที



คงเพราะใช้พลังงานสมองเยอะล่ะมั้งคุณเขาจึงมักจะหิวประจำเวลาที่มานั่งอ่านหนังสือข้างนอกแบบนี้



“ไม่กิน?” ไฟเลิกคิ้วถามเด็กที่กำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยหน้าตาเคร่งเครียด



“ผมอิ่มแล้วครับ คุณไฟทานเลยครับ” ว่าเสร็จก็หันกลับมาอ่านหนังสือต่อแต่คุณไฟก็ยังพูดขึ้นอีก



“กินไม่หมด”



หันกลับไปมองคนที่พูดหน้าตายอีกครั้ง ส่วนนิ้วของคุณไฟก็ชี้ไปที่เจ้าแอปเปิลที่เหลืออยู่บนจานสองสามชิ้น



“จะให้ผมทานหรือครับ?” เขาถามคุณไฟต่อ



“อือ ช่วยที”



อาโปกำลังจะหยิบช้อนส้อมขึ้นมาจิ้มแอปเปิลสองสามชิ้นนั้นเพื่อช่วยคุณไฟทานแต่ก็ยังไม่ได้ทันได้หยิบช้อนด้วยซ้ำ แอปเปิลก็ถูกเอามาจ่ออยู่ตรงปากของเขาอยู่แล้ว



“อ...เอ่อ..” เขาตะกุกตะกัก อยากจะบอกคุณไฟว่าแค่คุณไฟขอให้ช่วยทานก็ไม่ถึงกับต้องป้อนถึงปากเขาขนาดนี้ก็ได้



“อ้าปาก”



“คะ...”



ยังไม่ทันจะเรียกชื่อคุณไฟเสร็จก็ถูกแอปเปิลชิ้นพอดีคำใส่เข้ามาในปากโดยฝีมือของคุณไฟ อาโปอมชิ้นแอปเปิลไว้ไม่ยอมเคี้ยวสักทีเพราะกำลังตะลึงและตกใจกับสิ่งที่คุณไฟทำเมื่อสักครู่



“เคี้ยว” ช้อนส้อมที่ไฟถืออยู่ถูกแตะลงบนริมฝีปากของอาโปเพื่อเป็นการบอกให้เด็กหนุ่มเคี้ยวแอปเปิลที่เขาป้อนสักที อมไว้แบบนั้นแก้มกลมๆนั่นก็ยิ่งพองขึ้นไปอีกน่ะสิ



คนโดนสั่งพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับค่อยๆเคี้ยวชิ้นแอปเปิลที่ถูกป้อนเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว



เมื่อเห็นว่าอาโปเคี้ยวชิ้นนั้นหมดแล้วไฟจึงจิ้มชิ้นที่สองมาจ่อที่ปากอาโปอีกรอบ คนที่โดนป้อนพออ้าปากจะพูดนิดเดียวก็ถูกแอปเปิลยัดเข้าไปในปากอีกครั้ง และก็เหมือนเดิมเมื่อเขาไม่ยอมเคี้ยวแอปเปิลชิ้นที่สองนั่นคุณไฟจึงต้องสั่งให้เขาเคี้ยวเหมือนครั้งแรก



“ชิ้นสุดท้าย” ไฟชูแอปเปิลชิ้นที่สามหรือชิ้นสุดท้ายขึ้นมาจ่อที่ปากของอาโปอีกครั้งและครั้งนี้อาโปก็รับเข้าปากแต่โดยดีและไฟไม่ต้องสั่งให้อาโปเคี้ยวเหมือนสองครั้งที่แล้วเพราะเจ้าเด็กแอปเปิลกำลังเคี้ยวผลไม้ที่เขาป้อนเข้าไปด้วยความเอร็ดอร่อย



“ขอบคุณครับ” อาโปยกมือขึ้นไหว้คุณไฟเมื่อเคี้ยวเสร็จ



“อือ” ตอบรับพร้อมกับยกนมขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ไฟลุกขึ้น หยิบเอาจานแอปเปิลกับแก้วนมทำท่าจะเดินเอาไปเก็บไว้ในครัวแต่เจ้าเด็กแอปเปิลก็เอ่ยรั้งเขาไว้ก่อน



“ผมเก็บให้ครับ”



เด็กหนุ่มจะลุกแต่คุณไฟก็ไม่อยู่ให้อาโปแย่งจานกับแก้วนมของเขาทันเพราะตอนนี้เขาเดินหนีอาโปเพื่อเอาแก้วกับจานไปเก็บเรียบร้อยแล้ว



อาโปมองคุณไฟที่เดินออกมาจากห้องครัว คนโดนมองก็หยุดยืนนิ่งแล้วเอ่ยพูดกับอาโปสั้นๆก็หยิบหนังสือที่เอาออกมาอ่านเข้าห้องนอนของตัวเองไป



“ฝันดี”



♥`•.¸¸.•´♥

 .

.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺

แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
เอ็นดูน้องแล้วล่ะสิไฟ

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
คุณไฟน่ารัก55555555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คุณไฟพูดน้อยอะไรขนาดนี้คะ  :hao7:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3

Chapter : Six



//



If he's the right man for you, you can't just let him slip on by.
ถ้าเขาคือคนที่ใช่ อย่าปล่อยให้เขาผ่านไป
(The Butcher's Wife (1991))


//














“ยายมีอะไรให้โปช่วยไหมจ๊ะ” เด็กหนุ่มถามขึ้นหลังจากที่ล้างผักช่วยพี่แก้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว



“ไม่มีแล้วล่ะ เอ็งหยุดทั้งทีไปพักเถอะ”



“โธ่ยาย~ โปอยากช่วยยายนี่จ๊ะ”



คนที่ถูกเรียกว่ายายส่ายหน้าใส่หลานตัวเองที่ไม่ยอมหยุดนิ่งสักทีตั้งแต่มันกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่หลังนี้ เจ้าอาโปบอกว่าวันนี้คุณไฟเธอไปค้างบ้านเพื่อนเลยอนุญาตให้อาโปกลับมาหายายที่บ้านได้ ตั้งแต่เช้าแกเลยเห็นมันเข้ามาหาแล้วก็มาวิ่งวุ่นช่วยคนนู้นคนนี้ทำงานจนทั่วบ้านแล้วล่ะมั้ง



“งั้นเอ็งไปดูที่สวนหน่อยไป เผื่อลุงชมแกจะมีอะไรให้ช่วย”



“จ้ายาย”



อาโปเดินออกจากห้องครัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังสวนตามที่ยายบอก อาโปอยู่นิ่งไม่ได้จริงๆ เวลาไม่ได้ทำอะไรแล้วมันรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่ายังไงก็ไม่รู้ จึงต้องเดินไปมาหางานทำในบ้านใหญ่ คงเพราะเขาช่วยงานยายตั้งแต่เด็กล่ะมั้งถึงทำให้อาโปเป็นเด็กไม่อยู่นิ่งๆเฉยๆแบบนี้



“ลุงชมจ๊ะ” เมื่อเดินมาถึงสวนของคุณผู้ชาย อาโปก็เห็นลุงชมกำลังจับๆจ้องๆต้นไม้ที่คุณผู้ชายคงจะพึ่งซื้อมาอยู่



“อ้าวว่าไงเจ้าโป?” ลุงยกมือทัก อาโปจึงเดินเข้าไปหาลุงแล้วนั่งยองๆลงข้างลุงชม



“มีอะไรให้โปช่วยไหมจ๊ะ?”



“ดีเลยๆเอ็งมาพอดี ช่วยลุงเอาต้นไม้พวกนี้ลงดินให้คุณผู้ชายหน่อย พอดีคุณเขาพึ่งซื้อมาจากต่างจังหวัดนู่น” ลุงชมชี้ไปที่ต้นไม้หลายต้นที่ตั้งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียว



“ได้เลยลุง เดี๋ยวโปช่วยนะ”



“มาๆ ได้แรงหนุ่มๆอย่างนี้ก็ดีหน่อย งานจะได้เสร็จเร็วๆ ขอบคุณเอ็งมากเจ้าโป” ลุงชมตบบ่าอาโปปุๆ



“จ้าลุง”



เด็กหนุ่มและอีกหนึ่งลุงช่วยกันลงต้นไม้ของคุณผู้ชายอย่างขมักขเม้น แดดร้อนๆไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อคนทั้งสองเลย ตรงกันข้ามที่ทั้งสองลุงและเด็กรู้สึกสนุกมากกว่าเหนื่อยซะอีก จนเวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่ก็ยังไม่มีใครรู้เลยสักนิดเดียว



♥`•.¸¸.•´♥



หลังจากช่วยลุงชมลงต้นไม้จนเสร็จอาโปก็กลับห้องตัวเองเพื่อไปล้างเนื้อล้างตัว แต่งตัวปะแป้งใหม่เรียบร้อยก็ออกมาเอนกายที่แคร่ไม้หน้าบ้านพักของบรรดาแม่บ้านและคนงานในบ้าน เขาตบหมอนปุๆจากนั้นก็นอนลงเพื่อพักสายตาของตัวเอง



วันนี้ได้ทำอะไรเยอะแยะมากมายจนเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด ขนาดเขายังหนุ่มยังรู้สึกเพลียๆเลย ไม่ต้องพูดถึงลุงชม รายนั้นเขาเห็นเข้าห้องนอนไปตั้งแต่ลงต้นไม้เสร็จก็ยังไม่เห็นออกมาเลย สงสัยคงจะหลับพักผ่อนเอาแรงเหมือนเขานี่แหละ



คงเพราะไปทำงานเป็นพ่อบ้านให้คุณไฟเขาเลยไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก วันๆก็ปัดกวาดเช็ดถู จากนั้นก็ทำอาหารให้คุณไฟทานสามมื้อเสร็จแล้วก็เข้าห้องอ่านหนังสือ บางทีเบื่อๆก็ออกมานั่งดูโทรทัศน์หน้าโซฟาแค่นั้น เขาว่ามันสบายมากจนบางทีก็คิดว่าเงินจ้างหนึ่งหมื่นนั่นมากกว่าแรงที่เขาทำงานไปซะอีกแต่จะขอคุณผู้หญิงให้เหลือห้าพันท่านก็คงไม่ยอมเขาเลยต้องเป็นฝ่ายยอมแทนและพยายามทำงานทุกอย่างให้เต็มที่ให้คุ้มกับเงินที่คุณผู้หญิงมอบให้



อยู่กับคุณไฟมาสองอาทิตย์กว่าๆก็ไม่เห็นคุณไฟพาใครมาห้องเหมือนที่คุณผู้หญิงเคยพูดถึงสักที เขาเห็นแค่พอคุณไฟเลิกเรียนก็กลับห้อง วันหยุดก็อยู่ห้องเกือบทุกครั้ง มีบ้างที่จะออกไปข้างนอกตอนกลางคืน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าคุณไฟไปไหน จะให้ไปถามอะไรเจ้านายมากมันก็ไม่ใช่เรื่อง ถึงคุณผู้หญิงจะแอบๆสั่งมาก็เถอะ



อาโปถอนหายใจทั้งที่ยังคงนอนหลับตาอยู่ พอนึกถึงเรื่องคุณไฟทีไรเขาก็นึกถึงเมื่อวันก่อนที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาคุณไฟเขาที่ห้องแต่คุณไฟก็ไม่อยู่







“คุณไฟไม่อยู่นะครับ”



“ฉันไม่เชื่อ นี่แกเป็นแฟนใหม่เขาใช่มั้ยห้ะ!”



“อ่า...ไม่ใช่นะครับ”



อาโปจึงจำเป็นต้องบอกให้คุณผู้หญิงคนนั้นให้กลับไปก่อนแต่ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ไม่ยอม ยังจะหาว่าอาโปเป็นแฟนใหม่คุณไฟอีก เขาพูดว่าไม่ใช่ยังไงคุณผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เชื่อ คิดว่าอาจจะโดนผู้หญิงคนนั้นบุกเข้าห้องเสียแล้วถ้าคุณไฟไม่มาเห็นก่อน



เขาเบาใจไปยังไม่ถึงนาที คุณไฟก็เดินเข้ามาหาเขาโอบรอบบ่าเขาไว้พร้อมกับก้มลงมาหอมแก้มเขาหนึ่งที



“กลับมาแล้วครับ” พร้อมทั้งยิ้มให้เขาเสียจนเขาตาพร่ามึนเบลอไปชั่วขณะ มารู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นกรี๊ดกร๊าดแล้ววิ่งออกไปจากตรงนั้นเลย



“ค..คุณไฟ” เขาจับแก้มตัวเอง เบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของคุณไฟ



“ขอโทษ”



อาโปพยักหน้าด้วยความมึนๆเบลอๆ จากนั้นต่างคนต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองโดยที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย



...



อาโปยกมือขึ้นมาตบหน้าผากของตัวเองที่เผลอคิดอะไรฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย เรื่องนี้เขาควรจะลืมมันไปแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงยังเก็บเอามาคิดจนมาถึงตอนนี้ไปได้



เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อจู่ๆหน้าผากของเขาก็ถูกมือของใครสักคนทาบทับลงมา ลืมตามองก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อไม่นึกว่าคนที่เขานึกถึงเมื่อกี้จะมายืนทำหน้าขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้าเขาได้



“เป็นอะไร?” ไฟขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า



ตอนที่เขาเดินมาก็เจออาโปกำลังนอนตบหน้าผากตัวเองทั้งที่กำลังหลับตาอยู่ เขาเลยยื่นมือไปทาบลงบนหน้าผากของเจ้าเด็กตัวเปี๊ยกเพื่อวัดอุณหภูมิว่าไม่สบายหรือเปล่าแต่เด็กคนนี้ก็สะดุ้งตื่นเสียก่อน ไม่พอยังทำท่าทางตกอกตกใจเหมือนเขาเป็นผีอีก



“อ่า...คุณไฟมาได้ยังไงครับ?” อาโปตั้งสติ จะลุกขึ้นยืนแต่คุณไฟก็ดันให้เขานั่งลงจากนั้นก็หย่อนตัวนั่งลงตามเขาทีหลัง



“ขับรถ”



ถ้าอาโปไม่เห็นว่าคุณไฟเป็นเจ้านายและอาโปก็เป็นคนที่มีมารยาทพอ เขาคงด่าคุณไฟว่ากวนประสาทไปนานแล้ว



“อ่อ...ครับ” พยักหน้าหงึกหงักกับคำตอบที่ได้รับจากคุณไฟ



“มีคนโทรหา” เขาชี้มาที่โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของอาโป “ไม่ได้แอบดูแต่มันดังเลยได้ยิน”



อาโปพยักหน้ากดโทรศัพท์ของตนดู ก็ปรากฎเป็นสายที่ไม่ได้รับของเพื่อนสนิทและข้อความที่ส่งมาบอกให้เขาโทรกลับและอีกสารพัดบ่นข่าขิงไปเรื่อยของเพื่อนตัวเอง



“คุณไฟเอามาจากไหนหรือครับ”



“ห้อง”



นั่นไง! อาโปลืมมันไว้ที่คอนโดของคุณไฟจริงๆด้วย



“ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้คุณไฟเหมือนเคยเมื่อต้องขอบคุณ คุณไฟก็พยักหน้ารับนิ่งๆตามปกติของคุณเขา





“อือ ไปนะ” ไฟทำท่าจะลุกแต่อาโปเรียกไว้ก่อน คนโดนเรียกจึงต้องนั่งลงอีกครั้ง มองหน้าของอาโปนิ่ง ไฟไม่ได้กดดันแต่กำลังรอให้อาโปพูดอยู่



“คือ...วันนี้คุณไฟกลับมานอนที่นี่หรือครับ” เขาไม่แน่ใจว่าตนเองถามได้หรือเปล่าแต่ด้วยความแปลกใจอาโปจึงยอมถามออกไปในที่สุด



“เปล่า”



“อ้าว?” เขาทำหน้างง เผลอตั้งคำถามกับคุณไฟไปซะแล้วแต่คุณไฟคงไม่ถือสาจึงตอบให้เขาเข้าใจว่า



“นอนคอนโด”



“เอ๊ะ!?..แต่...ขอโทษครับ” อาโปขอโทษขอโพย ลืมตัวอีกแล้วเลยจะถามคุณไฟอีก ดีที่ห้ามปากตัวเองไว้ทัน ไม่งั้นล่ะก็คงได้โดนคุณไฟว่าเอาได้ว่าละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านาย



“พูดมาสิ” คนโตกว่าพยักพเยิดให้อาโปพูดได้



“คุณไฟไม่ได้นอนห้องเพื่อนหรือครับ?”



“เปล่า งานเสร็จแล้ว”



“งั้นวันนี้ผมก็ต้องกลับ....”



“ไม่ต้อง”



ไฟรู้ทันว่าเด็กนี่คงตามเขากลับคอนโดไปทำหน้าที่พ่อบ้านของตัวเองแน่ๆเขาจึงห้ามไว้ เขาไม่อยากให้เด็กอย่างอาโปต้องมาทำงานจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ อ่านหนังสือทีก็ดึกๆเลย พอเช้าก็ต้องตื่นเช้ามาทำอาหารและทำงานบ้านให้เขาอีกเลยไม่อยากให้เด็กตัวเปี๊ยกนี่ทำงานหนักเกินไป ให้หยุดวันสองวันท้องเขาคงไม่เกิดกระเพาะหรือห้องเขาคงไม่สกปรกหรอกมั้ง



“แต่คุณไฟครับ...”



“ฉันสั่ง” ว่าพร้อมลุกขึ้นเดินจากไป ปล่อยให้เอาโปมองแผ่นหลังคุณไฟหายลับไปจากสายตา



อะไรกัน คำสั่งให้หยุดนอนเฉยๆมีด้วยหรือไง อาโปไม่เห็นจะเข้าใจคุณไฟเขาเลย



♥`•.¸¸.•´♥



วันรุ่งขึ้นอาโปก็รีบกลับไปที่คอนโดคุณไฟตั้งแต่เช้า เปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าคุณไฟยังคงไม่ตื่น อาโปจึงเอาของนิดๆหน่อยๆของตัวเองไปเก็บไว้ในห้องนอนแล้วออกมาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณไฟทาน



เมนูวันนี้ก็ง่ายๆคือBreakfastแบบที่อาโปเคยเห็นฝรั่งทานกันในโทรทัศน์ เขาเคยลองทำให้คุณไฟลองทานครั้งหนึ่งคุณไฟคงจะติดใจ จากนั้นทุกเช้าคุณไฟจึงสั่งไว้ว่าให้ทำBreakfastแบบนี้ให้คุณไฟทานทุกวันเลย



เด็กหนุ่มทำอาหารให้เจ้าของห้องจนเสร็จก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่จะมารับประทานอาหารตื่นสักที ด้วยกลัวอาหารจะเย็นชืดเสียก่อนและอีกอย่างก็แปดโมงแล้ว อาโปจำได้ว่าคุณไฟมีเรียนตอนเก้าโมงจึงจำเป็นต้องเดินมาหยุดตรงหน้าประตูห้องของคุณไฟเพื่อจะปลุกให้คุณไฟตื่น ไม่งั้นคงได้ไปเรียนสายแถมในท้องยังไม่มีอาหารอีก คงจะทั้งหิวและทั้งเรียนไม่รู้เรื่องแน่ๆ



ก๊อก ก๊อก..



“คุณไฟครับ ตื่นหรือยังครับ?” เคาะประตูเสร็จก็ส่งเสียงเรียกคนในห้อง



ก๊อก ก๊อก



“ผมทำอาหารไว้ให้แล้วนะครับ คุณไฟตื่นหรือยังเดี๋ยวไปเรียนสายนะครับ”



ยังคงไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนในห้อง อาโปจึงจำเป็นต้องเคาะเป็นรอบที่สาม



ก๊อก...



“อือ ตื่นแล้ว” ไฟเดินงัวเงียมาเปิดประตูห้องหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงคนเรียกอยู่นานสองนาน



“สวัสดีครับ ผมทำอาหารเช้าไว้ให้แล้วครับ” อาโปยกมือสวัสดีเจ้าของห้องที่เดินออกมาเปิดประตูอย่างงัวเงีย มือก็ยกขึ้นมาขยี้ตาและศีรษะของตัวเองให้อาโปต้องก้มหน้าแอบขำคุณไฟในลุคส์นี้



“อือ อาบน้ำก่อน”



มองคุณไฟที่ตอบรับอืออาก็ปิดประตูห้องไป อาโปยิ้มให้คุณไฟอีกครั้งถึงแม้คุณไฟจะไม่เห็นจากนั้นก็เดินหมุนตัวกลับไปเพื่อจะไปล้างพวกอุปกรณ์ทำครัวที่เข้าพึ่งใช้ทำอาหารให้คุณไฟเสร็จ



♥`•.¸¸.•´♥



ไฟเดินออกมาจากห้องนอนของตนเองด้วยชุดนักศึกษาเรียบร้อยตามความคิดของเขาเอง มองหาอาโปในห้องทานอาหารก็ไม่ยักเจอ เลยเดินไปดูในครัวก็เห็นอาโปกำลังเช็ดจานที่พึ่งล้างเสร็จอยู่



เขายืนกอดอกพิงผนังห้องครัวมองอาโป เด็กที่เคยเล่นกับเขาแต่ก่อนยังตัวเล็กๆจับไปตั้งนู่นตั้งนี่ได้หมดเลย พออาโปโตมาก็ดูจะสูงขึ้นและมีเนื้อหนังมากขึ้นกว่าตอนนั้นแต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังโตไม่เต็มที่สักเท่าไหร่ เขาว่าถ้าอาโปเข้าเรียนในมหา’ลัยคงจะตัวโตหรือสูงขึ้นมากกว่านี้แน่



“คุณไฟ” เด็กที่ถูกเจ้าของห้องยืนมองอยู่นานเรียกชื่อขึ้นเมื่อหันหลังมาเจอแล้วเห็นคุณไฟกำลังยืนกอดอกมองเขาอยู่



“อืม”



“ผมตั้งโต๊ะให้นะครับ ขอโทษที่ช้านะครับ”



“อืม”



อาโปเป็นคนที่ติดพูดคำว่าขอโทษและขอบคุณเสมอถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม แรกๆไฟก็ขัดหูนิดหน่อยแต่พอได้อยู่กันมานานวันเข้าเขาก็คิดว่าตัวเองเริ่มจะชินกับสิ่งที่อาโปพูดและสิ่งที่อาโปทำเสียแล้วและสิ่งเหล่านั้นไฟก็ยอมรับว่ามันมีแต่สิ่งดีๆที่เกิดจากการกระทำของอาโป



ไฟเดินตามหลังอาโปไปยังโต๊ะทานข้าว อาโปตั้งโต๊ะให้ไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงผายมือให้ไฟนั่งลงจะได้ทานอาหารเช้าสักที กลัวเหลือเกินว่าคุณไฟจะไปเรียนไม่ทันหากเขาชักช้ากว่านี้



“ไม่กิน?”



“ผมทานมาจากที่บ้านแล้วครับ คุณไฟตามสบายเลยนะครับ ผมขอตัวไปทำความสะอาดห้องก่อนนะครับ” ว่าเสร็จสรรพก็เดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านออกมา



ไฟนั่งมองอาโปทำงานบ้านเงียบๆ เด็กน้อยที่ได้รับหน้าที่พ่อบ้านก็ดูจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานหรือขยับตัว เขาเชื่อแล้วล่ะว่าอาโปอยู่นิ่งไม่ได้ ขนาดให้วันหยุดเพื่อไปพักผ่อนที่บ้านใหญ่ อาโปยังไปขุดดินเล่นกับลุงชมคนสวนของบ้านอยู่เลย



กว่าเขาจะทานอาหารเช้าของอาโปหมดก็เป็นเวลาแปดโมงครึ่ง ซึ่งไฟที่มีเรียนเก้าโมงก็ไม่ได้ดูรีบร้อนจะไปเรียนอะไรแต่อาโปนี่สิลนลานหาถุงเท้ากับรองเท้ามาให้เขาใส่เพราะกลัวว่าเขาจะไปเรียนสายซะเอง



“คุณไฟใส่เลยครับเดี๋ยวจะสายเอา” อาโปนั่งยองๆลงตรงหน้าคุณไฟเพื่อจะสวมรองเท้าให้



“ลุกขึ้น”



“ครับ?” เงยหน้าขึ้นมองคุณไฟอย่างไม่เข้าใจ



“ใส่เองได้”



คนที่โดนสั่งทำหน้าเหรอหรา ค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วยกมือขึ้นมาเกาหัวแกรกๆต่อหน้าคุณไฟ



“อ่า...ผมขอโทษทีครับ ผมแค่กลัวว่าคุณไฟจะไปเรียนสาย”



ไฟส่ายศีรษะ ยิ้มให้นิดๆแล้วว่า “อือ ขอบใจมาก”



พร้อมกับมือที่แปะลงบนศีรษะอาโปแล้วขยี้เบาๆสองสามทีก็เดินออกจากห้องของตนเองไปเหลือไว้แค่เพียงเด็กน้อยที่ยกมือขึ้นมาทาบทับตรงบริเวณที่คุณไฟเคยสัมผัส หัวใจดวงน้อยๆก็เกิดเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้รู้เลยว่ามุมปากของตัวเองกำลังยกยิ้มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นยิ้มกว้างในที่สุด



บ้าไปแล้ว...เขาใจเต้นแรงแค่เพราะคุณไฟขยี้ศีรษะของเขาหรือเนี่ย!



แล้วยังจะยิ้มเพียงเพราะแค่เรื่องแค่นี้เองหรือ....อาโปถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ



♥`•.¸¸.•´♥



มองตารางเรียนวันนี้ของคุณไฟก็พบว่าคุณไฟเลิกเรียนตอนสี่โมงเย็น อาโปส่งข้อความไปถามคุณไฟว่าจะให้ทำอาหารรอเลยหรือเปล่า คุณไฟไม่ได้บอกว่าทำเลยแต่ตอบแค่ว่าวันนี้อยากกินแกงจืดหมูสับกับไข่เจียวเท่านั้น คนที่ได้รับข้อความก็เลยต้องเดาเอาเองว่าคุณไฟคงให้ทำอาหารรอเลย



แกงจืดหมูสับที่อาโปพึ่งทำเสร็จถูกพักไว้ในหม้อ เดินไปหยิบไข่ออกมาสามฟองและตอกไข่ใส่ถ้วย ตีไข่ให้เข้ากันก็ปรุงรสนิดหน่อย



จัดการตั้งกระทะเพื่อเตรียมทอดไข่ พอไฟร้อนแล้วก็ใส่ไข่ลงไปในกระทะจนเกิดเสียงฟู่วและกลิ่นหอมของไข่ออกมาทันที



อาโปเป็นคนที่เมื่อได้ทำอะไรหรือตั้งใจกับสิ่งไหนแล้วก็ใจไม่สนใจสิ่งแวดล้อมใดๆทั้งสิ้น ขนาดเจ้าของห้องกลับมาและจนมายืนอยู่ด้านหลังตนเองแล้วอาโปก็ยังเอาแต่ยืนพลิกไข่เจียวสีเหลืองน่ารับประทานไปมาอยู่เลย



“หอม”



“โอ๊ะ!...คุณไฟ!” เขาสะดุ้งตอนที่ได้ยินเสียงคุณไฟใกล้ๆพร้อมกับใบหน้าของคุณไฟโน้มลงมาใกล้เพื่อสูดกลิ่นหอมของไข่เจียวในกระทะ



แต่ว่า...หน้าคุณไฟจะใกล้หน้าอาโปเกินไปหรือเปล่า?



“ทำต่อสิ” คุณไฟหันมาบอก นั่นเลยยิ่งทำให้จมูกคุณไฟตรงกับแก้มอาโปเข้าไปอีก



“คะ..ครับ”



อาโปเจียวไข่ด้วยใจที่เต้นแรงมากขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคุณไฟไม่ยอมเอาหน้าของตัวเองออกไปสักที ถ้าอยากจะดูก็เปลี่ยนมายืนข้างๆเขาแล้วก็ดูได้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?



เหตุผลของการกระทำของคุณไฟคืออะไร...อาโปไม่เห็นจะเข้าใจมันเลย



ไฟมองอาโปด้วยความขบขัน แค่เพียงเขาเอาหน้าเข้าใกล้อาโปก็ทำอะไรไม่ถูกเสียแล้ว พึ่งรู้วันนี้นี่เองว่าการได้แกล้งเด็กคนนี้มันสนุกขนาดที่ว่าไฟคิดแผนการแกล้งอาโปเอาไว้มากมายไปเสียแล้ว



ตอนนี้คงพอแค่นี้ก่อน หากไม่ยอมถอยหน้าของตัวเองออกมา เขาว่าวันนี้ตัวเองคงได้ทานไข่ไหม้ๆของอาโปแน่ๆ แค่นี้อาโปก็พลิกไปพลิกมาจนไข่ที่เป็นแผ่นสวยขาดออกจากกันเกือบหมดแล้ว



“เสร็จแล้วก็ตั้งโต๊ะเลยนะ” ไม่วายก่อนไปก็แกล้งกระซิบข้างหูเด็กมันอีกจนตะหลิวที่อาโปถืออยู่เกือบล่วงหล่นลงพื้น



ไฟยิ้มขันไม่ให้เด็กมันเห็นก็เดินออกจากห้องครัวไป ปล่อยให้อาโปยืนทำตาโตตกใจเหมือนนกฮูกอยู่คนเดียว



เมื่อคุณไฟออกไปไม่กี่นาทีหลังจากนั้นอาโปก็ถอนหายใจเฮือกออกมา พึ่งได้รู้วันนี้ว่าการได้อยู่ใกล้คุณไฟจะทำให้หัวใจของตนเองทำงานหนักขนาดนี้



ไข่เจียวที่ถูกเจียวมานานก็ได้เวลาที่ต้องเอาขึ้นจากกระทะ อาโปพักให้น้ำมันออกจากไข่ ไปตักแกงจืดใส่ถ้วยพร้อมกับตักข้าวสำหรับเขาและคุณไฟ



เดี๋ยวนี้อาโปทานข้าวเย็นกับคุณไฟเป็นเรื่องปกติเพราะหากไม่ทานคุณไฟก็จะเรียกและกดดันจนกว่าอาโปจะยอมทานนั่นแหละ จากนั้นมาอาโปเลยรู้หน้าที่ตัวเองว่าต้องทานข้าวกับคุณไฟทุกๆเย็นเพราะมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงคุณไฟไม่ได้บังคับอาโป



อาหารทั้งสองอย่างและข้าวอีกสองจานถูกตั้งลงตรงหน้าของเจ้าของห้อง กลิ่นอาหารทำเอาคนที่พึ่งกลับมาจากเรียนท้องร้องนิดหน่อย อาหารที่อาโปทำอร่อยทุกอย่าง ทุกวันนี้เขาเลยไม่ค่อยได้ออกไปทานข้าวข้างนอกสักเท่าไหร่ มีคนทำให้อยู่แล้วก็ไม่รู้จะเปลืองเงินไปทานข้างนอกทำไมทั้งที่อาหารที่ห้องก็อร่อยจนเขาติดใจรถมือไปแล้ว



อาโปทานข้าวเงียบๆยังคงเกร็งกับสถานการณ์ความใกล้ชิดกับคุณไฟที่พึ่งพบเจอมาหมาดๆ เขาเลยไม่ค่อยกล้ามองหน้าคุณไฟที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม



“กินเยอะๆจะได้โต” ไฟว่าพร้อมตักแกงจืดให้อาโป



คนถูกตักอาหารให้สะดุ้งตกใจ ตอนนี้คุณไฟจะทำอะไรเขาก็ตกใจขวัญอ่อนไปเสียหมดแล้ว อาโปรู้สึกว่าจะเป็นคนเสียขวัญง่ายเหลือเกินตั้งแต่มาอยู่ที่นี่



“ขะ..ขอบคุณครับ” แถมยังเป็นคนพูดตะกุกตะกักไปอีก



เขาอยากบอกให้คุณไฟช่วยปราณีต่อจิตใจเขาหน่อย หากคุณไฟจะช่วยขยับถอยห่างเขาและไม่เข้าใกล้เขาไปกว่านี้ อาการต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นคงหายไปแต่เขาจะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อเขาก็ห้ามอะไรคุณไฟไม่ได้อยู่แล้ว



♥`•.¸¸.•´♥
.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺



แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Seven





//



The truth is I gave my heart away a long time ago

my whole heart and I never really got it back

ความจริงคือฉันได้มอบหัวใจให้ใครคนหนึ่งไปทั้งดวง

และฉันไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้อีก

(Sweet Home Alabama (2002))


//












อาโปลงมาซื้ออาหารสดไปไว้ที่ห้องของคุณไฟอย่างเช่นเคย ครั้งนี้อาหารหมดช้ากว่าครั้งก่อนๆคงเพราะเขาเพิ่มปริมาณให้เยอะมากยิ่งขึ้น



คุณไฟให้เงินอาโปไว้สองพันบาทเหมือนเดิม อาโปขอแค่พันเดียวแต่คุณไฟก็มองอาโปเขม็งจนอาโปต้องรับไว้คุณไฟถึงจะพอใจ



วันนี้คุณไฟไม่มีเรียน อาโปเลยต้องอยู่กับคุณไฟที่ห้องสองคนอีกแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเหมือนอย่างตอนแรกแล้ว คุณไฟไม่ได้ดุหรือใจร้ายอย่างที่คิด อืม...ดุบ้างบางครั้งแต่ก็เพราะความซุ่มซ่ามหรือความมึนเบลอของอาโปเอง



แต่อาการที่แปลกไปและมาแทนที่ความอึดอัดในครั้งแรกคืออาการใจเต้นแรงและไม่กล้าสบตาคุณไฟของอาโป เขารู้สึกว่าพอได้สบตาหรืออยู่ใกล้กับคุณไฟทีไรหัวใจที่ไม่รักดีก็พลอยเต้นแรงอยู่เรื่อยเลยอีกทั้งเวลาคุณไฟมองมาอาโปก็มักจะเบนสายตาไปมองอย่างอื่นยกเว้นใบหน้าของคุณไฟ



ไม่รู้สิ...มันรู้สึกเขินอายยังไงชอบกล อาโปก็อธิบายไม่ค่อยถูก



อาโปพยายามควบคุมสีหน้าน้ำเสียงและท่าทางของตัวเองแล้วแต่มันก็ไม่ได้อยู่ดี มันมักจะเผลอหลุดอาการเด๋อด๋าทุกครั้งต่อหน้าคุณไฟจนอาโปเองก็เขินอายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก



สะบัดหัวไล่ความคิดที่เอาแต่นึกถึงคุณไฟออก ยิ่งคิดมากเท่าไหร่อาโปก็ยิ่งฟุ้งซ่านมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาควรจะเลิกคิดและไม่ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้



“อาโป” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้อาโปที่กำลังจะเดินไปยังแผนกของสดหยุดชะงักแล้วหันไปมองตามเสียงที่เรียกชื่อของตนเอง



“อ้าว...พี่ชัช สวัสดีครับ” เขายิ้มพร้อมยกมือขึ้นไหว้ทักทายคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา



“ไม่ต้องไหว้ๆ” ชัชส่ายมือพัลวันให้กับเจ้าเด็กที่มารยาทดีเหลือเกิน



“ได้ไงล่ะครับ พี่ชัชอายุมากกกว่าผม ผมต้องไหว้ก็ถูกแล้ว”



“ก็ได้ๆแต่ดีใจจังแฮะอาโปจำพี่ได้ด้วย”



“โธ่~ ผมก็ไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้นะครับ”



อาโปโอดครวญใส่พี่ชัช ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเมื่อคราวนั้นเขากับพี่ชัชก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย นี่ก็นับว่าเป็นการเจอกันครั้งที่สองได้เลยล่ะมั้ง



“ดีจัง แล้ววันนี้มาซื้ออะไรล่ะ?” ว่าพร้อมมองดูรถเข็นของเจ้าตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า



“พวกอาหารสดกับเครื่องปรุงนิดหน่อยครับ”



“โอ๊ะโอ....วันนี้หยิบน้ำปลาถึงแล้วหรือครับ?” ชัชว่าอย่างล้อเลียน ชี้นิ้วไปที่ขวดน้ำปลายี่ห้อเดิมที่เคยหยิบให้อาโปเมื่อครั้งแรกที่เจอกัน



“ไม่ถึงหรอกครับแต่พนักงานที่นี่ก็มีนี่นา~~”



“โธ่...” ยิ้มให้อาโปด้วยความเอ็นดูกับคำตอบที่แสนซื่อแบบนั้น ไม่รู้จะมีใครตอบเขาแบบนี้แล้วทำให้เขาเอ็นดูได้เท่ากับอาโปอีกหรือเปล่า



“พี่ชัชล่ะครับ มาซื้ออะไร?” อาโปมองคนตรงหน้าก็ไม่ยักจะเห็นพี่ชัชถือของอะไรไว้ในมือแถมยังไม่มีตะกร้ากับรถเข็นติดตัวเหมือนเขาและคนอื่นๆที่มาซื้อของที่นี่เลย สงสัยมาเดินตากแอร์เล่นล่ะมั้ง แต่ซุปเปอร์มาเก็ตเนี่ยนะ?



“ไม่ได้มาซื้ออะไรหรอกครับ แค่แวะมาดูเผื่อจะเจอเด็กแถวนี้แล้วก็เจอจริงๆด้วย” เขาตอบไปตามจริงแต่ดูท่าอาโปจะไม่เข้าใจว่าเด็กที่เขาพูดถึงก็คือเจ้าตัวนั่นแหละ



“หือ...เด็กหรือครับ?” อาโปถามพาซื่อ มองซ้ายมองขวาหาเด็กที่พี่ชัชว่าก็ไม่เห็นจะมี



“ครับเด็ก...แต่เด็กไม่รู้ตัวหรอกครับพอดีเขาซื่อน่ะ” ชัชว่ายิ้มๆ มองอาโปพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจสิ่งที่เขาพูด เห็นแล้วก็หมั่นเขี้ยวเด็กตรงหน้าจริงๆ



“อ๋า~ งั้นโปขอตัวก่อนนะครับ ถ้าซื้อของช้ากว่านี้เจ้านายต้องไล่ออกแน่เลย” เขาก็พูดไปงั้นแหละ คุณไฟคงไม่ไล่เขาออกหรอกเพราะคนที่ไล่เขาออกได้ก็มีแต่คุณผู้หญิงเท่านั้น…มั้ง เรื่องนี้อาโปก็ยังไม่แน่ใจเพราะยังไม่เคยโดนคุณไฟไล่อาโปออกสักที



“ครับ งั้นโอกาสหน้าไว้เจอกันใหม่นะ”



คนโตกว่าว่าพร้อมโบกมือลาเจ้าตัวเล็กที่พยักหน้าหงึกหงักแล้วโบกมือให้เขากลับ เขาไม่ได้ขอเบอร์หรือช่องทางติดต่อกับอาโปเพราะคิดว่าการได้เจอกันแบบนี้ก็เป็นอะไรที่สนุกและลุ้นดี สนุกที่เขาต้องคอยมาวนเวียนในซุปเปร์มาเก็ตแห่งนี้เกือบทุกวันเพื่อรอเจออาโปและลุ้นเอาอีกทีว่าวันนั้นจะได้เจอหรือไม่ได้เจอเจ้าเด็กน้อยที่เขามารอ



♥`•.¸¸.•´♥


อาโปเดินออกมากจากซุปเปอร์มาเก็ตด้วยข้าวของพะรังพะรังอย่างเช่นเคย คนที่เคยพบเห็นอาโปก็คงจะเริ่มชินตากันบ้างแล้วที่เห็นเด็กหนุ่มเดินถือของเต็มไม้เต็มมือออกจากซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้



ยังไม่ทันที่อาโปจะเดินข้ามถนนกลับไปฝั่งคอนโดของคุณไฟ เขาก็สังเกตเห็นคุณไฟกำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามและมองมาที่เขาอยู่



เขาพยายามเพ่งมองสิ่งที่คุณไฟพูดออกมา เพ่งสายตาไปที่ริมฝีปากได้รูปของคุณไฟก็อ่านคำที่คุณไฟต้องการเอ่ยออกมาได้ว่า



“รออยู่ตรงนั้น”



อาโปไม่ค่อยเข้าใจคำสั่งคุณไฟเท่าไหร่แต่เขาก็ยอมพยักหน้าแล้วยืนรอตามที่คุณไฟบอกอาโปไว้



คนที่สั่งเด็กให้ยืนรอหน้าซุปเปอร์มาเก็ตมองซ้ายขวารอให้รถโล่งเพื่อจะข้ามไปรับอาโป เขารู้ว่าทุกครั้งอาโปมักจะซื้อของมาเยอะและเต็มสองไม้สองมือตลอด ครั้งนี้เขาเลยเลือกที่จะเดินลงมาจากห้องเพื่อมาช่วยอาโปและเป็นเวลาพอดีกับที่อาโปกำลังจะข้ามถนน เขาเลยสั่งให้อาโปยืนรอฝั่งตรงข้ามก่อนเพื่อจะได้รอเขาข้ามไปหา



รอไม่กี่อึดใจรถบนถนนก็โล่ง ไฟใช้ทางม้าลายเพื่อข้ามถนนไปหาอาโปที่รออยู่ฝั่งตรงข้าม เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆยืนรอเจ้านายอย่างเชื่อฟัง พอคุณไฟข้ามถนนมาถึงตัวอาโปเขาก็แย่งถุงของมากมายจากมือขวาของอาโปไปถือไว้กับตัวเองทันที



“ช่วย”



อาโปมองคุณไฟพลางยกยิ้มให้



“ขอบคุณครับ”



เขาเลือกที่จะไม่ปฏิเสธน้ำใจของคุณไฟให้คุณไฟเสียน้ำใจและอาจจะเสียเวลาได้ที่พอลงมาแล้วอาโปเอาแต่บอกปฏิเสธไม่ให้คุณไฟช่วย



“จับไว้” ไฟยื่นมือข้างซ้ายไปไว้ตรงหน้าอาโป



“เอ่อ...” อาโปอ้ำอึ้งไม่กล้ายกมือขึ้นมาจับตามที่คุณไฟบอก



ไฟถอนหายใจคิดไว้แล้วว่าอาโปคงจะไม่ยอมจับ เขาเลยถือวาสาสะคว้ามือขวาของอาโปไปกุมไว้ไม่ได้สนใจคนที่กำลังทำตาโตด้วยความตกใจ แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำอย่างไม่รู้สาเหตุอีกทั้งยังหัวใจที่เต้นรัวเร็วเหมือนจะทะลุออกมานอกอกให้ได้นี้อีก อาการเหล่านี้ก็เกิดจากที่คุณไฟกำลังกุมมือเขาไว้เพียงเท่านั้น



ทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแต่คุณไฟก็ทำให้มันเกิดขึ้นจนได้...



ไฟจับจูงพาอาโปข้ามถนนเมื่อรถว่างแล้ว เขาไม่ได้ปล่อยมืออาโปออกยังคงเกาะกุมไว้เหมือนเคยอย่างหน้าตาเฉย



พอเดินผ่านประชาสัมพันธ์ใจดีข้างล่างเธอก็ยิ้มให้อาโปเช่นเคยแต่อาโปก็ยิ้มตอบกลับไปอย่างเขินอายด้วยนึกว่าหญิงสาวประชาสัมพันธ์ยิ้มแซวที่เห็นคุณไฟกุมมืออาโปไว้ ทั้งที่จริงแล้วนั้นอาโปคงจะลืมไปว่าหญิงสาวประชาสัมพันธ์กับอาโปยิ้มให้กันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว



คนอายุมากกว่าเดินจูงมือเด็กน้อยอาโปเข้ามาในลิฟต์ อาโปเงยหน้ามองคุณไฟเพื่อจะบอกให้ปล่อยอาโปได้แล้วแต่ลิฟต์กลับถูกเปิดออกทั้งที่ยังไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน มีหญิงสาวคนหนึ่งพร้อมกับฝรั่งอีกคนเดินเข้ามาในลิฟต์ ไฟกับอาโปจึงเขยิบถอยเพื่อแบ่งพื้นที่ให้สองคนที่มาใหม่จากนั้นลิฟต์ก็ปิดลง



ภายในลิฟต์เงียบสนิทไม่กี่อึดใจก็มีเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวที่ยืนข้างหน้ากับหนุ่มฝรั่งเล็ดลอดออกมาอาโปได้ยินเสียงทุ้มของฝรั่งคนนั้นหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะตกใจเมื่อหนึ่งหญิงหนึ่งชายจูบกันในลิฟต์ต่อหน้าอาโปและคุณไฟไม่มีความเขินอายสักนิดเดียว



อาโปที่เห็นเหตุการณ์ไม่คาดคิดนั้นก็ตาโตและเกือบอุทานเสียงดังออกมาหากไม่ได้คุณไฟบีบมือที่กุมกันไว้ให้อาโปรู้ตัวว่าไม่ควรเสียมารยาทด้วยการเผลอเสียงดังใส่สองคนนั้น



เขายืนนิ่งหลับตาปี๋กระชับมือของคุณไฟที่กอบกุมเขาไว้ เกิดมาจนอายุสิบแปดปีจะย่างเข้าสิบเก้าอยู่แล้วเขาก็ไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิตสักที อย่างมากก็เห็นในโทรทัศน์ที่พี่แก้วกับแม่บ้านคนอื่นๆดูกัน ขนาดตอนดูโทรทัศน์เขายังยกมือขึ้นมาปิดตาเลย นับประสาอะไรกับเห็นภาพจริงแบบนี้



ดีที่ทั้งสองคนออกจากลิฟต์ที่ชั้นห้าเลยทำให้อาโปหายใจหายคอโล่งไปหน่อย หากเกิดว่าทั้งสองคนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่สูงกว่าชั้นที่คุณไฟอยู่ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองกับคุณไฟจะขอตัวออกจากลิฟต์กับคุณสองคนนั้นยังไง



“เป็นอะไร?” ไฟก้มลงถามเด็กที่ยืนข้างๆ เขาสัมผัสได้ว่ามือของอาโปที่เขากุมอยู่มันชื้นไปด้วยเหงื่อและขมับของเด็กคนนี้ก็มีเม็ดเหงื่อผุดพรายตามกรอบหน้าและไรผม



“อ่า...เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร”



ไฟพยักหน้าไม่ได้ถามอะไรอาโปต่อ คงจะอากาศร้อนเหงื่อเลยออกล่ะมั้ง



♥`•.¸¸.•´♥



พอเข้ามาในห้องได้อาโปก็ขอตัวจากคุณไฟไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของคุณไฟ เขารู้สึกร้อนตั้งแต่โดนคุณไฟจับมือและยิ่งร้อนไปอีกตอนที่เห็นคนจูบกันต่อหน้าเขาในลิฟต์



หยดน้ำใสเกาะพราวตามกรอบหน้าของเด็กหนุ่ม อาโปมองกระจกแล้วจ้องมองใบหน้าของตนเองที่แดงก่ำแล้วถอนหายใจออกมาเซ็งๆ เขารู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายตัวเองเสียการควบคุมอย่างง่ายดายยังไงก็ไม่รู้ คงจะเพราะความฟุ้งซ่านและคิดมากของตัวเองเลยทำให้เป็นแบบนี้



“อาโป” เสียงของคุณไฟเรียกอาโปจากหน้าประตูห้องน้ำ



“ครับคุณไฟ” เขาตอบรับพลางลูบหยดน้ำที่เกราะพราวออกจากใบหน้าตนเอง



“เสร็จหรือยัง?”



ตรวจเช็คสภาพของตัวเองอีกนิดหน่อยก็เปิดประตูห้องน้ำออกไป



“เสร็จแล้วครับ คุณไฟมีอะไรหรือเปล่า?” เขาถามคนที่ยืมขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้า



“หิว” ไฟว่าสั้นๆพร้อมกับลูบหน้าท้องของตนเองแสดงให้อาโปดูว่าเขาหิวจริงๆ



“อ่า...ครับผมจะไปทำให้เดี๋ยวนี้แหละครับ” อาโปพยักหน้า ขอตัวกับคุณไฟออกจากห้องเพื่อจะได้ไปทำอาหารให้เจ้าของห้องทาน



“อือ เร็วๆนะ”



เขาอมยิ้มกับคำพูดของคุณไฟแล้วเดินออกมาจากห้อง ตรงเข้าครัวเหมือนเช่นเคยจากนั้นก็เริ่มลงมือทำอาหารให้คุณไฟที่บ่นว่าหิวได้ทาน



อาโปมองหาแม่พิมพ์ที่เคยซื้อไว้เมื่อหลายวันก่อนเพื่อจะเอามาทอดไข่ดาวรูปสวยๆให้คุณไฟได้ทานแต่อาโปเดินวนหาในครัวตั้งนานแล้วก็ไม่ยักเห็นสิ่งที่ตัวเองหาสักที



“หาอะไร?” เขาหันไปมองคนพูด เมื่อเห็นว่าเป็นคุณไฟก็หาของต่อพลางตอบคำถามของคุณไฟไปด้วย



“แม่พิมพ์ครับ”



“อยู่...” ไม่ทันได้พูดจบ พ่อบ้านของเขาก็ส่งเสียงพูดขึ้นมาก่อน



“เจอแล้ว~~” อาโปเขย่งเท้าขึ้น ยื่นมือไปยังตู้ข้างบนที่เขาเจอแม่พิมพ์อยู่ในนั้นแต่มันสูงเกินไปอาโปเลยต้องใช้วิธีเขย่งเอา



“ฉันหยิบ...อาโป!” ไฟว่าเสียงตกใจ รับร่างอาโปที่เกือบล้มไว้ในอ้อมแขนตนเอง



“อ่า...คือ...” อาโปตะกุกตะกุก มือของเขาขยุ้มเสื้อคุณไฟที่จับยึดเอาไว้ตอนล้มเมื่อกี้



“ซุ่มซ่าม”



อาโปบึนปากอย่างไม่ตั้งใจ ไฟที่เห็นแบบนั้นก็ยกยิ้มขำมองดวงหน้าของอาโปที่อยู่ตรงหน้าอย่างสำรวจ ตาของอาโปเป็นตาสองชั้นแถมดวงตาของอาโปยังกลมโตใสแจ๋วมีแววใสซื่ออยู่ในนั้น จมูกโด่งเชิดรั้นและริมฝีปากสีพีชอวบอิ่มที่เขาเห็นทีไรก็อดไม่ได้ต้องเผลอจ้องมันทุกที



อาโปใจเต้นไม่เป็นส่ำตอนคุณไฟค่อยๆโน้มใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ๆใบหน้าของอาโป ดวงตาของคุณไฟสบจ้องกับดวงตาของอาโปเนิ่นนานก่อนค่อยๆไล่สายตาลงไปเรื่อยๆจนกระทั่ง...



“คะ...คุณไฟครับ” เขาเรียกคุณไฟไว้ก่อนทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้



ไฟที่ได้ยินเสียงเรียกอาโปก็หลุดออกจากภวังค์ มองใบหน้าอาโปที่มีแววตื่นตระหนกเขาเลยค่อยๆคลายอ้อมแขนที่กอดอาโปเอาไว้อยู่ออกให้อีกคนได้เป็นอิสระ



“เอ่อ...” เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับเด็กตรงหน้านี้ดี



“ขะ...ขอบคุณนะครับ” เขาเอ่ยตะกุกตะกัก นึกถึงสิ่งที่คุณไฟจะทำเมื่อกี้แล้วสองข้างแก้มของเด็กหนุ่มก็แดงขึ้นมาเสียดื้อๆจนเจ้าของที่รู้ตัวก็ยกมือขึ้นมากุมแก้มทั้งสองข้างของตนเองไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คุณไฟได้เห็นแก้มของเขา



คนโตกว่าไม่ได้ทักท้วงอะไรกับท่าทางแบบนั้นของอาโป เขาเห็นตั้งแต่เด็กคนนี้ยืนคิดอะไรสักพักแล้ว จากนั้นตาที่โตอยู่แล้วก็โตขึ้นเรื่อยๆ สองข้างแก้มกลมป่องก็ค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่อน่ามองกระทั่งเจ้าของยกมือขึ้นมาบดบังไว้ไม่ให้เขาได้เห็นอีก



“ฉันหยิบให้” เขาว่าพลางชี้ไปที่แม่พิมพ์ที่อาโปต้องการ



ไฟจำได้ว่าตนเองเป็นคนเอาแม่พิมพ์อันนี้ไปเก็บไว้บนตู้ชั้นบนเองเพราะเขาเห็นมันตั้งอยู่ไม่เป็นที่และคิดว่าอาโปคงลืมเก็บเขาเลยอาสาเก็บให้โดยที่อาโปก็คงยังไม่รู้เลยได้วุ่นวายหาขนาดนี้



“ครับ..ขอบคุณครับ” พยักหน้าหงึกหงักทั้งที่คางชิดอกและก้มหน้าต่ำไม่ยอมมองหน้าเจ้าของห้องสักนิดเดียว



ไฟไม่ได้ถือสา ยื่นมือขึ้นไปหยิบแม่พิมพ์ที่อาโปต้องการแล้วยื่นให้คนตัวเล็กที่ยังคงยืนก้มหน้าคางชิดอกอยู่เหมือนเดิม



“รีบๆนะหิวแล้ว”



“คะ...ครับ”



พออาโปรับแม่พิมพ์จากคุณไฟไปไว้กับตนเอง คนที่บอกให้รีบทำอาหารก็จ้องมองเด็กตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเอ็นดูอยู่ครู่หนึ่งก็ยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะอาโปแล้วโยกหัวไปมาเบาๆก็เดินออกไป เหลือทิ้งไว้แค่เพียงอาโปที่ยืนหน้าแดงลามไปถึงตัวแดงไว้คนเดียวในห้องครัว



อาโปยืนนิ่งตั้งสติให้กับตัวเอง



บ้าจริง! เมื่อกี้คุณไฟเกือบจูบอาโปงั้นหรือ!?



♥`•.¸¸.•´♥



หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านมาสามวันแล้วแต่อาโปก็ยังไม่ค่อยกล้ามองหน้าคุณไฟเหมือนตอนแรกๆเท่าไหร่ พอมองทีไรเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นก็ฉายชัดขึ้นมาเป็นภาพให้อาโปได้เห็นทันที



เขาเอามือกุมแก้มตัวเองอีกครั้ง จากวันนั้นมาท่ากุมแก้มก็เหมือนท่าประจำของอาโปไปซะแล้ว แก้มอาโปร้อนมากๆและอาโปเดาว่าแก้มของเขาคงแดงไม่แพ้ความร้อนที่รู้สึกได้เลย



เมื่อไหร่อาโปจะหยุดคิดเรื่องวันนั้นสักที ขนาดอาโปนอนหลับ เรื่องวันนั้นยังตามเข้าไปหลอกหลอนอาโปถึงในฝันเลย...



“เป็นอะไร?” ไฟที่สังเกตเห็นว่าอาโปเอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองสลับกับเอาหัวโขกโซฟาก็ถามขึ้นตอนที่เดินออกมาจากห้องนอนของตนเอง



“อ่า...ป่าว ป่าวครับคุณไฟ” เขายิ้มแฉ่งจ้องมองคุณไฟในชุดนักศึกษาและก็ต้องหลบตาทันทีเมื่อคุณไฟมองตอบกลับเขามาเช่นกัน



“อือ กินอาหารเช้าด้วยกันไหม?”



ช่วงนี้คุณไฟชวนอาโปทานอาหารเช้าด้วยบ่อยๆแต่เขาปฏิเสธไป เขายังไม่กล้าเผชิญหน้าคุณไฟเท่าไหร่นัก อย่าว่าแต่อาหารเช้าเลย อาหารเย็นที่เขากับคุณไฟทานด้วยกันประจำอาโปยังเลี่ยงที่จะร่วมโต๊ะกับคุณไฟนับตั้งแต่วันนั้นแต่คุณไฟก็ไม่ได้ว่าอะไร



“ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณไฟเลยครับ” เขาว่าพร้อมผายมือให้คุณไฟเดินไปยังโต๊ะทานอาหาร



ไฟพยักหน้าเดินไปยังโต๊ะทานอาหารเงียบๆโดยไม่ได้เซ้าซี้หรือถามอะไรอาโปอีก เขารู้ว่าอาโปยังไม่กล้ามองหรือกล้าคุยกับเขาเท่าไหร่นับตั้งแต่วันนั้น เขาเดาว่าอาโปคงจะเขินหรืออายกับเรื่องวันนั้นอยู่



แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนั้น...เขาคิดจะจูบอาโปจริงๆ



อาโปไม่ได้เข้าไปหาคุณไฟที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่แต่เขาเลือกจะรออยู่ที่ห้องรับแขกหากคุณไฟอยากได้อะไรเขาคงจะเรียกใช้อาโปเอง



“อาโป” นั่นไงล่ะยังคิดไม่ถึงนาที คุณไฟก็เรียกหาอาโปแล้ว



“ครับคุณไฟ” เขาเดินมาหยุดตรงหน้าคุณไฟแต่ใบหน้ายังคงก้มงุดเหมือนเดิม



“อิ่มแล้ว”



“ครับ” เขาทำท่าจะหยิบจานที่คุณไฟทานเสร็จแล้วแต่คุณไฟกลับดึงรั้งข้อมือของอาโปเอาไว้เสียก่อนทำให้อาโปหยุดชะงักการกระทำทั้งหมดแล้วเหลือบตามองคุณไฟอย่างกล้าๆกลัวๆ



“ตอนเย็นฉันอยากินต้มยำทะเลกับกุ้งอบวุ้นเส้น” ไฟว่านิ่งๆพร้อมกับยื่นมืออีกข้างที่ว่างอยู่ยื่นไปเชยคางให้อาโปเงยหน้าขึ้นมามองเขา



“คะ..ครับ” เขาทำใจกล้าสบตาคุณไฟที่มองอยู่พยักหน้าหงึกหงักรับทราบคำสั่งของคุณไฟ



“รอกินด้วยกัน ห้ามปฏิเสธ”



“แต่...ผม..”



“บอกว่าห้ามปฏิเสธ” ไฟเอ่ยย้ำอีกรอบ



“ครับ ผมจะรอ” เขายอมตกลงในที่สุด



“อืม ไปเรียนนะ” ไฟว่าพร้อมปล่อยมือของอาโปออกจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย



“คะ...ครับ ขับรถดีๆนะครับคุณไฟ”



“ขอบใจ”



ก่อนไปคุณไฟก็ยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะอาโปเบาๆก็เดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงอาโปที่หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกไว้คนเดียวอีกแล้ว...



♥`•.¸¸.•´♥
.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺



มาต่อให้แย้วว ขอโทษที่มาช้าค่าวันนี้มาต่อให้สองตอนเลย ยังไม่ได้เช็คคำผิดเด้อออ

แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Eight





//





Love does not end just because you stop seeing each other.
ความรัก ไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่เพราะคุณยุติการพบเจอ


The End of the Affair (1999))




//











เป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่อาโปมาอยู่ที่นี่และทำหน้าที่พ่อบ้านให้คุณไฟ ทุกอย่างดูจะราบรื่นและปกติดีหากเหตุการณ์ใกล้ชิดกันเกินไปของอาโปและคุณไฟไม่เกิดขึ้น



เดี๋ยวนี้คุณไฟชอบเข้ามายืนใกล้ๆนั่งใกล้ๆอาโปตลอด เวลาอาโปจะเดินไปไหนทำอะไรคุณไฟก็ชอบถามไม่ก็มองตามอาโปทุกที อีกอย่างเวลาอาโปเดินไปเข้าห้องน้ำในห้องนอนของคุณไฟ คุณเขาก็มักจะถามอาโปว่า



..



“มานอนกับฉันไหม?”



..



อาโปไม่รู้ว่าทำไมคุณไฟถึงถามอย่างนั้นกับอาโปทุกครั้งเวลาเดินเข้า-ออกห้องน้ำของคุณเขา อาจจะเพราะเห็นอาโปลำบากลำบนกับการเดินเข้าเดินออกห้องของเขาหรืออาจจะรำคาญเสียงเปิด-ปิดประตูห้องนอนของเขาอาโปก็ไม่สามารถเดาได้เลย



เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้อึดอัดอะไรที่คุณไฟทำแบบนั้นแต่เขารู้สึกว่าถ้ายิ่งใกล้กันมากกว่านี้และอาโปปล่อยใจตัวเองไปมากกว่านี้อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกเกินเลยกับคุณไฟได้



เขาเลยคิดว่าตัวเองควรต้องเว้นระยะห่างจากคุณไฟ ไม่ควรเข้าใกล้หากไม่จำเป็น เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงและไม่ควรเผลอใจเต้นแรงไปกับการกระทำและคำพูดของคุณไฟมากเกินไป ถ้าเขาทำได้หมดทุกข้อที่คิด อาโปอาจจะหายจากอาการแปลกประหลาดเหล่านี้ไปเลยก็ได้



ดีหน่อยที่วันนี้คุณไฟไปเรียนตั้งแต่เช้า อาโปเลยได้เวลาทบทวนสิ่งต่างๆว่าควรเริ่มรักษาระยะห่างจากคุณไฟเขาสักที



อาโปยังทำงานบ้านให้คุณไฟเหมือนในปกติทุกวัน เสร็จแล้วก็เอาหนังสือมาอ่านสองชั่วโมงจากนั้นก็เปิดโทรทัศน์ดูคลายเครียดไปเรื่อยเปื่อย ช่วงนี้เขาติดการ์ตูน we bare bears มาก คงเพราะดูกับคุณไฟบ่อยๆเวลาคุณไฟอยู่ห้องก็เลยทำให้เขาติดการ์ตูนเรื่องนี้ตามคุณไฟไปด้วย



ดูเอาเถอะขนาดการ์ตูนคุณไฟยังมีอิทธิพลทำให้เขาชอบตามไปด้วยเลย แบบนี้จะไม่ให้อาโปคิดจะรักษาระยะห่างจากคุณไฟไปได้ยังไง



เขานั่งๆนอนๆอยู่ห้องคุณไฟอย่างเบื่อหน่ายเพราะไม่มีอะไรให้ทำเหมือนตอนอยู่บ้านหลังใหญ่กับยาย พอเที่ยงก็ทอดไข่ดาวทานกับข้าวสวย เหยาะซอสใส่ให้มีรสชาติก็เอามานั่งทานที่โต๊ะทานข้าวคนเดียว



นั่งทานข้าวไปเรื่อยพลางก็คิดถึงตอนที่อยู่บ้านหลังใหญ่อีกแล้ว หากเป็นเวลาเที่ยงแบบนี้ทุกคนจะมานั่งล้อมวงทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งแม่บ้าน คนสวน คนรถและคนงานอื่นๆอีก ไม่เคยเลยที่อาโปจะได้นั่งทานข้าวคนเดียวแบบเหงาๆเหมือนอย่างตอนนี้



พูดแล้วก็คิดถึงทุกคน ถ้าอาโปขออนุญาตคุณไฟกลับไปนอนที่นั่นไม่รู้คุณไฟจะยอมให้ไปหรือเปล่า ที่เขาคิดแบบนี้ก็เพราะคุณไฟให้อาโปหยุดบ่อยมากจนอาโปเกรงใจและมันมากไปอาจจะไม่คุ้มกับเงินค่าจ้างที่อาโปได้เลยล่ะมั้ง อาโปเลยไม่กล้าที่จะขอคุณไฟเขาหยุดสักที มีแต่คุณไฟนี่แหละที่เหมือนจะดูอาโปออกทุกครั้งเวลาอาโปคิดถึงยาย



เขาไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากบอกอาโปว่า



...



“พรุ่งนี้ฉันให้หยุด”



“แต่ว่า...” อาโปตั้งท่าจะปฏิเสธ



“ฉันสั่ง”



...


แค่คำๆเดียวว่า ‘ฉันสั่ง’ อาโปก็ต้องทำตามที่คุณไฟบอกทันทีโดยไม่สามารถปฏิเสธได้เลย



สิ่งที่คุณไฟปฏิบัติกับอาโปมันมีผลต่อความรู้สึกของอาโปเป็นอย่างมาก ยิ่งคุณไฟใจดีกับอาโปมากแค่ไหน หัวใจอาโปก็มักจะสั่นไหวและความรู้สึกของอาโปก็ค่อยๆหวั่นไหวกับคุณไฟไปเรื่อยๆ



อาโปไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้กับคุณไฟ ทั้งที่อาโปก็เป็นผู้ชายและคุณไฟก็เป็นผู้ชาย อีกทั้งยังฐานะและหน้าตาทางสังคมของคุณไฟที่ดูสูงส่งเกินกว่าที่อาโปจะเอื้อมถึงนั่นอีก มันไม่ควรเลยที่อาโปจะคิดเลยเถิดไปไกลและไม่ควรเลยที่จะเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา


♥`•.¸¸.•´♥


เมื่อถึงเวลาที่คุณไฟเลิกเรียน อาโปก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก วันนี้เขาตัดสินใจกับตนเองแล้วว่าจะรักษาระยะห่างกับคุณไฟให้ได้แต่มันจะยากหรือง่ายก็คงต้องขึ้นอยู่กับคุณไฟเขาด้วย



อาโปยังคงทำอาหารไว้รอคุณไฟเหมือนอย่างทุกๆวัน เมื่อตอนบ่ายสองคุณไฟส่งข้อความมาบอกอาโปว่าอยากทานแกงส้มชะอมไข่อาโปก็ทำให้ตามที่คุณไฟบอกและทำผัดผักให้คุณไฟทานเพิ่มเผื่อคุณไฟไม่อิ่มอีก อีกอย่างเขากลัวคุณไฟหิวกลางดึกอีกเลยต้องทำกับข้าวไว้สองอย่างไว้ให้คุณไฟได้ทานตลอด



แกร็ก...



เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมกับคุณไฟที่เดินเข้ามา อาโปทำหน้าเลิ่กลั่กคิดไม่ตกว่าการรักษาระยะห่างจากคุณไฟมันต้องทำอะไรบ้าง



คุณไฟเลิกคิ้วมองอาโปที่ยืนเหม่อมองหน้าคุณไฟแต่คุณไฟก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินผ่านอาโปไปเพื่อเข้าไปในห้องนอนคุณไฟเขาแทน



อาโปถอนหายใจโล่งอก แค่วันแรกก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว แล้วแบบนี้วันต่อๆไปจะเป็นยังไง อาโปยังคิดภาพนั้นไม่ออกเลย



เด็กหนุ่มคิดอย่างปลงตกแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว พอคุณไฟออกจากห้องนอนมาอาโปจะได้เตรียมตั้งโต๊ะให้คุณไฟได้ทานอาหารได้เลย



อาโปยืนรอคุณไฟอยู่นานก้ไม่เห็นคุณไฟจะเดินออกจากห้องของตัวเองสัก เขาเลยเดินไปตามเพราะมันจะเลยเวลาอาหารเย็นของคุณไฟเขาแล้วด้วย



หยุดยืนนิ่งทำใจหน้าประตู ยืนถามตนเองต่างๆนาๆว่าหากเขาทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าไม่ได้รักษาระยะห่างเหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกเลยน่ะสิแต่ถ้าหากอาโปไม่เรียกคุณไฟมาทานข้าวอาโปก็กลัวเหลือเกินว่าคุณไฟจะเป็นโรคกระเพาะเอาได้อีกอย่างคุณผู้หญิงยิ่งกำชับเรื่องนี้กับอาโปมากที่สุดเลย



ก็ได้อาโปจะแยกแยะเรื่องานกับเรื่องส่วนตัว เรื่องที่เขาเรียกคุณไฟมาทานข้าวเขาก็จะถือว่าเป็นเรื่องงานก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องลำบากใจหรือไม่สบายใจอีก



ก๊อก ก๊อก..



“คุณไฟครับ” อาโปส่งเสียงเรียกคนในห้อง



รอไม่นานประตูบานที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกเปิดออกทำเอาอาโปที่เผลอจะใจลอยอีกครั้งเกิดสะดุ้งขึ้นมาเลยถูกไฟมองด้วยความแปลกใจที่เห็นอาโปมายืนทำตาโตใส่เขาอยู่ตรงหน้า



“มีอะไร?” เขาเลิกคิ้วถามอาโป



“คือ..เอ่อ..คือว่าคุณไฟจะทานข้าวเลยไหมครับ?” ถ้ายกมือขึ้นมาตีปากตัวเองให้หายพูดตะกุกตะกักตอนนี้ได้เขาคงทำไปแล้วหากไม่ติดว่าคุณไฟยืนอยู่ตรงหน้าของอาโป



“เอาไว้ก่อน” ว่าจบไฟก็ปิดประตูลงไม่รอให้อาโปที่กำลังอ้าปากเตรียมจะพูดได้มีโอกาสพูดอะไรอีก



อาโปเลยต้องพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจคนเดียวอยู่หน้าห้องนอนของคุณไฟแล้วเดินไปล้มตัวลงนั่งที่พรมหน้าโซฟาเพื่อรอเวลาให้คุณไฟออกมาทานข้าวแล้วอาโปจะได้เตรียมตั้งโต๊ะให้คุณไฟได้ทันที



เป็นเวลานานพอสมควรกว่าคุณไฟจะออกมา อาโปลุกขึ้นปุบปับแล้ววิ่งเข้าครัวทำหน้าที่ของตนเองอัติโนมัติหยิบจับอะไรก็ดูคล่องแคล่วไปซะหมด



ไฟมองอาโปที่กำลังยืนอุ่นอาหารให้เขา ตั้งแต่อาโปมาอยู่ที่นี่ตลอดหนึ่งเดือนภาพอาโปที่อยู่ในห้องครัวคงเป็นภาพที่ไฟชอบมองมากที่สุด เขาชอบเวลาอาโปทำอาหารเพราะอาโปจะมีความสุขและยิ้มกับสิ่งที่ทำอยู่ตลอด เขาอดจะทึ่งเด็กอย่างอาโปไม่ได้เลยที่แค่เพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆก็สามารถทำให้เด็กคนนี้มีความสุขได้แล้ว



เป็นเด็กที่มีพลังบวกมากจริงๆ



อาโปนำอาหารและข้าวอีกหนึ่งจานสำหรับคุณไฟมาตั้งไว้บนโต๊ะ ไฟนั่งนิ่งมองข้าวที่มีเพียงจานเดียวอย่างไม่เข้าใจจึงเงยหน้ามองอาโปที่กำลังรินน้ำใส่แก้วให้เขาอยู่แล้วถามขึ้น



“ข้าวล่ะ?” ว่าพลางพยักพเยิไปฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่ที่อาโปจะใช้นั่งทานข้าวกับตนเอง



อาโปเลิ่กลั่ก หลบตาไฟอย่างมีพิรุธแล้วตอบด้วยเสียงสั่นๆและตะกุกตะกักไม่น้อย



“คือ...คือว่าผมทานก่อนคุณไฟจะมาแล้วครับ เอ่อ...คือขอโทษด้วยครับที่ทานก่อนคุณไฟ” เขาก้มหน้ามองพื้นส่วนมือก็กุมกันไว้แน่น



“อืม ไม่เป็นไร” ไฟไม่ถือสา เขาคิดว่าอาโปคงหิวเลยเลือกจะทานก่อน



“อ่า...งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้าคุณไฟมีอะไรเรียกผมได้ตลอดเลยนะครับ” พอเห็นคุณไฟพยักหน้าอาโปก็รีบเดินเร็วๆไปยังห้องครัว



ไฟมองท่าทางแปลกๆของอาโปอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากจึงนั่งทานข้าวของตนเองต่อไป



อาโปพอเดินมาถึงห้องครัวก็ถอนหายใจกับตนเองอย่างโล่งอก เมื่อกี้ไม่รู้ว่าทางของเขาจะมีพิรุธและทำให้คุณไฟสงสัยหรือเปล่าว่าเขาพยายามจะออกห่างจากคุณไฟ ทำไมการจะรักษาระยะห่างจากใครสักคนมันถึงยากนักก็ไม่รู้หรืออาโปควรจะล้มเลิกความตั้งใจนี้ดี



ไม่ได้สิ! ถ้าเกิดล้มเลิกไปหัวใจอาโปต้องแย่แน่ๆขนาดตอนนี้ที่อาโปพยายามจะรักษาระยะห่างจากคุณไฟยังหัวใจเต้นแรงมากๆอยู่เลย



เขายืนนิ่งคิดอะไรคนเดียวอยู่นานแต่ก็คิดอะไรไม่ได้สักที ตอนนี้สมองของอาโปมันรวนไปหมด ทำเอาอาโปต้องกุมขมับแล้วพยายามเลิกคิดเรื่องนี้สักทีก่อนที่สมองของเขาจะระเบิดตู้มออกมา



“อาโป”



อาโปสะดุ้งกับเสียงเรียกที่ได้ยิน เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับคุณไฟอีกครั้ง สูดหายใจเข้าปอดเต็มที่จากนั้นก็เดินก้มหน้าออกไปหาคุณไฟที่โต๊ะทานอาหาร



“ค..คุณไฟมีอะไรหรือเปล่าครับ?” อาโปก้มหน้ามองพื้นแล้วถามคนที่นั่งอยู่



ไฟเลิกคิ้วมองอาโปที่คุยกับเขาแต่ตากลับมองพื้น วันนี้ตั้งแต่กลับมากจากมหา’ลัยเขาก็เห็นอาโปมีท่าทีแปลกไปไม่เหมือนกับทุกๆวันที่เป็นอยู่



“อิ่มแล้ว” เขาว่าแล้วมองอาโปที่พยักหน้าหงึกหงักจากนั้นก็ยื่นมือของตนเองมาจะเก็บจานอาหารบนโต๊ะแต่ก็โดนเขารั้งข้อมือไว้ก่อน



“เอ่ออ...คุณไฟมีอะไรหรือเปล่าครับ?” อาโปพยายามจะบิดข้อมือของตัวเองออกจากมือคุณไฟแต่ก็ไม่เป็นผล



“เป็นอะไร?” ไฟถามไปตรงๆเขาไม่อยากมานั่งเดาหรือค้างคาใจกับอาการที่อาโปเป็นอยู่ตอนนี้ การถามตรงๆคงเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขาแล้ว



อาโปนิ่งไปกับคำถามของคุณไฟหรืออาโปจะมีพิรุธเกินไปจนทำให้คุณไฟดูออกว่าอาโปพยายามจะไม่อยู่ใกล้คุณไฟ แล้วทีนี้เขาต้องทำยังไงดีต้องตอบคำถามคุณไฟยังไงดีล่ะถึงจะไม่ทำให้คุณไฟรู้สึกไม่ดีไปกับคำตอบของเขาด้วย



“เปล่าครับ ผมขออนุญาตเก็บจานเลยนะครับ”



ไฟขมวดคิ้วมองแต่สุดท้ายก็จนใจจะเค้นอาโปเลยพยักหน้าให้อาโปทำตามที่ตัวเองขอได้ตามสบาย



“อืม”


♥`•.¸¸.•´♥


ทั้งอาโปและคุณไฟแยกย้ายกันเข้านอนตอนสี่ทุ่มหลังจากนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันจบ ตอนแรกอาโปจะไม่ดูแล้วแต่เขาคิดว่าถ้าหากทำตัวมีพิรุธไปมากกว่านี้คุณไฟก็จะจับได้ เขาเลยต้องทำทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนทุกวันแต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามเว้นระยะห่างจากคุณไฟพอสมควร



อาโปนอนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ลูบท้องของตัวเองที่กำลังคำรามเบาๆเพราะความหิว เมื่อเย็นที่บอกกคุณไฟว่าเขาทานข้าวก่อนแล้วนั้นอาโปโกหก ตอนนี้ผลแห่งการโกหกจึงกำลังเล่นงานเขาที่ทั้งง่วงและทั้งหิวไปพร้อมๆกัน



เมื่อนอนไม่หลับจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอน ดูนาฬิกาแล้วว่าดึกพอสมควรและคิดว่าคุณไฟคงหลับไปแล้วอาโปจึงเดินออกจากห้องตนเองเพื่อไปหาอะไรทานลงท้อง เขาจำได้ว่าอาหารที่ทำให้คุณไฟยังพอเหลืออยู่ ดีที่เขาทำไว้ให้คุณไฟไว้เยอะเลยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีอะไรทาน



อาโปตักข้าวใส่จานแล้วราดแกงกับผัดผักใส่ลงบนข้าวจากนั้นก็เดินไปทานที่โต๊ะทานอาหาร ดีที่เขาพกเทียนออกมาด้วยเพราะอาโปไม่อยากเปิดไปกลัวคุณไฟเขาจะรู้



เด็กหนุ่มนั่งทานข้าวเงียบๆคนเดียวโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าประตูห้องนอนของเจ้านายตนเองถูกเปิดออกและเจ้าของห้องก็กำลังมองพ่อบ้านของตนแอบมานั่งทานอาหารดึกๆดื่นๆ



เดาไม่ผิดจริงๆที่อาโปจะออกมาหาอะไรทานตอนดึกๆแบบนี้ ไฟเห็นอาโปลูบท้องตัวเองตั้งแต่นั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันแล้วแต่เขาก็ไม่ทัก พอแยกย้ายกันเขาก็เข้าห้องตัวเองไป นอเล่นมือถืออยู่สักพักก็ได้ยินเสียงประตูห้องข้างๆเปิดออก เขาจึงรอเวลาจากนั้นก็ออกมาดูเด็กโกหกที่กำลังนั่งทานข้าวคนเดียวใต้แสงเทียน



เขาเดินไปกดเปิดสวิตซ์ไฟ ทำให้ห้องทั้งห้องสว่าง มองอาโปที่เอาช้อนคาไว้ในปากคงเพราะตกใจที่จู่ๆไฟก็ติดขึ้นมา



“ทำอะไร?” เขาถามอาโปที่ค่อยๆหันมามองจนกระทั่งเราสองคนสบตากัน



เคร้ง!



อาโปทำช้อนหล่นลงพื้นพร้อมกับทำตาโตตกใจที่เห็นเขาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของตนเอง คงจะคิดไม่ถึงว่าเขาจะจับได้ล่ะมั้ง ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าอาโปแปลกไปจริงๆ



“ค...คุณไฟ ยัง..ยังไม่นอนหรือครับ” เมื่อตั้งสติได้อาโปก็ลนลานเก็บช้อนที่ทำหล่นแล้วเงยหน้าขึ้นถามคุณไฟที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหา



“ยัง” เขาตอบสั้นๆเดินมาหยุดยืนตรงหน้าของอาโป “แล้วนายทำอะไร?”



“ผม...ผมไม่ได้ทำอะไรครับ” อาโปส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธ ทำให้ไฟยกยิ้มแล้วเบนสายตาไปมองจานข้าวที่ยังคงมีข้าวเหลืออยู่เยอะพอสมควร



“แน่ใจ?”



“อ่า...คือว่า...” เขาไม่รู้จะพูดปฏิเสธหรือหาเหตุผลอะไรมาให้คุณไฟเขาดี



“หืม?” ไฟเลิกคิ้ว รอฟังสิ่งที่อาโปจะพูด



“ผม...คือว่าเอ่อ...” เด็กหนุ่มลนลานพลางก้าวถอยหลังเมื่อเห็นคุณไฟขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ



“นายเป็นอะไรกันแน่?”



เมื่อหลังอาโปชนกับกำแพง เขาจึงหมดหนทางหนีแต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้ามองคุณไฟท่ำลังมองเขาเพื่อต้องการคำตอบ



“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ เอ่อ...ผมแค่หิว..ใช่ครับผมแค่หิวเท่านั้นเอง คุณไฟอย่าว่าผมเลยนะครับ” เขาก็พอจะหาเหตุผลได้เท่านี้แหละนะถ้าคุณไฟไม่เชื่ออาโปก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว



“แค่หิว?” เขาเชยคางเด็กหนุ่มขึ้น บังคับให้อาโปมองตากันจากนั้นก็ถามต่อ “ไหนบอกกินข้าวก่อนฉันมาแล้ว”



“เรื่องนั้น...คือว่าผมทานน้อยครับ พอตกดึกก็เลยหิวอีก แหะๆขอโทษนะครับคุณไฟ” อาโปแก้ตัวต่อ เขาคิดว่าข้ออ้างที่เขาพูดขึ้นก็พอจะฟังขึ้นอยู่เหมือนกัน



“นายไม่ได้กำลังโกหกอะไรฉันอยู่ใช่ไหม?”



“เอ่อ..ไม่ครับ ผมจะโกหกอะไรคุณไฟได้ล่ะครับ” เด็กหนุ่มแสร้งยิ้มซื่อทั้งที่ในใจตอนนี้หวาดหวั่นและกลัวคุณไฟมากเหลือเกิน



“หึ ก็ดีถ้าไม่โกหกก็ดีแล้ว” เขาว่าพลางโน้มหน้าเขาไปกระซิบข้างใบหูของอาโป “เพราะฉันไม่ชอบคนโกหก”



ว่าจบคุณไฟก็เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป อาโปใจตุ้มๆต่อมๆยังตื่นเต้นและหวั่นใจกับอาการที่เกิดขึ้นไม่หาย เขาไม่คิดว่าคุณไฟจะออกจากห้องมากลางดึกแถมยังเห็นเขาแอบมานั่งทานข้าวแบบนี้คนเดียว



ไม่รู้คุณไฟจะรู้หรือเปล่าว่าอาโปคิดจะทำอะไรอยู่แต่อาโปก็ขอภาวนาให้คุณไฟไม่รู้เพราะสิ่งที่เขาทำมันอาจจะทำให้คุณไฟไม่สบายใจก็ได้



แต่ทำไมกันนะ....การรักษาระยะห่างจากใครสักคนมันถึงได้ยากมากมายขนาดนี้ด้วย



♥`•.¸¸.•´♥
.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺


หวังว่าทุกคนจะเอ็นจอยในการอ่านเด้อ
แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2018 21:33:26 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อยากได้อาโปมาไว้ที่บ้าน

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณมากนะคะ
อาโปสู้ๆๆๆ อิอิ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อาโปคนซื่อ ทำไฟสงสัยซะแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ อาโปไม่เนียนเลย

ไฟก็ชอบแหย่น้อง รู้ว่าน้องกังวลยังชอบทำ
อย่าบอกนะว่าคิดไกลกับเค้าแล้วน่ะ

ชัชนี่ยังไงคะ ชอบหรอ หรือแค่เอ็นดูเหมือนน้อง

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Nine




//



You cannot find true love where it does not truly exist

and you cannot hide it where it truly does.

คุณไม่สามารถค้นหารักแท้นั้นได้ หากรักนั้นไม่มีอยู่จริง

และคุณก็ไม่สามารถปิดบังรักนั้นได้ หากมันมีอยู่จริง

(Kissing a Fool (1998))



//











ไฟกำลังนั่งคิดไม่ตกกับอาการแปลกๆของอาโปที่แสดงออกต่อเขามาร่วมอาทิตย์ จากที่สังเกตและรู้สึกเองเขาว่าอาโปกำลังพยายามหลบเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้เขาหรือเลี่ยงที่จะคุยกับเขา



ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรแต่อาโปชอบมีพิรุธตลอดเวลาที่เขาเดินเข้าไปใกล้ บางทีแค่เดินผ่านเด็กคนนั้นก็สะดุ้งลนลานทำตัวไม่ถูก พอเวลาพูดด้วยก็จะตะกุกตะกักเหมือนช่วงแรกๆที่เจอกันแต่หลังจากนั้นอาโปก็คุยกับเขาปกติแล้วมาตอนนี้อาโปก็กลับไปเป็นเหมือนช่วงแรกอีกแล้ว



เขาไม่เข้าใจพฤติกรรมที่เด็กคนนั้นแสดงออกต่อเขาตอนนี้เลยจริงๆ



วันนี้เด็กคนนั้นไปสอบเข้าเรียนต่อมหา’ลัยจึงเหลือเขาคนเดียวที่อยู่ในห้อง จริงๆตอนแรกเขาก็ไม่รู้หรอกหากไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดูข้อความและหนึ่งในนั้นก็มีข้อความของอาโปที่ส่งมาหาเขา เนื้อหาในข้อความที่เด็กคนนั้นส่งมาก็เพียงขอลาไปสอบและบอกว่าจะกลับตอนเย็นเท่านั้น



อาโปเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว เขาเพียงแค่เอาไปอุ่นให้มันร้อนแล้วก็ทานได้เลย สงสัยเด็กคนนั้นคงจะตื่นตั้งแต่เช้าแล้วรีบทำอาหารให้จากนั้นก็ไปสอบ



ตั้งแต่มีอาโปเข้ามาอยู่ด้วยไฟก็รู้สึกว่าชีวิตดูง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น มีคนมาช่วยจัดการและดูแลเรื่องต่างๆนาๆให้ตลอดแต่นั่นแหละหากความใกล้ชิดไม่ทำให้เกิดความหวั่นไหวก็คงจะดีกว่านี้



ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเอาแต่มองหาอาโป อยากอยู่ใกล้ๆหรือแม้กระทั่งอยากคุยด้วยทั้งที่เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดแต่กับเด็กคนนี้กลับต่างกันออกไปเขาชอบทุกๆคำพูดของอาโปมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นเด็กใสซื่อและไร้เดียงสา คำพูดคำจาก็แสนจะน่ารัก เวลาเสียงเล็กๆบ่นเจื้อยแจ้วอะไรให้เขาฟังเขาก็จะนั่งฟังเงียบๆด้วยความเพลินหู



อาการหนักแล้วจริงๆ



“เฮ้อ...”



ไฟถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย พอไม่มีอาโปมาเดินไปเดินมาในห้องก็รู้สึกว่าห้องไม่ค่อยน่าอยู่สักเท่าไหร่ทั้งที่เมื่อก่อนก็ออกจะติดห้องของตัวเองจะตายไป เวลาเพื่อนชวนไปไหนกว่าจะไปได้ต้องให้พวกมันมาลากคอถึงคอนโดแล้วดูตอนนี้สิ แค่อาโปไม่อยู่นิดเดียวก็อยากจะออกไปข้างนอกหาอะไรทำแก้เบื่อเพียงเพราะไม่ได้เห็นหน้าอาโปแล้ว



เขาว่าตัวเองเริ่มจะฟุ้งซ่านและอาการหนักเข้าไปทุกทีแต่เด็กคนนี้ก็เก่งเหลือเกินที่เข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขาได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วไฟคิดว่าตัวเขาเองคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อจะจัดการกับความรู้สึกของตนเองที่มีต่ออาโปสักที



♥`•.¸¸.•´♥



“สวัสดีครับคุณไฟ”



เจ้าของชื่อหันไปมองคนที่พึ่งกลับมา อาโปอยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อยมีกระเป๋าเป้สะพายติดอยู่ที่หลังอีกหนึ่งใบ เป็นชุดที่เขาพึ่งเคยเห็นอาโปใส่เป็นครั้งแรก



“อืม”



อาโปมองคุณไฟอย่างลังเลว่าจะถามคุณเขาดีไหม เมื่อเช้าเขารีบไปสอบเลยทำอาหารง่ายๆไว้ให้คุณไฟได้ทาน กว่าอาโปจะกลับมาที่คอนโดคุณไฟอีกครั้งก็เกือบห้าโมงแล้ว ไม่รู้ว่าคุณไฟได้ทานข้าวเที่ยงหรือยัง



“เอ่อ...คุณไฟทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ?” สุดท้ายเพราะความเป็นห่วงอาโปจึงถามคำถามคุณไฟออกไป



“กินแล้ว” ไฟละสายตาจากโทรทัศน์ไปตอบอาโป “แต่ข้าวเย็นยังไม่กิน”



“งั้นผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับเดี๋ยวออกมาทำอาหารเย็นให้”



“อือ เร็วๆ”



เด็กหนุ่มใช้เวลาจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองไม่นานก็ออกจากห้อง ก่อนเข้าครัวอาโปก็เปิดประตูห้องคุณไฟเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาตัวเองให้สดชื่น วันนี้ข้อสอบก็ทำเอาอาโปมึนไปพอสมควร จะบอกว่ายากมันก็ไม่ยากจะบอกว่าง่ายมันก็ไม่ง่ายอีก เอาเป็นว่าข้อสอบที่อาโปไปสอบวันนี้มันทำให้อาโปสมองมึนเบลอขนาดนั่งรถกลับผิดสายเลยล่ะ



“โอ๊ะ! คุณไฟ...”



เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบว่าคนเป็นเจ้าของห้องกำลังยืนอยู่ตรงหน้าและกำลังจ้องอาโปอยู่ คุณไฟไม่ได้พูดอะไรกับอาโปนอกจากยืนมองหน้าเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง



“ดะ...เดี๋ยวครับ คุณไฟ!”



อาโปตกใจเมื่อจู่ๆคุณไฟก็จับข้อมือของเขาแล้วลากไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ของคุณไฟ อาโปไม่เข้าใจว่าคุณไฟจะทำอะไรแต่อาโปก็อยากจะดิ้นหนีจากการเกาะกุมของคุณไฟเพราะแค่นี้ก็ใกล้กันมากเกินไปแล้ว



“อยู่นิ่งๆ” คุณไฟว่าเสียงดุแต่อาโปก็ไม่ฟัง



“คุณไฟปล่อยผมก่อนสิครับ”



เขาต่อรองหวังว่าคุณไฟจะเห็นใจแต่มันกลับเปล่าประโยชน์เมื่อคุณไฟดึงเขาลงไปนอนบนเตียงของคุณไฟด้วยกัน



“บอกให้นิ่งๆ”



“คุณไฟ! ทำอะไรครับ!?”



อาโปยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อคุณไฟกอดเข้าเอาไว้แน่น พอเขาดิ้นคุณไฟก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดจนเขาหายใจไม่ออกนั่นแหละถึงหยุดดิ้นแล้วส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจใส่คุณไฟอย่างลืมตัว



“นอน”



“แต่คุณไฟ...”



“บอกให้นอน”



“ผมต้องไปทำอาหารเย็นให้คุณ”



“ตื่นมาแล้วค่อยทำ”



“คุณไฟไม่หิวหรือครับ?”



“หิว”



“งั้นผมไป...”



“นอนก่อน”



“แต่คุณหิวนะครับ”



“ไม่เป็นไรแต่นายต้องนอน”



“คุณไฟ...”



“เงียบแล้วนอนซะ”



อาโปได้แต่นอนเม้มปากเพราะคงเถียงคุณไฟเขาไม่ได้แล้วอีกอย่างถึงจะอยากออกไปข้างนอกตอนนี้เขาก็ทำไม่ได้อีกเช่นกันในเมื่อคุณไฟกอดเขาแน่นขนาดที่เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลยด้วยซ้ำ



เด็กหนุ่มนอนนิ่งในอ้อมกอดของเจ้าของห้อง เขาพยายามควบคุมหัวใจของตัวเองให้เต้นเบาลงและช้าลงหน่อย กลัวเหลือเกินว่าคุณไฟจะได้ยินแล้วเกิดสงสัยขึ้นมา แค่คุณไฟเดินเฉียดเข้ามาใกล้ๆหัวใจอาโปก็เต้นแรงแล้ว แล้วขนาดนี้ที่อาโปต้องนอนอยู่ในอ้อมกอดของคุณไฟ หัวใจมันจะไม่เต้นแรงกว่าเป็นสิบเท่าหรอกหรือ



“เป็นอะไร?” ไฟถามอย่างแปลกใจเมื่อจู่ๆอาโปก็ยกมือของตนเองขึ้นมาปิดหน้าปิดตา



“ปะ...เปล่าครับ” คนโดนถามก็ปฏิเสธทั้งที่มือยังปิดหน้าตนเองไว้อยู่



“แล้วปิดหน้าทำไม?”



“คือ..คือว่าผมขอไปนอนห้องตัวเองได้ไหมครับ?” อาโปลดมือลงมาให้เห็นเพียงแค่ดวงตากลมโตที่จดจ้องอยู่ตรงปลายคางของคุณไฟ



“ไม่ได้”



“คุณไฟครับแต่ว่านี่มันห้องนอนของคุณไฟนะครับ มันคงไม่ดีเท่าไหร่ที่คนใช้อย่างผมมานอนร่วมเตียงกับเจ้านาย”



“เงียบซะอาโป” ไฟว่าเสียงดุเมื่อได้ยินสิ่งที่อาโปพูด



“จริงๆนะครับคุณไฟ ให้ผมไปนอนห้องผมก็ได้ครับ”



“บอกให้เงียบไง”



“ไม่ได้ครับ ถ้าคุณไฟยังให้ผมนอนอยู่ตรงนี้ผมนอนไม่หลับแน่นอน” อาโปยังคงเถียง



ไฟถอนหายใจ เด็กคนนี้ดื้อด้านกว่าที่เขาคิดเป็นไหนๆ หึ!..ก็ได้ถ้าอยากไปนอนห้องตัวเองนักเขายอมก็ได้



“อืม ไปสิ”



เมื่อได้ยินคำตอบของคุณไฟอาโปก็แทบจะร้องเย้ออกมาที่จะได้ออกจากสถานการณ์อันตรายต่อหัวใจแบบนี้สักที คุณไฟปล่อยอาโปออกจากอ้อมกอด อาโปจึงรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย



“ขอบคุณครับคุณไฟ”



พอขอบคุณคุณไฟเสร็จเขาก็เตรียมจะหมุนตัวออกไปจากห้องแต่คุณไฟกลับจับแขนเขาไว้ก่อนแล้วเป็นคนลากเขาออกจากห้องนอนของคุณไฟด้วยตนเอง



“ตกใจอะไร ก็นายอยากนอนห้องนายฉันก็จะให้นอนแต่ฉันจะนอนด้วย”



“เฮ้ย! คุณไฟ!”



เหตุการณ์เดิมที่คุณไฟดึงอาโปไปนอนบนเตียงแล้วกอดไว้เกิดขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้เปลี่ยนจากเตียงของคุณไฟเป็นเตียงของอาโปแทน



“ถ้ายังไม่ยอมนอนฉันไม่รับประกันแล้วนะว่านายจะโดนอะไร” ไฟขู่เด็กที่ดิ้นไม่หยุดและไม่ยอมนอนดีๆสักที



“แต่คุณไฟ...นี่มันไม่ใช่แล้วนะครับ คุณไฟจะมานอนด้วยกันกับผมทำไมครับ?” อาโปถามอย่างไม่เข้าใจ



“แล้วทำไมฉันจะนอนไม่ได้”



“ก็....”



“ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรก็นอนซะ”



“ไม่ได้ครับนอนไม่ได้ คุณไฟนอนที่นี่ไม่ได้”



“ทำไม?”



“ก็...ก็คุณไฟเป็นเจ้านายผม คุณไฟจะมานอนกับผมไม่ได้”



“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันเป็นเจ้านายของนาย ฉันเคยพูดหรือ?”



อาโปเผลอจิ๊ปากอย่างคนที่เถียงไม่ออกเพราะคุณไฟไม่เคยพูดเลยว่าเป็นเจ้านายของเขาแต่คุณไฟก็ควรรู้หรือเปล่าว่ายังไงเขากับคุณไฟก็ไม่สามารถร่วมเตียงกันได้ก็คุณไฟเป็นลูกคุณผู้หญิงที่เป็นทั้งเจ้านายอาโปและเจ้านายของยายอาโปเลยนะ



“ทำไมคุณไฟทำแบบนี้ครับ?” อาโปเหนื่อยจะดิ้นก็เลยยอมนอนนิ่งๆในอ้อมกอดของคุณไฟ



“ทำอะไร?”



“ทำแบบตอนนี้ไงครับ ที่กอดผมแล้วก็ยังมานอนกับผมอีก คุณไฟทำเพื่ออะไรครับ?”



“เพื่อตัวเอง”



“อะไรนะครับ?”



“ฉันทำเพื่อตัวเอง” ไฟย้ำอีกครั้ง



“หมายความว่ายังไงครับ?” อาโปถามอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณไฟพูดออกมา



“ก็หมายความตามที่พูด”



“ผมไม่เข้าใจครับ”



“เรื่องของนายสิ”



ไฟก้มมองเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการเห็นแล้วก็หมั่นเขี้ยวอยากจะจับปากแดงๆนั่นบิดให้แดงยิ่งกว่านี้จริงๆ



“คุณไฟไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย” อาโปบ่นเบาๆกับตัวเองแต่เพราะเขากับคุณไฟอยู่ใกล้กันมากคุณไฟเลยได้ยินสิ่งที่อาโปพูด



“อืม ฉันหาเหตุผลให้นายไม่ได้หรอก”



♥`•.¸¸.•´♥



หลังจากที่โดนคุณไฟบังคับให้นอนด้วยกันที่ห้องนอนของอาโป เด็กหนุ่มตื่นมาอีกทีก็ไม่เห็นคุณไฟอยู่ในห้องแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาลูบหน้าตัวเองสักพักก็ลุกขึ้นเดินออกไปขากห้อง



ข้างนอกนั่นก็ยังคงไม่มีคุณไฟอยู่อาโปจึงเดาว่าคุณไฟคงอยู่ในห้องนอนของตัวเอง พอคิดได้แบบนั้นความคิดที่ว่าจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก็ต้องพับเก็บลงเพราะเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณไฟแล้ว ถ้าเกิดเปิดประตูเข้าไปแล้วเจอคุณไฟฉุดกระชากลากถูให้ไปนอนด้วยกันอีกคราวนี้อาโปคงหัวใจวายแน่ๆแค่เมื่อกี้เขาก็แทบไปไม่เป็นแล้ว



อาโปเดินเขาไปในครัว เปิดน้ำในซิงค์ล้างจานล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วหยิบทิชชู่มาซับหน้าซับมือให้แห้งก็เริ่มทำอาหารเย็นให้คุณไฟทันที เย็นป่านนี้แล้วคุณไฟคงหิวแย่แต่จะมาโทษเขาไม่ได้หรอกนะในเมื่อคุณไฟทำให้อาโปทำอาหารเย็นช้าเอง



วันนี้เมนูก็ง่ายๆตามของสดที่มีอยู่ในตู้เย็น อาโปคิดอะไรไม่ค่อยออกเพราะใช้พลังสมองไปกับการสอบหมดแล้ว จึงทำแกงพะโล้ไข่กับกุ้งชุบแป้งทอดให้คุณไฟได้ทาน



อาโปยอมรับเลยว่าพอได้มาทำอาหารแบบนี้มันทำให้อาโปได้ผ่อนคลายมากขึ้น ยิ่งพอได้กลิ่นอาหารหอมๆของตนเองแล้วก็ทำให้เขาหายเหนื่อยทั้งกายและใจเป็นปลิดทิ้ง



เขาพักแกงพะโล้ไว้ในหม้อให้หายร้อนสักนิดจากนั้นจึงหันมาทำกุ้งชุบแป้งทอดต่อ อาโปเอากุ้งตัวใหญ่ชุบลงกับแป้งจนตัวกุ้งเป็นสีขาวก็เอาลงไปทอดกับน้ำมันที่กำลังเดือดจนเสียงน้ำมันดังฉู่ฉ่า



อาโปทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนมาถึงกุ้งตัวสุดท้าย เขาตักกุ้งบางตัวที่สุกแล้วใส่จานเพื่อพักน้ำมัน แน่นอนว่าการทอดอะไรแบบนี้มันต้องมีน้ำมันกระเด็นอยู่แล้วแต่อาโปก็ไม่เป็นอะไร ตอนแรกๆอาโปก็กลัวการทอดอะไรแบบนี้มากๆแต่พอได้มาทำให้คุณไฟทานบ่อยๆอาโปก็เริ่มชิน เวลาโดนก็มีสะดุ้งบ้างแต่อาโปก็ยืนทอดต่อไปเรื่อยๆจนเสร็จนั่นแหละ



“ตื่นนานแล้วหรือ?”



เด็กหนุ่มมสะดุ้งกับเสียงทักที่ดังจากข้างหลัง เขาตักกุ้งตัวสุดท้ายขึ้นจากกระทะเสร็จแล้วจึงหันไปตอบคำถามของคุณไฟ



“สักพักแล้วครับ” อาโปเช็ดมือแล้วหันไปหาอีกคนที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่ข้างหลัง “คุณไฟทานเลยไหมครับ?”



ไฟพยักหน้าตอบรับแล้วเดินออกไปจากห้องครัว อาโปจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคุณไฟไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอนให้เขาต้องอายไปมากกว่านี้ แค่ทำใจกล้าคุยกับคุณไฟอาโปก็คิดว่าตัวเองเก่งมากแล้ว



♥`•.¸¸.•´♥


มื้ออาหารเย็นผ่านไปอย่างทุลักทุเลเพราะอาโปกับคุณไฟเอาแต่เถียงกันเรื่องที่อาโปจะไม่ยอมทานอาหารร่วมกันกับคุณไฟอีกแล้ว



อาโปอ้างสารพัดเหตุผลที่คิดว่าคุณไฟจะเข้าใจสุดท้ายคุณไฟก็ไม่เข้าใจหรืออาจจะเข้าใจแต่ทำเป็นไม่เข้าใจอยู่ดี ผลสุดท้ายอาโปก็ต้องนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกับคุณไฟเหมือนเดิม



ตลอดมื้ออาหารอาโปกับคุณไฟก็ไม่ได้คุยอะไรกัน อาโปรู้สึกขุ่นเคืองที่คุณไฟชอบบังคับอาโปจนอาโปต้องยอม คุณไฟไม่เข้าใจอาโปเลยสักนิดว่าการพยายามจะรักษาระยะห่างแล้วคุณไฟไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้มันยิ่งทำให้ทุกอย่างยากขึ้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก



ทั้งที่ตลอดอาทิตย์อาโปก็เกือบทำมันได้จนจะสำเร็จแล้วเชียวแต่พอมาวันนี้คุณไฟกลับทำทุกอย่างที่อาโปตั้งใจพังหมดเลยแล้วมันสมควรหรือเปล่าล่ะที่อาโปจะรู้สึกไม่พอใจคุณไฟที่ชอบเอาแต่ใจกับอาโปแบบนี้



“เป็นอะไร?” ไฟถามเด็กที่ไม่ยอมมองไม่ยอมคุยกับเขาตั้งแต่ทานข้าวเสร็จ



“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มปฏิเสธทั้งที่ในใจอยากบอกเหลือเกินว่าคุณไฟนั่นแหละที่ทำให้เขาไม่พอใจ



“โกรธ?” เขาเลิกคิ้วถามเด็กหนุ่มตรงหน้าต่อ อาโปพยายามจะหลบเลี่ยงเดินเข้าห้องครัวแต่ไฟก็ยืนขวางทางเอาไว้ทำให้อาโปไปไม่ได้



“ไม่ได้โกรธครับ” แค่ไม่พอใจคุณไฟเท่านั้นเอง อาโปไม่ได้โกรธคุณไฟสักหน่อย



“ไม่โกรธแล้วทำไมไม่คุยกับฉัน?”



“ผมคุยอยู่ครับ”



ไฟส่ายหน้ายิ้มๆแล้วถามต่อ “แล้วทำไมไม่มองหน้า"



อาโปถอนหายใจ เม้มปากตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคุณไฟที่กำลังมองอาโปอยู่ก่อนแล้ว



“มองแล้วครับ คุณไฟพอใจหรือยังผมขอตัวไปล้างจานนะครับ” ว่าจบก็ทำท่าจะเดินเข้าห้องครัวแต่ก็โดนคุณไฟมาขวางทางไว้อีก



“แบบนี้แหละที่เรียกว่าโกรธ”



“ไม่ครับ”



“แล้วจะทำยังไงถึงจะหายโกรธ” ไฟไม่สนใจคำปฏิเสธของอาโปเลยสักนิด



“ผมไม่ได้โกรธ คุณไฟไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ”



“แน่ใจนะว่าไม่ได้โกรธ งั้นฉันไม่ง้อแล้วนะ”



“ช่างคุณไฟสิครับ ผมไม่เห็นจะสนเลย” อาโปพูดอย่างไม่พอใจเมื่อคุณไฟบอกว่าจะไม่ง้อแล้ว ก็เขาไม่ได้โกรธคุณไฟแต่ไม่พอใจคุณไฟต่างหาก ดูเอาเถอะขนาดพูดให้อาโปหายไม่พอใจ คุณไฟยังเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิมเลย



“อ้อ..โอเคงั้นฉันไปล่ะ”



ไฟว่าแล้วเดินหลีกทางให้อาโป อาโปเหลือบมองคุณไฟนิดหน่อยจากนั้นก็เดินเข้าห้องครัวไปล้างจานโดยไม่ได้พูดอะไรกับคุณไฟอีก



ไม่ง้อก็ไม่ต้องง้อสิ ไม่เห็นจะสนใจเลย!



♥`•.¸¸.•´♥



อาโปเข้านอนตอนสี่ทุ่มตรงแต่เขาก็นอนไม่หลับอยู่ดีจึงพลิกตัวไปพลิกตัวมาอยู่บนเตียงคนเดียว ก็เพราะคุณไฟนั่นแหละที่ทำให้อาโปเป็นแบบนี้ คนอะไรไม่รู้ทำคนอื่นไม่พอใจแล้วยังจะไม่ง้ออีกแต่ก็ช่างเถอะอาโปก็ไม่ได้อยากให้คุณไฟมาง้อสักหน่อย



เขานอนหันหน้าเข้ากำแพงและหันหลังให้ประตู นอนมองกำแพงห้องมันนี่แหละเผื่อจะทำให้อาโปง่วงขึ้นมาบ้าง



“ยังไม่นอนอีก?”



“เฮ้ยย!



อาโปสะดุ้งหันกลับมามองประตูเมื่อเจอกับคุณไฟที่กำลังยืนมองเขาอยู่หน้าประตู นี่ไงผลของการที่ไม่ยอมล็อคประตูห้องนอนจนทำให้คุณไฟเปิดเข้ามาได้นี่ไง อาโปสัญญาเลยว่าหลังจากนี้เขาจะล็อคประตูห้องนอนของตัวเองทุกครั้งเลย



“เสียงดัง” ไฟว่าแล้วเดินเข้ามาใกล้เตียงของอาโป



อาโปกระพริบตาปริบๆมองคุณไฟที่ยืนมองเขาอยู่ พออาโปจะลุกขึ้นนั่งคุณไฟก็ผลักเขาลงไปนอนบนเตียงเหมือนเดิม



“ละ...แล้วคุณไฟเปิดเข้ามาในห้องผมทำไมครับ?” เขาถามเมื่อเห็นคุณไฟไม่เริ่มพูดอะไรสักที



“มาง้อเด็ก”



อาโปหน้าแดงจนต้องยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงจนตอนนี้ไฟมองเห็นแค่ผมกับตาของอาโปเท่านั้น



“เด็ก...เด็กที่ไหนครับ?” เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เสสายตามองไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าคุณไฟ



“เด็กดื้อ” ชี้นิ้วลงตรงจุดที่คงเป็นแก้มของอาโปแต่โดนผ้าห่มคลุมทับไว้อยู่



“ฮื่อ..” อาโปสายหน้าร้องไม่พอใจเมื่อโดนคุณไฟว่าแบบนั้น ก็เขาไม่ใช่เด็กดื้อสักหน่อย



“หายโกรธหรือยัง?” เขาถามแล้วยิ้มให้อาโปที่นอนมองเขาตาแป๋ว



“ผมไม่ได้โกรธคุณไฟสักหน่อยครับแค่ไม่พอใจนิดเดียวเอง” อาโปพูดอุบอิบอยู่ในลำคอแต่ไฟก็ยังได้ยิน



“แล้วหายหรือยังล่ะ?”



“หายก็ได้ครับ” อาโปลดผ้าห่มลงมาคลุมไว้ที่อกเหมือนเดิม



“อือ งั้น...ฝันดี” ไฟว่าพลางยื่นมือมาลูบศีรษะของอาโปทำเอาคนโดนลูบศีรษะด้วยความอ่อนโยนใจเต้นไม่เป็นส่ำแถมแก้มยังแดงเถือกลามไปถึงคอแล้วด้วย



“คะ...ครับฝันดีครับคุณไฟ”



คนโดนบอกฝันดีกลับพยักหน้าแล้วยิ้มให้จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องของอาโปจะได้ปล่อยให้เด็กมันนอนสักทีโดยไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่ตนเองทำมันทำให้อาโปนอนไม่หลับยิ่งกว่าเดิมเสียอีก....



♥`•.¸¸.•´♥
.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺


แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
คุณไฟสะกดคำว่าคุกเป็นมั้ยคะ ก๊าก :katai4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 ต่างคนต่างคิดไกล
ทำไมคุณไฟร้ายแบบนี้ ถึงเนื้อถึงตัวนะ
แล้วยังมาบุกห้องอีก

อาโปจะรอดไหม ไหนผ่านมาอาทิตย์นึง คิดว่าจะรอด
ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมอาโปก็ยังคิดไม่เลิก

ได้นับแกะสักทีละมั้ง ไหนๆ ก็นอนไม่หลับแล้ว

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Ten



//



Love makes the world go round.

ความรักทำให้โลกหมุน

(Natural Born Killers (1994))





//




















เช้านี้เป็นเช้าที่อาโปไม่อยากจะตื่นเลยสักนิด แค่คิดว่าข้างนอกห้องนั่นมีคุณไฟกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่อาโปก็อยากจะนอนอยู่บนกองผ้าห่มแบบนี้ไปจนกว่าคุณไฟจะออกจากห้องเลยแต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของคุณไฟและอาโปก็ต้องตื่นมาทำอาหารให้คุณไฟอยู่ดี



อาโปหยิบอุปกรณ์อาบน้ำของตัวเองออกมา พาดผ้าขนหนูไว้บนบ่าของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องไป เขาเดินมายังประตูหน้าห้องของคุณไฟ เคาะขออนุญาตเหมือนที่เคยทำเวลาจะใช้ห้องน้ำจากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปและเห็นคุณไฟกำลังนอนหลับอยู่ เป็นภาพที่อาโปเห็นทุกวันแต่ยังไม่เคยชินสักที



เขาเดินทำตัวเงียบๆไปยังห้องน้ำ ยังไม่ทันที่จะจับลูกบิดประตูห้องน้ำเปิดออก คนบนเตียงที่อาโปคิดว่าหลับอยู่ก็เรียกอาโปไว้ก่อนเขาจึงต้องหันไปหาแล้วตอบรับคุณไฟ



“ครับคุณไฟ” อาโปก้มหน้าคางชิดอกอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าสบตาคุณไฟอยู่ดี



“มานี่หน่อย”



“ครับ?” เขาเอียงคอถามคุณไฟอย่างไม่เข้าใจ



“มาหาฉันตรงนี้หน่อย”



อาโปลังเลแต่สุดท้ายก็ต้องเดินไปหาคุณไฟที่อยู่บนเตียงเพราะโดนคุณไฟจ้องด้วยความกดดัน ยอมรับเลยว่าอาโปแพ้สายตาคู่นั้นของคุณไฟจริงๆ



“คุณไฟมีอะไรหรือเปล่าครับ?” เขาถามเมื่อหยุดยืนอยู่ห่างเตียงคุณไฟพอประมาณ



ไฟมองอาโปที่ยืนห่างจากเขาแล้วก็ต้องถอนหายใจ



“เขยิบมานี่”



“ไม่เป็นไรครับ ยืนตรงนี้ผมก็ได้ยิน คุณไฟพูดมาเลยก็ได้ครับ”



อาโปยังคงระแวงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อวานซ้ำอีก เขาจึงต้องยืนให้ห่างคุณไฟเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง



“ไม่ได้ ขยับมา”



“ไม่ครับ” เขาปฏิเสธเสียงแข็งใส่คนที่ชอบเอาแต่ใจ



“ดื้ออีกแล้ว” ไฟว่าแต่ไม่ได้ถือสาอะไร ที่เรียกอาโปมาก็แค่อยากเห็นเด็กมันมายืนทำหน้าบึ้งๆใส่ก็เท่านั้น ได้แกล้งเด็กตอนเช้าก็สนุกดี



“ผมไม่ดื้อครับ คุณไฟนั่นแหละดื้อ เอาแต่ใจเก่งด้วย” อาโปหลุดปากออกมาแต่แล้วยังไงล่ะให้แก้ตัวตอนนี้ก็ไม่ทันก็ในเมื่อเขาพูดทุกอย่างออกไปหมดแล้วนี่นา



“เดี๋ยวนี้กล้าว่าฉันแล้ว?” เขาอยากจะขำเด็กที่ยืนอึกอักอยู่ตรงหน้าแต่ก็ต้องกลั้นไว้แล้วตีหน้าดุแกล้งเด็กมันต่อ



“ไม่ได้ว่านะครับ ผมแค่...เอ่องั้นผมขอโทษก็ได้ครับ” เมื่อไม่มีอะไรจะแก้ตัวอาโปก็เฉไฉขอโทษคุณไฟทันที



“หึ ไปอาบน้ำได้แล้วฉันหิวแล้ว”



เขาไม่ได้รั้งอาโปไว้อีกเพราะนี่ก็นานมากแล้วเดี๋ยวอาโปต้องไปทำอาหารและงานบ้านอีก ไฟไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ อีกอย่างเขาก็ยังมีเวลาแกล้งอาโปอีกตั้งเยอะแยะ



อาโปอยากจะบอกเหลือเกินว่าถ้าหากคุณไฟไม่เรียกไว้ป่านนี้เขาคงทำอาหารเสร็จแถมตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วล่ะมั้งแต่ก็นั่นแหละอาโปจะไปพูดอะไรได้นอกจากพยักหน้าและตอบรับคำสั่งของคุณไฟ



“ครับ”



♥`•.¸¸.•´♥



“คุณไฟไม่ต้องไปหรอกครับผมไปคนเดียวก็ได้”



“แล้วทำไมฉันจะไปไม่ได้”



“ก็...ก็คุณไฟไม่จำเป็นต้องไปนี่ครับ ทุกทีผมก็ไปคนเดียวอยู่แล้วด้วย”



“นั่นมันทุกทีแต่ครั้งนี้ฉันจะไป”



“คุณไฟ~~”



อาโปโอดครวญและยืนมองคุณไฟที่เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองเมื่อเถียงกับอาโปจบและตัดสินใจว่าจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตฝั่งตรงข้ามด้วยกัน



ไม่รู้คุณไฟเกิดครึ้มอกครึ้มใจอะไรถึงได้อยากไปด้วยแต่อาโปก็เถียงจนคอแห้งเพราะไม่อยากให้คุณไฟไป ก็เขาเป็นเจ้านายจะให้ไปช่วยถือของหรือเข็นรถให้ลูกจ้างอย่างเขาได้ยังไงกัน



“ไปกันได้แล้ว”



อายังไม่ยอมขยับไปไหน เขาเอาแต่ยืนมองหน้าคุณไฟเผื่อคุณไฟจะกดดันแล้วเปลี่ยนใจไม่ไปกับเขา



“ถ้าไม่ไปฉันจะอุ้มนายแล้วนะอาโป”



คนจะโดนอุ้มลนลานพยักหน้าและเดินนำออกจากห้องทันทีโดยที่ไม่ต้องพูดซ้ำอีก ก็ใครมันจะไปอยากโดนอุ้มกันเล่า!



“อาโปรอด้วย” ไฟเรียกคนที่ก้าวฉับๆเดินนำเขาไป พอบทจะรีบก็รีบจนน่าใจหายเหลือเกินเจ้าเด็กคนนี้



“คุณไฟก็เดินเร็วๆสิครับ”



ดูสิยังจะมีหน้ามาเถียงเขาอีก เอาเถอะเขาจะยอมให้อาโปก็แล้วกัน



“เมื่อกี้ยังอิดออดจะไม่ไปอยู่เลย”



“เมื่อกี้ก็คือเมื่อกี้ครับแต่ตอนนี้ผมอยากไปแล้ว”



เขามองท่าทางแสนงอนของอาโปแล้วก็อยากจะจับเด็กมันมาบิดจมูกสักหน่อยแต่ก็กลัวจมูกเล็กๆของอาโปจะแดงเถือกเข้าก็เลยห้ามใจเก็บความหมั่นเขี้ยวไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว



คอยดูเถอะถ้ามีโอกาสเขาจะฟัดอาโปให้จมเขี้ยวเลย



ทั้งสองคนเดินมาถึงซุปเปอร์มาเก็ตในเวลาต่อมา อาโปเดินไปเอารถเข็นแต่ก็โดนคุณไฟตัดหน้าแล้วแย่งรถเข็นที่อาโปพึ่งเอามาไปเข็นเองหหน้าตาเฉย



อาโปก็จนใจจะพูดจะเถียงกับคุณไฟแล้ว เขาเลยยอมให้คุณไฟเข็นรถเข็นไปแต่โดยดี ก็ดีมีคนเข็นรถให้เขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากนัก



แต่อาโปก็ต้องคิดผิดเมื่อคุณไฟที่ควรจะเดินตามเขาไปยังแผนกของสดกลับเดินไปหาแผนกขนมขบเคี้ยวหน้าตาเฉย พออาโปเรียกคุณไฟก็ทำเมินแถมยังตั้งหน้าตั้งตาเข็นรถเข็นไปแผนกนั้นอยู่ดีจนสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมแพ้แล้วเดินตามคุณไฟไปอย่างเสียไม่ได้



คนอะไรเอาแต่ใจชะมัดเลย!



อาโปได้แต่บ่นกับตัวเองแต่แล้วยังไงล่ะก็เขาเป็นลูกจ้างนี่จะไปขัดใจอะไรนายจ้างได้ที่ไหนกัน เขาก็ต้องยอมตามคุณไฟที่เป็นนายจ้างของตัวเองอยู่แล้ว



“ชอบกินอันนี้ไหม?”



เขาหันไปมองคุณไฟที่ชูถุงขนมช็อคโกแลตขึ้นมาให้เขาดู แต่ก่อนอาโปชอบทานช็อคโกแลตยี่ห้อนี้มากแต่หลังจากมาทำงานกับคุณไฟเขาก็ไม่ค่อยได้ทานสักเท่าไหร่



“ทานได้ครับ”



“อืมงั้นเอา” ว่าจบก็วางช็อคโกแลตถุงใหญ่ไว้บนรถเข็นจากนั้นก็เดินเลือกขนมต่อโดยไม่ได้สนใจอาโปที่ยืนงงอยู่ข้างหลัง



อาโปก็ได้แต่เดินตามคุณไฟ จากตอนแรกที่คุณไฟเข็นรถตอนนี้ก็กลายเป็นเขาที่ต้องเข็นเองแล้วเป็นคนเดินตามคุณไฟเขาแทน



“อันนี้ล่ะชอบไหม?” เขาชูขนมขบเคี้ยวขึ้นมาอีกครั้งและก็ถามคำถามเดิมกับอาโปอีกครั้ง



“พอทานได้ครับ”



“พอทานได้?...งั้นแสดงว่าชอบ” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่คุณไฟวางถุงขนมถุงที่สองไว้บนรถเข็น



“คุณไฟผมว่าพอเถอะครับแค่นี้ก็เยอะแล้ว” เขาต้องห้ามไว้ก่อนไม่งั้นคุณไฟคงเหมาขนมหมดชั้นแน่ๆ



“ก็ได้ เอามานี่เดี๋ยวเข็นเอง”



คุณไฟเดินมาแย่งรถเข็นอาโปอีกครั้ง อาโปก็ยอมปล่อยรถเข็นให้คุณไฟแต่โดยดี ก็เขาเคยบอกแล้วไงว่าจะเถียงกับคุณไฟยังไงก็เปล่าประโยชน์ เขาควรจะยอมคุณไฟง่ายๆแบบนี้แหละเรื่องจะได้ไม่ต้องยุ่งยากแถมยังไม่ต้องเสียเวลาซื้อของอีก



อาโปเดินนำคุณไฟไปที่แผนกของสด เขายืนเลือกพวกเนื้อสัตว์ต่างๆนานพอสมควรแต่คุณไฟก็ไม่ได้บ่นอะไรนอกจากถามเขาว่าเลือกยังไงและดูยังไงให้ได้ของที่สด



คนโดนถามก็เพียงตอบไปตามที่รู้ บางอย่างเขาไม่รู้ก็บอกว่าใช้สัญชาตญาณเอาคุณไฟก็เข้าใจและรับฟังเหมือนเด็กที่กำลังฟังคุณครูสอนหน้าชั้นอย่างไรอย่างนั้นเลย



“ฉันอยากกินน้ำเสาวรสบ้าง”



เมื่ออยู่หน้าตู้น้ำผลไม้และนมต่างๆนาๆคุณไฟก็เริ่มเดินไปเดินมาหน้าตู้อีกครั้ง เขาหยิบๆจับๆน้ำนั่นน้ำนี่ที่ตัวเองอยากดื่มมาใส่รถเข็นแต่อาโปก็จะเป็นคนดูและคอยเอาออกเสมอ บางทีที่คุณไฟหยิบมามันก็มากไปแค่นี้คุณไฟก็เลือกของมาใส่จนจะล้นรถเข็นอยู่แล้ว



“คุณไฟพอแล้วครับมันเยอะแล้ว” อาโปเอ่ยเตือนเมื่อคุณไฟหยิบน้ำเสาวรสที่ตัวเองบ่นอยากดื่มเอามาใส่รถเข็น



“ก็ฉันอยาก”



“พอแล้วครับ ถ้าคุณไฟเอาไปเยอะขนาดนี้มันจะใส่ในตู้เย็นไม่พอนะครับ วันหลังค่อยมาซื้อเพิ่มก็ได้”



ไฟยืนครุ่นคิดกับสิ่งที่อาโปพูด มันก็จริงที่เขาเอาไปเยอะมากและอาจจะใส่ในตู้เย็นไม่พออีก เขาเลยตัดสินใจวางน้ำเสาวรสไว้แล้วหันมาหาอาโป



“งั้นวันหลังฉันจะมาด้วย”



อาโปถอนหายใจพยักหน้ารับคำขอของคุณไฟ “ก็ได้ครับ”



เขาอยากจะพูดต่อประโยคท้ายเหลือเกินว่าถ้าครั้งหน้ามาด้วยกันอีกคุณไฟต้องไม่ดื้อเหมือนครั้งนี้ไม่งั้นครั้งต่อๆไปถ้าขอมาด้วยเขาจะไม่ให้มาแล้วแต่ก็นั่นแหละอาโปก็พูดอะไรแบบนี้กับคุณไฟไม่ได้อยู่ดี



ทั้งสองคนพากันไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ราคาของทั้งหมดก็เสียไปเยอะอย่างที่อาโปคิดไว้ ขนาดเงินสองพันที่คุณไฟเคยให้ยังจ่ายค่าของตอนนี้ไม่พอเลยแต่ดีที่คุณไฟพกบัตรเครดิตมาด้วยทั้งสองคนจึงไม่ต้องเอาของไปคืนเพราะเงินไม่พอ



พอจ่ายเงินเสร็จคุณไฟก็ทำท่าจะแย่งของทั้งหมดไปถือด้วยตัวเองแต่อาโปก็ไม่ยอม เขาเลยได้ถุงมาถือสี่ถุงและอยู่กับคุณไฟอีกห้าถุงแต่มันจะไม่อะไรเลยถ้าในถุงของอาโปมีแต่ของเบาๆส่วนถุงของคุณไฟก็มีแต่ของหนักๆทั้งนั้น



“ผมช่วยไหมครับคุณไฟ”



“ไม่เป็นไร”



“แต่ของมันหนักนะครับ”



“อือรู้แล้ว”



“ถ้างั้น...”



“รถว่างแล้วข้ามถนนเร็ว”



อาโปอยากจะร้องใส่คุณไฟดังๆแต่ก็ทำไม่ได้นอกจากมองหน้าคุณไฟแล้วสุดท้ายก็ต้องข้ามถนนไปตามที่คุณไฟบอก



ชอบว่าแต่เขาดื้อตัวเองก็ดื้อไม่แพ้กันหรอก



♥`•.¸¸.•´♥



หลังจากนั้นมาทุกครั้งที่อาโปต้องไปซื้อของที่ซุปเปร์มาเก็ตเขาจะมีคุณไฟติดสอยห้อยท้ายไปด้วยตลอดและคุณไฟก็จะชอบเดินแยกกับอาโปทำให้อาโปต้องเดินหาคุณไฟที่หายไปไม่บอกไม่กล่าวอีกที



ให้พูดตามตรงอาโปก็คิดว่าคุณไฟเหมือนเด็กเอามากๆ พออยากจะไปไหนก็ไปเลยไม่เคยบอกกล่าวกันหรอก แล้วสุดท้ายใครล่ะที่ต้องเดินตามหา...ก็อาโปคนนี้อีกนั่นแหละที่ต้องเดินไปหาแล้วบอกคุณไฟว่าอย่าเดินแยกจากกันอีกไม่งั้นคราวหน้าอาโปจะไม่ให้มาด้วยกันแล้ว



“ก็ฉันอยากไปดูตรงนั้น”



“แต่ครั้งก่อนคุณไฟก็เดินดูหมดแล้วนะครับ”



“ครั้งนี้กับครั้งก่อนไม่เหมือนกัน”



“ยังไงครับ?”



“ครั้งนี้เขาเพิ่งเอาของมาลงใหม่”



“ก็ของเดิมๆนั่นแหละครับ”



“ก็ได้ๆแล้วนี่จะไปซื้ออะไรต่อ”



อาโปยิ้มให้คุณไฟที่ยอมโอนอ่อนให้เขาในที่สุด เป็นปกติแล้วเหมือนกันที่เขาจะเถียงกันเรื่องนั้นเรื่องนี้จนอาโปก็เริ่มชิน ตอนแรกก็คิดว่าคนไฟจะเป็นคนเงียบๆแต่พอได้เถียงกันเท่านั้นแหละคุณไฟก็ดูเหมือนจะเถียงแข่งกับอาโปเก่งขึ้นทุกวัน



“วันนี้ซื้อนิดเดียวนะครับ ห้ามเกินหนึ่งพัน”



“ฉันพกมาสองพัน”



“ห้ามเกินหนึ่งพันครับ ถ้าผมเห็นว่าเกินผมจะเอาของไปคืนไว้ที่เดิม”



“แต่นี่เงินฉัน” เขายังเถียงต่ออย่างไม่ยอม



เวลามาซุปเปอร์มาเก็ตด้วยกันทีไรคุณไฟก็ชอบใช้เงินไปเกือบถึงสามพัน ไม่รู้เขาจะหอบอะไรใส่รถเข็นนักหนา ทั้งที่ก็ทานของเก่ากันแทบไม่ทันอยู่แล้วยังจะหยิบของใหม่ไปใส่เพิ่มอีกแล้วทีนี้ก็ต้องทิ้งอีกเพราะบางอย่างก็หมดอายุ อาโปคิดว่าเกิดให้คุณไฟทำตามใจตัวเองแบบนี้อีกมันก็ดูเป็นการสิ้นเปลืองจนเกินไป



“แล้วที่คุณไฟหยิบไปของเก่าคุณไฟดื่มหมดหรือยังครับ?”



เขาชี้ไปที่น้ำเสาวรสที่คุณไฟเพิ่งหยิบมาใส่รถเข็น อาโปจำได้ว่าครั้งที่แล้วคุณไฟก็ยังดื่มไม่หมดแล้วนี่ยังจะหยิบขวดใหม่ไปอีกแล้ว



“เหลือนิดเดียว”



“เมื่อเช้าผมเช็คดูยังเหลืออีกตั้งครึ่งขวดเลยนะครับ”



“นั่นแหละนิดเดียว”



“คุณไฟ~~” อาโปว่าเสียงอ่อน ทำไมคุณไฟถึงเป้นคนที่ทำมึนได้เก่งขนาดนี้ก็ไม่รู้แล้วทีนี้อาโปจะทำยังไงจะพูดยังไงให้คุณไฟเข้าใจดี



“อะไร?....ไม่ได้หรือ?” ยังจะมีหน้ามาถามอีก



“ไม่ได้ครับ คุณไฟดื่มของเก่าให้หมดก่อนถ้าหมดแล้วค่อยมาซื้อใหม่ก็ได้ครับ ซุปเปร์มาเก็ตก็อยู่แค่นี้เอง”



“งั้นก็ต้องมาด้วยกัน” ไฟต่อรองเด็กที่ยืนทำปากยื่นอยู่ตรงหน้าเขา



“ครับ ผมจะมากับคุณไฟ”



“อือ งั้นไม่เอาแล้วก็ได้”



อาโปยิ้มแล้วหยิบน้ำเสาวรสในรถเข็นออกไปตั้งไว้ที่เดิม



คุณไฟที่เชื่อฟังและพูดง่ายแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน



ทั้งสองคนพากันเลือกของใส่รถเข็นอีกนิดหน่อยก็พากันไปจ่ายเงินที่หน้าแคชเชียร์เหมือนเดิม หลังจากที่แคชเชียร์บอกราคาของออกมาอาโปก็หันไปยิ้มให้คุณไฟเพราะครั้งนี้ราคาของเกินมาแค่พันนิดๆแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะยังไงก็ยังน้อยกว่าทุกครั้งที่คุณไฟมาซื้อของด้วยกัน



“ยิ้มอะไร?” ไฟถามเด็กที่เอาแต่ยิ้มจากซุปเปอร์มาเก็ตจนมาถึงหน้าลิฟต์คอนโดเขาก็ยังไม่หยุดยิ้ม



“ยิ้มให้คุณไฟครับ” อาโปตอบพาซื่อ เงยหน้าไปยิ้มกว้างให้คุณไฟอีกครั้ง



“อือ น่ารัก” ไฟว่าแล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์เมื่อลิฟต์เปิดออกพอดี



อาโปทำหน้าเหวอยืนอยู่หน้าลิฟต์ไม่กล้าขยับตัวเพราะมัวเอาแต่ทวนคำที่คุณไฟพูดออกมา



น่ารัก น่ารัก น่ารัก



“บ้าแล้ว~~” อาโปโอดครวญกับตัวเองทำให้คนที่มองอยู่ยิ้มขำกับเด็กตรงหน้า



“อาโปเข้ามา”



คนโดนเรียกเพิ่งรู้สึกตัวก็ลนลานเดินเข้าลิฟต์ไปตามคุณไฟและเลือกจะยืนเว้นระยะห่างไว้พอสมควรแต่ลิฟต์มันแคบเกินไปเขาเลยไม่สามารถเว้นที่ไว้ห่างกับคุณไฟได้อย่างที่ใจคิด



“เขินหรือ?” ไฟถามเมื่อลิฟต์ปิดลง



“ปะ...เปล่าครับ” เขาปฏิเสธทั้งที่ยังก้มหน้าไม่สบตาคุณไฟ



“แล้วหน้าแดงทำไม?”



“ก็...มันร้อนครับ”



“อ้อ...ร้อนสินะ”



“ครับผมร้อน”



“เสียใจจัง คิดว่าเขินคำว่า ‘น่ารัก’ ของฉันซะอีก” ไฟก้มหน้าไปใกล้อาโปแล้วยิ้มล้อใส่เด็กที่ยิ่งเขาพูดหน้าก็ยิ่งแดงมากกว่าเดิม



“ฮื่อ..คุณไฟ~~”



อาโปอยากมีพลังวิเศษจริงๆจะได้หายตัวไปจากตรงนี้ได้ ก็ดูคุณไฟสิพอแกล้งเขาได้นิดเดียวก็แกล้งเขาใหญ่เลย ไม่รู้หรือยังไงว่าใจดวงน้อยๆของอาโปมันรับไม่ค่อยไหวน่ะ ทำไมเป็นคนใจร้ายและขี้แกล้งอย่างนี้ก็ไม่รู้



ติ้ง~~



แทบจะทันทีที่ลิฟต์เปิดอาโปก็เดินพุ่งออกไปจากตัวลิฟต์ทันที เขาได้ยินเสียงหัวเราะของคุณไฟไล่หลังแต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจแล้วสุดท้ายพอเดินมาถึงหน้าห้องเขาก็ต้องยืนหยุดรอเจ้าของห้องเพื่อรอให้เขาแตะคีย์การ์ดเข้าห้องให้ รู้อย่างนี้อาโปพกคีย์การ์ดสำรองที่ตัวเองมีมาด้วยก็ดีจะได้ไม่ต้องยืนรอคนขี้แกล้งอย่างคุณไฟแบบนี้



“ยืนรอฉัน?”



ยังจะถามอีก ก็คีย์การ์ดก็อยู่กับตัวคุณไฟยังจะถามอาโปอีกว่ายืนรอเขา ก็อาโปต้อวรอคุรไฟอยู่แล้วไงถ้าไม่รอจะเข้าห้องยังไงเล่า!



“ครับ”



“แล้วเมื่อกี้จะเดินหนีทำไม?” ไฟถามต่อไม่ยอมเปิดห้องให้อาโปเข้าไปสักที



เด็กตรงหน้ามองคุณไฟอย่างเคืองๆ ทำไมถึงชอบแกล้งอาโปนักก็ไม่รู้



“ก็คุณไฟแกล้งผม” อาโปตอบไปตามจริง ถ้าหากคุณไฟไม่แกล้งชมเขาว่าน่ารักแบบนั้นอาโปก็คงจะไม่เดินหนีคุณไฟมาแบบนี้หรอก



“ฉันแกล้งอะไร?”



“คุณไฟ~~”



“ว่าไง...ฉันแกล้งอะไรนายล่ะทำไมถึงเดินหนีกันมาแบบนี้” ไฟถามพลางมองเด็กที่เอาแต่ก้มหน้าเม้มปากของตัวเอง



“ก็...ก็คุณไฟแกล้งชมว่าผมน่ารัก เอ่อ...ผม...ผมไม่พูดแล้ว~~ เปิดประตูห้องเถอะนะครับคุณไฟ” อาโปส่งสายตาอ้อนวอนให้คุณไฟเปิดประตูห้องให้เขาเข้าไปสักที ยืนอยู่ตรงนี้นานหัวใจอาโปมันจะเต้นแรงแล้วหัวใจอาจจะวายได้แล้วนะ



“ก็ได้” สุดท้ายด้วยความเห็นใจเด็กที่เขินหน้าแดงและทำตัวไม่ถูกไฟก็แตะคีย์การ์ดลงหน้าประตูเพื่อเปิดให้เด็กมันได้เข้าไปในห้องสักที



ทั้งน่าสงสารทั้งหน้าเอ็นดูในเวลาเดียวกันเลย



“ขอบคุณครับ” อาโปเดินก้มหน้าผ่านคุณไฟแล้วเดินเข้าประตูไป



แต่ไม่วายจนสุดท้ายคุณไฟก็ยังแกล้งอาโปด้วยคำพูดที่ทำให้อาโปเขินยิ่งกว่าเดิมอยู่ดี



“อาโป ที่บอกว่าน่ารักน่ะฉันไม่ได้แกล้ง...ฉันพูดจริงๆนายน่ะน่ารักจริงๆ”



คุณไฟใจร้ายที่ชอบทำให้อาโปใจเต้นแรงบ่อยๆแถมยังชอบแกล้งให้อาโปเขินอยู่เรื่อยเลย...



♥`•.¸¸.•´♥

.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺


แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
นึกว่าจะได้เจอคุณชัช55555

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Eleven



//



The only wrong thing would be to deny what your heart truly feels.
สิ่งที่ผิดพลาดมีเพียงสิ่งเดียวคือการไม่ทำตามที่หัวใจเรียกร้อง

(The Mask of Zorro (1998))



//














ช่วงนี้คุณไฟกลับห้องดึกๆไม่ก็จะนอนค้างข้างนอก คุณไฟบอกกับอาโปว่าต้องทำโปรเจคอะไรสักอย่างส่งให้อาจารย์ให้ทันตามกำหนดเวลา อาโปคิดว่ามันก็คงเหมือนตอนที่อาโปต้องไปทำรายงานกับเพื่อนในโรงเรียนนั่นแหละมั้ง



คุณไฟบอกให้อาโปกลับบ้านไปหายายได้ อาโปทำตามคำสั่งคุณไฟจนผ่านมาหนึ่งอาทิตย์คุณไฟถึงเรียกตัวอาโปกลับคอนโดด้วยข้อความที่คุณไฟบอกว่า ‘หิวข้าว’ แค่นั้นอาโปก็รีบบอกลายายและทุกๆคนเพื่อรีบไปทำอาหารให้คุณไฟได้ทาน ก็อาโปเป็นพ่อบ้านจะรีบไปหาเจ้านายเพราะเจ้านายบอกว่าหิวข้าวก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย



แต่ที่อาโปคิดว่าตนเองแปลกจริงๆก็ตอนที่เห็นหน้าคุณไฟครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งที่คุณไฟไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปเลยแต่อาโปกลับอยากนั่งมองหน้าคุณไฟทั้งวันไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แค่เห็นหน้าก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอ แค่ได้ยินเสียงก็ทำให้อาโปกระตือรือร้นทำทุกอย่างให้คุณไฟได้อย่างรวดเร็วและแค่คุณไฟยิ้มให้อาโปก็รู้สึกอยากยิ้มตามคุณไฟไปทั้งวันเลย



ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันนะ



“มีอะไรหรือเปล่า?”



อาโปสะดุ้งตัวโยนเมื่อคุณไฟทักขึ้น



“ครับ?” เขาถามอย่างไม่เข้าใจว่าคุณไฟหมายถึงอะไร



“ก็นายมองหน้าฉัน” ไฟตอบนิ่งๆพร้อมตักข้าวเข้าปากอีกคำ



“อ..เอ่อเปล่าครับ”



“อือ”



แล้วทุกอย่างก็กลับมาเงียบอีกครั้งจนอาโปก็อดที่จะเขินไม่ได้ว่าตนเองเผลอจ้องคุณไฟนานขนาดไหนกันคุณไฟถึงได้ถามแบบนั้นออกมา



“คือผมถามอะไรคุณไฟหน่อยได้ไหมครับ?”



ไฟเงยหน้ามามองอาโปก่อนจะก้มลงทานข้าวอีกครั้งแล้วตอบรับในลำคอเป็นการอนุญาต



“อือ”



“งานของคุณไฟเสร็จแล้วหรือครับ?” อาโปวางช้อนทานข้าวลงเมื่อทานเสร็จจากนั้นก็นั่งนิ่งๆรอคอยคำตอบของคุณไฟ



“อือ” ไฟแปลกใจไม่น้อยเลยที่อาโปถามคำถามนี้ออกมาแต่ก็ช่างเถอะเด็กคนนี้อยากจะถามหรืออยากจะรู้อะไรเขาก็จะตอบให้อาโปได้รู้หมดทุกอย่างนั่นแหละ



“เป็นยังไงบ้างครับ?”



เป็นคราวที่ไฟต้องวางช้อนทานข้าวลงบ้างเมื่อทานเสร็จแล้ว เขาดื่มน้ำพร้อมกับมองหน้าอาโปที่นั่งมองเขาเพื่อรอคอยคำตอบ เขาไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่ว่าที่อาโปถามแบบนี้ก็เพราะเด็กคนนี้เป็นห่วงเขาแต่ก็นั่นแหละมันอดคิดไม่ได้จริงๆ



“เรียบร้อยดี” เขาว่าแล้วคอยมองปฏิกิริยาที่ตอบกลับจากอาโป



“ดีจังเลยครับ” อาโปส่งยิ้มกว้างไปให้คุณไฟเมื่อพูดเสร็จ เขารู้สึกดีใจแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ที่คุณไฟทำงานเสร็จอีกทั้งยังผ่านไปด้วยดี



“อือดี” ไฟส่งยิ้มตอบกลับไปให้อาโปพอเห็นเด็กคนนี้ยิ้มก็อยากยิ้มตามตลอดเลย



ทอาโปตาแทบพร่าเมื่อเห็นรอยยิ้มสวยๆที่คุณไฟส่งมาให้ เขากระแอมไอก้มหน้าตั้งสติกับรอยยิ้มที่ได้รับก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาศีรษะด้วยความเก้ๆกังๆอย่างคนทำอะไรไม่ถูก



ไฟนั่งมองปฏิกิริยาที่เขาเรียกเอาเองว่าเด็กตรงหน้าคงเขินเขาจนทำอะไรไม่ถูก เวลาเขินอาโปชอบลนลานแล้วก้มหน้าหลบสายตาเขาทุกทีไป อาการของอาโปดูได้ๆง่ายจากการแสดงออกเลยว่ารู้สึกยังไงหรือกำลังเป็นอะไรอยู่เพราะอย่างนี้แหละมั้งที่เขาดูอาโปออกว่าเด็กคนนี้กำลังพยายามห้ามปรามความรู้สึกดีๆต่อเขาแล้วเขาจะยอมให้เด็กมันห้ามได้ยังไงกัน จะรู้สึกก็รู้สึกไปสิเขาชอบซะอีก



“ผม...ผมเก็บจานนะครับ”



อาโปพูดเสียงสั่นพร้อมกับที่ยื่นมือสั่นๆของตนเองออกไปหมายจะคว้าจานขึ้นมาแล้วนำไปไว้ในซิงค์ล้างจานแต่กระนั้นคนขี้แกล้งอย่างคุณไฟก็ไม่ยอมให้เขาได้ทำตามที่คิดเมื่อมือหนาของคุณไฟคว้าหมับเข้าที่มือสั่นๆของอาโปจนอาโปต้องหยุดชะงักการกระทำของตัวเองลงทันที



“ขอบคุณ”



ว่าเสร็จก็ปล่อยมือของอาโปแล้วส่งยิ้มให้เป็นการปิดท้ายจากนั้นก็เดินออกไปจากโต๊ะทานข้าวปล่อยให้เหลือแต่อาโปที่ทั้งไม่เข้าใจว่าคุณไฟจะขอบคุณทำไมแล้วอาโปจะเขินคุณไฟเขาทำไมเพียงแค่คำขอบคุณที่นุ่มหูและรอยยิ้มสวยที่คุณไฟส่งมาให้อาโปก่อนจะเดินออกไป



♥`•.¸¸.•´♥



อาโปว่าอาการตอนนี้ที่อาโปมีต่อคุณไฟกำลังเข้าขั้นวิกฤต พอคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเที่ยงทีไรอาโปก็อยากจะวิ่งหลบเข้าไปในห้องแล้วมุดลงในผ้าห่มจะได้ไม่ต้องมองเห็นหน้าคุณไฟที่ตอนนี้ทำเอาอาโปทั้งเขินทั้งไม่กล้ามอง



แต่เขาจะทำอย่างที่คิดได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เขาต้องมานั่งดู we bare bears ตอนที่ดูค้างไว้กับคุณไฟเมื่ออาทิตย์ก่อน ไอ้เขินมันก็เขินนั่นแหละแต่อาโปก็อยากดูการ์ตูนมากๆเหมือนกัน



“นั่งพื้นสบายหรือ?”



อาโปพยักหน้าหงึกหงักตอบคุณไฟทั้งที่ตายังจ้องมองอยู่หน้าโทรทัศน์อย่างใจจดใจจ่อ



ไฟเห้นอย่างนั้นก็อยากแกล้งเด็กมันขึ้นมาจึงต่อยๆถดตัวเองลงจนสุดท้ายก็มานั่งแหมะบนพื้นพรมหน้าโซฟาข้างกันกับอาโป



“คุณไฟ!...ทำไมไม่นั่งข้างบนครับ” อาโปถามอย่างตกใจเมื่อหันไปก็เห็นคุณไฟนั่งหน้ามึนดูโทรทัศน์ข้างๆกันเสียแล้ว





“นุ่มดีเหมือนกันนะ”ไฟไม่ตอบคำถามอาโปแถมยังขยับมานั่งเบียดจนไหล่ของทั้งสองคนติดกันอีก



“โธ่~~ คุณไฟจะมานั่งข้างล่างทำไมครับ ข้างบนดีๆก็มีให้นั่งนะครับ”



“นายก็ขึ้นไปนั่งก่อนสิ” ไฟหันไปต่อรองคนที่ยังทำปากยื่นใส่เขาอยู่



“แต่ผมนั่งตรงนี้ก็ดีอยู่แล้วนะครับ คุณไฟเป็นเจ้านายจะมานั่งพื้นเหมือนผมไม่ได้นะครับ”



คงเพราะอาโปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่มาตั้งแต่เกิด อาโปเลยคิดว่าคนเป็นเจ้านายกับลูกจ้างมันคนละชั้นกันจะให้มานั่งเทียบกันนั้นคงเป็นไปไม่ได้



“ฉันนั่งตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน”



“คุณไฟครับแต่ว่า...”



“ถ้าเถียงอีกจะบีบแก้มให้แตกเลยนะ” ไฟขู่เด็กที่นั่งข้างๆกัน



อาโปปิดปากฉับพร้อมก้มหน้ามองพื้น ก็เขากลัวคุณไฟบีบแก้มแตกจริงๆนี่นา



แต่ไม่วายยังพึมพำเบาๆกับตนเองอีกว่า “คนอะไรเอาแต่ใจชะมัดเลย”



“ได้ยินนะ”



นั่นแหละอาโปจึงต้องปิดปากฉับแล้วนั่งเงียบจริงๆเพราะกลัวคุณไฟเขาจะทำจริงอย่างที่พุดขึ้นมา ถ้าอาโปแก้มแตกขึ้นมาจริงๆใครจะมารับผิดชอบเล่า



ไฟยิ้มขำเด็กที่นั่งข้างๆที่เม้มปากตัวเองไว้แน่น สายตาก็คอยเอาแต่แอบเหลือบมองเขาคงจะกลัวเขาบีบแก้มของตนเองขึ้นมาจริงๆ



นั่งดูโทรทัศน์จนการ์ตูนจบไปหลายตอนเสียงประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น คนเป็นพ่อบ้านอย่างอาโปจึงต้องลุกขึ้นยืนแล้วไปส่องตาแมวเพื่อจะได้บอกคุณไฟได้ว่าใครมาหา



เขามองคนที่อยู่หน้าห้องที่ยืนกันเป็นกลุ่ม ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายไม่รู้เป็นเพื่อนคุณไฟหรือเป็นคู่อริคุณไฟหรือเปล่า อาโปจึงต้องเดินไปบอกให้เจ้าของห้องรับรู้ก่อนที่จะเปิดประตูให้เข้ามา



“คุณไฟครับ” เขาเรียกคุณไฟที่ตอนนี้กำลังนั่งทำตาปรืออยู่หน้าโซฟา



“อือว่า?” ถามทั้งทีตากลังจ้องอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์



“มีคนมาหาคุณไฟครับ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพื่อนของคุณไฟหรือเปล่าเลยมาถามคุณไฟก่อน”



ไฟนั่งคิดตามคำพูดของอาโปก่อนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ



“เพื่อน”



พูดแค่เพียงคำเดียวอาโปก็เดินกลับไปที่หน้าประตูอีกครั้ง เขาเปิดประตูออกเพื่อให้คนข้างนอกเข้ามาแต่ทว่าเมื่อคนข้างนอกเห็นเป็นอาโปที่ยืนอยู่หน้าห้องกลับหยุดชะงักแล้วเอาแต่มองหน้าของอาโปด้วยความงงงวย



“มาผิดห้องปะวะ?” พี่ผู้ชายที่หน้าตี๋หันไปถามพี่คนที่ตัวสูงๆข้างกัน



พี่คนตัวสูงมองเลขห้องอีกครั้งก่อนจะตอบพี่หน้าตี๋ไปว่า “ก็ถูกแล้วนี่หว่า”



“แล้วไอ้ไฟเอาใครมาอยู่ด้วยวะ?”



จากนั้นทุกคนก็เอาแต่จ้องหน้าอาโปด้วยความสงสัยใคร่รู้ อาโปที่ทำตัวไม่ถูกก็ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูก่อนจะเริ่มทักทายพี่ๆที่ยืนอยู่หน้าประตูทั้งห้าคน



“สวัสดีครับ คือคุณไฟ....”



“มาทำไม?” ไม่ทันอาโปจะเอ่ยให้จบว่าคุณไฟอยู่ในห้องรับแขก คนที่เป็นเจ้าของห้องก็โผล่หน้ามาก่อนแล้วเอ่ยทักทายเพื่อนจนเพื่อนๆเริ่มแยกเขี้ยวใส่



“ไอ้ห่า กูว่าแล้วมึงต้องลืม” ไฟมองเป๋าที่ทำหน้าเบื่อหน่ายใส่เขา



“อะไร?”



“ผ่านไปยังไม่ถึงวันนี่มึงจะลืมอะไรเร็วขนาดนั้นวะไอ้ไฟ” ยีนส์ที่ยืนข้างๆเป๋าว่าต่อ



“แล้วอะไรล่ะ?” ไฟเริ่มหงุดหงิดเพื่อนที่เอาแต่ว่าเขาแค่ไม่ยอมบอกสักทีว่าพวกมันมาหาเขาที่ห้องกันทำไม



“พวกกูก็มาฉลองโปรเจคงานเสร็จที่ห้องมึงไง มึงอย่าลืมนะว่ามึงอ่ะจับได้ไม้สั้นแล้วต้องเป็นคนเสียสละห้องจัดเลี้ยงให้พวกกู”



ไฟยืนคิดไปถึงเมื่อเช้าที่เขากับเพื่อนเล่นจับไม้สั้นไม้ยาวเพื่อหาสถานที่เลี้ยงโปรเจคงานเสร็จแล้วสุดท้ายคนที่ต้องรับชะตากรรมอย่างไฟก็จับได้ไม้สั้นที่สุด บ่งบอกว่าวันนี้ห้องของเขาต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน



“อือ เข้ามา” ไฟว่าพร้อมจับแขนอาโปให้มายืนข้างๆกันเพื่อหลบทางไอ้พวกเพื่อนทั้งห้าคนของเขาให้มันเข้าห้องมา



“เออว่าแต่...เด็กคนนี้ใครวะ?” เตอร์ที่เกือบเดินผ่านไปแล้วหันกลับมาถามทำให้เพื่อนคนอื่นๆต้องหยุดชะงักตามไปด้วยเพราะอยากรรู้เหมือนกัน



“ยุ่ง!”



♥`•.¸¸.•´♥



หลังจากได้รับคำตอบเป็นคำว่ายุ่งจากไฟทุกคนในกลุ่มก็เลยไม่มีใครถามอะไรเกี่ยวกับอาโปอีก อาโปก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณไฟไม่บอกเพื่อนไปเลยว่าเขาเป็นเพียงพ่อบ้านของคุณไฟที่คุณผู้หญิงส่งมาเท่านั้น ทำไมต้องไปว่าเพื่อนว่ายุ่งด้วยก็ไม่รู้



“เป็นอะไรหน้าหงิก?” ไฟถามอาโปที่กำลังทำอาหารให้พวกเพื่อนๆที่มาหาเขาในวันนี้



“เปล่าครับ”



“ทำไหวไหมถ้าไม่ไหวจะไปกินกันที่อื่นก็ได้”



“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าน่าจะไหว”



“ไม่อยากให้เหนื่อย” ไฟว่านิ่งๆแต่ทำเอาอาโปใจเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ



คุณไฟนิสัยไม่ดีอีกแล้ว ทำคนอื่นใจเต้นอีกแล้ว



“ผม...ผมไม่เหนื่อยครับคุณไฟไปนั่งรอกับเพื่อนก่อนก็ได้ครับถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวผมยกไปให้ ผมไหวครับ” อาโปพูดประโยคด้วยความรัวเร็วเราะจู่ๆก็เกิดตื่นเต้นขึ้นมาเสียดื้อๆ



“อือจะอยู่ด้วย”



อาโปเม้มปากก้มหน้ามองพื้นอีกแล้ว ไฟมองท่าทางของอาโปแล้วอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบหัวน้องเบาๆ



“โอ๊ย! ไอ้เหี้ยอย่าตีกู!”



ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องครัวหันไปมองต้นเสียงก็พบว่ามีคนสองคนกำลังแอบดูไปกับอาโปอยู่ ไฟเลิกคิ้วมองเพื่อนของตนเองอย่างต้องการคำอธิบาย



“เฮ้ยๆ กูไม่ได้มาแอบฟังพวกมึงนะเว้ย คือๆๆ..คืออะไรวะไอ้เป๋าช่วยกูหน่อย” ยีนส์ตีไหล่ไอ้เป๋าหน้าตี๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ



“เอ่อ...คือเออพวกกูจะมาหาน้ำกิน หิวน้ำจนคอแห้งฉิบหายแล้ว แค่กๆ” พูดไม่พอยังแสดงให้เห็นอีกว่าคอแห้งจนต้องไออกมา



“ใช่ๆแต่ว่าพวกกูไม่กินแล้วก็ได้ ไม่อยากรบกวนพวกมึงกับน้อง” ยีนส์ว่าต่ออย่างลนลานแล้วยิ้มแห้งให้ไฟที่จ้องหน้าพวกมันสองคนนิ่งๆ



“ปะ...ไปเถอะไอ้ยีนส์ กูได้ยินเสียงไอ้เตอร์มันเรียกเราแว่วๆสงสัยคิดถึง คืองั้นพวกกูไปรอที่ห้องรับแขกนะเว้ย มึงกับน้องจะทำอะไรก็ตามสบายเลยเด้อออ”



ทั้งยีนส์และเป๋ากอดคอกันออกจากบริเวณห้องครัวแล้วเดินไปหาเพื่อนคนที่เหลือที่นั่งรออยู่ที่พื้นเพราะจัดการเคลียร์พื้นที่ในการฉลองโปรเจคเรียบร้อยแล้ว



“เป็นไง ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง?” เตอร์ที่เป็นคนส่งเพื่อนสองคนไปหาข้อมูลเรื่องไฟกับอาโปถามขึ้น



จริงๆก็ไม่ได้ส่งพวกมันไปเองหรอกแต่พวกมันดันเป่ายิ้งฉุบแพ้เลยต้องเป็นตัวแทนไปสอดส่องคนทั้งสองในห้องครัวจนเห็นมันวิ่งหืดหาดกลับมากันนี่แหละ เดาว่าไอ้สองตัวมันคงโดนไอ้ไฟจับได้ขณะทำภารกิจแน่นอน



“เป็นไงล่ะวะพวกกูก็โดนมันจับได้นี่ไงถึงได้วิ่งหนีหอบกันมาแบบนี้” ไอ้เป๋าบอกพร้อมกับทำท่าทางหัวใจจะวายให้เพื่อนดุว่ามันตกใตแค่ไหนที่ไฟจับได้ว่ามันไปแอบดู



“เออแต่ก็คุ้มนะมึง ได้ข้อมูลมาเยอะเลย” ยีนส์ว่าแล้วนั่งตัวตรงทำเอาเพื่อนที่รอฟังนั่งลุ้นตามไปด้วยจะยกเว้นแต่ไอ้คินมันนี่แหละที่สนใจโทรศัพท์มากกว่าข้อมูลเด็ดๆที่ได้มา



“ว่าไงวะ?” หมอกที่เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าถามบ้าง



“คืองี้ตอนแรกไอ้ไฟก็คุยกับน้องปกติแหละเหมือนคุยกับพวกเราอ่ะแม่งคุยน้อยฉิบหาย” เป๋าเป็นคนเล่าขึ้นมาจากนั้นก็ส่งหน้าที่ไปให้ยีนส์เล่าต่อ



“เออแต่พอน้องเริ่มทำหน้าหงิกใช่ป่ะไอ้เหี้ยเอ๊ยย!เสียงสองก็มาแต่ก็คงคอนเซปพูดน้อยเหมือนเดิมนะมึงแต่แค่นั้นไม่พอนะเว้ยไอ้ไฟมันยังแบบมองน้องโคตรเอ็นดูอ่ะ มือไม้นี่แม่งอยู่ข้างตัวไม่ได้นะต้องยกไปลูบหัวน้องงี้เห็นแล้วกูก็ขนลุกขนพองจนต้องตีไหล่ไอ้เป๋าจนไอ้ไฟมันจับได้นี่แหละ”



“ใช่ตามมันว่าเลย กูว่านะถ้าไอ้ห่ายีนส์มันไม่ตีไหล่กูจนกูหลุดด่ามันอาจจะได้เห็นอะไรที่มากกว่าลูบหัวอีก โธ่เอ๊ย! เซ็งฉิบหายไม่งั้นนะมึงเอ๊ยยย....” เป๋าว่าอย่างเสียดาย



“ไม่งั้นอะไร?”



“ก็ไม่งั้นอาจจะเห็นมันจูบน้องไงไอ้...ห่า” ท้ายประโยคของเป๋าเสียงแผ่วเมื่อหันไปเห็นว่าคนที่เขากำลังพูดถึงอยู่ยืนทำหน้านิ่งจ้องหน้ามันเหมือนกำลังคิดแผนฆ่าแบบนั้นเลย


เหลือบไปมองข้างกันก็เห็นอาโปที่กำลังยืนหน้าแดงเม้มปากไม่กล้าสบตาใครอยู่ข้างหลังของไฟ เห็นแล้วทุกคนก็แทบจะอุทานคำว่าน่ารักฉิบหายออกมาให้รู้แล้วรู้รอดไปถ้าหากไม่เกรงกลัวไอ้ตัวที่ยืนทำหน้ายักษ์ใส่นี่น่ะนะ



น้องหน้าแดงหมดแล้ว พวกมึงห้ามแกล้งน้อง” ไฟที่หันไปเห็นว่าอาโปกำลังหน้าแดงหูแดงบอกเพื่อนที่เห็นแววตาพวกมันก็รู้ว่ากำลังคิดแผนจะแกล้งน้องอยู่



อาโปอยากบอกคุณไฟเหลือเกินว่าตอนแรกเขาก้หน้าแดงที่ถูกพี่ๆพูดถึงแบบนั้นแต่ไอ้ที่มันยิ่งแดงจนลามไปทั้งตัวนั้นก็เพราะคุณไฟพูดคำว่าน้องใส่เข้านี่แหละ



“ก็น้องน่ารักนี่หว่า” เตอร์ว่าพร้อมยิ้มให้อาโปอย่างเป็นมิตร



“เออน่ารักจนคิดว่าไม่น่ามาอยู่กับมึงเลย” ยีนส์ที่หลุดพุดแบบนั้นแทบตะกราบไหว้ไฟที่จ้องเขาเขม็ง โธ่...ไอ้ห่าแค่พูดถึงนึดๆหน่อยๆก็หวงไปได้



“เงียบแล้วห้ามยุ่งกับน้อง ถ้ากูเห็นพวกมึงยุ่งกับน้องกูจะไล่กลับให้หมดเลย” ไฟประกาศกร้าวอีกครั้ง



เพื่อนๆที่ได้ฟังแบบนั้นก็หันไปยิ้มกรุ้มกริ่มใส่กันอย่างคนรู้ทัน แค่พูดว่าหวงน้องแค่นี้จะตายหรือไงวะ ไอ้คนปากแข็งเอ๊ยย!!!



♥`•.¸¸.•´♥
.
.
.
.
Thank you for reading.
☺☺☺



มาลงให้ก่อนที่จะเดินทางกลับ มอ. ตอนนี้หนังสือเปิดพรีออเดอร์แล้วน้าใครสนใจก็สามารถดูรายละเอียดหรือสอบถามทางทวิตเตอร์กับเฟซบุ้คได้ค่าา

แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2018 16:32:22 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ พระจันทร์ยิ้ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้องงงงงงงน่าร้ากกก ฮืออออออ :hao5:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Twelve





//





I love you without knowing how, why, or even from where.

ผมรักคุณโดยไม่ต้องรู้ว่ารักยังไง รักทำไม หรือรักที่ไหน
Patch Adams (1998)



//


















“อะไรดลใจให้ลูกชายของฉันกลับบ้านมาได้เนี่ย” คุณผู้หญิงของบ้านพูดขึ้นอย่างแปลกใจที่เห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินหน้านิ่งเข้ามาในบ้าน



“สวัสดีครับแม่” ไฟยกมือไหว้แม่ของตนเองที่จับตัวเขาพลิกไปพลิกมาเหมือนไก่ย่างตามสองข้างทางอย่างไรอย่างนั้น



“จ้า แล้วยังไงล่ะทำไมถึงกลับบ้านมาได้?” คุณผู้หญิงยังคงถามด้วยความอยากรู้ ก็นานทีปีหนลูกชายของเธอจะกลับบ้านได้แถมเวลากลับบ้านทุกครั้งก็มีแต่เธอกับสามีนั่นแหละที่ต้องตามลูกกลับมาเอง



“ผมมาส่งน้องครับ” ไฟว่าแล้วเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยทำให้เห็นเด็กอีกคนที่ยืนก้มหน้ากุมมือตัวเองอยู่ข้างหลัง



“สวัสดีครับคุณผู้หญิง” อาโปยกมือไหว้สวัสดีคุณผู้หญิงของบ้านด้วยความนอบน้อม



“ลูกมาส่งอาโปเองหรือ?” คุณผู้หญิงถามขึ้นอย่างแปลกใจและได้รับการพยักหน้าว่าใช่จากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง “ดีเลย งั้นวันนี้ลูกก็ค้างที่นี่แหละ หายหน้าหายตาไปตั้งหลายอาทิตย์แม่ไม่ให้กลับไปหรอกนะ”



ไฟยิ้มให้แม่ของตัวเองแล้วตอบรับอย่างที่ไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะเขาคิดมาแล้วว่าวันนี้คงจะค้างที่นี่เหตุผมง่ายๆก็คืออาโปอยู่ที่ไหนเขาก็จะอยู่ที่นั่นนั่นแหละ



“ครับแม่”



อาโปรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆตอนที่คุณไฟหันมามองเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง แต่อาโปก็คิดไม่ออกหรอกว่าลางสังหรณ์ที่ว่ามันคืออะไรหรือจริงๆอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เขาคงระแวงและคิดมากไปเอง



คุณผู้หญิงของบ้านชวนทั้งสองพูดคุยอยู่เกือบอีกยี่สิบนาที คำถามส่วนมากก็จะถามลูกชายของตนเองที่ตอบรับว่าครับอย่างเดียว ส่วนอาโปก็จะโดนถามบ้างแต่เรื่องที่โดนถามก็เกี่ยวกับคุณไฟเขาทั้งหมด ก็ไม่แปลกอะไรหรอกคุณผู้หญิงก็ถามประสาคนเป็นแม่ที่เป็นห่วงลูกนั่นแหละ



“เอ๊ะ! แต่อาโปยังเรียกลูกว่าคุณไฟอยู่อีกหรือ?” คุณผู้หญิงถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินสรรพนามที่อาโปใช้เรียกคุณไฟตอนที่กำลังคุยกัน “แม่คิดว่าเราสองคนจะสนิทกันมากกว่านี้เสียอีก”



“สนิทครับแต่น้องไม่ยอมเรียกผมว่าพี่” อาโปอยากจะยื่นมือไปตีคุณไฟจริงๆเลยเชียว ทีอย่างนี้ล่ะตอบไวเชียว ได้แกล้งอาโปทีไรก็ดูเหมือนคุณไฟก็จะพูดประโยคยาวๆได้ทุกที



อาโปเม้มปาก คิดหาคำตอบดีๆให้กับคุณผู้หญิง “คือผมว่าเรียกพี่คงไม่เหมาะเท่าไหร่น่ะครับ เพราะยังไงคุณไฟก็เป็นเจ้านายของผมส่วนผมก็แค่...”



“เห็นไหมล่ะครับแม่ว่าน้องดื้อแค่ไหน” ไฟพูดขัดอาโปที่ยังพูดไม่จบแถมยังส่งสายตาดุๆมาให้อาโปจนอาโปต้องปิดปากฉับลงทันที



คุณไฟเคยบอกอาโปไว้ว่าไม่อยากให้อาโปคิดว่าเขาเป็นเจ้านายและอาโปเป็นคนใช้ คุณไฟบอกว่าสถานะระหว่างคุณไฟกับอาโปก็คือคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันและได้ผลประโยชน์ร่วมกัน



คนเป็นแม่มองเด็กทั้งสองด้วยความเอ็นดู เธอสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของเจ้าลูกชายแล้วก็อยากจะพูดขอบคุณอาโปซ้ำๆ ไฟดูร่าเริงและสดใสขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ไม่ใช่ว่าลูกชายเธอมีปมหรืออะไรแต่เพียงเพราะไฟมีโลกส่วนตัวที่ค่อนข้างสูงบางครั้งที่เธอและสามีก็เข้าไปไม่ถึงแต่พออาโปไปอยู่ด้วยไม่กี่เดือน ลูกชายที่เคยนิ่งเงียบก็กลับพูดเจื้อยแจ้วได้ถึงแม้ประโยคจะไม่ยาวนักเธอก็รู้สึกพอใจ



อีกอย่างที่เธอสังเกตเห็นคือลูกชายของเธอไม่ได้ผอมเหมือนทุกทีที่กลับบ้าน ตอนนี้ไฟดูมีเนื้อขึ้นแต่ก็นั่นแหละลูกชายเธอเป็นคนชอบออกกำลังกายถึงมีเนื้อเยอะมากแค่ไหนก็ยังน้อยกว่ากล้ามเนื้ออยู่ดีแค่นี้เธอก็พอใจแล้ว คิดไม่ผิดจริงๆที่ส่งให้อาโปไปช่วยดูแลเจ้าลูกชายของเธอ



“แม่ครับ” ไฟเรียกแม่ตนเองที่มองเขากับอาโปแล้วยิ้มขึ้นมา



“ว่าไงจ้ะ?” คนเป็นแม่ที่โดนเรียกหลุดออกจากความคิดตนเองแล้วตอบรับลูกชาย



“ผมขออนุญาตพาน้องไปบนห้องนะครับ”



“ไปสิจ้ะ แม่ไม่ว่าอะไรหรอก อาโปอยากจะไปหาไฟที่ห้องตอนไหนก็ได้หรืออยากไปนอนด้วยกันกับเจ้าไฟแม่ก็ไม่ห้ามหรอก” ถึงจะแปลกใจแต่คุณผู้หญิงก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังส่งเสริมเสียอีก



“ขอบคุณนะครับแม่” ไฟว่าแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มแม่แรงๆจากนั้นก็จูงมือพาอาโปเดินไปยังชั้นบนของบ้านจุดมุ่งหมายคือห้องนอนของเขานั่นเอง



ส่วนคนเป็นแม่ที่จำแทบไม่ได้แล้วว่าโดนลูกชายหอมแก้มแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ก็ได้แต่ยืนอึ้งกับการกระทำของลูกชาย ยืนพึมพำเสียงเบาคนเดียวพร้อมกับที่ริมฝีปากยังคงประดับด้วยรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้น



“เปลี่ยนไปจริงๆนั่นแหละนะเจ้าลูกชาย”



♥`•.¸¸.•´♥



“เดี๋ยวครับคุณไฟ คุณไฟจะพาผมไปไหนครับ” อาโปยื้อตัวเองไว้ด้วยแรงเท่าที่มีอยู่เมื่อโดนคุณไฟจับจูงมือเดินขึ้นมาชั้นบนแต่แรงเขาก็คงน้อยเสียเหลือเกินคุณไฟจึงไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยแบบนี้



“ห้องนอน” ไฟตอบสั้นๆ ไม่สนใจอาโปที่พยายามขัดขืนอีกครั้งเมื่อเขาบอกจุดมุ่งหมายที่กำลังจะพาไป



“คุณไฟๆเดี๋ยวก่อนครับ คุณไฟจะพาผมไปที่ห้องนอนคุณไฟทำไมครับ ปล่อยผมไปหายายของผมเถอะนะครับ”



“อือๆ พูดมาก”



“คุณไฟก็ปล่อยผมก่อนสิครับ”



“ทำไมชอบดื้อ”



“คุณไฟก็ดื้อ”



“เดี๋ยวนี้เถียงเก่ง”



“คุณไฟก็เหมือนกันนั่นแหละ” อาโปพึมพำคนเดียวคิดว่าคุณไฟคงไม่ได้ยินแต่เปล่าเลยคุณไฟได้ยินทั้งหมดแถมยังหันมาแล้วเอามือบีบแก้มอาโปอีก



ไม่รู้หรือไงว่ามันเจ็บนะ!



“ขี้บ่น”



ไฟว่าแล้วหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง เขาหันไปหาอาโปที่กำลังทำปากขมุบขมิบอยู่แต่พอเขาหันไปก็หยุดทำแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ส่งให้เขาแทน



เขาไม่ได้ถือสาอะไร ทำเพียงส่งสายตาดุๆให้แล้วเปิดประตูห้องออก เผยให้เห็นห้องนอนที่กว้างขวางกว่าที่คอนโดไม่มากนักแต่การตกแต่งก็สวยและดูดีกว่าที่นั่นมาก



อาโปไม่เคยขึ้นมาชั้นสองของบ้านสักที อย่างมากยายก็แค่ให้เขาช่วยปัดกวาดเช็ดถูอยู่แค่ชั้นล่างเท่านั้นเพราะชั้นบนจะมีแม่บ้านที่ทำความสะอาดของแต่ละห้องประจำอยู่แล้ว



“เข้ามา” เจ้าของห้องกระตุกมือของเด็กที่กำลังกวาดสายตามองห้องเขาอยู่ให้เดินตามมาแต่พออาโปได้สติกลับขัดขืนเขาแล้วไม่ยอมเข้ามา



“ผมต้องเข้าไปหรือครับ?” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ มีเหตุผลอะไรที่อาโปต้องเข้าไปในห้องนอนคุณไฟด้วย



“อือ” ไฟก็ตอบอาโปด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย



“แล้วผมต้องเข้าไปทำไมหรือครับ คือ..เอ่อ...ผมไม่เข้าใจ” เขาบอกไปตรงๆ รู้อยู่แล้วว่ากับคุณไฟหากพุดอ้อมค้อมมากกว่านี้วันนี้คงไม่รู้เรื่องแถมอาจจะได้ยืนอยู่หน้าห้องแบบนี้ทั้งวันก็ได้



“ไม่อยากเข้าไปหรือ?” ไฟถามกลับ



“ก็...ผมไม่รู้ว่าจะเข้าไปทำไมนี่ครับ อีกอย่างผมว่ามันก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ที่หลานคนใช้แบบผมจะเข้าไปในห้องเจ้านาย”



“ฉันเคยบอกว่ายังไง?” ถามกลับเสียงดุพร้อมกับจ้องหน้าอาโปที่กำลังทำหน้างุนงงใส่เขา



“บอกว่า?...” อาโปนิ่งคิดก่อนจะตาโตเม้มปากแล้วเอ่ยต่อ “แต่ที่นี่มันบ้านนะครับไม่ใช่ที่คอนโด เพราะงั้นผมกับคุณไฟไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยร่วมกันและได้ประโยชน์ร่วมกันแต่ตอนนี้คุณไฟคือลูกเจ้านายและผมก็เป็นหลานคนใช้ครับ”



คนที่โดนยกตำแหน่งว่าเป็นเจ้านายขมวดคิ้วเมื่อฟังคำตอบของเด็กตรงหน้าแล้วถ้าอย่างนั้นเขาควรจะทำอย่างไรดีล่ะที่จะลบคำว่าจะนายกับคนใช้ของอาโปกับเขาออกได้สักที เด็กคนนี้จะได้ไม่ต้องใช่สิ่งนี้มาอ้างให้เหตุผลต่างๆนาๆต่อเขาอีก



“อืม...งั้นเข้าห้องก่อน มีอะไรจะบอก” หลังจากคิดมาห้านาทีไฟก็ได้คำตอบกับตัวเอง



“อะไรหรือครับ บอกตรงนี้ก็ได้ครับ” อาโปต่อรองเมื่อคุณไฟยังดึงดันให้เขาเข้าห้องของเจ้าตัวให้ได้



“ไม่ได้”



“เป็นความลับหรือครับ?” อาโปชักจะสงสัยทำไมเรื่องที่คุณไฟจะบอกถึงบอกมันตรงนี้ไม่ได้แล้วทำไมถึงบอกในห้องได้กัน สงสัยคงเป็นความลับที่คุณไฟไม่เคยบอกใครแน่ๆ



“ไม่ลับ”



“อ้าว?” เขาเริ่มงงตกลงที่บอกตรงนี้ไม่ได้มันเป็นความลับหรือไม่ลับกันแน่ ทำไมคุณไฟถึงทำตัวให้อาโปงงแบบนี้อยู่เรื่อยเลย



“เข้าห้องเร็ว” ไฟเร่งแต่อาโปก็ลังเล



จริงๆอาโปก็อยากรู้นะแต่รู้สึกว่าถ้าเข้าห้องไปแล้วอาโปไม่รู้จะเจอกับอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่ากลัวคุณไฟแต่เขาระแวงมากกว่า ก็คุณไฟช่วงนี้น่ะชอบทำให้หัวใจอาโปเต้นผิดจังหวะอยู่เรื่อยเลย



“แต่ว่า...”



“ไม่อยากรู้หรือ?” ไฟถามเสียงเบาแต่อาโปก็ยังได้ยิน



เขายืนคิดตัดสินใจสุดท้ายก็ได้คำตอบกับตัวเอง



“ก็ได้ครับ”


50%



ขอลงให้ครึ่งแรกก่อนเด้อ ขอแก้ครึ่งหลังก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงต่อให้จ้าาา

แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:





ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องอาโปก็น่ารัก พี่ไฟก็หยอดไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ดีเอง

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ. น่ารักมาก

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter : Twelve 100%



//

I love you without knowing how, why, or even from where.

ผมรักคุณโดยไม่ต้องรู้ว่ารักยังไง รักทำไม หรือรักที่ไหน
Patch Adams (1998)

//





อาโปเดินตามคุณไฟเข้ามาในห้องในที่สุด พอได้มายืนตรงกลางห้องแล้วก็หันมองตามคุณไฟที่กำลังปิดประตูห้องลง เขายืนเก้ๆกังๆอย่างคนทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งคุณไฟมาหยุดยืนตรงหน้าอาโปจึงวางสายตาไว้ที่คุณไฟ



“เอ่อ...คุณไฟมีอะไรจะพูดกับผมครับ?”



เขาถามออกไปพร้อมทั้งมองตาคุณไฟที่จ้องมองเขากลับมาเช่นกัน ก็รู้สึกเขินเหมือนกันแต่จะให้ทำยังไงล่ะ หากเกิดอาโปหลบสายตาก็ยิ่งจะมีพิรุธเข้าน่ะสิ



“คบกัน”



พอได้ยินสิ่งที่คุณไฟพูดออกมาอาโปก็ถึงกับไปไม่เป็น ยืนนิ่งค้างเหมือนหุ่นที่ไม่มีชีวิต สมองตอนนี้ก็ว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก ได้แต่เม้มปากตัวเองด้วยความประหม่าแล้วถามคุณไฟอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ



“คะ..คุณไฟว่ายังไงนะครับ”



อาโปถามอีกครั้งในใจก็ภาวนาว่าขอให้สิ่งที่ตนเองได้ยินมันผิดแต่ก็นั่นแหละพอคิดว่าคุณไฟไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นเขาก็รู้สึกผิดหวังแปลกๆเหมือนกัน



“ฉันกับนายมาคบกันดีไหม?” ไฟพูดประโยคที่ยาวขึ้นเพราะกลัวอาโปจะไม่เข้าใจแล้วมาถามซ้ำอีก



“เอ่อ...” คนได้ฟังก็นิ่งค้างยิ่งกว่าครั้งแรกเสียอีก อาโปจ้องตาคุณไฟเพื่อจะเพิ่มความแน่ใจว่าคุณไฟพูดจริงหรือล้อเล่นเขากันแน่แต่ดวงตาคุณไฟก็บ่งบอกทั้งหมดว่าสิ่งที่คุณไฟพุดมานั่นคือเรื่องจริง



“ฉันพูดสั้นไปหรือเปล่า นายไม่เข้าใจใช่ไหม?” ไฟถามอาโปที่ยังคงยืนนิ่งและไม่ตอบคำถามเขาสักที



เขาคิดว่าตัวเองคงพูดน้อยหรือสั้นไปอีกแล้วอาโปก็เลยไม่เข้าใจ ดังนั้นไฟจึงตัดสินใจเรียบเรียงสิ่งที่ต้องการบอกอาโปใหม่ อาโปจะได้เข้าใจและให้คำตอบกับสิ่งที่เขาถามได้สักที



“คือ....” อาโปกำลังจะอ้าปากพูดคุณไฟก็ยกมือขึ้นมาห้ามให้อาโปหยุดพูดก่อนที่คุณไฟจะเป็นฝ่ายพูดทุกอย่างออกมาเอง



“ฉันชอบนายและฉันก็คิดว่านายชอบฉันเหมือนกัน ดังนั้นความรู้สึกของเราทั้งสองคนตรงกัน ฉันเลยคิดว่าเรามาคบกันดูดีไหม?”



พอได้ฟังสิ่งที่คุณไฟพูดออกมาอาโปก็ยิ่งตกใจ ที่อาโปชอบคุณไฟอาโปก็รับรู้ความรู้สึกของตนเองดีแต่ที่คุณไฟบอกว่าคุณไฟก็ชอบอาโปนั้น...เกินคาดจนเกินไป ไม่สิ! มันเป็นสิ่งที่อาโปไม่เคยคิดไปถึงจุดๆนั้นเลยต่างหาก



“คุณไฟล้อเล่นผมอยู่หรือเปล่าครับ?” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ บางทีคุณไฟอาจจะนึกสนุกอะไรบางอย่างจึงพูดสิ่งนั้นออกมา



“ทำไมเข้าใจยากจังนะ” ไฟขมวดคิ้วมองเด็กตรงหน้าที่ไม่ยอมเข้าใจสิ่งที่เขาพูด เขาว่าเขาก็พูดอธิบายทุกสิ่งอย่างไปหมดแล้วนะ ทำไมเด็กคนนี้ถึงยังไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่เขาบอกสักที



“อ่า...ผมว่าผมอยู่ในห้องนี้นานไปแล้วครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” อาโปตัดสินใจหลบไปตั้งหลัก เขาอยากคิดทบทวนสิ่งที่ได้ยินจากคุณไฟอีกครั้ง อาโปรู้ดีว่าคุณไฟพูดจริงแต่เขาก็ยังคงสับสนเหลือเกินในเวลานี้



ไฟยืนคิดสุดท้ายก็ยอมให้อาโปออกจากห้องไปเพราะเขารู้ว่าตอนนี้อาโปกำลังสับสน ปล่อยให้อาโปได้คิดก่อนแล้วกัน ส่วนคำตอบที่เขาต้องการค่อยไปถามเอาทีหลังก็ได้



“อือ”



“ขอบคุณครับ”



♥`•.¸¸.•´♥



“เหม่ออะไรอยู่ฮึเจ้าโป? ยายเรียกเอ็งตั้งนานแล้ว” คนเป็นยายถามหลานตนเองที่ตั้งแต่มันมาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง พอแกเข้ามาเรียกมันไปกินข้าวกินปลาด้วยกันมันก็นั่งนิ่งใจลอยไปไหนต่อไหนกระทั่งต้องเข้าไปเรียกใกล้ๆนั่นล่ะมันถึงได้รู้สึกตัว



“เปล่าจ้ะยาย”



“ไปๆกินข้าวกินปลาได้แล้ว” แกไม่ได้ถามอะไรมันนอกจากบอกให้มันไปกินข้าว ทำไมแกจะไม่รู้ว่าเจ้าหลานรักของแกมีเรื่องอะไรในใจแต่แกก็ไม่ถามมันหรอก ถ้าหากมันอยากเล่ามันก็จะเล่าของมันเอง แกรู้จักนิสัยมันดี



“ยายไปก่อนเลยจ้ะ โปยังไม่หิวเลย”



แกมองหลานตัวเองไม่นานก็พยักหน้า “ข้าจะบอกให้แม่แก้วเก็บกับข้าวไว้ให้ก็แล้วกัน”



“ขอบคุณจ้ะยาย”



อาโปมองยายที่เดินออกจากห้องไปแล้ว เขาถอนหายใจกับสิ่งที่กำลังคิดวนเวียนอยู่ในหัวแต่คิดยังไงเขาก็คิดไม่ออก มันรู้สึกสับสนทั้งที่สิ่งที่คุณไฟพูดออกมามันก็ชัดเจนหมดทุกอย่างแต่นั่นแหละเขาก็ยังสับสนกับสิ่งที่คุณไฟพูดอยู่ดี



“เฮ้ออ...ทำไมคุณไฟใจร้ายกับหัวใจโปตลอดเลยนะ”



คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกสักทีเขาจึงตัดสินใจออกจากห้องเพื่อไปเดินเล่นที่สวนของคุณผู้ชายเผื่อมันจะทำให้ร่างกายสดชื่นและสมองปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง



อากาศในสวนตอนกลางคืนอาโปว่ามันเป็นอากาศที่ดีมากๆ มันไม่ได้ร้อนและไม่ได้เย็นมากจนเกินไป มันกำลังพอดีกับที่ร่างกายต้องการเลย



บ่อยครั้งที่อาโปทำการบ้านแล้วคิดงานไม่ออกเขาก็มักจะมาเดินเล่นอยู่ที่สวนแห่งนี้อยู่เสมอ ไม่รู้สิพอได้มาเจอต้นไม้ใบหญ้ากับอากาศที่ค่อนข้างบริสุทธิ์สมองอาโปมันก็เลยปลอดโปร่งขึ้นล่ะมั้ง



ในสวนของคุณผู้ชายจะมีไฟประดับเล็กๆให้ความสว่าง มันไม่ได้สว่างมากเหมือนอยู่ในบ้านแต่ไฟจะสว่างแบบสลัวๆซึ่งมีมุมๆหนึ่งที่อาโปชอบไปนั่งเล่นมากๆนั่นก็คือใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่อาโปจำได้ว่าคุณผู้ชายชอบคุยกับต้นนั้นบ่อยๆ



อาโปเดินไปยังต้นไม้ต้นใหญ่และสูงกว่าต้นไม้ทุกต้นภายในสวน มันเป็นต้นไม้ที่ปลูกมานานมากๆตั้งแต่อาโปยังไม่เกิด เรียกได้ว่าต้นไม้ต้นนี้เป็นพี่ของอาโปด้วยซ้ำ ก็นะบางครั้งอาโปก็ยังเคยเรียกว่าพี่ต้นไม้เลย



“สดชื่นดีจัง” อาโปพึมพำคนเดียวขณะนั่งลงตรงโคนใต้ต้นไม้ใหญ่



เขานั่งมองไปรอบๆบริเวณที่บางพื้นที่ก็มีต้นไม้แปลกตาที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ตรงบริเวณนั้น คุณผู้ชายคงจะบอกให้ลุงชมเอามาลงเพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขากลับมาก็ยังไม่เห็น



อาโปนั่งคิดนั่งมองอะไรเพลินๆสักพักก็รู้สึกถึงเงาดำที่ทาบทับลงมาบนตัวจนกระทั่งเงานั้นหายไปแล้วปรากฏเป็นคุณไฟที่กำลังนั่งลงข้างๆเขาแทน



“เอ่อ...” อาโปอึกอัก ขนาดเขาหนีมานั่งหลบคิดอะไรเงียบๆตรงนี้คนเดียวแล้วคุณไฟยังตามหาตัวเขาเจออีก



“เงียบๆ” ไฟว่าพลางจุ๊ปากให้อาโปเงียบเสียงลง



อาโปเงียบเสียงลงตามคำสั่งของคุณไฟจากนั้นก็นั่งเงียบๆก้มหน้ามองพื้นแล้วเขี่ยพื้นเล่นไปมาอยู่แบบนั้นเพื่อลดอาการประหม่าของตนเอง



คนที่นั่งอยู่ข้างกันพอเห็นแบบนั้นก็อมยิ้มมองเด็กข้างๆด้วยความเอ็นดู นั่งมองเด็กได้ไม่นานไฟก็เริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง



“กินข้าวหรือยัง?”เขาถามเรื่องง่ายๆทั่วไป



อาโปเงยหน้าขึ้นแต่ก็ยังคงไม่กล้าสบตาคุณไฟจึงมองไปที่หัวไหล่ของคุณไฟแทน



“ยังครับ”



“ฉันก็ยัง” ไฟว่าต่อ



อาโปเงยหน้ามองคุณไฟเมื่อได้ยินคุณไฟพูดขึ้นมาเช่นนั้น



“อ่า...ทำไมคุณไฟไม่ทานครับ เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะครับ”



“แล้วทำไมนายถึงไม่กินล่ะ เดี๋ยวจะปวดท้องเหมือนกันนะ”



อาโปถอนหายใจเมื่อคุณไฟถามย้อนกลับ เขาจะบอกไปได้ยังไงว่าที่ไม่ทานข้าวก็เพราะคิดมากเรื่องของคุณไฟจนพาลเอาไม่อยากอาหารเข้าน่ะสิ



“คุณไฟหิวไหมครับ ผมจะไปหาอะไรให้ทาน”



“คิดมากเรื่องเมื่อกลางวันหรือ?”



อาโปเม้มปากมองคุณไฟก่อนจะส่ายหน้าแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อไปหาอะไรมาให้คุณไฟได้ทานแต่ไฟที่รู้ทันว่าจริงๆแล้วนั้นอาโปแค่จะหนีและหลีกเลี่ยงเขาก็ยื่นมือไปจับมือของอาโปเพื่อรั้งให้เด็กตรงหน้านั่งลงข้างๆกันเหมือนเดิม



“หนีอีกแล้วนะ” เขาว่าเหมือนจะดุแต่ก็ไม่ได้ดุจริงจังอะไรมากนัก



“ไม่ได้หนีนะครับ ผมแค่กลัวคุณไฟหิว” อาโปตอบปฏิเสธทั้งที่เขาก็คิดหนีจริงๆนั่นแหละ



“ตอนนี้ยังไม่หิว”



“แต่ผมหิวแล้วครับ”



“โกหกอีกแล้วอาโป” ว่าพร้อมยื่นมือไปบีบแก้มเด็กที่คิดจะหาทางหนีไปจากเขา



“ไม่ได้โกหกสักหน่อย”



“อือๆไม่โกหกก็ได้แต่นั่งด้วยกันก่อน”



อาโปลังเลแต่เพราะคุณไฟเป็นเจ้านายและหากเขาเอาแต่ปฏิเสธมันก็คงจะดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่



“ครับ”



ไฟยิ้มให้อาโปที่ตอนนี้กลับไปนั่งก้มหน้าเขี่ยพื้นเหมือนในตอนแรกอีกแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรอาโปเพราะกลัวเด็กมันจะรำคาญเอาได้



“กังวลเรื่องเมื่อตอนกลางวันหรือเปล่า” เขาถามเด็กที่นั่งข้างๆ พออาโปได้ยินคำถามก็ชะงักมือเพียงนิดแล้วกลับไปเขี่ยพื้นเล่นต่อ



“ครับ” เขาตอบไปตามความจริงในเมื่อปิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา



“อือ ขอโทษนะแต่ฉันคิดว่าควรพูดเรื่องนี้จริงๆจังๆกันสักที”



“ครับ ผม...แค่สับสนไม่รู้ต้องพูดหรือต้องทำยังไงดี”



“แค่ทำตามความรู้สึกก็พอ”



“ผมรู้ครับแต่มันเป็นเรื่องที่เกินคาดเกินไปสำหรับผม จริงๆผมไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่า เอ่อ...คุณไฟจะชอบผมเหมือนกัน” อาโปเงยหน้ามองและสบตาคุณไฟที่ทองเขาอยู่ก่อนแล้ว



“ฉันคงแสดงออกน้อยเกินไปเรื่องที่ชอบนายแต่อยากให้นายรู้ไว้ว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้นายมันเป็นเรื่องจริง เป็นความรู้สึกที่ฉันมีให้นายแค่คนเดียวจริงๆ”



อาโปไม่ได้ตอบอะไรนอกจากนั่งเงียบๆคิดตามคำพูดของคุณไฟ



“ถ้าเราคบกันจริงๆทุกคนในชีวิตเราเขาจะผิดหวังไหมครับ?”



ไฟเลิกคิ้วมองอาโป “ทำไมต้องผิดหวังเพียงแค่คนสองคนรักกันด้วยล่ะ”



“ก็เรา...เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นะครับ” อาโปพูดอย่างกังวล



“อือ แล้วยังไงล่ะ?”



“ผมกลัวคุณท่านทั้งสองจะผิดหวังอีกอย่างผมก็เป็นห่วงความรู้สึกของยายด้วย”



“แล้วความรู้สึกของฉันกับนายล่ะ?” ไฟถามกลับเพื่อให้อาโปได้คิดถึงจุดนี้ด้วย



“คือ...” อาโปไม่รู้จะตอบคุณไฟยังไงให้เข้าใจดี



“โอเค ฉันรู้ว่าตอนนี้นายกำลังสับสนและกังวลกับเรื่องนี้แต่ฉันขอถามนายข้อเดียวแล้วทุกอย่างที่นายกังวลฉันจะเป็นคนจัดการให้เองทั้งหมด ตกลงไหม?”



“ถามอะไรครับ?”



ไฟถอนหายใจ หันหน้าไปทางอาโปที่ก็หันหน้ามาทางเขาอยู่เช่นกัน



“นายชอบฉันเหมือนที่ฉันชอบนายหรือเปล่า?”



อาโปเบิกตาโพลง คำถามแบบนี่มัน....น่ากลัวจริงๆเลยให้ตายเถอะ ทำไมคุณไฟถึงเป็นคนที่ถามคำถามอะไรแบบนี้ได้หน้าตาเฉยเลยนะ



“ว่าไง...ชอบเหมือนกันไหม?” ไฟถามย้ำเมื่อเห็นอาโปนิ่งไป



อาโปที่ได้ยินอีกรอบถึงกับเอามือกุมันไว้แล้วบีบมันเบาๆเพื่อเพิ่มความมั่นใจ เขาหลุบสาบตาลงต่ำก่อนจะตอบคำถามคุณไฟออกไป



“ครับ...ผมก็ชอบคุณไฟเหมือนกัน”



♥`•.¸¸.•´♥

.
.
.
.
Thank you for reading.

☺☺☺



กว่าจะมาลงดองไว้นานเวรอร์ เปิดเทอมแล้วยุ่งๆเรียนเลิกดึกตลอดเลย วอนทุกคนเข้าใจหนูหน่อยเด้อออออ
แท็ก #มารักกับไฟ
ติดตามข่าวสารได้ที่
twitter
facebook




:กอด1:




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด