.
.
พร้อมกันรึยัง..หึหึ
‘แปะ’
“ไอ้ทาน ไอ้ทานโว้ย มึงหายหัวไปไหนของมึงวะกูนั่งรอตบยุงอยู่หน้าบ้านมึงได้หลายสิบตัวแล้วนะเว่ย”
บ่น ก็ได้แค่บ่นกับตัวเองเพราะตอนนี้คนที่กำลังบ่นถึงไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ สามทุ่มแล้วนะเว่ยยังไม่ยอมกลับบ้าน โทรก็ไม่ติด ไอ้ทานไอ้บ้ารู้บ้างมั้ยว่ากูเป็นห่วง ถ้านี่ฝนตกลงมาอีกหน่อยกูคงได้นั่งเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่หน้าบ้านมึงแล้วล่ะ
นั่งรอต่อไปได้อีกพักรถแท็กซี่คันหนึ่งก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านร่างของคนที่ทินกรรอคอยก้าวลงมาจากรถ โดยมีผู้ชายอีกคนนึงก้าวตามลงมาด้วย และไม่ต้องสงสัยนานว่าใคร
“ขอบคุณพี่เอ็มมากครับที่อุตส่าห์มาส่งผมถึงบ้าน”
“ฮ่าๆไม่เป็นไรหรอก แค่ทานยอมไปกับพี่พี่ก็ดีใจแล้ว ว่าแต่...คนที่นั่งรออยู่ตรงนั้นอะใช่คนที่ทานบอกรึเปล่า”
เอ็มพยักเพยิดไปทางชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่หน้าบ้านก่อนจะก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของทานตะวันเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ซึ่งร่างบางก็ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าตอบกลับไปแบบเขินๆ ทำให้คนที่เห็นเพียงแค่ภาพในที่ๆแสงไม่มากนักเพราะมืดแล้วบวกกับไม่ได้ยินบทสนทนาจึงอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรไปไกลความเป็นจริง
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ แล้วว่างๆจะมารับไปเที่ยวด้วยใหม่...ถ้าได้อะนะ ฮ่าๆ”
“ครับๆ โชคดีครับพี่เอ็ม”
ทานตะวันส่งยิ้มหวานให้รุ่นพี่แล้วโบกไม้โบกมือให้ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“...ไปไหนมา”
“เรื่องของกู ว่าแต่มึงเหอะมาทำไรเอามืดป่านนี้”
ตอบไปพลางไขกุญแจแล้วเดินเข้าไปในบ้านโดยมีทินกรเดินตามเข้าไปด้วย
“มารอมึงกลับบ้าน...ตั้งแต่สี่โมง กูตอบมึงแล้ว แล้วมึงจะตอบกูได้รึยังว่าไปไหนมา”
“ห๊ะ ตั้งแต่สี่โมง มึงจะมารอกูทำซากอะไรเล่า บ้านช่องมีไม่กลับ แดกหญ้าแทนข้าวแล้วเหรอมึงอะ”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิทาน กูถามมึงว่ามึงไปไหนมาถึงกลับเอาป่านนี้” ทินกรพยายามสะกดอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองเอาไว้
“เอ๊ะ แล้วนี่มึงแปรสภาพมาเป็นพ่อกูตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้มามานั่งซักไซ้กูเนี่ย กูจะไปไหนมันเกี่ยวอะไรกับมึงวะ มาทำหงุดหงิดใส่กูไปได้ หรือว่าหิวข้าว งั้นแป๊ปนึง กูขึ้นไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงมาต้มมาม่าให้แดก”
ทานตะวันที่ไม่ได้นึกเอะใจในอารมณ์ของทินกรมากนักจึงเดินหันหลังขึ้นไปอาบน้ำเสียดื้อๆ...
.
.
“เอ้า ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วนี่หลับแล้วเหรอมึงอะ เฮ่ย ง่วงนอนทำไมไม่กลับไปนอนบ้านวะ...ฮะ...เฮ่ย”
“มึงคบกับไอ้พี่เอ็มเหรอทานตะวัน”
ทินกรดึงร่างของทานตะวันลงมาแล้วตรึงแขนทั้งสองข้างไว้ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูนิ่ม
“ไอ้เหี้ย อย่าเล่นแบบนี้ ไอ้ทิน”
“กูไม่ได้เล่น คราวนี้กูทำจริงๆ”
ทินกรว่าพลางใช้ปลายจมูกซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวที่ตอนนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่เด็กที่ทานตะวันมันชอบใช้
“อึก...ไอ้ทิน...มึง...ยะ...อ๊ะ”
ทานตะวันหลุดเสียงครางแผ่วเมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนรุกล้ำเข้าไปใต้สาบเสื้อ ลูบไล้ผิวเนียนลื่นมือก่อนจะหยุดหยอกล้อเล่นที่ยอดอกสีหวาน จูบเรื่อยลงมาจนถึงหนาอกแบนเรียบและไม่ลืมที่จะแวะไปดูดดึงลิ้มชิมรสหวานจากยอดอกนั่น
“หึหึ กูว่า...ตอนนี้กูเริ่มไม่อยากฟังคำตอบแล้วล่ะ เพราะเสียงครางของมึงคงน่าฟังกว่าเยอะ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้แย้งใดๆทินกรก็เงยหน้าขึ้นมาป้อนจูบแล้วส่งลิ้นเข้าไปตักตวงความหวานละมุนที่เคยได้สัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งทันที ทานตะวันพยายามจะดันลิ้นของอีกฝ่ายออกไปให้พ้นจาดโพรงปากของตนแต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อร่างสูงอาศัยความชำนาญกว่าไล่ต้อนลิ้นนุ่มของทานตะวันไปมาจนอีกฝ่ายเผลอตอบสนองกลับโดยไม่รู้ตัว
“อ๊ะ...ทิน...ทะ...ทำ...ไม...”
เมื่อจูบจนหนำใจแล้วทินกรก็หันมาจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองและร่างตรงหน้าต่อ เสื้อและกางเกงนอนของทานตะวันถูกรุดรั้งถอดออกไปอย่างรวดเร็วเหลือแต่เพียงร่างกายขาวเนียนเปลือยเปล่า ทินกรที่จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ไม่รอช้าที่จะทาบทับตัวเองลงมาบนร่างเล็กนุ่มนิ่ม มือร้อนลูบไล้ไปทั่วร่างกายบอบบางทิ้งความร้อนผ่าวไว้ทุกที่ที่สัมผัสจนทานตะวันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะละลายหายไปในฟูก ทั้งๆที่สมองต้องการจะสั่งให้ต่อต้านการกระทำนี้ แต่ร่างกายกับจิตใจกลับยินยอมและรับสัมผัสของคนๆนี้แต่โดยดี
“อื้อ...อืม...อ๊ะ”
เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งเมื่อทินกรเลื่อนมือไปกอบกุมที่ส่วนอ่อนไหวก่อนจะรั้งขึ้นลงเป็นจังหวะช้าๆแล้วค่อยๆเร่งให้เร็วขึ้นทีละน้อยในขณะที่มือและปากยังคงทำหน้าที่ขบเม้มประทับรอยตีตราจองร่างนุ่มนิ่มนี้อยู่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“อะ...มะ...ไม่...ไม่ไหวแล้ว...อ๊า”
หยาดน้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาจนเปื้อนเต็มมือของของทินกรรวมถึงหน้าท้องของทานตะวัน ร่างบางนอนหายใจหอบถี่หลังการปลดปล่อยครั้งแรกสิ้นสุดลง ทินกรไม่เว้นช่วงจังหวะให้นานนักเขาแยกเนินเนื้อนิ่มออกจากกันแล้วใช้นิ้วมือที่เปื้อนอยู่สอดแทรกเข้าไปทางอุ่นร้อนที่ยังปิดสนิท
“อึก...เจ็บ...ไม่เอา...ทิน...อย่า”
“ทาน...อือ...อย่าเกร็ง...คนดี”
ทินกรใช้มืออีกข้างควานไปบนหัวเตียงเพื่อหาขวดเบบี้ออยที่เขาจำได้ว่าเคยเห็นทานตะวันหยิบออกมาใช้ทาผิวตอนหน้าหนาว และโชคก็เข้าข้างเขาเพราะมันก็ยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ ทินกรไม่รอช้าที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์ นิ้วที่ถูกส่งเข้าไปแล้วถูกดึงออกมาแล้วชโลมด้วยเบบี้ออยจนชุ่มก่อนจะสอดกลับเข้าไปอีกครั้ง ขยับเข้าออกให้คุ้นชินแล้วค่อยๆเพิ่มเป็นสองนิ้ว
“อึก...ทิน...มัน...เจ็บ...อ๊า...เจ็บ”
ทานตะวันสะอื้นเบาๆน้ำตาไหลพราก ร่างกายราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อคนที่อยู่ข้างบนจัดการแยกเรียวขาเนียนของเขาออกก่อนขึ้นไปพาดไว้บนบ่าแล้วกดแก่นกายของตัวเองแทรกเข้ามาแทน
“หายใจลึกๆนะทาน ไม่ร้องไห้นะคนเก่ง ทินรักทานนะรู้มั้ย รักมาก รักมานานแล้ว”
ร่างสูงว่าแล้วพรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากแดงเจ่อด้วยฤทธิ์จูบในตอนแรกขบเม้มเข้าหากันดูเซ็กซี่ยั่วยวนอย่างไม่น่าเชื่อ ทานตะวันพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ในสิ่งที่ทินกรบอก...อะไรที่ช่วยบรรเทาความเจ็บแทบขาดใจนี้ได้เขาก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อเห็นดังนั้นทินกรจึงกดแก่นกายของตัวเองเข้าไปในร่างของทานตะวันจนสุด แช่เอาไว้พอให้เจ้าของร่างได้ปรับตัวก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกเป็นจังหวะช้าๆ
“อ่า...ทาน...ทิน...รักทานนะ”
“อะ...อะ...อ๊ะ”
ทานตะวันได้แต่หลับตาแน่นจิกเล็บลงที่หลังของทินกรเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ได้รับจากการกระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วง ได้ยินแบบนั้น ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอกที่สุดท้ายก็ใจตรงกัน แต่เล่นไม่บอกไม่กล่าวไม่ถามความเห็นถามความสมัครใจอะไรก่อนแล้วจับกดกันแบบนี้...พรุ่งนี้เจอกันหน่อยเหอะไอ้ทิน
“อ่า...ทาน...อีกนิดนะ...อือ”
ทินกรจับทานตะวันให้พลิกตัวก่อนจะยกสะโพกกลมกลึงนั่นให้ลอยแล้วเร่งการขยับเข้าออกให้ถี่ขึ้นอีกจนหัวของทานตะวันโยกไปมาตามแรงกระแทก และเมื่อใกล้จะสิ้นสุดการเดินทางทินกรก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปช่วยส่วนนั้นของร่างเล็กในอ้อมกอดให้รู้สึกไปพร้อมๆกับเขาด้วย
“อะ...อื้อ...ทิน...ทาน...จะ...ไปแล้ว”
ร่างของทานตะวันเกร็งกระตุกก่อนเล็กน้อยก่อนที่น้ำสีขาวขุ่นจะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่สอง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเจ้าตัวก็รับรู้ได้ถึงกระแสน้ำอุ่นๆที่ถูกปล่อยเข้าไปในตัวของตัวเองเช่นกัน
“อ่า...ทาน รักทานจัง”
“...” อืม กูก็รักมึงเหมือนกัน แต่ขอเก็บไว้ก่อนเพราะตอนนี้กูงอนมึง ไอ้เวร...ทำกูเสียวไม่ว่าแต่ทำแสบนี่สิ...ไอ้ทานยอมไม่ได้
.
เป็นไงก็บอกกันได้ ฉากนี้มนไม่ได้เขียนมานาน สนิมอาจจะเกาะเคาะไม่ออก