[แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ระหว่างพญานกยูงแดง หงคงฉ่วย กับนายตำรวจเถรตรง ลู่อี้เผิง ท่านๆ ชอบใครมากกว่ากันคะ^^

ต้องหงคงฉ่วยอยู่แล้ว ราชินีฉัน เริ่ด และแสบสนิทขนาดนี้!!
ต้องเผิงเผิงน้อยอยู่แล้ว เมะอะไร มันจะน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้!!

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554  (อ่าน 616325 ครั้ง)

ZuuZuu

  • บุคคลทั่วไป
ตอนหน้าจิ้งจอกจะออกมาแล้วหรอคะ
เค้ายังไม่ได้อ่านจิ้งจอกเลยอ่ะ ต้องรีบไปอ่านแล้วละซิแบบนี้

paradoxxx

  • บุคคลทั่วไป


เมื่อไหร่จะรักกันอะ   
ไม่เอาดราม่านะๆๆ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เผิงเผิงของเราไปไหนไม่รอดแล้ว
แค่รู้สึกว่าเตียงนอนของตนเองใหญ่ไป
ชีวิตก็อยู่ในกำมือของอากงแล้วล่ะ :z3:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เย่ๆๆ กลายเป็นเรื่องยาวแล้ว
รอภาคกำลังภายในนะคะ

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
ตอนนี้ได้ฝึกมวย กังฟูไปแล้ว
ตอนหน้าจะฝึกกำลังภายในหรอ  o13

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
เผิงเผิงเอ๋ย หลงสเน่ห์ก๋งก๋งเข้าให้เเล้ว
มีหึงด้วย ><

bellity

  • บุคคลทั่วไป
น่าสงสารเด็กน้อย

โดนก๋งก๋งปั่นหัวจนยุ่งเลย อิอิ

ปอลิง ยินดีด้วยที่กลับฮ่องกงโดนสวัสดิภาพ 55+

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
คู่นี้นี่แ่ข่งกันซึนจริงๆ 555+
~รอดูเผิงเผิงท่องยุทธภพ~  :mc4:

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
อิอิ เผิงเผิงน้อย ติดกับแล้ว

peachlc

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกก กรี๊ดดดดดดดดด > <
เผิงเผิง .. เผิงเผิงกอดคุณคง ! (นอนตาย)
5555555555555
น่ารักมากๆ  กลับมาฮ่องกงซะเลี้ยว ฮิฮิ
ติดตามนะคะ  : D
ขอบคุณค๊าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
เผิงเผงเอ๊ย ติดบ่วงเสน่ห์ของก๋งก๋งเข้าแล้ว แต่ยังปากแข็งอยู่เลยนะ เจ้าเด็กคนนี้นี่...

 :pig4:

ออฟไลน์ bleach_pa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
หนูเผิงเผิงหลงเสน่ห์เข้าซะแล้ว
ชอบฉากตอนนอนกอดหวานสุดๆ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ต่างเริ่มหลงรักกันและกันแล้วใช่ม๊า

ติดตามต่อจ้า

ปล. มาม่าไม่เอานะ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แค่นกยูงคนเดียว เผิงเผิง ก็สู้รบปรบมือด้วยแทบไม่ไหว ถ้ามาเจอจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เพิ่มมาอีก 1  งานนี้สงสัย เผิงเผิง ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้วละ  :laugh:  :laugh:  :laugh:

อยากรู้จังว่า สุดท้ายแล้ว เผิงเผิง จะได้สมหวังกับนกยูงหรือเปล่าเนี่ย อย่าเศร้าแล้วกันนะ

ออฟไลน์ kisssky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
น่าน !! อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน
พอกลับมาบ้านตัวเองก็รู้สึกว่าเตียงกว้างเกินไปซะแล้ว
อาเผิงของเรา 

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
คงฉ่วยคงงงไปเล็กน้อย อยู่ๆก็โดนกอด  :o8: เขินแทนเลย

ออฟไลน์ kangkaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
มาขออ่านด้วยคนค่า น่ารักอ่ะ ^^

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
红孔雀นกยูงแดง 11

   ในสมุดบัญชีดำผู้มีอิทธิพลของกรมตำรวจฮ่องกง นอกจากหน้าที่มีแค่อักษรคำว่านกยูงแดงสามตัวแล้ว ยังมีอีกหน้าหนึ่งที่น่าสนใจ
   หน้านั้นขึ้นต้นด้วยรูปผู้ชายอายุสามสิบกว่าๆ ท่าทางเหมือนพนักงานบริษัทที่หวีผมเรียบแปล้และสวมแว่นตากรอบทองเชยๆ คนหนึ่ง พร้อมด้วยชื่อด้านล่างสามพยางค์
   เว่ยจินหยิน
-------------------------------------------------------
   “ผิวแทนเลยนะครับ สารวัตร ภูเก็ตเป็นไงบ้าง?” ต้วนเฟิงทักขึ้นทันทีที่เห็นลู่อี้เผิงเดินเข้ามาในแผนก “ก็ดี” ลู่อี้เผิงตอบ แต่กลับยกมือขึ้นกดหน้าผาก เพราะเมื่อคืนมัวแต่นอนคิดอะไรบ้าๆ แท้ๆ กว่าจะหลับลงได้ก็เกือบจะรุ่งสางแล้ว พอเห็นดังนั้นต้วนเฟิงก็อดทักต่อไม่ได้
   “สารวัตรโชคร้ายจริงๆ เพิ่งกลับมาก็เจอเรื่องของคุณท่านจิ้งจอกเสียแล้ว แบบนี้ไปพักร้อนก็แทบจะไม่ช่วยอะไร”
   ลู่อี้เผิงหันมามองต้วนเฟิงทันที “ผู้กองว่าอะไรนะ คุณท่านจิ้งจอก? เว่ยจินหยิน? เขาทำไมรึ?”
   จิ้งจอกเป็นอีกฉายาหนึ่งของเว่ยจินหยิน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริหารสูงสุดของบริษัทกลุ่มธุรกิจตระกูลเว่ย และบริษัทลูกในเครือ อันกินมูลค่าธุรกิจหลักของฮ่องกงถึงหนึ่งในหก เรียกว่าเป็นตระกูลใหญ่อันดับแรกๆ เลยก็ว่าได้
   “เหมือนเขาจะทำเรื่องบางอย่างที่กลิ่นไม่ดีจนต้องส่งคนไปเชิญมาสอบปากคำนิดหน่อยน่ะครับ เห็นว่าจะมาวันนี้ เอ๊ะ นี่สารวัตรยังไม่รู้ข่าวหรือครับเนี่ย?” ต้วนเฟิงทำหน้าตกใจ ลู่อี้เผิงสั่นศีรษะ “ผมเพิ่งกลับมานะ ยังไม่ได้ข่าวอะไรหรอก”
   “แล้วกัน ผมเห็นสารวัตรทำหน้าเครียด คิดว่ารู้แล้วเสียอีก” ต้วนเฟิงว่า ลู่อี้เผิงพยักหน้าหงึกๆ “เอาเถอะ ถือว่าตอนนี้รู้นิดหน่อยแล้วก็แล้วกัน ว่าแต่ผู้ชายสุดอำมหิตคนนั้นทำเรื่องอะไรอีกล่ะ”
   ต้วนเฟิงกลืนน้ำลายเฮือกเมื่อได้ยินคำว่าผู้ชายสุดอำมหิต “ผมไม่อยากจะพูดถึงเขาเลยนะเนี่ย คนอะไร ฆ่าได้กระทั่งน้องชายแท้ๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ำ”
   “อืม..” ลู่อี้เผิงส่งเสียงในลำคอ พลางนึกถึงคดีถล่มยิงรถของลูกชายคนเล็กสองคนของเว่ยชิง อดีตผู้นำตระกูลเว่ย และคดีรถชนลูกชายอีกคนของเขา ซึ่งเพิ่งตื่นขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์เมื่อครึ่งปีก่อน แต่ก็ไม่ได้ให้การอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเลย
“คดีนั่นตั้งเก้าปีแล้วนี่ เจ้าทุกข์ก็ไม่มีแล้ว พ่อของเขาที่เพิ่งเสียไปเมื่อสองปีก่อนก็ถอนฟ้องไป สงสัยจะกลัวลูกชายอาละวาดหนักกว่าเดิมล่ะมั้ง” พูดจบก็ถอนหายใจ แล้วหันหน้ามาถามอีก “ว่าแต่ คราวนี้เขาทำเรื่องอะไรกันน่ะ?”
   ต้วนเฟิงทำท่าจะขยับปากพูด แต่พอเห็นเฉินฉินเดินเข้ามาพยักเพยิดไปทางนั้นแทน “ให้ท่านรองฯเล่าให้ฟังดีกว่า ผมเล่าเองก็ไม่ละเอียดหรอก”
   เฉินฉินขยับปากและยิ้มออกมาหน่อยๆ ก่อนจะหันไปทักลู่อี้เผิง “ผิวแทนมาเชียวนะ ได้คู่ใจกลับมาบ้างมั้ย?”
   ลู่อี้เผิงสั่นศีรษะ แล้วยิ้มแห้งๆ “จริงสิ ผมมีของมาฝากด้วยล่ะ” จากนั้นก็หยิบถุงใส่ของฝากออกมา ส่งให้เฉินฉินหนึ่งถุง แล้วก็ส่งให้ต้วนเฟิงอีกถุง
   “แน่ะ จะติดสินบนเจ้าหน้าที่หรือไง” เฉินฉินเย้า ลู่อี้เผิงหัวเราะร่วน ก่อนจะถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องของผู้ชายคนนั้น... เว่ยจินหยินน่ะ ยังไงหรือครับ?”
   สีหน้าของคนถูกถามคร่ำเคร่งขึ้นมาทันที “เขาเพิ่งมาเมื่อกี้นี่เอง ผมว่าจะชวนคุณไปสอบปากคำเขาพอดี”
----------------------------------------------------------------
    ลู่อี้เผิงทำงานเป็นตำรวจมาห้าปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสเห็นตัวเป็นๆ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าอำมหิตที่สุดบนเกาะฮ่องกง เรื่องเล่าของหงคงฉ่วยอาจจะเหมือนนิทานปรัมปรา แต่เรื่องของเว่ยจินหยินนั้นเหมือนกับหนังสยองขวัญเลวๆ เรื่องหนึ่ง
   ผู้ชายคนนี้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในวงการธุรกิจมาก่อนหน้านี้แล้วว่าชอบใช้วิธีสกปรกในการกำจัดคู่แข่ง แต่เรื่องที่ดูจะทำให้ชื่อของเขาเหม็นคาวจนไม่มีใครอยากพูดถึงคือเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นกับน้องชายคนที่ห้าของเขาเมื่อเก้าปีก่อน และการดักยิงถล่มรถยนต์โดยสารส่วนตัวของน้องชายคนเล็กอีกสองคนที่เกิดในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน คดีทั้งสองคดียังหาข้อยุติไม่ได้ แต่ทุกคน แม้กระทั่งพ่อของเขาเอง ก็ปักใจเชื่อว่านี่เป็นฝีมือของผู้ชายที่สวมแว่นตากรอบทองคนนี้ ดังนั้น ชื่อของเขาจึงมักถูกแทนหรือถูกพ่วงด้วยคำว่าอำมหิต หรือสุนัขจิ้งจอกเป็นประจำ
   เว่ยจินหยินนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องสอบปากคำ ปีนี้คงจะอายุสามสิบแปดแล้ว เขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้ม หวีผมเรียบแปล้ติดหนังศีรษะ สวมแว่นตากรอบทองสุดเชย ดูยังไงก็เหมือนหลุดออกมาจากรูปถ่ายไม่ผิดเพี้ยน จะต่างก็ตรงสีเสื้อเท่านั้นเอง ถ้าไม่รู้มาก่อนว่านี่คือผู้ชายที่ได้ชื่อว่าฆ่าน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง ลู่อี้เผิงคงเข้าใจผิดไปว่านี่คือเซลแมนขายของ ไม่ก็พนักงานบริษัทต๊อกต๋อยคนหนึ่ง
   พอลู่อี้เผิงเปิดประตูเข้าไปในห้อง นายตำรวจที่ยืนอยู่ก่อนคนหนึ่งก็แนะนำเขาให้ผู้ชายคนนั้นทันที “นี่สารวัตรลู่ครับ”
   “อ้อ” เว่ยจินหยินมองมาทางเขาแล้วยิ้มให้ นายตำรวจหนุ่มถึงกับสะท้านตัวเฮือกหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าหมอนี่จะยิ้มได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้ เขาคิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าอำมหิตจะยิ้มได้ชั่วร้ายกว่านี้เสียอีก
   “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเว่ยจินหยิน คิดว่าสารวัตรคงเคยได้ยินชื่อแล้ว”
   “ครับ” ลู่อี้เผิงพยักหน้า และนึกสงสัยว่าทำไมท่าทางของเว่ยจินหยินไม่เหมือนคนกำลังโดนสอบปากคำเลยสักนิด เจ้าตัวกำลังนั่งสบายๆ และหันหน้ามาหาเขา
   เว่ยจินหยินมองดูสารวัตรหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่อยู่พักหนึ่ง แล้วพูดออกมา “อ๊ะ หรือท่านรองฯจะยังไม่ได้เล่าเรื่องให้เขาฟังครับ?”
   เฉินฉินสั่นศีรษะ “ยังหรอก ผมไม่อยากให้คนนอกได้ยิน อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นความลับ พูดให้คนได้ยินน้อยที่สุดยิ่งดี”
   ใบหน้าของเว่ยจินหยินปรากฏรอยยิ้มสดใสที่ดูไปๆ เหมือนพยายามจะปั้นแต่งจนเป็นธรรมชาติเสียมากกว่า จากนั้นเจ้าตัวจึงพูดขึ้น
   “นั่นสินะครับ ถ้าต้องให้ใครรู้ว่ากรมตำรวจฮ่องกงร่วมมือกับคนแบบผมล่ะก็ คงจะดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่” กล่าวจบก็หันมาหาลู่อี้เผิง
   “สารวัตรลู่ ท่าทางคุณจะคาดหมายว่าจะต้องได้ฟังการสอบปากคำผมสินะ แต่ผมไม่ได้มาเพื่อสอบปากคำอย่างที่อ้างหรอก ผมมีเรื่องมาขอให้พวกคุณช่วย”
   ลู่อี้เผิงขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองผู้บังคับบัญชาของตน นอกจากเฉินฉินแล้ว ยังมีนายตำรวจระดับสูงอีกหนึ่งคน และชาวต่างชาติ ซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้าอีกคนหนึ่ง
   เฉินฉินสูดหายใจ แล้วพูดออกมาบ้าง “สารวัตรลู่ ขอโทษด้วยนะที่ผมไม่ได้คุยรายละเอียดจริงๆ กับคุณ เรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นความลับ ไม่สิ เป็นความลับเลยล่ะ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือสารวัตรหลี่ซื่อ คุณคงเคยได้ยินชื่อเขามาบ้างแล้ว ส่วนคนต่างชาติคนนั้น เจ้าหน้าที่มิลเลอร์ คอยล์ เจ้าหน้าที่ประสานงานจากสก็อตแลนยาร์ด
   “สวัสดีครับ” เจ้าหน้าที่มิลเลอร์ คอยล์เอ่ยทักทายเขาเป็นภาษาจีน ด้วยสำเนียงชัดเจนพอสมควรเลยทีเดียว นัยน์ตาสีเขียวมองมาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ผมมาเกี่ยวกับคดีของแก๊งค้าอวัยวะข้ามชาติ”
   ลู่อี้เผิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะทักทายกลับ “สวัสดีครับ”
   เจ้าหน้าที่มิลเลอร์พยักหน้า แล้วหันไปทางผู้ชายสวมแว่นที่นั่งอยู่
   “อืม อย่างนั้นแหละ...” เว่ยจินหยินส่งเสียงขึ้นมาบ้าง หลังจากเงียบไปพักใหญ่ “คุณอาจจะคิดว่าการฆ่าคนเอาอวัยวะน่าจะเกิดในแผ่นดินใหญ่เสียมากกว่า แต่เส้นทางการขนย้าย มีการใช้ท่าเรือที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว”
   “เรื่องนี้ทางเรามีการกวาดล้างกันอยู่” ลู่อี้เผิงพูดตอบไปทันที พลางเงยหน้าขึ้นมองเฉินฉิน ฝ่ายนั้นบุ้ยหน้าให้เขาฟังเว่ยจินหยินต่อ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าอำมหิตที่สุดบนเกาะฮ่องกงยิ้มอีกครั้ง
   “นั่นแหละครับ แต่พวกคุณก็ยังจับไม่ได้ ทำได้แค่ทำให้พวกเขาย้ายท่าเรือ หรือสถานที่ขนถ่ายเท่านั้นแหละ ทำไมน่ะรึ? ก็เพราะพวกเขามีผู้มีอิทธิพลใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ยังไงล่ะ”
   เว่ยจินหยินพูดจบก็หรี่ตามองลู่อี้เผิง นายตำรวจหนุ่มรู้สึกไม่ชอบสายตาของผู้ชายคนนี้เลย นี่มันสุนัขจิ้งจอกชัดๆ มิน่าเล่า ใครๆ ถึงได้เรียกเขาแบบนี้ เว่ยจินหยินมองนายตำรวจหนุ่มพักหนึ่ง ก็พูดออกมาต่อ
   “ผมรู้มาว่า ภายในสัปดาห์นี้ จะมีการขนถ่ายอวัยวะล็อตใหญ่อีกรอบ หากคุณอยากรู้ว่าผู้มีอิทธิพลหนุนหลังคนพวกนี้คือใคร คุณจับตาดูหงคงฉ่วยเอาไว้แล้วกัน”
   ลู่อี้เผิงเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายสวมแว่นตากรอบทองคนนั้นทันที ก่อนจะพูดเน้นทีละคำ “ได้ยินว่าคุณเองก็คุมท่าเรือเยอะเหมือนกันไม่ใช่หรือไงครับ”
   เว่ยจินหยินมองหน้าเขาแล้วหัวเราะร่วน “ครับ ผมมีธุรกิจท่าเรือเยอะ กล้าพูดเลยว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของท่าเรือทั้งหมดอยู่ในอาณัติผม แต่หงคงฉ่วยเองก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าผมเท่าไหร่ เพียงแค่เขาไม่ได้ออกชื่อถือหุ้นโดยตรงเท่านั้นเอง คุณก็รู้ว่าเขาไม่เคยออกชื่อหรือหน้าตามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ก็ถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของผมเหมือนกัน ถ้าจัดการเขาได้ ผมก็สบาย นี่ผมไม่ได้ยืมมือพวกคุณฆ่าเขาหรอกนะครับ ผมแค่ทำเรื่องให้มันถูกต้องตามกฎหมายแค่นั้นแหละ” หยุดไปพักหนึ่ง จึงพูดต่อ” “ถ้าคุณสงสัย จะตรวจสอบผมก็ได้ ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะมาโกหกพวกคุณอยู่แล้ว แต่ในฐานะที่สารวัตรลู่เป็นคนที่รอดมาจากหงคงฉ่วยได้ ผมว่าคุณควรจะตรวจสอบเขาเสียมากกว่า”
   พูดพลางตวัดนัยน์ตาสีดำสนิทราวกับสุนัขจิ้งจอกมองลู่อี้เผิงเหมือนจะหยั่งอะไรบางอย่าง นายตำรวจหนุ่มถลึงตามองเขา แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เฉินฉินก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ตามที่คุณเว่ยว่านั่นแหละ สารวัตรลู่ สัปดาห์นี้คุณคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของหงคงฉ่วยเอาไว้ ว่าเขาติดต่อหรือคุยโทรศัทพ์กับใครบ้าง แล้วคอยรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ ก็แล้วกัน”
   ลู่อี้เผิงอ้าปากพะงาบๆ มองผู้บังคับบัญชาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก เว่ยจินหยินยิ้มกว้าง และผุดลุกขึ้น “ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจล่ะครับ ไว้จะรอฟังข่าวดีนะ” พูดจบก็เดินออกจากห้องสอบสวนไป ลู่อี้เผิงหันกลับมามองผู้บังคับบัญชา แล้วถามออกมา “ทำไมถึงรับปากเขาไปแบบนั้นล่ะครับ”
   เฉินฉินมองหน้าเขาแล้วยิ้ม “ถึงเว่ยจินหยินจะขึ้นบัญชีดำของเรา แล้วก็เป็นพวกไม่ค่อยน่าคบเท่าไหร่ แต่เรื่องที่เขาพูดก็ไม่ใช่ว่าไม่มีมูลเลยหรอกนะ ข่าวกรองของเราเองก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าจะมีการขนถ่ายล็อตใหญ่ช่วงสัปดาห์นี้ แต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะใช้ท่าเรือไหน ดูเหมือนพวกนั้นจะยังไม่ติดต่อกับท่าเรือ คงรอใกล้ๆ ถึงเวลาเพื่อหลบพวกเราเหมือนเคยนั่นแหละ ยังไงคุณเองก็คอยจับตาดูหงคงฉ่วยเอาไว้แล้วกัน ส่วนเว่ยจินหยินน่ะ เราจะส่งคนอื่นไปจับตาเอง”
   ลู่อี้เผิงพยักหน้า ก่อนจะถามขึ้นอีก “งานนี้ผมไปกับผู้กองต้วนแล้วกัน”
   เฉินฉินเลิกคิ้วขึ้นอยากแปลกใจ “คุณพาต้วนเฟิงเข้าไปในคฤหาสน์ของเขาได้ด้วยหรือไง? ได้ยินมาว่าเขาไม่ยอมให้คนที่ไม่รู้จักเข้าไปนี่”
   ลู่อี้เผิงมองหัวหน้าอย่างอึ้งๆ แล้วมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “ท่านรองฯจะให้ผมเข้าไปเฝ้าเขาในคฤหาสน์หรือ?”
   “อืม งานนี้เราต้องจับตาดูเขาตลอด เว่ยจินหยินน่ะมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง และสามารถตรวจสอบลักษณะได้ แต่หงคงฉ่วยมีคุณคนเดียวที่เคยเห็นหน้าเขา ต่อให้ส่งคนครึ่งกรมไปเฝ้าคฤหาสน์ ก็ไม่แน่ว่าจะจับตาดูเขาได้ตลอด อีกอย่าง เขาอาจจะไหวตัวก่อนก็ได้”
   ลู่อี้เผิงพยักหน้าอย่างยอมจำนนด้วยเหตุผล “แต่ผมคงอ้างเรื่องคดีไปพบเขายี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ได้หรอกนะ”
   เฉินฉินหันมามองเขา แล้วพูดยิ้มๆ “รถผมจอดอยู่ตรงชั้นหนึ่งน่ะ สารวัตร ชนได้ตามสะดวกเลย”
-----------------------------------------------------------------
   หงคงฉ่วยหัวเราะเสียงดังจนน่าหมั่นไส้ เมื่อได้ยินว่าลู่อี้เผิงถูกพักราชการเพราะขับรถชนรถของผู้บังคับบัญชาจนพังยับ แถมรถที่ขับชนยังเป็นรถของทางราชการอีก
   “สมกับเป็นเสี่ยวเผิงเผิงจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเสี่ยวจือถึงได้กลัวการนั่งรถยนต์ไปหลายวัน หลังจากไปกับเธอคราวนั้นน่ะ”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่ฝ่ายที่พูด ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้บุหนังตัวเดิม โดยมีเจ้านกกระตั้วสีขาวตัวนั้นเกาะอยู่บนคอนที่โต๊ะ พลางส่งเสียงแกว๊กๆ เหมือนจะหัวเราะแข่งกับผู้เป็นเจ้านาย
   นายตำรวจหนุ่มปั้นหน้าหงิกก่อนจะพูดอย่างใส่อารมณ์ “ไม่ใช่ความผิดผมสักหน่อย ใครจะไปรู้ว่าเกียร์รถมันจะมีปัญหาแบบนั้นล่ะ”
   หงคงฉ่วยทำหน้าเห็นใจจนเกินจริง พลางพูดตอบ “นั่นสินะ เกียร์ผิด แต่เผิงเผิงต้องโดนพักราชการ แล้วสอบยาว ทั้งๆ ที่เจ้านายเธอควรจะไปสอบเอากับเกียร์รถแท้ๆ ” พูดจบก็หัวเราะคิกคัก ลู่อี้เผิงขบฟันกรอดๆ บอกตัวเองให้ใจเย็นๆ เข้าไว้ เจ้านกยูงบ้านี่ก็แค่ชอบพูดกวนประสาทเหมือนปกตินั่นแหละ
   “อืม....” ชายหนุ่มพยายามแสร้งทำเป็นโมโหเต็มที่ “ผมทำงานแทบตายแต่ต้องมาถูกพักราชการเพราะอุบัติเหตุแค่นี้ มันน่าน้อยใจจริงๆ แบบนี้ผมลาออกแล้วมาอยู่กับคุณดีกว่า”
   หงคงฉ่วยกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้านกกระตั้วสีขาวตัวนั้น “เสี่ยวชิก ได้ยินเหมือนที่ฉันได้ยินรึเปล่า เผิงเผิงน้อยบอกว่าจะมาอยู่ด้วยกันแน่ะ”
   “ฟ้าถล่ม ฟ้าถล่ม” เจ้านกกระตั้วตัวนั้นร้องออกมาแล้วตีปีกพึ่บๆ อย่างกับฟ้าจะถล่มลงมาจริงๆ ลู่อี้เผิงอยากจะเดินไปจับหักคอแล้วเสียบย่างกินทั้งอย่างนั้นเลย
   “คงฉ่วย เลิกสอนนกพูดจาบ้าบอแบบนี้สักทีเถอะ!!”
   หงคงฉ่วยหัวเราะชอบใจ ก่อนจะตีหน้าซื่อจนน่าถีบ “ฉันเปล่านะ เสี่ยวชิกคงมีญาณหยั่งรู้อนาคตล่ะมั้ง ไม่แน่นะ เผิงเผิงมาอยู่ด้วยจริงๆ ฟ้าอาจจะถล่มก็ได้”
   ลู่อี้เผิงขบฟันกรอดๆ แล้วกลั้นใจตอบไป “งั้นพิสูจน์กันเลยไหมล่ะ ผมจะย้ายมาอยู่กับคุณ วันนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
   “เผิงเผิง” ที่เรียกไม่ใช่คน แต่เป็นเจ้านกกระตั้วตัวนั้นต่างหาก เรียกแล้วก็บินพึ่บๆ มาเกาะที่ไหล่ของลู่อี้เผิง ก่อนจะเอาศีรษะถูไถอย่างกับจะผลัดขน แล้วเรียกซ้ำอีก “เผิงเผิง”
   “โอย... แย่แล้วๆ ท่าทางเสี่ยวชิกจะหลงเผิงเผิงแล้ว” หงคงฉ่วยว่า และมีสีหน้าปริวิตกประหนึ่งกำลังถูกพรากลูกพรากเมีย ลู่อี้เผิงขยับหน้าหนีนกตัวนั้น ใจก็อยากจะจับมาขยำขยี้ให้หายแค้นใจอยู่หรอก แต่พอหันไปเห็นว่ากำลังมองมาทางเขาตาแป๋วแล้วก็อดใจอ่อนยวบไม่ได้ จะว่าไปมันก็น่ารักดี ติดแต่ปากเสียนี่แหละ
   “อยู่ด้วยกันนะ อยู่ด้วยกันนะ” เจ้านกกระตั้วตัวนั้นพูดต่อ แล้วเอาศีรษะถูไถแก้มเขาไม่หยุด หงคงฉ่วยดูมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเสี่ยวชิกพูดแบบนี้ ฉันจะให้เผิงเผิงย้ายมาอยู่ด้วยก็ได้”
   ลู่อี้เผิงอดไม่ได้ต้องพูดสวนไปทันที “นี่คุณอย่าเอานกมาอ้างเลยน่า ก่อนหน้านี้ก็เคยชวนผมมาอยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง”
   “ฉันเคยพูดอย่างนั้นด้วยรึ จำไม่เห็นได้เลย” หงคงฉ่วยว่าพลางทำหน้าซื่อจนน่าถีบอีกครั้ง ลู่อี้เผิงขบฟันกรอดๆ “เออ ผมลืมไป คุณมันแก่จนเลอะๆ เลือนๆ แล้วนี่ พูดอะไรไปเลยจำไม่ค่อยได้”
   หงคงฉ่วยหัวเราะหึๆ จากนั้นลู่อี้เผิงก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเจ้านกกระตั้วตัวนั้นจิกปากเขาเบาๆ แล้วบินหนีไป “ปากเสีย ปากเสีย”
   ลู่อี้เผิงตะปบมือใส่นกตัวทัน แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี แปะชิกชิกบินไปเกาะที่คอนบนโต๊ะ ก่อนจะเอียงคอมอง แล้วส่งเสียงร้องแกว๊กๆ อีกรอบเหมือนจะเย้ย หงคงฉ่วยหัวเราะชอบใจ ในขณะที่ลู่อี้เผิงดูใกล้จะเป็นโรคความดันเข้าไปทุกที
   ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่พักหนึ่ง ชายหนุ่มก็พอจะพูดออกมาได้ “คงฉ่วย เรื่องที่จะมาอยู่กับคุณน่ะ ผมพูดจริงๆ นะ หัวหน้าทำกับผมแบบนี้ ผมก็ท้อเป็นเหมือนกัน”
   “โถ... เผิงเผิงน้อยน่าสงสารจริงๆ ” หงคงฉ่วยว่า “อยากจะมาอยู่กับฉันจริงๆ รึนี่.... อืม....”
   เอียงคอคิดอยู่พักหนึ่ง หงคงฉ่วยก็ยิ้มออกมา “งั้นตามมาที่ห้องฉันสิ”
----------------------------------------------------------
   ลู่อี้เผิงถูกจับปิดตาและถูกเดินขนาบด้วยคนรับใช้ร่างใหญ่ของหงคงฉ่วยอีกเช่นเคย ดีหน่อยตรงที่เจ้านกยูงนี่ไม่ใช่วิธีตุ้ยท้องเขาจนสลบ หรือวางยาอีก แต่ปิดตาแบบนี้ต่อให้นับก้าวก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี สุดท้ายเขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตู นี่คงจะถึงห้องของเจ้านกยูงบ้านั่นแล้วล่ะมั้ง
   ยังไม่ทันที่ลู่อี้เผิงจะดึงผ้าปิดตาออก อะไรบางอย่างก็ถูกสวมเข้าที่คอของเขา ก่อนจะได้ยินเสียงดังกริ๊ก นายตำรวจหนุ่มดึงผ้าปิดตาแล้วพูดขึ้นทันที “อะไรน่ะ?!”
   หงคงฉ่วยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนแทบจะตีปีกได้ ก่อนจะดึงโซ่เส้นเล็กๆ ในมือ หน้าของลู่อี้เผิงเลยแทบจะทิ่มเข้าไปหาทันที
   “เสี่ยวเผิงเผิงน่ารักจริงๆ ”
   ลู่อี้เผิงแทบจะด่าออกมาไม่เป็นภาษา เขายกมือขึ้นจับคอตัวเองและพบว่ามีปลอกคอหนังสวมอยู่ แถมดูจะเป็นแบบล็อกกุญแจด้วย นายตำรวจหนุ่มคำรามออกไปทันที “ผมไม่ใช่หมานะ!!”
   “ฉันก็เปล่าบอกว่าเธอเป็นหมาสักหน่อย” หงคงฉ่วยว่าแล้วทำหน้าซื่อ “ฉันไม่ซื้อปลอกคอแพงขนาดนี้ให้หมาใส่หรอก”
   คนถูกสวมปลอกคอไม่รู้สึกภูมิใจด้วยสักนิด “ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ว่าคุณมีรสนิยมวิตถารแบบนี้” ลู่อี้เผิงพูดกระแทกเสียง แต่หงคงฉ่วยกลับหัวเราะร่วน “แหม... คุณตำรวจ แค่ปลอกคอเนี่ย เขายังไม่เรียกว่าวิตถารหรอกนะ ฉันไม่เอาเทียนมาหยดใส่คุณ เอาแส้มาฟาดคุณ จับคุณนั่งบนม้าสามเหลี่ยม หรือมัดไว้บนแผ่นกระดานโยกก็ดีแค่ไหนแล้ว”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่คนพูดทันที “อ้อเรอะ ผมว่าที่คุณขาดไปก็แค่นั้นแหละ!” เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งถูกจับขึงพืด ถูกใส่กุญแจมือ ถูกขื้นขย่มจนรุ่งสาง เขาโดนมาครบแล้ว จะว่าไป ไอ้หมอนี่มันก็โรคจิตอยู่แล้วนี่นา!!
   “แหม... เผิงเผิงท้าฉันหรือนี่” หงคงฉ่วยว่าและกระชากโซ่เส้นนั้นเบาๆ อีก ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมสันของนายตำรวจหนุ่ม และอ้าปากขบคางของอีกฝ่ายเบาๆ “อยากลองหน่อยไหมล่ะ ที่ห้องอาหารมีเชิงเทียนใหญ่อยู่ ถ้าจุดแล้วหยดลงบนตัวเธอ มันคงจะดูเร่าร้อนมากแน่ๆ ”
   “เชิญคุณลองกับตัวเองเถอะ!” ลู่อี้เผิงว่า แล้วผลักร่างตรงหน้าออก หงคงฉ่วยเบี่ยงตัวหลบแล้วหัวเราะคิกคัก “ไปทานอาหารกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”
--------------------------------------------------
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2011 05:17:56 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ลู่อี้เผิงถูกพามาที่ห้องอาหาร โดยปิดตาเอาไว้เหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่ต้องมีคนคอยขนาบแล้ว เพราะหงคงฉ่วยถือโซ่ล่ามเขาเอาไว้แทน นึกแล้วก็น่าเจ็บใจจริงๆ ที่ต้องยอมถึงขนาดเป็นหมาให้เจ้านกยูงบ้านี่จูง แต่ก็ไม่รู้ว่าไปอาละวาดเอาเรื่องกับใคร เอาเรื่องกับเจ้านกยูงบ้านี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าเอาเรื่องได้ ชีวิตเขาคงไม่เลวร้ายขนาดนี้ ครั้นจะไปเอาเรื่องกับผู้บังคับบัญชา เรื่องน่าอายแบบนี้ใครมันจะกล้าพูดให้คนอื่นฟังกันเล่า ดังนั้นลู่อี้เผิงจึงทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนกับชะตาชีวิตของตนต่อไป
   สักวันหนึ่งเถอะ เขาคงลากเจ้านกยูงบ้านี่เข้าซังเตได้
   ไม่แน่อาจจะเป็นครั้งนี้ก็ได้!
   พอแกะผ้าเปิดตาออก สิ่งแรกที่ลู่อี้เผิงเห็นไม่ใช่จานอาหาร แต่เป็นเชิงเทียนอันใหญ่ที่ปักเทียนสีขาวเอาไว้ถึงห้าเล่มซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะต่างหาก เปลวเทียนที่เต้นระริกอยู่ทำให้เขารู้สึกวาบสันหลังขึ้นมาทันที
   “เผิงเผิงอยากได้เทียนหรือ?” หงคงฉ่วยถามเสียงเย้า ลู่อี้เผิงถลึงตามองเขา แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารโดยไม่พูดอะไรอีก หงคงฉ่วยหัวเราะหึๆ แล้วทานบ้าง
   มื้ออาหารเงียบสนิท ไม่มีคนรับใช้หรืออะไรมายืนมองให้อับอายทั้งนั้น มีแค่เสียงโซ่ดังกรุ๋งกริ๋งอยู่บ้าง ลู่อี้เผิงเพิ่งสังเกตว่าปลายโซ่อีกข้าง หงคงฉ่วยล็อกติดเอาไว้กับข้อมือตัวเอง แบบนี้อาจจะดีก็ได้... เจ้าหมอนี่จะได้ไม่หนีเขาไปไหน ไม่สิ! กุญแจอะไรก็อยู่กับหมอนี่นี่นา พอคิดแบบนี้ ลู่อี้เผิงถึงกับยกมือขึ้นกดหน้าผากทันที ทำยังไงเขาถึงจะได้กุญแจมานะ
   “เผิงเผิงเป็นอะไรไปน่ะ กับข้าวไม่อร่อยหรือไง?” หงคงฉ่วยพูดขึ้นเมื่อเห็นคนนั่งข้างทำท่าทางเหมือนอมทุกข์เสียเต็มประดา ลู่อี้เผิงถอนหายใจเฮือก แล้วหันไปตีหน้าน่าสงสาร “ก็คุณเล่นล่ามผมเอาไว้แบบนี้ ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ เกิดคุณทำกุญแจหายขึ้นมา ผมจะเอาหน้าออกไปเจอใครได้ล่ะ”
   หงคงฉ่วยมองหน้าเขา แล้วหัวเราะคิกคัก “เผิงเผิงยังอยากจะเจอใครอีกล่ะ ไม่ใช่ว่าจะมาอยู่กับฉันยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือไง?”
   นายตำรวจหนุ่มรีบปั้นหน้าปริวิตกขึ้นมาทันที “ถึงผมอยากอยู่กับคุณยี่สิบสี่ชั่วโมงจริง แต่คุณเองจะอยากอยู่กับผมยี่สิบสี่ชั่วโมงรึเปล่าเถอะ กุญแจอะไรก็อยู่กับคุณทั้งนั้น เกิดคุณหนีไปกลางดึก ทิ้งผมนอนคนเดียว ผมจะทำไงล่ะ” พูดจบก็ช้อนตาขึ้นมองหงคงฉ่วย พยายามหลอกตัวเองว่าเขากำลังนึกน้อยใจอยู่จริงๆ ทางนั้นเลิกคิ้วมอง แล้วยิ้มออกมา
   “โอ๋ๆ เสี่ยวเผิงเผิงพูดจาน่าสงสารจริงๆ กลัวคงฉ่วยจะหายไปเที่ยวกลางคืนแบบวันก่อนหรือ?” โดยไม่รอคำตอบ หงคงฉ่วยดึงโซ่ลากคอลู่อี้เผิงเข้ามาใกล้ทันที “อย่ากลัวไปเลยเผิงเผิง ถึงจะมีหรือไม่มีกุญแจ ถ้าคงฉ่วยอยากไป เผิงเผิงก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอก”
   ลู่อี้เผิงถึงกับสะอึกไปหน่อยหนึ่ง จะว่าไปแล้ว กุญแจแค่นี้ เจ้าหมอนี่คงสะเดาะเองได้สบายๆ อยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นนายตำรวจหนุ่มก็ยังไม่ยอมแพ้ ปั้นหน้าอ้อนต่อ “ล่ามผมแล้วยังจะทิ้งผมอีกหรือ ผมไม่มีใครแล้วนะนอกจากคุณ” พูดไปแล้วอยากจะอ้วกออกมาจริงๆ ลู่อี้เผิงถึงกับน้ำตาเล็ดด้วยความสยดสยองตัวเอง หงคงฉ่วยมองหน้าเขาเหมือนเห็นผี ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลซึมออกมาจากหางตาของนายตำรวจหนุ่ม
   “ไม่ไหวเลยน้า แค่นี้ก็ร้องไห้แล้ว แบบนี้โดนน้ำตาเทียนเข้าไป เผิงเผิงไม่ร้องจ๊ากหรือนี่”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่อีกฝ่ายทันที “อย่าคิดจะเล่นบ้าๆ แบบนั้นกับผมนะ”
   หงคงฉ่วยหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก่อนจะเอี้อมมือไปคว้าเชิงเทียนอันใหญ่บนโต๊ะ คราวนี้ลู่อี้เผิงดิ้นหนีทันที แต่ยังไปได้ไม่ถึงไหน ก็ถูกหงคงฉ่วยดึงโซ่กลับมา ขนาดปกติไม่มีอะไรผูก ลู่อี้เผิงยังแพ้ราบคาบมาตลอด คราวนี้ถูกล็อกคอเอาไว้ ไม่ถึงห้าวินาที ชายหนุ่มก็ถูกจับกดลงบนโต๊ะจนได้
   “คงฉ่วย ขอร้องล่ะ หยุดเล่นอะไรบ้าๆ เถอะ” ลู่อี้เผิงพยายามอ้อนวอน หงคงฉ่วยไม่พูดอะไร จัดการเลิกเสื้อของชายหนุ่มขึ้น จนเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องกำยำเป็นมัดๆ จากนั้นก็หยิบเชิงเทียนขึ้นมา
   ลู่อี้เผิงแทบหยุดหายใจ ตอนที่หงคงฉ่วยยกเชิงเทียนนั้นสูงขึ้น จากนั้นน้ำตาเทียนก็เริ่มหยดลงมาบนหน้าท้องของเขา
   หยดแล้วหยดเล่า
   ถ้าให้เทียบกับความเจ็บปวดรูปแบบอื่นๆ แล้ว น้ำตาเทียนแค่นี้ สำหรับลู่อี้เผิงก็แค่คันๆ เท่านั้นเอง แต่ไม่รู้ทำไม ท้องน้อยของเขาถึงได้ร้อนวาบขึ้นมาราวกับมีไฟสุม มองเห็นรอยยิ้มลี้ลับอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นหงคงฉ่วยก็ดับเทียน ก่อนจะยื่นมือมาลูบเป้ากางเกงของเขา
!!
   ลู่อี้เผิงทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมาทันที รอยน้ำตาเทียนที่แห้งแล้วบนหน้าท้องเลยร่วงกราวลงไปบนพื้น เขาพยายามจะคว้ามือข้างนั้นของหงคงฉ่วยเอาไว้ แต่ก็คว้าไม่ทันอีกเช่นเคย รอให้คว้าติดสักครั้งเถอะ จะจับหักนิ้วให้เข็ดเขียว
   “เผิงเผิงติดใจน้ำตาเทียนล่ะสิ ฟิตปึ๋งขึ้นมาเชียว”
   ลู่อี้เผิงหน้าแดงจนแทบจะคล้ำ กระชากเสียงตอบไป “หยุดลูบเป้าคนอื่นเล่นสักทีเถอะน่า”
   “เปล่าลูบเล่นสักหน่อย ฉันลูบเอาจริงนะ” หงคงฉ่วยพูดหน้าซื่อ ก่อนจะยื่นมืออีกข้างมาจับอีก ลู่อี้เผิงเลยตะปบมือนั้นไว้แน่น เขาคงจะตะปบมือของหงคงฉ่วยติดเป็นครั้งแรก แต่ทางนั้นก็กุมจุดยุทธศาสตร์ของเขาเอาไว้อย่างมั่นคงเหมือนกัน
   ลู่อี้เผิงรู้สึกเหงื่อออกกลางหลัง น้ำหนักมือของหงคงฉ่วยที่จับตรงนั้นของเขาไม่หนักไม่เบา แต่ก็พอจะทำให้เดาได้ว่า เกิดทำอะไรให้ทางนั้นไม่พอใจหน่อยเดียว ไม่แน่ว่ามันอาจจะกลายเป็นการออกแรงขยำขึ้นมาเลยก็ได้ ผู้ชายคนไหนก็ต้องรักกล่องดวงใจของตัวเองเป็นที่สุดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น....
   ในที่สุด นายตำรวจหนุ่มก็ยอมจะปล่อยมือออก หงคงฉ่วยยิ้มอย่างพอใจ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมเอามือของตนออกไปได้ง่ายๆ ยังคงลูบๆ คลำๆ อยู่ตรงนั้นเหมือนว่าจะหาอะไรสักอย่าง
   ถูกลูบไปได้สักพัก ลู่อี้เผิงก็กัดฟันพูดออกมา “คงฉ่วย มีถุงยางมั้ย?”
   “ถามทำไมน่ะ?”
   ลู่อี้เผิงยังไม่ตอบทันที แต่เอื้อมมือไปจับสะโพกของอีกฝ่าย แล้วออกแรงบีบ หงคงฉ่วยเลยตีมือเขาดังเพี๊ยะ “ทะลึ่ง”
   ลู่อี้เผิงสูดหายใจแรง ก่อนจะดึงหน้าของทางนั้นเข้ามาจูบ บดเคล้าปลายลิ้นกันอยู่ได้สักพัก ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นอีก “ผมอยากทำแล้ว ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
   พูดจบก็ขยับหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนมือไปลูบไล้สะโพกของอีกฝ่าย แล้วขยำขยี้อย่างมีอารมณ์เต็มที่
   หงคงฉ่วยถึงกับสูดหายใจเฮือกๆ ด้วยความตื่นเต้น “เผิงเผิงชอบน้ำตาเทียนจริงๆ ด้วย”
   ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะถอดกางเกงฝ่ายนั้นออก จากนั้นก็ถอดของตัวเองออกบ้าง อวัยวะร้อนจัดของทั้งสองเลยเสียดสีกันเบาๆ หงคงฉ่วยสะท้ายกายเฮือกๆ รีบกอดลู่อี้เผิงไว้แน่น “ถุงยางล่ะ มีพกมารึเปล่า?”
   ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วอีก “ไม่ได้พกมาหรอก” นายตำรวจหนุ่มตอบ เลยถูกตีไหล่อีกที “สะเพร่าจริงๆ ทำไมไม่หัดพกติดตัวเอาไว้
   “ก็ปกติเห็นคุณพกอยู่ตลอดเวลาเลยนี่ ผมเลยขี้เกียจพก” ลู่อี้เผิงว่า หงคงฉ่วยหน้านิ่วทันที ก่อนจะตีเขาอีก “เจ้าเด็กมักง่าย”
   พูดจบก็ผลักลู่อี้เผิงออกทันที ก่อนจะดึงกางเกงตัวเองขึ้น นายตำรวจหนุ่มมีสีหน้างุนงงอย่างเห็นได้ชัด “คงฉ่วย?!”
   “วันนี้ไม่ให้ทำหรอก วันหลังจะได้รู้จักหัดเตรียมตัวบ้าง”
   ลู่อี้เผิงอ้าปากค้าง และแทบจะใส่กางเกงไม่ทัน ตอนที่ถูกหงคงฉ่วยลากคอออกไปจากห้องอาหาร
---------------------------------------------------
   “เป็นอะไรอีกล่ะ?” หงคงฉ่วยถาม หลังจากที่จูงลู่อี้เผิงกลับมาที่ห้องนอนแล้ว นายตำรวจหนุ่มทำหน้าหงิก แล้วถลึงตาจ้องเขา “ผมอารมณ์ค้าง”
   “อ้อ...” อีกฝ่ายร้องในคอ และก้มลงมองเป้ากางเกงของชายหนุ่ม พลางยิ้มที่มุมปาก ลู่อี้เผิงเลยถลึงตาใส่เขาซ้ำ ก่อนจะเบี่ยงตัวหันไปทางอื่น
   “แหม.. อายอะไรเล่า นี่มันเรื่องธรรมชาติ ค้างได้แบบนี้แปลว่าเธอยังหนุ่มยังแน่นอยู่นะ” หงคงฉ่วยพูดอย่างอารมณ์ดี แล้วยื่นมือมาตบบ่า “ถ้าไม่สบายตัวนัก ไปเอาออกก็สิ้นเรื่อง”
   “ปล่อยสักทีสิ ผมจะได้ไปเอาออก” ลู่อี้เผิงว่า คราวนี้คนถูกขอสั่นศีรษะ “ไม่ได้หรอก เดี๋ยวปล่อยแล้ว เผิงเผิงจะหนีกลับกรมตำรวจไปอีก เอางี้สิ ไปเอาออกในห้องน้ำก็ได้ จะได้อาบน้ำทีเดียวเลย”
   “ทั้งๆ ที่คุณยังล่ามผมติดมืออยู่แบบนี้เนี่ยนะ?” ลู่อี้เผิงถามเสียงห้วน อีกฝ่ายหันมาพยักหน้า “แน่นอน”
   
   ห้องน้ำในห้องนอนส่วนตัวของหงคงฉ่วยไม่แคบไม่กว้าง ถึงมีอ่างจากุชชี่อยู่ก็ใช่ว่าจะทำให้มองไม่เห็นอีกคนที่เข้ามาด้วยกันเสียหน่อย ที่สำคัญ โซ่ที่ล่ามกันเอาไว้ยาวแค่เมตรเดียว เดินห่างนิดหน่อย คอของเขาก็ถูกอีกฝ่ายกระชากแล้ว ลู่อี้เผิงนึกอยากจะกัดคอเจ้านกยูงบ้านี่เสียจริงๆ
   แต่อาบน้ำต้องถอดเสื้อ ลู่อี้เผิงยืนรออย่างใจจดใจจ่อ ถ้าถอดเสื้อ หงคงฉ่วยจะต้องถอดโซ่ที่ล่ามมือออกก่อน เขาจะอาศัยจังหวะนั้นแหละ ดึงโซ่มาล็อกข้อมือตัวเองเสียเลย อาจจะเป็นความคิดที่ดูแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่ดีกว่าปลายอีกข้างไปล่ามอยู่กับคนอื่นล่ะ
   จริงดั่งคาด หงคงฉ่วยถอดเสื้อออก แล้วก็มาหยุดอยู่ตรงมือข้างที่มีโซ่ล่ามติดอยู่ ลู่อี้เผิงพยายามจะเพ่งไปตรงข้อมือนั้นโดยลืมแผงอกขาวๆ กับปั้นเอวแน่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กันเสีย จังหวะที่หงคงฉ่วยปลดล็อกนั่นแหละ เขาจะรีบดึงโซ่ออกมา จากนั้นก็...
   กริ๊ก!
   ลู่อี้เผิงอ้าปากพะงาบๆ ก่อนจะโพล่งออกมา “นี่คุณเล่นมายากลหรือไง?!”
   หงคงฉ่วยหันมามองเขาอย่างงงๆ ทันที ก่อนจะดึงเสื้อออก ลู่อี้เผิงกะพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เจ้าหมอนี่ ใช้เวลาถอดกุญแจมือจากมืออีกข้างหนึ่ง แล้วย้ายมาอีกข้างหนึ่ง กินเวลาไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำ
   นี่มันใช่คนรึเปล่าเนี่ย?!
   “เผิงเผิงเป็นอะไรน่ะ? ความดันขึ้นเหรอ?” หงคงฉ่วยถาม และเดินมาใกล้ ลู่อี้เผิงถึงกับต้องดึงโซ่เส้นนั้นขึ้นมา และพบว่าปลายของมันที่เป็นกุญแจคล้องได้ย้ายข้างแล้วจริงๆ
   “คงฉ่วย คุณเล่นกลอะไรเนี่ย ถอดกุญแจมือแล้วใส่ใหม่ทำไมมันเร็วแบบนี้!”
   หงคงฉ่วยมองหน้าเขา แล้วหัวเราะร่วน “โธ่เอ๋ย ทำเป็นเรื่องแปลกไปได้ รอเธอฝึกจนอายุเท่าฉัน เดี๋ยวก็ทำได้เองแหละ” พูดแล้วหยุดไปพักหนึ่ง “มาเถอะเผิงเผิง จะถอดเสื้อเอง หรือให้คงฉ่วยถอดให้ล่ะ”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาพลางปัดมือที่ยื่นมาทำท่าจะแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก ก่อนจะนึกสาปแช่งตัวเอง นี่ถ้าเขาใส่เสื้อยืดมา ยังพอจะหาข้ออ้างให้ทางนั้นช่วยถอดปลอกคอให้ได้อยู่หรอก แต่ก็ไม่แน่ เจ้านกยูงบ้านี่อาจจะเอากรรไกร หรือมีดมาตัดเสื้อเขาออกเลยก็ได้ หมอนี่เคยทำอะไรปกติอย่างมนุษย์มนาเขาเสียที่ไหนล่ะ
   ท่าทางหงคงฉ่วยจะตั้งใจอาบน้ำจริงๆ ถึงกับถอดเสื้อผ้าออกหมดทุกชิ้น กระทั่งชั้นใน ไม่อายสายตาของเขาบ้างหรือไงนะ ลู่อี้เผิงมองนกยูงสีแดงเลือดที่อยู่บนแผนหลังขาวนั้น ก่อนจะไล่ลงมาจนถึงสะโพกแน่นที่กำลังจะหย่อนตัวเองลงไปในอ่างน้ำ
   บ้าเอ๊ย แบบนี้ก็ของขึ้นหนักกว่าเดิมน่ะสิ
   “ถอดแล้วลงมาได้แล้ว” หงคงฉ่วยว่า และกระตุกโซ่ เมื่อเห็นลู่อี้เผิงยังยืนนิ่ง กำขอบกางเกงชั้นในแน่น หงคงฉ่วยเอียงคอมอง แล้วพูดต่อยิ้มๆ “นี่ กางเกงในมันปิดไม่อยู่แล้วล่ะ ถอดๆ แล้วลงมาเถอะน่า”
   ท้ายที่สุดลู่อี้เผิงก็ต้องยอมถอดกางเกงชั้นในออก แล้วเดินเอามือปิดหว่างขาตัวเองลงมาในอ่าง
   “ทำเป็นผู้หญิงเข้าหอคืนแรกไปได้” หงคงฉ่วยว่า และถูกอีกฝ่ายถลึงตาใส่ทันที
   น้ำอุ่นกำลังสบาย แต่ลู่อี้เผิงไม่นึกสบายด้วย เห็นหงคงฉ่วยท่าทางจะมีความสุขจากการจ้องเอาๆ แล้วยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ปัญหาคือไอ้ตรงนั้นมันไม่ยอมสงบลงไปสักทีน่ะสิ เหมือนว่าน้ำอุ่นๆ จะยิ่งทำให้มันตื่นเต้นชูตัวหราอย่างกับจะอวดคนที่นั่งแช่น้ำอยู่ฝั่งตรงข้าม
   “นี่ เผิงเผิง ไม่ต้องอายหรอกน่า เอาๆ มันออกมาได้แล้ว เดี๋ยวจะนอนไม่หลับเอานะ”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่อีกรอบ แก้มกลายเป็นสีแดงจัด “ใครมันจะไปทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นกันเล่า”
   “ไม่เอาน่า... โตขนาดนี้แล้ว จะอายอะไรอีกล่ะ ไม่ใช่เด็กสิบห้าสิบหกสักหน่อย” หงคงฉ่วยพยายามจะปลอบ แต่ลู่อี้เผิงยังคงนั่งนิ่ง ทั้งๆ ที่ตรงนั้นคัดเป่งขึ้นมาเต็มที หงคงฉ่วยมองแล้วก็ถอนหายใจเฮือก “ช่วยไม่ได้ งั้นฉันทำเป็นเพื่อนก็แล้วกัน”
   พูดจบก็แยกขาออกกว้าง ลู่อี้เผิงตาพร่าไปในบัดดล ถึงกับกระโจนเข้าใส่อย่างคนควบคุมสติตัวเองไม่ได้ เลยถูกยันด้วยขาดังพลั่ก ก่อนที่นายตำรวจหนุ่มจะหงายหลังไปชนกับขอบอ่างเพราะแรงถีบ หงคงฉ่วยก็จัดการดึงโซ่รั้งคอเขาเข้ามา เจอแบบนี้ลู่อี้เผิงพอจะดึงสติกลับมาได้สักหน่อย
   “เอ้า จัดการตัวเองได้แล้ว ชักช้าเดี๋ยวก็เปื่อยหรอก” หงคงฉ่วยเร่ง ลู่อี้เผิงเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเลื่อนมือลงไปจับส่วนนั้นของตัวเอง เหมือนต่างฝ่ายต่างจะจ้องซึ่งกันและกันระหว่างที่ใช้มือปรนเปรอตัวเองอยู่
   ลู่อี้เผิงมองเห็นขาอ่อนขาวๆ ส่วนนั้นที่คัดตึงอยู่ในมือของหงคงฉ่วย แผ่นอกแน่นๆ ที่นานๆ เขาจะได้มีโอกาสสัมผัส แล้วก็ใบหน้าคมเกลี้ยงที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น
   เวลาทำกับเขา หงคงฉ่วยมีสีหน้าแบบนี้ด้วยรึเปล่านะ
   เสียงน้ำดังจ๋อมแจ๋ม ปะปนไปกับเสียงหอบหายใจ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าของทั้งคู่เริ่มโน้มเข้าหากัน สุดท้ายก็จูบกันอย่างดูดดื่ม โดยที่มือยังคงขยับอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะใช้รสจูบนั้นส่งตัวเองไปแดนสวรรค์ก็ไม่ปาน
   สุดท้าย ลู่อี้เผิงก็เอาสิ่งที่คัดอยู่ออกมาเสียที ชายหนุ่มหอบหายใจเฮือกๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อหงคงฉ่วยซบลงมาบนแผงอกของเขา
   นี่ออกจะเป็นพฤติกรรมที่แปลกอยู่สักหน่อย จริงอยู่ที่ว่าหลังจากขย่มเขาจนแทบขาดใจตายอยู่เป็นค่อนคืนแล้ว หงคงฉ่วยมักจะชอบทำตัวเหมือนอ่อนล้าเต็มที แล้วเข้ามาซบอกเขา แต่นี่ต่างคนต่างช่วยตัวเอง....
   ถึงอย่างนั้น ลู่อี้เผิงก็ยกมือขึ้นกอดร่างนั้นไว้
   “คงฉ่วย คืนนี้อย่าไปไหนเลยนะ อยู่กับผมเถอะ”
   หงคงฉ่วยหลับตาลง แล้วส่งเสียงอืมในลำคอ
------------------------------------------------------------------
** กรี๊ดด ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเขียนเรื่องที่หื่นติดๆ กันเกือบทุกตอนออกมาได้แบบนี้ :o12: ปกติเค้าไม่ใช่คนแบบนี้นะเนี่ย :sad4: (โดนคนอ่านรุมถีบโทษฐานตอแหล :z6:)

เขียนไปๆ ชักสงสัยขึ้นมาแล้วว่า เรื่องนี้ใครกันแน่ที่หื่น!! หลังๆ นี้เหมือนเผิงเผิงน้อยจะหื่นแข่งกับคงฉ่วยแล้ว ฮ่าๆๆ

ตอนก่อนทิ้งเอาไว้ว่าจะเข้าภาคกำลังภายใน ตอนแรกคิดว่าจะเป็นภาคซีเรียส เพราะคุณชายจิ้งจอกโผล่ออกมา โผล่มาเรื่องไหน พี่แกจะทิ้งความตลกแบบขมปากเอาไว้ทุกที (ตลกบ้านแกสิ :beat:) พอเริ่มเขียนก็เริ่มลำเอียง กลัวเขียนคุณชายโผล่แรงไป จะเป็นที่รังเกียจของนักอ่านเพิ่มมากขึ้น (ปกติคุณชายก็เป็นที่รักอันน้อยนิดของทุกคนอยู่แล้ว แต่เป็นหนึ่งในใจเรานะเออ<<โดนคนอ่านพุ่งสกายคิก :z6:)

สุดท้าย... เว่ยจินหยินโผล่ออกมาด้วยมาดน่ารักเีกียจเหมือนเดิม (loveๆ คุณชายนะคะ ยิ่งคุณชายทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้ อิฉันยิ่งร๊ากคุณชาย~ :-[<<โดนฆ่าหมก) เหมือนคุณชาย(ตอนนี้เป็นคุณท่านแล้วสินะ) จะออกมาเป็นตัวร้าย แต่ไหงเหมือนคงฉ่วยได้ผลประโยชน์ไปเต็มๆ ล่ะนั่น

ตอนหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างนกยูง กับจิ้งจอกคงได้เปิดเผย ใบ้ว่าระดับไม่ธรรมดา อิอิ (ใครจะอยากรู้กับหล่อนล่ะยะ!!)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ

(สุดท้าย... มันกำลังภายในหรืออะไรกันล่ะเนี่ยยย :z10:)

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
รู้สึกว่าจะหยุดความหื่นไม่ค่อยจะได้นะ  :m20:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






bellity

  • บุคคลทั่วไป
เอ๋ น้องน้อยตายเหรอเนี่ย ยังไม่ได้ไปอ่านเรื่องนั้นเลย -..-

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
จะแข่งกันหื่นซะแล้วคู่นี้
เผิงเผิงน้อยอ้อนได้น่ารักมากอ่ะ
อ่านๆไปขนลุกพรึบ ฮาแทนเจ้หงเลย  :laugh:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
รู้สึกว่า เผิงเผิง จะหื่นกว่า นกยูง อีกนะ

 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ wanderer

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
อยากรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนกยูงแดงกับจิ้งจอกใจจะขาด เดาไม่ออกอะ
เป็นศิษย์อาจารย์ หรือว่า ญาติ หรือว่า ศัตรู ??????

สุดท้ายอยากบอกว่า เผิงเผิง น่ารักมาก

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ใจตุ่มๆต่อมๆ ก่อนที่จะเปิดมาอ่านตอนล่าสุด
เพราะมีคำโปรยบอกว่าจะบู้และนึกเอาเองว่าต้องมีมาม่าแน่ๆ
แต่ที่ไหนได้  5555
ตอนนี้สารวัตรเรา  :z1: ทำตัวหื่นมาก
แน่ใจน่ะว่าเป็นการเล่นละคร
เราว่า มาเฟียนกยูงต้องฉลาด และรู้ทันเผิงๆ แน่นอน
ตอนนี้เสี่ยวชิกน่ารัก ขโมยซีนมาก

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
เผิงเผิงอัพเลเวลความหื่นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ  :z1:

akike

  • บุคคลทั่วไป
หรือว่า  นกยูง กับจิ้งจอกเคยอะจึ๋ย ๆ กานอ่า  ม่ายน๊า  เลสกะเบี้ยนเลยจิ

เผิง ๆ จะโงหัวไม่ขึ้นละ

อาแปะเด่นนะเนี่ยตอนนี้ง่ะ  555+ อาแปะหลงเผิง ๆ แว้ว เหมือนรูปสึกว่าแปะจาเบี่ยงเบนตามเจ้านายนะ  รู้สึกว่าแปะไม่ค่อยสนใจคู่หมั้นแปะเรยง่ะ

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
คงฉ่วยได้ประโยชน์เต็มๆจริงๆ

ป.ล. เสี่ยวชิกน่ารัก  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด