บทที่ 37
เด็นไม่ได้นั่งตามลำพังอย่างที่คาด…
“นั่นพี่นัท”
“ฮะ!” ผมหันไปมองคนกระซิบบอก “เพื่อนพี่ภู?”
“เออ แถมเคยนอนกับอดีตเมียกูด้วย…ไม่ต้องมองอย่างนั้น กูไม่ไปหาเรื่องพี่เขาหรอก”
“กูห่วงความรู้สึกมึงต่างหาก”
ยำนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนส่ายหน้า “แปลกนะ กูไม่ได้รู้สึกเจ็บมากเวลาเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน”
“แปลว่าเจ็บ”
“แค่จี๊ดๆ เหมือนโดนเสี้ยนตำเท้า”
แต่แทนที่จะเดินตรงไปโต๊ะตัวนั้น คนนำทางอย่างพี่ช้างกลับอ้อมไปโต๊ะพี่ภูก่อน ไปถึงก็ไม่พูดพล่าม ถีบพี่เต้ถลาหน้าทิ่มไปหาพี่ภู คนโดนล้มใส่ก็ไม่ทันตั้งตัว เพราะเอาแต่มองตาค้างมาทางคนยืนข้างๆ ผมเนี่ย
โครม!
ถึงขั้นตกเก้าอี้ทีเดียว
“ตะลึงความน่ารักของน้องเต้จนตกเก้าอี้เลยเหรอภู”
“ไอ้เนี่ยอ่ะนะ” พี่ภูที่ลุกได้ก่อนหิ้วปีกพี่เต้ขึ้นจากพื้น “ยังน่ารักไม่ถึงครึ่งเมียกูเลย”
ผมเหลือบมองไอ้ยำ หน้าแดงเชียวนะมึง ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย แต่ผมขอตีความเป็นอย่างหลัง
แชะ!
หือ? หันไปทางต้นเสียง เจอเทมกำลังฉีกยิ้มระรื่นใส่ “กูของแชร์ความน่ารักของมึงล่ะนะ”
เฮ้ย!
“หยุดเลยมึง!!”
ผมพุ่งไปหา พยายามแย่งมือถือมากดลบภาพ แต่มันกดส่งไปแล้ว ผมสบถในใจ ตบหัวเพื่อนไปหนึ่งป๊าบ
“ใครใช้ให้แชร์!”
“เจ็บนะมึง เดี๋ยวกูก็แชร์ลงโซเซียลแทนที่จะลงแค่ในไลน์กลุ่มหรอก”
“โอ๋ๆๆ ไม่เจ็บเนอะไม่เจ็บ”
“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย!”
ผมรีบชักมือออกจากหลังเพื่อน เปลี่ยนมากอดมันแน่นๆ แทน ไม่ตบหัวไม่ลูบหลังแล้วนะโว้ย
แชะ
ใครถ่ายรูปอีกวะ!
ผมหันไปมองต้นเสียงตาขวาง เห็นยำกำลังลดมือถือลง กดยุกยิกสักพัก ข้อความไลน์กลุ่มในมือถือเทมก็ขึ้นอัพเดต
Templar: ภาพหายาก นานๆ พวกมันจะแสดงความรักต่อกัน 555
White Rabbit: ว้าว ใครจับมันแต่งตัว ขอเบอร์หน่อยครับน้องที
ผมแย่งมือถือเทมมากดพิมพ์โต้ไวไว
Templar: หุบปากไปเลย!
White Rabbit: อะไรเนี่ย เทมหวงทีเหรอ กิ๊วๆ
Wind: อะไรๆ เพื่อนรักเพื่อนแค้นอย่างพวกมึงมีซัมติงกันด้วยเรอะ ทำไมกูไม่รู้
Templar: จะไปมีได้ไง! แค่เห็นหน้า กูก็เบื่อมันจะแย่!
YamYam: อย่าหลงกลครับ อย่าหลงกล ไอ้ทีแย่งมือถือเทมไปใช้ต่างหาก
หลังยำเฉลย สติกเกอร์หัวเราะมาเลยสองตัวจากวินกับไวไว
White Rabbit: พวกมึงเนี่ยน้า
White Rabbit: ตัวติดกันมาแต่เล็กแต่น้อย เบื่อกันจะเป็นจะตาย แต่ก็ไม่เห็นตัดกันขาด
Wind: จริง ชัดสุดตอนพวกมันโดนจับขึ้นแสดงละครเวทีกะทันหัน
Wind: ต้องด้นสดล้วนๆ ก็ยังเข้าขากันดีจะตาย
Wind:เพื่อน พี่ น้องชอบอกชอบใจกันใหญ่
Wind: ถึงขั้นมีคนเชียร์ให้พวกมันได้กันเองด้วย
White Rabbit: เหอะๆ กูว่าเข็นไม่ขึ้นวะ
Wind: แหงล่ะ ใจไอ้ทีมีเจ้าของแล้วนี่
Wind: พูดถึงเรื่องนี้กูอยากถามมานานแหละ มึงไปหลงชอบพาร์ตอนไหนวะ
YamYam: เฮ้ย! กูก็อยากรู้ บอกเหตุผลที่ไปชอบมันด้วยก็ดี
Templar: อย่าขุดเรื่องสมัยเด็กมาพูดได้ไหม!!
YamYam: ทำไมวะ?
ผมเขม็งใส่ไอ้คนข้างๆ มันมองมาตาใสซื่ออย่างน่าจับมาเตะสักป๊าบ
ถ้ามึงไม่พิมพ์สานต่อมา มันก็จบประเด็นไปแล้ว!
Templar: กูยังมียางอายเหลืออยู่ จบนะพวกมึง!
ด้วยความที่นึกแค้นใจ ผมเลยฉวยโอกาสตอนยำเผลอถ่ายรูปมันส่งเข้าไลน์กลุ่มบ้าง
White Rabbit: โหยๆ เกิดอะไรขึ้นครับน้องยำ น่ารักขึ้นนะเนี่ย
“ไอ้ที!”
ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยัดมือถือคืนเจ้าของ เทมโวยวายใส่ผมทันที
“อย่าโยนของร้อนให้กู!”
“ไม่ได้โยนเลยเพื่อน” เพราะกูยัดใส่มือมึงต่างหาก ก๊ากกก!
“อ้าว ไวไวโวยวายมาว่ามันโดนทิ้ง”
ผมมองเทมงงๆ “ใครทิ้ง? เดี๋ยว…มันมีแฟนแล้วทำไมกูไม่รู้?”
“เพราะมันยังไม่มีไง มึงเลยไม่รู้…อ้อ กูรู้แล้วว่าใครทิ้งมัน”
“ใคร?”
เทมไม่ทันตอบ ไหล่ผมก็ถูกสัมผัสหนักๆ ประทับมาจนสะดุ้งโหยง ไม่ทันหายตกใจก็โดนดึงตัวหมุนหันไปเผชิญหน้า คาดว่าคนตบไหล่เกือบทรุดเมื่อครู่คือพาร์นี่เอง แววตาคนตรงหน้าที่กวาดมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้าช้าๆ ทำเอาคนถูกมองแสกนอย่างผมอยากมุดดินหนีหายไปจากตรงนี้ชะมัด
มันไม่คิดว่าผมจะอายเป็น?
“น่ารัก”
ขอทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกัน คิดแล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดทันที “เพื่อนกูล่ะ?”
“อยู่กับเพื่อนมึงแล้ว”
“แล้วมึงมาทำอะไรตรงนี้?”
“มาดูมึง”
อืม ชัดมาก
“เห็นรูปในมือถือเพื่อนกูแล้วนี่” ไม่งั้นคงไม่โผล่หน้ามาให้ผมเห็นตอนนี้หรอก
“ก็อยากเห็นให้แน่ใจ”
มองรอยยิ้มชอบอกชอบใจของมันก็เบือนหน้าหนี และนั่นเองที่ทำให้ผมเห็นว่ายำกำลังคุยกับพี่ภูเหมือนกัน แต่คู่นู้นกำลังเถียงใส่กันหน้าดำหน้าแดง น่าเสียดายเสียงเพลงดังไปหน่อยเลยไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ช่วงจังหวะที่กำลังเปลี่ยนเพลงไอ้ยำก็ตะโกนขึ้นมา
“มึงมันแย่! ห้ามแต่กู แล้วตัวมึงเองล่ะ!!”
นั่นเป็นประโยคส่งท้ายก่อนยำเดินหงุดหงิดกลับมาหาผม พี่ภูก็ท่าทางหัวเสียพอกันไล่ตามมาติดๆ พูดอะไรสักอย่าง แต่ยำไม่สนใจฟัง จนทั้งคู่เข้าใกล้ผมมากแล้วถึงได้ยิน
“ถ้าคิดแต่งตัวแบบนี้ก็เก็บไว้ให้แต่งให้กูดูคนเดียวพอ! ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า!!”
อื้อหือ…ระดับความหวงไม่ธรรมดาจริงๆ และไอ้ยำบทจะดื้อ มันก็อยู่ในระดับไม่ธรรมดาเช่นกัน
“กูไม่ไป!” มันว่าเสร็จก็หันทางผม “ไอ้ที ไปหาเมียเก่ากูกัน กูมีเรื่องอยากจะพูดกับมันเยอะแยะ”
ยำพยายามลากผมออกไป โดยไม่สนใจสีหน้าพร้อมนายยักษ์ของพี่ภู แต่มันลากผมตอนนี้ก็เท่านั้น เพราะผมเองก็โดนพาร์รั้งแขนไว้
“มึงแต่งตัวแบบนี้กูยอมได้” ถ้อยคำกระซิบอยู่ข้างหูชวนจั๊กจี๊ “แต่ที่พี่ภูพูดก็ถูก เป็นไปได้อย่าแต่งให้คนอื่นเห็นบ่อยนัก ที่สำคัญถ้าคิดจะหว่านเสน่ห์ล่ะก็ทำใส่กูคนเดียวพอ เข้าใจนะ?”
ไม่ทันได้ตอบ ยำก็กระชากผมให้รีบเดินตาม ผมสบตาพาร์เพียงแวบเดียวก็เร่งฝีเท้าตามยำเงียบๆ มองแผ่นหลังเพื่อนที่เดินนำหน้าก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมมันถึงได้ดื้อกับพี่ภูนัก เพราะตัวผมในตอนนี้กำลังมีความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมา ถ้ากรณียำเป็นความรู้สึกอยากต่อต้านพี่ภู ของผมคงเป็น…ความรู้สึกอยากท้าทายด้วยการขัดใจใครบางคนล่ะมั้ง
“มึงยิ้มอะไร?”
ผมออกจากภวังค์ เลิกคิ้วใส่ยำยำที่ถอยมาเดินข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“กูยิ้ม?”
“เออ! แถมเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายมากด้วย เวลามึงยิ้มแบบนี้ทีไร ในหัวต้องกำลังวางแผนแกล้งใครสักคนแน่นอน”
ผมหัวเราะในคอ “กูจะเกลียดเพื่อนสมัยเด็กก็เพราะแบบนี้แหละ”
“เหอะๆ กูก็เกลียดที่พวกมึงชอบรู้ทันกูเหมือนกัน”
พวกผมเดินไปถึงโต๊ะเป้าหมายก็เห็นเด็นกับพี่นัทเพ่งมองมาอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่ต่างอ้าปากเหวอ ท่าทางตกใจกันใหญ่ ตอนนั้นเองที่ผมนึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นได้จึงรีบเอียงคอบอกคนข้างๆ
“กูว่าเรากำลังเจอปัญหาวะ”
“ปัญหา?”
“สารรูปพวกเรานี่ไง ดูจากสีหน้าตื่นตะลึงของสองคนนี้แล้ว กูว่าโดนเข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้วแหงๆ”
“เฮ้ย! แต่กูไม่ได้เป็น!”
“กูรู้ แต่คนอื่นจะรู้แบบเราหรือเปล่าก็ไม่...ใช่ไหมล่ะ อ้อ อย่าพึ่งรีบแก้ตัวล่ะ มันทำให้ดูเหมือนมึงกำลังร้อนตัว”
ผมลากยำที่กำลังสบถไปนั่งร่วมโต๊ะ คลี่ยิ้มให้สองคนนั้นด้วยความนึกสนุก ในหัวมีแผนการบางอย่างที่ก่อตัวแตกแขนงจากแผนการเดิม หลังเอามาหลอมรวมกันก็ได้แผนการใหม่ ถ้ากรณีพาร์คือความท้าทาย กรณีเด็นน่าจะเรียกว่าให้ข้อคิดเป็นครั้งสุดท้าย ถือโอกาสยิงปืนนัดเดียวได้นกมาสามตัว…
ผมมองนกตัวที่สามเดินเกาะกลุ่มกันมาสามคน เกมที่ต้องล่าเบอร์งั้นเหรอ หึๆ ตอนแรกว่าจะแกล้งทำเป็นลืม แต่ไหนๆ ก็จะท้าทายใครบางคนอยู่แล้วก็ขอทำให้รุ่นพี่พอใจด้วยเลยแล้วกัน คิดแล้วก็เอียงหน้าพูดกับคนข้างๆ พูดกล่อมว่าที่แนวร่วม
“มึงอยากยั่วโมโหพี่ภูไหม?”
“มึงมีแผน?”
“ถูก ยังจำเรื่องต้องหาเบอร์ได้หรือเปล่า”
“ที่เพื่อนพี่ภูพูด?”
“นั่นแหละ มึงก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างยั่วโมโหพี่ภูไง ถ้าโดนโกรธมึงก็บอกไปว่ากำลังเล่นเกมกับพวกพี่ช้าง”
ยำทำหน้าสงสัย “เรื่องแค่นี้ทำให้มันโมโหได้?”
ผมยิ้มกริ่ม “ลองทำดู ไม่ลองก็ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ”
“ก็จริง…แล้วกูต้องทำยังไง?”
“ง่าย แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ ตอบโต้คนที่มาคุยกับเราแบบนั้นแหละ ที่สำคัญต้องทำตัวแบบเป็นมิตรต่อคนที่เข้าหาเรา”
“อ้อ” ยำผงกหัวว่าเข้าใจ
หึๆๆ อกแตกตายแน่พี่
“แล้วมึงจะพูดอะไรกับเด็นก็รีบพูด เดี๋ยวก็หมดโอกาสหรอก”
“…พูดไม่ออกวะ”
“ฮะ?”
“ก็หลังโดนมึงเตือนสติเรื่องสารรูปเข้า ไอ้ที่คิดว่าจะพูดจะบอกก็กลายเป็นพูดไม่ออก ไม่สิ เหมือนว่าพูดไปแล้วมันคงไม่ฟังมากกว่า มันคงไม่เชื่อ เพราะนึกว่าโดนหลอกลวง”
ผมคิดตามก็เห็นด้วย คนที่ปักใจเชื่ออะไรไปแล้ว พูดแก้ไขอะไรก็ยาก ยกเว้นว่าจะให้รู้ข้อมูลที่ถูกเอาเอง
“พี่ช้าง” ผมร้องเรียกคนที่กำลังเดินมาหา “พวกผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยังพี่”
“ไม่ได้!” ตอบสวนมาแบบที่คิดไว้เป๊ะ มีเสริมอีกประโยค “เกมยังไม่รู้ผล ห้ามไปล้างเครื่องสำอางกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเด็ดขาด”
“เกม? เกมอะไร?”
ผมพอใจที่พี่นัทเอ่ยถามเพื่อน
“แข่งกันสะสมเบอร์โทร ใครได้มากสุดก็ชนะไป”
“นี่พวกมึงลงทุนแต่งตัวกันแบบนี้กันมา เพราะเกมนี้?”
ดีพี่ ถามเข้าไปเยอะๆ
“แน่นอน มาที่แบบนี้ทั้งที่ แต่งตัวแบบธรรมดามาก็น่าเบื่อแย่”
“แล้วไปรู้จักน้องสองคนนี้ได้ไงวะ?”
“รุ่นน้องภูไม่ใช่เรอะ? มันชวนพวกกูมาเที่ยวที่นี่กับพวกรุ่นน้อง เพราะที่แบบนี้มากันหลายๆ คนอุ่นใจกว่า”
“…ก็จริง” พี่นัทว่า
ผมสังเกตสีหน้ากับแววตาของคนทั้งสองที่เริ่มแปรเปลี่ยน เหมือนผ่อนคลายมากขึ้น ไม่มีข้อกังขาอยู่ในแววตา เลยกระซิบบอกยำว่าพ้นมลทิน ก่อนเหลือบมองพี่ช้างที่กำลังเฮฮากับพ้องเพื่อน...คนๆ นี้เห็นยิ้มแย้มผูกมิตรง่าย แต่ความจริงแล้วฉลาดน่าดู เข้าใจอธิบายเหตุผลไม่พอ ยังลื่นเป็นปลาไหล จับโกหกไม่ได้ง่ายๆ แน่
คิดถูกแล้วที่อยากผูกมิตร เพราะถ้าให้เป็นศัตรูกับคนแบบนี้ ผมก็ไม่เอา
“เด็น กูมีเรื่องอยากบอกมึง”
ผมเหลือบมองเพื่อน มันทำหน้าขึงขังพูดเสียงดังฟังชัด
“กูรู้เรื่องพี่ภูร้ายกาจกับมึงแล้ว กูขอโทษ”
เด็นนั่งนิ่ง ผมไม่รู้ว่ามันได้ยินหรือเปล่า อย่างที่บอกในนี้ไม่ค่อยเหมาะกับการพูดคุยกันเท่าไหร่ ยำคงคิดแบบเดียวกัน มันถึงได้หันหน้ามองผมเป็นเชิงถามความเห็น
“ไว้ค่อยคุยกันตอนกำลังจะกลับก็ได้”
ผมว่า ไม่คิดจะเตือนเรื่องข้างนอกผับเงียบกว่าข้างใน เพราะมันคงเรียกเด็นออกไปคุยทันที การแยกตัวออกห่างสายตาเพื่อนทั้งที่รู้ว่ากำลังอยู่ในกับดักประสงค์ร้ายไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ต่อให้มันนึกได้ทีหลังคงมีแต่ต้องขัดขวางไว้ก่อน
ผมเห็นพี่ช้างคุยอะไรกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง สักพักทั้งสามก็ผลัดกันลุกขึ้นโชว์สเต็ปเต้นอยู่ข้างโต๊ะด้วยลีลาที่ทำผมอึ้ง คือมันไม่ได้แย่ ออกแนวดึงดูดความสนใจให้คนมองรู้สึกสนุกสนาน เรียกอารมณ์คึกคักให้นึกสนุกตาม พอพี่ๆ ให้ผลัดออกไปเต้น ผมก็ไม่อิดออด เต้นอยู่ดีๆ เหมือนมีอะไรปาใส่หัว กวาดสายตาทั้งซ้ายขวาก็เห็นแต่คนกำลังมองมา จะหาตัวคนปาท่าจะยากเลยตัดใจเต้นจนจบครึ่งเพลงก็ผลัดให้ยำออกไปเล่นสนุกบ้าง
พี่เพชรยื่นแก้วมาให้ ผมรับมาจิบ เข้าปากปุ๊บเกือบพ่นออกมาปั๊บ ผมปิดปากฝืนกลืนลงคอเรียบร้อยก็ร้องถามคนยื่นแก้วมาให้
“พี่เอาเหล้ากับเบียร์มาผสมกันเรอะ!”
“หมดแก้วๆๆ”
ฟังกันไหมเนี่ย!
ผมย่นหน้ามองแก้วในมือ น่าจะมีผสมน้ำอัดลมด้วยนิดหน่อย ไม่น่าจะใส่โซดา รสถึงได้เข้มบาดคอนัก
“หมดแก้วๆๆ”
นี่ก็ไซโคกันจริง!
ผมส่ายหน้า ยกจิบอีกเล็กน้อย ขืนหมดแก้วอย่างที่บอกสติคงหายไปกว่าครึ่ง พอยำกลับมานั่งแก้วมรณะก็มาเยือนมันบ้าง ผมเห็นแล้วล่ะว่าพี่แกเล่นผสมเบียร์เป็นหลัก เหล้าเป็นรอง น้ำอัดลมพอกรุบกริบ โซดาไม่มีตามคาด ผมเฝ้ามองเพื่อนกระดกน้ำในแก้วเข้าปากไปเต็มคำ แล้วมันก็แทบจะพ่นออกจากปากเช่นกัน อาการเดียวกับผมเป๊ะ
“อ…อะไรเนี่ย!”
“หมดแก้วๆๆ”
มาอีกแล้วไอ้คำนี้ ผมชักทนไม่ไหว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“พวกพี่คิดมอมพวกผมเหรอ?”
ทั้งสามมองหน้ากัน “แค่นี้ไม่เมาเร็วหรอกน่า”
ไม่เร็วกับผีอะไรล่ะ!
“ไอ้ภูกินไปตั้งหลายแก้ว มันยังเฉย แถมบอกพวกพี่อีกว่าเล่นอะไรไม่รู้โคตรเปลือง”
ผมเบะปาก จำได้ว่าวิน ไม่ก็ยำเคยเล่าว่าใครคอแข็งอันดับต้นๆ ของคณะมัน หนึ่งในนั้นมีพี่ภูที่ติดอันดับด้วย ผมจำได้ ไม่กล้าไปเอาตัวเองไปเปรียบหรอกครับ
“อึกๆๆ”
ผมรีบหันมองยำ มันกำลังกระดกดื่มไม่ยั้ง
“เฮ้ย!!”
“หมดแก้วเลยไอ้น้อง นั่นแหละ อีกนิด”
“ฮ้า!”
ไอ้ยำดื่มหมดแก้วจริงๆ
“เยี่ยม!! มันต้องอย่างนี้! เอาแก้วมาเลยน้อง”
“กินๆ ไปก็อร่อยดีนะพี่”
“ใช่ไหมล่ะ”
มันบ้า!
“ส่วนทีไม่ไหว แค่นี้ใจก็ไม่สู้”
เส้นอารมณ์เริ่มกระตุก แต่ก็ยังข่มไว้ไม่ให้หลงไปกับคำยั่วยุ
“มันใจไม่ถึงเท่าผมหรอก ฮ่าๆๆ”
ถ้าคนพูดประโยคนี้ไม่ใช่ยำที่เสียเอกราชตกเป็นเมียคนอื่น ผมจะไม่รู้สึกเส้นอารมณ์ขาดผึงเหมือนตอนนี้แน่
“โอ้ มันต้องอย่างนั่นสิไอ้น้อง”
ผมแอบจดบัญชีแค้นนี้ไว้ในใจ หลังหมดแก้วแรกก็มีแก้วที่สอง สาม สี่ตามมา แต่หลังๆ ผมค่อยๆ จิบทีละนิด ตอนนี้แก้วที่สองยังไม่หมดเลยครับ ไม่เหมือนไอ้ยำปาไปแก้วที่สี่แล้ว มันเฮฮากว่าปกติ กล้าทำนู้นนี่แบบไม่ยั้งคิด ตามพวกรุ่นพี่ทั้งสามแสดงความบ้าแบบไร้พิกัด…ทั้งที่เดินทรงตัวยังไม่ตรง
เอาเถอะๆ อยากทำอะไรก็ทำ ยังไงมันก็คงมีพี่ภูจ้องตาเขียวคอยดูแลอยู่แล้ว
ผมสนุกไปกับคนทั้งโต๊ะ มีคนมาขอแจมเป็นระยะ ส่วนใหญ่ก็มาจีบคนในโต๊ะเนี่ยแหละ ผมก็โดนเหมือนกัน ทิ้งเบอร์ไว้ให้ก็หลายคนอยู่ ระหว่างคุยกับคนแปลกหน้าก็เหมือนอะไรมาโดนหัวอีกแล้ว หันซ้ายหันขวาไม่เห็นอะไร ผมโดนจนไม่แน่ใจแล้วว่าคิดไปเองหรือเปล่า
“เป็นอะไร?”
ผมยักไหล่ “ไม่ต้องสนใจหรอก แล้วนี่พี่มาจีบผม?”
“จีบไม่ได้?”
ผมหัวเราะ “พี่คงผิดหวัง ข้างนอกผมอาจเป็นแบบที่พี่ชอบ แต่ข้างในไม่ใช่เลย”
“ทำไมล่ะ? ยิ่งคุยกับเราพี่ก็ยิ่งชอบนะ”
“ผมนึกว่าพี่ชอบประเภทที่มีนิสัยไปทางผู้หญิงหน่อยๆ ซะอีก”
“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ถ้าคุยกันแล้วรู้สึกไม่ใช่ก็จบ”
“เป็นตัวของตัวเองดีกว่า?”
พี่แกนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนพยักหน้า “ใช่”
“ดีกว่าฝืนทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง?”
“…ใช่ เพราะฝืนไปแล้วแม้ตอนแรกจะดี แต่สุดท้ายสิ่งที่พยายามสร้างมาก็มีแต่พังทลาย”
“แล้วถ้าหลังค้นหาทางของตัวเองพบ แต่คนอื่นไม่มีใครเห็นด้วยล่ะ?”
“ก็…อยู่ที่ตัวเราอยากเดินทางสายนั้นต่อหรือเปล่า”
ผมพยักหน้าอย่างพอใจ นี่เป็นรายที่หกหรือเจ็ดก็ไม่รู้ที่ผมเอ่ยถามอย่างจงใจให้ใครบางคนได้ยิน ถ้ามันเก็บไปคิดบ้างก็คงจะดี
“นี่พี่กลายเป็นที่ปรึกษาแทนคนมาจีบแล้วเหรอ?”
ผมหัวเราะอีกครั้ง “ขอโทษนะพี่ ผมติดสัญญาให้จีบกับใครบางคนไปแล้ว”
“งั้น” พี่แกฉีกกระดาษบนโต๊ะมาจดยิกๆ แล้วยื่นให้ “เบอร์โทรพี่ อยากได้ที่ปรึกษาก็ติดต่อมาได้”
ผมยิ้มให้ทันที “ขอบคุณครับ”
…เหมือนมีอะไรกระทบหัวผมอีกแล้ว
มือถือผมกำลังสั่น ยกมาดูถึงเห็นว่าเป็นข้อความจากเทมในไลน์กลุ่มเพื่อนเก่าแก่ ว่าจะไม่สนใจ แต่มันเล่นพิมพ์ชื่อผมมารัวๆ เหมือนกำลังร้องเรียกให้สนใจด่วน
TEE: อะไรวะ?
Templar: มึงช่วยหันมาหน่อยเหอะ โต๊ะกูเสียน้ำแข็งไปหลายถังแล้วโว้ย!
Templar: ตอนนี้กูไม่มีน้ำแข็งมาเติมเหล้าแล้ว
TEE: ก็สั่งเพิ่มไปดิ
Templar: สั่งจนเขามาส่งไม่ทันแล้วโว๊ยยย!
ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง พิมพ์แซว
TEE:นี่มึงกินหรือเอาไปปาเล่น?
Templar: กูน่ะกิน แต่พาร์เอาไปปาใส่หัวมึงหมด!
ฮะ! ไอ้ที่รู้สึกเหมือนมีอะไรกระทบหัวมาตลอด เพราะเหตุนี้?
Templar: แต่ที่กูทนไม่ได้มากสุดคือการเห็นมึงหันซ้ายขวา แต่ไม่ยอมหันมาด้านหลัง!
ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนพิมพ์โต้เทม
TEE:กูจะหันไปทำไมเล่า
Templar: หันมองคนของมึงไง มันจะแดกหัวพวกกูมาเคี้ยวเล่นแทนน้ำแข็งที่เสียไปอยู่แล้ว!!!
ผมหลุดหัวเราะออกมาทันทีหลังนึกภาพตาม อ่า แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง
Templar: ไอ้ยำก็อีกตัว พี่ภูทำหน้าโหดพร้อมจะชำแหละมันอยู่แล้ว!
TEE: งั้นเหรอ
Templar: นี่พวกมึงพร้อมใจกันยั่วโมโหคนของตัวเองใช่ไหมวะ
TEE: เปล่า
Templar: กูไม่เชื่อ!
TEE: แล้วถามทำไม?
Templar: ยั่วมากจนเกิดเรื่องก็ตัวใครตัวมัน เพื่อนขอไม่ยุ่ง!
“หยุดเอาแต่ก้มหน้ามองมือถือ”
หือ?
ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงยางคาน ก็เห็นพี่ช้างมองเขม็งมาก็รีบเก็บมือถือลงกระเป๋า แต่พี่แกก็ยังไม่เลิกจ้อง สักพักก็ชี้นิ้วใส่แก้วที่ผมวางไว้บนโต๊ะ
“ไอ้นี่นานไปแล้ว เมื่อไหร่จะกินหมด”
อยากจะบอกว่าอีกนาน แต่ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า เลยยกที่เหลืออีกประมาณหนึ่งในสี่มากระดกจนหมด
“ดี เอาแก้วมา แก้วนี้ต้องดื่มให้หมดเร็วๆ”
“ช่ายยย หมดแก้วๆ”
ขี้เมาที่มีเจ้าของแล้วถลามาหาผม ร้องเชียร์หนวกหูอยู่ข้างๆ จนผมอยากเอาแก้วที่พึ่งได้มาสาดใส่หน้ามัน เผื่อจะช่วยให้สร่างเมาได้บ้าง
“ช้ากว่าคนอื่นตั้งหลายแก้ว ใช่ไหมพวกเรา”
หลายที่ไหน แค่สองแก้วเองพี่
“มาๆ พี่ป้อน”
แก้วในมือถูกดึงออกไปไม่ทันตั้งตัว ผมเบือนหน้าหนีแก้วที่เอามาจ่อถึงปาก
“ไม่เอาพี่ ผมยังไม่อยากเมา”
แต่ขยับไปไหนปากแก้วตามตลอด สุดท้ายก็โดนจับกรอกปาก เพราะไม่อยากสำลักเลยต้องกลืนลงคอ คำแล้วคำเล่า จากที่มึนๆ อยู่แล้วก็ยิ่งแย่ และหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้ มารู้สึกตัวอีกทีก็โดนอาการปวดหัวจู่โจมใส่จนต้องนอนนิ่งกับเตียงนุ่ม…
เตียงเรอะ!
ผมกัดฟันทนอาการปวดหัว ผงกหัวยันตัวลุกขึ้นนั่ง ฝืนกวาดตามองไปทั่วสถานที่อยู่ตอนนี้ ไม่คุ้นกับข้าวของพวกนี้เลย
ที่นี่คือที่ไหน? แล้ว…
แค่ก้มหน้าลงผมก็รีบยกมือปิดปาก ท้องปั่นป่วนอยากคายของเก่ามาก รีบโซซัดโซเซลงเตียงพยายามเกาะพยุงตัวไปห้องน้ำ ผมเดาว่าประตูตรงนั้นคือห้องน้ำ โชคดีที่เดาถูก ได้ไปนั่งกอดชักโครกแหวะออกมาตามใจต้องการ ไม่มีเศษอาหาร ไม่มีน้ำเมา มีแต่ลม…น่ากลัวว่าก่อนหน้านี้ผมคงอ้วกหมดท้องก่อนสลบเหมือด
หลังอาการปั่นป่วนในท้องลดน้อยลง ก็ยันตัวไปล้างปากล้างหน้าตรงอ่าง เงยหน้ามองกระจกถึงกับผงะ
หน้าซีดเผือกไร้สีเลือดเหมือนคนป่วยหนัก ปากแห้งแตก แล้วชุดที่ใส่ก็เป็นเสื้ออาบน้ำสีขาวแบบที่เห็นประจำในโรงแรม…โรงแรมเรอะ!
ความกลัวแล่นเข้าสู่หัวใจ ผมรีบคล้ำก้นตัวเองเป็นอย่างแรก…ไม่เจ็บ
เป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก แต่พอแหวกชายเสื้อคลุมออก หน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดลงไปอีกยามเห็นจุดแดงๆ ทั้งที่หน้าอก หน้าท้อง ผมรีบดึงปมมัดเสื้อออก แหวกสำรวจช่วงล่าง
เวรแล้ว! ต้นขาด้านในก็มี
เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมา ที่ผิดปกติอีกอย่างก็เจ้าน้องชายคนดี ไหงถึงรู้สึกเจ็บๆ เล่า
############