หากไม่ใช่...รัก... (Yaoi) # ตอนที่ 23 : ไฮเดรนเยีย | 22.03.2020 #P3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หากไม่ใช่...รัก... (Yaoi) # ตอนที่ 23 : ไฮเดรนเยีย | 22.03.2020 #P3  (อ่าน 7099 ครั้ง)

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




++++++++++++++++++++++++++++++++++


ความหมายที่อยู่ภายใต้สีสันที่สดใส
ใต้รูปลักษณ์ที่งดงาม
แท้จริงกลับถูกซ่อนอยู่ในความรู้สึก
แค่ช่วงขณะในตอนที่หยิบยื่นมันไปให้ใครสักคน


++++++++++++++++++++++++++++++++++

:: ออกแนวแมนๆคุยกันค่ะ 55555+
:: นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราแต่ง ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ

คำเตือนนะคะ
***เรื่องนี้ไม่ได้เขียนเน้นหรือเจาะจงตรงที่ว่าพระเอกหรือนายเอกจะเป็นใครนะคะ แหะๆ :)

#หากไม่ใช่รัก

@tiwara_s



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2020 14:20:26 โดย tiwara »

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0


หากไม่ใช่.....รัก..... 01


      ห้องประชุมถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่เดียวกัน คนที่อยู่ตรงนั้นมีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริษัท เป็นบุคคลที่กุมอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดเอาไว้ และกำลังนั่งอยู่ห่างจากเขาไม่กี่ก้าว

      อีกฝ่ายอายุไม่เท่าไรก็สามารถอยู่ตำแหน่งสูงสุดของบริษัทได้ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สามารถเอาความไว้ใจจากทุกคนไปได้นับว่าน่ากลัว ไม่รู้อีกฝ่ายใช้ความจริงใจ หรือ อำนาจเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน

      เขาจ้องมองไปยังคนตรงหน้าด้วยข้อสงสัยมากมาย ทำไมคนที่อยู่ตรงนั้นถึงเป็นมัน? ทำไมถึงไม่ใช่เขา

      "เดี๋ยวก่อนนะครับเราจะทำแบบนั้นไม่ได้..."

      "คุณซิลเวอร์ถ้าเลือกทางนั้นฝ่ายผมแย่แน่"

      "ถ้าทำตามคำแนะนำเรายังไงต้องเป็นผลดีแน่นอน"

      การประชุมที่เพิ่งเริ่มไปไม่เท่าไรก็มีข้อขัดแย้งขึ้นมาคนสองคนกำลังเอาแต่พูดถึงประโยชน์ของฝ่ายตนไม่มีใครคิดถึงส่วนรวมบ้างเลยช่างน่าขำ และคนที่ต่างฝ่ายอยากจะพูดให้ฟังตอนนี้กลับสนใจเพียงกระดาษในมือ

      "คุณซิล......." เสียงโต้แย้งที่ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับเงียบสนิทเพียงแค่ซิลเวอร์ละสายตาจากเอกสารในมือเงยหน้าขึ้นมอง เพียงเท่านั้นก็ทำให้ทั้งห้องสงบลงไม่มีใครกล้าพูดนอกเรื่องอีก ผ่านไปสักพักมันก็หันมามองที่เขา

      "ซีน นายคิดว่ายังไง" ถึงจะไม่รู้ว่ามันต้องการคำตอบแบบไหน แต่เขาก็พยามพิจารณาจากหลายๆ ด้านก่อนตอบออกไป

      "ทำตามแผนเดิมไปก่อน เรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือไม่ได้ เสียน้อยย่อมดีกว่าเสียมาก" บางครั้งยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ สู้เตรียมรับมือสิ่งที่จะเกิดไม่ดีกว่าหรือนี่คือสิ่งที่เขาคิด เขาหันไปมองมันแต่ก็พบสายตาคู่หนึ่งที่มองมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว

      "อืม เอาตามนั้น" มันพูดแค่นั้นก่อนจะปิดการประชุมลง หลังจากที่เขาเดินออกมาไม่กี่ก้าวก็มีเสียงพูดคุยดังตามไล่หลังมา เขาไม่ได้สนใจจะฟังเพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่พ้นเรื่องเดิมๆ อยู่ดี เรื่องที่ว่าเขาไม่มีทางที่จะเหนือไปกว่าพี่ชายได้

      'ซีน ศิภาวัช' นั่นเป็นชื่อของเขาแต่คนส่วนใหญ่ในที่นี้คงรู้จักในฐานะน้องชายของประธานบริษัท หึ ใช่ถ้านับตามสายเลือดแล้วเขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของมัน แต่ถ้าเอาตามความรู้สึกดูท่าแล้วมันคงไม่อยากจะมีน้องชายคนนี้เท่าไร

      .

      .

      .

      ครืด~

      'คืนนี้เจอกันที่เดิม'

      ข้อความสั้นๆ ที่ไม่มีรายละเอียดอะไรไปมากกว่านี้ถูกส่งมาจากเพื่อนคนใดคนหนึ่งแต่พอนึกเหตุผลที่มันส่งมาก็ทำให้อดถอนหายใจไม่ได้

      " อีกแล้วหรอวะ " ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้นแต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเป็นเรื่องที่ทำให้เผลอยิ้มออกมา และเพราะแบบนี้เมื่อถึงเวลานัดเขาเลยต้องมาอยู่ตรง ' ที่เดิม' เหมือนอย่างที่เขียนไว้ในข้อความ

      " สวัสดีครับคุณซีน " พนักงานที่ยืนต้อนรับเอ่ยคำทักทายเหมือนอย่างเคย

      " อืม พวกมันมากันรึยัง" เขาหันไปมองก่อนจะยื่นกุญแจรถไปให้ อีกฝ่ายก็รับไปตามหน้าที่

      " มาซักพักแล้วครับ พวกคุณน้ำรออยู่ด้านใน" เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาเลยเดินเข้าไปข้างในร้าน ตรงไปยังที่นั่ง VIP ด้านในสุดเหมือนอย่างเคย ที่ร้านนี้เขาเป็นเจ้าของ มีสิทธิขาดเพียงคนเดียว คนในร้านทุกคนก็เป็นลูกน้องเขา ของทุกอย่างในที่นี่ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับมัน

      "มึงมาช้านะ" เพื่อนคนนึงของเขาเอ่ยทักขึ้นมาทันทีที่เดินเข้าไปใกล้

      เขาเหลือบมองไปยังกลุ่มคนข้างหน้า เพื่อนเขาทั้งสองคน พวกมันคงเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุดในเวลานี้ มากกว่าคนในครอบครัวที่เหลืออยู่ซะอีก

      “เรียนจบมาก็หลายปี ยังต้องมานั่งหาสาวที่ร้านกูอีกหรอวะ” พวกมันชอบนัดรวมตัวทุกครั้งที่มีวันหยุด ก็นะแต่ละคนก็มีการงานให้ยุ่งวุ่นวายส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำแค่ร้านนี้ แต่ส่วนใหญ่มันจะเป็นคนดูแลทั้งหมดเอง

      “แล้วเมื่อไรเสืออย่างมึงถึงจะสิ้นรายซะที” เชนท์ เอ่ยถามอย่างไม่พอใจคงเพราะคราวที่แล้วเขาไปกับผู้หญิงทีมันเล็งไว้

      “หึก็รอมึงสิ้นลายก่อนไง” เขาตอบกลับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ

      “เหอะงั้นคงไม่มีวัน”

      “อะไรมึงไม่มีคนที่สนใจเลยรึไง”

      เห็นมันเที่ยวเล่นไปทั่วไม่เคยสนใจใครจริงจัง แต่เมื่อไรคนที่มันเล็งไว้โดนเขาแย่งไปละก็จะโวยวายขึ้นมาทันที แต่เพราะมันไม่จริงจังนั่นแหละเขาถึงได้แย่งมา

      “ไม่เห็นเจอซักคน ก่อนจะห่วงกู เอาเรื่องของมึงดีกว่า "

      " เรื่องของกู? อะไร " เขาแกล้งทำหน้าสงสัยถึงแม้จะรู้ว่ามันคงเป็นคำถามเดิมๆ

      " เรื่องของแทนไง.....เขายอมมึงรึยัง” ไม่ผิดจากที่คิดไว้

      “ยอมง่ายๆ ก็ไม่สเปกกูน่ะสิ” เขาตอบไปแบบทีเล่นทีจริง ถึงตอนนี้แทนจะยังไม่ยอมรับแต่อีกซักพักก็คงจะรู้ตัวเอง

      ใช่มันยังไม่ถึงเวลาจนกว่าที่จะเจ็บกับคนๆ นั้นจนพอแทนคงจะมาหาเองโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไร

      “น้องมันมีไรดีมึงถึงกัดไม่ปล่อย” ไอ้น้ำ ผู้ชายที่ดูเรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม ความจริงมันมีนิสัยพอๆ กับพวกเขาน่ะแหละ แต่ชอบทำตัวเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น มันเห็นด้วยกันกับเชนท์ ซึ่งทำให้เขาแปลกใจมันเป็นเรื่องแปลกอะไรที่จะตามคนที่เรารักไม่ปล่อยน่ะ

      " แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไม "

      " หึ ก็ถ้ามันดีนักกูจะได้หาแบบนั้นมั่งไง " มันตอบอย่างยียวน

      “....ก็ไม่รู้เหมือนกัน” แค่ตั้งแต่วันแรกที่เจอแทนก็เข้ามาอยู่ในสายตาของเขาแล้ว ไม่ว่าแทนจะทำอะไรความห่วงใยนั้นจะเผื่อแผ่มาให้เสมอ มันอาจเป็นแค่ความถูกใจบางอย่างแต่ถ้าให้เจาะจงเขาเองก็บอกไม่ได้

      “อะไรวะ” พวกมันทำหน้าสงสัย คงคาดหวังคำตอบที่มันดีกว่านี้แต่น่าเสียดายที่เขาหาคำตอบที่ดีกว่านี้ไม่ได้

      “มันไม่มีอะไรเป็นพิเศษ” เขาเลือกที่จะตอบไปส่งๆ เผื่อว่ามันจะจบเกมทายปัญหางี่เง่านี่ซะที

      “เหอะ นี่มึงชอบมันจริงๆ รึป่าววะ " ไอ้เชนท์หันมาถามต่อ แต่คำถามของมันทิ่มแทงใจเขาอย่างจัง

      'ตึก! '

      เขามองมันตาขวาง แก้วในมือถูกวางลงอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง

      “ทำไมมึงถามอย่างนั้น” เขาพยายามเค้นเสียงออกมา ทำไมมันถึงถามแบบนั้น ทำไมถามเหมือนกับว่าคนอย่างเขาจะรักใครจริงจังไม่ได้

      “เฮ้ย ก็พวกกูสงสัย ว่ามึงชอบหรือแค่อยากได้” เสียงมันเหมือนไม่ได้แซวเล่นตามปกติขัดกับถ้อยคำที่เอ่ยออกมา

      “ไอ้น้ำ” เขาพูดอย่างไม่พอใจที่มันมาสมทบกับไอ้เชนท์อีกคน

      “ถ้ามึงรักมัน ชอบมัน มึงคงไม่มาทำตัวแบบนี้หรอก นอนกับสาวไม่เว้นวัน” เมื่อได้คำตอบจากมันเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ สายตาเลือกจะมองไปที่ไหนไกลๆ ซักที่

      “เหอะกูนอนกับใคร แทนมันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว” ตอนนี้แทนก็สนใจแค่คนๆ เดียว

      “แต่มึงรู้ รู้ว่ากำลังทำอะไรนี่มันเรียกว่ารัก จริงหรอวะ ซีน”

      “....” เขาเลือกที่จะไม่ตอบกลับไป ได้แต่ถามกับตัวเองในใจ

      แล้วถ้าหากมันไม่ใช่รัก แล้วความรักจริงๆ ที่มันว่าจะเป็นยังไง

      เมื่อพวกมันไม่ได้รับคำตอบจากเขาก็หันเหความสนใจไปเรื่องอื่นแทน หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกเอาแต่ดื่มอย่างเดียวจนมารู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงแล้ว

      .

      .

      .

      เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เห็นนาฬิกาที่วางอยู่บอกเวลาพบว่ายังเช้าอยู่มาก และที่ๆ นอนอยู่ตลอดทั้งคืนมันไม่ใช่ห้องพักในร้านของเขาที่อยู่จนเกือบเช้า ทำให้อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าเมื่อคืนกลับมายังไง

      เขาเอามือขึ้นมากุมหัวที่อยู่ๆ ก็ปวดขึ้นมา พยายามมองรอบๆ อีกครั้ง จนจำได้ว่าที่นี่คือที่ไหน มันเป็นห้องนอนในบ้านหลังใหญ่ไม่ใช่ที่ร้านหรือที่คอนโดที่เพื่อนมักจะพาไปส่งเป็นประจำถ้าหากเขากลับไม่ไหว แต่ถ้าเป็นที่นี่คงไม่พ้นคนของมันที่ให้ไปพาตัวเขากลับมา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางที่จะกลับมาเองได้แน่ๆ หลังจากที่เมามากขนาดนั้น เพราะระยะห่างของที่นี่กับที่ร้านห่างกันไม่ใช่น้อยๆ

      ที่เหลือก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากวันก่อนๆ เตรียมตัวไปทำงานอย่างทุกวัน เขาเดินลงบันไดไปที่ชั้นหนึ่ง พอผ่านหน้าห้องทานอาหารบังเอิญเหลือบเห็นใครบางคนอยู่ในนั้น ผมสีเงินที่สะท้อนเป็นประกายออกมาทำให้รู้ชัดเจนว่าเป็นใคร ก็คงมีแต่มันนั่นแหละที่นั่งอยู่คนเดียวในห้องนั้น

      ถึงไม่อยากจะเจอเท่าไรแต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะอาหารที่น่าจะหลงเหลืออยู่ในท้องถูกเขาเอาออกไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืน เลยตัดสินใจเดินเข้าไปในห้อง เขามองไปยังคนตรงหน้าก็เห็นแต่ถ้วยกาแฟ กับหนังสือพิมพ์ถูกวางอยู่ด้านหน้ามัน

      หลังจากที่อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่ามีอีกคนเข้ามาในห้องก็เงยหน้าขึ้นจากการอ่านหนังสือพิมพ์ หันมามองคนที่เข้ามาใหม่แทน

      “ซีน นั่งลงสิ” มันเลื่อนสายตากลับไปที่หนังสือพิมพ์ตามเดิม คำพูดสั้นๆ น้ำเสียงเย็นๆ กับถ้อยคำที่เหมือนจะสั่ง หรือ พูดไปส่งๆ ก็ไม่ชัดเจน

      “เหอะ ” เขากระแทกเก้าอี้เสียงดังเห็นมันพูดโดยไม่แม้จะมองหน้าก็อดจะตอบกลับไม่ได้

      “ทำไมไปแต่เช้า” ไม่เพียงมันจะไม่สนใจแต่ยังตั้งคำถามมาซักไซ้เขาต่อ

      “ทำไม จะไปเช้ามั่งไม่ได้รึไง” ไม่รู้ทำไมคุยกับมันทีไรก็เหมือนจะได้ทะเลาะกันทุกที 'ปวดหัวชะมัด' เขายกมือขึ้นนวดบริเวณขมับด้านข้างศีรษะ

      “ไม่จำเป็นหรอกนะ” เสียงนิ่งๆ เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

      ".........." นี่มันคงไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องเขาจริงๆ หรอกใช่มั้ย

      " หมายความว่าไง "

      " ก็อย่างที่บอก " มันตอบแค่นั้นแล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม น้ำเสียงของมันที่เอ่ยออกมาเหมือนกับจะดูถูกกัน

      นี่จะบอกว่ากูไปหรือไม่ไปก็ไม่ต่างกันงั้นสิ

      “เหอะ” เขาหันหลังกลับพยามเดินออกจากห้องนั้นมาให้เร็วที่สุด แต่ก็มีใครบางคนเข้ามาขวางเอาไว้

      “คุณซีน จะไปแล้วหรอครับ” เขามองตามเสียงเรียกก็เห็นร่างสูงกำลังเดินเข้ามาใกล้ ธี มันเป็นคนสนิทของเขาในตอนนี้

      "หึ ก็เห็นๆ อยู่" ท่าทีของเขาในตอนนี้มองจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่า กำลังไม่พอใจ

      "คุณแทนก็ลงมาแล้วไม่อยู่เจอก่อนหรอครับ" อีกฝ่ายพยามหาเรื่องมาเกลี้ยกล่อม

      “#%&**%#%**”

      จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเถียงกันจากห้องที่เดินออกมาเมื่อครู่ ถ้ามีแค่ ซิลเวอร์ ที่นั่งอยู่แล้วคนที่กล้าพูดแบบนี้ได้คงเป็น ' แทนรัก ' และเดาได้เลยว่าอีกคนจะน้อยใจแล้ววิ่งออกมาหาเขา

      “ไม่กูจะไปแล้ว " การที่ต้องเป็นคนมาคอยปลอบใจอีกฝ่ายอยู่ตลอด มันไม่ใช่เรื่องที่น่าพอใจหรอกนะ ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย

      “พี่ซีน!!” ขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถก็มีเสียงตะโกนมาจากในบ้านก็เห็นแทนกำลังทำหน้างอเหมือนไม่ค่อยพอใจ

      “ว่าไงหืม โดนซิลว่าอะไรมารึไง” เขาพยามส่งยิ้มให้อีกฝ่ายคงมีแค่เรื่องเดียวน่ะแหละที่ทำให้คนหน้าหวานตรงหน้าวิ่งโร่มาฟ้องเขา

      เขาก้มมองร่างบางที่เข้ามาคว้าแขนของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แทนรัก ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่เขาถูกใจ และ สนใจตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถ้าจะมีคนรักซักคน คนที่เขาเลือกคงเป็นเหมือนคนๆ นี้

      เขายื่นมือไปลูบผมคนตรงหน้าเบาๆ ระหว่างที่รอคำตอบว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่พอใจ

      “หึใครจะสนใจคนแบบนั้น” ถ้าเลิกสนใจได้จริงๆ ก็ดี

      “งั้นก็ยอมพี่ซักทีสิ” ยอมพี่แล้วเราจะไม่ต้องมาเสียใจที่คนๆ นั้นไม่เคยมาสนใจเรา

      “พี่ซีน ผมบอกพี่แล้วไงว่า”

      “พี่รู้แต่พี่ยังมีโอกาสไม่ใช่หรอ” เขาลองถามต่อ

      “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโอกาสที่พี่ว่าผมจะมอบให้ใครได้อีกมั้ย”

      เขามองลงไปนัยน์ตาคู่นั้น ถึงมันจะสั่นไหวแต่ก็ยังมั่นคง เหมือนกับจะบอกว่าต่อให้เขาจะพูดยังไงก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน

      ความมั่นคง ที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนไป เขาทั้งอิจฉา ทั้งโกรธเคืองที่อีกฝ่ายจะมองข้ามทุกอย่างนั้นไป ความมั่นคงของคนๆ นึงมันต้องใช้อะไรบ้าง มันมีค่าแค่ไหนทำไมถึงได้ให้คนที่ไม่เห็นค่ามันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

      “หึ พี่ไปก่อนนะแล้วจะซื้อของมาฝาก”

      “โชคดีครับ” แทนยอมปล่อยมือที่รั้งเขาอยู่ออก เขาขึ้นไปนั่งบนรถแต่สายตายังไม่ละจากอีกฝ่ายจนกระทั่งตัวรถเคลื่อนที่ออกไป

      " คุณซีน ทำไมถึงรีบออกมาล่ะครับ " ธีที่กำลังขับรถให้ หันมาถาม คงสงสัยที่เขาออกจากบ้านมาเร็วกว่าเวลาปกติมากทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็กลับเกือบเช้า

      " ทำไม หรือจะบอกว่ามันไม่จำเป็นเหมือนกันสินะ " มันจะแปลกอะไรก็ในเมื่อในบ้านหลังนั้น ไม่มีที่สำหรับเขา

      " ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ " อีกฝ่ายตอบเสียงอ่อยก่อนเหลือบมองเขาผ่านกระจก

      " เหมือนกันทั้งเจ้านาย และลูกน้อง " จะบอกว่าพาลก็ได้ แต่ก็เป็นเพราะมันเองที่เมื่อคืนไม่ยอมพาเขากลับคอนโด เลยต้องมาอารมณ์เสียแบบนี้

      " เห็นอย่างนี้คุณซิลก็เป็นห่วงคุณซีนมากนะครับ " หึอยากขำจะแย่

      " อย่ามาพูดเข้าข้างมันไปหน่อยเลย อย่างมันน่ะหรอ ฝันอยู่รึไงธี " คนอย่างมันมีหรอที่จะมาสนใจใคร หึ ไม่มีทาง

      " ไม่ใช่อย่างที่คุณซีนคิดหรอกครับ" อีกฝ่ายพยามพูดโน้มน้าว แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะสนใจอยู่ดี

      " หึไม่รู้ว่าทั้งนายและแทน มองเห็นอะไรจากคนเย็นชาแบบนั้นกัน" นึกถึงร่างบางเมื่อเช้าขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นแทน หรือคนสนิทของเขาก็เลือกแก้ตัวให้กับ ซิลเวอร์อยู่ดี

      " เพราะคุณซีนไม่เคยมองให้ดียังไงครับ " มันพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะตำหนิกัน จากนั้นความอดทนของเขาก็เหมือนจะหมดลงทันที

      " เงียบไปเลยธี!! นายต่างหากที่ไม่รู้อะไร " เขาตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเก่าราวกับจะย้ำเตือนสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ก่อนเงยจะหน้ามองคนด้านหน้าผ่านกระจกมองหลังแต่กลับเห็นดวงตาแข็งกร้าวของตัวเองสะท้อนกลับมา จนเขาต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาไปเอง

      " ครับ " มันตอบแค่นั้นและไม่ได้พูดอะไรอีก ภายในรถเงียบไปจนสุดทาง

      หึทำไมเขาจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันเป็นยังไง ช่างต่างกับตอนนี้ราวฟ้ากับเหว เรื่องมันเกิดขึ้นในวันที่คุณพ่อคุณแม่เสียไป หลังจากนั้นไม่นานมันก็กลายเป็นคนละคน พยามหาวิธีแย่งชิงสมบัติพวกนั้นมาจนไม่สนใครอีก กระทั่งน้องชายตัวเอง

      to be continue.

      ................................................................................................

      เพิ่งเขียนนิยายเป็นครั้งแรกขอฝากตัวด้วยนะคะ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2019 21:51:53 โดย tiwara »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig2:
 :3123: :L2: :L1:
ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

หากไม่ใช่.....รัก..... 02


      ภายในห้องทำงานถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ทำไมเขาถึงหยุดคิดเรื่องของเด็กคนนั้นไม่ได้สักที เมื่อไรกัน เมื่อไรที่แทนจะเหนื่อยและจะหยุดไล่ตามมัน กับคนแบบนั้นน่ะมันไม่มีวันที่จะรักใครได้ คิดจะเสียน้ำตาให้คนแบบนั้นไปถึงไหนกัน

      “คุณซีนครับ คุณซีน” เขาเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก ก่อนจะส่งเสียงตอบออกไป

      “อะไร”

      "ช่วงบ่ายนี้ ฝ่ายงานขายมีประชุมนะครับ"

      "...แล้วไง? " เขาไม่เข้าใจว่ามันจะบอกเรื่องนี้ทำไม

      "คุณซิลอยากให้คุณเข้าร่วมด้วย"

      " อืมเข้าใจแล้ว"

      “เป็นอะไรรึเปล่าครับ เห็นคุณดูเหม่อๆ” น้ำเสียงเป็นห่วงที่สื่อออกมาของคนที่อยู่ข้างกายก็ยิ่งทำให้รู้ว่า ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้รับจากมัน

      “แค่คิดอะไรนิดหน่อย”

      “คุณซีน.....ผมว่า” มันคิดอยู่นานกว่าจะพูดออกมาได้ทีละคำ

      " กูรู้ว่ามึงจะพูดอะไร” เขาเตือนให้มันหยุดแค่นั้น มันเองคงพูดเหมือนที่ใครๆ ก็พูดว่าเขา 'ควรหยุดได้แล้ว'

      “ที่พูดเพราะผมเป็นห่วงคุณซีน”

      “หึห่วงหรอ ห่วงกูหรือเจ้านายเก่ามึงล่ะ สุดท้ายแล้วมึงก็เข้าข้างซิลเวอร์อยู่ดี” จะให้เขายอมปล่อยเพื่อให้แทนเป็นของมันง่ายๆ น่ะหรอ คิดว่าเขาโง่รึไง เขาลุกออกจากโต๊ะทำงานคว้าเสื้อนอกขึ้นมาสวมก่อนจะเดินออกจากห้องไป

      “คุณซีนจะไปไหนน่ะครับ” ธีที่เห็นอีกฝ่ายกำลังเดินออกไปก็รีบร้อนออกจากห้องแล้วเดินตามหลังคนเป็นเจ้านายไปทันที

      “ข้างนอก”

      “เดี๋ยวผมไปด้วย”

      “ไม่ต้อง กูจะไปคนเดียว” ความหงุดหงิดยิ่งเพิ่มขึ้นมา

      "แต่คุณซีนไม่ควรไปคนเดียว"

      "น่าเบื่อชะมัด กูจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับมึง"

      "......" สุดท้ายแล้วธีที่เดินตามมากลับเป็นฝ่ายหยุดนิ่งไป

      รถหรูสีแดงสดเคลื่อนตัวออกจากบริษัท ความเร็วถูกเร่งขึ้นเมื่อตัวรถออกสู่ถนนหลัก โฉบเฉี่ยวตามอารมณ์ของผู้ขับที่พุ่งสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนสนิท หรือ พี่ชาย ก็ชอบมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอยู่เรื่อย

      น่าเบื่อ

      เมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์ที่หงุดหงิดก็ค่อยๆ จางลงจึงพบว่าตนเองขับรถมาไกลกว่าที่เคย แถมยังลัดซอยน้อยใหญ่เข้ามาเพื่อเลี่ยงรถติด จึงทำให้มาอยู่ในที่ๆ ไม่คุ้นเคย

      ตอนที่ขับรถอยู่เขามองออกไปเห็นถนนเส้นนึงดูแตกต่างจากถนนเส้นอื่น ทั้งๆ ที่เป็นทางที่เขาขับผ่านทุกวันแต่ก็เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่สังเกตเห็นมัน อารมณ์หงุดหงิดที่อยากจะหลีกหนีจากทุกสิ่ง กระตุ้นความสนใจเขาขึ้นมา อยากที่จะเปลี่ยนบรรยากาศน่ารำคาญนี้ เขาจึงขับรถเข้าไปจอดบนถนนเส้นนั้นอย่างไม่คิดอะไร

      พอขับมาเกือบถึงกลางซอยเขาลงเดินจากรถแล้วมองดูรอบๆ คงบอกได้เพียงว่ามันเป็นที่ๆ ร่มรื่นมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ทั้งที่มันใกล้ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยหมอกควันและความแออัด พอเดินไปสักพักก็เห็นร้านๆ นึงตั้งอยู่ท่ามกลางดอกไม้หลากพันธุ์ คาดว่าคงจะเป็นร้านดอกไม้

      พอดีกับที่เมื่อเช้าที่เขาบอกกับใครอีกคนว่าจะหาของไปฝาก ความคิดที่ว่าถ้าเป็นดอกไม้ซักช่อคงไม่เลวก็เข้ามา

      "กริ๊ง~" กระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป เมื่อมองภายในร้านพบว่ามีคนอยู่สองสามคน ส่วนคนที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของร้านที่แต่งตัวต่างจากคนอื่นนั้นกำลังนั่งตัดแต่งดอกไม้อยู่ตรงเคาท์เตอร์ พอเขาเดินเข้าไปหา อีกฝ่ายก็วางกรรไกรสำหรับตัดกิ่งก้านลง เงยหน้าขึ้นมามองทางเขาดูท่าทางชะงักไปซักพัก และไม่มีใครพูดอะไร

      ระหว่างที่ร้านเงียบคำทักทายจากพนักงานคนนึงในร้านก็ดังขึ้นมา " ยินดีต้อนรับครับ " หลังจากนั้น คนคนนั้นก็หันมาสบตาเขาอีกครั้งพร้อมส่งยิ้มให้ อีกฝ่ายเป็นคนตัวสูงไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะสูงกว่าเขาด้วยซ้ำ ท่าทางดูนิ่งๆ แต่แววตาที่มองมากลับดูอ่อนโยน

      " ยินดีต้อนรับครับ " น้ำเสียงทุ้มๆ ที่กล่าวออกมา ยิ่งชวนให้รู้สึกแปลกประหลาด มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้สัมผัส ไม่สิถ้าเคยคงเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว

      " อืม พอดีอยากจะได้ดอกไม้ซักช่อ " เขาบอกความต้องการไป
      " มีดอกไม้ที่สนใจมั้ยครับ " พอได้ยินอย่างนั้นเขาลองมองหาอยู่นานแต่ก็ไม่รู้สึกว่าอันไหนมันจะน่าสนใจกว่ากันเลยหันไปบอกเจ้าของร้านให้ช่วยเลือกแทน

      " ไม่มี คุณช่วยเลือกให้หน่อยก็แล้วกัน "

      " ยินดีครับ แล้ว....คุณอยากจะมอบมันให้กับใคร "

      " .... " เขามองกลับไปด้วยความสงสัย

      " ดอกไม้แต่ละดอกมันมีความหมายอยู่ " คนตรงหน้าพูดแค่นั้นแต่เขาก็พอเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อออกมา

      " คงเป็นคน 'พิเศษ' ล่ะมั้งครับ " ถึงตอนนี้ยังไม่ใช่คนรักกัน แต่แทนก็ยังเป็นคนสำคัญสำหรับเขาอยู่ดี

      " ครับ " เจ้าของร้านคนนั้นยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนหันไปใช้ความคิดในการเลือกดอกไม้

      " คุณลูกค้า เชิญนั่งรอก่อนนะคะ " พนักงานที่เด็กกว่าคนเมื่อกี้พาเขามานั่งรอที่โต๊ะไม้ ซึ่งในร้านมีอยู่สามสี่ที่ได้ เขาเลือกนั่งริมหน้าต่างจึงมองเห็นคนที่กำลังจัดดอกไม้ได้ถนัดตา

      " น้ำชาค่ะ เป็นชาดอกไม้ เจ้าของร้านเป็นคนทำเองเลยนะคะ " จากนั้นเด็กสาวก็บรรยายสรรพคุณของชาที่ยกมา

      " ขอบคุณครับ " เขารับมาก่อนจะมองไปรอบๆ อีกครั้ง ในร้านมีพนักงานเพียงสามคน รวมถึงเจ้าของร้านที่ว่าก็นับเป็นสี่คน บรรยากาศค่อนข้างดี ทั้งในร้านและนอกร้าน ที่นี่เป็นกึ่งๆ เรือนกระจก มีดอกไม้ประดับเต็มไปทั่ว โต๊ะตัวที่เขานั่งอยู่ก็มีแจกันที่ใส่ดอกไม้วางไว้

      เขาเริ่มจิบชาที่อยู่ในมือ รสชาติหวาน และ หอม หอมมากเป็นกลิ่นของดอกไม้อะไรซักอย่างที่เขาไม่รู้จักและไม่ได้ให้ความสนใจ ทุกอย่างที่นี่ชวนให้รู้สึกจิตใจสงบขึ้นมา เวลาล่วงเลยผ่านไป เขาหันกลับไปมองที่เจ้าของร้านอีกครั้ง อีกฝ่ายก็กำลังผูกริบบิ้นในช่อดอกไม้นั้นพอดีเขาเลยลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา

      " เสร็จแล้วครับ "

      " อยากเขียนอะไรในการ์ดมั้ย " อีกฝ่ายยื่นปากกากับกระดาษมาให้

      " ไม่ล่ะ " เขาปฏิเสธไปเพราะมันดูวุ่นวายเกินจำเป็น พอเสร็จธุระเขาก็รับดอกไม้มาพิจารณาอีกที

      " ส่วนใหญ่เป็นดอกลิลลี่สีขาวนะครับ " อีกฝ่ายอธิบาย สายตาเลื่อนจากช่อดอกไม้สีขาวหันมามองที่เขา

      " รู้สึกดีที่ได้รู้จักและอยู่ใกล้คุณ "

      " ความหมายของมัน ครับ "

      ".......ครับมันสวยดี ผมชอบ " เขาตอบกลับไป ก่อนหน้านี้นึกตกใจในคำพูดนั้นเหมือนกัน ที่แท้ก็หมายถึงดอกไม้นี่เอง

      " ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ " อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากร้านมา

     .

     .

     .

      เขาขับรถกลับมาที่บริษัทก่อนถึงการเข้าประชุมพอดี แต่เมื่อธีเห็นเขาเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานอีกฝ่ายก็รีบร้อนเดินตามเข้ามาทันที

      "คุณซีน ไปไหนมาครับ"

      "ไม่ใช่ ธุระของนาย" จะไปไหนก็เรื่องของเขาไม่ใช่รึไง

      "อย่างน้อยช่วยบอกหน่อยเถอะครับว่าไปที่ไหนมา ถ้าคุณหายไปผมจะทำยังไง"

      "ก็ไม่ต้องทำยังไง ไม่สิอย่ารีบไปบอกซิลเวอร์ล่ะเดี๋ยวมันจะดีใจเกินหน้าเกินตา" หึถ้าเขาหายไปมันคงจะดีใจน่าดู

      "สรุปว่า ไปไหนมาครับ" ธีไม่ตลกด้วยแถมยังถามคำถามแบบคาดคั้นเขาอย่างที่นานๆ ทีจะทำ

      "แค่ขับรถไปเรื่อยๆ " เขาเบื่อที่จะต้องทนฟังมันถามซ้ำๆ เลยตอบไป

      "แล้ว? " เฮ้อ ทำตัวอย่างกับพ่อ

      "แล้วอะไร แค่แวะร้านดอกไม้เท่านั้น"

      "แค่นั้นหรอครับ"

      "แค่นั้นแหละ เอ้า" เขายื่นช่อดอกไม้ให้ธี

      "เอาไปเก็บให้ที" กลัวว่าถ้ามันอยู่กับเขาดอกไม้พวกนี้คงไม่สวยงามเหมือนตอนที่ได้มา

      "ครับ" ธีจับช่อดอกไม้พลิกดูข้อความที่การ์ดเพื่อหาชื่อร้าน

      "สวยดีนะครับ"

      "งั้นหรอ" เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ตอนที่เห็นมันครั้งแรกเขาก็คิดว่ามันสวยดีเหมือนกัน

      "นี่ใกล้จะประชุมแล้วครับ" ธียกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะบอกให้เขาเตรียมตัว

      "อืม รู้แล้ว"

      การประชุมลากยาวไปถึงเวลาเลิกงาน พอออกจากบริษัทมาเขาก็ตรงกลับบ้านทันทีเพราะรู้ว่าจะมีใครบางคนรออยู่

      "กลับมาแล้วหรอครับ พี่ซีน" แทนรีบวิ่งเข้ามาหาทันทีที่รถจอดสนิท

      "แทนมานี่สิ " เขากวักมือเรียกอีกฝ่ายให้เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีก

      "มีอะไรหรอครับ"

      "พอดีพี่ไปเจอร้านดีๆ มาน่ะ" พูดจบเขาก็ยื่นช่อดอกไม้ไปให้ แทนดูอึ้งไปซักพักก่อนใบหน้าหวานจะขึ้นสีแดงระเรื่อ

      "อะไรของพี่เนี่ย ปกติไม่เคยจะซื้อมา" แทนพูดเสียงเบาอย่างเขินอาย

      "ก็เห็นว่ามันสวยดี"

      "ก็แล้วทำไมไม่ซื้อไว้เองเล่า" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่แทนก็ไม่ยอมปล่อยดอกไม้ในมือ ผิดกับคำพูดที่ดูเหมือนไม่อยากจะได้ หึถ้าซิลเวอร์ซื้อมาให้คงจะไม่ถามด้วยซ้ำว่าซื้อมาทำไม

      "ทั้งๆ ที่ เจอก่อนแท้ๆ " เสียงกระซิบดังขึ้นเบาๆ ราวกับจะย้ำเตือนตัวเองในตอนนี้

      "ครับ? "

      "ไม่มีอะไรหรอก ถ้าให้พี่ซื้อไว้เองเดี๋ยวจะตายซะเปล่าๆ น่าเสีย เราก็เอาไปใส่แจกันซะสิ ดูแลดีๆ ด้วยเข้าใจมั้ยฮึ"

      "อ่ะ แน่นอนครับ" แทนยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เขาล็อกรถก่อนจะเดินตามไป

      ที่บอกว่าจะมอบให้คนพิเศษนั่นเขาพูดจริง ถึงแทนจะชอบ ซิลเวอร์ แต่มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เขาก็แค่ต้องรอเวลาเท่านั้น

     .

     .

     .

      to be continue.

      ..............................................................................................

      พอเดากันออกมั้ยคะใครคู่ใคร 55555+
 
 
 


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

หากไม่ใช่.....รัก..... 03 Part Warin


      'ให้ดอกไม้ของเราช่วยเยียวยาหัวใจของคุณ'

      .

      .

      .

      อีกด้านหนึ่งของเมืองที่วุ่นวาย มีร้านขายดอกไม้เล็กๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางร่มเงา มันถูกสร้างมาให้คล้ายกับเรือนกระจก ภายในร้านถูกประดับไปด้วยดอกไม้แทบไม่ต่างกับภายนอก เสียงดนตรีถูกเปิดคลอขึ้นเบาๆ เพื่อไม่ให้ร้านเกิดความเงียบเหงา

      'กึก' เสียงกระทบกันของกรรไกรและยังคงดังขึ้นอย่างนั้นเป็นระยะ ถ้าหากมองหาต้นเสียงจะพบว่ามีชายหนุ่มร่างสูงผมสีเข้มตัดสั้นดูรับกับรูปหน้าคนหนึ่งกำลังตัดแต่งดอกไม้พวกนั้นอยู่ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหลงใหลราวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่มีความหมายลึกซึ้ง

      ดอกไม้แต่ละดอกใช้เวลาดูแลแตกต่างกัน เขาเลยต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ลูกค้าที่มาที่นี่ต้องการใช้มันเพื่อแทนความในใจ ไม่ใช่แค่คำไม่คำ ความหมายที่อยู่ภายใต้สีสันที่สดใส ใต้รูปลักษณ์ที่งดงาม แท้จริงกลับถูกซ่อนอยู่ในความรู้สึกแค่ช่วงขณะในตอนที่หยิบยื่นมันไปให้ใครสักคน

      สำหรับบางคนกุหลาบเพียงดอกเดียวแทนความรักทั้งหมดที่มี แต่บางคนกลับมองเป็นเรื่องน่าขำ แต่สำหรับเขาคงขึ้นอยู่กับจะมอบให้ใคร

      'วาริณ' เอื้อมมือไปสัมผัสกุหลาบแดงที่อยู่ตรงหน้าอย่างเบามือ เหมือนกับว่าเขากำลังรอจะพบใครบางคนอยู่ แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่พบซักทีเจ้าของดอกไม้ช่อนั้น เขาไม่ได้เชื่อในรักแรกพบหรืออะไร แต่ถ้าหาก ถ้าหากเขาเจอคนๆ นั้นขึ้นมาจริงๆ คนที่ไม่ว่าจะเป็นยังไงแต่ยังยินยอมมอบให้ได้ทั้งใจ คนแบบนั้น เขาจะไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด

      "เฮียของตรงนี้ให้ผมวางไว้ตรงไหนดี" พนักงานในร้านคนหนึ่งถามขึ้นมา เสียงเรียกนั้นทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง

      "กล้าเอามาวางไว้ตรงนี้ก่อน แล้วเข้าไปช่วยน้ำหวานดูหลังร้านทีนะ" เขาบอกอีกฝ่ายก่อนจะหันไปมองที่ห้องด้านหลัง

      "ได้ครับ" ในร้านมีพนักงานสองสามคน ทั้งหมดยังเรียนอยู่บางคนต้องการหารายได้เสริม ส่วนบางคนดูเหมือนจะโดนบังคับมา

      เขากลับไปให้ความสนใจดอกไม้ที่กองเกลื่อนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง หยิบมันขึ้นมาทีละดอกแล้วค่อยๆ บรรจงตัดใบไม้ออกทีละใบ

      ตอนเช้าในร้านจะดูวุ่นวายไปกับการตระเตรียมของเพราะช่วงสายๆ เป็นช่วงที่ลูกค้าจะเข้ามามากกว่าช่วงอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าขาประจำ นานๆ ทีถึงจะมีลูกค้ารายใหม่เข้ามา

      เมื่อช่วงเวลาวุ่นวายได้ผ่านไปในร้านก็กลับมาเงียบอีกครั้ง เขาเดินออกไปจัดเตรียมดอกไม้ที่เหลือตามเดิม ส่วนเด็กๆ ในร้านก็มานั่งพักเหนื่อยตรงโต๊ะไม้ที่จัดวางไว้ให้สำหรับลูกค้า

      “กริ๊ง~” เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกครั้งของวัน เป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าอีกคนเปิดประตูร้านเข้ามา

      เขาละสายตาจากดอกไม้ที่วางอยู่ตรงหน้าหันไปมองที่ประตูทางเข้าเพื่อกล่าวคำต้อนรับลูกค้าเหมือนอย่างเคย

      แต่เมื่อหันไปสบตากับใครอีกคนที่กำลังก้าวเข้ามาในร้านกลับต้องเป็นฝ่ายชะงัก

      ภายในร้านคงมีแต่เขาที่หยุดจ้องมองอีกฝ่ายโดยที่ไม่ละสายตา คนๆ นั้นมีเส้นผมสีน้ำตาลจนออกแดง นับว่าเป็นสีที่โดดเด่นสำหรับคนแถวนี้ และมีรูปลักษณ์อย่างที่ผู้ชายหลายคนต้องอิจฉา งดงามราวกับรูปวาด

      ความรู้สึกที่เห็นเพียงครั้งแรก หัวใจที่เหมือนจะหยุดเต้นไปนาน กลับมาเต้นอีกครั้ง สายตายังคงจับจ้องคนที่เดินเข้ามาอย่างไม่วางตา

      “ยินดีต้อนรับครับ” เสียงของพนักงานต้อนรับในร้านดังขึ้น ทำให้เขากลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า พลางย้ำเตือนความคิดที่ผิดปกติของตัวเองในเวลานี้

      ทำไมถึงมีความคิดแบบนั้นกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกทั้งอีกฝ่ายเองก็ยังเป็นผู้ชาย เหมือนกับเขา

      จริงอยู่ที่เขาไม่เคยเจอคนที่ดูดีเท่าคนตรงหน้า แต่เขาเองก็ไม่เคยชื่นชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อนเช่นกัน เกิดความสับสนบางอย่างขึ้นมาในใจ แต่มันจะมีซักกี่คนที่จะเจอคนที่ทำให้ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นได้ และจะมีซักกี่คนที่ควรคู่กับมัน

      "อยู่คนเดียวนานไปแล้วแน่ๆ ไอ้วา" เขาต่อว่าตัวเองเมื่อความคิดเริ่มผิดแปลก

      "ยินดีต้อนรับครับ" เขาเอ่ยทักออกไป เมื่อรู้ตัวว่ากำลังมองลูกค้าอย่างเสียมารยาท สายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองกลับมาดูท่าทางไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งกลับไป

      บรรยากาศในร้านกำลังปกคลุมไปด้วยความเงียบ พนักงานอีกสามคนของเขา ก็ได้แต่แอบมองคนตรงหน้าไม่พูดอะไร

      " อยากจะได้ดอกไม้ซักช่อ " อีกฝ่ายเอ่ยความต้องการออกมา พลางก้มมองดอกไม้ที่วางอยู่รอบๆ ร้าน ท่าทางเย็นชาเมื่อครู่หายไปทันที และท่าทางดูตั้งใจนั่นสร้างความแปลกใจแก่คนที่พบเจออีกครั้ง

      ผ่านไประยะเวลานึง แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย เขาเลยต้องถามออกไปอย่างช่วยไม่ได้

      " มีดอกไม้ที่สนใจมั้ยครับ "

      " ไม่มี คุณช่วยเลือกให้หน่อยก็แล้วกัน " อีกฝ่ายพูดอย่างจนใจเขารู้เลยว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่คนตรงหน้าเลือกซื้อดอกไม้เอง

      "ยินดีครับ"

      "....แล้วคุณอยากจะมอบมันให้กับใคร" เผลอถามออกไปโดยไม่ทันคิด

      "ดอกไม้แต่ละดอกมันมีความหมายต่างกัน"

      ทำไมกับคนๆ นี้ เขาถึงอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะมอบดอกไม้ช่อนี้ให้กับใคร

      ช่างเป็นคำถามที่ไร้มารยาทซะจริง เขาลอบด่าตัวเองอีกครั้งในใจ

      "อืม" ตอบเพียงเสียงในลำคอ นิ้วเรียวบางจับต้องดอกไม้ที่อยู่เบื้องหน้า สัมผัสมันเพียงแผ่วเบา

      "คงเป็น คนพิเศษ ล่ะมั้งครับ"

      "ครับ" เขาเพียงแต่ยิ้มตอบกลับไป นั่นสินะ....ถ้าคนตรงหน้าบอกว่ายังไม่มีใครนี่สิถึงจะแปลก

      เขามองคนตรงหน้าอีกครั้ง ลอบสังเกตที่ใบหน้านั้นแววตาดูเฉยเมยกับทุกสิ่งแต่เมื่อพูดถึงคนที่จะมอบดอกไม้ให้แล้วแววตากลับดูอ่อนโยนขึ้นทันที เขาละสายตาออกจากอีกฝ่ายชั่วคราวหันกลับไปใช้ความคิดในการเลือกดอกไม้แทน

      ไม่รู้เมื่อไรที่ลิลลี่สีขาวก็เข้ามาอยู่ในสายตา เขาหยิบมันขึ้นมาโดยไม่คิดอะไร สุดท้ายแล้วดอกไม้ทั้งช่อก็ถูกแต้มไปด้วยสีขาวเกือบทั้งหมด เขารวบมันด้วยริบบิ้นสีฟ้าอ่อนก่อนจะมอบให้อีกฝ่าย

      "สวยดีนะครับ ผมชอบ" ลูกค้าคนนั้นเอ่ยชมตอนที่ได้รับดอกไม้ไป

      "ส่วนใหญ่จะเป็นดอกลิลลี่สีขาวนะครับ" เขาอธิบาย แต่สายตากลับจ้องมองไปยังช่อดอกไม้ที่อยู่ในมืออีกฝ่ายโดยไม่ละสายตา

      "รู้สึกดีใจที่ได้รู้จักและอยู่ใกล้กับคุณ" เขาหลับตาลงนึกความหมายที่ซ่อนอยู่ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกดอกไม้ชนิดนี้

      ดีจริงๆ ที่ได้พบคุณ

      "......."

      "ความหมายของมันน่ะครับ" เมื่อเห็นคนตรงหน้ามองมาด้วยความไม่เข้าใจกับคำพูดเมื่อครู่ เขาก็ได้แต่ยิ้มและตอบออกไป

      "ครับ มันสวยมาก"

      "ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ" เขาบอกก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหลังและเดินออกไป สายตาเขายังคงจ้องมองอย่างไม่ยอมละสายตา"ลูกค้าคนนั้นดูดีจังเลยน้าาา" น้ำหวานพูดขึ้นหลังจากลูกค้าคนนั้นเดินพ้นจากประตูร้าน

      "โห ผู้ชายจริงหรอวะนั่นดูดีไรขนาดนั้น" กล้าเห็นอย่างนั้นก็พูดขึ้นมาบ้าง จากนั้นก็หันไปมองที่อีกคนซึ่งในตอนนี้กำลังนิ่งเงียบสนิท

      "เฮียๆ เฮียมองอะไรน่ะ" เมื่อวาริณรู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนมีมือโบกไปมาอยู่ข้างหน้าแล้ว

      "ห้ะ เอ่อ เปล่านี่" เขาตอบออกไปอย่างติดขัด

      กล้ามองมาที่เขาด้วยสายตาเหมือนกำลังจับผิดบางอย่าง มันชวนแปลกใจที่วาริณจะมองอีกฝ่ายโดยไม่ละสายตา ทั้งๆ ที่ไม่กี่วันที่ผ่านมามีผู้หญิงหน้าตาดีอย่างกับนางแบบเดินเข้ามาในร้าน วาริณก็ไม่มีท่าทางแปลกไปจากเดิมแม้แต่นิดเดียว

      แต่คนที่ควรตกใจมากที่สุดคงเป็นตัวเขาเอง เกิดมา ยี่สิบกว่าปีเพิ่งรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่คนๆ นั้นกลับเป็นผู้ชาย ขนาดปีที่แล้วเขายังคิดว่าคงจะมีผู้หญิงดีๆ สักคนเข้ามาในชีวิต แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้

      "เฮียล่ะ คิดว่าเป็นยังไง" คำถามห้วนๆ ดังขึ้นมา ทำให้เขาเงียบไปสักพัก

      "จะให้บอกว่าไม่สนใจเลย ก็คงโกหก" เขาตอบไปแค่นั้นแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเข้าใจที่เขาสื่อออกมาเป็นอย่างดี

      "นั่นสินะ ผมเองยังอดรู้สึกไม่ได้เลย" กล้าตอบกลับมาด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อนิดๆ เช่นกัน

      "หะหะ ใช่มั้ยล่ะ" นั่นสิขนาดกล้ายังคิดแบบนั้น คงเป็นเพราะอีกฝ่ายดูแตกต่างกับคนที่เคยเจอ

      "ไม่รู้ว่าเขาจะมีแฟนรึยังนะคะ" สายตาของเด็กผู้หญิงตรงหน้าเต็มไปด้วยความหวัง

      "ก็คงมีแล้วล่ะ" แต่เขาคงเป็นคนที่ดับความหวังนั้นลงไป

      "อ้ะ พี่วารู้ได้ยังไงคะ"

      "ก็คนเมื่อกี้เขาบอกว่าจะเอาไปให้ คนพิเศษน่ะ"

      "ก็อาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้นี่"

      "แต่พี่ว่าคงไม่ใช่แบบนั้นหรอก" สายตาตอนที่ตอบคำถามของเขามันดูลึกซึ้งกว่าที่จะเป็นความสัมพันธ์อื่น

      "ง่า น่าเสียดายอ่ะ"

      "เขาจะมาอีกมั้ยนะ" นั่นสิ ถึงจะรู้ว่าคงจะไม่มีทาง แต่อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า

      ถ้าได้เจอบ่อยๆ ก็คงจะดี

      "แต่น้ำหวานว่าเขาคงติดใจที่นี่น่าดู" น้ำหวานเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ

      "ทำไมล่ะ" กล้าเป็นฝ่ายถามกลับ

      "ก็ดูเขาชอบน้ำชาที่ยกไปให้มากเลยน่ะสิ"

      "แต่น้ำชาแบบนั้นที่อื่นก็มีขาย"

      "จุ๊ๆ ไม่ใช่หรอกๆ มันต่างกันสิ" เขาไม่ตอบอะไรเพราะคิดว่ามันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร

      "เลิกเพ้อเจ้อซะทีเถอะ"

      "นี่นาย!! "

      "พอๆ นั่นลูกค้าเข้ามาอีกคนแล้ว" เขาหันมาปรามทั้งคู่

      "คร้าบ/ค่าาา" หลังจากนั้นทั้งหมดก็เงียบไปและตั้งหน้าตั้งตาทำงานตามเดิม

 

 

      to be continue.

      ..........................................................................................

      มาต่อแล้วค่ะ ><

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2019 20:16:58 โดย tiwara »

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

หากไม่ใช่.....รัก..... 04


      หลายวันไปผ่านแต่เหตุการณ์ในตอนเช้าของวันนั้นเขายังคงจำได้ดี ถ้าไม่อยากให้เป็นเหมือนอย่างคราวที่แล้วที่ทำให้ความรู้สึกดีๆ หายไปตั้งแต่ต้นวัน ควรหลีกเลี่ยงการพบเจอมันคงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำที่สุด เขาเลยเปลี่ยนเวลาทานอาหารเช้าให้ช้าลงอีกนิด


      "พี่ซีน ลงมาช้าจังมีอะไรรึเปล่า" เขามองไปตามเสียงเห็นก็แทนนั่งรออยู่ตรงโต๊ะในห้องทานอาหาร


      "อะไรกัน ไม่ได้ช้าขนาดนั้นซะหน่อย" แค่ลงมาช้ากว่าปกติเกือบครึ่งชั่วโมง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาไปสายกว่าเดิมเท่าไร


      "ซิลไปแล้วใช่มั้ย" เขามองไม่เห็นมัน แต่ก็เอ่ยถามอีกทีเพื่อความมั่นใจ


      "ครับ? นี่พี่กำลังหลบหน้าเขาหรอ" แทนดูเหมือนกำลังต่อว่าเขาอยู่นิดหน่อย


      "พี่ไม่ใช่นายนี่ ที่อยากเจอมันทุกเช้าน่ะ"


      "ผม ผมเองก็ไม่ได้ อยากเจอซะหน่อย เขาออกไปกับธีตั้งแต่เช้าแล้วเห็นว่ามีประชุมอะไรเนี่ยแหละ " ประชุมอะไรแต่เช้าเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลย


      "อืมแล้วนี่ ไม่มีเรียนหรอ" เขามองไปยังอีกคนที่นั่งกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุขเมื่อเอ่ยถึงอีกคนที่ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ เห็นแล้วมันรู้สึกขัดใจ


      "อ้ะ จริงด้วย งั้นผมไปแล้วนะ" แทนมองเวลาที่ล่วงเลยมาก่อนรีบยัดขนมปังปิ้งแผ่นสุดท้ายเข้าปากแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย


      "พี่ซีนอย่าลืมกินข้าวเช้านะครับ" พูดทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวไม่หมด


      "ครับๆ ไปได้แล้ว" เขามองคนที่กำลังวิ่งห่างออกไป


      "หึ " ถ้าเขาไม่เตือนคงลืมไปแล้ว อดขำไม่ได้จริงๆ


      หลังจากอีกฝ่ายออกไปไม่นานห้องนี้ก็ค่อยๆ เงียบลง คนอื่นก็แยกย้ายกันไปทำงาน เหลือแต่เขาคนเดียวที่อยู่ในห้องเงียบๆ นี่ แต่ก็ช่างเถอะเขาไม่ได้สนใจเพราะแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ดีกว่าการต้องมาทะเลาะกับใครบางคนตั้งแต่เช้า ถ้าเป็นอย่างนั้นการเลือกที่จะถอยออกคงเป็นการดีที่สุด เขาใช้โอกาสนี้มองไปรอบๆ ห้องที่เขาอยู่มันเป็นห้องที่กว้างมีของประดับมากมายแต่เขากลับคิดว่า


      มีอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป


      .


      .


      .


      เขามาถึงบริษัทช้ากว่าปกติก็จริงแต่ก็ไม่ได้เลยเวลาเข้างาน และถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์เจอมันที่เดินสวนมาพอดี


      "ทำไมถึงมาช้าล่ะ"


      "อะไรของนาย จะมาช้าหรือเร็วก็ไม่เกี่ยวกับนายทั้งนั้นล่ะ" คราวที่แล้วมาเร็วเกินไปมันก็ว่าว่าไม่จำเป็น คราวนี้จะบอกว่าอะไรอีก


      "อืม ดูท่าทางแล้ว....ไม่เป็นอะไรสินะ" มันพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเรื่อยๆ ก่อนจะเดินผ่านเขาไป


      "ห้ะ" เขากำลังจะให้มันพูดอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทันอีกฝ่ายเดินไปไกลแล้ว


      "อะไรของมัน" เขาเลิกให้ความสนใจแล้วเดินไปที่ห้องทำงานของตัวเอง


      "สวัสดีค่ะคุณซีน" เสียงเลขาของเขาที่นั่งอยู่หน้าห้องเอ่ยทักขึ้นมา


      "อืม หวัดดี"


      "เอ่อ คุณซีนคะ"


      "......"


      "เมื่อกี้คุณน้ำติดต่อมาบอกว่าถ้าคุณซีนมาแล้วให้ติดต่อกลับด้วยค่ะ"


      "อืม ได้เดี๋ยวโทรไปคุยกับมันเอง"


      "ค่ะ "


      เขาเดินเข้าไปในห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพบเบอร์ที่ไม่ได้รับหลายสาย เลยกดโทรกลับไปยังเบอร์ที่โทรมาครั้งล่าสุด


      'ไง~' เสียงกวนๆ ของมันดังขึ้นมาจากปลายสาย


      "ไงอะไรของมึง มีอะไรก็รีบว่ามา"


      'อารมณ์เสียไรแต่เช้าวะ'


      "ถ้าไม่มีอะไรกูจะวางแล้วนะ"


      'เดี๋ยวดิ นี่มึงยังไม่เล่าพวกกูฟังเลยนะว่าวันนั้นมึงหายไปไหนมา'


      "กูไม่ได้ไปไหน"


      'ถ้ามึงไม่ได้ไปไหน ธีคงไม่ถามหามึงให้ควักหรอก' ตามหาเขา พูดเรื่องอะไรของมัน หรือว่าจะหมายถึงตอนนั้น


      "ไม่มีไรกูแค่....ขับรถเล่นเท่านั้น"


      'แค่นั้น'


      "เออ แค่นั้น"


      'โธ่ กูคิดว่ามึงไปหาสาวที่ไหนซะอีก'


      "สาวพ่อมึงสิ"


      'ฮ่าๆ แล้วเที่ยงนี้ว่างมั้ยไปเจอกันที่เดิมเว้ยแค่นี้นะ' มันวางโทรศัพท์โดยไม่ฟังคำตอบจากเขา ถึงจะไม่ว่างก็คงต้องว่างแล้วสินะ


      เขาวางมือถือบนโต๊ะก่อนเอื้อมมือไปหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน มันคงเป็นเอกสารการประชุมของเมื่อเช้าที่เขาไม่ได้เข้า คงเป็นธีที่เอาเอกสารมาวางไว้ให้ เขาอ่านผ่านตารอบนึงก่อนจะวางลงตามเดิม


      สายตาก็เริ่มมองไปรอบๆ อีกครั้ง ตั้งแต่วันนั้นไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเขาก็อดที่จะเอาไปเปรียบเทียบไม่ได้ เปรียบเทียบกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ประดับ ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นถึงความแตกต่าง ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่นี่ก็ไม่มีทางที่จะให้ความรู้แบบนั้นได้ จะว่าไปน้ำชาที่ร้านนั้นก็.......


      'เกร็ก' เสียงเปิดประตูดังขึ้นเบาๆ แต่มันก็ฉุดความคิดเขาให้หันไปมองยังคนที่เข้ามาใหม่


      "คุณซีน พรุ่งนี้มีนัดกับคุณ.....เห็นว่าอยากคุยเรื่องที่ดินตรงส่วนที่ติดกับทะเลน่ะครับ"


      "อืมได้....."


      "มีอะไรงั้นหรอครับ"


      "ชา.....รู้จักร้านขายชาบ้างมั้ย"


      " ชางั้นหรอครับ "


      "ชาดอกไม้" กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ และรสที่ออกหวานเล็กน้อย มันเข้ากันได้ดี


      "แล้วผมจะหามาให้ครับ"


      "อืม"


      "ขอตัวก่อนนะครับ" จะเหมือนกับชาดอกไม้ในร้านนั้นมั้ยนะอดที่จะคาดหวังไม่ได้


      เวลาผ่านไปไม่นานประตูก็ถูกเปิดอีกครั้ง ธีเดินเข้ามาพร้อมถ้วยชาหนึ่งใบก่อนจะนำถ้วยชานั้นมาวางตรงหน้าเขา


      "ชาที่คุณซีนสั่งครับ"


      "ผมเลือกอันที่คนนิยม และขายดีที่สุดมา ถ้าคุณซีนไม่ถูกใจผมจะลองไปดูร้านอื่นให้" ธีอธิบายระหว่างที่เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาลองชิม


      "อืม"


      "เป็นไงบ้างครับ"


      "ก็ดี" แต่ไม่เหมือนกันชาอันนี้มันเข้มข้นกว่าสมเป็นชาราคาแพง แต่เพราะมันดีกว่าถึงไม่เหมือนกัน


      ไม่ถูกใจเหมือนร้านร้านนั้น


      "ถ้ายังไงให้ผมซื้อมาให้ใหม่ดีมั้ยครับ"


      "ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้ว"


      "นี่ ตอนเที่ยงวันนี้ไม่มีอะไรใช่มั้ย"


      "ครับ วันนี้ตั้งแต่ช่วงบ่ายคุณซีนไม่มีนัดครับ"


      "ฉันจะออกไปข้างนอกซะหน่อย "


      "ครับ ไปกับพวกคุณน้ำเหรอครับ"


      "อืม ใช่" เขานั่งทำงานอยู่ในห้องนั้นสักพัก


      เมื่อใกล้ถึงเวลานัดเขาก็ขับรถออกเพื่อไปเจอกับพวกมันที่ร้านอาหารที่ไปเป็นประจำ พอไปถึงก็พบว่าพวกมันมากันครบและกำลังนั่งรอเขาอยู่คนเดียว นี่พวกมันไม่มีอะไรทำกันสินะ


      "อ้าวมาแล้วเหรอวะ"


      "กว่าจะมาได้นะมึง" เชนท์และน้ำเอ่ยขึ้นมาเกือบพร้อมกัน


      "นี่มันเพิ่ง 11.00 น. พวกมึงมาไวกันไปมั้ย" คำทักทายของพวกมันทำให้เขาเหมือนเป็นคนเดียวที่มาไม่ตรงเวลา


      "เอาน่าๆ "


      "ว่าแต่มึงเหอะตกลงที่มึงหายไป แค่ขับรถเล่นจริงๆ หรอวะ" เชนท์คงได้ฟังที่เขาคุยกับไอ้น้ำมาบ้างแล้ว แต่ดูจากคำถามแล้วพวกมันคงไม่เชื่อที่เขาพูดเลยสินะ


      "ทำไม มึงมีปัญหาอะไรรึไง"


      "กูถามจริงแถวนี้มันน่าขับรถเล่นที่ไหนกัน"


      "เออรถติดจะตายห่า" น้ำพูดในเชิงเห็นด้วยกับเชนท์


      "ก็ มีอยู่ที่ๆ นึงไม่ค่อยมีคน บรรยากาศก็ดี" ก็จริงที่แถวนี้รถติดทุกเวลาแต่ช่วงเวลาทำงานมันก็ไม่เท่าไร และที่ๆ เจอก็เหมือนจะไม่ค่อยมีคนซะด้วย


      "งั้นหรอ ถ้าเป็นอย่างมึงว่าก็น่าสนใจดีนี่"


      "ว่าแต่อยู่แถวไหนวะ" เชนท์ถามด้วยท่าทีที่ดูสนใจเป็นพิเศษ


      "แถวนี้ๆ แหละ" เขาตอบไปแบบกว้างๆ ถ้าพวกมันรู้จะไม่เอาถนนเส้นนั้นไว้แข่งรถกันหรอกหรอ


      "ทำเป็นมีความลับนะมึง"


      "บอกมึงไปก็สร้างแต่ความวุ่นวายสิวะ"


      "ฮ่าๆ " ไอ้น้ำที่คิดเหมือนเขาก็หัวเราะขึ้นมาบ้าง


      "พวกมึงไม่เข้าข้างกูบ้างเลย" เชนท์โอดครวญ


      หลังจากที่พวกเรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนแยกย้ายกันกลับแต่เวลายังเหลืออีกชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะถึงเวลาเข้างาน เขาเลยตัดสินใจเดินเล่นแถวๆ นี้ไปก่อน พอเดินไปเรื่อยๆ เห็นกระถางดอกไม้วางเรียงกันอยู่ก็นึกขึ้นมาได้ ถนนเส้นนั้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้ยังมีร้านๆ นึงตั้งอยู่ด้วย


      เขามองเวลาอีกครั้งซึ่งตอนนี้ทั้งเข็มสั้นเข็มยาวชี้ที่เลขเดียวกัน 12.00 น. เขาเลยตัดสินใจเดินกลับไปยังที่จอดรถแล้วขับออกไป รถหรูสีแดงสดวิ่งเข้ามาในถนนเส้นเดิมที่มาในหลายวันก่อน มันเงียบแทบจะไม่มีรถสักคันวิ่งสวนมา


      ใช่เขาไปที่ร้านดอกไม้ร้านเดิมอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เขานำมันไปเปรียบเทียบกับที่อื่นบ่อยๆ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรในร้านนั้นที่ดึงดูดเขานัก


      หรือจะเป็นเพราะมันไม่เหมือนที่อื่นๆ ที่เคยไปบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายนี่ สงสัยที่ผ่านมานี้เขาคงอยู่ห่างจากธรรมชาติมากเกินไป


      "ยินดีต้อนรับครับ" รอยยิ้มถูกมอบให้พร้อมคำทักทาย รอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับคนพวกนั้นที่ดูเสแสร้งหรือเป็นการค้าเกินไป ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สบายใจขึ้นมาได้เช่นกัน


      เขาเพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ


      "มีดอกไม้อะไรที่อยากได้มั้ยครับ"


      "ขอแบบให้อยู่ได้นานๆ ดีกว่า"


      "คุณนำไปใส่แจกันงั้นหรอ" อีกฝ่ายทำหน้าแปลกใจ


      "ใช่เห็นมันสวยดี คนของผมดูจะชอบมันมาก" เขานึกถึงใบหน้าที่แดงระเรื่อนั่นขึ้นมา


      "อ่อครับ......รอสักครู่ นะครับ"


      ได้ยินอย่างนั้นเขาเลยเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเดิม ภายในร้านมีเพียงเจ้าของร้านคนเดียวดูท่าว่าวันนี้คงไม่มีพนักงานคนอื่นอีกแล้ว แต่ก็ดีแล้วร้านเงียบๆ แบบนี้แหละดี ถึงเวลาที่เหลืออยู่จะมีไม่มากแต่เขาก็เลือกที่เอนตัวลงบนเก้าอี้ไม้ถึงแม้จะแข็งไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้แย่อะไรเอามือมาผสานอยู่ตรงหน้าท้องแล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง


      .


      .


      .


      ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของร้าน วาริณที่จัดช่อดอกไม้เสร็จเรียบร้อย ก็หันกลับไปมองเห็นอีกฝ่ายนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ไม้ จึงไม่อยากเข้าไปรบกวนเลยปลีกตัวไปอยู่ด้านหลังร้าน


      ตั้งแต่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในใจของวาริณก็คิดเพียงแต่ 'ในที่สุด ในที่สุด เขาก็มาสักที' ซ้ำไปซ้ำมา


      ในตอนนี้เขาควรทำยังไงต่อไปดี จะให้จบเพียงเท่านี้แล้วรอวันที่อีกฝ่ายจะมาที่นี่อีกครั้ง หรือจะลองเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเผื่อจะมีโอกาสได้ลองพูดคุย


      ราวกับทุกอย่างเงียบลงเพื่อรอการตัดสินใจของเขา


      ตอนนี้ในร้านก็ไม่มีใครอยู่สักคน เด็กที่มาทำงานพิเศษก็มีเรียนภาคบ่ายกันหมดยิ่งอยู่ในช่วงใกล้สอบก็ต้องไปเรียนบ่อยขึ้น และเป็นเวลาเที่ยงวันคนส่วนใหญ่มักจะไปที่ร้านอาหารกันน้อยมากที่จะมีใครมาร้านดอกไม้ถ้าไม่มีการนัดหรือสั่งจองล่วงหน้า


      ในร้านจึงไม่มีลูกค้าเข้ามาเว้นก็แต่......เขามองไปยังคนที่นั่งอยู่อีกครั้ง


      ตอนนี้ในร้านมีเพียงพวกเขาสองคน


      วาริณเอามือมาทาบที่ตำแหน่งหัวใจอีกครั้งเพราะรู้สึกได้ว่ามันกำลังเต้นแรงขึ้นทุกทีที่รู้ว่าใครคนนั้นกำลังนั่งอยู่ในร้านของเขา เนื่องจากตอนนี้ในร้านก็ไม่มีพนักงานคนอื่น เขาจึงต้องรีบสงบสติให้เร็ว


      มือเอื้อมไปหยิบถ้วยชาและรินชาลงไปอย่างเบามือ เขานำมันไปเสิร์ฟที่โต๊ะตัวนั้นวางมันลงให้เกิดเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่แค่คนเพียงคนเดียว


      .


      .


      .


      ซีนขยับตัวเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ว่ามีใครเดินใกล้เข้ามา จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นเจ้าของร้านคนนั้นกำลังวางถ้วยชาลงตรงหน้าพอดี


      "ขอโทษครับ ผมทำให้คุณตื่นรึเปล่า"


      "เปล่าไม่ได้หลับแค่พักสายตาน่ะ"


      "อ่องั้นหรอครับ ถ้าอย่างนั้นขอผมนั่งด้วยได้มั้ยครับ" คำพูดเรียบนิ่งแต่เหมือนแฝงความหมายอะไรไว้ เขามองที่คนพูดอีกครั้งเพื่อความแน่ใจแต่คนที่ตัวสูงกว่าก็ได้จ้องมองมาที่เขา สายตาดูหนักแน่นเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรที่สำคัญ เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วรู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายอะไร


      "ได้สิ"


      "เอ่อ ผมชื่อ วาริณ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ...." วาริณ ดูภายนอกก็เหมือนผู้ชายธรรมดามีดีแค่ตัวสูงหน่อย ร่างหนาเหมือนคนออกกำลังกาย ถ้าสังเกตใบหน้าเขาชัดๆ จะรู้ว่าก็เป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ตาคมสวย ดวงตาเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติเหมือนสีผมของเจ้าตัว ผิดกับเขาที่เป็นสีออกแดง


      "ซีน " เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าคางและมองคนตรงหน้าก่อนตอบไป


      "เรียกผมว่า วา ก็ได้ ผมเห็นคุณมาร้านบ่อยเลยอยากทำความรู้จักดู" อีกฝ่ายพูดร่ายยาว เขาก็หันมาสบตากันพอดี


      "หึคุณคงไม่ได้ทำความรู้จักกับลูกค้าทุกคนหรอกนะ" ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงน่าขำ


      "ผมแค่แปลกใจที่เห็นคนแบบคุณมาที่แบบนี้"


      "ทำไมครับคนแบบผมนี่เป็นยังไง รสนิยมสูงๆ งั้นสิ"


      "ไม่ใช่แบบนั้น....."


      "เหรอครับ" อีกฝ่ายเหมือนไปต่อไม่ถูกเขาเลยเลิกคาดคั้น แต่ก็ไม่แปลกอะไรถ้าอีกฝ่ายจะคิดอย่างนั้นขนาดตัวเขาเองยังแปลกใจเลย


      "แล้วคุณว่าที่นี่มันดูเป็นยังไงบ้าง" อีกฝ่ายเป็นเจ้าของร้านคงอยากก็คงได้ความเห็นของลูกค้าเป็นธรรมดา เหตุผลนี้สินะถึงได้มานั่งพูดคุยกับเขา


      "ดี! ผมว่าลูกค้าคนอื่นคงชอบเหมือนกัน แต่มันห่างไกลผู้คนไปหน่อย น่าแปลกใจที่คุณมาเลือกตั้งร้านแถวนี้" เขาตอบไปตามตรง


      "บังเอิญน่ะครับ" ถึงอีกฝ่ายจะหัวเราะตอบกลับมา แต่เขาดูออกว่าต่อให้มีทำเลดีกว่านี้ ถึงมันทำให้มีลูกค้ามากขึ้นแต่อีกฝ่ายคงจะเลือกที่นี่อยู่ดี แต่แบบนั้นแหละดีเพราะมันเป็นสถานที่ที่ทำให้เขาถูกใจได้


      เขายกชาที่วางอยู่ขึ้นมาดื่มกลิ่นหอมของมัน ทำให้เขาเข้าใจอีกครั้งว่าสถานที่นี้เป็นยังไง


      "ชาที่นี่รสดี คุณทำเองหรอ"


      "ใช่ครับ ดีใจที่คุณชอบ" วาริณตอบกลับมาพร้อมส่งยิ้มให้เหมือนเคย


      "ทำไมคุณไม่ทำขายล่ะ"


      "น่าเสียดายนะครับแต่ ปริมาณมันคงไม่มากพอถ้าเราทำขาย" อีกฝ่ายตอบอย่างเสียดายแต่เขาก็เสียดายไม่แพ้อีกคนเหมือนกัน


      "อ่อ นั่นสินะเสียดายผมชอบชาที่นี่ซะด้วย บรรยากาศที่นี่ก็ดีไม่เหมือนที่อื่นเลย"เขาวางแก้วในมือลงก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ อีกครั้ง


      "ถ้าคุณชอบก็แวะมาบ่อยๆ นะครับ ร้านเรายินดีต้อนรับ" วาริณตอบกลับมาอย่างนั้น เข้าทางเขาพอดี


      "หึ คุณพูดเองนะ" คนตรงหน้าเหมือนจะพูดไปอย่างนั้นแต่เขาคิดจริง อีกฝ่ายจะกลับคำก็ไม่ได้แล้วด้วย


      "ครับแล้วผมจะเตรียมชาไว้ให้" รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นนั่นถูกส่งมาให้เขาอีกครั้ง


      เมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มงานในช่วงบ่ายเขาก็เตรียมตัวจะกลับ คำทักทายที่ได้ยินเป็นประจำเหมือนตอนที่เข้ามาก็ดังขึ้น


      "แล้วมาอีกนะครับ"


      "แน่นอนครับ" จากการที่แค่ทักทายธรรมดามาเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในบางเรื่อง สำหรับเขามันก็น่าสนุกดี


      to be continue.


      ..............................................................................................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2019 17:20:03 โดย tiwara »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
หากไม่ใช่.....รัก..... 05

 
      "สวัสดีครับคุณซีน" พนักงานต้อนรับในร้านเอ่ยขึ้นมาเขาเลยหันไปมอง
 
      "ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แวะมาเลยนะครับ"  ก็คงเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดช่วงนี้เขาติดอยู่กับแทนที่บ้านใหญ่ไม่ได้แวะมาดูร้านนานหลายวัน
 
      "อืม ถ้าที่ร้านมีปัญหาอะไรก็บอกธีเอาไว้" เขากำชับพนักงานในร้านเผื่อวันข้างหน้าเกิดปัญหาขึ้นมา "ได้ครับ"
 
      แต่ก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปในร้านกลับมีเสียงเรียกรั้งเอาไว้ "คุณซีนคะ"
 
      หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาเกาะที่แขนแน่นเหมือนกลัวเขาจะเดินหนี "ทำไม ช่วงนี้คุณซีนไม่ค่อยมาร้านเลยล่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ซีนมองอีกฝ่ายอีกครั้งก็พบว่าเป็นคนที่เขาเคยนอนด้วยสองสามครั้ง
 
      "ไม่ค่อยว่าง" น้ำเสียงเหมือนตอบแบบขอไปทีแต่กลับทำให้อีกฝ่ายพยามกอดแขนเขาแน่นขึ้นกว่าเก่า
 
      "สาวๆ หลายคนบ่นถึงคุณจะแย่" ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้เพราะรู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้ให้ความสำคัญหรืออะไร ความจริงแล้วจะทำเป็นไม่สนใจก็ได้แต่
 
      "หึ รวมถึงคุณด้วยรึเปล่า" จะเล่นด้วยสักหน่อยก็แล้วกัน
 
      "แน่นอนสิคะ" อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเอาใจ
 
      "ถ้าวันนี้คุณซีนยังไม่มีใคร" อีกฝ่ายเอื้อมมือมาลูบบริเวณอกเขาอย่างยั่วยวน ความจริงมันก็นานแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยสักที แต่ติดที่ว่าวันนี้เขา
 
      "เฮ้ยซีน มาแล้วทำไมไม่เข้าไปข้างใน" เพื่อนสนิทอุตส่าห์เดินมาต้อนรับราวกับเป็นร้านของตัวเอง เขาเมินไอ้เชนท์แล้วเบนสายตากลับมาที่คนตรงหน้าตามเดิม
 
      "อย่างที่เห็น ผมนัดเพื่อนไว้"
 
      "ไม่เป็นไรฉันรอได้ นี่ค่ะ" อีกฝ่ายมอบกระดาษสีขาวใบหนึ่งไว้ สิ่งที่เขียนข้างในคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ถ้าไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์
 
      "ฉันจะรอนะคะ"
 
      "หึ" เขาเก็บกระดาษใบนั้นลงในกระเป๋ากางเกง
 
      "ไว้เจอกันนะคะ" เธอพูดน้ำเสียงอ่อนหวานก่อนเดินจากไป
 
      "แหม นี่ขนาดมึงหายหน้าหายตาไปนาน ยังมีคนมาเสนอถึงที่"
 
      "มึงก็ลองหายไปมั่งสิ แบบหายไปเลยน่ะ"
 
      "ไม่เอาเว้ย แล้วนี่ไอ้น้ำยังไม่มาหรอ"
 
      "มันบอกว่าใกล้ถึงแล้ว" เขาเปิดโทรศัพท์เพื่ออ่านข้อความที่มันส่งมาอีกครั้ง
 
      "เออ ไปนั่งรอมันก่อนแล้วกัน"
 
      "มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูจะไปดูหลังร้านหน่อย" ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปนานเดี๋ยวในร้านจะไร้ระเบียบเกินไป
 
      "เออๆ โต๊ะเดิมใช่มั้ย" ไอ้เชนท์หันหลังกลับเดินเข้าไปในร้าน ก่อนที่เขาจะเดินตามก่อนจะแยกออกไปอีกทาง
 
      "อ้าวเฮีย ทำไมวันนี้เข้าร้านได้ล่ะ" หลังจากที่ไม่ได้เข้ามาดูแลร้านมาสักพักนึง ก็ได้ยินคำทักทายของผู้ช่วยในร้านที่กำลังแสดงอาการเหมือนกับว่าการมาที่นี่ของเขาเป็นอะไรที่ผิดปกติ
 
      "ก็ไม่ทำไม แค่คิดว่าคงถึงเวลาจะเอาคนออกสักคนสองคน"
 
      "ง่ะ อย่าล้อเล่นแบบนี้สิเฮีย" มันหัวเราะแห้งๆ แล้วรีบมาประจบเขาทันที
 
      "เฮียมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวผมไปหาไรให้ดื่มนะ"
 
      "ไม่ต้องเลยมึง กูจะมาคุยเรื่องงาน"
 
      "คร้าบบ" กูอยากจะบ้าตาย
 
      "ช่วงนี้กูคงจะไม่เข้ามาสักพัก ของอะไรขาดก็สั่งเข้าร้านได้เลย มีเรื่องอะไรติดต่อกูโดยตรง" ไม่ทันที่เขาจะพูดจบมันก็รีบขัดขึ้นมา
 
      "โธ่เฮียติดต่อยากจะตาย"
 
      "มึงก็โทรไปหาไอ้ธีแทนสิวะ" ไม่พูดเปล่าเอื้อมมือไปตบหัวมันสักที
 
      "ครับๆ " อีกฝ่ายก็ได้แต่ลูบหัวป้อยๆ จากนั้นเขาก็กำชับมันอีกสองสามอย่าง ก่อนจะมีพนักงานอีกคนเดินตรงเข้ามาหาเขาคงถึงเวลาที่คนที่นัดไว้อีกคนได้มาเดินทางถึง
 
      "คุณซีนครับ คุณน้ำมาถึงแล้ว"
 
      "เออเดี๋ยวกูไป"
 
      "พวกมึงเข้าใจกันดีแล้วสินะ" พอเห็นหน้าโล่งอกของพวกมันเขาก็ถามย้ำอีกครั้ง
 
      "โธ่ ไว้ใจพวกผมได้เลยครับ"
 
      "ให้จริงเถอะ" ตอนที่เดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้งกลับเห็นว่าที่โต๊ะตัวเดิมกลับมีใครที่ไม่ได้นัดไว้รวมอยู่ด้วย
 
      .
 
      .
 
      .
 
      (ก่อนหน้านั้น)
 
      "ไอ้น้ำช้าอีกแล้วนะมึง" เชนท์บ่นที่อีกคนมาถึงช้ากว่าเวลาที่นัดเอาไว้
 
      "รถติดว่ะ แล้วไอ้ซีนมาถึงรึยัง"
 
      "มาแล้ว มันไปดูร้านอยู่" ทิ้งให้เขาต้องนั่งอยู่คนเดียวตั้งนาน หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันได้สักพักก็เห็นคนคุ้นเคย มองซ้ายทีขวาทีเหมือนกับกำลังหาใครสักคน "นั่นมันไอ้ธี นี่หว่า"
 
      "เออ แล้วไงมันไม่ได้มากับซีนหรอวะ" อีกฝ่ายพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เจ้านายอยู่ที่ไหนลูกน้องอยู่ที่นั่น ก็ถูกแล้ว
 
      "ป่าว วันนี้ไอ้ซีนมาคนเดียว" เห็นมาว่างั้น
 
      และเหมือนคนที่โดนพูดถึงอยู่จะได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกันเลยเดินตรงเข้ามาหาและเดาได้เลยว่าประโยคแรกคงไม่พ้นถามถึงเจ้านายตัวเอง "คุณซีนไม่ได้อยู่กับพวกคุณหรอครับ"
 
      "มันไปดูหลังร้าน" เชนท์พูดไม่ทันจบประโยคสายตาธีเหลือบไปด้านข้างเหมือนส่งสัญญาณบางอย่าง คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายก็ปลีกตัวออกไปทางหลังร้านทันที
 
     "พวกคุณไม่ได้นัดคนอื่นมาด้วยใช่มั้ย" น้ำเสียงนั้นถามอย่างร้อนรนแต่ไม่ทันที่คนตรงหน้าจะได้คำตอบอะไร

     "มีอะไร รึไงธี" ซีนก็เดินเข้ามาพอดีอีกฝ่ายยังคงแปลกใจที่เห็นคนติดตามของตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ เลยเอ่ยถามออกมา
 
      "เอ่อ คือไม่มีอะไรครับ" โกหก คนนอกยังดูออกไม่มีอะไรที่ไหนดูลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ เชนท์หันหน้ามามองทางน้ำพร้อมยักไหล่เหมือนรับรู้กันอยู่สองคน
 
      "ถ้านายไม่กลับบ้านอีกคน แทนได้มาบ่นทีหลังแน่ๆ เลย" ซีนพูดเมื่อนึกถึงคนที่ต้องทานข้าวคนเดียวขึ้นมา
 
      "งั้น คุณซีนจะกลับเลยมั้ยครับ" อีกฝ่ายที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบตอบกลับอย่างกระตือรือร้น
 
      "ทำไม " ซีนรู้สึกแปลกใจเหมือนอีกฝ่ายต้องการให้เขารีบกลับ แต่คำตอบที่ได้กลับสร้างความไม่พอใจให้คนตรงหน้า
 
      "ไม่มีอะไรครับ" สายตาของซีนเริ่มเปลี่ยนไปเพราะรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังพยามปิดบัง สิ่งที่เกลียดมาจนถึงทุกวันนี้คือการต้องคอยทำตามคำสั่งของมันโดยที่ไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
 
      "นายต่างหากที่ควรกลับ" น้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้นมาจนธีได้แต่เป็นฝ่ายก้มหน้าก้มตาเงียบลงไป
 
      ในตอนนี้สถานการณ์ดูน่าอึดอัด คนหนึ่งก็จะคาดคั้นคำตอบในขณะที่อีกคนก็ปิดปากเงียบไม่ยอมตอบอะไร แต่ความเงียบนี้ก็อยู่ได้ไม่นานนักเมื่อมีเงาของใครบางคนที่คอยเฝ้าสังเกตมาตั้งแต่ต้นเริ่มใกล้เข้ามา
 
      "หึ จะรีบไปไหนกันทำไม" น้ำเสียงทุ้มต่ำดังแทรกขึ้น บรรยากาศรอบข้างก็ดูเย็นยะเยือกขึ้นทันที
 
      หลังจากนั้นก็สัมผัสได้ว่ามีคนเดินมาแทรกกลางระหว่างเขาและธี "อยู่ด้วยกันก่อนสิ" น้ำเสียงเอ่ยอย่างหยอกล้อ วงแขนกว้างโอบไหล่เขาและธีพร้อมกัน เมื่อหันไปมองตรงๆ ก็พบชายร่างสูงใหญ่เส้นผมสีดำสนิทบวกกับแววตาที่ดูเย็นชานั่นมันเหมือนกำลังดูถูกทุกคนที่เข้าใกล้ผิดกับคำพูดที่ดูเป็นกันเอง
 
      "ฟรานซิส" เขาจำได้ทันทีที่เห็นแววตานั่น แต่ที่สำคัญทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้
 
      "ไง เพื่อนของฉันคงไม่ได้ส่งนายมาเพื่อต้อนรับใช่มั้ย" มันไม่ได้สนใจเขาแต่แววตาเย็นชานั้นกลับหันไปมองคนติดตามของเขาแทน
 
      "หึ จะกลัวอะไรคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น" กลัวถ้าอย่างนั้นคนที่ส่งธีมาก็คงเป็น
 
      "ผมแค่ทำตามคำสั่ง" ธีแสดงท่าทางเป็นกังวลกว่าเดิม และแล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะขึ้นมา คนที่อยู่บริเวณนั้นรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ บรรยากาศน่าอึดอัดตรงหน้าใกล้จะจบลงแล้ว
 
      "ขอตัวครับ" ธีบอกก่อนจะเดินหลีกออกไป
 
      ธีรีบเดินให้พ้นจากบริเวณนั้นจนมาไกลพอสมควรในตอนที่กำลังจะกดรับอยู่ๆ ข้อมือเขาก็โดนยึดเอาไว้ ร่างสูงที่เดินตามมาตั้งแต่แรกคว้าเอาโทรศัพท์ในมืออีกฝ่ายมาแล้วเดินกลับไปส่งให้เจ้านายตัวเองเพื่อกดรับสายแทน ราวกับรู้ว่าปลายสายนั้นเป็นใคร
 
      "อึก!! ......." ธีพยามจะสกัดไว้ แต่เมื่อรู้ว่าเจ้านายอีกฝ่ายเป็นใครก็กลับไปเงียบตามเดิม
 
      "นี่หรอวิธีต้อนรับเพื่อนที่ไม่ได้เจอมานานของมึงน่ะ ซิลเวอร์" ฟรานซิสพูดเน้นย้ำทีละคำ
 
      'ถ้ากูไปได้ กูไปแน่ฟรานซ์' ปลายสายเสียงสั่นราวกับอดกลั้นอารมณ์โกรธไว้
 
      "ฮ่าๆ ไม่เอาน่ากูไม่ทำอะไรน้องมึงหรอก กูรับปากไว้แล้วนี่" ฟรานซิสพูดเสียงเบาเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสิบก้าวได้ยิน
 
      '....'
 
      "นี่มึงยังไม่เชื่อใจกันอีกรึไง"
 
      'คำว่าเชื่อใจทำร้ายกูมากขนาดไหนมึงอาจจะยังไม่รู้'น้ำเสียงฟังดูเจ็บปวดดังลอดออกมา
 
      "จะให้บอกอีกกี่ที ซีนก็เหมือนกับน้องกู และอีกอย่างกูสนิทกับมันมากกว่ามึงอีกซิล" ฟรานซิสเริ่มไม่พอใจอีกฝ่ายจะทำตัวหวงก้างไปถึงไหน
 
      'ครอบครัวกูกูปกป้องเองได้ สิ่งที่กูควรทำคือให้ซีนอยู่ให้ห่างจากตัวอันตรายอย่างมึง'
 
      เมื่อปลายสายวางหูไป ฟรานซิสก็ได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีเวลาที่เขามาหาซีนทีไรอีกฝ่ายจะคอยขัดขวางตลอด
 
      "เอาไป" ฟรานซิสส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของก่อนจะเดินกลับไปทิศทางเดิม
 
      "เฮียฟรานซ์ กลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย" เสียงของเชนท์เอ่ยทักอย่างอารมณ์ดีราวกับดีใจกับการกลับมาครั้งนี้ของเขา ต่างกับอีกคนที่นั่งมองมาด้วยแววตาไม่พอใจ
 
      "อะไรกัน กลับมาทั้งทีช่วยแสดงอาการดีใจหน่อยได้มั้ย" ฟรานซิสไม่พูดเปล่าเดินเข้ามานั่งใกล้ซีนที่เหมือนจงใจเว้นว่างเอาไว้
 
      "หึ หายหัวไปตั้งนานแล้วยังมาพูดดี"
 
      "น่าพอดีช่วงนั้นมีปัญหานิดหน่อย" น้ำเสียงและแววตาดูอ่อนลง
 
      "...."
 
      "เคลียร์ได้แล้วถึงกลับมาไงล่ะ"
 
     "อืม" ซีนสบตาอีกฝ่ายเมื่อเห็นสายตาที่ไร้ความกังวลนั่นก็ทำให้เข้าใจสิ่งที่คนข้างกายต้องการจะสื่อ คงจะไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาจะยอมเข้าใจก็ได้
 
      กับฟรานซิสแล้วพวกเขาก็รู้จักกันมานานทั้งอีกฝ่ายยังใส่ใจเขามากกว่าพี่ชายแท้ๆ ซะอีก ไม่รู้ว่าธีจะกังวลอะไรนักหนาซีนได้แต่นึกในใจ แต่กลับไม่รู้ว่าคนที่กังวลจริงๆ แล้วไม่ใช่ธีแต่เป็นคนที่ตัวเองเกลียดต่างหากที่กังวลจนร้อนรน
 
      ซีนนั่งพูดคุยกับพวกนั้นจนถึงค่อนคืน ขณะตอนที่กำลังจะกลับก็มีคนเดินเข้ามาคล้องที่แขนเขา
 
      "คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วหรอคะ" เขาจ้องมองอีกฝ่ายชัดๆ เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่ให้เบอร์เขาไว้ หึ ถ้าอีกฝ่ายจะตั้งใจเข้าหาขนาดนี้จะปฏิเสธได้ยังไง
 
      เขาพาเธอมาที่โรงแรมที่เขากับมันเป็นเจ้าของอยู่ ถ้าพาไปคอนโดละก็อาจจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลังเขาเลยตัดสินใจมาจบลงที่นี่ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเดินควงแขนเขามาตลอดทาง พอเข้าไปในห้องได้ไม่นานไม่มีเวลาเพียงพอให้พักด้วยซ้ำ การฆ่าเวลาระหว่างเขากับเธอก็เริ่มต้นขึ้น
 
      เธอเป็นฝ่ายผลักดันเขาไปที่เตียง ซึ่งเขาก็ยอมล้มตัวลงแต่โดยดี ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายทาบทับมา เห็นชัดว่าเธอต้องการเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนเขาก็ไม่ว่าอะไรแค่อีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ก็พอ ช่วงเวลาที่เธอโอบรัดรอบคอของเขา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่เราต่างก็คุ้นเคยกันดีลอยฟุ้งออกมา มันมีกลิ่นหอมสมกับราคาที่มันเกินจริงต่างกับกลิ่นดอกไม้ที่เขาได้สัมผัสก่อนหน้านี้มันช่างเบาบางกว่ามาก เขาลองเข้าไปใกล้ซอกคอของอีกฝ่ายมากขึ้น ทำให้เห็นถึงความแตกต่างชัดเจนในขณะที่อีกฝ่ายก็ขยับร่างกายเร็วขึ้นเรื่อยๆ
 
      เขาเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นเรื่องบนเตียง ถ้ากลับตอนนี้ยังทันเขาเดินออกจากห้องไป ใช่ว่าเขาจะทิ้งคนที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนอย่างไม่ไยดี ก่อนจะขับรถกลับเขาก็ให้คนคอยดูแลเธออย่างดีเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ถ้าต้องการอะไรให้จัดหาให้เลย
 
      เขาขับรถกลับมาที่บ้านอีกครั้งเห็นไฟที่ห้องรับแขกยังไม่ปิดก็นึกแปลกใจ เขาพบใครบางคนนอนอยู่ที่โซฟา แวบแรกนึกว่าแทนมารอเขาแต่คงไม่ใช่เพราะยังมีใครอีกคนที่ไม่ยอมกลับเหมือนกัน
 
      "แทนตื่นเถอะ ทำไมไม่ไปนอนข้างบน"
 
      "พี่ซีน......หรอ"
 
      "ไปนอนเถอะ"
 
      อีกฝ่ายลุกขึ้นมา ขยี้ดวงตาเล็กน้อยก่อนจะมองมาที่เขาอีกครั้ง
 
      "พี่ มาคนเดียว...."
 
      "ใช่ วันนี้มันคงไม่กลับแล้ว"
 
      "อ่า.......งั้นหรอครับ"
 
      "มารอมันมีเรื่องอะไรรึไง" เขาถามพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ
 
      "เปล่า ไม่ใช่สำคัญอะไร"
 
      "......."
 
      "ว่าแต่พี่ซีนไปทำอะไรมา" สายตาเศร้าหมองเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นแววตากดดันทันที
 
      "ก็ไปดื่มมา บอกไปแล้วนี่กะว่าจะไม่กลับอยู่แล้วแต่คิดว่าเราคงนอนเฝ้าบ้านคนเดียวพี่ถึงรีบมาหรอกนะ"
 
      "อ่ะ...อย่างนั้นหรอครับ" เห็นอีกฝ่ายทำหน้าสำนึกผิด แล้วอดขำไม่ได้
 
      "ดึกป่านนี้แล้ว ไปนอนเถอะถ้าพรุ่งนี้ไปสายโทษพี่ไม่ได้นะ"
 
      "ครับ" อีกฝ่ายหันมองประตูที่เปิดอยู่อีกครั้งก่อนตัดสินใจเดินขึ้นห้องไป เขาก็เดินตามอีกฝ่ายไปไม่ได้สนใจสักนิดว่ามันไปทำอะไรที่ไหน และตอนนี้เขาอยากจะพักผ่อนมากกว่าสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง
 
      เขาหลับตาลงกลิ่นที่ติดปลายจมูกไม่ใช่น้ำหอมของผู้หญิงคนนั้นแต่กลับเป็นกลิ่นดอกไม้ที่อยู่ในร้านนั้น เขาได้แต่นึกหาเหตุผลว่าทำไม วันถัดมาเขาจึงต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นดอกไม้จากที่นั่นจริงๆ และเขาเองก็อยากได้ดอกไม้อีกสักช่อมาวางไว้ในห้องนอนมันคงให้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย
 
      "ยินดีต้อนรับค่ะ" คราวนี้เป็นพนักงานผู้หญิงมาเอ่ยต้อนรับ
 
      "ครับ" เขาตอบกลับไปพออีกฝ่ายเงยหน้ามาสบตาเขาก็ดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด
 
      "คนๆ นั้นนี่ เพล้ง" เธอพูดออกมาก่อนจะทำถาดในมือหล่นจนเกิดเสียงดัง
 
      "ขอโทษด้วยค่ะ"
 
      "เป็นอะไรรึเปล่า" เจ้าของร้านคนนั้นก็เดินออกจากห้องเก็บของเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
 
      "เอ่อ ย ยินดีต้อนรับครับ คุณซีน" ทำไมอีกฝ่ายเห็นเขาทีไรจะดูแปลกใจทุกที คนอย่างเขามาร้านแบบนี้ไม่ได้รึไง
 
      "ครับ ผมอยากได้ดอกไม้ซักช่อ"เขาตอบรับอีกครั้ง
 
      "รอสักครู่นะครับ" วาริณหันไปสั่งงานคนในร้านที่เหลือก่อนจะกลับมายืนที่หน้าเคาน์เตอร์"อยากได้แบบไหนครับ"
 
      "อะไรก็ได้"
 
      "ครับ......."
 
      "มีอะไรงั้นหรอ"
 
      "คุณซีนไม่จำเป็นต้องซื้อดอกไม้ทุกครั้งที่มาก็ได้นะครับ"
 
      "มาได้เท่าที่คุณอยากมา" พออีกฝ่ายพูดมาอย่างนั้นเขาเลยรู้สึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้มาร้านนี้บ่อยๆ
 
      "ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน" เขาเลยตอบอีกฝ่ายไปแบบนั้น
 
      "ครับ" คนตรงหน้ายิ้มตอบกลับมา ระหว่างที่รออีกฝ่ายจัดดอกไม้เขาก็ไปนั่งรอที่เดิมและมีพนักงานมาเสิร์ฟชาให้เหมือนเคยแต่จะแตกต่างกันตรงภายในร้านไม่ได้มีแค่เขากับวาริณแต่มีคนอื่นอยู่อีก 2-3 คน
 
      "เอ่อ พี่ชื่อซีนหรอคะ เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะคะ"
 
      "ไม่เป็นไร"
 
      "เอ่อคือหนูชื่อน้ำหวานค่ะ แล้วคนตรงนู้นชื่อกล้า กับ ไม้ค่ะ เป็นพนักงานที่ร้านนี้ฝากตัวด้วยนะคะ"
 
      "หึหึ ครับพี่เองก็ฝากตัวด้วยนะ" พนักงานตรงหน้าเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองชวนให้นึกถึงวันแรกที่เขาพูดคุยกับเจ้าของร้านขึ้นมา รู้สึกจะชื่อ วาริณ สินะ
 
      พอกล้ากับไม้เห็นเขาพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับน้ำหวานก็แวะเวียนมาพูดคุยที่โต๊ะเขาทีละคน แทนที่จะได้นั่งเงียบๆ เหมือนเคยแต่การพูดคุยเล่นแบบนี้ไม่มีเรื่องธุรกิจมาข้องเกี่ยวก็ทำให้เขาสบายใจได้เหมือนกัน
 
      "พี่ซีนเองก็เรียนจบจากที่นั่นหรอครับ"
 
      "ใช่จะว่าไปอาจารย์คนนั้นยังสอนอยู่มั้ยนะ สมัยพี่โดนทำโทษเป็นประจำ"
 
      "นี่เลยครับ ไอ้ไม้โดนบ่อยสุดแล้ว"
 
      "ถ้างั้นพี่ซีนก็อายุน้อยว่าพี่วาน่ะสิครับ" เขาเล่าให้ฟังว่าเรียนจบมาสองสามปี แต่อีกฝ่ายเขาไม่รู้
 
      "อย่างงั้นหรอ งั้นผมต้องเรียกคุณว่าพี่วาด้วยมั้ยล่ะครับ" เขารู้สึกสนุกที่ได้พูดคุยเรื่องเก่าๆ กับเด็กที่นี่เลยเผลอไปพูดเล่นกับคนที่เดินเข้ามาใหม่แทน
 
      "เรียกแค่ วา ก็พอครับ" อีกฝ่ายดูขำๆ ที่เห็นเขาพูดอย่างนั้น
 
      "พอดีเห็นคุณดื่มแต่น้ำชา" วาริณเอาจานขนมมาวางที่ตรงหน้าเขา
 
      "ผมไม่ค่อยทานของหวานเท่าไร"
 
      "งั้นหรอครับ แต่คุกกี้ที่นี่ไม่ค่อยหวานเท่าไรถ้ายังไงคุณลองทานดู....." เห็นอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นเขาเลยหยิบมันขึ้นมาทานสักชิ้น
 
      "อืมจริงด้วยไม่หวานเท่าไร อร่อยดีนะครับ"
 
      "ดีจังที่คุณชอบ" ไม่ว่าเขาจะชอบอะไร อีกฝ่ายก็พูดแบบเดิมทุกครั้ง อีกฝ่ายคงเป็นประเภทใส่ใจคนอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน "ขอบคุณครับ"
 
      เนื่องจากประชุมตอนเย็นมีเกิดปัญหาขึ้นมากว่าจะพูดคุยตัดสินใจกันได้ก็เป็นระยะเวลานาน กว่าเขาจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาล่วงเลยอาหารเย็นไป แต่ก็พบบางคนมานั่งรอที่โต๊ะรับแขกเหมือนเมื่อวาน
 
      "มารอพี่รึไง" เขาพูดไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่ก็รู้คำตอบดี
 
      "พี่ซีนกลับมาแล้วหรอ"
 
      "ใช่ แต่มันคงยังไม่กลับหรอก" พอมีปัญหาเกิดขึ้นถึงแม้จะคลี่คลายได้แล้วแต่ซิลเวอร์ยังคงยึดติดกับปัญหาที่ไม่ควรจะเกิดอยู่ดี "ไม่กลับมาได้เลยก็ดี"
 
      "โธ่ พี่ซีนอ่ะ"
 
      "พี่พูดจริงนี่" คนแบบนั้นน่ะปล่อยให้จมอยู่กับงานไปเถอะ
 
      "ไปครับๆ เดี๋ยวผมไปทานข้าวเป็นเพื่อน" แทนดันหลังเขาให้เดินไปที่ห้องทานอาหาร ก่อนจะพูดไม่เข้าเรื่องอีก
 
      พอตอนสามสี่ทุ่มเขาเดินลงไปข้างล่างอีกครั้งเพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเขาวางช่อดอกไม้ทิ้งไว้บนรถและลืมหยิบมันขึ้นมา แต่เดินลงบันไดไปได้ไม่กี่ขั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นมาจากชั้นล่าง เขาเอื้อมมือไปจับราวบันไดก่อนก้มลงไปดู ในแสงที่สลัวเขาเห็นร่างบางยืนอยู่คนเดียว ขณะที่จะส่งเสียงเรียกออกไปก็มีเสียงทุ้มต่ำอีกเสียงดังแทรกขึ้นมา
 
      "เรื่องอะไรที่เธอจะคุย" เงาของอีกคนเข้ามาอยู่ภายใต้แสงไฟเขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
 
      "เอ่อ....คือว่ามันใกล้จะถึงวันเกิดผมแล้ว"
 
      "อ่างั้นหรอ.......อะไรล่ะที่เธออยากจะได้"
 
      "คุณรับปากมาก่อนได้มั้ย....ว่าจะให้"
 
      "ไม่ว่าผมจะขออะไร คุณตกลงนะ"
 
      "ได้" อีกฝ่ายตอบรับอย่างง่ายๆ ราวกับจะสื่อว่าไม่มีอะไรที่หามาไม่ได้ บทสนทนาสั้นๆ เข้ามาในระยะการได้ยินของเขา อาจจะไม่ชัดเจนแต่ก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร
 
      แค่เพียงเท่านั้นเขาก็เดินจากมาโดยไม่ได้ฟังว่าทั้งสองคนจะพูดคุยอะไรกันต่อหรือไม่ วันเกิดงั้นหรอกับเรื่องแค่นี้ทำไมถึงต้องไปขอกับคนอย่างหมอนั่นด้วยในเมื่อเขายินดีจะซื้อให้ไม่ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
 
      นอกเสียจากจะเป็นอะไรที่ไม่สามารถจะให้แทนกันได้ แล้วมันคืออะไรกันล่ะ เขามัวแต่คิดเรื่องนั้นจนโดยลืมซะสนิทว่าตัวเองจะลงไปข้างล่างทำไม

 
      to be continue.

      ..............................................................................

      ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :-[
 
 
 
 
 
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2019 17:51:51 โดย tiwara »

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
หากไม่ใช่.....รัก..... 06


      หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่เขาก็ยังเก็บตัวในห้องทำงานที่เงียบสนิทเพื่อใช้คิดอะไรบางอย่าง ในวันสำคัญที่ใกล้จะมาถึงของขวัญสำหรับอีกฝ่ายเขาควรจะมอบสิ่งใดให้ดี ที่จะพอทำให้อีกฝ่ายพอใจได้มากกว่าของที่ได้รับจากมัน

      "คุณซีน กำลังคิดอะไรอยู่หรอครับ" ธีเดินเข้ามาเห็นอีกฝ่ายกำลังกุมขมับเลยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป คนตรงหน้าเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามาใกล้จึงเงยหน้าขึ้นไปมอง "ธี มาตั้งแต่เมื่อไร"

      "สักพักแล้วครับ"

      "วันเกิดแทน นายจะซื้ออะไร" มันคงไม่ดีถ้าจะซื้อของอย่างเดียวกัน

      "ผมซื้อไว้แล้วครับ เป็นขนมจากญี่ปุ่นคราวก่อนเห็นคุณแทนชมว่าอร่อย"

      "ขนมหรอ" เป็นสิ่งแรกเลยที่เขาไม่คิดจะซื้อมันน่าจะมีอะไรที่น่าจดจำมากกว่านั้น

      "แล้วคุณซีนล่ะ"

      "ยังไม่รู้เลยนายช่วยคิดทีสิ" ซีนลองถามความเห็นจากคนติดตามที่ใกล้ชิดแทนรักไม่น้อยไปกว่าเขา

      "ไม่ไหวล่ะมั้งครับ แล้วเมื่อตอนคุณซีนอายุเท่ากับคุณแทน มีอะไรที่อยากได้ที่สุดล่ะครับ" อายุที่ห่างกันทำให้ธีไม่รู้จะตอบอะไรเลยย้อนคำถามเดิมไปให้อีกคนแทน

      คิดว่าเขาเป็นเด็กอยู่รึไง ซีนคิดในใจแต่พอมองย้อนไปตอนที่อายุเท่านั้นเขากลับหาไม่เจอ

      ".....ไม่มี ตอนนั้นฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น" ครั้งสุดท้ายที่ได้รับของขวัญคงเป็นตอนที่มันยังไม่เปลี่ยนไป จากนั้นปีถัดมาสิ่งที่ขอคงเป็น

      ขอให้มันกลับไปเป็นคนเดิม หึตลกชะมัด

      สีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่ายทำให้ธีต้องพยามเปลี่ยนเรื่องพูดคุย "......ช่วงนี้คุณซีนมัวแต่ทำงาน ลองเปลี่ยนสถานที่ดูน่าจะคิดอะไรออกบ้างนะครับ"

      "............นั่นสินะ" เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ได้คำตอบวันนี้เลยตัดใจไปที่ๆ หนึ่งแทน

      รถวิ่งด้วยความเร็วและหลบหลีกอย่างชำนาญ เพราะเส้นทางแถวนี้เป็นทางที่เคยผ่านมาแล้วหลายครั้ง รถสีแดงที่วิ่งมาดูตัดกับต้นไม้สีเขียวที่ขึ้นเต็มสองฝั่งทาง

      ถ้าไม่ใช่ว่าแทนเคยบอกไม่อยากได้เขาคงจะซื้อรถให้ซักคันไปแล้ว

      พอมาปีนี้ไม่รู้ทำไมการหาของขวัญให้อีกฝ่ายถึงเป็นเรื่องยากขึ้นมา

      อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายเอ่ยขอของขวัญจากมันแทนที่จะเป็นเขา ความคิดที่อยากจะให้ของที่ดีกว่ามันก็เข้ามาเผื่อแทนจะเลิกคาดหวังอะไรจากคนแบบนั้นซักที

      เขาจอดรถตรงที่ประจำและเดินเข้าไปในร้านอย่างคุ้นเคย ร้านที่เงียบสงบก่อนหน้านี้ถูกทำลายด้วยเสียงๆ หนึ่งที่กำลังร้องเรียกชื่อเขา

      "พี่ซีน!! " เสียงของเด็กผู้หญิงตะโกนขึ้นมา

      'น้ำหวาน'

      "ทำไมหายไปนานเลยล่ะคะ" ประโยคที่เขาเคยได้ยินบ่อยๆ จากคนที่เคยพบเจอ แต่ในครั้งนี้กลับมีความแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ในตอนนั้นคนพูดนอกจากความคิดถึงที่สื่อออกมายังมีความต้องการแฝงอยู่ในนั้น แต่กับเด็กพวกนี้คงมีแต่ความคิดถึงที่เขาสัมผัสได้

      "พอดีพี่มีธุระนิดหน่อย"

      "ถ้าอย่างนั้นพี่นั่งรอก่อนนะคะเดี๋ยวจะเอาน้ำชามาเสิร์ฟให้"

      "รบกวนหน่อยนะ"

      รอเพียงไม่นานน้ำชาก็ถูกนำมาวางตรงหน้าทุกอย่างในร้านดูเหมือนเดิม แต่มีบางอย่างที่ดูแปลกไป....คงเป็นเพราะใครบางคนในร้านหายไปพร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

      "พี่ซีนดูเครียดๆ นะคะ" น้ำหวานถามขึ้นเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าถามเขา

      "พี่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย"

      "พี่รู้มั้ยว่าวันถัดมามีผู้หญิงสวยๆ มาถามหาพี่ด้วย" กล้าที่เห็นเขาก็รีบวิ่งถลันเข้ามาหา

      "หึหึ งั้นหรอ" เขาขำกับความกระตือรือร้นเหล่านี้ "แล้วเราตอบไปว่ายังไงล่ะ"

      "บอกไปว่าไม่รู้ แต่ถ้าอยากเจอก็ให้มาที่ร้านบ่อยๆ " ใช้เขาเป็นตัวเรียกลูกค้าหรอเนี่ย

      "แล้วไงมีคนมามั้ย"

      "น้อยไปสิมานั่งเฝ้าเช้ายันเย็นเลยล่ะ" เขาฟังกล้าเล่าอย่างตั้งใจ รู้สึกเหมือนกับว่าเด็กพวกนี้กำลังให้ความสำคัญกับเขาเหมือนพี่น้อง เขานั่งคุยกับเด็กๆ ในร้านสักพักก่อนจะขอตัวไปสูบบุหรี่สักมวน

      "กล้ามีที่ไหนพอจะสูบได้ไหม" เขาชูซองบุหรี่ที่เพิ่งได้เป็นของฝากมา

      "หลังร้านเลยครับพี่ซีน" เขาเดินตามกล้าไปจนถึงหน้าประตู

      จะว่าไป เขายังไม่เจอเจ้าของร้านคนนั้นเลยปกติจะเห็นอีกฝ่ายกำลังจัดดอกไม้อยู่ทุกครั้ง เขาผลักบานประตูออกไปลมเย็นๆ ปะทะเข้าใบหน้าทำให้เผลอหลับตาลง พอลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาจุดบุหรี่ในมือก่อนจะนำขึ้นมาสูบ สายตายังคงสังเกตสิ่งที่อยู่ภายนอกร้าน มองออกไปไกลๆ เห็นเพียงแต่ต้นไม้กับรั้วสูงรายล้อมอยู่

      แล้วสายตาก็มาสะดุดกับสิ่งแปลกปลอมข้างกายที่เขามองข้ามไป เขาพบคนผู้หนึ่งกำลังนอนคอพับตรงม้านั่ง จากนั่นก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกไป

      "น่าอิจฉาจัง ที่ได้นอนพักสบายๆ แบบนี้" ใช่ วาริณเจ้าของร้านดอกไม้คนนั้นกำลังนั่งหลับอยู่ที่ด้านหลังร้าน เขาเลือกที่จะยืนพิงกำแพงแทนที่จะลงไปนั่งที่ม้านั่งด้วยกัน เป็นเพราะอีกฝ่ายนำกีตาร์มาวางไว้ข้างตัวก่อนหลับไป เขาเบนสายตากลับมองไปยังเบื้องหน้าอีกครั้งพอมองผ่านรั้วขาวไปก็พบท้องฟ้าสีครามตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อนเป็นภาพที่ชวนมองจนยากจะละสายตาไป เขายกบุหรี่ในมือขึ้นมาสูบอีกครั้งจนมันใกล้จะหมดมวนคนข้างๆ ก็เหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมา

      "ผมทำให้คุณตื่นรึเปล่า" ถึงแม้เขาจะไม่ทำเสียงดังรบกวนแต่อาจจะเป็นเพราะกลิ่นควันจากบุหรี่นี่ก็ได้

      "เปล่า เปล่าครับ" ซีนไม่เข้าใจทำไมวาริณเจอเขาทีไรทำหน้าตกใจทุกทีราวกับการที่เขามายืนตรงหน้านั้นอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงความฝันไม่ใช่เรื่องจริง

      อีกฝ่ายดึงกีตาร์ของตัวเองหลบไปอยู่อีกด้านทำให้มีที่พอจะนั่งสำหรับอีกคน เขามองที่กีตาร์ตัวนั้นอีกครั้งก่อนจะนั่งข้างๆ วาริณ

      "คุณวา เล่นกีตาร์ด้วยหรือครับ"

      "อ่าใช่ครับ พอดีช่วงนี้ว่างๆ " อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

      กีตาร์งั้นเหรอ

      ความจริงแทนเองก็ดูเหมือนจะชอบเล่นเครื่องดนตรีพวกนี้อยู่เหมือนกัน จะว่าไปก็เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่แทนเคยแอบเข้ามาที่ร้านเขาทั้งๆ ที่อายุไม่ถึงเกณฑ์เพื่อมาขอเรียนดนตรีกับคนในร้านที่เขาจ้างมา แต่ช่วงนั้นแทนติดสอบเข้ามหาลัยเลยต้องพักไว้ก่อนเขาเองก็ลืมไปแล้ว

      เขาคิดทบทวนอีกครั้งก่อนจะตัดสินอะไรบางเรื่องในใจ

      "ถ้าผมมีเรื่องอยากรบกวนคุณบางเรื่อง"

      "ครับ? " อีกฝ่ายมองมาที่เขาก่อนจะสังเกตเห็นสายตาที่จ้องมองของบางอย่าง

      "คุณซีนสนใจนี่หรือครับ" วาริณยกกีตาร์มาไว้ทางเขา

      "ผมว่าจะซื้อมันให้เป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ.....แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไร เลยอยากให้คุณช่วยเลือก"

      "ได้สิครับ" ในขณะที่เขายังพูดไม่จบอีกฝ่ายก็ตอบรับทันที

      "ครับ" เขายิ้มตอบอีกฝ่ายที่ยอมมาช่วยเขาก่อนเราจะตกลงเรื่องเวลากัน

      "ถ้าเป็นวันเสาร์ตอนเที่ยงก็ได้อยู่ครับ ถ้าคุณซีนว่าง"

      "แน่นอนครับ ถ้าอย่างนั้นวันเสาร์ตอนเที่ยงผมมารับนะครับ"

      "ครับ" วาริณส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง ช่างเป็นคนดีจริงๆ เขาแลกเบอร์กับอีกฝ่ายและบันทึกไว้ในโทรศัพท์

      ถ้าจะให้คนไม่สนใจดนตรีอย่างเขาไปเลือกเองหรือให้ทางร้านแนะนำอย่างเดียวก็กลัวจะไม่ได้ตามความต้องการจริงๆ สู้ให้คนเชี่ยวชาญด้านนี้ไปด้วยน่าจะดีกว่า ยอมรับเลยว่าในครั้งนี้เขาใส่ใจกับมันมากจริงๆ

      เพราะเรื่องที่ยุ่งยากมาสองสามวันหาทางออกได้แล้วเขาเลยอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ระหว่างวันจะโดนซิลเวอร์เข้ามายุ่งยากในงานส่วนของเขา เขายังไม่ตอบโต้กลับสักนิดเลย

      .

      .

      .

      ขณะที่อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นอย่างทันตาทางวาริณเองก็คงเป็นอย่างนั้นเช่นกันถ้าไม่ติดว่าการไปซื้อของด้วยกันครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเลือกซื้อของขวัญของอีกฝ่ายละก็ คงจะดีไม่น้อย

      "เฮ้อ" วาริณได้แต่ถอนหายใจความรู้สึกสับสนยิ่งเพิ่มขึ้นมาในเวลานี้ควรจะรู้สึกยังไงดีเขายังไม่รู้เลย แต่อย่างน้อยเขาก็ได้มาแล้ว เบอร์โทรของอีกฝ่าย

      ก่อนเวลานัดสองชั่วโมงรถสีแดงก็เข้ามาจอดบริเวณหน้าร้าน เขารู้ในทันทีว่าคนที่นัดไว้ได้มาถึงแล้วในตอนที่กำลังเดินเข้าไปหา อีกฝ่ายก็เปิดประตูรถลงมาพอดี ด้วยการแต่งกายที่แตกต่างจากวันธรรมดาทำให้เขาเผลอจ้องมองไม่วางตา รู้ตัวอีกทีเขากับอีกฝ่ายก็อยู่ห่างกันไม่กี่ก้าวแล้ว

      "สวัสดีครับคุณวา" ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะเรียกชื่อเขา

      "ค ครับ" เมื่อคนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้เกินไปเขาเลยเผลอก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว

      เขาลอบมองคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูให้เข้าไปนั่งรอในร้าน ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายมาก่อนเวลานัดตั้งสองชั่วโมงแต่กลับไม่ได้ดูตื่นเต้นอะไร กลับเป็นเขาที่มีท่าทีร้อนรนแทน

      ก็ไม่รู้ทำไมกับการไปซื้อของเป็นเพื่อนอีกฝ่าย เขาถึงต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานขนาดนั้นด้วย นอกจากจะตื่นเช้ากว่าวันทั่วไปแล้ว เขายังหยิบเสื้อผ้าที่มีในตู้เสื้อขึ้นมาลองตัวแล้วตัวเล่าทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันขนาดนั้น แต่กลับลองมันเกือบหมดทุกตัวที่มี

      สุดท้ายก็เลือกเสื้อเชิ้ตที่ดูสบายๆ ไม่ทางการเกินไปแต่อีกฝ่ายกลับใส่เพียงเสื้อยืดกางเกงยีนเท่านั้น แต่เพียงเท่านั้นอีกฝ่ายก็ชนะเขาไปเรียบร้อยแล้ว ให้ตายสิจะลำเอียงเกินไปรึเปล่า?

      แล้วเสื้อคอวีที่อีกฝ่ายใส่ ไม่ได้ดูลึกเกินไปหรอกใช่มั้ย?

      เขารีบเบนสายตากลับมาที่เดิมก่อนเดินไปสั่งงานที่เหลือกับคนในร้านอีกสองสามประโยคแล้วเดินกลับมาหาอีกฝ่ายที่นั่งรออยู่

      "ไปกันเลยมั้ยครับ? "

      "ผมมาเร่งคุณรึเปล่า" คนที่นั่งอยู่ถามขึ้นมา คงคิดว่าเขาจะเข้าใจผิด

      "ไม่ใช่หรอกครับ พอดีวันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าด้วย" เขาตอบตามตรง

      "ครับๆ เดี๋ยวผมดูร้านให้เอง พวกเฮียไปซื้อของกันก็อย่าลืมของติดไม้ติดมือมาล่ะ" เสียงของกล้าที่เดินเข้าพูดหยอกล้อเหมือนอย่างเคย

      "กล้า" เขาพูดปราม

      "ไม่เป็นไรหรอกครับ ไว้คราวหน้าพี่เอาขนมมาฝากนะ" มองอีกฝ่ายตอบกลับมา ดูเป็นกันเองกว่าที่คิดหลังจากนั้นคนตรงหน้าก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเดินนำเขาไปยังรถที่จอดอยู่ใต้ร่มเงา

      "เริ่มจากที่ไหนดีครับ" อีกฝ่ายหันมาถามความคิดเห็น

      "งั้นลองไปร้านที่ผมไปประจำดูดีมั้ยครับ? ถ้าไม่มีอันที่ถูกใจค่อยว่ากัน"

      "หึ ตกลง" เห็นอีกฝ่ายตอบอย่างนั้นเขาเลยบอกทางให้คนที่นั่งข้างๆ ไปเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางจนมาถึงจุดหมาย

      มันเป็นเพียงร้านดนตรีเล็กๆ ร้านหนึ่ง เขาเคยมาไม่กี่ครั้งก็จริงแต่ดูเหมือนเจ้าของร้านที่นี่จะจำเขาได้ ภายในร้านมีเครื่องดนตรีหลากรูปแบบ หลายสีสัน พวกเขารออยู่ไม่นานเจ้าของร้านก็ออกมาทักทาย พออีกฝ่ายให้คำแนะนำเรื่องเครื่องดนตรีที่น่าสนใจว่าแบบไหนดีหรือไม่ดียังไง เขาที่ยืนข้างๆ ก็คอยสังเกตท่าทางของคนข้างกายที่กำลังตั้งหน้าตั้งใจฟัง

      "ตามสบายนะครับ"

      "ครับ" เขาพาคนตรงหน้าค่อยๆ เดินชมไปทีละอย่าง และไม่นานก็เจออันที่ร่างโปร่งถูกใจ

      "คุณว่าชิ้นนั้นเป็นยังไง" อีกฝ่ายหันมาถามความคิดเห็นของเขา

      "ผมว่าไม้แบบนี้น่าจะดีกว่า" แต่ดูจากวัสดุที่ใช้แล้วเขาเลยชี้ไปยังตัวที่อยู่ด้านข้างแทน

      "อืม" เพราะรูปร่างต่างกันอีกฝ่ายเลยตอบทั้งที่เสียงยังอยู่ในลำคอ

      คนตรงหน้าดูจะตั้งใจในการเลือกของขวัญชิ้นนี้มากเหลือเกิน คนรับคงเป็นไม่พ้นคนที่อีกฝ่ายซื้อดอกไม้ไปให้แทบทุกครั้ง อดคิดไม่ได้ว่าคนๆ นั้นจะหน้าตาเป็นยังไง จะสวยขนาดไหนต้องเหมาะสมกับคนตรงหน้ามากแน่ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไงสำหรับเขาแล้วก็น่าอิจฉาอยู่ดี

      ในขณะที่ตอนนี้เขากับอีกฝ่ายกำลังพูดคุยกัน ก็ยังสัมผัสได้ถึงกำแพงที่คนตรงหน้าสร้างขึ้นมา และมักจะทลายลงถ้าหากมีการพูดถึงคนคนนั้น

      เขาพยามเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกครั้ง เมื่อเราอยู่ในระยะที่ใกล้กันขนาดนี้ สายตาเริ่มมองลงเล็กน้อยทำให้รู้ว่าเขาคงสูงกว่าอีกฝ่ายอยู่นิดหน่อย ใบหน้าที่ปกติจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ตอนอยู่กับเขา แต่ในตอนนี้มันแฝงไปด้วยแววตากังวล

      อีกฝ่ายจริงจังกับ คนพิเศษ คนนี้มากแค่ไหนเขารู้ดี

      "อ่ะ" อีกฝ่ายที่กำลังเดินดูรอบๆ กลับหยุดนิ่งก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบกีตาร์โปร่งสีเข้มขึ้นมา แต่มันอยู่สูงขึ้นไปอีกฝ่ายจึงจับมันไม่ค่อยถนัด เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาจึงเข้าไปช่วยเอามันลงจากชั้นวาง

      "ผมช่วยนะครับ" เขาเข้าไปซ้อนด้านหลังเอื้อมมือไปข้างหน้าดังนั้นตอนนี้อีกฝ่ายเลยอยู่ในวงแขนเขาแต่ก็แค่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะหยิบมันลงมาแล้วส่งให้อีกฝ่ายไป

      "อันนี้จะไม่หนักเกินไปเหรอครับ สำหรับผู้หญิงแล้ว" ทั้งรูปร่างและน้ำหนักคงจะไม่เหมาะกับผู้หญิงบอบบางซะเท่าไร

      "หึ เปล่าครับ" ได้ยินเสียงอีกฝ่ายแค่นหัวเราะตอบปฏิเสธกลับมา

      ".....ครับ? " คงเป็นเขาที่ฟังผิดจึงหันกลับไปมองใบหน้าของอีกฝ่ายตรงๆ

      "คนที่ผมจะให้เป็นของขวัญ ไม่ใช่ผู้หญิง" เขานิ่งไปซักพักก่อนจะเรียบเรียงคำพูดที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาอีกครั้ง

      "หึ ตกใจงั้นหรือครับ" น้ำเสียงเรียบๆ ดูไม่เดือดร้อน และไม่ใส่ใจว่าเขาจะคิดยังไงกับเรื่องนี้

      "แค่ แปลกใจนิดหน่อย"

      "หึ"

      "เขาคงเป็นคนที่โชคดีน่าดู" เขาสบตากับอีกฝ่ายแล้วเผลอพูดสิ่งที่คิดในใจออกมา

      "ทำไมล่ะ" คนตรงหน้าช้อนตามองเขาด้วยความสงสัย

      "ก็คนที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายอย่างคุณซีน กลับให้ความสนใจที่คนๆ นึงได้ขนาดนี้" ไม่ทันรู้ตัวเขาก็พูดออกไปจนจบประโยค

      "หึ ผมก็ว่างั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเหมือนกันมั้ย" เหมือนจะมั่นใจในตัวเองแต่เปล่าเลย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวมั้ย ว่าในประโยคนั้นมันซ่อนความหมายอะไรไว้ ในเมื่อมีตัวเลือกตั้งมากมายแต่กลับต้องการแค่คนเพียงคนเดียว เขาไม่ได้ถามอะไรต่ออีกเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากพูดถึงมัน

      "งั้นเอาอันนี้แล้วกัน"

      "ครับ......เดี๋ยวผมไปตามเจ้าของร้านมาให้" ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากพูดถึงเขาก็จะไม่ถาม แต่ในใจกลับเริ่มตั้งความหวังขึ้นมา

      "หวังว่าเขาจะชอบมันนะ"อีกฝ่ายบอกเสียงเบาแต่เขากลับได้ยินชัดเจน

      "แน่นอนครับ" อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขาเล็กน้อยราวกับจะถามขึ้นอีกครั้งว่าทำไม

      "ผมว่าไม่ว่าคุณซีนจะให้อะไรอีกก็ต้องดีใจมากอยู่แล้ว" เขาตอบออกไปตามที่คิด

      "หึ นี่กำลังปลอบใจผมอย่างนั้นสิ" น้ำเสียงดูประชดประชัน คงคิดว่าเขาพูดเพื่อเอาใจ

      "เปล่า นะครับไม่ใช่...อย่างนั้น" เขารีบปฏิเสธทันควันกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด

      "แต่ยังไงก็ ขอบคุณนะครับที่มาด้วยวันนี้" น้ำเสียงดูอ่อนลงกว่าเมื่อกี้เหมือนว่าอีกฝ่ายอยากจะขอบคุณเขาจริงๆ

      "ผม....เต็มใจครับ" เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

      กีตาร์ตัวนั้นถูกเก็บไว้ที่ร้านก่อนเพื่อให้ตั้งเสียงให้เรียบร้อย หลังออกมาจากร้านซักพักก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี เขากำลังคิดหาคำพูดที่จะชวนอีกฝ่ายให้ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน แต่ยังไม่ได้ทันได้พูดอะไรออกไปก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา ถ้ามันไม่ใช่ของเขาดังนั้นมันคงเป็นของคนตรงหน้า

      "ว่าไง มีอะไรรึเปล่า" น้ำเสียงของอีกฝ่ายที่พูดผ่านโทรศัพท์ดูอ่อนโยนกว่าปกติมาก ถึงแม้บางครั้งแววตาคนตรงหน้าจะดูว่างเปล่าเหมือนไม่สนใจใคร แต่ในบางครั้งก็ดูมีความหวังขึ้นมาเหมือนอย่างตอนนี้ เขาสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง ความแตกต่างกันนี้ทำให้เขาสนใจในตัวอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าคนคนนี้ภายนอกจะดูแข็งกระด้างอย่างไรแต่ข้างในกลับสัมผัสได้ถึงความบอบบางอย่างไม่น่าเชื่อ

      เขาเองก็อยากจะเป็นคนคนหนึ่งที่สามารถปลอบโยนอีกฝ่ายได้ ขอเพียงแค่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

      "อืม พี่อยู่แถวนี้พอดี ได้ๆ พี่จะรอ" อีกฝ่ายวางสายลงก่อนจะหันมาพูดกับเขา

      "ขอโทษนะครับผมมีธุระพอดี"

      "ครับ ไม่เป็นไร"

      "คุณวาจะกลับยังไง ถ้ายังไงให้คนของผมไปส่ง? "

      "ไม่ต้องหรอกครับ ผมกะว่าจะเดินเล่นแถวนี้อีกสักพัก"

      "ครับ งั้นไว้คราวหน้าผมจะพาไปเลี้ยงขอบคุณนะ" เขารู้ว่าอีกฝ่ายพูดตามมารยาทแต่ก็อดที่จะคาดหวังไม่ได้ ถ้าหากมันทำให้เขาใกล้ชิดอีกฝ่ายมากขึ้นละก็

      "ผมเต็มใจ"

      "หึ วันนี้ขอบใจมากนะครับ"ซีนพูดก่อนจะเดินออกไป เห็นดังนั้นเขาเลยเลือกที่จะเดินออกมาบ้าง แต่กลับเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหันหลังกลับไปดังเดิมเพราะได้ยินเสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายที่ดังขึ้นมา

      "พี่ซีน!! "

      "รีบวิ่งอะไรขนาดนั้นฮึ"

      "....." เจอแล้วนี่สินะ 'คนพิเศษ' ของคนๆ นั้น เด็กคนนั้นดูแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ หน้าตาสละสลวยเกินกว่าจะเป็นผู้ชายได้ เหมาะสมกับอีกฝ่ายอย่างที่คิด

      เขาได้แต่ยิ้มในใจไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันตัวเองหรืออะไร แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ในใจของเขาตอนนี้คิดเพียง อยากเห็นอีกฝ่ายมีความสุขแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

      .

      .

      .

      to be continue.

      ............................................................................................

       ใครหลงเข้ามาอ่านก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ  :กอด1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2019 21:54:40 โดย tiwara »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

หากไม่ใช่.....รัก..... 07


      ในยามค่ำคืนเป็นเวลาเหมาะที่เขาจะยื่นกล่องของขวัญสีแดงใบยาวให้ร่างบางไป พอกระดาษที่ห่อถูกแกะออกสิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างในเป็นเครื่องดนตรีสีน้ำตาลเข้มชิ้นนึง อีกฝ่ายหยิบมันออกมาอย่างเบามือ

      "พี่ซีนให้ผมหรอ" แทนถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

      "ก็ใช่น่ะสิ ไม่ชอบหรอ" เขาเริ่มกังวล ถึงอีกฝ่ายเคยอยากจะได้มันแต่ตอนนี้อาจจะไม่ต้องการแล้วก็ได้

      "ชอบสิ!! ผมอยากได้มันมาตั้งนานแล้ว" อีกฝ่ายส่งยิ้มสดใสมาให้ จนเขาเชื่อแล้วว่าแทนอยากได้มันจริงๆ

      "ผมจะรักษามันอย่างดีเลยครับ" แทนมองมันด้วยแววตาหลงใหล

      "เราชอบก็ดีแล้ว" เขายื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่าย ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปด้วยดี มันคงจะกลายเป็นทรงจำดีๆ ที่เกิดในปีนี้ ถ้ามันจะจบลงเพียงเท่านั้น

      ผ่านไปหลายชั่วโมงใกล้ถึงเวลาที่มันกำลังจะกลับมา มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้เขาไม่อยากทำให้บรรยากาศตอนนี้เสียไปเลยเป็นฝ่ายขอถอนตัวออกไปเอง ถึงแทนอยากจะรั้งไว้แต่เป็นเขาที่ไม่สามารถรับปากได้ว่าจะไม่ทำให้คนตรงหน้าต้องเสียความรู้สึกทีหลัง เลยโทรศัพท์ไปหาพวกไอ้เชนท์ให้ออกมาพบเขาที่ร้านเพื่อจะใช้ที่เป็นที่คั่นเวลาก่อนกลับมา

      ในตอนที่ลุกออกจากห้องมาบังเอิญเจอเจ้าของเรือนผมสีเงินเดินสวนมาพอดี เขาจงใจจะเดินผ่านมันมาโดยไม่ยอมสบสายตาใครอีกคน ขับรถออกมาได้สักพักเริ่มควานหามือถือเพื่อจะใช้ส่งข้อความหาคนที่นัดไว้อีกครั้งแต่กลับไม่พบอะไร ที่ด้านข้างพบเพียงความว่างเปล่า

      ขณะที่เขากำลังชั่งใจรถที่ขับออกมาได้ไม่เท่าไรก็ต้องย้อนกลับไปในทิศทางเดิมอีกครั้ง

     .

     .

     .

      ภายในห้องที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงตอนนี้กลับร้างผู้คน มีเพียงแสงสว่างเพียงรำไร กับ ประตูบานหนึ่งที่ปิดไม่สนิท และ เสียงพูดคุยของคนสองคนที่ดังขึ้นราวกับกระซิบรอดออกมาอย่างแผ่วเบา

      "คุณหลับตาก่อนสิ" เสียงของร่างบางที่กำลังเอ่ยขอของขวัญในตอนนี้ มันดูสั่นๆ เหมือนหวั่นกลัวอะไร

      "........." ซิลเวอร์ยอมหลับตาตามคำขอของอีกฝ่ายที่น้อยครั้งจะเอ่ยออกมา ไม่นานนักก็มีแขนเรียวเล็กมาโอบกอดรอบคอเขาเอาไว้ ก่อนจะมีสัมผัสแผ่วเบามาแนบที่ริมฝีปาก ก่อนที่มันจะกลายเป็นจูบที่ลึกซึ้ง และนานแสนนานกว่าที่อีกฝ่ายจะยอมผละออก

      "ปีนี้ผมขอเท่านี้ก็พอ" บทสนทนาสั้นๆ ดังขึ้นในความมืดที่มีแสงสว่างพอรำไรรอดออกมาจากในห้องที่ทั้งสองคนยืนอยู่

      โทรศัพท์ของคนที่ออกไปแล้วถูกวางอยู่บนโซฟาราคาแพง มันสั่นขึ้นเป็นระยะอยู่แบบนั้นเพราะมีใครบางคนที่ถูกนัดไว้โทรมาตามและ ในขณะที่คนทั้งคู่ไม่ได้ทันรู้สึกตัวกลับมีใครบางคนที่น่าจะออกไปแล้วกำลังยืนหันหลังให้กับประตูบานนั้น

      ซีนกลับมาอยู่หน้าห้องที่เดินออกไปอีกครั้ง แม้จะไม่ได้เปิดประตูบานที่แง้มอยู่ออก แม้ภาพที่เห็นจะเลือนราง เสียงที่ได้ยินจะแผ่วเบา แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานคำถามที่ค้างคาในใจมาตลอดก็ได้คำตอบที่คู่ควรกับมันแล้ว

      นี่สินะ ของขวัญที่แทนต้องการ

      นี่สินะ ของขวัญที่ไม่สามารถให้แทนกันได้

     .

     .

     .

      ช่วงสายของวัน วาริณที่นั่งนิ่งไม่ยอมขยับไปไหนสายตาของเขาเผลอมองไปข้างนอกร้านอีกหลายต่อหลายครั้ง เหมือนกับว่าเขากำลังเฝ้ามองใครผ่านกระจกใสบานนั้น ตอนนี้ข้างนอกนั่นกำลังมีแสงแดดที่สาดลงมาอย่างร้อนระอุ มีลูกค้าหลายคนที่เดินผ่านเข้ามาเพื่อหลบร้อน เขาหวังเหลือเกินเมื่อเปิดประตูบานนั้นถูกเปิดขึ้นอีกครั้งคนที่ผ่านเข้ามานั้นจะเป็นใครบางคนที่เขากำลังรออยู่

      หลังจากวันที่ไปเดินเลือกซื้อของขวัญให้คนพิเศษของอีกฝ่ายก็ผ่านมาได้สามวันแล้วแต่ก็ยังไม่ปรากฏเงาของอีกคนเลย ตามปกติในช่วงเวลาหลายวันมานี้ต้องแวะเข้ามาที่ร้านซักครั้งแล้ว อีกฝ่ายมักจะเข้ามาเพื่อดื่มชา นั่งพูดคุยกับเขาบ้างกับเด็กที่ร้านบ้าง มันให้ความรู้สึกเป็นกันเองอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีโอกาสได้รับจากคนๆ นั้น

      เขาที่อยู่ตรงนี้ก็ได้แต่เฝ้ารอเท่านั้น ไม่แน่ตอนนี้อีกฝ่ายอาจจะกำลังยิ้มอย่างมีความสุขแบบที่จะมีเพียงคนที่พิเศษเท่านั้นที่จะได้เห็น แน่นอนอย่างเขาคงจะไม่มีวัน ความรู้สึกอิจฉาเริ่มก่อตัวขึ้นมา ถึงจะรู้ว่ามันไม่สมควรแต่ เขาเองก็อยากได้มันมาครอบครองเหมือน 'รอยยิ้ม' ของคุณ

      วาริณได้แต่นั่งเฝ้ามองผ่านกระจกใสในร้านอย่างไม่ละสายตา จนเวลาล่วงเลยไปเป็นชั่วโมงถึงไม่อยากแต่วาริณต้องกลับไปทำงานตามเดิม เพราะเข้าช่วงสายเมื่อไรลูกค้าจะเยอะขึ้นทุกที ขณะที่กำลังหันกลับไปเตรียมของที่ลูกค้าบางคนสั่งไว้ เสียงของประตูที่ถูกเปิดขึ้นอย่างแรงก็ดังขึ้นมา

      กระดิ่งที่แขวนหน้าร้านถูกกระแทกกับประตูจนสั่นไหวไม่หยุด เสียงเล็กๆ ของมันตอนนี้กลับกลายเป็นที่น่ารำคาญ ทุกสายตาในร้านมองไปทางต้นเสียง ก็พบชายหนุ่มที่มีเส้นผมสีแดงราวกับสีของดวงตะวันยามตกดินกำลังเดินเข้ามา

      "คุณซีน" ใบหน้าของอีกฝ่ายบิดเบี้ยวเหมือนกำลังอารมณ์ไม่ดี เขาเดินเข้าไปหา แต่ไม่ทันไรอีกฝ่ายก็เตรียมจะหันหลังกลับเพราะสัมผัสถึงสายตาหลายคู่จับจ้องมา ในตอนนั้นเขาก็รีบเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะคว้าข้อมือเรียวบางเอาไว้ให้ทัน

      "คุณซีน ตอนนี้ข้างนอกแดดกำลังร้อนมาก"

      "......ไหนๆ คุณก็มาแล้ว นั่งพักสักหน่อยเถอะครับ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร เขาเลยถือวิสาสะพาอีกฝ่ายมานั่งตรงที่ประจำที่ตอนนี้เงียบสงบที่สุด

      "เดี๋ยวผมเอาชามาให้นะครับ" อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบอะไรอีกเช่นเคย ดวงตานั้นแน่นิ่งมองผ่านเลยเขาไป

      ก่อนหน้านี้เขาคิดเพียงอยากเจออีกฝ่ายแต่ตอนนี้กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกดีใจขึ้นมาเลยซักนิด การที่เห็นคนตรงหน้าเป็นอย่างนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังเลยแม้แต่น้อย

      ตอนที่นำชามาเสิร์ฟเขาวางมันลงอย่างแผ่วเบาข้างๆ มือเรียวบางของอีกฝ่ายที่ในตอนนี้มือเรียวนั้นกำลังกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปที่ฝ่ามือราวกับมันช่วยคลายอารมณ์ที่กำลังตึงเครียดนี้ได้ เขาได้แต่วางมือที่ใหญ่กว่าลงบนหลังมือของอีกฝ่าย พยามสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา โดยหวังว่ามันจะช่วยคลายมือที่เกร็งแน่นนี้ให้มันรู้สึกผ่อนคลายลงได้

      "คุณ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า" เขาถามออกไปอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ดูเหมือนกับว่ากำลังทรมานอยู่

      "เปล่า ผมแค่อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย" คนตรงหน้ายอมเงยหน้ามาคุยกับเขา ก่อนจะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ พอเห็นอีกฝ่ายดูผ่อนคลายขึ้น ก็โล่งใจ

      "งั้นหรอครับ" น่าเสียดายที่ตอนนี้คนตรงหน้าคงอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวแต่ในร้านเวลานี้กลับวุ่นวายน่าดู

     .

     .

     .

      เวลาผ่านไปช่วงเวลานึงซีนถึงยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนตรงหน้า แววตาของวาริณดูกังวลอย่างปิดไม่มิด มือที่เกร็งแน่นของเขากลับมีสัมผัสเบาบางจนมันรู้สึกผ่อนคลายลง

      'ให้ตายเถอะ' เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดแทนทุกอย่างเกือบเป็นไปด้วยดีจนจบ จนมันเข้ามา!! ไม่อยากจะเชื่อแทนยังดื้อรั้นไม่ยอมฟังที่เขาเตือน เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับไปที่บ้านหลังนั้นแต่เลือกที่จะไปคอนโดที่ทิ้งร้างมานาน ในตอนนี้ถึงจะเข้าบริษัทไปแต่จิตใจยังว้าวุ่นไม่หายสุดท้ายเมื่อไม่มีที่ไปเขาเลยมาจบลงที่นี่

      "ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เล่าให้ผมฟังได้นะครับ" ความรู้สึกไม่พอใจกลับปะทุขึ้นอีกครั้ง

      "ผมไม่อยากพูดถึงมัน!! " เมื่อเสียงตวาดดังขึ้นมือเรียวบางก็สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งทันที วาริณที่เผลอทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจก็รู้สึกผิดขึ้นมาก่อนที่แววตาคู่นั้นจะดูหมองลง มือที่เขาเผลอปัดไปด้านข้างทำให้แก้วน้ำชาที่วางอยู่ล่วงจากโต๊ะไป เสียงกังวานของมันที่กระทบกับพื้นทำให้รู้ว่าตอนนี้คงกลายเป็นเพียงเศษแก้วไปแล้ว เสียงถอนหายใจก็ดังตามมา

      "เฮ้อ ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า" สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ ควรจะให้อารมณ์สงบลงก่อนแล้วค่อยมา ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น อีกฝ่ายก็พูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูร้อนรน

      "เดี๋ยวก่อนครับ" มือของอีกฝ่ายรั้งเขาไว้อีกครั้ง สายตาที่มองมาทางเขามันดูราวกับรู้สึกผิดกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เจ้าของแววตาเศร้าหมองดวงนั้นยังไม่ทันได้ทำอะไร

      "คุณคงอยากอยู่ตามลำพัง" อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ไม่ปล่อยมือที่รั้งแขนเขาไว้ วาริณยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเพียงแผ่วเบา

      "ถ้าอย่างนั้นผมจะพาไปที่ที่นึง" ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสุภาพ แต่ไม่รอฟังคำตอบจากเขา ออกแรงดึงข้อมือให้เข้าไปหาอย่างดึงดัน พยามให้เขาเดินตามอีกฝ่ายไป

      ในตอนนี้วาริณคิดเพียงไม่อยากจะปล่อยให้คนตรงหน้าห่างสายตาไป ถ้าหากอีกฝ่ายไม่อยากอยู่ในที่ที่มีผู้คนเขาก็จะพาไปในที่ที่ไร้ผู้คน

      มือที่จับแขนเรียวไว้ค่อยๆ คลายลงตอนที่มาถึงบันได ซีนเดินตามอีกฝ่ายไปทีละขั้นจนมาหยุดตรงหน้าประตูพอคนตรงหน้าเปิดมันออกทำให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน พอลองมองให้ดีๆ เขาก็เข้าใจชั้นบนนี่คงเป็นที่พักส่วนตัวของอีกฝ่าย

      "ข้างล่างคงจะวุ่นวายอีกสักพัก ถ้าคุณซีนไม่รังเกียจ มานั่งพักที่ตรงนี้แทนดีมั้ยครับ" วาริณหันมามองเขาตอนนี้สายตานั่นกลับมาเป็นเหมือนปกติ อ่อนโยนเหมือนอย่างเดิม

      "......ยังไงก็ได้" พามาถึงที่แล้วจะมาถามอีกทำไม เขาลูบข้อมือที่ถูกปล่อยลงมันเกิดรอยแดงแค่เล็กน้อย

      "ตามสบายนะครับ"

      เขานั่งลงบนโซฟาทันทีทำเป็นว่าตัวเขาเป็นเจ้าของที่นี่ตามคำของอีกฝ่าย เขาคว้าหมอนอิงที่ใกล้ที่สุดขึ้นมาวางบนตักก่อนจะบีบมันแน่นๆ เพื่อคลายอารมณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

      "แล้วผมจะเอาชามาให้ใหม่นะครับ" นึกถึงชาแก้วเมื่อครู่ เขาทำมันแตกไปแล้วนี่นะ

      "อือ" ดูอีกฝ่ายจะไม่ถือสาเรื่องก่อนหน้านี้หันมายิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะกลับลงไปที่ร้าน

      ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงพาเขามาที่นี่ แต่ก็ดี

      ตอนนี้ในห้องไม่เหลือใครมีเขาเพียงคนเดียว เหมือนอย่างที่ต้องการ แต่ในความอ้างว้างนี้เรื่องราวเมื่อคืนเหมือนจะถูกเล่นซ้ำใหม่เรื่อยๆ เขาพยามหลับตาหนีภาพตรงหน้าแต่ทำยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

      ทำไมเขาต้องไปเจออะไรแบบนั้นทุกที เรื่องที่ทำร้ายจิตใจพยามหนียังไง ไม่รับรู้ยังไง ก็ไม่พ้นซักที เขาล้มตัวลงไปนอนที่โซฟาเงยหน้ามองเพดาน

      ทำยังไงเขาจะเอาชนะมันได้ ต้องทำยังไงถึงจะได้สิ่งที่ควรเป็นของเขามาครอบครองโดยที่มันจะไม่สามารถแย่งไปได้อีก

      ต้องทำยังไง

      ใครกันที่เป็นคนแรกไปพบเจอเด็กคนนั้นในค่ำคืนที่อีกฝ่ายไม่เหลือใคร ใครกันที่เป็นคนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ใครกันที่เป็นคนพาเด็กคนนั้นเข้ามาในบ้านหลังนั้น เป็นเขาไม่ใช่หรอ

      แล้วทำไม ถึงไม่ยอมเป็นของเขาสักที

      ทำไมแทนถึงต้องไปชอบมัน

      เขาพยามหลับตาลงหวังว่าความเจ็บปวดจะหายไปพร้อมกับความมืดมิดที่เขาเห็นเมื่อยามหลับตา

      เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้เขาหลุดจากภวังค์

      "........" วาริณที่ยกน้ำชาขึ้นมาให้เห็นอีกฝ่ายกำลังหลับตาอยู่คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าไปเจอเรื่องอะไรมา แต่ถ้า

      "ถ้าผมพอจะช่วยได้อะไรก็คงดี" เสียงกระซิบเพียงแผ่วเบา แต่คนที่ควรจะหลับอยู่ก็ยังได้ยินเขาไม่ได้หลับเพียงแต่ล้มตัวลงนอนเท่านั้น

      ซีนลืมตามองคนตรงหน้าอีกครั้งก็เห็นเพียงรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้กันเหมือนอย่างเคย

      "น้ำชาครับ" อีกฝ่ายวางแก้วน้ำชาลงอย่างเบามือ

      "ขอบคุณ"

      "ผมคงมารบกวนคุณ" เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย วันนี้เขามาที่ร้านเวลาเช้ากว่าปกติที่เคยมาและด้านล่างยังมีลูกค้าอีกหลายคนเขาทำให้คนตรงหน้าวุ่นวายซะแล้ว

      "ไม่เลย ผมบอกไปแล้วมาได้เท่าที่คุณอยากมา" เสียงทุ้มแต่อ่อนโยนถูกเอ่ยขึ้นมา

      "หึ เพราะแบบนั้นไม่ใช่รึไงผมถึงมาอยู่ที่นี่"

      "ครับ"

      "เอาตรงๆ พออยู่คนเดียวก็สงบใจไม่ค่อยได้" พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเขาเลยพูดต่อไป

      "ถ้าอย่างนั้นให้ผมมานั่งเป็นเพื่อนดีมั้ย"

      "หึ คุณไม่ต้องมาเอาใจผมมากก็ได้"

      "......"

      "ผมไม่เป็นไร"

      "แต่คุณดูเหมือนเสียใจอยู่" อีกฝ่ายพูดตามที่เห็น

      "พูดผิดแล้ว ผมแค่ไม่สบอารมณ์เท่านั้น" เขาพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเก่า

      "ครับ"

      "อืม"

      "อีกสักพักข้างล่างก็ไม่มีลูกค้าแล้ว" เสียงทุ้มเอ่ยอีกครั้ง

      "อืม เดี๋ยวผมตามลงไป" ตอบปัดๆ ไป เพื่อให้อีกฝ่ายลงไปก่อนไม่ต้องมารอเป็นเพื่อนเขา

      "ครับ"

      จากที่คิดไว้ว่าจะนั่งพักสายตาเท่านั้นกลับเผลอหลับไป มีผ้าห่มผืนบางมาคลุมรอบตัวมิน่าถึงได้อุ่นนัก เขาบิดตัวไปมาก่อนจะหันไปมองที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังห้อง เขาหลับไปเกือบชั่วโมง คงถึงเวลาที่ควรจะกลับซักที เขาเดินลงบันไดไปยังชั้นล่าง

      "ตื่นแล้วหรอครับ"

      "ความจริงคุณปลุกผมก็ได้"

      "ผมเห็นคุณหลับสบายเลยไม่อยากกวน"

      "อืม" เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังทำอะไรบางอย่างกับดอกไม้ตรงหน้า เขามองมันด้วยความสงสัย

      "นี่ครับ ให้คุณ" ดอกไม้ถูกยื่นมาให้เขา รูปร่างมันดูแปลกประหลาด ดอกมันเล็กๆ เหมือนระฆังคว่ำ สีขาว

      “ดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ มันเป็นสัญลักษณ์ของความสุขที่หวนคืนมา" อีกฝ่ายอธิบายความหมายของมันให้ฟัง

      "หวังว่าคุณซีน จะกลับมาอารมณ์ดีขึ้นไวๆ " น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาเหมือนจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา

      "หึ ขอบคุณนะครับ" เขาหลุดยิ้มออกไป ก่อนจะยื่นมือออกไปรับมันมา งั้นหรอ ความสุขที่หวนคืนมางั้นหรอ สมกับเป็นเจ้าของร้านดอกไม้จริงๆ

      เขาจ้องมองดอกไม้สีขาวตรงหน้าอีกครั้ง 'ความสุข' ที่คุณว่ามันจะกลับมาหาเขาบ้างมั้ยนะ เหมือนดอกไม้นี่

     .

     .

     .

      to be continue.

     ...................................................................................................

       :กอด1: 

     #หากไม่ใช่รัก



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

หากไม่ใช่.....รัก..... 08


      หลังกลับมาจากร้านของอีกฝ่าย เขาอารมณ์ดีขึ้นพอควรเพราะอย่างนั้นในตอนนี้เขาเลยกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานตามเดิมหลังจากที่ช่วงเช้าห่างหายไป แต่ยังไม่ทันได้พักให้หายเหนื่อยคนติดตามมือดีก็ผลักประตูเข้ามาจนเกิดเสียงดังไม่แม้แต่จะเคาะประตู คงจะรีบร้อนจนลืมเรื่องมารยาทที่เคยทำมาตลอด

      "คุณซีนไปที่ไหนมาครับ เมื่อวานนี้ก็ด้วย" ธีผลักประตูออกมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจไม่หาย

      "ไม่มีอะไร" เขาแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาและก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตามเดิม

      "จะไม่มีอะไรได้ไง ก็คุณ" เล่นหายไปทั้งวัน ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายไปที่ไหนก็ยังพอวางใจ แต่เมื่อเช้าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็หายไปจากห้องทำงาน หายังไงก็ไม่พบ ร้านที่เคยไปประจำก็ไม่มี ธีได้แต่ขัดข้องใจ

      "อย่าเซ้าซี้น่า"

      "ครับ..." อีกฝ่ายยอมรับแต่โดยดีทำยังไงได้เป็นลูกน้องก็ต้องเชื่อฟังเจ้านาย

      "แล้ววันนี้คุณซีนจะกลับไปที่บ้านใหญ่มั้ย" ธีเอ่ยถามเสียงเบาด้วยความกังวลว่าอีกคนจะตอบเช่นไร เจ้าของดวงตาสีแดงหันไปมองคนพูดด้วยสายตานิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เสียงเรียบๆ ถูกเอ่ยขึ้น

      "แล้วคิดว่าไง ฉันควรกลับไปหรือป่าวล่ะ"

      "ผมว่าคุณซีนควรกลับ" อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยท่าทีจริงจัง

      "หึ ทำไมล่ะถ้าฉันไม่อยู่เจ้านายเก่าของแกอาจจะดีใจก็ได้" ซีนนึกไม่ออกเลยว่ามันจะดีใจขนาดไหนถ้าไล่ตัวเกะกะอย่างเขาให้พ้นทางได้

      "ไม่ใช่ ตอนนี้เจ้านายผมคือคุณซีน " ธีเอ่ยแทรกขึ้นมา

      "....."

      "แล้วอีกอย่าง...."

      "...อะไร" เขาเงียบเพื่อรอฟัง

      "ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คุณซีนจะยอมยกทุกอย่างให้คุณซิลเวอร์ หรือครับ" มันจะรู้มั้ยว่าน้ำเสียงของมันในตอนนี้ช่างท้าทาย

      "คุณ ซีนมีสิทธิในบ้านหลังนั้นทุกอย่าง แล้วจะยอมยกให้คนอื่นง่ายๆ แบบนั้นหรือครับ"

      "ไอ้ธี จะพูดมากไปแล้ว" ใช่มันจงใจท้าทายเขา

      "ผมแค่อยากให้คุณซีนคิดให้ดี" ธีรู้ดีว่าควรใช้คำพูดไหนหลอกล่อเจ้านายตนเอง ไม่มีทางที่คนๆ นี้จะยอมยกของตัวเองให้คนอื่น โดยเฉพาะถ้าคนๆ นั้นเป็นคนที่เคยแย่งของตัวเองมาครั้งแล้วครั้งเล่า

      "หึ" ซีนส่งเสียงไม่พอใจ หันหน้าหนีไปอีกทาง จนธีต้องยอมเป็นฝ่ายถอนตัวออกไป แต่ก็ยังมีคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้ "ตอนเย็น ผมจะมารับนะครับ"

      'ปึง'

      "เฮ้อ" เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกับเสียงปิดประตู ภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง

      ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าไอ้ธีทำเพื่ออะไร แต่ก็อดจะเก็บเอามาคิดไม่ได้ เพราะที่มันพูดมาล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ทำไมล่ะ ทำไมต้องเป็นเขาที่ต้องยอมปล่อยมือจากสิ่งที่ต้องการอยู่ทุกครั้ง และในท้ายที่สุดมันจะเป็นฝ่ายที่ได้ทุกอย่างไปครอบครอง แต่คราวนี้มันต่างหากที่ต้องเป็นสูญเสีย คราวนี้คนที่แพ้จะต้องไม่ใช่เขา

      'หึ จะให้เขายกทุกอย่างให้คนอย่างมันน่ะหรอ ฝันอยู่รึไงไอ้ธี'

      เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เขาไม่ได้อยู่รอไอ้ธีตามที่มันบอกเอาไว้ แต่กลับเป็นฝ่ายขับรถออกไปเอง

      ความเร็วถูกเร่งขึ้นอีกครั้งรถหรูสีแดงสดวิ่งผ่าถนนไปอย่างรวดเร็ว ความงามของมันอยู่เพียงชั่วพริบตา ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้ เขานิ่งอยู่ในรถสักพักเพื่อรอเวลา ตอนที่กำลังก้าวขาลงจากรถก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย

      "พี่ซีน!! " ร่างบางรีบวิ่งเข้ามาหา ทันทีที่ประตูรถถูกเปิดออก

      "เมื่อคืน ทำไมไม่กลับมาล่ะครับ" ไม่เพียงแค่ถามแต่ ร่างเล็กเข้าคล้องแขนเขาไว้อย่างแน่นหนาราวกับจะไม่ปล่อยถ้าหากไม่ได้คำตอบ

      แต่นอกจากจะไม่มีเสียงตอบรับแล้ว ร่างสูงยังสะบัดมือให้พ้นจากการเกาะกุม แต่อีกฝ่ายก็พยามยื้อแขนข้างนั้นไว้ เขาไม่เข้าใจถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะใช้ชีวิตเหลวแหลกแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ที่อีกฝ่ายต้องมาคาดคั้น

      "พี่จะกลับ ไม่กลับ ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา" สายตาอ่อนโยนที่เคยมอบให้อีกคนมาตลอด ตอนนี้กลับถูกแทนที่ด้วยแข็งกร้าว

      "ขอโทษครับ" น้ำเสียงของอีกฝ่ายสั่นเครือ แทนกำลังกลัวดวงตาสีแดงที่ดูแข็งกร้าวในแบบที่ไม่เคยเห็น ราวกับเขาได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยลงไป

      ท่าทางของแทนที่ปกติดูบอบบางอยู่แล้ว และในตอนนี้ทั้งร่างสั่นด้วยความตื่นกลัว เห็นแล้วชวนให้รู้สึกน่าสงสารไม่น้อย แต่ซีนยังคงใจแข็งเดินจากไปโดยเหลือบมองอีกฝ่ายเพียงหางตาเท่านั้น

      แต่สายตาของคนที่อยู่ข้างหลังยังไม่ละจากคนที่เดินไปไกล ไม่รู้ว่าทำอะไรให้คนตรงหน้าไม่พอใจกัน เมื่อหาข้อสรุปไม่ได้เลยพยามควบคุมขาที่สั่นก้าวตามคนข้างหน้าไป

      ซีนเดินตรงเข้าไปในบ้าน บนโต๊ะในห้องรับแขกมีของคุ้นตาถูกวางอยู่กับกองกระดาษที่เกลื่อนกลาด มีบางใบที่ปลิวมาหล่นข้างเท้าเขา ซีนก้มตัวลงไปหยิบมันขึ้นมาดู ปรากฏว่าในกระดาษใบนั้นไม่มีตัวหนังสือซักตัว แต่กลับเป็นตัวโน๊ตมากมายที่ถูกบรรเลงอยู่บนหน้ากระดาษ

      แทนที่เดินตามมารับกระดาษใบนั้นไปพร้อมสีหน้าเศร้าแต่ยังฝืนยิ้มไว้

      "ผมกำลังฝึกเล่นอยู่...แต่ยังไม่ค่อยเพราะเท่าไร"

      เท่านั้นความไม่พอใจที่เกิดขึ้นลดระดับลงทันที แต่ก็ยังไม่หมดไป

      เขาไม่ชายตามองสิ่งใดอีกก้าวตรงไปที่ห้องนอนของตัวเองที่อยู่บนชั้นสอง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องเผลอใจอ่อนอีกแน่ๆ ถ้าหากเห็นใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหยดน้ำตา

      เมื่อเข้ามาในห้องเขาก็ล้มตัวนอนทันที รู้สึกร่างกายหนักขึ้นมาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้าน ทุกสิ่งถูกถาโถมเข้ามา คำถามต่างๆ ดังขึ้นในความคิด มันจะไม่ง่ายกว่าหรอถ้าเขาจะเลือกปล่อยวางจากทุกสิ่งแทนที่จะแบกรับมันไว้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นเขาคงจะเจ็บใจตัวเองน่าดู

      เวลาผ่านไปจนแสงแดดสาดส่องกระทบกำแพงอีกครั้ง เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น แต่ร่างโปร่งที่อยู่บนเตียงไม่มีท่าทีจะขยับหรือลุกขึ้นมาแม้แต่น้อย เมื่อเวลาล่วงเลยเป็นสิบนาทีเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นมาอีกระลอก ร่างบนเตียงพยามหยัดตัวขึ้นมาแต่ก็แพ้แรงโน้มถ่วงของโลกอยู่ดี ตอนที่ทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง ร่างกายกระทบกับสัมผัสนุ่มๆ ของหมอนและผ้าห่ม เขาปล่อยตัวให้จมไปกับเตียง เป็นเรื่องยากที่จะฝืนตัวออกมา

      นาฬิกาปลุกดังขึ้นครั้งที่สาม ร่างโปร่งถึงได้ลุกออกจากเตียงสำเร็จ แต่สิ่งที่ปลุกเขาไม่ใช่แสงแดดที่ส่อง เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นถี่ๆ แต่เป็นความหิวที่ถาโถมเข้ามาจนเขาทนนอนต่อไปไม่ไหว ลุกขึ้นมาจัดการตัวเองแล้วรีบตรงไปยังห้องครัวด้านล่างทันที ตอนที่ก้าวเดิน เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นประท้วง จนต้องเอามืออีกข้างขึ้นมากุมไว้


      -----------------ต่อค่ะ----------------

      "ทำไมถึงหิวขนาดนี้วะ" เขาลองนึกย้อนไปช่วงหัวค่ำของเมื่อวานแทนขึ้นมาตามเขาลงไปทานอาหารมื้อเย็น แต่เพราะความกลัวที่จะใจอ่อนยกโทษให้อีกฝ่ายง่ายไป เขาเลยแกล้งทำเป็นไม่สนใจแต่ดันเป็นการทรมานตัวเองซะได้ วันนี้ไปที่ร้านอาหารก่อนกลับน่าจะดี

      สองขาพามาหยุดที่หน้าห้องรับประทานอาหาร เขาก้าวเข้าไปโดยไม่ทันมองว่าจะมีใครอยู่ในห้องรึเปล่า เพราะในเวลาคงจะมีแค่เขาคนเดียวเหมือนเดิม

      "ตื่นสายหรอ" เสียงเย็นๆ ทำให้เขาต้องหันไปมองอย่างไม่เชื่อสายตา เวลาป่านนี้แล้วแท้ๆ ทำไมไอ้คนตรงหน้าถึงยังอยู่ตรงนี้อีก

      "นายต่างหากล่ะ! ทำไมถึงยังไม่ไปซักที"

      "........" อีกฝ่ายนิ่งไม่ตอบเขาเลยต้องถามย้ำอีกครั้ง

      "ฉันถามนายอยู่นะ" อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์มามองที่เขา

      "ฉันมีหน้าที่ต้องมาคอยตอบคำถามนายตั้งแต่เมื่อไร" ถ้อยคำแบบนี้เมื่อถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ นอกจากจะฟังดูเหมือนถูกต่อว่าแล้วเขาคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ

      "หึ ก็แค่แปลกใจว่ามีอะไรที่ทำให้คนอย่างนายไปสายได้" เขาพยามใจเย็นแล้วตอบกลับไป

      "เรื่องส่วนตัว"

      "อ่อ หรอ" เขากัดฟันพูด บ้าชะมัดเพราะงี้ถึงไม่ได้อยากเจอหน้ามันตั้งแต่เช้า

      เขาพยามไม่สนใจคนตรงหน้าอีก หยิบชามข้าวต้มเบื้องหน้าขึ้นมาทาน ในขณะที่อีกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์จิบกาแฟโดยที่ไม่แตะอาหารเช้าเหมือนอย่างเคย

      "คุณซีนเตรียมตัวเสร็จรึยังครับ" เสียงธีดังขึ้นจากนอกห้อง

      "อ้าว! คุณซิลยังไม่ไปหรอครับ" คนที่เข้ามาใหม่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

      "กำลังจะไป"

      "ถ้ายังไงให้ผมเรียกคนมาขับรถให้มั้ยครับ"

      "ไม่ต้อง ฉันบอกไว้แล้วนายน่ะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ... ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรไปมากกว่านี้"

      "ครับ ผมเข้าใจแล้ว"

      "เหอะ นายเองก็คงโดนหมอนั่นเขี่ยทิ้งแล้วสิ" เขาอดแซวอดีตลูกน้องคนโปรดของซิลเวอร์ไม่ได้

      "คิดอย่างนั้นหรอครับ" ธีส่งยิ้มมา แต่เขาคิดว่านั่นเป็นการประชดมากกว่า

      ในห้องตกอยู่ในความเงียบก่อนธีจะเดินนำออกไป

      ระหว่างที่รถกำลังแล่นบนถนน เขาหันเหความสนใจไปที่ร้านค้าริมทาง แต่มีเพียงอยู่ร้านหนึ่งที่มีคนเข้าคิวมากมายทั้งๆ ที่ตอนนี้น่าจะเพิ่งเป็นเวลาเปิดร้านแท้ๆ

      "ร้านชื่ออะไรนะ" เขาพึมพำออกมา เพราะเห็นป้ายไม่ถนัด

      "คุณซีน มีอะไรหรอครับ" ธีเอ่ยขึ้นมาตอนรถกำลังติดไฟแดง เงยหน้ามองเขาผ่านกระจก

      "ร้านขนมร้านนั้นน่ะ นายรู้จักมั้ย" ธีหันตามทางที่เขาบอก

      "อ่อ ร้านนั้น" รถค่อยๆ เลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง

      "คุณแทนเคยฝากผมซื้อเหมือนกัน"

      "หรอ แล้วมันดีมั้ย รสชาติเป็นไง อร่อยรึเปล่า" คนด้านหลังเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น ธีแทบไม่เชื่อหูตัวเองหันหลังไปมองทางเจ้านายอีกครั้ง "มองทางข้างหน้าไปสิ!! " แต่ก็โดนเสียงตวาดกลับมา

      "ครับๆ "

      "เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง"

      "ขอโทษครับ พอดีผมแปลกใจนิดหน่อย คุณซีนไม่ชอบทานขนมพวกนี้ไม่ใช่หรือครับ"

      "ก็ ไม่ได้ซื้อไปกินเองซะหน่อย"

      "อ้อ งั้นจะเอาไปให้ใครหรอครับ หรือจะเอาไปให้คุณแทนถ้างั้นผมแวะซื้อให้ตอนเย็นก็ได้"

      "ไม่ใช่! สรุปแล้วมันเป็นยังไงดีหรือไม่ดี" เขาถามย้ำอีกครั้งเมื่อไม่ได้คำตอบซักดี

      ".........เอ่อเท่าที่ได้ยินมาก็อร่อยมากครับ"

      "ก็เท่านั้นแหละ" เมื่อเขาได้คำตอบที่น่าพอใจมาก็ไม่ซักถามอะไรอื่นอีก แต่ถึงอย่างนั้นธีก็ยังคอยมองเขาผ่านกระจกไม่เลิก

      "คุณซีน รับกาแฟมั้ยครับ" เขาที่นั่งทำงานอยู่ พอรู้ว่าเป็นธีก็ไม่แม้จะเงยหน้ามองก่อนส่งเสียงตอบออกไป "ไม่ต้องดาชงให้ฉันแล้ว" ปกติก็เป็นหน้าที่ของเลขาเขาอยู่แล้ว

      "งั้นหรอครับ" จากนั้นธีก็เดินออกไป ผ่านไปไม่เกินชั่วโมงธีก็เข้ามาอีกครั้ง เขามองคนที่เข้ามาใหม่ด้วยความแปลกใจ "มีอะไร"

      "คุณซีนรับของว่างมั้ยครับ"

      "...ไม่! " ไอ้หมอนี่คิดกวนประสาทเขารึไง ปกติเขาไม่ทานของหวาน ในปีๆ นึงเขาทานแทบจะนับครั้งได้ ซึ่งมันก็รู้ดีอยู่แล้ว

      และไม่รู้เขาคิดไปเองหรือยังไงวันนี้ธีเข้าออกห้องทำงานเขาบ่อยจนผิดปกติ และเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เช้า

      วันนี้เขามีที่ต้องไปเลยไม่เอามาใส่ใจ เขาตั้งใจออกจากที่ทำงานก่อนเวลาพัก เพื่อเลี่ยงรถติดและเขามีบางที่ที่ต้องแวะก่อน เขาโทรเรียกดาเลขาของเขาให้เข้ามาก่อนจะรวบรวมเอกสารที่เซ็นแล้วให้เป็นระเบียบก่อนยื่นให้

      "คุณซีนจะออกไปข้างนอกหรอคะ"

      "อืม มีอะไรรึป่าว"

      "อ๋อป่าวค่ะ ไม่มีอะไร" คนตรงหน้ารีบรับเอกสารก่อนจะเดินออกจากห้องไป

      "......" ถึงท่าทีอีกฝ่ายจะชวนให้แปลกใจ แต่ก็ช่างเถอะคงไม่มีอะไร เขาหยิบเสื้อตัวนอกขึ้นมาสวมก่อนคว้ากุญแจที่วางอยู่มาก่อนจะหมุนเป็นวงควงกุญแจตรงนิ้วชี้อย่างอารมณ์ดี อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตู แต่อยู่ๆ ประตูบานนั้นก็ถูกบางคนผลักออกมา

      "คุณซีน" มันอีกแล้ว!! ถ้าเขาก้าวเข้าไปใกล้กว่านี้คงโดนบานประตูกระแทกหน้าแน่

      "จะออกไปข้างนอกหรอครับ" มันยิ้มไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรมันก็คว้ากุญแจที่นิ้วเขาไปแล้ว

      "เดี๋ยวผมขับให้แล้วกันนะครับ" มันว่าก่อนจะเดินนำเขาไป ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันสั้นทำให้เขาต้องหยุดเดินเพื่อมาทบทวนเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น เลยเลือกเดินตามอีกฝ่ายไป

      "รู้รึไงว่าฉันจะไปไหน" เขาถามคนที่เดินนำหน้าไป

      "ร้านขนมที่พูดเมื่อเช้าใช่มั้ยครับ ผมรู้จักทางอยู่" เขาขี้เกียจเถียงเลยพยักหน้าไปส่งๆ ก่อนจะขึ้นไปนั่งที่รถ

      "เอากล่องใหญ่นะ" เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าปกติที่ร้านนี้ขายแบบไหนบ้างแต่เขาอยากให้พอกับคนสามสี่คนเลยสั่งธีไปแบบนั้น

      "ครับ" ธีลงไปต่อแถวตรงหน้าร้าน ขนาดยังไม่ถึงช่วงเวลาพักเที่ยงแต่ก็ยังมีคนมาต่อคิวหลายคน ธีใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกลับมาพร้อมกับกล่องขนาดใหญ่

      "ขอบใจ" เขารับมาก่อนจะเปิดดูข้างใน ถึงมันจะหน้าตาน่าทานขนาดไหนแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอยากหยิบมันขึ้นมากินแม้แต่นิดเดียว เขาปิดกล่องตามเดิมหวังว่าทุกคนในร้านน่าจะชอบกัน เมื่อวานเขาไปรบกวนที่ร้านของอีกฝ่ายไว้มาก และก่อนหน้านี้ยังให้ไปช่วยเลือกซื้อของด้วยอีกแต่เขายังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเลย เขามองกล่องขนมตรงหน้าก่อนจะจับมันวางให้ตรงๆ

      "แล้วคุณซีนจะไปไหนต่อครับ" ธีถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม มันทำให้เขาแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายมาเพื่อจุดประสงค์อะไร แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดเป็นความลับอะไร

      "ขับตรงไป" เขาบอกทางมันไปเรื่อยจนถึงที่หมายมันขับเข้าไปจอดที่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่เพื่อใช้ร่มเงาบังแสงแดด เขาเปิดประตูลงจากรถทันทีที่มันจอดสนิทและ

      "กลับไปได้แล้ว" เขาหันกลับไปบอกมัน

      "...ครับ? "

      "ไม่ได้ยินรึไง ฉันบอกว่ากลับไปได้แล้ว" ธีไม่ฟังคำเขามันดับเครื่องยนต์และลงมายืนข้างๆ แทน

      "ผมไม่เข้าไปด้วยก็ได้ แต่ผมขอรอแถวนี้ก็แล้วกัน" รอ? มันมีที่ไหนให้รอได้อีก เขาเลยแกล้งหยิบกุญแจจากมือมันมา

      "ตามใจก็แล้วกันนะ" เขาส่งยิ้มคืนมันไปก่อนจะเดินไปทางร้าน อยากรู้นักว่ามันจะยังรอได้อีกนานมั้ย

      'กริ๊ง~' เสียงกังวานของกระดิ่งดังขึ้นเบาๆ

      "สวัสดีครับคุณซีน" อีกฝ่ายเดินเข้ามาต้อนรับเขาอย่างเป็นกันเอง

      "ครับ เอ่อผมซื้อขนมมาฝากคุณกับพวกเด็กๆ " เขาตอบไปแบบส่งๆ ก่อนจะยื่นกล่องขนมที่ซื้อมาไปให้กล้าที่ยืนอยู่ข้างๆ แทน

      "เอาไปแบ่งกันนะ" กล้าเอ่ยขอบคุณไม่ขาดทั้งยังบอกชอบขนมที่ร้านนี้สุดๆ แต่ตอนไปซื้อทีไรของก็หมดทุกที พอบ่นเสร็จกล้าก็เอาขนมไปจัดวางใส่จานก่อนนำมาวางให้ที่โต๊ะพร้อมน้ำชาอย่างละสองที่ สำหรับเขากับวาริณที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

      "ผมเองก็ไม่เคยทานแต่ได้ยินว่ามันอร่อยเลย..." อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ก่อนลงมือตัดขนมให้เป็นชิ้นเล็กแล้วนำเข้าปาก

      "อร่อยมากครับ แต่คราวหลังไม่ต้องมีของฝากก็ได้รบกวนคุณซีนเปล่าๆ ร้านนี้เห็นว่าเข้าต้องคิวนานเลยกว่าจะได้" คนตรงหน้าดูจะเกรงใจเขา แต่จะเป็นไรไปก็เขาไม่ได้ลงไปซื้อเองซะหน่อย เขาคิดในใจ

      "ไม่ได้รบกวนขนาดนั้น แล้วอีกอย่างเมื่อวานผมต่างหากที่....ถือว่ามันแทนคำขอบคุณก็แล้วกัน"

      "ครับ" อีกฝ่ายแอบหัวเราะที่เขาพูดวกวนไปมา เราพูดคุยกันอยู่สักพักก่อนน้ำหวานจะเดินเข้ามาหา

      "พี่ซีน คนข้างนอกนั่นเพื่อนพี่ซีนรึเปล่าคะ" เขาหันตามนิ้วที่น้ำหวานชี้ก็เจอคนยืนอยู่ข้างรถสีแดงของเขาโบกมือแล้วส่งยิ้มมาให้

      "เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้วน่ะค่ะ" นี่มันยังไม่ยอมไปอีกหรอวะ

      "ข้างนอกร้อนแย่ยังไงผมไปชวนเขาให้มานั่งที่ร้านดีกว่า" เขารีบคว้าแขนอีกฝ่ายไว้

      "เดี๋ยวเขาคงจะไปแล้วมั้งครับ" แต่วาริณยังคงดึงดัน "ยังไงผมลองไปชวนก่อนดีกว่า" และใช้เวลาไม่นานธีก็เดินตามอีกฝ่ายเข้ามาในร้าน สีหน้าบ่งบอกว่า 'ผมไม่ได้อยากตามคุณมา แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้' เหอะ

      "โห เพื่อนพี่ซีนหรอคะหน้าตาดีจัง" น้ำหวานเอ่ยชมคนแปลกหน้าที่เพิ่งเข้ามา

      "ประมาณนั้นน่ะ" เขาบอกตอบก่อนที่มันจะอ้าปากด้วยซ้ำเพราะกลัวว่ามันจะพูดอะไรไม่เข้าท่า

      "ธีครับ ยินดีที่รู้จัก" ธีตอบ ก่อนเหลือบมองไปทางอีกคนที่อยู่ผ่านน้ำหวานไป

      "เช่นกันครับ ผมวาริณ" ไม่รู้เขาคิดไปเองรึเปล่า ทำไมน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูนิ่งผิดปกติ

      "ตามสบายเลยนะครับ น้ำหวานไปเอาขนมกับชามาอีกที่สิ" วาริณพูดก่อนออกไป

      "ค่ะ" ไม่นานน้ำหวานก็เอาขนมกับน้ำชามาเสิร์ฟ เมื่อน้ำหวานเดินจากไปเขาก็หันไปคุยกับอีกฝ่ายทันที

      "ทำไมถึงยังไม่กลับไปอีก"

      "ก็ผมบอกแล้วไงว่าจะรอแถวๆ นี้"

      "ชิ"

      "ร้านนี้หรอครับที่คุณซีนชอบหายตัวมาบ่อยๆ " ธีหยิบชาดอกไม้ขึ้นมาดูพลางคิดชานี่รึเปล่าที่ก่อนหน้านี้คุณซีนให้เขาออกไปซื้อมา

      "อือ....."

      "แล้ว...."

      "อะไร"

      "คนไหนที่คุณซีนสนใจอยู่ล่ะครับ"

      "ห้ะ"

      "ผมเห็นผู้หญิงในร้านแค่คนเดียว แต่น่าจะยังเรียนอยู่เลย หรือว่า"

      "หรือว่าอะไร....." ผู้หญิงที่เขาสนใจงั้นหรอ "นายจะบ้าหรอ! "

      "อ้าว ไม่ใช่หรอครับ" ธีคิดว่าเจ้านายเขาจะเจอคนที่มาแทนที่คุณแทนได้แล้วซะอีก

      "ไม่ใช่!! " ซีนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ที่มันอุตส่าห์ตามมาเพราะคิดว่าเขาติดผู้หญิงหรอเนี่ย จะบ้าตาย

      "เอ่อ ที่นี่บรรยากาศดีนะครับ" ธีหันไปมองรอบๆ แล้วค่อยเลือกคำพูดที่น่าฟัง ในที่สุดมันก็เข้าใจถูกซะที

      เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนยกชาขึ้นมาจิบ ส่วนของหวานแน่นอนเขาไม่แตะมัน แต่จะว่าไปก่อนหน้านี้เขาเคยกินคุ๊กกี้ที่วาริณเอามาให้ ซึ่งมันก็ไม่หวานเท่าไรเขาพอทานได้

      "เจ้าของร้านคนนั้น คุณซีนสนิทกับเขาหรอครับ"

      "คุณวาน่ะหรอ.....ก็นะ" เขาเหลือบมองอีกฝ่ายที่กำลังจัดดอกไม้อยู่

      "แปลกนะครับ ปกติผมต้องรู้จักแล้ว"

      "แปลก? แปลกยังไงเพราะคุณวาแตกต่างจากพวกที่ฉันเคยรู้จักสินะ" เขายิ้มหยัน

      "เปล่าครับ ปกติแล้วคุณซีนไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้คนอื่นไม่ใช่หรอ โดยเฉพาะคนที่อยู่คนละ'โลก'กับเรา " เขายักไหล่แทนคำตอบ ที่มันพูดก็ไม่ได้ผิด ถ้าจะให้บอกเหตุผลละก็ คงเพราะอีกฝ่ายเป็นคนเข้าหาเขาก่อนล่ะมั้ง

     .

     .

     .

      วาริณที่หลบออกมาอยู่ด้านหลัง คอยมองสองคนนั้นอยู่ห่างๆ เห็นทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนมเขาก็เข้าใจในทันที คงมีอีกหลายคนที่สามารถเข้าใกล้คุณซีนได้มากขนาดนั้น เขาที่อยู่ตรงนี้คงเป็นแค่คนนอกเท่านั้น ยังไม่ใช่คนที่อีกฝ่ายจะให้ความเชื่อใจได้สินะ

      'ถ้ารอบตัวคุณมีแต่คนแบบนั้นผมจะไม่แย่เอาหรอ' วาริณได้แต่คิดไปพลางมองทั้งคู่พูดคุยกันไปพลาง

     .

     .

     .

     .

      to be continue.

      ------------------------------------------------------------------------------

      มาต่อแล้วค่ะ ยังไงก็ฝากให้กำลังใจคุณวา และ คนเขียนด้วยนะคะ(ฮา) ดีไม่ดียังไงก็บอกกันได้แล้วจะนำไปปรับปรุงค่ะ หวังว่าคงยังไม่เบื่อกันน้าาา  :hao4:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2019 15:48:52 โดย tiwara »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ TheCatmewt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกกก

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 
หากไม่ใช่.....รัก..... 09

 

      "ดอกไม้พวกนั้น.....เอามาจัดช่อได้ด้วย? " เขาถามเมื่อเห็นคนตรงหน้ากำลังหยิบดอกไม้ที่วางกระจัดกระจายพวกนั้นขึ้นมา ดอกของมันเล็กมากเมื่อเทียบกับดอกไม้ชนิดอื่น มันมีสีออกขาวแต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูโดดเด่นอะไร

      "ส่วนใหญ่จะใช้เป็นดอกไม้ประดับมากกว่าจะเอามาจัดเป็นช่อ" อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาก่อนจะพูดต่อ

      "แต่เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ก็นิยมนำมาจัดเป็นช่ออยู่เหมือนกัน" เมื่อคนตรงหน้าเห็นเขาไม่เข้าใจเลยรวบดอกไม้พวกนั้นขึ้นมาทำเป็นช่อก่อนส่งให้เขา "แบบนี้ไงครับ"

      "อ่อ" เขาได้แต่ยื่นมือออกไปรับมาด้วยความเกรงใจ ถึงดอกไม้ชนิดนี้จะมีขนาดเล็กแต่พออยู่รวมๆ กัน ก็ดูสวยไปอีกแบบ

      "แล้วมันมีชื่อมั้ย"

      "หึ ก็ต้องมีสิครับ ดอกไม้นี้น่ะถูกเรียกว่าดอกคัตเตอร์" อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมเสียงหัวเราะ

      "ครับ" แล้วความหมายมันล่ะ ดอกเล็กๆ แบบนี้จะมีความหมายว่าอะไร แต่เขาก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดจะต้องถามออกไป

      .

      .

      .

      ตอนที่กลับมาถึงบ้านก็พบร่างบางมารอเหมือนอย่างเคยแต่ในครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ได้วิ่งเข้าหาแต่กลับยืนหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูแทน

      "พี่ซีนกลับมาแล้วหรอครับ" อีกฝ่ายพูดเสียงเบา

      "มารอมันอีกรึไง" ถึงจะรู้ว่าคนที่พูดถึงจะไม่มีทางกลับมาในเวลานี้ แต่เขาก็อดจะพูดประชดคนตรงหน้าไม่ได้

      "เปล่า รอพี่ต่างหาก" น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจถูกส่งตรงมาที่เขา คงเพราะว่าก่อนหน้านี้ทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย ตั้งแต่ที่กลับมาคืนนั้น

      "ดอกไม้นั่นซื้อมาให้ผมหรอ" แทนที่สังเกตเห็นของในมือเขา ก็เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางดีใจ

      "ไม่ใช่" เขาตอบไปตามตรง ดอกไม้ช่อนี้วาริณให้มาถึงจะเกรงใจแต่จะไม่รับไว้ก็ไม่ได้ เขามองอีกฝ่ายที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรแต่ท่าทางก้มหน้าก้มตาแบบนั้นคงจะผิดหวังอยู่ไม่น้อย

      "......ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ" เขายื่นไปให้ ไม่ชอบใจเลยที่เห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้

      "ขอบคุณครับ" เมื่อคนตรงหน้าได้ยินเขาพูดอย่างนั้นดวงตาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

      ดอกไม้ที่ถูกยื่นให้แม้มันจะสวยงามแค่ไหน แต่สำหรับคนที่ได้รับแล้วสิ่งที่ต้องการกลับไม่ใช่ดอกไม้ตรงหน้าหรืออะไร หากแต่เป็นความสงสาร ความเห็นใจ จากอีกฝ่าย และเมื่อได้รับความรู้สึกเหล่านั้นแล้วร่างสูงตรงหน้าคงจะกลับมาพูดคุยกันเหมือนอย่างเดิม ไม่ว่าอีกฝ่ายโกรธเคืองเรื่องอะไร เขาก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษก่อนทุกครั้งหากนั่นเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการเขาก็ยินดี เพราะสำหรับแทนรักคนตรงหน้าเป็นเหมือนกับครอบครัวเป็นพี่ชายคนสำคัญไม่อยากเห็นอีกฝ่ายเมินเฉยหรือทำท่าทางเย็นชาใส่กันเหมือนอย่างตอนนี้

      "วันนี้ผมช่วยทำกับข้าวด้วยล่ะ" แทนเดินเข้าไปใกล้คว้าแขนอีกฝ่ายไว้เหมือนครั้งก่อนๆ เมื่อไม่ถูกสะบัดทิ้งเหมือนวันนั้นก็ยิ่งได้ใจ

      "มีแต่ของโปรดพี่ซีนทั้งนั้น" เสียงหวานที่เรียกชื่ออีกฝ่ายไม่หยุด ซีนมองร่างเล็กกว่าที่พยามเข้ามาเอาใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยามรักษาระยะห่างเอาไว้อยู่ดี

      ร่างบางที่เข้ามาอ้อนเหมือนลูกแมวต้องการความรัก ความใส่ใจ สำหรับซีนแล้วเหมือนตัวเองเป็นที่พึ่งพาเพียงหนึ่งเดียวของอีกฝ่าย แต่ถ้าให้มองกลับกันไม่ใช่ว่าเป็นเขาเองเหรอที่กำลังใช้อีกฝ่ายทำให้ตัวเองพอใจ เมื่อคิดอย่างนี้แล้วมือที่ถูกนิ้วเรียวบางกุมอยู่เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

      'มันไม่ใช่แบบนั้น' เขาก็แค่ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายต้องมาเสียใจภายหลังเท่านั้น

      .

      .

      .

      'ครืด ครืด' ในห้องที่เงียบเชียบ เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้นมา เขาวางปากกาในมือลงก่อนเอื้อมไปหยิบมัน

      'วันนี้จะมามั้ยกูขี้เกียจมารอมึงแล้วนะ' ไม่ทันไรน้ำเสียงปนหงุดหงิดของไอ้เชนท์ก็ดังขึ้นจากปลายสายทันที

      "เออ เดี๋ยววันนี้กูไป" เขาตอบมัน เพราะก่อนหน้านี้เมื่อถึงเวลาพักเขาก็ตรงไปที่ร้านของวาริณทีนที เลยผิดนัดกับพวกมันหลายครั้ง พอดีวันนี้มันโทรมาชวนอีกเขาเลยไม่ได้ปฏิเสธไป

      'ให้จริงเหอะมึง เดี๋ยวนี้ชอบหายหัว'

      "ก็กูบอกว่าจะไปแล้วไง" เห็นมันไม่เชื่อเลยย้ำไปอีกครั้ง

      'เชื่อได้ตายละ! ก่อนหน้านี้ก็พูดอย่างนี้'

      "เออๆ " เขาพยามตัดบท แต่ก็ยังต้องฟังมันบ่นอีกเกือบสิบนาที กว่ามันจะยอมวางสายไป

      "วันนี้จะออกไปพบคุณน้ำกับคุณเชนท์หรอครับ" ธีหันมาถามทันทีที่เห็นเขาวางโทรศัพท์ลง

      "ทำไม นายจะไปด้วยรึไง" เขาถามกึ่งประชดมันจะอยากรู้อะไรนักหนา

      "ก็คุณซีนอุตส่าห์ชวนทั้งที ผมไปก็ได้ครับ" ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มนิดๆ

      "..........." ประโยคไหนที่บ่งบอกว่าเขาชวนมัน

      แต่เพราะไม่อยากขับรถเองในวันที่ร้อนขนาดนี้ ยิ่งจำนวนรถข้างนอกไม่ต้องพูดถึง พอเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาที่โต๊ะ เลยหยิบเอากุญแจยื่นให้อีกฝ่ายไป

      แต่เมื่อไปถึงร้านตามเวลานัดกลับเจอไอ้เชนท์นั่งอยู่เพียงคนเดียวอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรอีกคนถึงยังไม่มา

      "มาแล้วหรอวะ"

      "ทำไมมึงอยู่คนเดียวอีกแล้วล่ะ"

      "ก็ไอ้น้ำมันติดทานข้าวกับลูกค้า! "

      "เพราะอย่างนี้มึงถึงได้โทรตามกูสินะ"

      "ใช่ที่ไหนเล่าเพราะกูคิดถึงมึงต่างหาก" แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อมัน

      "ธีก็มาหรอ พวกมึงนั่งก่อนสิ" เชนท์เอ่ยทักคนข้างกายเขาอย่างคุ้นเคย ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังเรียนอยู่ก็มีอีกฝ่ายมาคอยนั่งเฝ้าเป็นบางครั้งเหมือนกัน พวกเพื่อนเขาเลยชินแล้วที่เห็นอีกฝ่ายตามเขามา

      "ขอบคุณครับ" ธีรับคำก่อนจะนั่งลง

      หลังจากสั่งอาหารไปไม่นาน เสียงทักทายก็ดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา

      "ไงซีน หายหน้าหายตานะมึง" มืออีกฝ่ายพาดลงมาที่ไหล่ เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็รู้ว่าคนที่รออยู่มาถึงแล้ว

      "ยุ่งหรอมึง นัดลูกค้าหรือสาววะ" เขาแซวพอเป็นพิธี

      "หึ ใครจะเหมือนมึงล่ะ"มันว่าก่อนเลือกที่นั่งข้างๆ เชนท์เพราะที่ข้างเขามีธีนั่งอยู่ก่อนแล้ว

      "เหมือนกู? ยังไง? " เขาหันไปถามด้วยความสงสัย

      "ก็ไม่ใช่ว่าที่มึงไม่ว่างนี่ ไปทานข้าวกับแทนมารึไง"

      "ทำไมกูต้องเป็นฝ่ายไปหาด้วย" ตอบไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์

      "ตอบอย่างนี้แสดงว่ายังไม่ดีกัน โธ่กูคิดว่าจะเคลียร์กันบนเตียงไปแล้ว"

      "ไอ้เชนท์ ปากนะมึง" เขาชี้หน้าปรามมัน แต่อีกฝ่ายไม่สนใจคำพูดเขา

      "แทนที่มึงจะมามัวโกรธสู้หันมาทำคะแนนไม่ดีกว่าหรอ" มันแนะนำ

      "เผื่อน้องมันจะหันมาชอบมึงเร็วขึ้น"

      "........." เขายักไหล่ทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็เก็บเอาคำพูดของมันไปคิดแล้ว

      "ว่าแต่ถ้ามึงไม่ได้ไปกับน้องมัน แล้วช่วงพักมึงหายไปไหนมา" ไอ้น้ำถามขึ้น เพื่อขั้นเวลาระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ

      "กูจะทานข้าวในบริษัทบ้างไม่ได้รึไง"

      "โห ไม่น่าเชื่อว่าพี่มึงจะให้งานมึงรับผิดชอบเยอะขนาดจนไม่มีเวลาไปกินข้าวที่อื่น" ถ้ามึงจะพูดอย่างนี้ด่าเขามาตรงๆ เลยเถอะ

      "สัส"

      "เล่ามาตรงๆ เลยดีกว่า"

      "ก็ไม่มีอะไรพิเศษ" ไม่เห็นจะมีอะไร มันจะอยากรู้กันไปทำไม

      "ธีมึงไม่รู้บ้างหรอ ที่ช่วงนี้ไอ้ซีนหายตัวไปบ่อยๆ มันไปที่ไหน" เมื่อน้ำเห็นว่าเชนท์ซักไซ้แล้วคงจะไม่ได้คำตอบเลยหันไปถามธีที่นั่งเงียบๆ อยู่อีกฝั่งแทน

      "นั่นสิครับผมเองก็ไม่ค่อยเจอคุณซีนเหมือนกัน" ธีที่เงียบมานานเอ่ยแทรกขึ้นมา

      "เล่นไปที่ที่ผมไม่รู้จัก ชอบหายไปไหนโดยไม่เคยบอกกล่าว เล่นให้ต้องคอยตามหาซะทุกครั้ง" ถึงจะพูดไปยิ้มไปแต่เสียงนิ่งๆ ของมันดูเหมือนจะแฝงความไม่พอใจไว้พอควร

      "......."

      "ช่วงนี้เห็นออกจากบริษัทไปบ่อยๆ สงสัยคงไปที่นั่น" มันทำท่าทางเหมือนคิดหนัก แต่ในสายตาเขาตอนนี้มันดูเสแสร้งเกินไปจนเขาทนมองต่อไม่ไหว

      "ที่ไหนล่ะปกติเห็นมันใช้ชีวิตอยู่ไม่กี่ที่ บ้าน คอนโด ร้าน บริษัท" ไอ้เชนท์ทำท่าทางนับนิ้ว แต่นับเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสิบสักที ที่อื่นกูใช้ชีวิตไม่ได้รึไง เขานั่งเท้าคางมองพวกมันที่พูดคุยเรื่องของเขาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

      "ช่วยไม่ได้นี่ครับ ตอนนี้ดูเหมือนคุณซีนจะสนิทกับคนที่นั่นแล้วด้วย" มันพูดเน้นทีละคำทำเหมือนว่ากลัวพวกมันจับใจความไม่ได้

      "สนิท? กับใคร/อย่างมึงเนี่ยนะ!! " เสียงผสมปนเปจนเขาแยกไม่ออกว่าใครพูดอะไร

      "ก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น" ถึงแม้ไม่รู้ว่าพวกมันจะสื่ออะไรแต่แก้ตัวไว้ก่อนน่าจะดีกว่า

      "มึงเข้ากับคนอื่นได้ตั้งแต่เมื่อไร" ไอ้น้ำถามด้วยท่าทีจริงจัง

      "มึงก็พูดเกินไป"

      "เกินไปที่ไหนมึงระแวงคนอื่นจะตายไป"

      "ก็แค่เจ้าของร้านดอกไม้ มีอะไรให้ระแวง"

      "อย่างมึงเนี่ยนะ ไปร้านดอกไม้ไปทำไม" ไอ้เชนท์ดูมันจะไม่เชื่อที่เขาพูด มันจะไม่น่าเชื่ออะไรขนาดนั้น แค่ร้านดอกไม้ใครๆ ก็เคยเข้าป่าววะ

      "ไปแดกดอกไม้มั้ง" อดประชดกลับไปไม่ได้

      "ส่วนใหญ่ก็เห็นมึงพูดคุยกับคนอื่นได้แค่ 2-3 ประโยค แต่คราวนี้มึง....ไปเจอเขาบ่อยเลยหรอ" ไอ้น้ำนอกจากมันไม่ฟังที่เขาพูดแล้วยังจะถามแทรกขึ้นมาอีก

      "โอ้ กูอยากเจอมั่งแล้วสิ" ไอ้เชนท์ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันมาบอกกับเขาเช่นกัน

      "จะเจอไปทำไม" อยู่ๆ ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา

      "ก็ไม่ทำไม เออชวนมาที่ร้านมึงสิ มึงไปร้านเขาบ่อยทำไมไม่ชวนเขามาร้านมึงบ้างล่ะ" เขาตั้งใจฟังมันพูดเพราะนานๆ ที่มันจะพูดมีสาระขึ้นมา

      ".......ไว้คราวหน้าแล้วกัน" เพราะในตอนนี้เขายังต้องเว้นช่วงไปพักนึงก่อน ถ้าหากเขายังไปติดต่อกันแบบนี้ก็ออกจะหน้าไม่อายเกินไปหน่อย แต่ถ้าให้อีกฝ่ายมาดื่มที่ร้านเขาก็เป็นความคิดที่ไม่เลวแลกกับการได้ไปที่นั่นบ่อยๆ โดยไม่ต้องรู้สึกเกรงใจอะไร เขาหันกลับไปมองพวกมันรู้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองมา

      "......" พวกมันไม่ได้ตอบอะไรมาอีกแต่สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง นี่พวกมึงอยากเจอมากขนาดนั้นเลย สำหรับวาริณเองก็เหมือนคนทั่วๆ ไปไม่ได้พิเศษอะไร ถ้าเดินผ่านคงบอกได้แค่ว่าเป็นคนที่ไม่มีอะไรน่าสนใจด้วยซ้ำ แต่ในช่วงเวลาที่เขาได้เจอ ได้พูดคุยกลับ....ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีก

      .

      .

      .

      ในวันที่ช่างแสนอบอ้าว ถึงแม้ตอนนี้เขาจะนั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบ แต่เมื่อหันมองไปที่กระจกบานใหญ่ก็ยังรู้สึกถึงความร้อนระอุข้างนอก หน้าร้อนช่างเป็นเวลาที่ยาวนานไม่ว่าจะเป็นในยามเช้าที่แสงสว่างมาเร็วกว่าทุกวันหรือตอนค่ำที่จะมืดช้ากว่าทุกครั้ง มันทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่าเวลาในวันนี้เดินช้าจริงๆ

      'น่าเบื่อ' คงจะบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ได้ดี ยิ่งช่วงนี้พวกมันก็ไม่ได้นัดออกไปที่ไหนเลยตั้งแต่ที่เจอกันคราวนั้น ไอ้ธีก็เหมือนกันทีก่อนหน้านี้ตามติดเขาเป็นเงาแล้วตอนนี้ล่ะหายหัวไปไหนซะแล้ว

      เขาเลยต้องไปนั่งทานข้าวคนเดียวภายในร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ บริษัท ราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าร้านทั่วไปยิ่งทำให้ไม่ค่อยมีคนเข้ามา ก่อนหน้านี้เขาก็ชอบที่คนไม่เยอะและเงียบสงบแบบนี้หรอกแต่ในตอนนี้มันกลับรู้สึกตรงกันข้าม

      ช่างต่างกับที่นั่น ที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของคนในร้าน น่าแปลกที่เขาไม่ได้คิดว่ามันน่ารำคาญสักนิด แต่กลับชวนให้สนุกและเป็นกันเองซะมากกว่า หลังจากทานอาหารเสร็จเขาก็เดินทอดน่องไปตามทางเรื่อยๆ แต่เพราะข้างนอกอากาศร้อนจัดเดินไปได้สักพักก็ยอมแพ้เดินกลับเข้าไปในบริษัท และขึ้นไปที่ห้องทำงานของตัวเองตามเดิม

      "อ้าว! คุณซีนทำไมขึ้นมาไวล่ะคะ ลืมอะไรรึเปล่า" เลขาที่นั่งอยู่ด้านหน้าร้องทักขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

      "ไม่ได้ลืมอะไรหรอก" เขามองอีกฝ่ายที่เพิ่งจะเก็บของเสร็จ

      "งั้นหรอคะ"

      "แล้วเธอล่ะ ทำอะไรอยู่ไม่ลงไปอีก"

      "อ๋อคือของเพิ่งมาส่งน่ะค่ะ นี่ไงคะ" พอเธอพูดจบก็หยิบของที่วางข้างๆ โต๊ะขึ้นมา แต่เมื่อสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในระยะที่มองเห็น เขาก็ชะงักไปพักนึง ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่เป็นเพียงช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สวยงามช่อนึง

      "ของที่จะมอบให้ลูกค้าในตอนบ่ายน่ะค่ะ" ดาพูดขัดขึ้นมาทำให้เขารู้สึกตัว เมื่อกี้นี้เขาเผลอคาดหวังอะไรไป

      "ให้ใคร" เขาละทิ้งความคิดเมื่อกี้ไปก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย ไม่บ่อยนักที่จะมีการเตรียมดอกไม้ให้กับแขกที่มา สงสัยคนคนนี้คงเป็นคนพิเศษน่าดู

      "คุณไวน์ เพื่อนของคุณซิลค่ะ" ไวน์ ถือว่าเป็นคนอีกคนหนึ่งที่ใครๆ ก็ต่างให้ความเกรงใจ แต่ติดตรงที่ชอบพูดจาดูถูกคนต่ำกว่าอย่างไม่ไว้หน้า สำหรับเขาแล้วไม่ค่อยอยากจะสนิทด้วยเท่าไรถ้าเทียบกับเพื่อนอีกคนของซิลเวอร์แล้ว ฟรานซิสยังปากไม่จัดเท่านี้แต่ก็นะมันคบคนดีๆ สักคนไม่เป็นอยู่แล้ว

      "งั้นหรอ" เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ ตอนที่เธอนำดอกไม้ไปวางที่เก่าเขาก็นึกขึ้นได้

      "ถ้าคราวหน้าจะสั่งดอกไม้อีกละก็......อ่า" ให้ตายสิทั้งๆ ที่เขาไปบ่อยขนาดนั้นกลับจำชื่อร้านไม่ได้ แถมยังมีแต่เบอร์โทรส่วนตัวของอีกฝ่าย

      "ช่างเถอะแล้วจะบอกอีกที" เขาเดินกลับห้องไปตามเดิมแล้วลองหาบนโต๊ะทำงานดูว่าพอมีนามบัตรของร้านหรือไม่

      "คุณซีนหาอะไรอยู่ครับ" คนที่เข้ามาใหม่ถึงขั้นชะงัก เมื่อเห็นเอกสารในห้องกระจัดกระจายจากที่มันควรจะเป็น

      "ธีมาพอดีเลย นายเก็บนามบัตรที่ร้านดอกไม้ร้านนั้นไว้รึเปล่า" ถ้าเป็นธีคงจะไม่พลาดเรื่องแบบนี้

      "ร้านที่คุณไปวันนั้นน่ะหรอ อ่ออันนี้รึเปล่าครับ"

      "ใช่อันนี้แหละ เอาไปให้ดาที" เขาเห็นชื่อเจ้าของร้านอยู่ที่ด้านล่างของบัตร

      ".....ได้ครับ" ธีรับคำเขางงๆ ก่อนเดินออกจากห้องไป คราวหน้าเขาต้องขอนามบัตรที่ร้านไว้สักที

      เมื่อธีเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ใบหน้าคมคายนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างปิดไม่มิด ไม่แปลกหรอกที่มันจะสงสัยในการกระทำของเขาเพราะขนาดตัวเขาเองยังอดแปลกใจไม่ได้เหมือนกัน ทำไมต้องไปใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ด้วย ไม่สมกับเป็นตัวเองเลย

      "วันนี้ไม่ออกไปไหนหรอครับ"

      "ไม่ล่ะ"

      "ช่วงนี้ไม่เห็นคุณซีนไปที่นั่นเลย มีอะไรรึเปล่า? "

      "จะไปมีอะไรได้ยังไง"

      "งั้นหรอครับ" ธีไม่ถามอะไรอีก แต่ใบหน้านั้นยังไม่คลายความสงสัยลง มันคงเป็นเรื่องผิดปกติสินะถ้าเขาจะมีคนรู้จักเพิ่มสักคนสองคน ถ้าก่อนหน้านี้คงเป็นอย่างที่พวกเพื่อนเขามันพูด เพราะปกติแล้วเขาไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร โดยเฉพาะคนนอกแบบวาริณแล้วยิ่งไม่เคยเสียเวลาไปพูดคุย หรือทำความรู้จักด้วยซ้ำยิ่งกับคนที่เหมือนอยู่ในโลกคนละใบ

      ความไว้ใจยิ่งให้ไปมากเท่าไรสุดท้ายแล้วมันจะกลับมาทำร้ายตัวเขามากเท่านั้น ประสบการณ์อันเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นคอยเตือนใจเขาไว้ เพราะอย่างนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างระยะห่างไว้ยิ่งมากยิ่งดี แต่ความเคยชินมันกลับน่ากลัวกว่าที่คิดเพราะตอนนี้นอกจากความเงียบเหงาที่เกิดขึ้นแล้วเขายังคิดถึงบรรยากาศแบบนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็อยู่คนเดียวยังไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยแท้ๆ

      ทำไมอะไรๆ ก็ดูสวนทางกับสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ซะเหลือเกิน

      และช่วงเวลาที่ยาวนานแบบนี้เมื่อไรจะผ่านไปสักที

      .

      .

      .

      .

      to be continue.

      ------------------------------------------------------------------------------

 
      ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นนะคะ  :pig4: ในตอนแรกๆก็จะยังเนือยๆอยู่หน่อยค่ะ 55555+

 

 

 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2019 22:01:36 โดย tiwara »

ออฟไลน์ MScholohist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากๆครับ ชอบร้านและชาสไตล์ที่วาริณทำมากๆ

เป็นกำลังใจให้และยังรออยู่นะครับ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อ่า รออ่านต่อดีกว่า ดูมีลับลมคมในกันทั้งนั้นแต่ละคน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 
หากไม่ใช่.....รัก..... 10

 
      ระยะเวลาผ่านไปได้อาทิตย์กว่าเกือบสองอาทิตย์แล้วและเขาคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่นานพอสำหรับการเว้นระยะห่าง เขาไม่อยากให้ความคุ้นเคยมามีส่วนในการตัดสินใจ และไม่อยากที่จะเอาตัวเองไปผูกมัดกับอะไร ไม่ว่าจะเป็นทั้งสถานที่หรือผู้คน
 
      เขากลับมายืนที่เรือนกระจกนี่อีกครั้ง ในตอนที่เอื้อมมือไปเปิดประตูบานตรงหน้าอยู่ๆ ลมร้อนที่เคยพัดผ่านก็แปรเปลี่ยนเป็นไอเย็น เสียงกระดิ่งที่นี่ยังคงดังกังวานเหมือนอย่างเคยแต่กลับไร้เสียงตอบรับจากพนักงานในร้าน มองไปรอบๆ แต่กลับไม่พบผู้คน สายตาจึงจับจ้องไปยังบานประตูด้านในสุดก่อนที่มันจะถูกใครสักคนเปิดออกมา
 
      "คุณซีน" คนตรงหน้าเอ่ยชื่อเขาราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เลยไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มตรงมุมปากตอบกลับไป
 
      "เอ่อ นั่งรอสักแป๊บนะครับเดี๋ยวผมไปรินน้ำชามาให้" อีกฝ่ายตอบกลับก่อนจะเดินเข้าไปยังหลังร้านตามเดิม ในเมื่อไม่รู้จะทำอะไรต่อไปเขาเลยเลือกที่จะพาตัวเองไปยังที่ติดริมหน้าต่างที่นั่งเป็นประจำ และใช้เวลาไม่นานอีกฝ่ายก็เดินกลับเข้ามาพร้อมแก้วน้ำชาในมือ ก่อนจะนำมาวางบนโต๊ะตัวที่เขานั่งอยู่
 
      ในช่วงเวลานั้นเขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายอีกครั้งในระยะที่ใกล้เช่นนี้ ความคุ้นเคยที่ไม่อยากมีกลับรู้สึกขึ้นมาชัดเจน หากเราทั้งคู่เป็นเพื่อนกันเขาจะรู้สึกสงสัยในตัวอีกฝ่ายน้อยลงมั้ย ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของเขาร้องเตือนกลับมาว่าไม่ น้อยคนจริงๆ ที่เขาจะยอมเรียกอีกฝ่ายว่าเพื่อนได้อย่างพวกมัน หากว่าเราไม่เคยผ่านเรื่องเป็นเรื่องตายกันมามีหรือที่ต่างฝ่ายจะยอมเชื่อใจกันขนาดนี้ แต่กับคนตรงหน้าเราเพียงรู้จักกันได้ไม่เท่าไร ถึงภายนอกอีกฝ่ายจะดูเป็นคนจิตใจดีแต่ข้างในนั้นเขากลับไม่รู้ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นใครจะทรยศกันเหมือนคนอื่นที่เรียกเขาว่าเพื่อนไหม
 
      ทำไมกับการไว้ใจใครสักคนถึงเป็นเรื่องยาก แต่การหักหลังใครสักคนกลับเป็นเรื่องง่ายดาย
 
      "มีอะไรรึเปล่าครับ" น้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งถามขึ้นมา เขาเพียงส่ายหน้าแทนคำตอบ
 
      "คุณช่วยจัดดอกไม้ให้ผมสักช่อได้มั้ย ดอกที่อยู่ในแจกันมันแห้งไปหมดแล้ว" ดอกไม้ที่เขาหยิบทิ้งไปมันแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาล ส่วนช่อดอกไม้ที่ได้รับมาครั้งล่าสุดเขาก็เผลอให้ใครอีกคนไป
 
      "ได้สิครับ คุณซีนจะเอาไปใส่แจกัน? " อีกฝ่ายถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
 
      "ใช่"
 
      "ครับ" วาริณตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มเช่นเคยก่อนที่ภายในร้านจะกลับมาเงียบอีกครั้ง จะว่าไปตั้งแต่ที่เข้ามาในร้านนอกจากอีกฝ่ายแล้วเขาก็ยังไม่เจอพนักงานคนอื่นเลย มิน่าล่ะถึงได้เงียบขนาดนี้
 
      "คุณวาอยู่ร้านคนเดียวเหรอ" เขาถามขณะอีกฝ่ายกำลังจัดดอกไม้อยู่อีกฝั่งของร้าน
 
      "ครับ พอดีช่วงนี้เด็กๆ มีสอบกันคงไม่ว่างไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์"
 
      "คุณไม่เหงาบ้างเหรอ อยู่ร้านคนเดียวแบบนี้" ถ้าให้เขานั่งคนเดียวกับกองดอกไม้พวกนี้ต่อให้มันดูสวยงามแค่ไหนในสายตา แต่จะให้จมอยู่กับพวกมันทั้งวันเขาคงเหี่ยวเฉาโรยราก่อนดอกไม้พวกนี้แน่
 
      "ไม่หรอกครับก็มันเป็นงานนี่นะ"
 
      "หึ" ตอบตามมารยาทสินะ
 
      "แต่ถ้าคุณซีนมาบ่อยๆ ผมว่ามันคงจะดี"
 
      "ถ้างั้นผมจะมาทุกวันเลยคอยดู" อีกฝ่ายตอบมาอย่างนั้นเขาเลยพูดทีเล่นทีจริงกลับไปบ้าง
 
      "ตามสบายเลยครับ"
 
      "จริงสิ วันนี้ตอนเย็นคุณพอจะว่าง....." คิดว่าจะชวนอีกฝ่ายไปที่ร้านแต่ไม่ทันที่จะพูดจบประโยคก็มีเสียงใครสักคนเปิดประตูเข้ามา
 
      "เฮ้อ ร้านนี้ยังไม่เจ๊งอีกหรอวะ" ถ้อยคำไม่น่าฟังดังขึ้นมาแทรกบทสนทนาของพวกเขา วาริณมองไปยังต้นเสียงพบชายร่างสูงอยู่ที่หน้าประตู จากนั้นก็รีบเดินตรงเข้าไปหาทันที รู้สึกเหมือนทั้งคู่จะรู้จักกันมาก่อน เขาได้แต่มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายไป
 
      "มึงนี่นะ! คราวนี้มีอะไรถึงได้มาหากูได้" วาริณทักทายอีกคนอย่างสนิทสนมดูแล้วคงเป็นเพื่อนกันมากกว่าคู่อริ แต่ถ้อยคำที่อีกฝ่ายพูดเขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นวาริณพูดจาแบบนี้ยอมรับว่าตกใจนิดหน่อยเหมือนกัน มันอดแปลกใจไม่ได้ทั้งๆ ที่เขาเองก็เป็นแบบนี้จะเลือกใช้คำพูดสุภาพเฉพาะในตอนที่เป็นทางการ แต่กับเพื่อนหรือคนสนิทเขาก็จะใช้คำพูดอีกแบบเหมือนกัน ไม่แน่สำหรับอีกฝ่ายแล้ว...เขาอาจจะเป็นเพียงลูกค้าคนนึงเท่านั้น
 
      "นี่มึงลืมแล้วรึไงว่าวันนี้วันอะไร มึงลืมใช่มั้ยห้ะ" อีกฝ่ายตะโกนเสียงดังขึ้นมา
 
      "กูจะลืมได้ไง แจ้งเตือนวันเกิดมึงมาตั้งแต่เช้า" ทั้งน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูเป็นกันเองกว่าที่เคยได้ยิน
 
      "สรุปคือ ถ้าไม่มีแจ้งเตือนมึงก็จำไม่ได้สินะ นี่กูเพื่อนมึงนะเว้ย"
 
      "เออน่า แล้วกูจะเอาดอกไม้ช่อโตๆ ไปฝาก"
 
      "ไม่เอา ได้ดอกไม้จากผู้ชายน่าขยะแขยงจะตาย อุ๊บ"
 
      วาริณยื่นมือไปปิดปากเพื่อนของตัวเองทันที สายตาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ 'คำพูดเมื่อกี้มันอะไรกัน' ได้ดอกไม้จากเขามันน่าขยะแขยงอย่างงั้นเลยหรอ ไม่รู้ว่าที่เคยให้ไปอีกฝ่ายจะมีความคิดยังไง ถ้าเกิดอีกฝ่ายก็รู้สึกแบบนั้นขึ้นมาเหมือนกันเขาคง......
 
      "อื้อๆ " คนที่ถูกปิดปากอยู่ประท้วงขึ้นมา
 
      "พูดเบาๆ สิวะ" เขาออกปากเตือนก่อนจะยอมคลายมือลง
 
      "ทำไมวะ อ้าวมึงมีลูกค้าหรอ" ดูเหมือนมันจะเพิ่งเห็นว่ายังมีอีกคนที่นั่งอยู่ในร้าน
 
      "อือ ไปคุยกันหลังร้านดีกว่า" เขาลากอีกฝ่ายให้เดินตามไป ตอนผ่านหน้าโต๊ะตัวที่มีคนนั่งอยู่ มันก็เดินเข้าไปหาขอโทษขอโพยที่ทำเสียงดังรบกวน "ขอโทษที่เสียงดังนะครับ"
 
      "ไม่เป็นไรครับ"
 
      "เอ๊ะ คุณหน้าตาคุ้นๆ นะครับ เราเคยเจอกันรึเปล่า"
 
      ".......ไม่นี่ครับ"
 
      "พอเลยมึง" เขาพยามลากตัวมันไปก่อนจะสร้างเรื่องกังวลใจให้อีกฝ่ายไปมากกว่านี้
 
      "ก็เขาหน้าตาคุ้นๆ นี่หว่า" มันเถียงกลับมา ก่อนที่จะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
 
      "เออกูไปเจอร้านดีๆ มา แถวย่านK มีร้านนึงหรูไม่ใช่เล่นแต่ไม่ต้องห่วงงานนี้กูเลี้ยงเอง แค่มึงต้องไปก็พอ" มันพูดบังคับกลายๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ในเมื่อเจ้าของงานอยากเลี้ยงก็ตามใจ
 
      "รู้แล้วกูไปแน่"
 
      "เออ เดี๋ยวเจอกันที่ร้าน" พอมันพูดจบเขาก็พามันออกไปที่ประตูหลังแล้วเดินไปส่งมันที่รถ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง พอดีเห็นอีกฝ่ายนั่งจ้องมองข้างนอกผ่านบานกระจกเขาเลยเดินเข้าไปหา
 
      "ขอโทษที่เสียงดังนะครับ" ไม่รู้ว่าเมื่อกี้จะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจรึเปล่า
 
      "คนนั้นเพื่อนคุณหรอ" ซีนถามขึ้นมาเมื่อมองผ่านกระจกใสเห็นรถที่ไม่คุ้นตาแล่นออกไป
 
      "ครับนานๆ ทีจะมา แต่ส่วนใหญ่ก็สร้างแต่ความวุ่นวายอยู่แล้ว"
 
      "หึงั้นหรอครับ" อีกฝ่ายตอบแค่นั้นแต่ก็แอบหัวเราะอยู่บ้าง เขาเลยวางใจเดินถอยห่างออกมาก่อนจะกลับไปที่เคาน์เตอร์ตามเดิมและลงมือจัดดอกไม้ที่เขาทำค้างไว้
 
      ดอกไม้สีแดงสด ที่เขาตั้งใจเลือกให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะชอบมันมั้ย
 
      .
 
      .
 
      .
 
      ซีนนั่งรอไม่นานช่อดอกไม้ดอกสีแดงสดถูกนำมาวางตรงหน้าเขา สีมันดูแสบสันจนเขาต้องหันไปมองคนตรงหน้าอีกครั้ง
 
      ถ้าจำไม่ผิด ไม่เคยเลยสักครั้งที่อีกฝ่ายจะจัดช่อดอกไม้ที่มีสีสันขนาดนี้มาให้ก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงดอกไม้สีอ่อนๆ หรือแทบจะเป็นสีขาวด้วยซ้ำ พอเห็นดอกไม้คนละแบบกับที่เคยได้เขาเลยหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
 
      "ดอกไม้พวกนี้คือ? " เขาถามออกไปเพราะเขาไม่รู้จักดอกไม้ลักษณะนี้ ความจริงแล้วเขาก็รู้จักดอกไม่อยู่ไม่กี่อย่าง เช่น กุหลาบ มะลิ ชบา หรือจำปี เขาพอแยกออก
 
      "เยอบีร่าครับ เอกลักษณ์ของพวกมันคือสีสันที่สดใส"
 
      "พวกมันทนต่อสภาวะต่างๆ สามารถอยู่ในแจกันได้หลายวัน" อีกฝ่ายบอกเหตุผลมาเขาก็เข้าใจทันที ความจริงเขาก็ไม่ได้เรื่องมากอะไรก็แค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น
 
      "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี" ถึงสีสันของพวกมันจะไม่ค่อยเข้ากับเขาก็ตาม
 
      "ครับเพราะงั้นมันถึงมีความหมายว่า แข็งแกร่งและไร้เดียงสา" เมื่อวาริณบอกเหตุผลไป แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
 
      "เหอะ ความหมายมันไม่ได้ต่างกันไปหน่อยหรอ" แข็งแกร่งและไร้เดียงสาอะไรกัน
 
      "ก็หมายถึงทั้งเข้มแข็งและยังใสซื่อบริสุทธิ์ไงครับ" อีกฝ่ายส่งยิ้มไปให้และอธิบายเพิ่มเติม
 
      ".......... ความจริงแล้วแต่ละสีก็ยังมีความหมายแตกต่างกันอีก" วาริณพูดอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้บอกว่าดอกไม้ที่มีสีแดงสดจนออกส้มตรงหน้ามีความหมายว่าอย่างไร สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ถามออกไปเพราะคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าอีกฝ่ายอยากจะบอกก็คงพูดออกมาแล้ว
 
      "งั้นหรอครับ.......แล้ว"
 
      "มีอะไรรึเปล่าครับ" อีกฝ่ายคงเห็นว่าเขาหยุดพูดไปแค่นั้นเลยถามออกมา
 
      "วันนี้คุณวาคงไม่ว่างแล้วสินะ" เขาถามออกไปทั้งๆ ที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
 
      "ครับ เพื่อนผมมันชวนไปดื่มเห็นว่าเป็นร้านดัง ย่านk คุณซีนมีอะไรรึเปล่า"
 
      "เปล่า ไม่มีอะไร" ถ้ามีนัดแล้วก็ช่วยไม่ได้ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ชวนอีกฝ่ายไปที่ร้านสักทีแต่ก็ไม่เป็นไรไว้คราวหน้าแล้วกัน
 
      พอกลับมาถึงที่บริษัทเขาก็หอบดอกไม้สีแดงสดขึ้นไปยังห้องทำงาน เพราะไม่อยากทิ้งมันไว้บนรถถึงจะจอดอยู่ในอาคารก็ตาม
 
      "อุ้ย ดอกไม้สวยดีนะคะ สีสดดีจัง" เลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องทำงานเอ่ยทักขึ้นมา
 
      "ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน" มันดูจะสดใสไปด้วยซ้ำ แต่ก็ช่างมันเถอะจะเป็นดอกไม้อะไรก็ได้แค่ขอให้อยู่ได้นานๆ ก็พอ
 
      "ดาว่ามันคล้ายกับคุณซีนเหมือนกันนะคะ"
 
      "คล้าย ยังไงล่ะ? "
 
      "สีผมไงคะ ดูสิสีเหมือนผมคุณซีนเลย" ดาพยามชี้ให้ดู
 
      "งั้นหรอ" นั่นสินะอีกฝ่ายถึงได้ตั้งใจจัดดอกไม้สีนี้มาให้ก็เป็นเหตุผลที่พอเข้าใจได้ หลังจากพูดคุยกันสักพักเขาก็เดินเข้าห้องทำไปก่อนจะวางช่อดอกไม้ที่ได้มาไว้บนโต๊ะทำงานข้างๆ เขา
 
      ในระหว่างที่พยามจัดการกับเอกสารที่วางเกลื่อนตรงหน้าอยู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างนอกห้อง
 
      "หลีกไป "
 
      "เดี๋ยวก่อนค่ะ คือคุณซิลห้ามไว้ไม่ให้คุณเข้าไป"
 
      "ฉันจำเป็นต้องสนใจด้วยรึไง" แน่นอนว่าเรี่ยวแรงหญิงสาวบอบบางคนนึงไม่อาจจะฉุดรั้งคนตรงหน้าได้ ถึงแม้ว่าฟรานซิสจะยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรเลยก็ตาม
 
      'ปัง' เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาแต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจเลยเพราะคิดไว้อยู่แล้ว
 
      "มาทำไมล่ะ" เขาถามออกไปแค่เพียงได้ยินเสียงจากข้างนอกเขาก็รู้แล้วว่าเป็นใคร
 
      "ดอกไม้สวยดีนี่ ใครให้มาล่ะ หรือจะให้ใคร" อีกฝ่ายเอ่ยทักเรื่องดอกไม้ข้างๆ แทนที่จะเป็นตัวเขา
 
      ".......ไม่มี"
 
      "ซื้อมาเองรึไง"
 
      "อือ" เขาตอบมันไปพร้อมกับก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่ถืออยู่
 
      "ห้ะ อย่างนายเนี่ยนะ" ไม่อยากจะบอกมันหรอกว่าตอนนี้เขาเคยชินที่จะเห็นดอกไม้พวกนี้อยู่รอบตัวแทนที่จะเห็นมันว่างเปล่า เพราะแบบนั้นมันชวนให้สบายใจมากกว่า
 
      "แล้วจะทำไม นายมีเรื่องอะไรก็รีบพูดมาดีกว่าฟรานซ์" ถึงต่อให้เขาอธิบายคนอย่างมันก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่ดี
 
      "เจอไวน์แล้วรึไง ถึงทำท่าทางไม่ตกใจอะไร" ฟรานซิสเห็นคนตรงหน้าทำท่าทางนิ่งเฉยก็ถามขึ้นมาทันที
 
      "ก็ตามนั้น กูไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วแค่ไม่มายุ่งกับแทนก็พอ" ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไปโกรธเคืองอะไรเด็กคนนั้นนักหนาถึงชอบตามมาหาเรื่องอยู่ทุกครั้ง
 
      "จะพยายามบอกมันให้ก็แล้วกัน" ฟรานซิสทำหน้าลำบากใจและเป็นไม่กี่ครั้งที่เขาได้เห็นใบหน้าแบบนี้จากอีกฝ่าย
 
      "อือ" ถึงแม้มันจะรับปากเขาแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันกลับตรงกันข้ามสิ้นเชิง
 
      .
 
      .
 
      .
 
      ตอนที่เขากลับมาถึงบ้านแต่ไม่เจอแทนวิ่งเข้ามาต้อนรับเหมือนอย่างเคยก็รู้สึกแปลกใจแล้ว เขาได้แต่เดินเข้าไปด้านในโดยได้แต่หวังว่ามันคงจะไม่เป็นอย่างที่คิด เขาสังเกตเห็นคนสองคนนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกและแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็นแทนและอีกคนคงเป็นคนที่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวที่สุดในเวลานี้
 
      "พี่ซีน กลับมาแล้วหรอครับ"แทนที่เห็นเขาก็รีบเดินเข้ามาหลบด้านหลัง มือเรียวเล็กทั้งสองข้างเข้ามากุมชุดสูทแน่นจนมันยับ แขนทั้งคู่ก็กำลังสั่นอย่างเห็นได้ชัด
 
      "ว่าไง มาเร็วจริงนะซีน" เขามองไปยังร่างโปร่งตรงหน้าก่อนจะหันกลับมามองที่แทน
 
      "เอาดอกไม้ไปใส่แจกันที่ห้องพี่ที" เขากระซิบบอกอีกฝ่าย พร้อมกับลูบหัวอย่างเอาใจ
 
      "อื้อ" รอจนร่างบางวิ่งไปจนลับสายตาจึงค่อยหันไปสบตากับคนที่เหลืออยู่แทน
 
      "มีธุระอะไร เหรอครับ"
 
      "พี่จะไปทักทายซีนที่บริษัท แต่พี่หาเราไม่เจอเลยมารอที่นี่แทน" โกหกจะไม่เจอเขาได้ยังในวันนี้เขาแทบจะไม่ได้ออกจากห้องทำงานเลยด้วยซ้ำ
 
      "ครับ ถ้ายังไงคราวหน้าจะมาก็ช่วยบอกผมหน่อยก็ดี"
 
      "ดอกไม้ช่อเมื่อกี้สวยดีนี่ ซื้อมาให้มันเหรอ"
 
      "........."
 
      "บอกแล้วไง ว่าไม่ควรให้มันอยู่ที่นี่"
 
      "ผมจะพูดอีกครั้ง แทนเป็นคนของที่นี่ และ พี่เป็นแค่คนนอกเท่านั้น" เขาย้ำให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงสถานะของตัวเอง
 
      "หึถึงแม้มันจะทำให้นายกับซิล ผิดใจกันน่ะหรอ" อีกฝ่ายไม่ฟังทั้งยังคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้เขาเสียใจขึ้นมาได้
 
      "หึ อย่างมันน่ะหรอผมไม่ได้ใส่ใจมานานแล้ว" ซีนแสดงท่าทางราวกับว่ามันเป็นเรื่องไร้ค่าในสายตา
 
      "โธ่ เด็กน้อย เพราะเป็นแบบนี้สินะซิลถึงไม่ยอมบอกอะไรนายเลย น่าสงสารจริงๆ " อีกฝ่ายยังคงพูดเหมือนกับมีอีกหลายสิ่งที่เขายังไม่รู้
 
      "กลับไปได้แล้ว! กลับไปพร้อมกับความสงสารนั่นแหละ ผมไม่ต้องการ" รู้สึกเหมือนความอดทนจะหมดลง เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาเริ่มไม่พอใจก็เริ่มเปลี่ยนท่าทางทันที
 
      "หึ อย่าอารมณ์เสียไปสิ พี่แค่แวะมาเจอเราเท่านั้น" ถ้าไม่มีเรื่องของแทนคนตรงหน้าคงจะดูเป็นคนดีกว่านี้ในสายตาเขา
 
      เมื่อเห็นร่างโปร่งตรงหน้าเดินออกไปจนพ้นสายตา เขาก็ขึ้นไปหาแทนที่ชั้นบนทันทีแต่ตอนนี้ร่างบางที่เขาเห็นไม่ได้สั่นกลัวอีกแล้ว แต่มัวจัดแต่งดอกไม้ใส่แจกันจนไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยต่างหาก
 
      "อารมณ์ดีขึ้นแล้วรึไง"
 
      "อื้อ"
 
      "ไวน์ก็เป็นคนแบบนี้แหละ อย่าไปคิดมากเลย" เขาลูบหัวปลอบใจอีกฝ่าย
 
      "ผมรู้ รู้ว่าเขาเป็นคนยังไงและรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่คงเพราะความเป็นห่วงมากกว่า คงกลัวว่าผมจะเข้ามาทำลาย......ชีวิตพี่ซีนกับเขา" ร่างบางพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เขายังคงฟังชัดทุกคำ
 
      "ไม่ต้องให้คนอื่นมาพูดหรอก เราเป็นยังไงพี่รู้ดีที่สุดไม่ต้องให้ใครมาบอก"
 
      "อือตอนนี้ผมไม่สนใจมันแล้ว....ถ้าพี่ซีนบอกว่าที่นี่คือที่ของผมมันก็จะใช่ แต่ถ้าพี่ซีนบอกว่าไม่มันก็คง.......จะไม่ใช่"
 
      "ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอกน่า" เขาขยี้หัวอีกฝ่ายที่เริ่มคิดไปไกล
 
      "ถ้าให้เทียบกัน ฟรานซิสคงดีกว่าจริงๆ " เขาพูดลอยๆ ขึ้นมาถึงมันจะดูเย็นชาแต่อย่างน้อยมันไม่เคยว่าร้ายแทนสักครั้ง
 
      "ดีกับพี่ซีนคนเดียวน่ะสิ! " อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด
 
      "ทำไมล่ะ? " เขาสงสัยที่อีกฝ่ายดูไม่เห็นด้วย
 
      "สำหรับผมแล้วพวกเขาก็ไม่ต่างกันเลย โดยเฉพาะคุณฟรานซิส" อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยท่าทางจริงจัง
 
      "ฮ่าๆ ๆ พูดอะไรน่ะฟรานซิสน่ะนะ" แต่กลับทำให้เขาหัวเราะออกมา เพราะสำหรับเขาแล้วฟรานซิสไม่ได้อันตรายแบบนั้น
 
      "จริงๆ นะ ผมกลัวแววตาที่คนคนนั้นมองมา" อีกฝ่ายก็ยังคงยื้อเสื้อเขา พร้อมย้ำความคิดเดิม
 
      "ถ้าเราว่าอย่างนั้น ก็ทำตัวดีๆ กับพี่เยอะๆ สิมันจะได้ไม่มายุ่งกับเราดีมั้ย"
 
      "ผมเป็นเด็กดีอยู่แล้วล่ะน่า"
 
      "เถียงได้อย่างนี้ อยู่คนเดียวได้แล้วสิ" อีกฝ่ายรีบปล่อยมือทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา
 
      "พี่ซีนจะออกไปข้างนอกหรอ"
 
      "ใช่ มีอะไรหรือป่าวหรืออยากให้ธีอยู่เป็นเพื่อน" เมื่อซีนพูดจบแทนก็เห็นเจ้าของชื่อที่เพิ่งพูดถึงไปเดินเข้ามาจากด้านหลัง แต่เมื่อได้ยินประโยคนั้นกลับส่ายหัวทันที ถึงเขาอยากให้ธีอยู่เป็นเพื่อนแต่อีกฝ่ายคงไม่อยากอยู่ด้วยเท่าไรคงเพราะต้องคอยตามดูแลคนตรงหน้าในช่วงนี้
 
      "ไม่เป็นไร ป้าช้อยก็ยังอยู่" แทนพูดถึงแม่บ้านที่คอยดูแลที่นี่เป็นคนใจดีและชอบตามใจคุณหนูคนเล็กของบ้านเป็นที่สุด
 
      "งั้นก็ได้เป็นเด็กดีล่ะ แล้วพี่จะรีบกลับ" เห็นแทนบอกออกมาเองอย่างนี้เขาก็วางใจ
 
      "อื้ม"
 
      ความจริงเขาตั้งใจจะกลับมาแค่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยไป แต่พอเห็นแทนมาเจอเรื่องแบบนี้เขาเลยอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนอีกฝ่ายพักนึงก่อนจะขับรถออกไป
 
      ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้านเขากลับรู้สึกเหมือนเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นเคยเลยรีบตามแผ่นหลังนั้นไปแต่มันกลับถูกกลืนไปพร้อมฝูงชนจนทำได้แค่เดินถอยหลังออกมา ถ้าคิดให้ดีไม่มีทางที่วาริณจะมาที่นี่ได้หรอกเพราะร้านที่อีกฝ่ายจะไปร้านดังในย่านK นี่
 
      'เดี๋ยวนะร้านนี้ก็อยู่ในย่านK นี่หว่า' ด้วยความสงสัยเขาเลยคิดว่าจะเดินกลับไปทางเมื่อกี้แต่ไม่ทันไรก็ไปชนกับใครบางคนเข้าอย่างเต็มแรงก่อนที่จะได้ก้าวออกไป ตัวเขาซวนเซเกือบจะล้มแต่อีกฝ่ายเข้ามารั้งแขนของเขาเอาไว้ทัน และเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

      "ขอโทษนะครับ เป็นอะไรมากรึเปล่า" เพราะน้ำเสียงนั้นช่างฟังดูคุ้นเคยเขาเลยมองขึ้นไปยังคนตรงหน้าก่อนที่จะสบถคำด่าอะไรออกไป ภายในแสงสลัวเขาพยามจ้องมองใบหน้านั้นก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
 
      "คุณวา" ใช่จริงๆ ด้วย
 
      "คุณซีนหรือครับ บังเอิญจัง" อีกฝ่ายพยุงเขาให้กลับมายืนตัวตรงอีกครั้งก่อนจะทำสีหน้าแปลกใจ
 
      "ใช่ บังเอิญจริงๆ ด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าที่คุณวานัดกับเพื่อนจะเป็นที่นี่" จะมาที่ร้านของเขาแบบนี้
 
      "นั่นสิครับผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน แล้วคุณซีนมาที่นี่บ่อยหรือครับ" อีกฝ่ายถามขึ้นมาทั้งยังไม่ยอมปล่อยแขนที่พยุงเขาไว้
 
      "อ่า ก็ประมาณนั้น " ถ้าไม่มาร้านที่ตัวเองเป็นเจ้าของจะให้ไปที่ไหนได้ เขานึกในใจ
 
      "แล้วคุณซีนมาคนเดียวหรอครับ" วาริณมองหาคนข้างกายของอีกฝ่าย
 
      "เปล่าผมนัดเพื่อนไว้แต่สงสัยมันจะยังไม่มากัน" ความจริงแล้วเขาเป็นคนปฏิเสธคำชวนพวกมันเองด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าจะชวนคนตรงหน้าแทน แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเลยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นพวกมันยังจะมากันอยู่อีกมั้ย
 
      "ถ้างั้นไปนั่งกับผมก่อนมั้ย อยู่คนเดียวในที่แบบนี้น่าเป็นห่วงนะครับ" ได้ยินอย่างนั้นซีนก็นึกขำอยู่ในใจ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของที่แบบนี้จะว่ายังไงกัน
 
      "ไม่รบกวนคุณวาดีกว่า อีกเดี๋ยวเพื่อนผมคงจะมากันแล้ว"
 
      เขาหันไปมองพนักงานในร้านที่ใกล้ที่สุดก่อนจะเรียกเข้ามาหา "ถ้าขาดเหลือยังไงก็บอกเด็กที่นี่ได้เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ"
 
      "ครับ" อีกฝ่ายได้แต่ยืนนิ่งก่อนตอบรับออกไป ถึงแม้ถ้อยคำที่เหมือนแสดงความเป็นเจ้าของจะทำให้วาริณรู้สึกสับสนก็ตาม
 
 
 
 
 
      to be continue.
 
 
 
      ................................................................................................
 
      ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ  :pig4: อ่านแล้วดีไม่ดียังไงก็บอกได้นะคะจะนำไปปรับปรุงค่ะ
 
 
 
 
 
 


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
หากไม่ใช่.....รัก..... 11


      เยอบีร่าสีแดงสดที่วาริณมอบให้อีกฝ่ายไป แน่นอนทั้งสีสันที่สดใส ทั้งสามารถทนต่อสภาพอากาศภายนอกได้เหมาะกับการวางไว้ในแจกัน แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้นที่เขาตัดสินใจเลือกมัน เยอบีร่าความหมายทั่วไปของมันคือ 'เข้มแข็งและบริสุทธิ์' แต่สำหรับเยอบีร่าสีแดงแล้ว

      'ตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว'

      ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวกับความรู้สึกที่เหมือนความกลัว กลัวการไม่ได้พบอีกฝ่าย ไม่ได้เห็นดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง มันเกิดขึ้นหลังจากสบตากันเพียงครั้งเดียว

      บนโต๊ะที่ยังคงเต็มไปด้วยดอกไม้อย่างเช่นเคยแต่ในวันนี้มีสิ่งเดียวที่แตกต่างออกไป โทรศัพท์มือถือ มันถูกวางอยู่รวมกับกองดอกไม้แสงในหน้าจอสว่างออกมามันถูกเปิดทิ้งไว้พร้อมเลขสิบหลักที่ยังไม่เคยมีการโทรออก

      สิ่งเดียวที่เขารู้เกี่ยวกับอีกฝ่ายคงเป็นตัวเลขพวกนี้ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูห่างไกลกับตัวตนของคนคนนั้น แต่เขากลับจดจำเลขสิบตัวนี้ได้ขึ้นใจ เขาจ้องมองราวกับมันจะช่วยอะไรได้ หึ ถ้าเลือกได้อยากจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาแทนที่จะต้องมานั่งรออย่างไร้ความหวัง ถ้าเลือกได้อยากจะคว้าอีกฝ่ายไว้ไม่ให้หนีหายไปได้อีก แต่อย่างเขาจะเลือกอะไรได้

      ได้แต่ส่งความในใจผ่านดอกไม้พวกนี้

      แล้วในสถานการณ์อย่างในตอนนี้ควรจะเรียกว่าความบังเอิญหรืออะไรดี คนที่เขาเฝ้ารอในช่วงสองสัปดาห์แต่พอมาวันนี้กลับมีโอกาสได้เจอถึงสองครั้งในวันเดียวกัน สายตาของวาริณยังคงจับจ้องร่างโปร่งที่ในตอนนี้กำลังพูดคุยบางอย่างกับพนักงานในร้านก่อนที่จะเดินผ่านไป

      "ไอ้วาเป็นอะไร ทำไมมึงเหม่ออย่างนั้น" เสียงจากคนที่นั่งด้านข้างดังขึ้นมา

      "เปล่าไม่มีอะไร" ถึงเขาจะตอบไปอย่างนั้นแต่ยังไม่ยอมละสายตาจากแผ่นหลังตรงหน้าอยู่ดี และไม่นานพนักงานในร้านคนนั้นก็เดินตรงมาที่เขาและเอ่ยทักทายด้วยเสียงสุภาพ

      "ต้องการอะไรก็บอกได้เลยนะครับ" อีกฝ่ายพูดเช่นนั้นทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง

      "รู้จักกับคุณซีนด้วยหรอ" เขาไม่ได้สนใจประโยคก่อนหน้าแล้วเอ่ยถามสิ่งที่ติดอยู่ในใจออกไป

      "ครับ ถ้าบอกไม่รู้จักก็จะน่าอายไปหน่อย" อีกฝ่ายตอบกลับมาน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความขบขัน เขาได้แต่สงสัยและถามกลับไป

      "ก็เขาเป็นเจ้าของที่นี่ นี่ครับ" อีกฝ่ายตอบตามตรง อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนเสียงรอบข้างดูเงียบสนิท

      "คนๆ นั้นน่ะหรอ" เขาถามย้ำอีกครั้ง

      "ถ้าคุณหมายถึง คุณซีน ศิภาวัช ก็ใช่ครับ" อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างไม่คิดอะไร เขาได้แต่นิ่งเงียบไม่มีอะไรจะพูดต่อ จะพูดได้ไงในเมื่อชื่อจริงของอีกฝ่ายเขายังไม่รู้เลย

      "เดี๋ยวนะ'ซีน'ที่มึงว่านี่หมายถึงคนในร้านตอนกลางวันใช่มั้ย" เพื่อนเขาคนนึงพูดแทรกขึ้นมา มันกำลังถามถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดในวันนี้

      "อืม"

      "กูว่าแล้วว่าเคยเจอที่ไหน" มันตบมือบนโต๊ะเสียงดัง

      "มึงรู้จัก? " เขาเป็นฝ่ายหันไปถามมัน พนักงานที่ยืนอยู่ตอนนี้ได้ถอยห่างออกไปแล้ว

      "ใครกันบ้างที่จะไม่รู้จักศิภาวัช" มันตอกกลับมาอย่างใส่อารมณ์ วาริณได้แต่ใช้สายตามองไปนิ่งๆ ราวกับจะยืนยันว่าอย่างน้อยก็ยังมีอีกคนที่อยู่ตรงนี้

      "ก็มึงเอาแต่อยู่ในร้านน่ะสิ ถ้าในโลกธุรกิจแล้วไม่มีใครไม่รู้จักหรอก"

      "คงงั้น" ถึงจะไม่ค่อยพอใจที่มันพูดแบ่งแยกชัดเจน แต่นั่นก็เป็นความจริง

      "ก็ใช่น่ะสิ แค่ดูจากร้านนี้ก็รู้แล้วไม่ใช่รึไง" มันพูดพร้อมผายมือออกด้านข้างเหมือนพยามโอ้อวดแทนชื่อที่อ้างถึง พอลองมองตามทิศทางของมือนั้นไปเขาก็พบเห็นผู้คนมากมายถ้าสังเกตให้ดีแต่ละคนล้วนเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมกันทั้งนั้น

      "หึ นั่นสินะ" เขาส่งเสียงในลำคอราวกับไม่อยากรู้คำตอบไปมากกว่านี้แล้ว เขายกแก้วสีอำพันขึ้นดื่มอย่างไม่เว้นช่วงจนมีเสียงห้ามปรามดังขึ้นมา

      "เฮ้ยวาค่อยๆ ดื่มสิวะ" เพื่อนที่นั่งอีกข้างเอื้อมมือมาจับที่แก้วให้มันวางลงตามเดิม

      "แค่นี้ไม่ทำให้เมาหรอกน่า" เขาบอกมันก่อนปัดมืออีกฝ่ายออกแล้วยกแก้วในมือขึ้นดื่มอีกครั้ง

      "เฮ้อ" เสียงถอนหายใจดังขึ้นมา เมื่อรู้ว่าห้ามยังไงก็ไม่เป็นผล

      .

      .

      .

      อีกด้านหนึ่งของร้านในโซน VIP ห่างไกลจากกลุ่มคนและไม่มีเสียงดังวุ่นวาย มีชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่โต๊ะด้านในสุดท่าทางเหมือนกำลังรอใครบางคนที่ไม่ได้นัดไว้ เมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้เชนท์ก็หันมองกลับหลัง แล้วลอบยิ้มอย่างรู้ทัน

      "ไหนมึงว่าจะไม่มาไง" นอกจากรอยยิ้มของมันก็ยังมีคำถามที่ดูกวนประสาทมากเป็นพิเศษ

      "แล้วไง กูจะต้องรายงานมึงทุกครั้งมั้ย"

      "หึ แล้วไหนล่ะ กูคิดว่ามึงนัดคนไว้" ไอ้น้ำยังคงถามขึ้นมาด้วยความรู้สึกมั่นใจ

      "เขามีนัดแล้ว"

      "หึๆ น่าสนใจมีคนนัดแล้ว? ปกติมึงสนใจด้วยรึไง"

      "มึงสงสัยอะไรนักหนา แค่คนรู้จักกัน" อีกอย่างคนที่เขาใช้วิธีแบบไม่สนมารยาทได้คือคนที่ไม่ได้อยู่ในสายตาและไม่จำเป็นต้องสนใจ

      "ก็อยากเจอ นัดมาไม่ได้รึไงหลังจากเขาเสร็จธุระก็ได้"

      "......."

      "กูจะได้ช่วยดูให้ว่ามึงควรวางใจได้รึเปล่า" มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา

      "หึ กูไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้นก็แค่เสียดายที่ดีๆ แบบนั้นเท่านั้น" ที่ๆ ช่วยทำให้ใจที่ว้าวุ่นสงบลงได้ เขานั่งลงข้างๆ พวกมัน ทิ้งตัวไปด้านหลังชนกับพนักพิงนิ่มๆ แหงนหน้ามองโคมไฟเหนือหัวตนเองจนเวลาผ่านไปซักพัก

      ระหว่างที่ในร้านเต็มไปด้วยเสียงดนตรีหนักๆ ผู้คนต่างให้ความสนใจและร่วมสนุกไปกับมันแต่ตัวเขาเลือกที่จะถอยออกมาอยู่ด้านนอก และจุดบุหรี่ขึ้นสักมวน เขาไม่ได้ติดใจหรืออยากสูบอะไรแค่พกมันไว้แก้เหงาปากเท่านั้น ในช่วงฤดูร้อนแบบนี้บรรยากาศในตอนกลางคืนก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาเท่าไร แต่ก็ยังมีลมที่คอยพัดควันบุหรี่ให้ลอยไปไกลได้

      ในเวลาเดียวกันวาริณยังคงมองไปรอบๆ ภายในร้านมันดูเรียบหรูต่างจากที่เคยไป เสียงเพลงสากลดังขึ้นต่อเนื่องสลับช้าเร็วตามคำขอของลูกค้า เลยโต๊ะที่เขานั่งไปไม่กี่ก้าวก็เป็นบริเวณหน้าเวทีที่ใช้แสดงดนตรี สถานที่โล่งตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คน เสียงกลองที่เริ่มดังขึ้น

      เขาถูกเสียงนั้นรบกวนจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง อดรู้สึกรำคาญขึ้นมาไม่ได้คงเพราะเขาไม่ได้มาสถานที่แบบนี้มาตั้งแต่เรียนจบ หรือเพราะอายุที่เพิ่มขึ้นเลยไม่ได้รู้สึกสนุกกับมันแล้ว เขาถอยออกมาจากตรงนั้น เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ จนเจอทางออกไปยังระเบียงด้านนอกดูเหมือนจะไม่มีใครแต่พอเลื่อนประตูกระจกก็ได้กลิ่นบุหรี่ลอยเข้ามา

      "สูบบุหรี่เยอะไม่ดีหรอกนะครับ" แค่เห็นด้านหลังเขาก็รับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ประโยคนั้นถูกพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง

      "นี่น่ะแค่นานๆ ทีครับ" ซีนหันมามองทางเขาก่อนจะตอบกลับมา

      "ครับ"

      "ที่นี่มันน่าเบื่อเหรอครับ" เป็นคำถามที่ทำเอาไปต่อไม่ถูกแต่จะให้ตอบตามตรงคงจะไม่ดี

      "......เปล่าครับแค่ผมไม่ได้มาที่แบบนี้นานแล้วเลยไม่ค่อยชินเท่าไร" เขาใช้เวลาสักพักก่อนตอบออกไปไม่รู้สึกตัวว่าประโยคนั้นแอบแฝงไปด้วยความเกรงใจ

      "รู้แล้วหรอครับ"สายตาอีกฝ่ายหันมามองเขาอย่างจับผิดจนเขาเผลอหลบสายตาไป ไม่รู้ว่าคำตอบเมื่อกี้ของเขาผิดพลาดที่ตรงไหน

      "ครับ คือเมื่อครู่ผมไม่ดีเองขอโทษด้วยนะครับ" เห็นอีกฝ่ายคาดคั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่ก่อนหน้านี้เอาที่นี่ไปเปรียบกับร้านอื่นที่เคยไป แถมยังทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่มาเพียงคนเดียวในยามวิกาล

      "หึ ไม่เป็นไรมันก็จริงอย่างที่คุณพูด ที่นี่มันอันตราย"

      "....."

      "แล้วพวกเพื่อนคุณล่ะ" พอไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปอีกฝ่ายเลยเลือกที่จะเปลี่ยนคำถาม

      "นานๆ ได้เจอกันที ตอนนี้พวกมันดูจะสนุกเต็มที่เลยหะหะ" เขาหันมองกลับไปที่กลุ่มเพื่อนมันนั่งอยู่ถึงจะเห็นเพียงไกลๆ แต่เขายังรู้สึกได้ช่วงเวลาที่ได้เจอกับพวกมันยังคงเหมือนเดิมแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากสี่ปีก่อน เขามองภาพนั้นพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏออกมา

      "งั้นก็ดีแล้ว" น้ำเสียงอ่อนโยนถูกเอ่ยขึ้นมา เรียกให้ตัวเขาหันกลับไปมองใบหน้าของอีกฝ่ายในตอนนี้

      "ครับ"

      ใช่ดีแล้วจริงๆ บรรยากาศในตอนนี้ไม่ได้อบอ้าวพอมีลมพัดมา การได้อยู่ข้างๆ อีกฝ่ายทำให้เขาไม่อยากจะขยับตัวไปไหน

      "หลังจากนี้พอจะว่างสักพักมั้ย คือเพื่อนผมอยากเจอคุณ" อยู่ๆ อีกฝ่ายดับบุหรี่ในมือทิ้งไป ก่อนจะหันมาสบตาเขา

      "ผมน่ะเหรอ" เขาถามเพื่อความแน่ใจ ทั้งยังสงสัยเพื่อนของอีกฝ่ายจะอยากเจอเขาไปทำไม

      "ใช่ แต่ถ้าคุณลำบากใจไม่ต้องก็ได้"

      "ได้ครับ ผมจะไปหา" ขอเพียงมีโอกาสที่จะเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ใครจะยอมทิ้งไป

      "หึแล้วจะให้คนไปตามก็แล้วกัน" เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะเดินจากไปแขนเขาก็เริ่มขยับไปข้างหน้าเตรียมจะรั้งข้อมือนั้นไว้ก่อนแต่ก็ไม่ทัน หรือเป็นเขาที่หยุดเคลื่อนไหวไปก่อนก็ไม่แน่ใจ แผ่นหลังนั้นก็หายไปจากการมองเห็นอีกครั้ง กับตัวเขาที่ยืนอยู่ที่เดิม

      หลังเพื่อนแยกย้ายกันกลับไปเขาก็ยังนั่งรออยู่ที่เดิม เพราะไม่รู้ว่าจะตามหาอีกฝ่ายได้จากที่ไหน แต่ก็ไม่นานพนักงานในร้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา

      "เชิญครับ" ประโยคสั้นๆ แต่เขาก็เข้าใจว่านี่คือการ 'ให้คนไปตาม' ของอีกฝ่าย เขาเป็นผู้ตามที่ดีจนมาถึงที่หมาย โต๊ะสำหรับสี่ที่นั่งเหลือที่ว่างอยู่ที่เดียว ข้างๆ กับเจ้าของคำชวน

      "คุณวาเชิญครับ" คุณซีนเรียกให้เข้าไปนั่งด้วย เขาก็เดินตามเข้าไป

      "นี่คุณวา คนที่เคยเล่าให้ฟัง" อีกฝ่ายแนะนำเขาให้กับเพื่อนอีกสองคนรู้จัก

      "ไม่ทราบว่ามึงเล่าให้ฟังตอนไหนวะ" เพื่อนคนนึงของคุณซีนหันไปต่อว่าอีกฝ่าย กลับกันคนที่เหลืออยู่หันมาทักทายเขาอย่างสุภาพ

      "ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมน้ำ ส่วนนั่น เชนท์" อีกฝ่ายแนะนำตัวเองรวมถึงคนที่นั่งข้างกัน

      "เช่นกันครับ ผมวาริณ เรียกแค่วาก็ได้" เขาแนะนำตัวเองกลับไปพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

      "ได้ยินว่าคุณวาทำร้านดอกไม้ ผมเองก็สนใจเรื่องดอกไม้อยู่เหมือนกัน" น้ำเอ่ยด้วยท่าทีสนอกสนใจเป็นพิเศษแต่พอซีนได้ยินอย่างนั้นเริ่มกลอกตาไปมารับไม่ได้กับการเสแสร้งของเพื่อนตัวเอง

      "อย่างนั้นเหรอครับ" ผิดกลับวาริณตอบรับอย่างว่าง่าย

      "อยากลองไปร้านคุณบ้างจัง"

      "ยินดีครับ นี่นามบัตรทางร้าน" พูดจบ วาริณก็หยิบนามบัตรออกมาพร้อมกันสองใบ ยื่นให้เชนท์ กับน้ำที่นั่งตรงข้าม แต่ก็โดนซีนรับตัดหน้าไปจนเกิดเสียงโวยวายขึ้นมา

      "เฮ้ย! " เชนท์ร้องขึ้นมาเมื่อมือยื่นไปต้องค้างชะงัก

      "พวกมึงสองคนเอาไปใบเดียวก็พอแล้วนี่" ซีนว่าก่อนจะเก็บนามบัตรลงกระเป๋าเสื้อ

      "มึงนี่มัน" อีกฝ่ายรู้สึกไม่พอใจที่ถูกตัดหน้าทำท่าจะแย้งขึ้นมาอีกรอบวาริณเลยต้องเข้ามาขวางไว้อย่างช่วยไม่ได้ เขาส่งนามบัตรอีกใบให้คนที่อยู่ตรงข้ามกัน

      "นี่ครับคุณเชนท์"

      "ไว้พวกผมจะแวะไป" อีกฝ่ายยื่นมือมารับก่อนตอบกลับมาตามมารยาท แต่ยังอดหันไปแขวะเพื่อนตัวดีไม่ได้

      "ครับ"

      "คุณวาไปตามใจพวกมัน พวกมันก็ดีแต่ไปสร้างเรื่อง" ซีนที่เห็นอีกคนทำดีกับคนอื่นไปทั่วเลยพูดขึ้นมาบ้าง

      "มึงดีตายล่ะ"

      วาริณมองคนทั้งคู่ที่เถียงกันไปมาก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

      "พวกคุณดูสนิทกันดีนะครับ" ถึงเขาเพิ่งเคยเจอเพื่อนของอีกฝ่ายแต่กลับดูไม่แตกต่างกับพวกเพื่อนเขาเลยสักนิด

      "ก็รู้จักกันมานาน" อีกฝ่ายตอบกลับมาราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

      "มาดื่มกันดีกว่านี่ของคุณวาครับ" เชนท์ที่เห็นซีนไม่เข้ามาหาเรื่องแล้วเลยรินไวน์ชั้นดีลงในแก้วของวาริณ

      "ขอบคุณครับ" อีกฝ่ายขอบคุณก่อนจะรับมาดื่ม ก่อนหน้านี้เขาก็ดื่มมาไม่น้อยพอมาดื่มแก้วนี้ก็รู้สึกมึนใช้ได้

      "ดื่มอีกสิครับ ดื่มเยอะๆ เลย" พอหมดแก้วไม่นาน น้ำสีแดงก็ไหลลงมาเติมเต็มในแก้วอีกครั้ง และอีกครั้ง

      "ไม่ไหวล่ะมั้งครับ ไวน์นี่แรงจังผมขับรถมาซะด้วย" เขายกมือห้ามอีกฝ่ายที่พยามจะรินไวน์ในแก้วเขา

      "โธ่คุณวา อุตส่าห์ได้รู้จักกันทั้งที อีกสักหน่อยเถอะครับ" พอถูกพูดอย่างนั้นเรื่อยๆ เขาเลยต้องตอบรับอย่างเสียไม่ได้

      "ครับ" เพียงเท่านั้นภาพก็ดูตัดไป

      .

      .

      .

      "อะไรว้า คออ่อนจัง" เสียงหยอกล้อของเชนท์ดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเห็นอีกฝ่ายคอพับไปด้านข้าง

      "ทำเป็นพูดดีมึงอ่ะแค่จิบแต่รินให้เขาซะเต็มแก้ว" ซีนหันกลับไปต่อว่าอีกฝ่าย

      "เฮ้อแล้วจะทำยังไงต่อล่ะเนี่ย" น้ำพูดขึ้นมาบ้างถึงน้ำเสียงจะดูเหมือนเป็นห่วงแต่ท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

      "มึงรู้จักเขานี่ รับผิดชอบสิ" เชนท์พยามเออออด้วย และรีบปัดความรับผิดชอบทันที

      "นั่นสิ ไม่งั้นก็ปล่อยไว้อย่างนี้" น้ำเสนอความเห็นที่ดูไม่รับผิดชอบออกมา

      "นี่ลองใจกู" เขามองพวกมันสองคนสลับกัน ก็พอเข้าใจว่าพวกมันกำลังทำอะไร

      "แล้วแต่มึงสิ ที่ร้านก็มีห้องว่างอยู่"

      "แต่พรุ่งนี้เขาต้องเปิดร้านนี่" พวกมันสลับกับพูดทีละประโยคสองประโยค จากนั้นเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นอีกครั้ง

      "ธี" เขาหันไปด้านข้างเรียกมันให้เข้ามาหา คนที่เอนไปด้านข้างก็ขยับตัวอีกครั้ง

      "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้แค่ พักสักหน่อย" อีกฝ่ายที่พอรู้สึกตัวอยู่บ้างพยามฝืนตัวลุกขึ้นมา ผู้ชายร่างสูงที่แค่นั่งให้ตรงยังไม่ไหวดูน่าสงสารไม่น้อย

      "งั้นหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ" เขาพยุงอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะเดินไปที่จอดรถตามที่อีกฝ่ายบอกมา พออีกคนพยามจะไขกุญแจเข้าไปเขาคว้ามันมาก่อนจะโยนไปให้คนติดตามแทน ถ้าเขาทิ้งอีกฝ่ายไว้ที่รถเชื่อได้เลยว่าคงจะอยู่อย่างนี้ทั้งคืน

      เขาปล่อยให้ไอ้เชนท์บังคับอีกฝ่ายดื่มอย่างเต็มใจ (?) จนหมดสภาพแบบนี้ถือเป็นความผิดของเขาเช่นกันดังนั้นก็ควรจะรับผิดชอบ และปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าเคยสร้างเรื่องยุ่งยากให้อีกฝ่าย

      "มึงขับรถไป ส่วนคนเดี๋ยวกูไปส่งเอง"

      "คุณซีนไม่ต้องลำบากหรอกเดี๋ยวผมให้คนอื่นมาทำแทนก็ได้" ก็จริงจะให้คนอื่นไปส่งก็ได้แต่

      "ถือว่าเป็นการแสดงน้ำใจของกูก็แล้วกัน" ธีไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่ในใจกลับคิดว่าตอนนี้เจ้านายเขารู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไร หยิบยื่นไมตรีให้กับคนที่ไม่รู้ว่ามิตรหรือศัตรู แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ยอมรับกุญแจมาก่อนจะขับตามออกไป

      รถคันสีแดงขับออกจากร้านไม่นานก็ถึงที่หมาย บ้านเรือนกระจกอยู่ตรงหน้า เขาพาวาริณขึ้นบันไดไปยังชั้นสองคว้ากุญแจจากกระเป๋าอีกฝ่ายมาไขประตูเข้าไป ก่อนจะพยุงให้นอนบนเตียงราบหลังจากจัดการให้คนตรงหน้าเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่เขาควรจะกลับสักที
     
      "อึก! " ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับเขาก็ร้องออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

     แขนข้างหนึ่งถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้จนเสียหลักล้มลงไป เขากระแทกตัวลงบนฟูกแขนทั้งสองข้างดันตัวเองไว้ทันตอนนี้เลยคร่อมอยู่บนตัวอีกฝ่ายพอดี ใบหน้าอยู่ห่างจากคนตรงหน้าเพียงคืบ ขณะที่ขยับไปไหนไม่ได้ก็เห็นสายตาของอีกฝ่ายจากที่ควรจะหลับอยู่กลับมองตรงมาที่เขา เราสบตากันอยู่แบบนั้นไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายละสายตาก่อน

      "อ่ะ " เขาเผลอร้องออกมาอีกครั้งเมื่อคนที่ล้มนอนอยู่บนเตียงเป็นฝ่ายเริ่มขยับเข้าหาทีละนิดจนริมฝีปากเราสัมผัสกันเพียงแผ่วเบา เขาเผลอขยับหนีตามสัญชาตญาณ แต่อีกฝ่ายกลับรั้งเอวเขาให้เข้าไปใกล้ขึ้น

      "ปล่อยผมก่อน" เขาบอกแต่อีกฝ่ายไม่ฟังยังคงคว้าเอวเขาอยู่แบบนั้นขยับไปไหนไม่ได้ แค่ไม่กี่นาทีแต่กับเหมือนเนิ่นนานเป็นชั่วโมง กว่าอีกฝ่ายจะยอมคลายวงแขนออกก่อนจะล้มตัวลงนอนตามเดิม เขาพยามขยับตัวลุกออกมายืนที่ข้างเตียง ใช้หลังมือเช็ดที่ริมฝีปากเบาๆ

      "คุณตอนเมานี่ก็พูดไม่รู้เรื่องเหมือนกันนะ" อยู่ๆ ก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมา คิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจอะไรง่ายกว่านี้ซักอีก แต่ก็นะคนเมาจะไปรู้เรื่องอะไร เขาขยับเสื้อนอกให้เรียบร้อยไม่ถือสากับเรื่องเล็กน้อยเมื่อกี้

      "ข้อความ" คล้ายเหมือนมีเสียงละเมอดังขึ้นมา

      "......." เขาเลยมองไปที่คนอยู่บนเตียงอีกครั้ง

      "นานๆ ทีผมขอส่งข้อความหาคุณบ้างได้มั้ย" เสียงของอีกฝ่ายเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เขายืนห่างจากอีกฝ่ายไม่เท่าไรจึงพอจับใจความได้ ทำให้เผลอหัวเราะออกมา

      'ก็ไหนบอกว่าไม่เหงาไง'

      วาริณตื่นขึ้นมาอีกครั้งแผ่นหลังก็สัมผัสกับเตียงเรียบร้อย เขาพยามพยุงตัวเองขึ้นแต่ก็ไม่ไหว สัมผัสได้ว่าเส้นเลือดในหัวกำลังเต้น วันนี้เป็นวันเสาร์เขาต้องเปิดร้านแต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เปิดร้านเลยแค่จะลุกออกจากเตียงยังเป็นเรื่องยาก

      ครืดๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเหมือนมีข้อความเข้าคงจะไม่พ้นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเขาที่ส่งมา

      เดี๋ยวค่อยตอบก็ได้ พอคิดอย่างนั้นเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นอีกครั้งและไม่มีท่าทีจะหยุดสักทีเขาเลยต้องควานมือตามที่นอนเพื่อหามัน

      เมื่อคว้าโทรศัพท์ได้ก็กดปิดเสียงเป็นอย่างแรก จากนั้นหน้าต่างข้อความที่ไม่ได้อ่านก็เด้งขึ้นมา

      Siphavach : ตื่นไหวมั้ยครับ?

      ร่างที่หนักอึ้งเมื่อกี้ก็ลุกพรวดขึ้นมาทันทีที่เห็นชื่อคนส่งไม่คุ้นตา คุณซีน?

      "โอ้ย" เขากุมหัวอีกครั้งหลังจากหัวรู้สึกกระทบกระเทือน ให้ตายสิ ถึงอย่างนั้นมืออีกข้างก็กดข้อความลงไปอย่างคล่องแคล่ว

      Warin : ไหวครับขอบคุณที่มาส่ง

      Siphavach : ไม่เป็นไรครับ แล้ววันนี้เปิดร้านรึเปล่า

      ..............

      Siphavach : ถ้าเปิดผมจะได้แวะไป

      Warin : เปิดครับเปิด

      Siphavach : แล้วเจอกันครับ

      Warin : ครับ

      to be continue.

      ...................................................................................

       :กอด1: #หากไม่ใช่รัก
 

 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2019 11:03:13 โดย tiwara »

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ซีนเปิดใจให้กับวาเถอะ  :L1:

ออฟไลน์ mnovel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เริ่มปลูกแล้วสินะวา ก่อนหน้าคือหาเจอ ต่อไปก็รดน้ำดูแลมันอย่างดี ให้รากงอกค่อยๆฝั่งลึกลงไปยึดมั่นแบบที่ต่างไม่รู้ตัวรู้วัน รอจนออกดอกนั้นคงเปล่งบานสวยงาม ท่ามกลางแสงแดดในฤดูหนาว ~ //อาร๊ายยยยยบังเอิญเปิดอ่านแล้วแบบเชรดด สนุกกกกมากกก ไม่ฟิลกู๊ดออกแนวหน่วงๆเบาๆ ในความสัมพันธ์ของสองคนแบบที่ไม่คิดว่าจะโคจรมาเจอกันได้ และด้วยความคนนึงแม้เจนสนามแต่ดันไม่รู้จักความรัก กับอีกคนที่ตามหารัก เลยต่างมาเป็นแบบฝึกหัดให้เรียนรู้รักกันแบบไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้วารู้ตัวแล้วละ รออีกคนไม่รู้จะเมื่อไหร่ จะผ่านช่วงความสับสนและยอมรับไปได้อะไรยังไงไหมก็ต้องรอดูกันไป โห้ยยยยยยยชอบบอ่ะชอบมากเลย ตอนนี้ติดงอมแงม รอตอนต่อไปจะไม่ไหวแล้วค่ะ 555 //จนตอนจะสุดท้ายล่าสุด ใครจะเป็นคนกด ไอ้เราก็ดันมาสับสนในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่อง 55 คือถ้าเป็นวา ทำไมดูแบบตื่นเต้นๆรนๆแถมคออ่อน แล้วยังงี้จะกล้าทำเมียกับเขาไหม เลยแบบ เอ๊ะ ใช่วาหรอ แต่พอมองอีกมุม อ๋อวาก็คงจะถนุถนอม แบบไม่ใช่แค่ขจัด/ระบายความต้องการ แต่ถ้าจะทำคือ make love สินะ แล้วก็นะ อย่างซีนคือพวกความต้องการสูง แล้ววาเนี้ยเป็นพวกไง เสือซุ่มหรือป่าว อาร๊ายยย พี่วา~~~ 55555 ต้องขั้นกว่าซีนไปไง อิอิ~~บอกเลยรอฉาก nc ของสองคนนี้อยู่ ฉากรั้งเอวไว้ตอนล่าสุดนี้แบบ แง้มมมมม~~รอพี่วากดน้องซีน 5555 //สนุกกกกกกกกกชอบบบบบบ ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาลงในนี้ให้ได้อ่านกัน รรรรรรรตอนต่อไปเลยค่ะ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
คุณวา ทำไมดีขนาดนี้เนี่ยยย

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 
หากไม่ใช่.....รัก..... 12


      เมื่อคืนเขาลืมตาขึ้นมาในความมืด ภายในห้องนี้มีเพียงแสงไฟจากถนนที่สาดส่องมาพอให้เห็นเรือนร่างคนตรงหน้าได้แม้จะเลือนราง แต่อีกฝ่ายกำลังหันหลังเดินจากไปไม่ทันรู้ตัวเขาก็ฉุดรั้งร่างตรงหน้าให้ล้มลงมาแล้ว อีกฝ่ายทาบทับอยู่บนตัวเขา ใบหน้าเราใกล้กันจนเห็นแสงสะท้อนจากดวงตามันเป็นประกายเหมือนสะเก็ดดาว เขาเผลอมองมันอย่างหลงใหล ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มขยับตัวเขาก็ยิ่งโอบรัดร่างตรงหน้าให้แน่นขึ้น อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้เจออีกฝ่ายนานเกินไป อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาหมดหวังที่จะเจอมากเกินไป

      'ถ้าหากผมยอมปล่อยคุณไป......แล้วจะได้พบคุณอีกเมื่อไร' เป็นสิ่งที่เขาอยากถามคนในอ้อมกอดทุกครั้งที่ต้องลาจาก

      เสียงคัดค้านจากคนด้านบนดังขึ้นแต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่หลงอยู่ในฤทธิ์ของสุราอย่างเขาคงจะไม่ผิดใช่มั้ย ถ้าจะเข้าไปใกล้ให้มากยิ่งขึ้น คงจะไม่ผิดใช่มั้ยถ้า.....

      สัมผัสแผ่วเบาประทับที่ริมฝีปาก

      อีกฝ่ายขยับถอยห่างอีกครั้ง เขาคงจะใจร้ายที่ยังไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไป แต่พอเห็นสีหน้าที่แสดงออกถึงความเหนื่อยใจ วงแขนก็ค่อยๆ คลายลงเขาผละตัวจากอีกฝ่ายก่อนจะล้มตัวลงนอนและเลือกจะปิดตาหลีกหนีความจริงที่ว่า อีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร ไม่นานประตูก็ถูกปิดลง

      ภายในห้องเดียวกันแต่เวลาผ่านเลยมาถึงช่วงเช้า วาริณที่พยามหยัดตัวลุกบนเตียง มือทั้งสองข้างได้แต่ยกกุมศีรษะเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนั้นได้ทำอะไรลงไปบ้าง ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นเพียงความฝันคงดี เขาสาบานกับตัวเองในใจว่าจะไม่ดื่มหนักขนาดนั้นอีก

      เขาพยามลุกขึ้นมาจากเตียงเพื่อเตรียมตัวไปเปิดร้านถึงแม้จะรู้สึกปวดหัวจนขยับตัวไม่ได้เลยก็ตาม แต่เขาก็ยังดันทุรังต่อไปเพราะข้อความที่ส่งมาเพียงข้อความเดียว 'ผมจะแวะไปหา' เขาพาตัวเองมายืนใต้ฝักบัวทั้งๆ ที่รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดแต่พอนึกว่าเมื่อคืนดื่มหนักแค่ไหนเลยต้องฝืนยืนต่อไป เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็รีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างทันที

      ตึก ตึก ตึก รู้สึกเหมือนเส้นเลือดในหัวจะเต้นพร้อมกับการก้าวลงบันไดในแต่ละขั้นพอมายังขั้นสุดท้าย ก็ได้ยินเสียงเหมือนกับว่าที่นี่ยังมีใครอีกคนนอกจากเขา เครื่องปรับอากาศในร้านถูกเปิดทิ้งไว้ ดอกไม้ในแจกันก็ถูกเปลี่ยน ยังไม่ทันมองหาต้นเหตุก็มีเงาใครบางคนก้าวเข้ามา

      "แด๊ด เมื่อคืนดื่มหนักไม่ใช่หรอ จะนอนต่อก็ได้เดี๋ยวทายดูร้านให้" เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่มือทั้งสองข้างถือดอกไม้ที่จะจัดเตรียมให้ลูกค้าอยู่

      "นี่ทายซื้อเครื่องดื่มแก้แฮงค์มาให้ด้วย"

      "ขอบใจนะ" เขารับมันมาและเปิดดื่มทันที

      "....แด๊ดไปพักต่อเถอะ" เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อน เมื่อเห็นคนตรงหน้าดูอาการไม่ค่อยดี

      "ไม่เป็นไร พอดีวันนี้...."

      "วันนี้มีอะไรงั้นหรอ" อีกฝ่ายหันมาถามเขาด้วยแววตาสงสัย

      "เปล่า.....ไม่มีอะไร" ได้ยิ้มแห้งๆ ตอบออกไปจะบอกได้ไงว่าที่ฝืนอยู่นี่เพียงแค่ จะรอเจอใครบางคน ก็เท่านั้น

      "ตามใจ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นมาโทษทายไม่ได้หรอกนะ" เพทายหันมามองที่เขาพร้อมกับส่ายหน้าด้วยท่าทางเหนื่อยใจ

      "ครับๆ แล้วนี่เรื่องสอบน่ะเสร็จแล้วหรอ" เขายื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่าย ตามปกติแล้วเด็กหนุ่มตรงหน้าจะพักอยู่ที่หอตลอดเวลา จะมีแวะมาบ้างตอนช่วงที่มีวันหยุดยาว ไม่ก็ปิดเทอม

      "อื้อคณะทายเสร็จเร็วกว่าคณะอื่นน่ะ" น้ำเสียงสดใสตอบออกมาอย่างชัดเจน

      "หรอ งี้ก็มาช่วยงานได้ทุกวันแล้วสิ" เขาถามอย่างหยอกล้อ

      "โธ่ ทายยังมีงานกลุ่มอีกตั้งเยอะแยะพอดีวันนี้ว่างหรอก" แต่พอได้ยินว่าช่วยงานทุกวันเพทายก็รีบหันมาปฏิเสธทันที

      "หึๆ โอเคๆ " วาริณยกมืออย่างยอมแพ้ ไม่แกล้งให้อีกฝ่ายลำบากใจอีก

      "แล้วนี่กำลังเตรียมรายการที่ลูกค้าสั่งไว้ใช่มั้ย"

      "ใช่ครับพอดีมีของที่จะต้องไปส่งด้วย"

      "ยังไงก็ฝากทายไปส่งให้ด้วยก็แล้วกันนะ" ตัวเขาในตอนนี้แค่จะขยับไปไหนยังยาก

      "ได้เลยครับ"

      "ไว้จะเลี้ยงขนมตอบแทน"

      "ทายไม่ใช่เด็กแล้วนะ" อีกฝ่ายหันมาบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาก็หัวเราะตอบกลับไปก่อนจะเอาดอกไม้ที่เหลือมาจัดเข้าช่อตามรายการของลูกค้าที่สั่งไว้

      "ไม่ต้องเลยเดี๋ยวทายทำเอง แด๊ดนั่งพักอยู่เฉยๆ เถอะ" เพทายคว้าดอกไม้ที่เหลือเอาไว้เองแถมยังโบกมือไล่ ในเมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างนั้นเขาก็ได้แต่ทำตาม เท้าก้าวตรงไปยังโต๊ะตัวริมสุดที่ใครบางคนชอบนั่งเป็นประจำ

      กระจกบานใหญ่ตอนนี้เต็มไปด้วยหยดน้ำเมื่อคืนฝนอาจจะตกลงมาหลังจากที่เขาหลับไป เขาเอื้อมมือสัมผัสที่กระจกบานนั้นหวังเพียงจะแตะหยดน้ำที่เกาะอยู่อีกฝั่ง แม้จะใกล้กันเพียงเท่านี้แต่ปลายนิ้วกับไม่ได้สัมผัสถึงอะไร ช่างเหมือนกับเขาที่ต่อให้รู้ว่าไม่มีทางส่งไปถึง แต่ก็ยังเลือกที่จะสัมผัสมันอยู่ดี เขามองหยาดน้ำฝนที่ลงมากระทบกันจนไหลลงเป็นทาง

      .

      .

      .

      ในอีกด้านหนึ่งหลังจากที่ซีนได้ส่งข้อความหาคนที่ไม่ได้สติตั้งแต่เมื่อคืน เขานั่งรอเวลาสักพักเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ควรออกไปเขาก็ลุกขึ้นมาเตรียมตัวไม่ช้าไม่เร็ว

      "จะไปไหนครับ" ยังไม่ทันที่ซีนจะก้าวเท้าพ้นประตู เสียงของร่างสูงที่นั่งอยู่ก่อนแล้วในห้องรับแขกก็ดังขึ้นมาทันทีที่เห็นเจ้าของเรือนผมสีแดงกำลังเดินผ่านหน้าไป

      "จะตามมาทำไมก็ไม่รู้" เสียงบ่นไม่เบานักดังออกมาทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถมาสัมผัสกับพื้นดินที่เปียกชื้น

      "อย่างน้อยสถานการณ์ตอนนี้ คุณซีนควรมีคนติดตามไว้สักคนนะครับ" ธีก้าวตามอีกฝ่ายลงมา รถคันสีแดงมาจอดตรงที่เดิมใต้ร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่

      "เรื่องของมันเกี่ยวอะไรกับกู" ซีนถามไปอย่างไม่พอใจ

      "เพราะว่าคุณเป็นน้องของเขาไงล่ะครับ" ธียังคงตอบตามความเป็นจริง

      "น้องที่มันไม่เคยใส่ใจ ยังจะมีใครโง่มาให้ความสนใจอีก" น้ำเสียงของซีนหนักแน่นราวกับพูดไปตามเนื้อผ้าไม่ได้แฝงความรู้สึกใดๆ เอาไว้

      "คุณซีน" แต่กลับเป็นธีที่ต้องเป็นฝ่ายพูดเสียงอ่อนแทน

      "อย่าพูดเรื่องนี้อีก" ซีนจรดนิ้วชี้ที่ริมฝีปากแทนคำสั่งก่อนจะเดินเข้าไปในร้านที่เหมือนกับเรือนกระจก

      "ยินดีต้อนรับครับ" ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปอีกฝ่ายก็ทักทายพร้อมส่งยิ้มมาให้เหมือนกำลังคอยอยู่นานแล้ว เขามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยังเจือปนความเหนื่อยล้าอยู่

      "ยังอุตส่าห์ตื่นไหวอีกนะครับ" เขาอดพูดออกไปไม่ได้เมื่อเห็นคนหมดสภาพเมื่อวานกลับมาเปิดร้านได้ตามปกติ

      "ทำยังไงได้ผมต้องมาเปิดร้านนี่ครับ" อีกฝ่ายยิ้มตอบเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

      "เมื่อคืนขอบคุณที่มาส่งนะครับ ขอโทษด้วยที่รบกวนพวกคุณทั้งสองคน" น้ำเสียงที่รู้สึกผิดนี้ไม่รู้ว่าหมายถึงการที่เขามาส่ง หรือ เรื่องเมื่อคืนที่อีกฝ่ายไม่ได้สติกันแน่

      "ถือว่าหายกันก็แล้วกันครับ" เขาบอกเป็นเชิงว่าไม่ได้คิดมากอะไรอีกฝ่ายก็พยักหน้าเข้าใจ ส่วนธีเพียงแค่ตอบกลับไปตามมารยาทว่าไม่เป็นอะไร

      "รอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมเอาน้ำชามาให้" เขาพยักหน้าตอบและมองไล่ตามหลังอีกฝ่ายไป ในร้านตอนนี้ก็ยังคงมีวาริณเพียงคนเดียวเช่นเคย

      ธีเดินตามหลังเขาไปยังที่ประจำแต่ในระหว่างที่นั่งรอได้ไม่นานวาริณก็เดินออกมาจากหลังร้านพร้อมแก้วน้ำชาสองใบวางอยู่บนถาดที่ยกมาหลังจากวางแก้วน้ำใบที่สองลงไม่นานเสียงกระดิ่งของร้านก็ดังขึ้นมันสั่นไหวอย่างแรงเรียกให้คนที่ยืนอยู่ต้องหันไปมอง อยู่ๆ ก็เหมือนมีใครวิ่งมาชนอีกฝ่าย

      "แด๊ดทีหลังอย่าให้ทายไปส่งดอกไม้ที่บ้านหลังนั้นอีกนะ หมามันจะกัดทายอ่ะ" เด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้าไปกอดร่างสูงตรงหน้า

      "แล้วไม่เป็นอะไรใช่มั้ย" วาริณปลอบคนที่โผเข้ามากอดอย่างใจเย็นด้วยมือเพียงข้างเดียวจนเด็กหนุ่มคนนั้นยอมเงยหน้าขึ้นช้อนตามองอีกฝ่าย ภาพตรงหน้าทำให้เขาเกิดความสับสนขึ้นในใจ

      เมื่อกี้เด็กคนนั้นเรียกอีกฝ่ายว่าอะไรนะ หรือจะเป็นเขาที่ฟังผิด ยังไม่ทันจะหันขอความคิดเห็น คนที่นั่งด้านตรงข้ามก็ชิงแทรกขึ้นมาก่อน

      "คุณวาริณนี่มีภรรยาแล้วหรือครับ" ธีกระซิบถามเขาอย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน

      "เรื่องนั้น ไม่เห็นจะเคยได้ยิน" เขาไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายพูดเรื่องของตัวเองสักครั้ง แต่ก็คงไม่แน่อีกฝ่ายดูเป็นคนอ่อนโยนและชอบตามใจคงจะมีสาวๆ มาติดพันเหมือนกัน แต่คนตรงหน้าเขาอายุเท่าไหร่กันเชียวถึงจะมีลูกโตขนาดนี้ดูยังไงเด็กหนุ่มตรงหน้าก็น่าจะขึ้นมหาลัยแล้ว หรือจะไม่ใช่ในความหมายแบบนั้น.....

      ในขณะที่เขามองคนทั้งคู่ด้วยความสงสัย บังเอิญไปสบตากับวาริณเข้าพอดีอีกฝ่ายดูจะตกใจน่าดูที่เห็นเขามองด้วยสายตาแบบนั้น จากนั้นเด็กหนุ่มก็เหมือนรู้ตัวว่ายังมีคนอยู่ในร้านอีกก็ผละจากร่างสูงกว่าแล้วส่งยิ้มเขินๆ มาให้แทน

      "เอ่อคือนั่นลูกของลูกพี่ลูกน้องน่ะครับ" อีกฝ่ายพยามอธิบายให้ฟัง

      "เพทายยินดีที่ได้รู้จักครับ " เด็กหนุ่มยกมือไหว้เขาและธีก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้อย่างลืมตัว สีผมที่เข้มจนเกือบดำทำให้ลืมสังเกตที่ดวงตาสีน้ำข้าวนั้นเสียสนิท

      ลูกครึ่งสินะ

      "พอดีผมช่วยเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กก็เลยสนิทกัน" วาริณพยามแก้ตัวไปพลางใช้มือลูบต้นคอไปพลาง

      "อ่องั้นเหรอครับ" ถึงเขากับธีตอบแทบจะพร้อมกันแต่สายตาที่ยังคลางแคลงใจยังไม่หมดไป

      "ครับ หะหะ เชิญตามสบายเลยนะครับ" วาริณที่ไม่มีคำอธิบายอื่นได้แต่หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเดินหลบไปด้านหลังโดยทิ้งเด็กหนุ่มเอาไว้

      "เครื่องแบบแบบนั้นน่าจะเรียนที่เดียวกับคุณแทนนะครับ" ธีพูดตรงกับที่เขาคิด เขาเหลือบมองไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า อีกฝ่ายดูเหมือนจะนิ่งไปสักพักแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเลยเปลี่ยนคำถาม

      "งั้นคงรู้จักพวกกล้าสินะ" เรียนที่เดียวกัน ทำงานที่ร้านเดียวคงจะเคยเจอกันบ้างล่ะ

      "รู้จักดีเลยล่ะครับ พี่กล้าเคยเล่าเรื่องของคุณให้ฟังด้วย" คราวนี้อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริงกว่าเก่า

      "งั้นหรอ แล้วกล้าบอกอะไรให้ฟังบ้างล่ะ" เขาถามกลับไปอยากหยอกล้อไม่ได้คาดคั้นคำตอบอะไร

      "หึหึความลับครับ" อีกฝ่ายตอบพร้อมเสียงหัวเราะ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจท่าทางของอีกฝ่ายในตอนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนวาริณจริงๆ น่ะแหละ เพทายยืนคุยกับพวกเขาสักพัก ทำให้รู้สึกได้เลยว่าเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูคนหนึ่ง

      กริ๊ง~ เสียงกังวานของกระดิ่งดังขึ้นขัดบทสนทนาของพวกเขาพร้อมกับการมาของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งหน้าตาและการแต่งตัวดูงดงาม อ่อนหวานกว่าคนทั่วไป เธอเดินตรงไปยังที่ที่วาริณยืนอยู่

      "ขอเป็นดอกกุหลาบเหมือนเดิมก็แล้วกันค่ะ" แล้วเอ่ยเหมือนเป็นเรื่องที่คุ้นเคยดี

      "เป็นกุหลาบแดงล้วนนะครับ"

      "ค่ะ"

      "รอสักครู่นะครับ" วาริณเดินกลับไปหลังร้านก่อนจะหอบดอกกุหลาบช่อโตออกมาวาง ไม่นานอีกฝ่ายก็จัดมันเข้าช่ออย่างสวยงามก่อนจะส่งมอบให้คนตรงหน้าไป

      กุหลาบแดงล้วนสีแดงสดของมันแทนความรักที่ลึกซึ้ง ชวนคิดไปไม่ได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคงจะนำไปให้คนเป็นที่รักแน่ๆ เขาอดเสียดายแทนคนตรงหน้าไม่ได้เพราะหญิงสาวตรงหน้าดูน่ารักเรียบร้อยเหมาะกับอีกฝ่ายจริงๆ

      แต่ถึงยังไงผู้หญิงตรงหน้าก็ดูจะสนใจเขามากกว่าอีกฝ่ายอยู่ดี เพราะรอยยิ้มที่ขัดเขินนั่นถูกส่งมาให้เขาแทนที่จะเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พอเห็นแบบนั้นเขาได้แต่ส่งยิ้มตอบ เธอหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อพูดขอบคุณก่อนจะรีบร้อนหันหลังกลับไป

      "กุหลาบพวกนี้สวยจัง" หลังจากหญิงสาวคนนั้นเดินออกจากร้านไปแล้วเขาเลยลองเอ่ยขึ้นมาบ้าง

      "...." ธีที่นั่งเงียบๆ อยู่ก็หันมามองทางเขาเช่นกัน แต่เขาทำเป็นไม่สนใจหันไปหาคนที่ยืนอยู่แทน

      "ผมอยากได้บ้างแล้วสิ" กุหลาบสีแดงสดน่าจะเหมาะกับเขาดีแต่อีกฝ่ายไม่เคยจะจัดเข้าช่อมาให้เลยสักครั้ง อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปสักพักไม่รู้ว่าการที่เขาจะซื้อกุหลาบสักช่อมีอะไรให้ต้องคิดมากกัน

      "....ถ้าคุณซีนสนใจ ลองเอาไปปลูกดูบ้างมั้ยครับ" หลังจากที่เงียบไปสักพักอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา

      ".? ..." เขาเผลอมองต้นกุหลาบที่แข่งกันบานอยู่ด้านนอกร้าน ทำไมเขาที่อยากจะได้ดอกไม้เพียงไม่กี่ดอกกลับจะได้มาทั้งต้นแทนกันล่ะ

      "หึ คุณอยากให้ผมเอามันไปทิ้งให้หรอ" หันไปมองอีกฝ่ายและถามพร้อมกับรอยยิ้ม อย่างเขาไม่ต้องลองก็รู้แล้วว่าจะรอดหรือไม่รอด

      "ไม่ยากหรอกครับ" อีกฝ่ายพูดเสียงอ่อนเหมือนอยากให้เขาตอบตกลง

      "......ไม่ดีกว่า" ที่ผ่านมาเขาเคยปลูกต้นไม้ซะที่ไหน

      "ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหายนี่ครับ กุหลาบร้านผมยังมีอีกหลายต้น" อีกฝ่ายพยามหาข้ออ้างให้เขารับฟังจนต้องยอมใจอ่อน

      ถ้าอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นคงช่วยไม่ได้

      "......ผมไม่รับประกันหรอกนะว่ามันจะอยู่รอดรึเปล่า"

      "ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเตรียมไว้ให้นะครับ" อีกฝ่ายพูดด้วยท่าทางดีใจก่อนจะออกไปยังด้านนอกร้าน

      "มีข้อแม้อีกอย่าง" เขาพูดไล่หลังไปจนอีกฝ่ายต้องหันหลังกลับมา

      "อะไรงั้นหรือครับ? "

      "ผมจะไม่รับมันมาอย่างเดียวนะครับ" เขาพูดด้วยคำพูดครึ่งๆ กลางๆ แต่อีกฝ่ายก็สามารถเข้าใจมันได้

      "งั้นเอาไว้ถ้ามันออกดอกสมราคา คุณค่อยมาจ่ายผมดีมั้ย" เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่เขาเห็นอีกฝ่ายพูดยอกย้อนอย่างนี้

      "หึ เดี๋ยวนี้คุณรู้จักต่อรองแล้วหรือครับ"

      "ผมแค่กลัวว่าคุณลูกค้าจะได้สินค้าคุณภาพไม่ดีไป" คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มจากเขาได้ดีทีเดียว

      "จะว่าไปแล้วคุณวาอยู่คนเดียวหรอครับ" หลังจากเมื่อคืนเขาก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงยังไม่มีใคร

      "ใช่ครับ"

      "....อืม" เป็นอย่างที่คิดเลย

      "มีอะไรรึเปล่าครับ"

      "เปล่าครับไม่มีอะไร" เขาตอบปัดไป และเปลี่ยนเรื่องคุยอีกครั้ง

      ธีมองภาพที่เจ้านายของเขากำลังพูดคุยกับคนอื่นอย่างสนุกสนาน นับว่าเป็นภาพที่แปลกตาไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวมั้ย แต่คุณซีนมักจะพยามหลบหลีกผู้คน ภายในหน้ากากที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรเต็มไปด้วยความเสแสร้งมากมาย แต่ในตอนนี้ในฐานะคนติดตามกลับไม่พบความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ควรจะดีใจหรือจะกังวลใจดี ส่วนเรื่องของวาริณเขาก็สืบมาอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีแม้แต่จุดที่น่าสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังวางใจไม่ได้ คนเรามันแปรเปลี่ยนได้ทุกวินาทีอยู่แล้ว

      "คิดดีแล้วหรอครับที่รับเอามาอย่างนี้น่ะ" ธีพูดขึ้นขณะที่กำลังขับรถกลับ

      "อย่าทำหน้าเหมือนว่ามันจะตายแน่ๆ ได้มั้ย" ซีนที่ย้ายมานั่งด้านข้างคนขับเอ่ยอย่างไม่พอใจ

      "ก็ถ้าคุณซีนดูแลเองละนะ" มันคงไม่รอดตั้งแต่เอาลงดิน

      "แล้วใครบอกว่าฉันจะดูแลเอง" ก็คิดอยู่แล้ว ธีคิดในใจ

      ทันทีที่กลับมาถึง ซีนก็รีบให้ธีนำต้นกุหลาบลงจากหลังรถ ในระหว่างที่เขาเดินไปรอที่สวนหลังบ้านก็ให้อีกฝ่ายไปตามคนดูแลสวนมาให้ ไม่นานธีก็เดินมาพร้อมกับชายสูงอายุคนหนึ่ง

      "ลุงฉันเอากุหลาบมาต้นหนึ่ง เอาลงดินให้ทีสิ" เขาบอกถึงจุดประสงค์ที่เรียกมาให้อีกฝ่ายทราบ

      "ได้ครับๆ แล้วคุณซีนจะให้ลงแถวไหนดี" อีกฝ่ายเช็ดหน้าเช็ดตาที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลก่อนจะถามถึงรายละเอียด

      "ตรงนั้นได้มั้ย" เขาชี้ไปยังส่วนที่ติดกับบานกระจกห้องรับแขก ถ้าเอาไว้ตรงนั้นเขาจะมองเห็นมันได้สะดวก

      "ได้ครับๆ " อีกฝ่ายรีบรับคำถึงจะจะคิดว่ากุหลาบที่ตั้งโดดอยู่ต้นเดียวจะดูไม่ค่อยสวยงามเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าเจ้าของว่าอย่างนั้นเขาจะพูดอะไรได้

      "ดี งั้นฝากลุงดูแลมันให้ทีนะ อยากเห็นมันออกดอกไวๆ " แล้วจะเอาไปอวดคนที่ท้าทายเขาไว้

      "โห่ ไว้ใจลุงได้เลยครับ จะดอกอะไรก็มาเถอะ" คำพูดโอ้อวดเหมือนรู้จักกับต้นไม้ทุกต้น เรียกเสียงหัวเราะจากเขากับธีได้ดี

      "ครับ อย่างนี้ผมได้วางใจ"

      "กุหลาบ!! พี่ซีนซื้อมาหรอ" เสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเขาเลยหันไปดูเห็นร่างบางกำลังเดินเข้ามา คงเพราะแทนเห็นรถที่ขับออกไปได้กลับเข้ามาแล้วแต่รอยังไงก็ยังไม่เห็นมีใครเข้ามาสักทีเลยลองเดินออกมาดู

      "เปล่า มีคนให้พี่มาน่ะ"

      "ใครอ่ะ"

      "ก็ร้านดอกไม้แถวๆ นี้"

      "ใช่ร้านที่พี่ซีนไปซื้อมาบ่อยๆ หรือเปล่า สนิทกับเจ้าของร้านหรอเข้าถึงให้ต้นใหญ่มาแบบนี้" แทนพูดขณะที่เดินเข้าไปดูมันใกล้ๆ

      "ประมาณนั้น" เขาแอบถอนหายใจให้กับคำถามที่เจอบ่อยในช่วงนี้

      "อยากเห็นมันโตไวๆ จังเลย เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลเอง" แทนอาสาออกมา

      "หึเราว่างหรือไง สอบเสร็จแล้วหรอ" เพราะก่อนหน้านี้เห็นอีกฝ่ายยังดูวุ่นวายกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่

      "สอบเสร็จแล้ว" ร่างบางพูดด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ

      "มั่นใจอย่างนั้นเชียว แล้วจะมาขอรางวัลอะไรจากพี่ล่ะ"

      "ผมไม่ได้จะขออะไรซักหน่อย เข้าบ้านกันเถอะ" แทนว่าก่อนจะดึงแขนเขาให้กลับเข้าไปในบ้านเพราะแดดเริ่มร้อนขึ้นทุกทีแล้ว

      "เอาไว้ถ้าพี่ซีนว่างพาผมไปที่ร้านดอกไม้นั่นบ้างสิ"

      "ทำไม จะซื้อไปให้ใครรึไง" ซีนถามอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวว่าใช้น้ำเสียงแบบไหนอยู่

      "เปล่าซะหน่อย...แค่อยากรู้ว่าทำไมพี่ซีนถึงชอบไป" แทนยิ้มแห้งๆ ก่อนตอบแบบแก้ตัวกลับไป

      ".......อืมเอาไว้วันหยุดคราวหน้าก็แล้วกัน" ถึงซีนจะไม่พอใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมา

      "แล้วผมจะรอนะ" อีกฝ่ายส่งยิ้มหวานมาให้แทนคำขอบคุณ

      หลังจากผ่านเวลาอาหารเย็นไปสักพักเขาก็เข้าไปยังห้องทำงาน บนโต๊ะมีกระดาษหลายแผ่นถูกเย็บรวมกันวางอยู่ มันคงเป็นผลการประชุมภายในอาทิตย์ที่ผ่าน ถึงจะสงสัยว่าคนที่เอามาวางไว้เป็นใครแต่ยังไงคงไม่พ้นธีอยู่ดี เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านทีละหน้า

      เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงอยู่ๆ โทรศัพท์ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น มีข้อความบางอย่างถูกส่งเข้ามาแต่เขายังไม่มีอารมณ์จะใส่ใจมัน พอผ่านไปซักพักเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นมาอีกครั้งจนเขาต้องหยิบขึ้นมาดู

      Warin : นอนหรือยังครับ?

      Warin : ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีครับ

      เขามองข้อความนั้นแล้วได้แต่คิดในใจนี่มันเพิ่งสี่ทุ่มเองนะอีกฝ่ายเข้านอนเวลานี้เป็นปกติหรือยังไง แต่จะว่าไปนอกจากแทนแล้วเขาไม่ได้ยินประโยคแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ เขาเลิกคิดถึงมันก่อนจะพิมพ์ตอบอีกฝ่ายกลับไป

      'เช่นกันครับ' เมื่อข้อความสั้นๆ ถูกส่งออกไป เขาก็หยิบเอกสารการประชุมที่จะมีในอาทิตย์ถัดไปขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดแทน

      ในขณะที่คืนนี้ใครบางคนคงจะหลับฝันดี

 

      to be continue.

      .............................................................................

      ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นเลยนะคะ  แล้วก็เพิ่งเคยได้รับคอมเม้นยาวๆเป็นครั้งแรก อ่านแล้วอดดีใจไม่ได้ขอบคุณนะคะที่มาแชร์ความคิดหลังอ่านกัน แต่ไม่ว่าคอมเม้นจะสั้นหรือยาวก็เป็นกำลังใจให้คนเขียนอย่างเราค่ะ

      มีคนเดาถูกด้วย ใช่ค่ะคุณวากำลังปลูกดอกไม้แล้วให้ซีนเป็นคนเอาไปดูแลต่อ แต่จะรอดมั้ยก็อีกเรื่องค่ะ 5555+

      ป.ล.เรื่องนี้ไม่ได้เขียนเน้นตรงที่ว่าใครจะเป็นพระเอกหรือนายเอกนะคะ แต่ก็คิดไว้แล้วมารอลุ้นกันค่ะแหะๆ :)
 
      :pig4: :pig4:


 



ออฟไลน์ mnovel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
สั้นไป ไม่พ๊อ โอ๊ยยยอยากอ่านต่อออ 555 อุตส่าห์ให้ดอกกุหลาบมาปลูกหวังจะให้ดูแลด้วยตัวเอง แต่ดันให้คนอื่นทำ คุณวารู้คงชอกช้ำใจไม่เบา ก็นะ ซีนสไตล์ 5555 เออค่อยๆคืบคลานหวังฝังรากลึก ถ้าไม่แห้งตายไปซะก่อน เอาใจช่วยนะ ว่ากันไป //ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รรรรตอนต่อไปเลยค่ะ 

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ tiwara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

หากไม่ใช่.....รัก..... 13

 
      ก่อนการประชุมช่วงเช้าจะมาถึงเขานั่งคอยอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ถึงจะหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นอ่านเป็นรอบที่สิบแต่เวลาก็ยังคงไม่เดินเร็วขึ้นเลย 'น่าเบื่อ' เลยเลื่อนมือไปหยิบเอกสารอีกปึกนึงที่ถูกวางข้างๆ กันขึ้นมาอ่านแทน เปิดหน้ากระดาษพลิกไปมาจนถึงหน้าสุดท้ายแล้ววางลงพร้อมกับความคิดที่ว่า ใครหน้าไหนเป็นคนทำเอกสารแบบนี้มาให้กัน นอกจากสรุปที่แสนจะรวบรัดแล้วคำอธิบายอะไรยังไม่มี แต่ยังดีที่มีบทวิเคราะห์มาให้แต่สำนวนที่บ่งบอกว่าต้องทำแบบนั้นนะแบบนี้นะนี่มันช่าง.....
 
      เขารอฟังเสียงจากด้านนอกกะเวลาที่ผู้ติดตามของเขาจะเปิดเข้ามาแล้วเขวี้ยงเอกสารบ้าๆ นี่ไปที่ประตู
 
      "อะไรกันครับ" ธีที่เดินเข้ามาเกือบโดนกระดาษสีขาวตีหน้าเข้าให้ก็ถามขึ้นมาด้วยความงุนงง
 
      "ก็ดูเอาสิ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ใช้แขนข้างนึงเท้าคางก่อนจะเบือนหน้าหนี ธีจึงต้องก้มตัวลงไปหยิบเอกสารที่ร่วงหล่นอยู่ข้างเท้าเขาขึ้นมาอ่านอย่างช่วยไม่ได้
 
      "รายงานแบบนี้.....มันอะไรกัน" หลังจากอ่านจบสีหน้าของธีก็เหมือนจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
 
      "ไม่ใช่ของนายรึไง"
 
      "ไม่ใช่ครับ คุณซีนเองก็ไม่รู้หรอครับว่าใครเอามาให้" ธีรีบปฏิเสธทันที แต่เขาก็พอรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ของคนตรงหน้า
 
      "นายยังไม่รู้แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง"
 
      "อ่าหรือว่า..." อยู่ๆ คนตรงหน้าก็เงียบไปเหมือนจะพอรู้อะไรบางอย่าง
 
      "มีอะไร"
 
      "เปล่าครับ ไม่มีอะไร"
 
      "ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ "
 
      "แต่มันก็พอมีประโยชน์นะครับ บทวิเคราะห์นี่คุณน่าจะลองอ่านดู" ขณะที่อีกฝ่ายกำลังยื่นมันมาให้เขาก็รีบปัดมันออกแทบจะทันที
 
      "ไม่มีทาง!! เอามันไปไกลๆ ก่อนที่ฉันจะเผามันทิ้งซะที่นี่"
 
      "งั้นเก็บไว้ที่ผมก่อนก็แล้วกัน" พูดก่อนจะนำมันมาไว้ที่ข้างตัว
 
      "อีกครึ่งชั่วโมงการประชุมถึงจะเริ่ม เดี๋ยวผมมาตอนนั้นเลยแล้วกันนะครับ"
 
      "อือ" เขาตอบเสียงในลำคอก่อนอีกฝ่ายจะเดินออกไปพร้อมเอกสารแผ่นนั้น
 
      ระหว่างที่รอเวลาเขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู สายตาสะดุดกับข้อความที่ส่งมาตั้งแต่เช้า ข้อความที่เขาไม่คิดจะตอบกลับไป
 
      Warin : อรุณสวัสดิ์ครับ
 
      . . . . . .
 
      Siphavach : วันนี้คุณอยู่คนเดียวรึเปล่า
 
      เขากรอกข้อความลงไปก่อนกดส่ง ไม่ถึงเสี้ยววินาทีอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาแทบจะทันที ทำเหมือนว่ากำลังรอข้อความจากเขา...หรืออาจจะแค่กำลังใช้โทรศัพท์อยู่ก็ได้
 
      Warin : เปล่าครับ วันนี้เพทายมาช่วยงาน
 
      Siphavach : งั้นเหรอ
 
      Warin : มีอะไรรึเปล่าครับ
 
      Siphavach : เปล่าผมแค่กำลังเบื่อ เลยนึกถึงคุณขึ้นมา
 
      . . . . . . . .
 
      Warin : ถ้างั้นว่างๆ ก็มาที่ร้านสิครับ
 
      Siphavach : ได้เดี๋ยวผมจะไป
 
      . . . . . . . .
 
      Warin : แล้วผมจะรอ เรื่องงานพยามเข้านะครับ
 
      ประตูห้องถูกเปิดขึ้นพอดี เขาเลยปิดหน้าจอลงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
 
      "ถึงเวลาแล้วครับ"
 
      "อืม"
 
      ในห้องประชุมเต็มไปด้วยผู้เข้าร่วมมากมาย เขาหันไปมองมันที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายเหลือบตามองมาทางนี้เล็กน้อยก่อนจะหันไปให้ความสำคัญกับเอกสารตรงหน้าแทน ไม่มีใครกล้าชักช้าใช้เวลาไม่กี่นาทีทุกคนก็มารวมตัวกันครบ จากนั้นการประชุมก็เริ่มต้นขึ้นตามกำหนดเวลา
 
      แต่ละคนล้วนเตรียมข้อมูลมานำเสนออย่างดี และถึงแม้จะมีความน่าสนใจเพียงใด หรือแนวโน้มที่เป็นไปได้มากเท่าไร ก็คงยังมีเสียงคัดค้านอยู่เนืองๆ จากนั้นเสียงโต้แย้งเริ่มดังขึ้นมาถึงจะใช้คำพูดสวยหรูแต่ถ้ามองจากตรงนี้จะเห็นว่าไม่มีใครยอมใคร แน่ล่ะงานชิ้นนี้มีค่าตอบแทนมันสูง คนได้ไปหากไร้ความสามารถก็จะรังแต่ทำให้เกิดปัญหา
 
      แค่เพียงแววตากระหายเงินหรือความทะเยอทะยานน่ะมันไม่พอ เขาพิจารณาไล่ไปทีละคน ส่วนใหญ่ที่เลือกมาย่อมเป็นคนคุ้นเคยกันดี มันเป็นคนไว้ใจคนยากแต่ก็เป็นประเภทเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัว
 
      ดังนั้นตอนที่มันเข้ามารับช่วงต่อจะเลือกแต่คนที่ไว้ใจได้เก็บไว้ แต่ด้านที่ไว้ใจไม่ได้ก็ไม่ปล่อยให้ห่างหาย มันจะพยามบีบให้ฝ่ายตรงข้ามเหลือทางเลือกให้น้อยที่สุดจนมั่นใจว่าไร้พิษสงที่จะอยู่หรือไปก็มีค่าเท่ากัน
 
      และเท่าที่สังเกตเห็นเหมือนมันจะมองหาอะไรอยู่ทุกครั้งที่มีการประชุม อาจจะคิดไปเองแต่คนที่เหลืออยู่ส่วนมากคือคนที่อยู่ข้างมันทั้งนั้น
 
      "พื้นที่ติดทะเล ส่วนนั้นเราควรจะคว้ามันมาไว้ให้ได้" เสียงดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามทำให้เขากลับมาสนใจเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
 
      "แต่มันเสี่ยงเกินไป ไม่แน่อาจจะไม่คุ้มทุนผมว่าเราควรเล็งไปที่ในเมืองมากกว่า"
 
      "ผมว่าเราควรจะเสี่ยงดู"
 
      "นี่คุณถ้าเสี่ยงแล้วพลาดคุณจะรับผิดชอบไหวหรอ"
 
      แน่นอนเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการโต้แย้งครั้งนี้ เพียงแต่เป็นผู้ฟังที่ดีเหมือนอย่างเคย แต่ความจริงเขารู้สึกเอนเอียงไปทางอีกฝั่ง ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามได้ที่ตรงนั้นไปเราจะเสียเปรียบหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งต้องคิดให้ดี
 
      เขาหันไปมองเลขาส่วนตัว เธอพยามจดทุกอย่างให้ละเอียดที่สุดแทบจะไม่ขาดไปสักประโยคจากนั้นจะสรุปเพียงใจความสำคัญมาให้เขาพร้อมกับฉบับเต็ม ดาทำงานกับเขามานานแน่นอนว่าเขาไว้ใจอีกฝ่ายมาก และเธอไม่เคยทำให้ผิดหวัง เขาคุ้นเคยกับถ้อยคำที่เธอใช้และยิ่งมั่นใจว่าเอกสารเมื่อเช้าไม่ใช่เธอแน่ที่เป็นคนทำ
 
      แล้วไอ้บ้าที่ไหนมันกล้าส่งมา แน่ล่ะว่ามันทำให้เขาหัวเสียน่าดู
 
      พอการประชุมเริ่มไปต่อไม่ได้ซิลเวอร์ก็หาทางออกที่ดีที่สุดมาให้ การตัดสินใจของมันได้รับการยอมรับจากทุกคนเช่นเคย เขาไม่ได้ใส่ใจคนพวกนั้นแต่สายตากำลังจับจ้องวิธีการของมัน เลือกเก็บส่วนไหนหรือทิ้งอะไร เขาพยามคิดตามมันให้ทันเพราะไม่อยากเดินตามหลังมันไปชั่วชีวิต
 
      เมื่อบทสรุปสุดท้ายของการประชุมผ่านไป มันก็หันมาทางเขาแล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา
 
      "เรื่องในวันนี้คิดว่าไง"
 
      "หึ จะคิดยังไงแล้วมันมีประโยชน์อะไร" เขาเผลอพูดออกไปด้วยอารมณ์ เพราะยังไงซะสุดท้ายมันก็ตัดสินใจเอาเองอยู่ดี
 
      "ส่งเอกสารสรุปมาให้ฉัน รวมถึงความคิดเห็นของนายด้วย" พูดออกมาได้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจะสนใจสักนิดว่าเขาคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง
 
      "......" เขาเลือกที่จะไม่ตอบแล้วหันหลังเดินออกมา ในฐานะที่มันเป็นประธาน และที่นี่ก็เป็นที่ของมัน เขาเลือกอะไรไม่ได้นอกจากจะทำตาม
 
      เฮ้อนึกถึงน้ำชากับดอกไม้ของที่นั่นแล้ว
 
      .
 
      .
 
      .
 
      ถึงเวลาจะล่วงเลยจากที่คาดเอาไว้มากก็จริงแต่เขาก็มาตามที่บอกกับอีกคนเอาไว้ 'ตึง' เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้ที่ตอนนี้มีเบาะนิ่มๆ รองรับตรงพนักพิง แหงนคอไปด้านหลัง มือข้างนึงถูกยกขึ้นกุมขมับ
 
      "เหนื่อยหน่อยนะครับ" อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้แล้วค่อยๆ วางแก้วน้ำชาลง กลิ่นดอกไม้ลอยออกมาไม่รู้ว่ามาจากน้ำชาหรือดอกไม้ในแจกันตรงหน้ากันแน่
 
      "อือ" เขายื่นมือไปรับมันขึ้นมาดื่มก่อนจะเอนตัวลงตามเดิม
 
      "งานยุ่งมากเลยหรอครับ" เสียงทุ้มต่ำแฝงความเป็นห่วงไว้อย่างปิดไม่มิด
 
      "งานน่ะไม่เท่าไร แต่คนนี่สิ" คนอื่นก็ยังไม่เท่าไร แต่มันเนี่ยน่ะสิ
 
      "นั่นสินะครับ" อีกฝ่ายเลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับเขาแล้วทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี ถึงแม้เขาจะไม่ได้ต้องการเลยก็ตาม
 
      "ที่นี่เคยมีลูกค้าแย่ๆ เข้ามาบ้างมั้ย" เห็นอีกฝ่ายสงบนิ่งตลอดเวลา ไม่รู้ว่าถ้ามีปัญหาขึ้นมาสีหน้าที่นิ่งสงบนั้นจะเปลี่ยนไปยังไง
 
      "ทำงานกับคนมันก็ต้องมีบ้าง"
 
      "หึ นั่นสินะ แล้วคุณจัดการยังไง"
 
      "งานค้าขายก็เหมือนการบริการ ไม่ตอบโต้ถ้าไม่จำเป็น"
 
      "อือ" เขาตอบทั้งที่เสียงอยู่ในลำคอ แค่ประโยคนั้นเขาก็รู้แล้วอีกฝ่ายคงเป็นพวกยอมถอยดีกว่าวิ่งเข้าใส่ ถ้าไม่จำเป็นก็จะปล่อยให้เลยตามเลยสินะ แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะคนประเภทนี้
 
      "ถ้าทำอย่างนั้นได้บ้างก็ดี" นึกภาพตามมันจะดีแค่ไหนที่ไม่ต้องคิดถึง ไม่ต้องใส่ใจ
 
      "ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ อย่าเก็บมันมาคิดมากเลยครับ" อีกฝ่ายตอบกลับมาตามมารยาท เป็นประโยคที่ใครอีกหลายๆ คนก็คงพูดเหมือนกัน แต่ก็ทำให้รู้สึกปล่อยวางได้ทีละน้อย ดีเหมือนกันที่คอยมีคนรับฟังถึงแม้มันจะช่วยไม่ได้มากก็ตาม
 
      "ถ้าแค่พูดมันก็ง่าย"
 
      "ครับ" อีกฝ่ายตอบเสียงอ่อนกลับมา
 
      "........แปลก"
 
      "อะไรหรอครับ"
 
      "ไม่มีอะไร" แค่พูดคุยไม่กี่คำ เขากลับรู้สึกจิตใจสงบลงอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนกับคนตรงหน้ายินดีที่จะรับความทุกข์ใจของเขาไปทั้งหมด
 
      หึ จะไปมีคนแบบนั้นจริงๆ ได้ยังไง ใครๆ ที่เข้าหาเขาล้วนต้องการสิ่งตอบแทนแล้วสำหรับคนตรงหน้าอยากจะได้อะไร มิตรภาพที่หยิบยื่นให้กับคนที่รู้จักกันไม่เท่าไร แบบนี้มันไม่ได้แฝงอะไรเอาไว้จริงๆ หรอ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็เผลอตัวไปกับสิ่งเหล่านี้หลายต่อหลายครั้ง
 
      เขาหลับตาลงสักพัก เมื่อคิดว่ากลับไปต้องเจอการประชุมอีกก็รู้สึกเหมือนจะปวดหัวขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไรพอลืมตาอีกครั้งก็มี ดอกไม้มาวางอยู่ตรงหน้า ถ้าเดาไม่ผิดกลีบที่สลับซับซ้อนกันแบบนี้อาจจะเป็นดอกกุหลาบ แต่สีของมันกลับเป็นเหลืองอมส้มทำให้เขาไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่ามันถูกวางอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกหรือหลังจากเขาหลับตา สุดท้ายก็ลุกไปโดยวางมันทิ้งไว้ตามเดิม
 
      .
 
      .
 
      กุหลาบสีเหลืองที่แทนความห่วงใย
 
      .
 
      .
 
      หลังจากการประชุมครั้งที่สองของวันจบลงมันทำให้เขารีบอยากจะหนีจากที่ตรงนี้ทันที ความเหนื่อยล้าที่สะสมมามั้งทั้งวันทำให้เขาอดมองหาที่ปลดปล่อยไม่ได้แต่สุดท้ายก็คงไม่พ้นที่เดิมๆ อยู่ดี เขามองเวลาอีกครั้งถึงเข็มนาฬิกาจะเลยจากเวลาเลิกงานมาก็จริงแต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะไปที่ร้าน เขาเลยขับรถกลับไปที่บ้านก่อนอย่างช่วยไม่ได้
 
      ทันทีที่รถจอดสนิท ไม่มีแม้แต่เงาของร่างบางที่วิ่งมา หรือน้ำเสียงที่เอ่ยคำทักทายจะมีก็เพียงแต่เสียงดนตรีกับท่วงทำนองเพลงแปลกๆ เท่านั้นที่ได้ยิน
 
      เขาเดินเข้าไปในบ้านก็พบเจอสาเหตุของเสียงที่ว่า แทนกำลังนั่งขัดสมาธิที่พื้นใช้หลังพิงกับโซฟา กระดาษที่กลับมาเกลื่อนไปทั่วอีกครั้ง ในขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวดูท่าคงจะไม่รู้ตัวแม้เขาจะเข้าไปใกล้ขนาดนี้
 
      "แทน" เขาลองส่งเสียงเรียกก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา เขาลองเรียกไปอีกสองสามครั้งกับเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งแล้วหันมามอง
 
      "อ้าวพี่ซีน กลับมาแล้วหรอครับ" ร่างบางวางเครื่องดนตรีลงแล้วหันมาสบตากับเขาอีกครั้ง
 
      "อือกลับมาแล้ว"
 
      "แล้วกินอะไรหรือยังเดี๋ยวผมไปเตรียมข้าวมาให้" ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะลุกไปเขาก็คว้าแขนเรียวนั้นเอาไว้ก่อน ดึงอีกฝ่ายให้มานั่งที่โซฟาด้วยกัน
 
      "ช่างเถอะ ว่าแต่เรานั่งเครียดอะไรอยู่"
 
      "ห้ะเปล่านี่ผมไม่ได้" อีกฝ่ายทำท่าจะปฏิเสธมา เขาเลยมองกลับไปอย่างรู้ทัน
 
      "ก็มันยากกว่าที่คิด" อีกฝ่ายมองไปยังเครื่องดนตรีในมือก่อนจะพูดออกมา สังเกตเห็นรอยแดงที่ปลายนิ้ว เขาเลยจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาดู
 
      "ดูสิมือเป็นแผลหมดแล้ว"
 
      "นิดหน่อยเอง"
 
      "เลิกดีกว่ามั้ย หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน"
 
      "ไม่เอา!! พี่ซีนซื้อให้แล้วนี่ แล้วผมก็อยากเล่นอันนี้" เขามองอีกฝ่ายที่เอาเครื่องดนตรีมากอดไว้แน่นอย่างจนใจ
 
      "ก็ตามใจ"
 
      "คืนนี้จะออกไปข้างนอกหรอ" อีกฝ่ายถามขึ้นบ้างเมื่อเห็นเขากำลังลุกออกไป
 
      "ใช่มีอะไรรึเปล่า"
 
      "ขอไปด้วยได้มั้ย" ใบหน้าหวานกำลังมองเขาด้วยสายตาออดอ้อน
 
      "ก็ได้อยู่....." เขาหยุดคิดไปสักพัก คงจะไม่เจอมันที่นั่นหรอกนะ ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้น
 
      เดินเข้าร้านมาได้ไม่กี่ก้าวร่างบางก็วิ่งแซงไปยังด้านหลังเวทีเขาก็เดินตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่เร่งรีบ ก็พอรู้อยู่ว่าอีกฝ่ายตั้งใจมาทำอะไร แต่เขาคิดว่าร่างบางคงจะไม่สมหวังกับที่ตั้งใจไว้เท่าไร
 
      "พี่สอง ช่วยสอนกีตาร์ให้ทีสิ" น้ำเสียงสดใสดังออกไปถึงข้างนอก
 
      "นี่คือประโยคทักทายของคนที่ไม่เจอกันนานใช่มั้ย"
 
      "นะครับบบ"
 
      "เฮ้อมันก็ได้อยู่แต่ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่างเท่าไร ไว้คราวหน้าได้มั้ย"
 
      "โธ่ คนเขาอุตส่าห์มาหา"
 
      "แบบนี้เรียกว่าหางานมาให้ต่างหาก" อีกฝ่ายผลักหัวร่างบางเบาๆ ก่อนจะรีบเก็บมือลงทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามา
 
      "ไม่ได้จริงๆ หรอเนี่ย" แทนถอนหายใจก่อนจะเดินก้มหน้าเข้ามาหา ก็นะเขาก็คิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้
 
      "พี่ซีน~" อีกฝ่ายเรียกพร้อมทำน้ำเสียงงอแงเหมือนเด็กที่เจออะไรไม่ถูกใจ
 
      "ช่วยไม่ได้นี่นะ อย่าไปเครียดกับมันนักเลยก็แค่เครื่องดนตรี"
 
      "พี่ซีนไม่เข้าใจอะไรเลยอ่ะ" แทนเข้ามาตีผมทีนึงด้วยความน้อยใจ
 
      "เฮ้อ ไปนั่งดื่มกับพี่ดีกว่าน่า" เขากอดบ่าคนตรงหน้าก่อนจะให้เดินมาด้วยกัน อีกฝ่ายก็ยอมเดินตามมาถึงจะยังทำหน้าบึ้งไม่หาย
 
      เขาไม่เข้าใจหรอกเรื่องแบบนี้ อาจเพราะก่อนหน้านี้มีคนคอยกำหนดเส้นทางให้ตลอดไม่เคยได้เลือกอะไรด้วยตัวเอง เลยไม่เข้าใจคนที่มีความตั้งใจ หรือมุ่งมั่นในสิ่งที่อยากจะทำ
 
      ห่างจากโต๊ะไม่กี่ก้าว ไอ้เชนท์ที่เห็นเขาพามาใครอีกคนมาด้วยก็รีบส่งเสียงทักขึ้นมาเหมือนกลัวจะโดนใครแย่งพูด
 
      "ว้าว~ คราวนี้พาใครมาเนี่ย" เขายักไหล่ให้แทนคำตอบ
 
      "สวัสดีครับ" แทนทักทายก่อนจะยกมือไหว้ทั้งคู่
 
      "ดี~" เชนท์เพียงโบกมือให้ผิดกลับน้ำที่ใช้เสียงนุ่มๆ ตอบกลับมา
 
      "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"
 
      "ครับพอดีเพิ่งเข้ามหาลัยเลยยังมีเรื่องวุ่นๆ หลายเรื่อง"
 
      "แล้วเป็นไงปรับตัวได้หรือยัง"
 
      "พอได้ครับ หะหะ"
 
      "ดีแล้ว" ไอ้น้ำใช้เสียงอ่อนพูดคุยกับแทน มันยังแสดงความเอ็นดูกับอีกฝ่ายเหมือนอย่างเคย
 
      "แล้วนี่มึงรู้ข่าวแล้วรึยัง" ไอ้เชนท์หันมาถามเขา ขณะที่ในมือยังแก้วเหล้าอยู่
 
      "ข่าวอะไร"
 
      "เรื่องที่เฮียจะกลับมาเปิดสนาม" เขาที่เอนตัวไปด้านหลังรีบลุกขึ้นนั่งหลังตรง
 
      "มึงพูดจริงหรอ" เขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่มันเพิ่งพูดออกมา สนามแข่งนั่นเต็มไปด้วยความทรงจำเจ็บปวด เขาคิดว่าฟรานซิสจะปิดร้างมันไปแล้วซะอีก "ไม่น่าเชื่อว่า..."
 
      "ก็.....เอาไว้รอมึงไปถามเองก็แล้วกัน" จากนั้นมันก็เบือนหน้าเล็กน้อยส่งสายตาให้หันไปมองทางด้านหลัง
 
      ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแทนเลยหันไปมองตามที่อีกฝ่ายบอกแต่แค่เพียงแป๊บเดียว สายตายังไม่ทันได้จับภาพใคร ร่างบางก็รีบซุกตัวเข้าหาทำอย่างกับว่าจะใช้ท่อนแขนเขาเป็นที่กำบัง จากสัตว์ร้าย
 
      "หึ ดูสิว่าเจอใคร" น้ำเสียงเย็นๆ ดังขึ้นจากด้านหลังยังไม่ทันได้หันไปดูร่างบางข้างกายก็ตัวสั่นขึ้นมาเหมือนกับลูกนกดูท่าทางน่าสงสาร
 
      "นั่งก่อนสิครับเฮีย" ไม่รู้ว่าเชนท์มันจะสังเกตเห็นหรือไม่แต่ก็ชักชวนให้ร่างสูงให้เข้ามาใกล้แล้ว
 
      "ก็เอาสิ" ฟรานซิสตอบพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นตรงมุมปาก แล้วมันก็เลือกมานั่งตรงที่ว่างใกล้ๆ กันกับเขา ฉะนั้นตอนนี้ระหว่างแทนกับฟรานซิสจึงมีเขานั่งอยู่คั่นกลาง
 
 
      to be continue.
 
      .............................................................................
 
      มาต่อแล้วค่ะ ในตอนนี้ทั้งคู่เริ่มแชทหากันบ่อยขึ้นแล้วค่ะ 55555+  :katai4: อาจจะยังมีส่วนที่ต้องแก้ไขอยู่อีก แต่ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกกำลังใจค่ะ
 
 
 
 


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด