นับตั้งแต่เล่นเน็ตมาก็นานนมโต เอ๊ยโข... สังเกตเห็นวัยรุ่นไทยหลายๆ คนมักจะใช้วรรณยุกต์ผิดๆ มาตลอด จนพาลทำให้นึกย้อนกลับไปว่าสมัยก่อนเมื่อเรียนชั้นประถม ครูบาอาจารย์ลืมหรือละเลยเรื่องการผันวรรณยุกต์ ไปได้หรืออย่างไร ทำไม นักเรียนนักศึกษา ตลอดจนแม้กระทั่งคนวัยทำงานแล้วก็ยังใช้วรรณยุกต์ผิดๆ กันอยู่
ตอนนั้นม. 5 เห็นแล้วก็ขำๆ พูดกันกับเพื่อนว่า เราจะเรียกอาการนี้ว่าอย่างไร
ในที่สุด ก็ลงความเห็นว่า โรค
"วรรณยุกต์อักเสบ"โรควรรณยุกต์อักเสบไม่ได้เกิดจากการเรียนที่ผิดพลาดของนักเรียน สาเหตุเกิดจากการขาดความช่างสังเกตเสียมากว่า เพราะหลังจากสอบวันสุดท้ายแล้วหลายต่อหลายคนมักจะพับความรู้ใส่ซองจดหมาย จ่าหน้าไปรษณีย์กลับไปให้อาจารย์ จนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
พูดมาก็นาน มาชี้ให้เห็นกันชัดๆ ง่ายๆ ไปเลยดีกว่าว่ามันเป็นอย่างไร หลายคนอาจจะไม่รู้ตัวว่าที่กำลังทำอยู่ทุกวันเป็นโรคนี้หรือไม่ ตามหมอต๊อบผู้น่ารักเท่าๆ กับหมอโอ๊คมาฟังการวินิจฉัยโรคกันหน่อย
อาการที่พบเห็นเป็นลักษณะเด่นชัดก็คือการใช้คำว่า
"คะ" กับ
"ค่ะ" สลับกันครับ นี่เป็นอาการกว่า
ร้อยละ 90 ของคนที่เป็นโรคนี้จะใช้คำนี้ผิดๆ สลับกันเสมอๆ โดย
มักจะเข้าใจผิดว่า "คะ" เป็น ค่ะ และ "ค่ะ" เป็นคะ เสมอเช่น
"อะไรนะค่ะ?" หรือ "อะไรน่ะค่ะ" ไหนมีใครอ่านได้ถูกบ้าง โปรดเลือกตัวเลือกดังต่อไปนี้ ถ้าอ่านถูก เราก็จะไปข้อต่อไปกันเลย
1. อะ - ไร - นะ - คะ [] อะ - ไร - นะ คะ
2. อะ - ไร - นะ - ขะ [] อะ - ไร - หนะ ขะ3. ดอกคะ จะให้อ่านทำไมคะเสียเวลา
เฉลย
ข้อสอง.... เป็นคำตอบที่ถูก... แค่อ่านก็พอจะรู้ได้ แล้วมาดูตอนใช้บ้าง ไหน... ใครเลือกใช้คำไหนบ้าง
1. สวัสดีคะ
2. สวัสดีค่ะ3. สวาทดีฆ่า
ในชีวิตประจำวันมีใครบ้างครับเดินไปพบอาจารย์แล้ว
ส่งเสียงว่า สะ - หวัด - ดี - คะ กับครูบาอาจารย์บ้าง เอามาให้ผมดูหน้าหน่อยซิ ท่าทางจะอาการหนักถึงขนาดเอาไปใช้พูดกันเลย
ในชีวิตจริงเราออกเสียงสวัสดีค่ะ ว่า
"สะ - หวัด - ดี - ขะ" กันต่างหาก....
ถ้าใครมีอาการข้อใดข้อหนึ่งตามนี้แล้ว... หมอขอยืนยันว่าเป็นโรค "วรรณยุกต์อักเสบ" แน่นอน---------------------------------------------------------------------------------
การรักษา ยังไม่มียาตัวไหน หรือวัคซีนใดๆ รักษาอาการเหล่านี้ให้หายขาดได้ ต้องอาศัยใจสู้ของคนที่พบว่าตัวเองเป็นโรคแล้วอยากจะหายเพียงอย่างเดียว เอาล่ะ ใครที่อยากหายก็ตามมา ใครที่ไม่อยากหายก็เชิญใช้ภาษาไทยแบบอัปยศหมดความภาคภูมิใจกันต่อไป ไม่ว่ากัน เพราะทำใจแล้ว
แน่นอนว่ายาขนานแรกก็คือ ความรู้เกี่ยวกับวรรณยุกต์และหมวดหมู่ของอักษรของไทย หรือที่เรียกว่า
บัญยัติไตรยางค์ในภาษาไทยแบ่งหมวดหมู่ของตัวอักษรเป็นสามหมวด ได้แก่
อักษรกลาง ประกอบไปด้วย
ก จ ด ต บ ป อ หรือที่ใครอาจจะเกิดทันสมัยท่อง
"ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง" (ใครมันเอาเด็กไปวางปากโอ่งวะ)
อักษรต่ำ ดังนี้
อักษรต่ำเดี่ยว ไม่รู้ใครเคยท่องบ้าง เอ่ย...
"งูใหญ่นอนอยู่ ณ ริมวัดโมฬีโลก" ง, ญ, ณ, น, ม, ย, ร, ล, ว, ฬ, อักษรต่ำเดี่ยวเหล่านี้ไม่มีคู่ครองมักจะอยู่เป็นโสด
อักษรต่ำคู่ พวกนี้จะมีเสียงคู่กันกับอักษรสูง
ค, ฅ, ฆ ช, ฌ, ซ ฑ, ฒ, ท, ธ พ, ภ ฟ ฮอักษรสูง มีทั้งหมด 11 ตัว ได้แก่
ข, ฃ (เลิกใช้),
ฉ, ฐ, ถ, ผ, ฝ, ศ, ษ, ส, และ ห อยากลองท่องมั้ย อ่ะจัดให้
ผีฝากถุงข้าวสารให้ฉัน (หนังเรื่องต่อไปของ แดนนี่และออกไซด์ ข้าวผี...)
เอาล่ะไม่ต้องท่องจำกันให้วุ่นวาย ทุกคนรู้ด้วยสัญชาติญาณอยู่แล้ว่าตัวไหนอยู่ในหมวดไหน ท่องไปลืมเปล่า เอามาบอกไว้เฉยๆ ลืมไปก่อนก็ได้
เพราะเรื่องนี้จะเน้นหนักไปที่ "อักษรต่ำ"
วิธีการผันวรรณยุกต์ของอักษรต่ำคำเป็น * คำเป็นที่ใช้อักษรต่ำเป็นพยัญชนะต้น จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ เช่น คา เงา ชิง ทำ นอน เรา ฯลฯ
* เมื่อผันด้วยไม้เอก จะมีเสียงโท เช่น ค่า แช่ง ท่อน เน่า ล่อง ฯลฯ
* เมื่อผันด้วยไม้โท จะมีเสียงตรี เช่น ค้า ช้าง ซ้อม ทิ้ง น้ำ พ้อง ฯลฯ
* ไม่นิยมผันด้วยไม้ตรี และไม้จัตวา
คำตาย
สระเสียงยาว * คำตายที่ใช้อักษรต่ำเป็นพยัญชนะต้น และสะกดด้วยสระเสียงยาว จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงโท เช่น โคก ชาติ ทอด ภาพ ลีบ ฯลฯ
* เมื่อผันด้วยไม้โท จะมีเสียงตรี เช่น วี้ด ค้าบ ฯลฯ
* เมื่อผันด้วยไม้จัตวา จะมีเสียงจัตวา เช่น ค๋าก ม๋าด ฯลฯ ปัจจุบันไม่ปรากฏการเติมไม้จัตวากับคำตายที่เป็นอักษรต่ำ และสะกดด้วยสระเสียงยาว
* ไม่นิยมผันด้วยไม้เอก และไม้ตรี
สระเสียงสั้น * คำตายที่ใช้อักษรต่ำเป็นพยัญชนะต้น และสะกดด้วยสระเสียงสั้น จะมีพื้นเสียงเป็นเสียงตรี เช่น คะ ชัก นก ทุบ เล็ก เพียะ ฯลฯ
* เมื่อผันด้วยไม้เอก จะมีเสียงโท เช่น ค่ะ มั่ก ฯลฯ * เมื่อผันด้วยไม้จัตวา จะมีเสียงจัตวา เช่น ค๋ะ ม๋ะ ฯลฯ ปัจจุบันไม่ปรากฏการเติมไม้จัตวากับคำตายที่เป็นอักษรต่ำ และสะกดด้วยสระเสียงสั้น
* ไม่นิยมผันด้วยไม้โท และไม้ตรี
จะเห็นได้ว่า คำว่า
คะ เป็นอักษรต่ำประสมสระเสียงสั้น เมื่อผันด้วยวรรณยุกต์เอกย่อมจะได้เสียง โท นะคะ นะค่ะ น่ะคะ น่ะค่ะ แต่ละคำจะใช้ไม่เหมือนกัน
ฮะ ฮ่ะ ยะ ย่ะ เองก็ด้วย
พอจะเข้าใจกันบ้างไหมครับ ผันกันเป็นหรือยังเอ่ย ถ้ายัง ก็โพสต์ถามกันได้ ไม่ว่ากันยินดีอธิบายให้โจ่งแจ้งแดงแจ๋แบไต๋กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย
ทีนี้หลังจากผันกันเป็นแล้วก็มาถึงวิธีการใช้งานกันบ้าง เคยคอมเมนต์เล็กๆ ถึงชุดใหญ่ให้กับนิยายหลายๆ เรื่องที่คนเขียนเป็นโรคนี้มากันก็หลายทีแล้ว คนเมนต์เองก็ลืมไปแล้วว่าเมนต์ไว้อย่างไรบ้าง ยังไงถ้าใครเจอที่นิยายเรื่องไหนก็ช่วยเอามาแปะหน่อยนะครับ ต๊อบจะได้เอามาปรับปรุงเปรียบเทียบกัยที่เขียนในนี้
วิธีการใช้งานก็คือ
ทุกครั้งเวลาเราอ่านจะต้องเทียบเคียงเสียงกับสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวันกันจริงๆ อย่างที่ยกตัวอย่างในข้างต้นว่า
ไม่มีใครเดินไปถามคำถามคนอื่นด้วยการลงท้ายเสียงจัตวาหรอก คำถามมันต้องเสียงสูงๆ คือเสียงตรี
"ไปไหนมาค่ะ" (ไปไหนมาขะ) ใครมันใช้ไปเรียกมาให้ผมดูหน้าหน่อยเถอะ แน่นอนร้อยทั้งร้อยออกเสียง
"ไปไหนมาคะ" กันอยู่แล้ว
note เสียงตรี มักจะใช้ในประโยคคำถาม รวมไปถึงการตอบรับในเชิงถามด้วยเช่น เมื่อเราโดนเรียกชื่อ เราจะตอบทันทีว่า "คะ" (ด้วยความสงสัยว่าเรียกทำไม) และการขอร้อง (การขอร้องมักจะเป็นคำถามในตัวด้วยอยู่แล้ว)"ยินดีที่ได้รู้จักคะ" แน่นอนว่าประโยคตอบรับแบบนี้ ไม่ใช้เสียงตรี ที่ถูกต้องเป็น
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" (ยินดีที่ได้รู้จักขะ)
note เสียงจัตวามักจะใช้ในประโยคตอบรับ ตอบรับเชิงปฏิเสธจริงๆ มีวิธีจำง่ายๆ ในบางคอมเมนต์ที่เคยเขียนไป วอนนักอ่านที่เคยอ่านเจอ ช่วยตามหาให้หน่อยครับ แหะๆ แบบว่า คนเขียนเองก็ลืมไปแล้ว
------------------------------------
เรื่องนี้สำคัญกับนักเขียนมากๆ ครับ
การใช้ภาษาไทยได้ดี เป็นฝีมืออย่างหนึ่งที่คนเขียนต้องมี จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนิยาย วรรณกรรมจะอยู่ไปอีกนาน สืบทอดภาษาไทยไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นการบันทึกหลักฐานสภาพแวดล้อม ความคิดทางสังคมในสมัยนั้นๆ อย่างน้อยชื่อเราที่ติดอยู่บนนิยาย เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะได้ไม่มาพูดกับเราได้ว่า "อีคนเขียนคนนี้ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง" น่าอายนะครับ ภาษาบ้านตัวเองแท้ๆ คนอ่านก็จะได้ซึมซับได้ด้วยว่านี่คือวิธีการเขียนที่ถูกต้อง
ขืนยังใช้แบบผิดๆ กันไปเรื่อยๆ
ก็จะเลียนแบบใช้ผิดๆ กันไปจนวิบัติฉิบหายวายป่วง จำไม่ได้ว่าต้นกำเนิดเป็นเช่นไร เหมือนเป็นคนไร้ราก ต้นไม้ไร้รากจะยืนได้เช่นไร แล้วต้นไม้รากเน่าจะยืนได้นานขนาดไหน
อยากให้คนเขียนนิยายใส่ใจกับงานเขียนตัวเอง รู้จักตรวจทานแก้ไข และใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
แต่ไม่ต้องเครียดครับ ถ้ามันผิด คนอ่านก็จะช่วยกันแก้ แต่อย่างน้อยอยากให้รับผิดชอบกันก่อน ให้ผิดน้อยที่สุด ส่วนที่เล็ดรอดสายตาก็ไม่ว่ากันครับ
ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงอะไร อาจจะหลงๆ ลืมๆ กันบ้าง ผิดเล็กๆ น้อยๆ พอไหว มองข้ามไปได้ อย่าใช้ผิดทั้งเรื่อง (เรื่องที่เน้นบทสนทนาเป็นหลัก จะมีผลมาก)
เหลืองานไว้ให้ ผู้ตรวจทาน เขาได้ทำงานบ้าง
มีอะไรเพิ่มเติมเชิญได้ ทักท้วงให้แก้ไขเชิญได้ หรือจะกรีดร้องว่า ไม่จริ๊งงงงง ดังๆ ก็ได้