กุญแจดอกสุดท้าย (ตอนจบ)
‘ธรรมชาติของปลาเมื่อมันถือกำเนิดมามันก็สามารถว่ายน้ำได้เองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาสอน หากไปถามมันว่ามันรู้สึกยังไงที่เกิดมาเป็นปลา มันคงไม่รู้จะตอบว่ายังไง ก็มันไม่เคยเป็นอย่างอื่นนอกจากเป็นปลาอย่างที่มันเป็นตั้งแต่ออกจากท้องแม่ของมัน’
พญานึกถึงข้อความนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม เขายังคงเป็นปลาตัวเดิมที่ไม่สามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ เขายังคงเป็นปลาตัวเดิมที่ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรที่เกิดมาเป็นปลา แต่ที่บอกว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไปก็เพราะเขารู้สึกว่าการเป็นปลาที่ไม่สามารถบินขึ้นไปอยู่บนฟากฟ้าก็ไม่ได้น่าเสียใจอะไร มันเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าท้องทะเลที่เคยอยู่มันคือที่ๆ ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดกับตัวเองแล้ว เขาแน่ชัดแล้วว่าการอยากเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวของตัวเองมันไม่ใช่ความสุขที่จีรัง และคนที่ทำให้เขารู้สึกรักในตัวตนของตัวเองก็คือคนที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ คนที่ก้าวเข้ามาปลดล็อกหัวใจที่ด้านชา หัวใจที่ไม่เคยรักใครแม้กระทั่งตัวเอง
ปลายนิ้วของพญาไล้เบาๆ ที่แก้มของเจ้ากระต่ายจอมยั่วที่ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียหลังจากที่ผ่านศึกรักกับเขาอยู่หลายรอบ ใครจะไปคิดว่าคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่เขาเคยใจร้ายด้วยจะทำให้เขาหลงรักจนหมดหัวใจได้อย่างนี้ คนอย่างหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้า สรลักษณ์ ผู้ที่มีพร้อมไปทุกด้าน เก่งไปเสียหมดทั้งบู้ทั้งบุ๋น รวมไปถึงเรื่องบนเตียงที่ทำให้พญายอมศิโรราบทั้งกายและใจยกให้คุณชายน้องคนนี้แต่เพียงผู้เดียว คนสมบูรณ์แบบที่จะรักใครก็ได้บนโลกแต่กลับมาเลือกคนอย่างเขา คนที่ไม่เคยมีใครมองว่าดี แถมยังแสดงความหึงหวงให้เขาเห็นว่าตัวเขามีค่าจนไม่อยากจะเสียให้ใคร
‘เจ้ากระต่ายเอ๋ย...ฉลามตัวนี้ต่างหากที่ไม่อยากเสียเจ้าให้ใคร’
“พี่จะมองน้องอีกนานไหม” คนที่พญาคิดว่าหลับเอ่ยถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“เฮ้ย กระต่ายมันมีตาวิเศษด้วยเหรอวะ” พญาถามพลางก้มลงไปหอม
“น้องก็เป็นปู้วิเฉดเหมือนหนูด้วงนะ น้องรู้หมดแหละว่าพี่กำลังทำอะไร คิดอะไร น้องอ่านใจพี่ได้”
“ไหนลองบอกมาสิว่าพี่คิดอะไร”
“พี่กำลังคิดว่าพี่โชคดีที่น้องเข้ามาในชีวิตของพี่”
‘เวรแล้ว อ่านใจได้จริงดิ แล้วที่กูชมว่าเก่งเรื่องบนเตียงก็รู้หมดดิวะ’ พญามัวแต่คิดในใจจนคนที่นอนหลับตาค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมามองแล้วหัวเราะน้อยๆ
“พี่หลอกง่ายกว่าหนูด้วงอีก” เทียมฟ้าขยับตัวขึ้นมานอนซบอกของพญา
“เฮ้อ โล่งอก นึกว่าอ่านใจได้จริงๆ”
“ทำไม พี่มีอะไรที่ปิดบังน้อง”
“เปล๊า”
“มีแน่ๆ เลย”
“อยากรู้จริงดิ มันทะลึ่งนะ” พญาถามจนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาหรี่ตามอง
“พี่คิดจะลักหลับน้องเหรอ”
“ฮ่าๆ ทีแรกไม่ได้คิด แต่ก็น่าคิดนะ”
“ยังไม่อิ่มอีกเหรอครับ” เทียมฟ้ายิ้มออดอ้อนก่อนจะกอดพญาแน่นๆ
“น้องยั่วพี่”
“น้องไม่ได้ยั่ว”
“น้องยั่ว”
“ไม่ได้ยั่ว”
“แล้วไอ้ที่เอาเข่ามาโดนตรงนั้นคืออะไร” พญามองต่ำลงไปที่ส่วนกลางลำตัว มันกำลังตื่นตัวอีกรอบเมื่อเทียมฟ้ายกขามาก่ายโดนของดีแล้วขยับไปมาไม่หยุด
“ยั่วก็ได้” เทียมฟ้าหัวเราะก่อนจะเอาขาลงแล้วขยับตัวอีกรอบแต่คราวนี้ขึ้นมานอนทับบนตัวของพญาทั้งตัว
“น้องนี่นะ” พญาส่ายหน้าแล้วนึกขำคนขี้อ้อน
“พี่....แต่งงานกันนะ”
“มันต้องให้พี่เป็นคนพูดเปล่าวะน้อง” พญาตกใจเหมือนกันที่ได้ยินคำขอแต่งงานจากเจ้ากระต่าย
“น้องกลัวพี่ไม่ขอ ไม่ต้องจัดงานแต่งก็ได้”
“ไม่ต้องจัดงานแล้วจะเรียกว่าแต่งงานได้เหรอ”
“แค่พี่ตอบตกลงว่าจะแต่งแค่นั้นก็พอแล้ว”
“แล้วมันต่างกันยังไงกับที่เราอยู่ด้วยกันทุกวันนี้”
“น้องแค่อยากมั่นใจว่าพี่เป็นของน้องจริงๆ”
“พี่ก็เป็นของน้องคนเดียวอยู่แล้ว”
“.......”
“คนเดียวเท่านั้น”
“.......”
“ก็ได้ก็ได้ แต่งงานกันครับคุณชายน้อง”
“น้องรักพี่ รักมากเลยรู้ไหม พี่จำวันงานแต่งงานของพี่ตังได้ไหม ตอนที่พี่ยืนมองพี่ตังอยู่คนเดียวเงียบๆ สายตาของพี่มันทั้งเจ็บปวดและดีใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย น้องได้แต่หวังว่าสายตาแบบนั้นจะมองมาที่น้องบ้าง น้องทำใจอยู่นานกว่าจะเอื้อมมือไปจับมือของพี่เอาไว้ กลัวว่าพี่จะสะบัดมือของน้องออก แต่พี่ไม่ได้ทำ พี่ให้น้องจับมือพี่เอาไว้ จากวันนั้นมาน้องบอกกับตัวเองว่าน้องจะไม่ปล่อยมือของพี่ ต่อให้พี่ไม่รักน้อง น้องก็จะจับมือของพี่เอาไว้”
“ทำไม...ทำไมถึงรักพี่ เจอกันครั้งแรกพี่ก็ลักพาตัวน้องไปขังเอาไว้ พูดจาไม่ดีใส่ ใจร้ายกับน้องสารพัด ทำไมยังยืนยันที่จะไม่ปล่อยมือพี่”
“เพราะมันคุ้มค่าครับ แล้วน้องก็ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ”
พญาได้ยินแล้วพูดไม่ออก เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง ไม่ใช่คนโรแมนติกที่จะสรรหาคำพูดดีๆ มาพูดให้อีกฝ่ายเคลิบเคลิ้ม ทุกถ้อยคำของเทียมฟ้ามันทำให้พญาตื้นตันจนพูดไม่ออกจริงๆ เมื่อเขาพลิกตัวเพื่อให้อีกฝ่ายลงไปนอนราบกับพื้น ดวงตาของเจ้ากระต่ายที่มองมาบ่งบอกถึงความจริงใจในถ้อยคำที่พูดออกมาก่อนหน้านี้จนเขาสัมผัสได้
“พี่ไม่เคยสัญญากับใครนอกจากคำสัญญาแบบเด็กๆ กับหนูด้วง ที่ไม่สัญญาเพราะกลัวว่าตัวเองทำไม่ได้ แต่พี่จะให้คำสัญญากับน้อง พี่จะทำให้น้องภูมิใจที่ได้ยืนเคียงข้างพี่และพี่จะรักษาคำมั่นสัญญานี้จนตัวตาย มาเกี่ยวก้อนกัน เอ้ย เกี่ยวก้อยกัน”
“จูบแทนได้ไหมครับ จูบแทนเกี่ยวก้อย จูบน้องทั้งตัวเลยนะ”
“กำลังมาโหมดซึ้ง มึงก็ยั่วกูจริงจริ๊ง” พญาส่ายหน้าแต่ก็จัดให้อย่างที่เจ้ากระต่ายร้องขอ
“ก็พี่ชอบให้น้องยั่ว น้องรู้ว่าพี่ชอบที่น้องเก่งเรื่องบนเตียง” เทียมฟ้าพูดหลังจากที่พญาถอนจูบจากตัวเองแล้ว
‘ชิบหายแล้ว มันอ่านใจได้จริงด้วย!!” พญาผงะคิด หน้าตาเลิ่กลั่กจนเทียมฟ้าหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่หลอกง่ายจริงๆ ด้วย”
“มึงนี่นะ” พญาส่ายหน้าอีกครั้งก่อนจะก้มลงไปคลอเคลียเจ้ากระต่ายอีกรอบ คิดในใจว่าอยากยั่วเก่งนักจะจัดให้เดินไม่ไหวเลยทีเดียว
“พี่...นี่มันเกินครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ น้องโอบกับหนูด้วงจะรอเรา” เทียมฟ้าท้วงเมื่อพญาทำท่าจะกินตัวเองอีกรอบ
“ไอ้หนอมมันช่วยดูอยู่ อีกรอบแล้วกัน” พญาต่อรอง
“ก็ได้ก็ได้” เทียมฟ้าเห็นหน้าอ้อนของพญาแล้วอดใจอ่อนไม่ได้
พญายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่ออีกฝ่ายยอม แต่ก่อนที่จะได้กลับไปชิมความอร่อยจากเรือนร่างขาวเนียนให้หนำใจอีกรอบก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกจากหนูด้วงเสียก่อน ทั้งคู่รีบลุกมาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาจากเรือยอร์ชที่อาศัยเป็นรังรักชั่วคราว
“โอบพยายามบอกน้องแล้วครับว่าป๊าติดธุระอยู่ แต่น้องไม่ยอมรอที่บ้านครับ น้องบอกว่าหิวข้าว” โอบอุ้มหน้าเจื่อนเมื่อรั้งหนูด้วงเอาไว้ไม่อยู่ ไม่เฉพาะโอบอุ้มที่หน้าเจื่อน ถนอมและลูกน้องคนอื่นๆ ก็ด้วย ต่างก็กลัวเจ้านายจะโกรธที่มาขัดจังหวะ แต่ถนอมก็เห็นว่ากินเวลาไปชั่วโมงกว่าที่มันปล่อยให้เจ้านายจู๋จี๋กับคุณชายน้องจึงไม่ได้ขัดใจเมื่อนายน้อยร้องหานายพญา มันกลัวว่าหากปล่อยให้นายน้อยร้องไห้งอแงแล้วจะยิ่งไปกันใหญ่
“ไม่เป็นไร เสร็จธุระพอดี” พญารู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ปล่อยให้หลานหิว แต่อยู่กับเทียมฟ้าทีไรมันทำให้เขาลืมวันและเวลาทุกที
“แต่ผมว่านายยังไม่เสร็จนะครับ” ถนอมบอกกับเจ้านายของตัวเอง
“กูบอกเสร็จก็เสร็จสิวะ”
“แต่ว่า...”
“กัดตะเข็ด” หนูด้วงพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ถนอมจะพูดจบ
“ทะเลไม่มีตะเข็บหรอกครับ” พญา
“ก้อมันกัดตะเข็ด” หนูด้วงยังเถียง
“ไม่มีหรอก ไหนตะเข็บ” พญามองไปรอบๆ
“ยุงพะยาใฉ่เฉื้อกัดตะเข็ด” หนูด้วงชี้ไปที่เสื้อของพญาที่กลับตะเข็บอยู่
“ฮ่าๆๆๆ” ถนอมพยายามจะเตือนแต่ไม่ทันเลยหลุดขำออกมาจนพญาต้องถลึงตาใส่
“มันเป็นแฟชั่นของผู้วิเศษ” พญารีบแก้ต่างให้ตัวเอง หนูด้วงได้ยินก็ทำตาโต
“พี่ไปหลอกหลานอีกแล้ว” เทียมฟ้าตีแขนพญา
“น้องจะได้รู้ว่าใครหลอกง่ายกว่ากัน พี่หรือหนูด้วง”
“ปู้วิเฉดไม่ใฉ่เฉื้อกัดตะเข็ด มัมๆ ฉอนว่าคนใฉ่เฉื้อกัดตะเข็ดเป็นคนชาเพร่า” สิ้นคำของหนูด้วงทุกคนก็กลั้นขำกันไม่อยู่ ยกเว้นโอบอุ้มที่พยายามจะไม่หัวเราะ กลั้นขำจนหน้าแดงดูน่าสงสาร
“เจ้าอุ้ม อยากขำก็ขำเหอะ” พญาทำหน้าเซ็งๆ ที่หลอกหนูด้วงไม่ได้ พอเห็นลูกบุญธรรมพยายามจะรักษามารยาทก็เลยนึกสงสาร
“ขอโทษนะครับป๊า” โอบอุ้มขอโทษเสร็จก็หัวเราะยกใหญ่จนหนูด้วงที่เพิ่งจะเคยเห็นพี่ชายหัวเราะมากขนาดนี้ต้องหัวเราะตามไปด้วย
“ไปๆ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า มือนี้พญาผู้ยิ่งใหญ่จะเลี้ยงเอง” พญาพยายามกลบเกลื่อนความหน้าแตกของตัวเอง
“จะไม่กลับเสื้อก่อนเหรอครับ” เทียมฟ้าถามพญา
“ไม่ มันเป็นสไตล์” พญายังคงสงวนท่าที
“ยุงพะยา ก้อหนูบอดว่าเฉื้อมันกัดตะเข็ดดดดด” หนูด้วงเท้าเอวแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อกระซิบบอกพญาอีกครั้ง
“ครับๆ น้าเปลี่ยนก่อนก็ได้” ในที่สุดพญาก็ต้องถอดเสื้อออกมากลับตะเข็บเพราะหลานคนโปรดท่าจะไม่ยอมให้ไปไหนถ้ายังใส่เสื้อผิดอยู่แบบนี้
“หิวแล้วใช่ไหมครับ” เทียมฟ้าถามหนูด้วง
“หิวฉุดๆ”
“ไปกินที่โรงแรมก็แล้วกัน” เพราะร้านอาหารบนเกาะยังไม่เปิดพญาเลยตัดสินใจที่จะพาทุกคนไปกินข้าวที่โรงแรมของนายหัวพยนต์แทน
“นายไปกันเถอะครับ พวกผมติดลงวงเหล้าแล้ว จะได้เฝ้าบ้านให้นายด้วย” ถนอมปฏิเสธเพราะยังอยากนั่งกินเหล้าและกินลมชมวิวอยู่ที่เดิม
“ตามใจ อะ..นี่กูให้พวกมึงไปซื้อของกิน” พญาส่งเงินให้ถนอมก่อนจะพาเทียมฟ้าและเด็กทั้งสองคนขึ้นจากท่าเรือไปที่รถ
“โชคดีจริงๆ ได้เงินจากคุณชายแล้วยังได้จากนายอีก ไปพวกมึง...ฉลอง” ถนอมจูบเงินที่ได้มาจากพญาแล้วเรียกเพื่อนๆ ให้ไปกินเหล้ากันต่อ
...
นายหัวพยนต์ทราบจากลูกสาวว่าพญาพาเทียมฟ้ากับเด็กทั้งสองคนมาทานข้าวที่โรงแรมจึงเดินลงมาหา เรื่องวุ่นวายของมิสเตอร์คิมจบไปโดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บก็ทำให้เขาโล่งใจไปมาก เขายอมรับว่ารู้สึกผิดกับพญาอยู่ไม่น้อยที่เคยต่อว่าและมองพญาในแง่ลบ แม้พเยียจะปลอบเขาว่าเพราะการกระทำที่ผ่านมาของพญาทำให้ทุกคนมองในแง่นั้นได้ง่ายๆ ก็ตาม แต่เขาซึ่งเป็นพ่อน่าจะรู้จักลูกชายของตัวเองดีกว่าใคร เขาผิดหวังในตัวของพญาตั้งแต่รู้ว่าลูกชายรักชอบพอผู้ชายด้วยกันเลยพาลทำให้อคติลูกชายไปเสียทุกเรื่อง ในวันนี้พญาพิสูจน์ให้เห็นและทำให้เขารู้ว่าทัศนคติต่างหากที่ชี้วัดคุณค่าของคน
‘สูงส่งแค่ไหนก็ต้อยต่ำได้ด้วยความคิด’
“คุณตามาแย้ว คุณตามาดูมาดู หนูทำแพนเค้ดได้ หนูเก่น” หนูด้วงเห็นนายหัวพยนต์ก็รีบวิ่งมาหาแล้วคว้ามือคุณตามาดูผลงานของตัวเอง
“ทำไมมันดำแบบนั้นล่ะ” นายหัวพยนต์เห็นแพนเค้กมีรอยไหม้จนดำสนิทก็ปากเบาทักขึ้น เมื่อรู้ตัวว่าอาจจะทำให้หลานเสียใจเลยรีบหันไปมอง แต่เจ้าตัวเล็กกลับยิ้มร่าแล้วอธิบายให้คุณตาฟัง
“ก้อมันเป็นแพนเค้ดเฉือดำ หนูก้อเป็นเฉือ แต่หนูไม่ดำ เฉือไม่ดำกินเฉือดำ” หนูด้วงยังคงภูมิใจในฝีมือของตัวเอง พยายามอธิบายว่าที่แพนเค้กมันดำเพราะมันเป็นแพนเค้กเสือดำ ส่วนตัวเองชื่อพยัคฆ์แต่ไม่ดำ พนักงานที่ดูแลภายในห้องอาหารได้ยินก็แอบอมยิ้มกับเหตุผลของเจ้านายตัวน้อย
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง เก่งมากเลยเด็กชายพยัคฆ์”
“คุณลุงทานข้าวรึยังครับ” เทียมฟ้าถามนายหัวพยนต์
“ทานแล้ว เห็นพเยียว่าหลานมาพ่อเลยลงมาหา อยากจะเจอหนูด้วงกับเจ้าโอบสักหน่อย”
“คุณปู่ทานขนมไหมครับโอบจะตักมาให้” โอบอุ้มเพิ่งเดินมาออกจากห้องครัวของโรงแรมเพราะพาหนูด้วงไปทำแพนเค้กมาจนแป้งเลอะไปหมด พนักงานในครัวจะไม่ยอมให้โอบอุ้มทำความสะอาดแต่โอบอุ้มก็ยืนยันว่าจะทำเองเพราะเป็นคนพาน้องมาทำเลอะเทอะ พนักงานทุกคนดูจะชื่นชมโอบอุ้มเป็นอย่างมากในความนอบน้อมและวางตัวเป็นกันเองกับพนักงานทุกระดับ
“ให้คุณตากินเฉือดำกะหนูก้อได้ เด็ดๆ” หนูด้วงเอ่ยชวน
“ไหน ตาขอชิมหน่อย” นายหัวพยนต์ยอมตัดแพนเค้กไหม้เข้าปากก่อนจะชูนิ้วให้หนูด้วงแทนคำชม
“เย้ หนูเก่นเหมือนมัมๆ”
“พ่ออยากขอคุยกับแกสักหน่อยพญา เจ้าโอบด้วย” นายหัวพยนต์ลูบผมของหนูด้วงก่อนจะหันมาพูดกับลูกชาย
“ว่าแล้วเชียวว่าพ่อต้องมีอะไร” พญาคิดเอาไว้ไม่ผิด แล้วถ้าให้เดาต่อก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่อยากให้โอบอุ้มมาเป็นคนสืบทอดตระกูลภูมิเทพแทนตัวเองกับพเยียที่ดูท่าว่าจะไม่มีทายาทให้นายหัวพยนต์แน่ๆ
“ถ้าอย่างนั้นน้องพาหนูด้วงไปหาพี่พเยียนะครับ” เทียมฟ้ารู้ว่านายหัวพยนต์คงอยากคุยกับลูกและหลานเป็นการส่วนตัวจึงจะพาหนูด้วงเลี่ยงไป
“หนูอยาดอยู่กะปี้โอดอุ้น” หนูด้วงรีบเดินไปจับมือของโอบอุ้มเอาไว้
“พี่ไปไม่นานเดี๋ยวพี่ก็มา หนูด้วงไปรอพี่ที่ห้องอาพเยียนะครับ พี่คุยกับคุณปู่แป๊ปเดียว” โอบอุ้มดูว่าครั้งนี้คงตามใจหนูด้วงไม่ได้จึงต้องอธิบายให้น้องเข้าใจ
“ไม่ให้ไปนาน ไปแย้วต้องยีบมาหาหนู”
“ตกลง”
“เกี่ยวก้อนกัน” หนูด้วงยื่นนิ้วก้อยไปให้
“อืม” โอบอุ้มยกนิ้วขึ้นมาเกี่ยวก้อยกับน้อง
“ก้อได้ก้อได้ คุณตาเอาปี้โอดอุ้นมาคืนหนูไวไว” หนูด้วงหันไปพูดกับนายหัวพยนต์
“ตาคุยเสร็จแล้วจะรีบเอาพี่โอบมาส่งหนูด้วงเลยดีไหม” นายหัวพยนต์เห็นว่าพี่น้องรักกันก็ยิ่งดีใจเพราะต่อไปหากโอบอุ้มมีครอบครัวจะได้ไม่ทอดทิ้งหนูด้วง
“พ่อ...” พญาอยากจะพูดอะไรแต่เมื่อเห็นโอบอุ้มกับหนูด้วงก็พูดไม่ออก
“มีอะไร”
“ไม่มีอะไร รีบไปเถอะครับ” พญาตัดสินใจที่จะไม่พูดและเร่งนายหัวพยนต์เพราะอยากจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเอาคิดเอาไว้มันถูกหรือไม่
..
เทียมฟ้าพาหนูด้วงไปหาพเยียก่อนจะรับรู้จากพเยียว่านายหัวพยนต์ต้องการอะไร เรื่องที่ได้รู้มันทำให้เทียมฟ้าหนักใจพอสมควรแต่เทียมฟ้าก็เชื่อว่าพญาจะหาทางออกให้กับลูกและหลานได้ เด็กทั้งสองคนยังเล็กและยังไม่รู้จักความรัก โตขึ้นไปทั้งสองคนอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกังวล แต่ต่อให้ทั้งคู่จะรักชอบพอเพศเดียวกันหรือไม่ว่าจะรักกับใครก็ตาม เรื่องของตัวเองกับพญาหรือแม้แต่เรื่องของนับตังค์และมีคุณก็น่าจะทำให้นายหัวพยนต์แจ้งแก่ใจแล้วว่าต่อให้เป็นอะไรก็ตามมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเป็นคนดี
เมื่อพญาพาโอบอุ้มกลับมาที่ห้องทำงานของพเยีย เทียมฟ้ารีบดึงมือของพญาออกไปนอกห้องเพราะอยากรู้ว่านายหัวพยนต์ต้องการอะไร ตอนนี้เด็กน้อยทั้งสองคนจึงได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเพราะว่าพเยียก็ออกไปดูแลความเรียบร้อยในโรงแรมตั้งนานแล้ว
“พี่โอดอุ้นมาดูมาดู หนูวาดยูปปี้โอดอุ้นกะหนู” หนูด้วงส่งกระดาษให้โอบอุ้มดู ซึ่งรูปวาดของหนูด้วงมันเป็นแค่เส้นกลมๆ ยุ่งเหยิงไปหมด แต่มีเส้นสองเส้นที่เชื่อมระหว่างวงกลมเอาไว้
“นี่มือเหรอครับ” โอบอุ้มถามน้อง เมื่อน้องพยักหน้าโอบอุ้มก็ยิ้มให้
“กะลันจับมือกัน” หนูด้วงยิ้มกว้าง
“ครับ จับมือกัน หนูด้วงวาดเก่งที่สุด” โอบอุ้มมองรูปภาพนั้นอยู่นาน
“หนูให้”
“พี่จะเก็บเอาไว้ให้ดีที่สุด”
“หนูจาวาดให้ปี้โอดอุ้นอีด” หนูด้วงเห็นพี่ชายชอบก็ยิ่งดีใจ
“หนูด้วง...”
“อะได” หนูด้วงเห็นพี่โอบอุ้มเรียกชื่อตัวเองแล้วไม่พูดก็เลยสงสัย
“ถ้าต่อไปพี่ต้องไปที่อื่นนานๆ...”
“ไปคุยธุยะอีดแย้วอ๋อ” หนูด้วงรีบถามแทรก
“ครับ ถ้าพี่ต้องไปคุยธุระนานๆ หนูด้วงต้องไม่งอแงนะครับ”
“หนูไปด้วยได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ”
“.......” หนูด้วงหน้าเสียก่อนจะก้มหน้าวาดรูปต่อ
“หนูด้วง.....” โอบอุ้มใจเสียเพราะคิดว่าน้องโกรธ จนกระทั่งหนูด้วงส่งรูปวาดให้อีกรูปหนึ่ง
“หนูให้” หนูด้วงวาดรูปกลมๆ ยุ่งเหยิงเหมือนเดิมแต่หยิบดินสอสีฟ้ามาวาดให้แทนสีดำอย่างในรูปแรก
“อะไรครับ”
“ห้อนใต้ชาหมุด หนูจะยอปี้โอดอุ้นที่ห้อนใต้ชาหมุด ปี้โอดอุ้นคุยธุยะเสร็จแย้วจะได้มาหาหนู”
“ครับ พี่จะกลับมา” โอบอุ้มรับภาพของหนูด้วงมาแนบอก
หนูด้วงส่งยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปวาดรูปต่อโดยไม่เห็นว่าพี่ชายของตัวเองกำลังเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาตกลงมาให้น้องได้เห็น
..
ในที่สุดก็ใกล้ถึงเวลาที่เกาะใบไม้ครามจะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ตอนนี้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดกลับมาเตรียมร้านกันอย่างคึกคักเพราะตลาดในรูปโฉมใหม่ดูดีกว่าเดิมหลายเท่าตัว ทั้งพญาและเทียมฟ้า รวมถึงลูกน้องของพญาทุกคนช่วยกันดูแลและอธิบายกฎระเบียบต่างๆ ให้ชาวตลาดได้ฟัง ทุกคนตอบรับและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ส่วนในคืนนี้พญาจัดให้มีงานเลี้ยงใหญ่บริเวณหน้าสำนักงาน เป็นการเลี้ยงฉลองที่กำจัดพวกขบวนการค้ายาได้สำเร็จ เลี้ยงต้อนรับการกลับมาของทุกคนบนเกาะ รวมถึงเลี้ยงส่งโอบอุ้มที่ต้องกลับไปเรียนต่อและที่สำคัญคือเขาอยากจัดงานเลี้ยงเพื่อบอกให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขาแต่งงานแล้วกับคนที่ดีที่สุดในชีวิต
เวทีขนาดย่อมถูกสร้างขึ้นและถูกตกแต่งสวยงามเหมือนเวทีลิเก ชาวตลาดต่างพากันมาจับจองพื้นที่ด้านหน้าเพราะคิดว่าพญาคงจ้างคณะลิเกมาให้พวกตนได้ดู โต๊ะจีนที่อยู่ถัดไปก็จัดเต็มไปด้วยอาหารที่จัดทุกคนได้กินอย่างไม่อั้น กลุ่มครอบครัวของพญาและเทียมฟ้าถูกเชิญให้มานั่งที่โต๊ะหน้าสุด ต่อด้วยครอบครัวของมีคุณกับนับตังค์
ลูกน้องของพญาสลับกันขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีสร้างความสนุกสนานให้กับผู้คนที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสำคัญเสียงร้องเพลงถึงได้เงียบลง เหลือเพียงเวทีที่มีดวงไฟดวงใหญ่ส่องไปให้ทุกคนได้ลุ้นว่าจะมีการแสดงอะไรอีก เมื่อเสียงระนาดดังขึ้นพร้อมกับชายสองคนที่แต่งชุดลิเกเต็มยศเดินออกมาด้านหน้าของเวทีเสียงกรี๊ดถึงได้ดังขึ้น
“นายพญา! พี่ก้าน! เจ้านายกูเอง ลูกพี่กูเอง โคตรหล่อเลย” ถนอมตะโกนบอกทุกคน
“ลุงจริงด้วยคุณชาย” นับตังค์รีบหันมาบอกเทียมฟ้าเมื่อมองทะลุเครื่องสำอางหนาเตอะจนเห็นหน้าพญาชัดๆ
“คุณชาย คุณตะวัน เชิญบนเวทีครับ” ก้อนเดินมาเชิญเทียมฟ้ากับตะวันที่โต๊ะตามเวลาที่นายพญาสั่งเอาไว้
“ต้องขึ้นไปจริงเหรอ” ตะวันถามอย่างอายๆ
“ไปเถอะครับพี่ตวง” เทียมฟ้าจูงมือของตะวันที่ยังมีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ให้เดินไปพร้อมกัน
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V