... เรื่องนี้ชักจะตลกเข้าไปทุกที... เขียนไปๆ ชักสงสัย ตกลงอี้เผิงเป็นตำรวจ หรือเป็นลูกน้องหงคงฉ่วยกันแน่ ฮ่าๆ
----------------------------------------------------------
红孔雀นกยูงแดง 7
ลู่อี้เผิงทำงานมาห้าปี ยังไม่เคยใช้วันหยุดวันลาจนครบโควตาที่มีให้เลยสักครั้ง นายตำรวจหนุ่มคนนี้ไม่เคยพักร้อน แทบจะเรียกได้ว่ามีชั่วโมงการทำงานสูงกว่าใครๆ จนทุกคนเรียกเขาว่าจอมขยันแห่งกรมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่จะมีใครสักกี่คนรู้ว่า แท้จริงแล้ว ลู่อี้เผิงเองก็อยากจะไปพักผ่อน ทำนั่นทำนี่คลายเครียดบ้างเหมือนกัน ปัญหาก็คือ....
-------------------------------------------------------
“เผิงเผิง หน้าร้อนนี้ไปเที่ยวทะเลกันไหม?” หงคงฉ่วยที่นั่งอยู่เก้าอี้บุหนังในห้องรับรองอย่างทุกทีเอ่ยปากถามเขา พลางโบกหนังสือนำเที่ยวในมือไปมา ลู่อี้เผิงขมวดคิ้ว แล้วลุกขึ้นทันที
“ผมกลับล่ะ” นายตำรวจหนุ่มลุกพรวดขึ้น หงคงฉ่วยส่งคนไปตามตัวเขาจากที่ทำงาน คิดว่ามีเรื่องอะไรเสียอีก ใครมันจะไปเที่ยวกับไอ้คนโรคจิตแบบนี้กัน
“อะไรกัน เผิงเผิงไม่ชอบทะเลหรือนี่ งั้นไปปีนเขา?”
“ผมไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้นแหละ” ลู่อี้เผิงพูดออกมา เขายังออกไปจากห้องนี้ไม่ได้ เพราะทันทีที่เขาลุกขึ้น คนรับใช้ที่เป็นผู้ชายร่างกายสูงใหญ่สองคนก็เดินเข้ามาขวางหน้าเอาไว้ทันที ชายหนุ่มรู้ฤทธิ์เดชเจ้าสองคนนี่ดี แต่ที่น่ากลัวที่สุดยังไม่ใช่เจ้าสองคนนี่ แต่เป็นตัวหัวหน้าที่นั่งหน้าระรื่นอยู่บนเก้าอี้ต่างหาก
ลู่อี้เผิงไม่อยากตอแยปัญหายุ่งยากอีก เลยจำใจหันหน้ากลับมานั่งเหมือนเดิม เห็นหงคงฉ่วยมีสีหน้าครุ่นคิด
“อะไรกัน รู้จักกันมาตั้งหลายปีแล้วแท้ๆ ยังไม่ไว้ใจยอมไปเที่ยวกับฉันอีกหรือ”
ลู่อี้เผิงถลึงตามองเขาทันที “ใครมันจะไปไว้ใจคนอย่างคุณ”
หงคงฉ่วยทำหน้าเศร้าแล้วพูดเสียงค่อย “ฉันแค่อยากให้เผิงเผิงพักผ่อนบ้าง เผิงเผิงทำงานหนักมาหลายปี ดูซูบดูโทรมจนเหมือนคนเจ็ดแปดสิบแล้ว”
ลู่อี้เผิงอยากจะพูดออกไปจริงๆ ว่าเพราะไอ้นกยูงบ้าอย่างแกนี่แหละ ที่ทำให้ฉันโทรมได้ขนาดนี้ แต่พูดไปไม่แน่ว่าอาจจะถูกจับทำมิดีมิร้ายอีกก็ได้ เจ้าหมอนี่ยิ่งโรคจิตๆ อยู่ ดังนั้นนายตำรวจหนุ่มจึงทำใจให้สงบแล้วตอบเสียงเรียบ “ผมอยากหยุดพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ มากกว่า”
พอเห็นหงคงฉ่วยจะพูดอะไร เขาก็รีบพูดขึ้นต่อ “คนเดียวนะ คนเดียว ผมอยากอยู่คนเดียว”
หงคงฉ่วยมองเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ ทำหน้าผิดหวังจนน่าหมั่นไส้ “ปีนี้เผิงเผิงก็อยากอยู่คนเดียวอีกแล้วหรือนี่ ไม่อยากได้คนอยู่เป็นเพื่อนเลยหรือ?”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่คนตรงหน้าอีกรอบ ก็เพราะหงคงฉ่วยพูดแบบนี้ทุกปีนั่นแหละ วันหยุดของเขาเลยไม่เคยถูกใช้ ลู่อี้เผิงกลัวตัวเองจะเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม เขายอมทำงานอยู่กรมดีกว่ามาอยู่กับไอ้นกยูงบ้านี่ ขอบึ่งรถไล่ตามคนร้าย หลบปืนอาก้ายังมีความสุขเสียกว่า
พอเห็นนายตำรวจหนุ่มถลึงตาใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแบบนั้น หงคงฉ่วยก็ทำคอตกราวกับนกบนคอนไม่มีคนเล่นด้วย จากนั้นก็ล้วงเอากระดาษสองใบออกมา
“คงฉ่วยแค่อยากให้เผิงเผิงพักผ่อนบ้าง เอาเถอะ นี่ตั๋วเครื่องบิน กับรีสอร์ทที่ภูเก็ต สี่วันสามคืน
จองในชื่อเธอ อยากไปกับใครก็ไปชวนเอาแล้วกัน ฉันให้”
ลู่อี้เผิงมองตัวสองใบที่ถูกยื่นมาอยู่เป็นนานสองนาน จนได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดขึ้น “รับไปสิ ไม่เคลือบยาพิษไว้หรอกน่า”
นั่นแหละ นายตำรวจหนุ่มถึงได้ยื่นมือไปรับมา และพบว่าตั๋วเป็นชื่อเขาทั้งสองใบจริงๆ คราวนี้ลู่อี้เผิงถึงได้เงยหน้ามองหงคงฉ่วยด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึง
“คุณวางแผนอะไรไว้อีกเนี่ย”
“เปล่า คราวนี้ฉันพูดจริงๆ นะ” หงคงฉ่วยว่า “ฉันแค่อยากให้เธอพักผ่อนบ้าง สี่ปีโดนฉันกวนประสาทเสียเหนื่อยเลยล่ะสิ ไปเถอะ ไปกับเพื่อน กับแฟนก็ได้ ถ้ามีน่ะนะ” ประโยคหลังเจือเสียงหัวเราะเอาไว้หน่อยหนึ่ง ลู่อี้เผิงทำหน้านิ่ว ก่อนจะยื่นตั๋วกลับ “ผมคืนคุณแล้วกัน เกรงใจน่ะ”
“เผิงเผิง” หงคงฉ่วยเรียกเสียงเข้ม “ผู้ใหญ่ให้ของแล้วก็รับไปสิ ธรรมเนียมแค่นี้ไม่มีใครสอนหรือไง นักเรียนเกียรตินิยมนี่ชุ่ยเข้าไปทุกทีแล้ว”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่คนตรงหน้าอีก ก่อนจะออกแรงจับตั๋วสองใบจนบี้ คราวนี้หงคงฉ่วยเลยพูดขึ้นมาอีก “เผิงเผิง ของให้ไปแล้วเก็บรักษาดีๆ นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดนิ้วเธอ จะได้ไม่ทำอะไรชุ่ยๆ อีก”
ลู่อี้เผิงขบกรามกรอด ก่อนจะพยักหน้า แล้วค่อยๆ บรรจงสอดตั๋วสองใบใส่กระเป๋าเสื้อ หงคงฉ่วยถึงได้ยิ้มออกมา
“ห้ามเอาไปทิ้งล่ะ ฉันอยากให้เธอไปเที่ยว ไปพักผ่อนบ้าง ที่นั่นเป็นรีสอร์ทหรู มีบริการนวดผ่อนคลายด้วย ถ้าเธออยากรู้รายละเอียดเปิดดูในเว็บไซต์ที่เขียนเอาไว้ให้ก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าฉันหลอกอีก”
ลู่อี้เผิงตวัดสายตามองคนตรงหน้าแวบหนึ่ง แล้วพูดตอบ “ไม่ใช่ว่าคุณจองห้องติดกันไว้อีกห้องหนึ่งหรอกนะ
หงคงฉ่วยหัวเราะออกมา “ที่นี่ห้องพักแยกกันเป็นหลังๆ นะสารวัตร หลังหนึ่งอยู่ห่างกันน่าดู จะมีก็แต่เธอกับคนที่เธอชวนไปเท่านั้นแหละ ไม่เชื่อก็ไปเปิดดูรายละเอียดสิ โทรไปถามก็ได้ อ้อ แล้วอย่าทะลึ่งคิดว่าฉันจะปลอมตัวไปเป็นเด็กเสิร์ฟหรืออะไรเทือกนั้นอีกล่ะ เดี๋ยวฉันจะตัดหัวเธอออกมาล้างแล้วใส่กลับไปใหม่ จะได้ไม่คิดอะไรเลอะๆ เลือนๆ อีก“
ลู่อี้เผิงเขม่นมองคนตรงหน้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นในที่สุด “ผมไม่คิดอะไรบ้าบอแบบนั้นหรอกน่า คุณอย่าทำก็แล้วกัน แล้วนี่ผมกลับได้แล้วใช่ไหม?”
“เชิญเลย ขอให้สนุกกับการพักผ่อนนะ” หงคงฉ่วยว่าและแบมือสองข้าง ลู่อี้เผิงมองเขาอีกพักแล้วลุกขึ้น เดินออกมา พลางนึกสงสัยว่า เจ้านกยูงนั่นวางแผนอะไรอยู่กันแน่ ไม่ใช่ว่าอยากจะประชดเขาหรอกนะ ว่าแต่ทำไมคนอย่างหมอนั่นจะต้องประชดเขาด้วยล่ะ?
คิดแล้วไม่เข้าใจจริงๆ
--------------------------------------------------------------
ลู่อี้เผิงกลับมาถึงบ้าน บอกตัวเองว่าหงคงฉ่วยคงมีแผนอะไรสักอย่างนั่นแหละ ไอ้ตั๋วสองใบนั่นคงแฝงอะไรเอาไว้แน่ๆ พรุ่งนี้เขาคงต้องส่งไปกองพิสูจน์หลักฐาน แต่พอหยิบออกมา ก็เห็นชื่อรีสอร์ทและที่อยู่แล้วไซต์แล้ว นายตำรวจหนุ่มเลยอดไม่ได้ที่จะพิสูจน์คำพูดของหงคงฉ่วยด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงเปิดคอมพิวเตอร์ แล้วพิมพ์ที่อยู่เว็บไซต์นั้นลงไป
คราวนี้เจ้านกยูงนั่นท่าจะพูดเรื่องจริง...
ลู่อี้เผิงคลิกดูรายละเอียดไปเรื่อยๆ ทั้งตั๋วเครื่องบินและห้องชื่อเขา กรรมสิทธิ์เป็นของเขาทั้งหมด ถึงกระนั้นนายตำรวจหนุ่มก็ยังนึกว่าคงมีอะไรเคลือบแฝงในเรื่องนี้อยู่ดี พรุ่งนี้เขาจะให้คนที่กองพิสูจน์ช่วยหารายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติม เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ขึ้นชื่อว่านกยูงแดง ไว้ใจได้ที่ไหนกันล่ะ
เขาที่มีประสบการณ์กับหมอนั่นมาตั้งสี่ปี ควรจะรู้ดีกว่าใครสิ
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ขอเขาดูรายละเอียดเท่าที่เจอให้ครบก่อนก็แล้วกัน
ลู่อี้เผิงคลิกดูรายละเอียดเกี่ยวกับรีสอร์ทอยู่อีกสักพัก รีสอร์ทหรูระดับห้าดาว มีสระว่ายน้ำส่วนตัว มีสปา มีบริการนวดผ่อนคลาย มีชายหาดส่วนตัวให้ลงไปว่าย มีกิจกรรมทางทะเลอย่างเล่นสกูตเตอร์หรือเรือใบให้เลือกเล่นอีก เฉพาะค่าห้องคืนหนึ่งก็จ่ายเงินเดือนเขาไปได้เกือบเดือนแล้ว เป็นการไปพักผ่อนที่ดูดีเหลือเชื่อสำหรับนายตำรวจระดับเขาจริงๆ อีกกี่ปีเขาถึงจะหาเงินไปเที่ยวระดับนี้ได้เนี่ย
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ดึก ลู่อี้เผิงอยากต่อยตัวเองจริงๆ เขาเผลอหลงกลของหงคงฉ่วยไปอีกแล้วสิ พรุ่งนี้ที่กองพิสูจน์หลักฐาน อาจจะเจอเรื่องไม่ชอบมาพากลของทัวร์นี้ก็ได้ เขาควรรีบเข้านอน แล้วเตรียมวางแผนรับมือไว้ดีกว่า
แต่สระว่ายน้ำในห้องพัก กับชายหาดส่วนตัวก็น่าสนใจเหมือนกันนะ เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลที่ขา เขาไม่ได้เที่ยวทะเลมาหลายปีแล้ว... ถ้าคราวนี้....
---------------------------------------------------------------------
“สารวัตรลู่ ตั๋วเครื่องบินกับที่พักที่คุณส่งให้ผมตรวจน่ะ ผมเช็กหมดแล้วนะ” เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาลู่อี้เผิงในห้องทำงาน ก่อนจะวางตั๋วสองใบที่ใส่อยู่ในซองพลาสติกให้เขา และพูดต่อ “คุณไปได้ทัวร์หรูระดับนี้มาจากไหนเนี่ย ญาติผู้ใหญ่หรือไง? หรือว่ามีใครมาติดสินบนกันล่ะ?”
“อืม.... คนรู้จักกันน่ะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคดีหรอก” ลู่อี้เผิงตอบ อีกฝ่ายทำหน้าแปลกใจ “แต่คุณเอามาให้ผมตรวจ คิดว่าเป็นเรื่องสินบนเสียอีก”
“ผมเห็นมันดูดีเกินไป เลยกลัวถูกหลอกนะ” นายตำรวจหนุ่มตอบ เจ้าหน้าที่คนนั้นหัวเราะขึ้นมา “นี่คุณไม่ไว้ใจญาติผู้ใหญ่ของตัวเองหรือนี่ ตายล่ะ งานตำรวจทำคุณระแวงคนอื่นไปหมด เหมือนผมเลย แต่สบายใจได้นะ ตั๋วนี้ของจริง โรงแรมก็ชื่อคุณนะ เที่ยวให้สนุกนะครับสารวัตร ญาติผู้ใหญ่ของคุณคนนี้ใจดีจริงๆ เขาคงเอ็นดูคุณมากนะ”
ลู่อี้เผิงหัวเราะขืนๆ ก่อนจะพูดต่อ “คุณอยากไปรึเปล่าล่ะ?”
คนถูกถามทำหน้าตกใจ “ล้อเล่นหรือครับ ตั๋วนี่ชื่อคุณนะ ญาติผู้ใหญ่คุณคงไม่ปลื้มแน่ถ้าเอาให้คนอื่นน่ะ แต่ถ้าจะชวนผมไปด้วย เมียผมไม่ให้ผ่านแน่เลย สารวัตรลองชวนคนอื่นสิ แต่อย่างสารวัตร คงมีคนในใจอยู่แล้วล่ะ มาล้อเล่นผมแบบนี้เดี๋ยวผมเกิดอยากไปจริง คุณจะลำบากนะเนี่ย”
ลู่อี้เผิงหัวเราะแห้งๆ “โทษที ยังไงก็ขอบคุณมากนะ”
“งั้นไปก่อนนะครับ สารวัตร เที่ยวให้สนุกนะ”
ลู่อี้เผิงโบกมือให้ ก่อนจะหยิบตั๋วสองใบนั้นขึ้นมาดู คิดไปแล้วก็น่าอายจริงๆ เมื่อคืนเขาถึงกับเก็บไปฝันว่าได้ไปเที่ยวทะเล มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง แบบนี้สิวันหยุดในฝัน
นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในเมื่อตรวจขนาดนี้แล้ว อะไรคงดลใจให้นกยูงบ้านั่นเห็นใจเขาขึ้นมาบ้างล่ะ ลู่อี้เผิงเริ่มนึกถึงรายชื่อคนที่เขาจะชวนไปด้วย ทันใดนั้น ต้วนเฟิงก็โผล่เข้ามาพอดี
“ไปทำอะไรมาน่ะครับสารวัตร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
ลู่อี้เผิงยกมือขึ้นจับหน้าตัวเอง นี่เขากำลังยิ้มอยู่หรือนี่? ชายหนุ่มก้มลงมองตั๋วในมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองลูกน้อง “ผู้กองต้วน ผมเพิ่งได้ตั๋วเครื่องบิน กับที่พักฟรีที่ภูเก็ตมาจากญาติผู้ใหญ่” พอคิดว่าต้องเรียกหงคงฉ่วยว่า”ญาติผู้ใหญ่” ลู่อี้เผิงก็นึกกระดากขึ้นมา แต่ถ้าให้ออกชื่อไปสงสัยจะแย่กว่า “คุณสนใจไปด้วยกันมั้ย?”
“ภูเก็ต รีสอร์ทแบบไหนน่ะครับสารวัตร?”
ลู่อี้เผิงอธิบายรายละเอียดให้ฟังอย่างคร่าวๆ คนได้ฟังทำตาโต “โห... น่าไปสุดๆ ผมไปเช็กวันหยุดแป๊บหนึ่งนะ”
ต้วนเฟิงเดินหายไปที่โต๊ะทำงาน จากนั้นสักพัก ก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง “สารวัตร ผมใช้วันหยุดปีนี้หมดแล้ว บ้าเอ๊ย เพราะไปหลงติดแม่นกหงหยกแท้ๆ เชียว”
ลู่อี้เผิงมีสีหน้าอึ้งๆ ก่อนจะยิ้มออกมา “ตอนนั้นคุณลางานไปหลายวันเลยนี่”
“แถมจีบไม่ติดอีกต่างหาก เซ็งเลย” ต้วนเฟิงว่า “ขอโทษนะครับสารวัตร ผมนี่ซวยจริงๆ สารวัตรอุตส่าห์ชวนแท้ๆ รีสอร์ทหรูมีสปาแบบนี้ อีกกี่สิบปีผมจะหาเงินไปเที่ยวได้นี่ สารวัตรต้องชวนคนอื่นแล้วล่ะ อืม.. เสียดายจริงๆ ให้ตายสิ”
ต้วนเฟิงเดินทำหน้ากระฟัดกระเฟียดไปที่โต๊ะ ทำให้ลู่อี้เผิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ต้องมาจมอยู่กับปัญหาที่ว่าจะชวนใครไปเที่ยวเป็นเพื่อนในการพักผ่อนสุดหรูครั้งนี้ดี
------------------------------------------------------
“โหมวอี้”
“อ้าว อี้เผิง คราวนี้มีธุระอะไรอีกล่ะ ยานกเขาหลับทำพิษหรือไง?” หยูโหมวอี้ทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส ลู่อี้เผิงถึงกับสำลักน้ำลายหน่อยหนึ่ง “อ้อ เปล่า ใช้ได้ผลดีเลยล่ะ”
“นี่ไม่ใช่ว่าโทรมาเพราะโดนเด้งจากตำแหน่งสารวัตร แล้วจะหายาดีไปขอตำแหน่งคืนหรอกนะ” คนปลายสายแหย่ ลู่อี้เผิงรีบปฏิเสธทันที “เปล่าๆ คือพอดีมีคนให้ตั๋วไปภูเก็บพร้อมที่พักฟรีมาสองใบน่ะ เห็นว่านายเคยบ่นอยากไป เลยโทรมาชวน”
“โหย รักนายสุดๆ เลยว่ะอี้เผิง ชวนเพื่อนก่อนชวนแฟน ดีมาก” หยูโหมวอี้ว่า จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะที่ด้านหลัง เงียบไปสักพัก ทางนั้นก็มาพูดสายต่อ “โอ๊ย คงไปไม่ได้ล่ะอี้เผิง พ่อฉันกำลังหงุดหงิด สงสัยจะวัยทองได้ที่ บังคับว่าอาทิตย์นี้ฉันจะต้องท่องจำตำรายาสามร้อยชนิดให้ขึ้นใจ... โอ๊ย! รู้แล้วน่าพ่อ คุยกับเพื่อนอยู่” หยูโหมวอี้หันไปโวยวายแล้วหันกลับมาพูดโทรศัพท์อีก “แค่นี้ก่อนนะ พ่อฉันท่าจะอารมณ์ขึ้นแต่เที่ยง ลองถามคนอื่นดูก็แล้วกัน ชิงลี่ก็ได้ พวกนายเคยคบกันอยู่พักไม่ใช่เรอะ โอ๊ยๆๆ ฉันวางก่อนนะ”
หยูโหมวอี้วางโทรศัพท์ไปพร้อมกับเสียงโหวกเหวก ลู่อี้เผิงถอนหายใจเฮือก พลางเค้นสมองหาเพื่อนที่พอจะไปเที่ยวทริปนี้ด้วยกันได้... ใครอีกนะ... ที่เขาไม่ต้องกังวลเรื่องแผลที่ขา ที่ไม่ต้องกังวลว่าจะถามอะไรเกี่ยวกับหงคงฉ่วย ที่ไปเที่ยวด้วยกันแล้วพอจะอยู่ด้วยได้อย่างสบายใจ
จะมีใครอีกมั้ยเนี่ย?!
----------------------------------------------------------
“ไงอี้เผิง ปีนี้ก็ไม่พักร้อนอีกหรือไง?” เฉินฉินเอ่ยทัก ขณะเดินผ่านโต๊ะทำงานของลู่อี้เผิง หลังจากเข้ามาตรวจแฟ้มคดีบางแฟ้มของแผนกที่อยู่ถัดไปอีกห้องหนึ่ง ลู่อี้เผิงยิ้มแห้งๆ
“คิดว่าอยากไปพักอยู่ครับ แต่ยังหาคนไปเป็นเพื่อนไม่ได้เลย”
เฉินฉินทำตาโต ก่อนจะหัวเราะออกมา “เพราะคุณมัวแต่ทำงานงกๆ จนไม่ได้ไปดูใจใครน่ะซี่ ไม่ลองไปคนเดียวดูล่ะ เผื่อบางที อาจจะเจอเนื้อคู่รู้ใจก็ได้
“อืม.. นั่นสินะ” ลู่อี้เผิงผงกศีรษะ “ขอบคุณมากนะครับท่านรองเฉิน”
“ไม่เป็นไร” เฉินฉินว่า “รีบๆ ตัดสินใจเข้าล่ะ พ้นพรุ่งนี้ไม่ให้ลาแล้วนะ”
“ทราบแล้วล่ะครับ”
แต่จนเลิกงานแล้ว ลู่อี้เผิงก็ยังหาคนไปด้วยไม่ได้ ครั้นจะไปคนเดียวแบบที่เฉินฉินแนะนำก็กระไรอยู่ ภูเก็ตไม่ใช่เมืองที่เขาเคยไปมาก่อน แถมภาษาก็คงจะมีปัญหา คงต้องมีใครสักคนไปเป็นเพื่อนนั่นแหละ
ลู่อี้เผิงขับรถกลับมาถึงบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินมาเขียนใบลาพักร้อน เขียนจนเสร็จก็ยังนึกไม่ออกว่าจะชวนใครไปดี ที่คิดว่าน่าจะไปด้วยกันได้ก็ไปไม่ได้ทั้งนั้น ครั้นจะไม่ไป ไอ้ตั๋วนี้ก็ยั่วใจเสียเหลือเกิน เขาก็อยากไปนวดไปแช่น้ำผ่อนคลายร่างกายบ้าง หลังจากตรากตรำทำงานมาเป็นปีๆ
หรือว่าจะเอาตั๋วไปคืนดี?...
แต่พอนึกถึงสีหน้าประหนึ่งพร้อมจะฆ่าคนอยู่เสมอๆ ของหงคงฉ่วยตอนยื่นตัวให้เขาแล้ว ลู่อี้เผิงก็มีอันต้องล้มเลิกความคิด ให้ตายสิ ทำไมคนอย่างเขาถึงอับโชคขนาดนี้นะ อุตส่าห์ได้ตั๋วพร้อมที่พักมาฟรีตั้งสองใบ จะชวนใครก็ได้ ก็ยังชวนใครไปไม่ได้สักคน ชีวิตของเขาทำบาปอะไรนัก
ลู่อี้เผิงนั่งคิดนอนคิดอยู่จนดึก ก็ยังคิดไม่ตกว่าควรจะจัดการยังไงกับชีวิตตัวเองและตั๋วสองใบนี้ดี ใบลาก็เขียนไว้แล้ว เที่ยวก็อยากไปเที่ยว ติดแต่ไม่มีคนไปเป็นเพื่อนนี่แหละ
หรือว่าหงคงฉ่วยจะคาดการแบบนี้เอาไว้แต่แรกแล้ว เลยให้ตั๋วเขามากระชั้นชิดแบบนี้?!
นายตำรวจหนุ่มนึกหมายมั่นปั้นมือกับตัวเองขึ้นมาทันที ดีล่ะ ฉวยโอกาสนี้ ซ้อนแผนเลยดีกว่า
ไม่แน่ว่าคราวนี้ เขาอาจจะได้หลักฐานเด็ดมาลากเจ้านกยูงนั่นเข้าซังเตบ้างก็ได้
---------------------------------------------------------------------------