-13-
หลังจากฝ่าการจราจรของกรุงเทพมหานครมาได้แล้วรถคันสวยของคิวก็ขับเข้ามาจอดในห้างสรรพสินค้าได้สำเร็จ ทั้งสองเลือกจอดรถไว้ใกล้ชั้นโรงหนังแล้วเดินเข้ามาด้านใน วันนี้เป็นวันหยุดคนจึงเยอะเป็นพิเศษ
“ดูเรื่องไหนดีครับ”
คิวถามขึ้นเมื่อพวกเขายืนจ้องโปรแกรมฉายกันอยู่สักครู่ พีทเลิกคิ้วแล้วชี้ไปยังหนังซอมบี้ที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ คิวพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะผละตัวออกไปซื้อตั๋วและพีทก็อาสาไปซื้อน้ำและป๊อปคอร์น
ร่างสูงโปร่งซื้อเสร็จก่อนจึงเดินมายืนรอคิวที่กำลังจ่ายเงินแล้วมองไปรอบ ๆ พีทเข้าใจว่าวันนี้เป็นวันหยุดแต่เขารู้สึกว่าวันนี้คนเยอะเป็นพิเศษเขามีงานอะไรกันหรือเปล่าพอคิวเดินยิ้มกลับมาก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“วันนี้ที่นี่มีงานอะไรหรือเปล่าครับ พีทรู้สึกว่าคนเยอะแปลก ๆ”
คิวเลิกคิ้วแล้วมองรอบกายก่อนจะยักไหล่แล้วหันกลับมาแย่งน้ำและป๊อบคอร์นจากมือพีทไปถือเอง
“น่าจะมาจับโปเกมอนกันน่ะครับ”
“ห๊ะ???”
พีทหลุดถามเสียงดัง อะไรคือจับโปเกมอน
“เกมที่เขากำลังฮิตกันตอนนี้ไงครับดูนั่นสิ”
คิวกล่าวแล้วชี้ไปยังกลุ่มผู้หญิงด้านหน้าที่กำลังก้มมองโทรศัพท์อย่างแข็งขันได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาว่าเจอตัวหายากอะไรก็ไม่รู้
“เหมือนว่าเราเป็นเทรนเนอร์ที่ออกตามหาโปเกมอนน่ะครับเหมือนในการ์ตูน พีทเคยดูหรือเปล่า”
คนตัวขาวกระพริบตาปริบ ๆ แล้วพยักหน้า
“เคยครับ”
“นั่นล่ะครับ พวกเพชรมันก็เล่นนะผมรู้มาจากพวกมันนี่แหละ”
“อืม”
พีทตอบรับแล้วออกเดินไปหาที่นั่งรอเวลา เขาเป็นคนไม่ค่อยเล่นเกมหรือตามข่าวสารอะไรมากนักหรอก จะมีก็แต่ดูข่าวที่เกี่ยวกับสายอาชีพของตน เรื่องหนังที่ตนสนใจ เอาง่าย ๆ คืออะไรที่เขาไม่สนใจเขาก็จะไม่รู้เลยแม้ว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่คนส่วนมากรับรู้กันก็ตาม
“อาทิตย์หน้าผมต้องเริ่มซ้อมบาสแล้วนะครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พีทหันไปมองเด็กร่างหมีที่ทิ้งตัวพิงพนักพิงอยู่ข้างกาย
“กีฬามหาลัยที่คิวเคยบอกใช่ไหม”
เด็กตัวโตพยักหน้า พีทจำได้ว่าเมื่อสองสามวันก่อนคิวบอกเขาเกี่ยวกับการที่เจ้าตัวได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของคณะและต้องเริ่มซ้อมหลังการสอบมิดเทอม
“เป็นอะไรหมีหน้ามุ่ยทำไมครับ”
พีทยิ้มขำถามคนข้างกาย คนตัวใหญ่ยู่หน้าเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจเวลาแม่ไม่ปล่อยให้ออกไปเล่นกับเพื่อน
“ก็การซ้อมมันจะทำให้เวลาที่ผมเคยใช้กับพีทน้อยลง ปกติก็ไม่ค่อยเจอกันอยู่แล้ว”
คิวส่งเสียงกระเง้ากระงอด พีทได้แต่อมยิ้มมองอีกคน
“ไม่อยากลงแข่งเลย”
คราวนี้มือขาวตีแปะบนหน้าขาอีกคนแม้ไม่แรงมากแต่ก็ทำให้เด็กหมีสะดุ้งได้
“ห้ามเกเร”
“แต่ผมอยากอยู่กับพีทมากกว่า”
“ก็ทำเหมือนช่วงคิวสอบก็ได้นี่ครับ แชทกันวีดีโอคอลคุยกันก็ได้”
“แต่มันไม่ได้ทำให้ผมเจอพีทตัวเป็น ๆ นี่ครับ”
“งอแง”
พีทส่ายหัวอ่อนใจ คิวหงอใบหน้าหล่อซุกลงกับแผ่นหลังบาง
“ขอโทษที่งี่เง่าครับผมแค่อยากอยู่ใกล้พีท”
“พีทไม่ได้ว่าครับแต่คิวเองก็ต้องรู้หน้าที่ตัวเองด้วย ใช่ว่าเราจะไม่เจอกันเลยเสียเมื่อไหร่ เรามีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบต่างกัน คิวต้องเรียนต้องซ้อมกีฬา พีทก็ต้องทำงาน มันเป็นสิ่งที่เราสองคนทำมานานก่อนที่อีกคนจะเข้ามาแล้วไม่ใช่หรือครับ พีทไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้คิวเปลี่ยนไป...จะอธิบายไงดีล่ะ พีทอยากให้เราเว้นช่องว่างนี้ไว้เพื่อทำหน้าที่ของแต่ละคนให้เต็มที่ ไม่ใช่ว่าพีทไม่อยากใช้เวลากับคิวนะแต่ห้องเราอยู่ตรงข้ามกันแค่นี้เอง คิดถึง...ก็แค่มาเคาะประตู...แค่นั้นเอง”
พีทอธิบายเสียยืดยาวแถมปลายประโยคคนตัวขาวกลับรู้สึกขัดเขินขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ต่างกับเด็กหมีที่เหมือนได้ยาวิเศษชุบชีวิตจากหงอยเหงาตายซากให้กลับมาร่าเริงยิ้มกว้างภายในพริบตา คิวโน้มตัวไปข้างหน้าเอี้ยวตัวมามองคนตัวขาวที่แก้มแดงก้มหน้าหนี
“จริงนะครับ”
น้ำเสียงร่าเริงจนพีทรู้สึกหมั่นไส้
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็ที่พีทบอกว่าถ้าคิดถึง...ก็ให้ไปเคาะห้อง”
“อ่าฮะ”
“ไปเคาะดึก ๆ ได้ไหม”
“ห้ามเกินเที่ยงคืน”
“เช้าสุดได้กี่โมงครับ”
“เก้าโมง”
“เข้าไปนั่งเล่นได้ไหม”
“อื้อ”
“กินข้าว”
“ได้ครับ”
“ขอนอนด้วยล่ะครับ”
“เยอะไปแล้วหมี”
พีทจิ้มหน้าผากเด็กหมีจนหงายหลังด้วยความหมั่นไส้ เนียนเลยนะพ่อตัวดีอยากจะถามจริง ๆ ว่าที่หงอยเหมือนหมาเหงาเมื่อครู่นี่มารยาใช่ไหม
“โถ่พีทอ่ะ ผมนึกว่าจะตอบว่าได้เสียอีก”
“อย่ามาเนียน พีทไม่หลงกลหรอก”
“แต่หลงรักได้นะครับผมไม่ห้าม”
คิวบอกเสียงทะเล้นพร้อมขยิบตา พีทหัวเราะขำส่ายหัวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วสะกิดให้คิวลุกเดินเข้าโรงหนังได้แล้ว
หนังจบลงคุ้มค่ากับราคาตั๋ว ทั้งสองคนเดินคู่กันออกมาตามฝูงชนพีทสูดน้ำมูกยกมือขึ้นถูจมูกจนปลายจมูกแดง สาเหตุก็มาจากคนตัวขาวอินจนร้องไห้ออกมาซึ่งคิวก็ไม่ได้หัวเราะขำแต่อย่างใดเพราะเข้าใจเวลาคนที่ตั้งใจดูหนังแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครดี เพชรเพื่อนเตี้ยนี่ตัวดีเลยเศร้ามากเศร้าน้อยมันร้องไห้หมดดูการ์ตูนมันยังสามารถร้องไห้ได้เลยคิดดู
“อย่าถูแรงสิครับแดงหมดแล้ว”
คิวคว้าข้อมือขาวรั้งไว้เมื่อพีททำท่าจะยกมือขึ้นมาขยี้จมูกอีกครั้ง
“ครับ ขอแวะเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”
“ผมรออยู่ข้างนอกนะครับ”
พีทพยักหน้าแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ระหว่างรออีกคนคิวจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่องเช็คข้อความมีทั้งที่พวกมันพิมพ์มากวนตีนในกรุ๊ป อัพเดตตารางเรียนในกรุ๊ปภาค ตารางซ้อมของทีมบาสแล้วก็ข้อความของคนที่เขาไม่รู้จักอีกมากมายซึ่งอย่างหลังนั้นคิวเลือกที่จะสไลด์ลบทิ้งโดยไม่เปิดเข้าไปอ่านเสียด้วยซ้ำ ลบเสร็จพีทก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
“ไปไหนต่อไหม”
พีทถาม แต่ถูกเด็กหมีถามกลับ
“พีทอยากไปไหนต่อหรือเปล่าครับ”
“ถ้าอย่างนั้นขอแวะร้านหนังสือแปบนึงนะครับ”
“ครับผม”
แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินเข้าร้านหนังสือ พีทเดินมายังโซนหนังสือสำหรับทำอาหาร เขาคิดมานานแล้วว่าจะเริ่มลองทำอาหารกินเองดู เมื่อก่อนอยู่คนเดียวก็ทำอาหารง่าย ๆ พวกเมนูไข่กินแต่ตอนนี้มีอีกคนเข้ามาพีทจึงอยากลองทำอย่างอื่นดูบ้าง
ให้ซื้อจากข้างนอกเข้ามากินทุกวันคงไม่ไหว
“ดูหนังสืออะไรอยู่ครับ”
ร่างสูงเดินเข้ามาหาหลังจากแยกกันไปคนละมุมเมื่อเข้ามาในร้าน
“หืม? หนังสือทำอาหาร?”
คิวเลิกคิ้วเอ่ยถาม
“ครับว่าจะลองทำอาหารกินเองดู”
“ดีเลยครับเดี๋ยวผมช่วยกิน”
คิวยิ้มแป้น
“ไม่กลัวท้องเสียรึไง”
พีทหันไปถาม คิ้วส่ายหน้า
“ไม่กลัวครับ เราจะท้องเสียไปด้วยกัน”
แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา
“คิวเอาอะไรไหมครับ”
เมื่อเด็กตัวสูงส่ายหน้าพีทก็เดินไปคิดเงินพร้อมหนังสือทำอาหารอีกสองสามเล่ม
“คิวกลับบ้านกี่วันครับ”
พีทนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้อีกคนกลับบ้านจึงเอ่ยถาม
“สองสามวันครับ ไปให้คุณพ่อคุณแม่เจอหน้าสักหน่อยก่อนท่านจะตัดผมออกจากกองมรดก”
คิวพูดกลั้วหัวเราะ พีทอมยิ้ม
“ไม่ค่อยได้กลับบ้านล่ะสิท่า”
“ครับนาน ๆ กลับที นี่เดือนนี้ก็เพิ่งได้กลับนี่แหละครับ โดนคุณแม่งอนด้วย”
“สมควรโดนคุณแม่งอนแล้ว บ้านอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้แท้ ๆ”
“โถ่อย่างกับว่าถ้าผมกลับไปบ่อย ๆ จะได้เจอท่านทั้งสองอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวแปบ ๆ ก็หายกันไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่งกันแล้วชอบทิ้งให้ผมอยู่บ้านคนเดียวอยู่เรื่อย”
คิวเดินไปบ่นไป นั่นแหละเป็นสาเหตุให้เขาไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะพ่อกับแม่ของเขาไม่ค่อยอยู่ติดบ้านกันน่ะสิ คุณพ่อต้องไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศบ่อย ๆ โดยเจ้าตัวมักจะหนีบเอาคุณหญิงใบตองภรรยาที่รักไปด้วยเสมอ ทิ้งให้เขาอยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียว อ่อ ไม่สิกับแม่บ้านอีกสองสามคน แต่มีก็เหมือนไม่มี เหงาจะตายสู้มาอยู่คอนโดห้องเล็ก ๆ คนเดียวดีกว่าอีก
“คิวไม่ไปด้วยล่ะ”
พีทถามด้วยรอยยิ้มแต่อีกคนส่ายหน้าหวือ
“ไม่เอาด้วยหรอกครับคุณพ่อชอบมองผมตาขวางแล้วบอกว่าผมเป็นก้างขวางเวลาสวีทของเขาสองคน”
“อย่างนั้นเลย”
คิวพยักหน้าหงึกหงัก พีทหัวเราะแล้วกระตุกข้อมือคิวเบา ๆ
“เข้าซุปเปอร์กัน”
คิวพยักหน้ารับแตะหลังให้คนตัวขาวก้าวนำแล้วเขาก้าวตามไปข้าง ๆ
“เอารถเข็นไหมครับ”
พีทเอียงคอคิดสักครู่ก็พยักหน้ารับ คิวจึงเดินไปเข็นรถเข็นมา
“พีทจะซื้ออะไรหรือครับ”
“พวกเครื่องปรุงครับแล้วก็ของสดนิดหน่อย”
“จะทำกับข้าวเย็นนี้เลยใช่ไหมครับ”
คิวถามแต่อีกคนส่ายหน้า
“พีทยังไม่อยากให้คิวเข้าโรงพยาบาลแทนกลับบ้านนะครับ”
คิวหัวเราะมองคนตัวขาวเดินเลือกของอย่างเพลินตา เขาเป็นเอามากจริง ๆ แค่ได้เดินข้างกันได้มองคนตัวขาวดูโน่นดูนี่ก็รู้สึกสุขจนอยากจะตะโกนออกมาดัง ๆ อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลาเลยเป็นสาเหตุให้งี่เง่าใส่พีทไปและก็ต้องขอบคุณพีทที่ช่วยเรียกสติเขาขึ้นมาว่าความจริงแล้วโลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคน ถึงคิวจะอยากให้เป็นแบบนั้นก็เถอะ ใช่ เรายังมีหน้าที่ที่เราสองคนต้องทำ มีสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบอยู่ คิวยิ้มมองแผ่นหลังบางพอจะรับรู้สิ่งที่พีทต้องการจะสื่อ
พีทอยากให้เราเดินไปด้วยกัน...โดยที่แต่ละคนจะไม่สูญเสียความเป็นตัวเองไป
เย็นวันนั้นจบลงที่เขาทั้งคู่เลือกซื้อไก่ทอดและเครื่องเคียงอีกนิดหน่อยกลับไปกินที่ห้องของพีทและคิวก็ได้นอนเล่นกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในห้องของคนตัวขาวจนใกล้เช้าวันใหม่พีทจึงไล่ให้อีกคนกลับไปนอนพักผ่อนเพราะคิวบอกว่าจะกลับบ้านในตอนเช้าและพีทเองก็มีบินในเวลาสาย
ช่วงที่คิวกลับบ้านเขาทั้งสองคนก็ยังแชทคุยกันอยู่เรื่อย มีวีดีโอคอลหากันบางคืน ตอนที่คิวถึงบ้านลงจากรถเจอคุณแม่ยืนรออยู่ก็กลัวจะถูกงอนเพราะเขาไม่ได้พาพีทมาด้วยเลยไถ่โทษโดยการกลับบ้านแต่เช้า แทนที่จะถูกงอนคุณหญิงเขากลับหัวเราะชอบใจแล้วบอกว่าแกล้งลูกเล่นเฉย ๆ เสียอย่างนั้นแต่ถ้าพีทตกลงมาก็เป็นผลพลอยได้ทำเอาคิวถอนหายใจโล่งอกแต่ก็โดนคุณแม่กับคุณพ่อซักจนเปื่อยนั่นแหละ กลายเป็นว่าตอนนี้รู้กันทั้งบ้านแล้วว่าเขากำลังจีบใครอยู่และยังจีบไม่ติดด้วย
เชอะ อีกนิดเดี๋ยวก็ติด
“วันนี้พวกมึงเริ่มซ้อมแล้วใช่ป่ะ”
เพชรที่กำลังโกยทุกอย่างใส่เป้เอ่ยถามเพื่อนทั้งสอง คิวกับเอ็มหันมาพยักหน้ารับเพชรโคลงหัวรูดซิบกระเป๋าเสร็จก็หันไปสะกิดปลุกจิมมี่ที่เฝ้าพระอินทร์ไปตั้งแต่ต้นคาบ
“หาว~ จะไปกันแล้วหรอวะ”
จิมมี่อ้าปากหาวยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ จริง ๆ ก็มีคนมาชวนเจ้าตัวเข้าชมรมบาสเหมือนกันแต่เขาขี้เกียจเกินกว่าจะยอมสละเวลานอนและเวลาเต๊าะสาวอันมีค่ามาซ้อมได้
“อือมึงจะไปด้วยป่าว”
“เดี๋ยวเดินไปด้วยรถจอดแถวนั้นพอดี”
เพื่อนทั้งสามไม่ได้ถามอะไรต่อรอให้คนเพิ่งตื่นเก็บของแล้วเดินออกไปพร้อมกัน
“พี่พีทเป็นไงมั่ง”
คิวปรายตามองเพื่อนเตี้ยที่เคี้ยวลูกชิ้นไปถามถึงพีทไปด้วย
“สบายดี”
“เหรอแล้ววันแข่งเขาจะมาดูมึงป่ะ”
“ไม่รู้ว่ะยังไม่ได้ชวนเลย นี่ตั้งแต่กลับบ้านกลับมากูยังไม่ได้เจอหน้าพีทเลยเขาบินไปจีนกลับพรุ่งนี้”
คิวบ่นเป็นหมีกินผึ้ง นับรวมแล้วเขาไม่ได้เจอพีทตัวเป็น ๆ ถึงห้าวันเชียวนะ! คิดถึงจะแย่แล้ว แต่เขาจะไม่งอแงเขาจะเป็นเด็กดี
“ไม่ได้คุยกันเลยเรอะ”
จิมมี่เลิกคิ้วถามก่อนจะสะกิดไหล่บางให้ป้อนลูกชิ้นตัวเองบ้าง เพชรกลอกตาเบื่อหน่ายก่อนจะจิ้มลูกชิ้นส่งถึงปากเพื่อนตัวใหญ่
“จิ้มแดกกันเองไม่เป็นรึไง”
“ขี้เกียจ/ขี้เกียจ”
จิมมี่กับเอ็มตอบพร้อมกันแล้วหันไปแท็กมือ คนตัวเล็กอยากจะกระโดดถีบยอดหน้าพวกมันเหลือเกิน
“คิวเอาไหม”
“ไม่ล่ะ”
“เออมึงยังไม่ตอบเลยไม่ได้คุยกันรึไงวะ”
“คุยทุกวันนั่นแหละแต่กูกำลังพยายามคุมตัวเองอยู่”
ทั้งสามเลิกคิ้วกับคำพูดของคิว ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่เขาคุยกับพีทเมื่อสี่วันก่อนให้เพื่อนฟัง
“ค่อย ๆ ปรับไปมึง กูเข้าใจเวลาอินมาก ๆ ก็อยากจะอยู่กับเขาตลอดเวลานั่นแหละใคร ๆ ก็เป็น”
จิมมี่ตบไหล่คิวเบา ๆ ใบหน้าหล่อพยักหน้ารับ
“อือ”
“เดี๋ยวกูไปก่อนนะเจอกันพรุ่งนี้พวกมึง”
ทั้งสามโบกมือลาจิมมี่ที่เดินแยกตัวไปที่รถของตัวเอง มองมันจนขึ้นรถสตาร์ทออกไปแล้วจึงเริ่มเดินกันต่อ ระหว่างทางเพชรแวะซื้อน้ำใส่กระติกเก็บความเย็นให้เพื่อนทั้งสองด้วยเพราะคิวมันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร เลยต้องมีกระติกน้ำแยกกับคนอื่น เอ็มมันเลยได้อานิสงส์ไปด้วยเดี๋ยวจะหาว่าท่านเพชรไม่เท่าเทียมทำให้แต่คิวคนเดียวซื้อเสร็จก็เดินมายื่นกระติกให้พวกมันสองคนถือกันเองจนถึงโรงยิมวางของตรงม้านั่งข้างสนามเสร็จทั้งสองคนก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพชรก็จัดการวางของพวกมันสองคนให้เป็นระเบียบพอดีกับพวกคริษฐ์เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านักกีฬา
“ไง”
“ดี”
เพชรเอ่ยทักคริษฐ์ คิง ซาน แล้วมองซ้ายมองขวาหาอีกคนนึงในกลุ่ม
“ซันไปไหนอ่ะ”
พอถามถึงสมบัติของคณะวิศวะซานก็ทำหน้ามุ่ย ร่างสูงเดินมานั่งลงข้าง ๆ คนตัวเล็ก
“กูว่ามันต้องมีอะไรปิดบังพวกกูแน่ ๆ เลยว่ะ ช่วงนี้แม่งเลิกเรียนปุ๊บหายหัวปั๊บ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”
“เออมึงเห็นมันมั่งป่ะ”
คิงวางกระเป๋าลงบนพื้นแล้วหันมาถาม เพชรส่ายหน้าให้เป็นคำตอบแล้วหันไปหาคริษฐ์ คนตัวสูงยิ้มให้
“อย่าไปสนใจอาการหวงซันจนโอเวอร์ของพวกมันเลย ซันมันก็หายของมันแบบนี้ประจำแหละ”
คริษฐ์บอกพลางวอร์มร่างกาย สองคนที่โดนว่าส่งเสียงจิ๊จ๊ะแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกมา ก็พอจะเข้าใจพวกมันอยู่หรอกว่าทำไมถึงหวงห่วงกันขนาดนั้น จะว่าไปไม่เห็นเนื้องอกของคริษฐ์วนเวียนอยู่แถวนี้จึงอดถามไม่ได้
“ณินมันไม่มาด้วยหรอ”
“คิดถึงมันรึไง”ไม่ใช่เสียงของคริษฐ์ตอบแต่อย่างใด หากแต่เป็นเสียงของเอ็มที่เดินออกมาพอดี คนพูดโยนเสื้อนิสิตของตัวเองไปคลุมหัวคนตัวเล็กด้วยความหมั่นไส้
“อะไรเล่ากูแค่ถาม”
เอ็มยักไหล่ไม่ได้ตอบอะไรกลับ คริษฐ์ยิ้มน้อย ๆ แล้วเป็นฝ่ายตอบเพชร
“มันอยู่โรงยิมสองน่ะ คณะมันซ้อมอยู่ที่นั่น”
“อ่อ”
เพชรขานรับก่อนจะเอื้อมมือไปรับเป้ของคิวที่เดินกลับมาวางไว้บนตัก คิวถือมือถือไว้ในมือหันไปหาคริษฐ์
“จะซ้อมกี่โมง”
“เดี๋ยวรอพวกเด็กปีสองมาก็ซ้อม อาร์มมันบอกอีกสิบนาที”
คิวพยักหน้ารับแล้วเดินถือโทรศัพท์ออกมาทางด้านนอกหลังจากส่งข้อความหาพีทถามว่าอีกคนว่างหรือเปล่าแล้วพีทตอบกลับมาว่าว่างเขาเลยขอวีดีโอคอลหา
“เพิ่งตื่นหรอครับ”
คิวอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าอีกคนผ่านจอโทรศัพท์ ผมเผ้าชี้ฟูรู้เลยว่าอีกคนเพิ่งลุกจากที่นอน
‘ครับ ตื่นก่อนคิวถามมาแปบนึง กำลังจะซ้อมหรอ’“ครับ อยากได้กำลังใจก่อนซ้อม”
คิวส่งเสียงอ้อนไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วมองเขาด้วยความแปลกใจ
‘ขี้เวอร์จริง ๆ เด็กคนนี้ ตั้งใจซ้อมนะครับ”คนตัวขาวว่าแต่ก็ยอมอวยพรให้ คิวยิ้มกว้างพยักหน้ามองคนในโทรศัพท์ด้วยความคิดถึง
“ครับผม แล้วนี่พีทไม่ออกไปไหนเลยหรอครับ”
คนในสายส่ายหน้าแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกรอบ
‘ไม่ไปครับ ง่วง’คิวยิ้มเอ็นดู พีทซุกใบหน้าครึ่งนึงไปกับหมอนตาโตมองเขาผ่านโทรศัพท์เห็นแล้วอยากฟัดแก้มสักที
“พรุ่งนี้กลับมาถึงกี่โมงครับ”
‘เที่ยง ๆ ครับ’“อยากไปรับ”
‘มีเรียนไม่ใช่รึไงหมี’พีทถามอย่างรู้ทัน คิวยู่หน้าเมื่อคนอีกฝั่งส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ
‘ไม่งอแงนะอีกวันพีทหยุด คิวก็ไม่มีเรียนไม่ใช่หรอครับมีแค่ซ้อมตอนเย็นใช่ไหม’ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างพยักหน้าแรง ๆ
“ครับ”
พีทขยับนอนคว่ำยื่นเขนไปจนสุดวางคางสวยไว้บนหมอนใบโต
‘อยากท้องเสียไหม เอ~แต่คิวมีซ้อมนี่นา’“โถ่พีทครับ ไม่ท้องเสียหรอกหน่ามั่นใจในฝีมือตัวเองสิครับ เดี๋ยวผมช่วยชิมนะ ๆ ๆ ๆ”
คนในโทรศัพท์หัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้า
‘เอางั้นก็ได้ครับ คิวไปซ้อมเถอะตั้งใจซ้อมนะครับแล้วเจอกันพรุ่งนี้’“ครับผม แล้วเจอกันครับ”
คิวยิ้มกว้างโบกมือบ๊ายบายปลายสายที่กำลังทำเช่นเดียวกันก่อนหน้าจอจะตัดไป ร่างสูงผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินกลับเข้ามาในโรงยิม เห็นว่าพวกน้อง ๆ ทยอยมากันจะครบแล้วจึงเดินไปฝากโทรศัพท์ไว้กับเพชรที่ทำหน้าเหม็นเบื่อส่งมาให้
“เป็นไรเตี้ย”
“หมั่นไส้หมีควาย”
คิวหัวเราะแล้วจิ้มหน้าผากมันจนหน้าหงาย คนตัวเล็กส่งค้อนวงโตมาให้ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ของเขาลงในเป้ให้
“เอ็มอ่ะ”
เพชรบุ้ยปากไปในสนามเห็นเพื่อนวอร์มอยู่กับพวกคริษฐ์ก็พยักหน้าเข้าใจ
“หมั่นไส้มึงจริง ๆ ให้ตาย”
คิวเอียงคอเลิกคิ้วใส่
“กูทำไรให้มึง”
“ก็มึงมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ แบบชีวิตดี๊ดี”
“เตี้ยขี้อิจฉา”
“ไอ้หมีควายไปซ้อมเลยไป๊ชิ่ว ๆ”
คนตัวเล็กโบกมือไล่แล้วหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบไว้ข้างนึง คิวโคลงหัวแล้วเดินลงไปสมทบกับคนในสนาม
“มาเฝ้าเด็กในสังกัดหรอพี่”
เพชรเงยหน้ามองเจอกับใบหน้ากวนของน้องปีสอง
“เออ ก็กูมันผู้จัดการพันล้าน พี่เพชร ศุภณัฐ คู่แข่งพี่เอศุภชัยไงจำไม่ได้เหรอ”
เพชรตบมุกคืน อาร์มหัวเราะเสียงดังก่อนจะวางเป้กองรวม ๆ กับคนอื่นบนพื้นแล้วนั่งยองตรงหน้าเพชรมองซ้ายมองขวาแล้วเอามือป้องปากกระซิบถามพี่ตัวเล็ก
“เฮียคิวมีแฟนใหม่แล้วหรอพี่”
คนถูกถามเลิกคิ้ว
“ผมเห็นในไอจีเฮียแล้วเมื่อวันนั้นผมเห็นเฮียมาที่คณะกับคนตัวขาว ๆ สูง ๆ เห็นแค่ข้าง ๆ แต่รู้สึกได้ว่าหน้าตาปังมาก เฮียคิวพามาเปิดตัวหรอพี่”
“ประมาณนั้น ทำไมมึงขี้เสือก”
“แหมก็ผมน้องรหัสพี่ไง”
ป้าบ!
“โอ่ย หูวิ้งเลย”
“สมน้ำหน้าว่ากู ไปซ้อมเลยห่าก่อนที่กูจะฟ้องคริษฐ์ว่ามึงอู้”
“โหยไรวะพี่อ่ะไปก็ได้แล้วจะมาเสือกใหม่ รู้ป่าวว่าประเด็นเฮียคิวเขาอยากรู้กันไปทั่วทั้งมหาลัยแล้ว”
น้องรหัสสุดกวนของเพชรบ่นงุ๊งงิ๊งยกมือนวดขมับแล้วเดินลงสนามไป คนตัวเล็กยิ้มมองตามไม่อยากจะบอกว่าถ้าเห็นตัวจริงมึงจะต้องร้อง โอ้โหไอ้เหี้ยทำไมหล่อ แบบนี้เลยอาร์มเพราะกูเป็นมาแล้ว คึคึ
tbc