ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) หลง
ง้อก็ง้ออยู่หรอกนะ ก็ยอมรับว่าง้อ แต่แม่งง้อแล้วทำแบบนี้เหรอวะ มึงเฉยใส่กูแบบนี้เหรอ นี่มึงต้องเมินกูขนาดนี้เลยเหรอวะ ขนาดเดินมาส่งจนถึงหน้าบ้านแล้วเนี่ยนะ ยังไม่เสือกพูดกับกูสักคำเลยใช่มั้ย
ตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว จนถึงตอนนี้ แม่งก็ยังไม่ยอมพูด นี่กูลงทุนเดินมาส่งถึงหน้าบ้านเลยนะ ตกลงจะเอายังไง
“จะชวนกูเข้าบ้านมั้ย”
ถาม และโจ้ก็หันมามองคนที่มันบอกว่า “จำใจ” มาส่ง และมันก็ “จำใจ” มาจนถึงหน้าบ้าน จะ “จำใจ” เข้ามาในบ้านอีก ก็คงไม่มีอะไร “จำใจ” ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ
“ก็มาดิ”
เหี้ย เล่นตัวชิบหาย
เออ
นี่ต้องบอกให้ชวน ถึงยอมชวนเข้าบ้านใช่มั้ย
ประตูบ้านถูกเปิดออก และนิวก็เดินตามโจ้เข้ามาในบ้าน บ้านเงียบ แถมยังปิดไฟ ไม่มีใครอยู่เลยหรือไงวะ
โจ้เดินนำเข้ามาในบ้าน และเปิดไฟสว่างที่ชั้นล่างของตัวบ้าน พื้นที่ชั้นล่างของตัวบ้านเป็นห้องโล่ง ๆ มีเก้าอี้ชุดวางอยู่ และต่อออกไปด้านหลังตัวบ้าน เป็นห้องครัว
ไม่ต้องรอให้เชิญ นิวก็ลากเก้าอี้มานั่งเรียบร้อย และมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณบ้าน
เจ้าของบ้านแม่งก็เล่นตัว รินน้ำใส่แก้วแล้วก็เอามาตั้งไว้ให้ มึงงอนเกินไปแล้ว
“กูกลับแหละ”
เออ กลับไปเลย
ไม่รั้ง เพราะอารมณ์ติสแตกเยอะเกินเหตุ
ไม่มองหน้า เพราะ กูงอน
นิวยกน้ำขึ้นดื่ม และก็ลุกขึ้นยืน
แม่ง ให้ง้อมากไม่ไหว แฟนก็ไม่ใช่ เห็นว่าร้องไห้หรอกวะ ถึงได้ง้อ จะให้กูง้อไปถึงไหน มันจะเกินขีดความสามารถของกูเกินไปแล้วแบบนี้ กำลังจะก้าวขาเดินออกจากบ้าน แต่สายตาก็ไปสะดุดกับภาพถ่ายที่แขวนอยู่ที่ฝาผนัง
อะไรวะ ใคร หน้าคุ้น ๆ อืมมมมมมมมมม หน้าเหมือน......หันไปมองคนที่ยืนกอดอกทำหน้าเฉยใส่ แล้วก็เทียบหน้ากับเด็กประถมที่แขวนภาพถ่ายแขวนอยู่ที่ฝาผนัง แม่ง.....มีรางวัลการันตีด้วยเว้ย ........ผู้ชนะการประกวดเดี่ยวจะเข้ ปี 25xx …….
กูรู้จักมึง รู้จักมานาน แต่เรื่องส่วนตัวอะไรพวกนี้ กูไม่เคยสนใจใคร่รู้เท่าไหร่
“มึงเหรอเนี่ยโจ้”
เอ่ยถามและก็หันไปมองคนที่ยืนทำหน้าเฉยอยู่ แม่งไม่ตอบวะ แค่พยักหน้าทีเดียว
“จริงดิ”
ก็จริงดิ ถามทำไมมากมายวะ
“ปกติผู้ชายมันต้องตีระนาดอะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วนึกยังไงถึงดีดจะเข้วะ”
ไม่นึกยังไง ก็มันมีจะเข้ตั้งอยู่ที่บ้านตั้งแต่กูยังเด็ก ไม่มีอะไรเล่นกูก็เลยเล่น ของย่าทวดมั้ง ของเดิมไม้เก่าแล้ว ตอนนี้ตัวที่เล่นอยู่เป็นตัวใหม่ที่ซื้อมาหลายปีแล้ว แต่เลิกเล่นไปนานเพราะไม่มีเหตุผลอะไรต้องเล่นต่อ
อยากเล่นต่ออยู่หรอก แต่พอโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลิกไป ไม่รู้ทำไมถึงเลิก เท่าที่รู้เป็นนักดนตรีไม่มีจะกิน เล่นไปก็เท่านั้น ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายก็เลยเลิกเล่น ลืมไปแล้วว่าเล่นจนถึงขนาดไปแข่งขันได้รางวัลมา
“นอกจากจะร้องไห้เก่งแล้ว ยังสาวแตกขนาดเล่นจะเข้เลยเหรอมึง”
แกล้งแซวแกล้งว่า แกล้งปากเสียใส่ และโจ้ก็เลยเบ้หน้า
เออช่างกูเหอะ กูจะร้องไห้เก่งจะสาวแตกอะไรมันก็เรื่องของกู กูไม่สนใจมึงหรอก อีกสองสามวันกูก็จะเลิกจีบมึงแล้ว
“เออน่าสนุกดีว่ะ เล่นให้กูฟังบ้างซิ”
เล่นให้ฟังเหี้ยอะไร กูเลิกเล่นมาสี่ห้าปีแล้ว จะเข้สายเพี้ยนหมดแล้วมั้ง ไม่ได้แตะไม่ได้จับเลย วางทิ้งไว้เอาผ้าคลุมป่านนี้ฝุ่นจับหนาจนมองไม่เห็นจะเข้แล้ว
“ดิ”
อะไรของมึง จะเร่งเร้าเอาอะไร
“เฮ้ยกูอยากฟังจริง ๆ มึงเล่นให้ฟังหน่อยสิ อยากรู้ว่าแชมป์จะเข้นี่มันเล่นได้ขนาดไหนวะ”
นั่นไม่ใช่กูตอนนี้ เมื่อก่อนใช่อยู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
“อยากฟังไปทำไม”
ก็ไม่ได้อยากฟังไปทำไม อยากฟังก็คืออยากฟัง ทำไมวะ อยากฟังไม่ได้หรือไง
“เออน่า มึงยังเล่นได้อยู่หรือเปล่า กูอยากฟัง”
คะยั้นคะยอให้เล่นให้ฟัง และโจ้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ห่าอะไรนักหนาวะ”
บ่นใส่ แต่ก็เดินไปที่มุมห้อง ยกจะเข้ที่มีผ้าคลุมอยู่ออกมา และเปิดผ้าคลุมออก
สายแม่งหย่อนหมดแล้วจริงด้วย กี่ปีแล้ววะเนี่ยที่ไม่ได้เล่น น่าจะตั้งแต่จบชั้นประถม มันกี่ปีวะ นานแล้วนะ นานจน.....จำแทบไม่ได้ว่าเล่นยังไง
ใช้ผ้าคลุมเช็ดเอาฝุ่นออก และโจ้ก็เริ่มตั้งสายจะเข้ ลองดีดและก็พบว่าเสียงเพี้ยนจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง
ขมวดคิ้ว และลองดีดดูสองสามครั้ง โดยมีสายตาของนิวที่มองมาด้วยความสนใจ
ลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้าง ๆ นั่งมองว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร สุดท้ายเห็นมันพันนิ้วกับอะไรสักอย่าง และก็เริ่มดีด
“ดีดเหี้ยอะไรวะ ฟังไม่เห็นรู้เรื่อง”
มันจะรู้เรื่องได้ยังไง กูยังไม่ได้ดีดกูแค่ลองเสียงเฉย ๆ
เงยหน้าขึ้นมองคนที่มากเรื่อง และนิวก็เข้าใจได้ทันทีว่ากำลังถูกโจ้ด่าทางสายตา
“เออ เออ กูไม่ว่าอะไรแล้ว มึงเล่นซะทีสิ กูจะฟัง”
ก็นี่ไง จะเล่นอยู่นี่ไง
มองหน้านิว แล้วโจ้ก็ถอนหายใจ เร่งอะไรนักหนา จะฟังดนตรีมันต้องใจเย็น ๆ
ยกมือขึ้นพนมและหลับตา ก่อนจะจรดปลายนิ้วลงช้า ๆ ที่สายจะเข้
“......................”
เพลงแปลก ๆ ที่ไม่เคยฟัง ไม่ได้ไพเราะแว่วหวาน แต่ฟังแล้วเพลิน จากที่สายตามองไปที่ปลายนิ้วของคนเล่นด้วยความสนใจว่าเครื่องดนตรีที่ว่าเล่นยังไง ตอนนี้สายตาของนิวมองไปที่หน้าของคนเล่น มอง..........นิ่ง ๆ มองไปเรื่อย ๆ
จิตใจล่องลอยไปกับเสียงดนตรีไทยจังหวะอ้อยอิ่งเชื่องช้า แต่ดึงหัวใจให้ล่องลอยตามไปด้วย ใครบางคนที่อยู่ตรงหน้าเพ่งดวงตาจ้องมองที่จะเข้ ปลายนิ้วพริ้วไหวไปมาทุกครั้งที่กดนิ้วลงไปเพื่อให้เกิดเสียง
มีติดขัดบ้าง เพราะห่างหายจากการเล่นไปนาน แต่มันก็ไม่ได้สะดุดจนทำให้คนที่ไม่คิดว่าจะตั้งใจฟังหยุดความสนใจไปได้
เพลงอะไรไม่รู้ ไม่รู้ว่าเพลงอะไร แต่มันน่าฟัง ฟังจนเคลิ้ม เผลอมองเรื่อยไปทั่วทั้งใบหน้าของคนที่ตั้งอกตั้งใจดีดจะเข้ให้ฟัง
ปกติไม่เคยคิดอะไร แต่ทำไมวันนี้ เวลานี้ มึงโคตร............น่ามองเลยวะโจ้ น่ามอง จนต้องนิ่งมอง หูฟังเสียงแว่วหวานแต่สายตาจับจ้องมองไปที่ใบหน้าของคนที่ยังก้มหน้าก้มตาเล่น เพลินจนแทบลืมหายใจ
เพลินจน..........อยากจะลงไปนั่งใกล้ ๆ เพลินจนต้องลุกจากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ
ลุกจากเก้าอี้เพียงแค่อยากจะมานั่งมองให้ชัด ๆ ว่าไอ้โจ้มันใช้เล่ห์กลอะไรทำไมถึงได้ทำให้รู้สึกอยากเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ขนาดนี้
เข้ามาขนาดนี้ เพียงเพื่อแค่จะมานั่งมอง
โจ้ยังคงสะบัดมือไปตามจังหวะดนตรี แต่ขมวดคิ้วและมองหน้าของคนที่มานั่งมองหน้า
อะไรวะ
แค่คิดในใจ แต่ไม่ได้หยุดเล่น ปล่อยจิตใจให้ไหลไปตามบทเพลงที่เล่น จนสุดท้าย.......... หยุดมือ และยกมือขึ้นพนมมือไหว้
แล้วไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าแม่งก็เสือกรับไหว้
“กูไม่ได้ไหว้มึง กูไหว้ครูบาอาจารย์ที่สอน”
อ่า
เหรอ
รับไหว้เก้อ และนิวก็ได้แต่ทำหน้าเหรอหรา เออก็ไหว้ไง
ก็.......
“กูก็ไหว้ครูบาอาจารย์มึงด้วยไง ก็เออไง ใช่ ใช่”
ใช่ห่าอะไร ไม่ได้เล่นด้วย เสือกจะมาไหว้ด้วย เป็นเหี้ยอะไรของแม่งวะ
“อีกเพลงดิ”
อีกเพลงอะไรของมึง แค่เพลงเดียวก็พอแล้ว ไม่ได้เล่นนานกูเจ็บนิ้ว
“อะไร”
ไม่อะไร ก็แค่เล่นอีกเพลงไม่ได้เหรอ มันแปลก ๆ ฟังเพลิน ๆ ดี
“อีกเพลงดิ”
อะไรวะ เป็นอะไรของแม่ง คะยั้นคะยอให้เล่นอยู่ได้ อีกเพลงก็อีกเพลงวะ อีกเพลงก็....... แล้วยิ้มทำไมวะ
“ขำอะไรของมึง”
ห๊ะ ขำเหรอ กูยังไม่ได้ขำเลย กูเปล่าขำ
ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เออน่ามึงเล่นไปเหอะ กูจะฟัง”
ก็เล่นไง ก็เล่นอยู่นี่ไงวะ
ขมวดคิ้ว และสะบัดปลายนิ้วไปมาอีกครั้ง เริ่มเล่นเพลงถัดไปที่เกือบลืมวิธีการเล่น เล่นไปเรื่อย ๆ และนิวก็นั่งฟังไปเรื่อย ๆ
เพลิน..... ไม่ใช่แค่ฟัง แต่เพลินเพราะมองหน้าคนเล่นไปด้วย
มึงหน้าตาดีขึ้นหรือเปล่าวะโจ้ ตามึงสวยขึ้นหรือเปล่า จมูกมึงมันรับกับรูปหน้ามึงมากกว่าเดิมหรือเปล่า แก้มมึงมันเนียนน่าแตะผิดจากทุกวันหรือเปล่า แล้วปากมึง ที่เม้มเข้าหากันตอนที่มึงเล่นจะเข้มันดูน่ามองมากกว่าทุกวันหรือเปล่า
มึงมีอะไรดึงดูดใจกูมากกว่าทุกวันหรือเปล่า มีอะไร.......
“เฮ้ย....”
ห๊ะ
เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังปล่อยใจดำดิ่งลึกลงไปโดยไม่รู้สึกตัว
แค่ถูกเรียก นิวถึงกับสะดุ้งและเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนเป็นการตั้งคำถามว่าอีกฝ่ายเรียกทำไม
แล้วหยุดเล่นทำไมวะ กำลังฟังเพลิน ๆ หยุดเล่นทำไม
“ไม่เล่นต่อวะ”
เล่นต่อห่าอะไร
“กูเล่นไปเกือบสิบเพลงแล้ว มึงฟังหรือเปล่าเนี่ย จนจะเล่นรอบสองแล้ว มึงไม่ได้ฟังทำไมไม่บอกวะ เหม่ออยู่นั่นแล้วหลอกให้กูเล่นเหรอวะ”
กูไม่ได้หลอกให้มึงเล่น กูตั้งใจฟังจริง ๆ กูไม่ได้ตั้งใจฟังตอนไหนล่ะ กูนั่งฟังอยู่เนี่ย ตั้งใจฟังจน..........
โจ้กำลังปลดเชือกที่พันนิ้วออก และพันไว้กับตัวเครื่องจะเข้ ดึงผ้ามาคลุม และกำลังจะลุกขึ้นยืน
“อะไรวะ เลิกแล้วเหรอ”
เออสิ เล่นต่อทำไม ไม่ได้ตั้งใจฟังก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรกหลอกให้เล่นอยู่ได้ตั้งนานสองนาน นี่ถ้าไม่สงสัยว่าทำไมมึงนั่งเหม่อตาลอยก็คงไม่รู้หรอกว่ามึงไม่ได้ฟังที่กูเล่นเลย
“เลิกเล่นแล้ว”
อะไรวะ เลิกเล่นทำไม กูกำลังเพลิน
“ดึกแล้ว มึงกลับบ้านมึงเหอะไป”
เหรอ ลักษณะแบบนี้เรียกว่าไล่นะ
“รีบไล่เชียวนะ”
เออใช่ รีบไล่
โจ้ลุกขึ้นยืนโดยมีนิวลุกขึ้นยืนด้วย ก็ไม่ได้อยากจะชมหรอกนะ แต่......ว่า........
“ก็สมควรได้รางวัลเนอะ เพราะชิบหาย”
ยังไงวะ เพราะชิบหาย
“เพราะชิบหาย นั่นเรียกว่าด่านะไม่ใช่ชม”
กูชม กูไม่ได้ด่า
“เพราะมากครับ”
แก้ไขคำพูดเรียบร้อย และนิวก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ ยกมือขึ้นลูบที่ท้ายทอยตัวเอง
“มึงยังไม่บอกเลยว่ามึงนั่งจ้องหน้ากูทำไม”
กูเนี่ยนะจ้องหน้ามึง ผิดหรือเปล่า กูเนี่ยนะจ้อง กู...........ไม่ได้จ้อง...... กูแค่.....มอง.......เฉย ๆ
“กูฟังที่มึงเล่น....ไม่ได้จ้องมึงซะหน่อย”
แก้ตัวไปเรื่อย และโจ้ก็ไม่ได้เชื่อกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยสักนิด
ส่ายหน้าให้รู้ว่าไม่ได้เชื่อกับสิ่งที่นิวพูด และเป็นนิวที่ทำหน้าไม่ถูก
ยังไงล่ะ เออ ยอมรับก็ได้ว่ามอง ก็มองไง ทีมึงยังชอบมองกูบ่อย ๆ เลย ทีกูมองมึงบ้างแค่นี้ทำเป็นมีปัญหาไปได้
“กลับแหละ”
เออ ก็กลับไปดิ
“อีกสองสามวันยังไม่ต้องเลิกจีบกูก็ได้มั้ง”
กูจะเลิกจีบ
“จีบมึงมีแต่เสียฟอร์ม กูไม่อยากเสียฟอร์มแล้ว”
อะไรนะ จีบกูมีแต่เสียฟอร์มเหรอ เสียฟอร์มยังไงล่ะ เสียฟอร์มยังไง ไหนบอกสิ เสียฟอร์มยังไง
“ไม่เสียฟอร์มหรอกน่า”
ไม่เสียห่าอะไร กูเสียฟอร์มตั้งแต่ตอนที่สติแตกเพราะมึงคุยกับแฟนเก่ามึงนั่นแหละ
ไม่รู้เป็นยังไง...........กูหึง.......... หึงทั้งที่มึงยังไม่ได้คิดอะไรกับกูเลย แล้วยังเสือกมาเสียฟอร์มหนักตอนที่จี๊ดจนน้ำตาแตกเพราะทำอะไรไม่ได้อีก
“กูรักคนง่าย อีกสองสามวันกูก็ไปชอบคนอื่นแล้ว”
เหี้ยยยยยยยยยยยยย
มึงใจง่ายจริงดิ อีกสองสามวันก็จะไปชอบคนอื่นได้ง่าย ๆ จริง ๆ ใช่มั้ย พูดแบบนี้ พูดจาแบบนี้ มันเรียกว่ายั่วโมโหกันชัด ๆ
“มึงไม่ต้องไปใจง่ายกับใครแล้ว เสียเวลา ถ้าจะใจง่ายก็ใจง่ายกับกูไปก่อน”
อะไรวะ เดี๋ยวบอกได้ เดี๋ยวบอกไม่ได้ เดี๋ยวจะให้จีบ เดี๋ยวจะไม่ให้จีบ เดี๋ยวก็ว่ากูใจง่าย เดี๋ยวก็จะให้ใจง่ายกับมึงไปเรื่อย ๆ
“มึงนี่มันทฤษฎีเยอะชิบหาย มึงจะเอายังไงแน่”
ไม่เอายังไงหรอกน่า
“มึงมันใจง่าย ใจง่ายไปเรื่อย เห็นใครก็ชอบง่าย ๆ รักใครง่าย ๆ”
ไอ้นิว มึงจะทำให้กูโมโหอีกแล้วใช่มั้ย มึงคิดจะตอกย้ำกูอีกแล้วใช่มั้ย
“วันหลังกูจะมาฟังมึงเล่นจะเข้อีก”
ไม่ต้องมาเหอะ
“ฟังไปทำไม แม่ง”
จะให้ฟังไปทำไมล่ะ ก็ฟังไปแบบนี้แหละ มึงคิดว่าจะให้กูฟังไปทำไมล่ะ
“ทำไมกูจะฟังไม่ได้มึงก็แค่เล่นให้กูฟัง”
แล้วจะฟังทำไมก็บอกมาสิ
“กูไม่เล่น”
“แต่กูจะฟัง”
ก็บอกสิว่าทำไมถึงต้องจะฟังด้วย
“กวนตีน กูไม่เล่นให้มึงฟังแล้ว”
ไม่ได้ กูจะมาฟัง
“กูจะฟัง”
“แต่กูไม่เล่น”
“แต่มึงต้องเล่น”
“เรื่องอะไรกูต้องเล่น”
เริ่มเถียงกัน เริ่มหงุดหงิดโมโหใส่กัน และเป็นนิวที่ขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่รู้จะตอบยังไง
“เออ ก็เล่น ๆ ไปเหอะ”
เล่นไปเหอะเหี้ยอะไร ก็แล้วทำไมไม่บอกว่าทำไมกูต้องเล่นให้มึงฟังด้วยล่ะ
“ไม่”
อย่ามาดื้อ
“ต้องเล่น”
“กูไม่เล่น”
“ไอ้โจ้”
“ทำไม........ไอ้นิว”
ไม่ทำไมหรอก ไม่ได้ทำไม
“กูชอบ”
เหี้ย คำตอบของมึงเหรอเนี่ย.....ชอบ…… ชอบเนี่ยนะ
“ชอบฟังจะเข้เนี่ยนะ”
มีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า และโจ้ก็ส่ายหน้าด้วยความเซ็ง
“ไม่ได้ชอบฟังจะเข้........กูชอบคนเล่นจะเข้”
ห๊ะ
เงยหน้าอีกครั้ง และมองหน้าของนิวที่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรบางอย่างผิดไป
ยังไง
“อีกทีดิ”
อีกทีอะไร ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรซะหน่อย
ไม่ตอบ แต่นิวเดินลิ่วจากไปทันที ไม่มองหน้าคนที่กำลังทำหน้าเหรอหรา เพราะเข้าใจว่าฟังอะไรบางอย่างผิดไป
นิวเดินออกจากประตูบ้านไปแล้ว และโจ้ก็กำลังเดินเข้าบ้าน
ชอบคนเล่นจะเข้
อืมมมมม คนเล่นจะเข้มีเยอะแยะ มันก็ไม่ได้แปลว่าชอบกูอยู่ดี
ถอนหายใจและเดินเข้าบ้าน
โจ้เดินเข้าบ้านไปแล้ว และนิวก็ก้าวขายาว ๆ มาตามถนนเพื่อเดินออกไปที่ถนนใหญ่ ก้าวขาเดินลิ่วแบบไม่หันหลังกลับไปมอง
ไม่หันหลังกลับ ทั้งที่คล้ายได้ยินเสียงจะเข้แว่วหวานอยู่ในหู ภาพใบหน้าของคนที่ตั้งใจเล่นจะเข้ให้ฟังก็ยังลอยไปลอยมาและปรากฏชัดอยู่ในทุกความรู้สึก เดินเร็วไป หัวใจก็เลยเต้นแรง ก้าวขาเร็วไป มันก็ต้องเหนื่อยหอบเป็นธรรมดา
การที่อัตราการเต้นของหัวใจมันถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะว่าก้าวขาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แค่นั้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก เรื่องอาการหัวใจเต้นแรงถี่รัวมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีอะไรเกี่ยวของกับเรื่องบางอย่างเลยสักนิด
การที่หัวใจเต้นถี่แรงขนาดนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอาการ.............หลง...........คนเล่นจะเข้เลยจริง ๆ
TBC.