หากไม่ใช่.....รัก..... 05
"สวัสดีครับคุณซีน" พนักงานต้อนรับในร้านเอ่ยขึ้นมาเขาเลยหันไปมอง
"ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แวะมาเลยนะครับ" ก็คงเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดช่วงนี้เขาติดอยู่กับแทนที่บ้านใหญ่ไม่ได้แวะมาดูร้านนานหลายวัน
"อืม ถ้าที่ร้านมีปัญหาอะไรก็บอกธีเอาไว้" เขากำชับพนักงานในร้านเผื่อวันข้างหน้าเกิดปัญหาขึ้นมา "ได้ครับ"
แต่ก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปในร้านกลับมีเสียงเรียกรั้งเอาไว้ "คุณซีนคะ"
หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาเกาะที่แขนแน่นเหมือนกลัวเขาจะเดินหนี "ทำไม ช่วงนี้คุณซีนไม่ค่อยมาร้านเลยล่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ซีนมองอีกฝ่ายอีกครั้งก็พบว่าเป็นคนที่เขาเคยนอนด้วยสองสามครั้ง
"ไม่ค่อยว่าง" น้ำเสียงเหมือนตอบแบบขอไปทีแต่กลับทำให้อีกฝ่ายพยามกอดแขนเขาแน่นขึ้นกว่าเก่า
"สาวๆ หลายคนบ่นถึงคุณจะแย่" ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้เพราะรู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้ให้ความสำคัญหรืออะไร ความจริงแล้วจะทำเป็นไม่สนใจก็ได้แต่
"หึ รวมถึงคุณด้วยรึเปล่า" จะเล่นด้วยสักหน่อยก็แล้วกัน
"แน่นอนสิคะ" อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเอาใจ
"ถ้าวันนี้คุณซีนยังไม่มีใคร" อีกฝ่ายเอื้อมมือมาลูบบริเวณอกเขาอย่างยั่วยวน ความจริงมันก็นานแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยสักที แต่ติดที่ว่าวันนี้เขา
"เฮ้ยซีน มาแล้วทำไมไม่เข้าไปข้างใน" เพื่อนสนิทอุตส่าห์เดินมาต้อนรับราวกับเป็นร้านของตัวเอง เขาเมินไอ้เชนท์แล้วเบนสายตากลับมาที่คนตรงหน้าตามเดิม
"อย่างที่เห็น ผมนัดเพื่อนไว้"
"ไม่เป็นไรฉันรอได้ นี่ค่ะ" อีกฝ่ายมอบกระดาษสีขาวใบหนึ่งไว้ สิ่งที่เขียนข้างในคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ถ้าไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์
"ฉันจะรอนะคะ"
"หึ" เขาเก็บกระดาษใบนั้นลงในกระเป๋ากางเกง
"ไว้เจอกันนะคะ" เธอพูดน้ำเสียงอ่อนหวานก่อนเดินจากไป
"แหม นี่ขนาดมึงหายหน้าหายตาไปนาน ยังมีคนมาเสนอถึงที่"
"มึงก็ลองหายไปมั่งสิ แบบหายไปเลยน่ะ"
"ไม่เอาเว้ย แล้วนี่ไอ้น้ำยังไม่มาหรอ"
"มันบอกว่าใกล้ถึงแล้ว" เขาเปิดโทรศัพท์เพื่ออ่านข้อความที่มันส่งมาอีกครั้ง
"เออ ไปนั่งรอมันก่อนแล้วกัน"
"มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูจะไปดูหลังร้านหน่อย" ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปนานเดี๋ยวในร้านจะไร้ระเบียบเกินไป
"เออๆ โต๊ะเดิมใช่มั้ย" ไอ้เชนท์หันหลังกลับเดินเข้าไปในร้าน ก่อนที่เขาจะเดินตามก่อนจะแยกออกไปอีกทาง
"อ้าวเฮีย ทำไมวันนี้เข้าร้านได้ล่ะ" หลังจากที่ไม่ได้เข้ามาดูแลร้านมาสักพักนึง ก็ได้ยินคำทักทายของผู้ช่วยในร้านที่กำลังแสดงอาการเหมือนกับว่าการมาที่นี่ของเขาเป็นอะไรที่ผิดปกติ
"ก็ไม่ทำไม แค่คิดว่าคงถึงเวลาจะเอาคนออกสักคนสองคน"
"ง่ะ อย่าล้อเล่นแบบนี้สิเฮีย" มันหัวเราะแห้งๆ แล้วรีบมาประจบเขาทันที
"เฮียมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวผมไปหาไรให้ดื่มนะ"
"ไม่ต้องเลยมึง กูจะมาคุยเรื่องงาน"
"คร้าบบ" กูอยากจะบ้าตาย
"ช่วงนี้กูคงจะไม่เข้ามาสักพัก ของอะไรขาดก็สั่งเข้าร้านได้เลย มีเรื่องอะไรติดต่อกูโดยตรง" ไม่ทันที่เขาจะพูดจบมันก็รีบขัดขึ้นมา
"โธ่เฮียติดต่อยากจะตาย"
"มึงก็โทรไปหาไอ้ธีแทนสิวะ" ไม่พูดเปล่าเอื้อมมือไปตบหัวมันสักที
"ครับๆ " อีกฝ่ายก็ได้แต่ลูบหัวป้อยๆ จากนั้นเขาก็กำชับมันอีกสองสามอย่าง ก่อนจะมีพนักงานอีกคนเดินตรงเข้ามาหาเขาคงถึงเวลาที่คนที่นัดไว้อีกคนได้มาเดินทางถึง
"คุณซีนครับ คุณน้ำมาถึงแล้ว"
"เออเดี๋ยวกูไป"
"พวกมึงเข้าใจกันดีแล้วสินะ" พอเห็นหน้าโล่งอกของพวกมันเขาก็ถามย้ำอีกครั้ง
"โธ่ ไว้ใจพวกผมได้เลยครับ"
"ให้จริงเถอะ" ตอนที่เดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้งกลับเห็นว่าที่โต๊ะตัวเดิมกลับมีใครที่ไม่ได้นัดไว้รวมอยู่ด้วย
.
.
.
(ก่อนหน้านั้น)
"ไอ้น้ำช้าอีกแล้วนะมึง" เชนท์บ่นที่อีกคนมาถึงช้ากว่าเวลาที่นัดเอาไว้
"รถติดว่ะ แล้วไอ้ซีนมาถึงรึยัง"
"มาแล้ว มันไปดูร้านอยู่" ทิ้งให้เขาต้องนั่งอยู่คนเดียวตั้งนาน หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันได้สักพักก็เห็นคนคุ้นเคย มองซ้ายทีขวาทีเหมือนกับกำลังหาใครสักคน "นั่นมันไอ้ธี นี่หว่า"
"เออ แล้วไงมันไม่ได้มากับซีนหรอวะ" อีกฝ่ายพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เจ้านายอยู่ที่ไหนลูกน้องอยู่ที่นั่น ก็ถูกแล้ว
"ป่าว วันนี้ไอ้ซีนมาคนเดียว" เห็นมาว่างั้น
และเหมือนคนที่โดนพูดถึงอยู่จะได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกันเลยเดินตรงเข้ามาหาและเดาได้เลยว่าประโยคแรกคงไม่พ้นถามถึงเจ้านายตัวเอง "คุณซีนไม่ได้อยู่กับพวกคุณหรอครับ"
"มันไปดูหลังร้าน" เชนท์พูดไม่ทันจบประโยคสายตาธีเหลือบไปด้านข้างเหมือนส่งสัญญาณบางอย่าง คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายก็ปลีกตัวออกไปทางหลังร้านทันที
"พวกคุณไม่ได้นัดคนอื่นมาด้วยใช่มั้ย" น้ำเสียงนั้นถามอย่างร้อนรนแต่ไม่ทันที่คนตรงหน้าจะได้คำตอบอะไร
"มีอะไร รึไงธี" ซีนก็เดินเข้ามาพอดีอีกฝ่ายยังคงแปลกใจที่เห็นคนติดตามของตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ เลยเอ่ยถามออกมา
"เอ่อ คือไม่มีอะไรครับ" โกหก คนนอกยังดูออกไม่มีอะไรที่ไหนดูลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ เชนท์หันหน้ามามองทางน้ำพร้อมยักไหล่เหมือนรับรู้กันอยู่สองคน
"ถ้านายไม่กลับบ้านอีกคน แทนได้มาบ่นทีหลังแน่ๆ เลย" ซีนพูดเมื่อนึกถึงคนที่ต้องทานข้าวคนเดียวขึ้นมา
"งั้น คุณซีนจะกลับเลยมั้ยครับ" อีกฝ่ายที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบตอบกลับอย่างกระตือรือร้น
"ทำไม " ซีนรู้สึกแปลกใจเหมือนอีกฝ่ายต้องการให้เขารีบกลับ แต่คำตอบที่ได้กลับสร้างความไม่พอใจให้คนตรงหน้า
"ไม่มีอะไรครับ" สายตาของซีนเริ่มเปลี่ยนไปเพราะรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังพยามปิดบัง สิ่งที่เกลียดมาจนถึงทุกวันนี้คือการต้องคอยทำตามคำสั่งของมันโดยที่ไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
"นายต่างหากที่ควรกลับ" น้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้นมาจนธีได้แต่เป็นฝ่ายก้มหน้าก้มตาเงียบลงไป
ในตอนนี้สถานการณ์ดูน่าอึดอัด คนหนึ่งก็จะคาดคั้นคำตอบในขณะที่อีกคนก็ปิดปากเงียบไม่ยอมตอบอะไร แต่ความเงียบนี้ก็อยู่ได้ไม่นานนักเมื่อมีเงาของใครบางคนที่คอยเฝ้าสังเกตมาตั้งแต่ต้นเริ่มใกล้เข้ามา
"หึ จะรีบไปไหนกันทำไม" น้ำเสียงทุ้มต่ำดังแทรกขึ้น บรรยากาศรอบข้างก็ดูเย็นยะเยือกขึ้นทันที
หลังจากนั้นก็สัมผัสได้ว่ามีคนเดินมาแทรกกลางระหว่างเขาและธี "อยู่ด้วยกันก่อนสิ" น้ำเสียงเอ่ยอย่างหยอกล้อ วงแขนกว้างโอบไหล่เขาและธีพร้อมกัน เมื่อหันไปมองตรงๆ ก็พบชายร่างสูงใหญ่เส้นผมสีดำสนิทบวกกับแววตาที่ดูเย็นชานั่นมันเหมือนกำลังดูถูกทุกคนที่เข้าใกล้ผิดกับคำพูดที่ดูเป็นกันเอง
"ฟรานซิส" เขาจำได้ทันทีที่เห็นแววตานั่น แต่ที่สำคัญทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้
"ไง เพื่อนของฉันคงไม่ได้ส่งนายมาเพื่อต้อนรับใช่มั้ย" มันไม่ได้สนใจเขาแต่แววตาเย็นชานั้นกลับหันไปมองคนติดตามของเขาแทน
"หึ จะกลัวอะไรคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น" กลัวถ้าอย่างนั้นคนที่ส่งธีมาก็คงเป็น
"ผมแค่ทำตามคำสั่ง" ธีแสดงท่าทางเป็นกังวลกว่าเดิม และแล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะขึ้นมา คนที่อยู่บริเวณนั้นรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ บรรยากาศน่าอึดอัดตรงหน้าใกล้จะจบลงแล้ว
"ขอตัวครับ" ธีบอกก่อนจะเดินหลีกออกไป
ธีรีบเดินให้พ้นจากบริเวณนั้นจนมาไกลพอสมควรในตอนที่กำลังจะกดรับอยู่ๆ ข้อมือเขาก็โดนยึดเอาไว้ ร่างสูงที่เดินตามมาตั้งแต่แรกคว้าเอาโทรศัพท์ในมืออีกฝ่ายมาแล้วเดินกลับไปส่งให้เจ้านายตัวเองเพื่อกดรับสายแทน ราวกับรู้ว่าปลายสายนั้นเป็นใคร
"อึก!! ......." ธีพยามจะสกัดไว้ แต่เมื่อรู้ว่าเจ้านายอีกฝ่ายเป็นใครก็กลับไปเงียบตามเดิม
"นี่หรอวิธีต้อนรับเพื่อนที่ไม่ได้เจอมานานของมึงน่ะ ซิลเวอร์" ฟรานซิสพูดเน้นย้ำทีละคำ
'ถ้ากูไปได้ กูไปแน่ฟรานซ์' ปลายสายเสียงสั่นราวกับอดกลั้นอารมณ์โกรธไว้
"ฮ่าๆ ไม่เอาน่ากูไม่ทำอะไรน้องมึงหรอก กูรับปากไว้แล้วนี่" ฟรานซิสพูดเสียงเบาเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสิบก้าวได้ยิน
'....'
"นี่มึงยังไม่เชื่อใจกันอีกรึไง"
'คำว่าเชื่อใจทำร้ายกูมากขนาดไหนมึงอาจจะยังไม่รู้'น้ำเสียงฟังดูเจ็บปวดดังลอดออกมา
"จะให้บอกอีกกี่ที ซีนก็เหมือนกับน้องกู และอีกอย่างกูสนิทกับมันมากกว่ามึงอีกซิล" ฟรานซิสเริ่มไม่พอใจอีกฝ่ายจะทำตัวหวงก้างไปถึงไหน
'ครอบครัวกูกูปกป้องเองได้ สิ่งที่กูควรทำคือให้ซีนอยู่ให้ห่างจากตัวอันตรายอย่างมึง'
เมื่อปลายสายวางหูไป ฟรานซิสก็ได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีเวลาที่เขามาหาซีนทีไรอีกฝ่ายจะคอยขัดขวางตลอด
"เอาไป" ฟรานซิสส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของก่อนจะเดินกลับไปทิศทางเดิม
"เฮียฟรานซ์ กลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย" เสียงของเชนท์เอ่ยทักอย่างอารมณ์ดีราวกับดีใจกับการกลับมาครั้งนี้ของเขา ต่างกับอีกคนที่นั่งมองมาด้วยแววตาไม่พอใจ
"อะไรกัน กลับมาทั้งทีช่วยแสดงอาการดีใจหน่อยได้มั้ย" ฟรานซิสไม่พูดเปล่าเดินเข้ามานั่งใกล้ซีนที่เหมือนจงใจเว้นว่างเอาไว้
"หึ หายหัวไปตั้งนานแล้วยังมาพูดดี"
"น่าพอดีช่วงนั้นมีปัญหานิดหน่อย" น้ำเสียงและแววตาดูอ่อนลง
"...."
"เคลียร์ได้แล้วถึงกลับมาไงล่ะ"
"อืม" ซีนสบตาอีกฝ่ายเมื่อเห็นสายตาที่ไร้ความกังวลนั่นก็ทำให้เข้าใจสิ่งที่คนข้างกายต้องการจะสื่อ คงจะไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาจะยอมเข้าใจก็ได้
กับฟรานซิสแล้วพวกเขาก็รู้จักกันมานานทั้งอีกฝ่ายยังใส่ใจเขามากกว่าพี่ชายแท้ๆ ซะอีก ไม่รู้ว่าธีจะกังวลอะไรนักหนาซีนได้แต่นึกในใจ แต่กลับไม่รู้ว่าคนที่กังวลจริงๆ แล้วไม่ใช่ธีแต่เป็นคนที่ตัวเองเกลียดต่างหากที่กังวลจนร้อนรน
ซีนนั่งพูดคุยกับพวกนั้นจนถึงค่อนคืน ขณะตอนที่กำลังจะกลับก็มีคนเดินเข้ามาคล้องที่แขนเขา
"คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วหรอคะ" เขาจ้องมองอีกฝ่ายชัดๆ เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่ให้เบอร์เขาไว้ หึ ถ้าอีกฝ่ายจะตั้งใจเข้าหาขนาดนี้จะปฏิเสธได้ยังไง
เขาพาเธอมาที่โรงแรมที่เขากับมันเป็นเจ้าของอยู่ ถ้าพาไปคอนโดละก็อาจจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลังเขาเลยตัดสินใจมาจบลงที่นี่ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเดินควงแขนเขามาตลอดทาง พอเข้าไปในห้องได้ไม่นานไม่มีเวลาเพียงพอให้พักด้วยซ้ำ การฆ่าเวลาระหว่างเขากับเธอก็เริ่มต้นขึ้น
เธอเป็นฝ่ายผลักดันเขาไปที่เตียง ซึ่งเขาก็ยอมล้มตัวลงแต่โดยดี ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายทาบทับมา เห็นชัดว่าเธอต้องการเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนเขาก็ไม่ว่าอะไรแค่อีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ก็พอ ช่วงเวลาที่เธอโอบรัดรอบคอของเขา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่เราต่างก็คุ้นเคยกันดีลอยฟุ้งออกมา มันมีกลิ่นหอมสมกับราคาที่มันเกินจริงต่างกับกลิ่นดอกไม้ที่เขาได้สัมผัสก่อนหน้านี้มันช่างเบาบางกว่ามาก เขาลองเข้าไปใกล้ซอกคอของอีกฝ่ายมากขึ้น ทำให้เห็นถึงความแตกต่างชัดเจนในขณะที่อีกฝ่ายก็ขยับร่างกายเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เขาเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นเรื่องบนเตียง ถ้ากลับตอนนี้ยังทันเขาเดินออกจากห้องไป ใช่ว่าเขาจะทิ้งคนที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนอย่างไม่ไยดี ก่อนจะขับรถกลับเขาก็ให้คนคอยดูแลเธออย่างดีเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ถ้าต้องการอะไรให้จัดหาให้เลย
เขาขับรถกลับมาที่บ้านอีกครั้งเห็นไฟที่ห้องรับแขกยังไม่ปิดก็นึกแปลกใจ เขาพบใครบางคนนอนอยู่ที่โซฟา แวบแรกนึกว่าแทนมารอเขาแต่คงไม่ใช่เพราะยังมีใครอีกคนที่ไม่ยอมกลับเหมือนกัน
"แทนตื่นเถอะ ทำไมไม่ไปนอนข้างบน"
"พี่ซีน......หรอ"
"ไปนอนเถอะ"
อีกฝ่ายลุกขึ้นมา ขยี้ดวงตาเล็กน้อยก่อนจะมองมาที่เขาอีกครั้ง
"พี่ มาคนเดียว...."
"ใช่ วันนี้มันคงไม่กลับแล้ว"
"อ่า.......งั้นหรอครับ"
"มารอมันมีเรื่องอะไรรึไง" เขาถามพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ
"เปล่า ไม่ใช่สำคัญอะไร"
"......."
"ว่าแต่พี่ซีนไปทำอะไรมา" สายตาเศร้าหมองเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นแววตากดดันทันที
"ก็ไปดื่มมา บอกไปแล้วนี่กะว่าจะไม่กลับอยู่แล้วแต่คิดว่าเราคงนอนเฝ้าบ้านคนเดียวพี่ถึงรีบมาหรอกนะ"
"อ่ะ...อย่างนั้นหรอครับ" เห็นอีกฝ่ายทำหน้าสำนึกผิด แล้วอดขำไม่ได้
"ดึกป่านนี้แล้ว ไปนอนเถอะถ้าพรุ่งนี้ไปสายโทษพี่ไม่ได้นะ"
"ครับ" อีกฝ่ายหันมองประตูที่เปิดอยู่อีกครั้งก่อนตัดสินใจเดินขึ้นห้องไป เขาก็เดินตามอีกฝ่ายไปไม่ได้สนใจสักนิดว่ามันไปทำอะไรที่ไหน และตอนนี้เขาอยากจะพักผ่อนมากกว่าสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เขาหลับตาลงกลิ่นที่ติดปลายจมูกไม่ใช่น้ำหอมของผู้หญิงคนนั้นแต่กลับเป็นกลิ่นดอกไม้ที่อยู่ในร้านนั้น เขาได้แต่นึกหาเหตุผลว่าทำไม วันถัดมาเขาจึงต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นดอกไม้จากที่นั่นจริงๆ และเขาเองก็อยากได้ดอกไม้อีกสักช่อมาวางไว้ในห้องนอนมันคงให้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย
"ยินดีต้อนรับค่ะ" คราวนี้เป็นพนักงานผู้หญิงมาเอ่ยต้อนรับ
"ครับ" เขาตอบกลับไปพออีกฝ่ายเงยหน้ามาสบตาเขาก็ดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด
"คนๆ นั้นนี่ เพล้ง" เธอพูดออกมาก่อนจะทำถาดในมือหล่นจนเกิดเสียงดัง
"ขอโทษด้วยค่ะ"
"เป็นอะไรรึเปล่า" เจ้าของร้านคนนั้นก็เดินออกจากห้องเก็บของเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"เอ่อ ย ยินดีต้อนรับครับ คุณซีน" ทำไมอีกฝ่ายเห็นเขาทีไรจะดูแปลกใจทุกที คนอย่างเขามาร้านแบบนี้ไม่ได้รึไง
"ครับ ผมอยากได้ดอกไม้ซักช่อ"เขาตอบรับอีกครั้ง
"รอสักครู่นะครับ" วาริณหันไปสั่งงานคนในร้านที่เหลือก่อนจะกลับมายืนที่หน้าเคาน์เตอร์"อยากได้แบบไหนครับ"
"อะไรก็ได้"
"ครับ......."
"มีอะไรงั้นหรอ"
"คุณซีนไม่จำเป็นต้องซื้อดอกไม้ทุกครั้งที่มาก็ได้นะครับ"
"มาได้เท่าที่คุณอยากมา" พออีกฝ่ายพูดมาอย่างนั้นเขาเลยรู้สึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้มาร้านนี้บ่อยๆ
"ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน" เขาเลยตอบอีกฝ่ายไปแบบนั้น
"ครับ" คนตรงหน้ายิ้มตอบกลับมา ระหว่างที่รออีกฝ่ายจัดดอกไม้เขาก็ไปนั่งรอที่เดิมและมีพนักงานมาเสิร์ฟชาให้เหมือนเคยแต่จะแตกต่างกันตรงภายในร้านไม่ได้มีแค่เขากับวาริณแต่มีคนอื่นอยู่อีก 2-3 คน
"เอ่อ พี่ชื่อซีนหรอคะ เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไร"
"เอ่อคือหนูชื่อน้ำหวานค่ะ แล้วคนตรงนู้นชื่อกล้า กับ ไม้ค่ะ เป็นพนักงานที่ร้านนี้ฝากตัวด้วยนะคะ"
"หึหึ ครับพี่เองก็ฝากตัวด้วยนะ" พนักงานตรงหน้าเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองชวนให้นึกถึงวันแรกที่เขาพูดคุยกับเจ้าของร้านขึ้นมา รู้สึกจะชื่อ วาริณ สินะ
พอกล้ากับไม้เห็นเขาพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับน้ำหวานก็แวะเวียนมาพูดคุยที่โต๊ะเขาทีละคน แทนที่จะได้นั่งเงียบๆ เหมือนเคยแต่การพูดคุยเล่นแบบนี้ไม่มีเรื่องธุรกิจมาข้องเกี่ยวก็ทำให้เขาสบายใจได้เหมือนกัน
"พี่ซีนเองก็เรียนจบจากที่นั่นหรอครับ"
"ใช่จะว่าไปอาจารย์คนนั้นยังสอนอยู่มั้ยนะ สมัยพี่โดนทำโทษเป็นประจำ"
"นี่เลยครับ ไอ้ไม้โดนบ่อยสุดแล้ว"
"ถ้างั้นพี่ซีนก็อายุน้อยว่าพี่วาน่ะสิครับ" เขาเล่าให้ฟังว่าเรียนจบมาสองสามปี แต่อีกฝ่ายเขาไม่รู้
"อย่างงั้นหรอ งั้นผมต้องเรียกคุณว่าพี่วาด้วยมั้ยล่ะครับ" เขารู้สึกสนุกที่ได้พูดคุยเรื่องเก่าๆ กับเด็กที่นี่เลยเผลอไปพูดเล่นกับคนที่เดินเข้ามาใหม่แทน
"เรียกแค่ วา ก็พอครับ" อีกฝ่ายดูขำๆ ที่เห็นเขาพูดอย่างนั้น
"พอดีเห็นคุณดื่มแต่น้ำชา" วาริณเอาจานขนมมาวางที่ตรงหน้าเขา
"ผมไม่ค่อยทานของหวานเท่าไร"
"งั้นหรอครับ แต่คุกกี้ที่นี่ไม่ค่อยหวานเท่าไรถ้ายังไงคุณลองทานดู....." เห็นอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นเขาเลยหยิบมันขึ้นมาทานสักชิ้น
"อืมจริงด้วยไม่หวานเท่าไร อร่อยดีนะครับ"
"ดีจังที่คุณชอบ" ไม่ว่าเขาจะชอบอะไร อีกฝ่ายก็พูดแบบเดิมทุกครั้ง อีกฝ่ายคงเป็นประเภทใส่ใจคนอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน "ขอบคุณครับ"
เนื่องจากประชุมตอนเย็นมีเกิดปัญหาขึ้นมากว่าจะพูดคุยตัดสินใจกันได้ก็เป็นระยะเวลานาน กว่าเขาจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาล่วงเลยอาหารเย็นไป แต่ก็พบบางคนมานั่งรอที่โต๊ะรับแขกเหมือนเมื่อวาน
"มารอพี่รึไง" เขาพูดไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่ก็รู้คำตอบดี
"พี่ซีนกลับมาแล้วหรอ"
"ใช่ แต่มันคงยังไม่กลับหรอก" พอมีปัญหาเกิดขึ้นถึงแม้จะคลี่คลายได้แล้วแต่ซิลเวอร์ยังคงยึดติดกับปัญหาที่ไม่ควรจะเกิดอยู่ดี "ไม่กลับมาได้เลยก็ดี"
"โธ่ พี่ซีนอ่ะ"
"พี่พูดจริงนี่" คนแบบนั้นน่ะปล่อยให้จมอยู่กับงานไปเถอะ
"ไปครับๆ เดี๋ยวผมไปทานข้าวเป็นเพื่อน" แทนดันหลังเขาให้เดินไปที่ห้องทานอาหาร ก่อนจะพูดไม่เข้าเรื่องอีก
พอตอนสามสี่ทุ่มเขาเดินลงไปข้างล่างอีกครั้งเพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเขาวางช่อดอกไม้ทิ้งไว้บนรถและลืมหยิบมันขึ้นมา แต่เดินลงบันไดไปได้ไม่กี่ขั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นมาจากชั้นล่าง เขาเอื้อมมือไปจับราวบันไดก่อนก้มลงไปดู ในแสงที่สลัวเขาเห็นร่างบางยืนอยู่คนเดียว ขณะที่จะส่งเสียงเรียกออกไปก็มีเสียงทุ้มต่ำอีกเสียงดังแทรกขึ้นมา
"เรื่องอะไรที่เธอจะคุย" เงาของอีกคนเข้ามาอยู่ภายใต้แสงไฟเขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
"เอ่อ....คือว่ามันใกล้จะถึงวันเกิดผมแล้ว"
"อ่างั้นหรอ.......อะไรล่ะที่เธออยากจะได้"
"คุณรับปากมาก่อนได้มั้ย....ว่าจะให้"
"ไม่ว่าผมจะขออะไร คุณตกลงนะ"
"ได้" อีกฝ่ายตอบรับอย่างง่ายๆ ราวกับจะสื่อว่าไม่มีอะไรที่หามาไม่ได้ บทสนทนาสั้นๆ เข้ามาในระยะการได้ยินของเขา อาจจะไม่ชัดเจนแต่ก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร
แค่เพียงเท่านั้นเขาก็เดินจากมาโดยไม่ได้ฟังว่าทั้งสองคนจะพูดคุยอะไรกันต่อหรือไม่ วันเกิดงั้นหรอกับเรื่องแค่นี้ทำไมถึงต้องไปขอกับคนอย่างหมอนั่นด้วยในเมื่อเขายินดีจะซื้อให้ไม่ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
นอกเสียจากจะเป็นอะไรที่ไม่สามารถจะให้แทนกันได้ แล้วมันคืออะไรกันล่ะ เขามัวแต่คิดเรื่องนั้นจนโดยลืมซะสนิทว่าตัวเองจะลงไปข้างล่างทำไม
to be continue.
..............................................................................
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ