เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว  (อ่าน 187536 ครั้ง)

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
เดาไว้ไม่มีผิดว่าภูน้อยต้องโดนทำอะไรสักอย่าง :monkeycry4:

ขอให้ภูน้อยปลอดภัยด้วยเท้ออออ :call:

...

เอ่อ...แบบว่าไม่ได้เรียนสายวิทย์มาอ่ะ
แถมความรู้วิทย์อันน้อยนิดก็คืนอาจารย์ไปหมดแย้ว

ปล. อ่านเนื้อเรื่องว่าเครียดแล้วนะ มาเจอทฤษฎีว่าตาสีนั้นสีนี้มาได้ไงนี่ เล่นเอางงตึ๊บ :really2:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ตาภูโดนลักพาตัว :o

เมื่อไหร่พี่แซมจะมาล่ะเนี่ย อุปสรรคเยอะจิงวุ้ย :serius2:

ปล.เรื่องวิทยาศาสตร์นี่ไม่รู้เรื่องแฮะ เคยเรียนตอนมัธยม แต่พอขึ้นมหา'ลัยก็มาเรียนสายศิลป์ อ่านไปก็งงไปเดจาวูไป :really2:

ขออ่านเอามันส์อย่างเดียวก็แล้วกันนะครับ เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ :yeb:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

โทษทีคะทุกคน  เลยกลายเป็นว่าเจ้แส่ไปอีกแล้ว

ยังไงก็ต้องขอโทษอีกครั้ง 

สัญญาคะว่าจะไม่ทำตัวอย่างงี้อีกแล้ว :monkeysad:


ปล.  แล้วเมื่อไหร่จะมีคนไปช่วยหลานชายอิชั้นเคอะเนี้ย  ตาภูของป้า

ปลล. ยัยจ๋อมยะ  นายศักดิ์นั้นนะ  สามีเก่าอิชั้นเอง...อิชั้นชอบมีปั๋วเป็นพี่ทะหาน :laugh5:

ปลลล. ถูกของมูมู่แล้วคะ......กฏของเมนเดล.....


Andreas

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับทุกคน.....

ก่อนเข้าสู่นิยายบทต่อไป.....ผมขออนุญาตถ่ายทอดความในใจอะไรซักอย่างนะครับ..... เรียกว่าเป็นการประกาศเจตนารมณ์ก็ว่าได้ครับ....

สืบเนื่องจากกระทู้ปางบรรพ์ของเจ้สอง....ที่ผมกับเจ้....นำข้อมูลประวัติศาสตร์มาถกเถียงกัน..... จนกระทั่งนำไปสู่การลบข้อมูลที่ผมค้นคว้ามาออกไปด้วยตัวของผมเอง

เหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจลบข้อมูลดังกล่าว เพราะอ่านความคิดเห็นรวมๆ ของนักอ่านแล้ว พบว่า นักอ่านส่วนใหญ่ต้องการเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น มิได้ต้องการรับทราบข้อมูลเบื้องลึก หรือ ข้อเท็จจริงประกอบการเขียนนิยาย ที่ผม พูห์ และเจ้สอง พยายามนำมาถกกัน.....

ตอนนั้นผมคิดว่า.....ผมควรที่จะลบข้อความเหล่านั้นออกเสีย.....เพื่อจะได้ไม่ไปกวนอรรถรสของนิยายของเจ้สองครับ...... การกระทำครั้งนั้น ผมต้องพยายามสู้กับความเชื่อมั่นของตนเองมากพอสมควร....

ที่ผมบอกว่า....ผมต้องสู้กับความเชื่อมั่นของตนเอง.....เพราะผมเชื่อว่าผมทำถูกต้องแล้วที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาเผยแพร่ให้นักอ่านได้อ่านกันครับ..... แต่ที่ลบเพราะเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทเพราะไม่ใช่กระทู้ตัวเอง....

แต่พอเหตุการณ์ย้อนรอยเท้ากลับมาอีกครั้ง ในกระทู้ของผมเอง..... เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าใจผิด ผมจึงต้องขอประกาศเจตนารมณ์เลยว่า.... ผมต้องการให้มันเกิดขึ้นครับ.... ผมต้องการให้กระทู้นิยายของผมสามารถพูดคุยเรื่องราวที่มีสาระต่างๆ ประกอบนิยายได้ครับ....

ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่า..... การให้ความรู้ คือ สิ่งที่ปัญญาชนควรจะต้องกระทำ....และเป็นสิ่งที่กระทำได้โดยปราศจากข้อติฉินนินทาครับ....

หลายคนอาจคิดว่า...นิยาย..ก็คือ...นิยาย....คือเรื่องราวไร้สาระ...คือเรื่องราวที่อ่านเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว..... ความคิดเช่นนั้นไม่ผิดครับ..... แต่บังเอิญผมไม่คิดเช่นนั้น....... เพราะผมสามารถหาสาระจากเรื่องราวที่คนคิดว่าไร้สาระได้เสมอ......

ในความคิดของผม.....ในฐานะคนเขียนนิยาย..... ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง...ความไร้สาระ....หรือ ความบันเทิงเริงรมณ์....ให้กลายเป็น..... “สาระบันเทิงครับ” ..... เหมือนอย่างที่ผม ค้นคว้าข้อมูลประกอบการเขียนนิยายตั้งมากมาย รวมถึงตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้เหล่านั้นให้คนอ่านได้รับทราบครับ....

ผมเกลียดคำประโยคที่ว่า..... “แหม....ก็แค่นิยายในเน็ต...เอาอะไรกับมันมาก....” ......... อยากจะบอกว่า....คุณค่าของสิ่งใดๆ มันไม่ได้ยึดติดกับที่สิ่งของสิ่งนั้นๆไปปรากฏอยู่ นะครับ...... เขียนนิยายในเนต จะให้มีสาระ ไม่ได้เลยหรือ......

ทำไมเราต้องไปตามกระแสสังคมที่เริ่มเสื่อมทรามลงทุกวันด้วยล่ะครับ....ทำไมไม่ลุกขึ้นมาปฏิวัติ....และภูมิใจกับสิ่งเล็กๆ ที่ตนเองทำแล้วเกิดประโยชน์ล่ะครับ..... ทำไมเราจะเอาสาระจากนิยายไม่ได้....หรือ ทำไมเราจะใส่สาระไปในนิยายไม่ได้ครับ...... สุดท้าย.....ทำไมเราถึงไม่สร้างความต่างล่ะครับ.....

เราเลือกได้นี่ครับ...ในฐานะที่เรามีปัญญา....และมีความตั้งใจอันดีที่จะทำ......

เราทุกคน....ที่ภูมิใจนักภูมิใจหนาว่า.... “เป็นคนรุ่นใหม่”..... เป็นผู้เจริญแล้วด้วยปัญญา เพราะร่ำเรียนสูงกว่ารุ่นที่แล้วๆมา.... ทำไมถึงไม่มี “ทัศนคติ” ให้เหมาะสมกับความหมายของบริบทนี้ล่ะครับ......

ทัศนคตินั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยให้คนมีพัฒนาการทางด้านความรู้ และจิตใจที่แตกต่างกัน.....

เราไม่จำเป็นต้องปรับทัศนคติไปตามกระแสส่วนใหญ่ของสังคมนี่ครับ....ตราบใดที่เราทราบว่า สิ่งที่เราคิด คือ สิ่งที่ถูกต้อง และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน.....

ผมเชื่อมั่นมาตลอดเวลาว่า.... การเผยแพร่ความรู้เป็นสิ่งที่ดี....เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งครับ.....การทำบุญด้วยสติปัญญานั้น....มีคุณค่ามากเหลือครับ...... เพราะเป็นการสร้างคุณค่าของคนครับ....

ในกระบวนการเผยแพร่ความรู้นั้น....จะประกอบไปด้วยบุคคลสองกลุ่ม...คือกลุ่มผู้ให้....และกลุ่มผู้รับ.....

กลุ่มผู้ให้พยายามเผยแพร่ความรู้นั้นๆ แก่ผู้รับ โดยไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าจะสำเร็จได้ร้อยเปอร์เซนต์....ขอแค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ.....

ในขณะที่กลุ่มผู้รับ....ก็มีสิทธิ์เลือกที่จะรับ...เลือกที่จะทำความเข้าใจ...... บางคนไม่รับความรู้เลยก็ย่อมได้....

แต่คนที่เลือกจะไม่รับรู้อะไรเลย......คงลืม....สุภาษิตแบบไทยๆ ที่มักไม่ค่อยได้ยินแล้ว....ที่ว่า.... . “รู้ไว้ใช่ว่า....ใส่บ่าแบกหาม” ไปกระมังครับ

ความรู้ไม่สร้างความลำบากแก่คนเราเลย....มีแต่จะสร้างประโยชน์ทั้งนั้น......

ความรู้บางอย่าง...อาจจะยากไป....ที่จะเข้าใจในหมู่กว้าง..... แต่ผมว่ามันไม่พ้นความพยายามที่จะเข้าใจหรอกครับ......ทัศนคติเรื่องการขวนขวายหาความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก....สำคัญต่ออนาคตของคนเลยแหละครับ.....

หลายคนอาจจะยังร่ำเรียนอยู่....และคิดว่า...ความรู้นอกตำรานั้น....ไม่ใช่สิ่งสำคัญ......

ขอบอกว่าอย่าเชื่อแบบนั้นครับ...... ความรู้รอบตัวเป็นสิ่งสำคัญมาก...... ทำไมเราต้องไปจำกัดว่า...รู้เฉพาะในบทเรียนก็พอ....หรือ ผมเรียนสายศิลป์ ผมไม่จำเป็นต้องทราบเรื่องฟิสิกส์.....หรือ ผมเรียนสายวิทย์ ผมไม่จำเป็นต้องไปทราบประวัติศาสตร์เปรียบเทียบ.....

ทำไมไม่คิดว่า.....รู้ไว้ก็ดี..... แม้มันจะไม่ลึกซึ้งนัก เพราะไม่ได้เรียนมาโดยตรง....แต่มันก็เพิ่มคุณค่าสติปัญญาของความเป็นมนุษย์ปุถุชนเข้าไป.....

ขออนุญาตยกตัวอย่าง...... เพื่อนผมคนหนึ่ง..... เค้าเรียนเก่งมากครับ....จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง..... วันหนึ่งเขาไปสำภาษณ์ทุนไปเมืองนอก....กรรมการถามความรู้ทั่วไปที่ไม่เกี่ยวกับวิชาเรียน เขาตอบไม่ได้....เพราะไม่มีทัศนคติที่จะค้นคว้า หรือ ไขว่คว้าหาความรู้เพิ่มเติม.....สรุปก็คือ....เขาพลาดทุนไปอย่างน่าเสียดายครับ....

หรือยกตัวอย่างผมเอง..... ผมเรียนวิทยาศาสตร์มาตลอดชีวิต.... แต่ผมก็มักจะหาเวลาว่าง ไปศึกษาหาความรู้ทางฝั่งสายศิลป์โดยตลอดครับ....ทั้งประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ......

แม้ว่าความรู้ที่ผมเรียนมานอกเหนือจากตำราเรียนมันอาจจะไม่กระจ่างนัก....แต่ผมก็มั่นใจได้ว่าผมใช้ได้ไม่อายใครครับ.... เหมือนกรณีผมเขียนรีพลายตอบเป็นภาษาอังกฤษยาวๆ ...... ผมไม่ได้ใช้คำสวยหรู....หรือ คำชั้นสูงแต่อย่างใดเลย....เพราะผมไม่ทราบคำเหล่านั้นครับ....ผมเลือกใช้คำศัพท์ที่ง่ายๆ และโครงสร้างประโยคที่ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่....โดยต้องการจะให้อ่านกันโดยง่าย....และใครก็ตามที่อยากพัฒนาความรู้ทางภาษาอังกฤษ ได้ใช้เป็นแนวทางในการศึกษา และพัฒนาต่อไป.....

พอพูดประเด็นนี้....ก็ต้องพูดปัญหาโลกแตก....”นักศึกษาเรียนภาษาอังกฤษมาสิบกว่าปีกว่าปี....ทำไมเขียนและพูดได้ไม่คล่องล่ะครับ....”...... กรุณาอย่ามาโทษเรื่องโอกาสครับ..... โอกาสมันมีอยู่ทุกที่นั่นแหละ....แต่มันไม่ได้ลอยมาหาเรานี่ครับ....เราต้องหามันเองต่างหาก.....  คำตอบจริงๆคือ เพราะ เราไม่ปรับทัศนคติที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษต่างหากครับ.....

กรุณาอย่าคิดว่า....เอ้า....คุณแอนเดรียส์พูดได้นี่....เพราะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ.....ก็ต้องเก่งภาษาตามปริยาย.....

ผมขอบอกไว้เลยครับว่า..... ผมทำงานเป็นล่าม เป็นนักแปล ตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรีเคมีด้วยซ้ำไป..... ผมไม่เห็นต้องมาเมืองนอกเลยครับ....

เอ้า....นอกเรื่องอีกแล้ว....คือเขียนแล้วมันติดพันน่ะครับ....

ผมอัดอั้นตันใจมาตลอดว่า.....หลายครั้งที่ “เจตนาดี” ถูกกดดันโดยกระแสความเสื่อมของสังคม...... 

ทำไมเราไม่ยืนขึ้น....และฝ่าความกดดันนั้นล่ะครับ....เพราะสุดท้าย...คนที่ได้ประโยชน์คือเรานั่นเอง.....

ผมอาจจะไม่ใช่คนก่อตั้งเวปนี้....และไม่ทราบว่าเวปนี้.....เน้นแต่เรื่องบันเทิงเริงใจอย่างเดียวหรืออย่างไร.....

ผมทราบอย่างเดียวว่า.....ผมมีความตั้งใจที่จะสร้างมุมมอง....และทัศนคติใหม่ๆ ให้แก่คนอ่านนิยายของผมทุกคนครับ..... และผมมั่นใจว่า มุมมอง และทัศนคติ เรื่องของคำว่า “สาระบันเทิง” นั้น...ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครแน่นอน....แต่ขอให้เราทุกคน...เข้าใจตรงกันก็เพียงพอ......

การที่ผมยกข้อมูลเรื่องพันธุศาสตร์ของสีตามาเล่าให้ทุกคนฟังนั้น....เพราะผมต้องการที่จะแทรก “สาระ” ลงไปครับ....

ผมไม่ได้หวังว่าคนอ่านทุกคนจะต้องเข้าใจตามผมร้อยเปอร์เซนต์.....แต่ก็อยากให้เริ่มปรับทัศนคติการรับรู้ของตนเองก็พอครับว่า......นิยายในกระทู้นี้.....ไม่เน้นแต่ความบันเทิงอย่างเดียว......


บางคนอาจจะเข้าใจเพียงเล็กน้อย....บางคนอาจจะเข้าใจดีอย่างเจ้สอง กับ น้อง GobGab

ไม่แปลกที่คนเรียนสายศิลป์จะบอกว่า....ไม่เข้าใจ....

ไม่เป็นไรครับ....แค่อ่านผ่านๆ ตา และทราบว่า การเกิดสีของไอริสดวงตา มันควบคุมด้วยยีนหลายเส้นก็พอ....รวมถึงทราบว่า....คนเอเชีย ตาสีเขียวกับตาสีฟ้าก็มีนะ.....พวกนี้ทราบเอาไว้ก็ไม่เสียหายนี่ครับ.....

สำหรับเจ้สอง....แกอาจจะเข้าใจมากกว่าคนปกติ....แกก็เขียนเพิ่มเติมมาบน บรรทัดฐานที่แกรับทราบ..... ซึ่งก็เกิดข้อดีตรงที่ว่า....น้อง GobGab ได้พยายามเสนอข้อมูลมาเพิ่มเติม...... และหักล้าง

เรื่องผิดเรื่องถูก.....ไม่ใช่ประเด็นหลัก......ประเด็นหลักคือ....เกิดการอภิปรายกันต่างหากครับ....หลังจากอภิปรายแล้ว....ข้อสรุปมันก็ตามมาเอง......

แต่ถ้าไม่มีการอภิปราย....ความรู้มันก็ไม่แต่แขนง....ข้อสรุปมันก็แกนๆ.....ผิด หรือ ถูก ก็เท่านั้น..... แล้วเราได้อะไรจากคำว่า “ผิด” หรือ “ถูก” บ้างล่ะครับ.....

ผมอยากให้เจ้สอง....ไม่ต้องกังวลว่า...การกระทำของตัวเองเป็นสิ่งที่ผิด....หรือเป็นการเสนอหน้า..... คนคุณภาพ ที่พร้อมด้วยสติปัญญาอย่างเจ้สอง....ทำไมใช้ให้มันคุ้ม....และช่วยเผยแผ่มาให้คนอื่นด้วยล่ะครับ.....

และอยากให้คนอ่านนิยายของผม...เข้าใจว่า....เราแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กันได้ตลอดเวลา....นิยายของผมไม่ใช่เพียงแค่บันเทิง....แต่ผมพยายามสร้างให้มันเป็น “สาระบันเทิง” ..... แต่ว่ามันจะมีสาระได้ขนาดไหน...ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนนั่นแหละครับ....ที่จะช่วยประคับประคอง...ทัศนคติ.....ความเข้าใจ.....และบันเทิง..... ให้เดินไปพร้อมด้วยกัน

บางคนอาจจะไม่ได้เป็นผู้ให้ความรู้...... แต่ขออย่าเป็น “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” ก็พอครับ...... (ปล....ไม่ได้ว่าใครนะครับ....นักอ่านที่รักของผมประพฤติตัวดีทุกคนครับ....”

เรื่องสีตาที่ผ่านมา....อาจจะไม่ถนัดสำหรับหลายๆคน....แต่ถ้ามีหัวข้อดีๆไม่ยาก...ก็ขอให้ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ.....

เขียนมายาวแล้วครับ....ขอบคุณทุกคนมากนะครับ...ที่เสียสละเวลาอ่าน.....

ผมหวังว่า....เราจะมีความคิดคล้ายๆ กันว่า.... “ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะลุกขึ้นมาปฏิวัติความเชื่อเดิมๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาตนเองให้หมดไป....เราควรต้องนำเสนอ รวมถึง สร้างแนวคิดใหม่ๆ ออกมา และปฏิบัติตามเพื่อให้เราเป็นบุคคลที่มีคุณภาพนะครับ”

สุดท้ายแล้ว.....ไม่อยากจะบอกเลยว่า.....เราอาจจะโชคร้ายที่เกิดมาเป็นเกย์.....แต่เราไม่โชคร้ายที่จะเป็นคนมีคุณภาพนะครับ.....

รักแท้ของเกย์อาจจะหายาก...... แต่มันคนละเรื่องกับ..... “คุณภาพของความเป็นคน” ซึ่งเราไม่ต้องหาครับ.....เพราะเราสร้างมันได้

สวัสดีครับ

Andreas


Friday, March 16th, 2007; Andreas has come to underline the particular statement as well as to make some sentences obviously seen.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2007 22:16:36 โดย Andreas »

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
:โหลๆ: Yoooooo Hooooooooooooo

หายเครียดกันยังคร๊าบ......  :5555:

หลายคนคงจะเดาไว้แล้วใช่มั้ยครับว่า ตาภู ต้องโดนผลกระทบแน่นอน..... แหม...ก็ผมเล่นปูทางไว้ที่ตาภูตลอดเลยยยยยยยยย   :yeb:

เด็กอารายม่ายยู้....น่ารักซะไม่มี......ยิ้มก็หวาน....นิสัยก็ดี....... พ่อทั้งหลายก็หล่อซะทุกคน.... คุณอาหนุ่มก็ใช่ย่อย.....

วันนี้ขอชมตัวละครตัวเองหน่อยเถอะครับ...... :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011:

เห็นคุณ No-Empty ถามไว้ว่า.... FYI คือ อะไร.... มันคือ.....ตัวย่อของ For Your Information ครับ....

คล้ายกับ lol ซึ่งย่อมาจาก Laugh out loud น่ะครับ

ส่วน asap ก็คือ as soon as possible ครับ...

หรือ ftw.... อันนี้มันหยาบคายน่ะครับ..... เพราะมันย่อมาจาก F-ck the world :laugh3:

วันนี้กะจะเล่นตัวซักหน่อย.....ว่าจะไม่โพสต์นิยายต่อ..... แต่เอาเข้าจริง...... โพสต์ต่อดีกว่า.....

จะได้ตามมาลุ้นกันครับ.....ว่าจะเป็นรักระหว่างรบที่เข้าใจกันหรือป่าวครับ...

Andreas

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 7 ความจริงที่ซ่อนเร้น

ศิวะยืนนิ่งเหมือนถูกสาปทันทีที่ศักดิ์รายงานว่าภูฟ้า..ลูกชายสุดที่รักของเขาถูกลักพาตัว แม้ว่าจะสังหรณ์ใจและเตรียมใจไว้สำหรับเรื่องร้ายแรงต่างๆ แต่เมื่อเรื่องราวมันเกิดขึ้นกับลูกชายที่เปรียบเสมือนดวงใจของเขา....หัวใจของศิวะแทบจะหยุดเต้นในทันใด

ความกังวลต่อความปลอดภัยของภูฟ้า...และความกลัวถาโถมเข้าหาดวงใจของศิวะอย่างรุนแรง.....แต่ก็เพียงแค่ชั่ววินาที.....เขาสงบสติอารมณ์แล้วกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

“ศักดิ์อยู่ที่ไหน.....แล้วคนอื่นๆล่ะ” ศิวะพยายามบังคับเสียงให้ไร้อาการสั่นพร่า...แม้ว่าหัวใจจะรู้สึกเจ็บปวดและอารมณ์บีบคั้นที่เกิดขึ้นจะนำพาให้ร่างสูงใหญ่ของบุคคลที่แข็งแกร่งสมชายชาตรีเช่นเขาสั่นไหวอย่างเล็กน้อยจนยากที่จะควบคุม

“ผมอยู่กับคุณอเล็กซ์ครับ.....คุณภาวดีถูกจับไปพร้อมกับคุณหนูครับ.....ตอนนี้ผมกับคุณอเล็กซ์กำลังพยายามสะกดรอยตามรถที่น่าสงสัยอยู่ครับ.....ผมยังไม่ได้โทรศัพท์รายงานตำรวจนะครับคุณเสือ....ผมเกรงว่าคุณภูจะไม่ปลอดภัย ถ้าตำรวจพยายามสกัดรถต้องสงสัยครับ....ผมเลยโทรมารายงานคุณเสือก่อนครับ....คุณเสือจะเอาอย่างไรครับ” ศักดิ์ตอบคำถามและรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ศิวะฟังอย่างคร่าวๆ

“ศักดิ์....ขอผมคุยกับอเล็กซ์หน่อย” ศิวะกรอกเสียงลงไป หลังจากฟังรายงานจากศักดิ์เรียบร้อยแล้ว

“อเล็กซ์.....ผลการสะกดรอยเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงเข้มของศิวะทำให้ผู้ฟังอยู่รีบรายงานอย่างเป็นการเป็นงานทันที

“ลำบากมาก.....คาดว่าผู้ต้องสงสัยใช้รถหลายคันเพื่อนำสกายและภาวดีไปสู่ที่หมายอย่างรวดเร็ว.....ตอนนี้น่าจะไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากไม่พร้อมด้วยทั้งกำลังคนและอาวุธ....ผมขอเสนอให้กลับไปคุยกันที่บ้าน...”
 
“โอเค...ผมเชื่อคุณ........อเล็กซ์.......ถ้าอย่างนั้นรบกวนบอกศักดิ์ให้กลับบ้านทันที...และช่วยรายงานจอมให้ทราบ....ผมจะไปถึงบ้านภายในครึ่งชั่วโมง” ศิวะสั่งการเป็นสิ่งสุดท้าย ก่อนจะวางหูโทรศัพท์และขอตัวออกจากห้องปฏิบัติการอย่างรีบด่วนโดยฝากงานที่เหลือไว้ให้นักศึกษาช่วยสอนช่วยดูแลต่อ

ศิวะขับรถกลับมาบ้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นก็พบว่าจอมยุทธ์ ศักดิ์ และ
อเล็กซ์นั่งคอยอยู่แล้วอย่างใจจดใจจ่อ

สีหน้าของจอมยุทธ์ปิดความเสียใจไว้ไม่มิด .....เช่นเดียวกับศักดิ์ที่แสดงความเสียใจทั้งสีหน้าและแววตา

ศิวะนั่งลงข้างๆจอมยุทธ์ และโอบไหล่ให้กำลังใจน้องชายที่คงรู้สึกเสียใจไม่แพ้กันด้วยแขนข้างหนึ่ง  ศิวะถอนหายใจช้าๆ ตั้งสติให้มั่นคงและเอ่ยถามศักดิ์

“ศักดิ์....เล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดที่เกิดขึ้นให้ผมกับจอมทราบหน่อยได้มั้ย”

ศักดิ์ถอนหายใจอย่างช้าๆ พยายามรวบรวมความทรงจำ...เก็บรายละเอียดทั้งหมดที่เขาพบเห็น..และรายงานต่อศิวะเป็นภาษาอังกฤษที่เรียบง่าย ตรงประเด็น ทั้งนี้เพื่อให้อเล็กซ์ได้รับทราบเช่นกัน

“พวกเราจอดรถไว้ค่อนข้างไกลจากโรงเรียนครับ...เนื่องจากรถติดมาก....คุณภาเดินนำหน้าไปรับคุณหนู หลังจากจอดรถเสร็จครับ..โดยมีผมและคุณอเล็กซ์เดินตามไปห่างๆ เพื่อคอยระมัดระวัง.....ผมและคุณอเล็กซ์พยายามใช้สายตาค้นหาความผิดปกติต่างๆก็ไม่พบอะไร จนกระทั่งคุณภาเดินออกมาจากรั้วโรงเรียนโดยอุ้มคุณหนูภูฟ้าอยู่......ผมกับคุณอเล็กซ์พยายามจะเดินเข้าไปสมทบ แต่ก็ช้ากว่าชายสองคน...คนหนึ่งรูปร่างหน้าตาเหมือนคนจีน อีกคนหนึ่งเป็นคนชาวต่างประเทศ มีหนวดเครา....ทั้งคู่สวมชุดธรรมดาคล้ายผู้ปกครองนักเรียนทั่วไป .....ชายทั้งคู่เดินเข้าประชิดคุณภาวดีอย่างรวดเร็ว....ผมสังเกตว่าชายคนหนึ่งพูดอะไรบางอย่างให้คุณภาวดีฟัง หลังจากนั้นคุณภาวดีก็เปลี่ยนทิศทางเดิน โดยมีชายทั้งสองตามประกบอยู่ตลอดเวลา.....ผมพยายามจะเดินตามไป แต่คุณอเล็กซ์ซึ่งออกตัวช้ากว่าผมให้สัญญาณว่า มีชายอีกไม่ต่ำกว่าสามคนกำลังเดินมุ่งหน้าไปทางเดียวกันกับที่คุณภาและคุณหนูถูกควบคุมอยู่....พบเลยตัดสินใจเดินไปปรึกษาคุณอเล็กซ์...แต่ก็คอยจับตาพวกนั้นอยู่.... ในที่สุดคุณอเล็กซ์ก็บอกว่าให้ตาม....เราจึงเดินตามไปช้าๆ จนเกือบถึงถนนใหญ่ครับ......สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นก็คือ คุณภากำลังเจรจากับชายทั้งสองคนอยู่หน้ารถตู้สีบรอนซ์ที่ข้างในมีชายอีกสองคนนั่งอยู่ด้วยในตำแหน่งคนขับและผู้โดยสาร.....คุณภากอดคุณหนูไว้แน่น เพื่อไม่ให้พวกมันจับตัวคุณหนูไปเพียงคนเดียว..... ชายสองคนนั้นพยายามจะแย่งตัวคุณหนูไป....แต่เนื่องจากแถวนั้นมีคนอยู่บ้างประปราย พวกมันเลยตัดสินใจเอาคุณภาไปด้วยครับ....” ศักดิ์พักการเล่ารายละเอียดชั่วครู่ ดื่มน้ำที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ และเริ่มเล่าต่อทันที

“ผมกับคุณอเล็กซ์รีบวิ่งกลับไปที่รถที่อยู่ค่อนข้างไกล...และพยายามขับรถวนหารถตู้สีบรอนซ์คันนั้น.....หลังขับรถวนอยู่นาน....จนทะลุออกมาจากตัวเมือง....คุณอเล็กซ์ก็เห็นรถคันดังกล่าวจอดอยู่ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง....พวกผมทำทีขับรถไปวนดู แต่ก็ไม่พบใครในรถตู้คันนั้นครับ....สุดท้ายผมเลยโทรหาคุณเสือครับ”

“อเล็กซ์....คุณมีอะไรที่จะเพิ่มเติมมั้ย” ศิวะถามต่อมา

อเล็กซ์พยักหน้าช้าๆ และพูดเสริมในรายละเอียดที่ศักดิ์เล่าออกมาตั้งแต่แรก

“ตอนแรก...ผมกับศักดิ์ตัดสินใจจะเข้าชาร์จ....แต่คิดทบทวนว่า ในช่วงจังหวะชุลมุน...พวกมันที่มีคนมากกว่าอาจได้จังหวะฉวยเอาตัวสกายไปเพียงคนเดียว.....ซึ่งอันนั้นจะเป็นผลร้ายมากกว่าที่พวกนั้นเอาตัวภาวดีไปด้วย.....ภาวดีเป็นคนฉลาด....คุณฝึกมากับมือ.....ภาวดีน่าจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้บ้าง....อย่างน้อยสกายก็ยังได้รับการดูแลที่ดีแน่นอน...”

“คุณจะทำอย่างไรต่อไป.....จะจัดการกันเองหรือให้ตำรวจไทยจัดการ” อเล็กซ์ทิ้งคำถามไว้ตอนท้าย

ศิวะนั่งนิ่งใช้ความคิดอย่างหนัก....แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์รับมือกับสถานการณ์ที่รุนแรงกว่านี้หลายเท่า....แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่ายากลำบากและกังวลใจเท่านี้....เหตุเพราะภูฟ้า....ดวงใจของครอบครัว...กำลังตกอยู่ในอันตราย....และรอคอยความช่วยเหลือจากผู้ที่เป็นบิดาและคุณอา...ที่รักภูฟ้ายิ่งกว่าสิ่งใด

ศิวะใช้นิ้วบีบบริเวณระหว่างคิ้วของตน เงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายที่กั้นไว้ไหลรินออกมา...ยามคิดถึงลูกชายตัวน้อย....ลูกชายที่เฝ้าทะนุถนอมมากับมือ....ว่าป่านนี้จะขวัญหนีดีฝ่อขนาดไหน....พวกมันจะทำร้ายเด็กน้อยไร้เดียงสาอย่างภูฟ้าหรือไม่.....

“ภูลูกพ่อ.....ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะลูก.....พ่อเสือจะตามลูกกลับมาด้วยมือพ่อเอง.....พ่อสัญญา” ศิวะพร่ำร้องในใจ

จอมยุทธ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดของศิวะได้เป็นอย่างดี เพราะไม่แตกต่างอะไรกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้.....น้ำตาของจอมยุทธ์รื้นขึ้นมาทันใด....ยามที่คิดคล้ายๆกันว่าป่านนี้ภูฟ้าคงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก....ดวงใจของเขาจะร้องหาบิดาและอาที่รักหรือไม่.....เมื่อภูฟ้าร้องไห้....ใครจะเป็นคนปลอบ....ไอ้คนพวกนั้นจะทรมานเด็กน้อยหรือไม่.....และภาวดีจะเป็นอย่างไรบ้าง......

เวลาผ่านไปแค่ไม่ถึงนาที.....ศิวะก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว....เขาขยับเปลือกตาไล่น้ำตาที่ปริ่มออกมาให้หายไป....ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ....เรียกสติและปัญญากลับมาหาตัวเองอีกครั้ง...แล้วจึงสั่งการอย่างรวดเร็ว

“จอมพี่ต้องการให้จอมติดต่อบอกคุณพ่อ คุณแม่ และคุณยาย ของฟ้าลั่นและหมอก...เล่าสถานการณ์ให้ท่านฟัง และเรียนท่านว่าขอให้สงบสติอารมณ์และหยุดการเคลื่อนไหวไว้ก่อน....ถ้ามันต้องการเงิน....เราจะเตรียมเงินให้พร้อม...ให้เร็วที่สุด.....หลังจากนั้นโทรบอกคริส.....ให้มาที่เมืองไทยด่วน.....มาพร้อมกับลูกน้องบางส่วนยิ่งดี......เราอาจต้องพึ่งพวกเขา” ศิวะตัดสินใจแล้วหลังจากประมวลสถานการณ์ และคิดว่าจุดประสงค์ของการลักพาตัวภูฟ้าเพื่อเรียกค่าไถ่แน่นอน....และคิดว่าพวกมันคงเตรียมแผนมาอย่างดี...มันคงไม่ยอมเสียท่าอีกแล้วในครั้งนี้

“ศักดิ์...ผมอยากให้คุณทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้ท่านรองฯนครินทร์มาปรากฏตัวที่นี่อย่างรวดเร็ว....โดยทีถ้าพวกมันกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของเราอยู่.....พวกมันต้องไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไรทั้งนั้น.....”

“รับทราบครับ....” ศักดิ์ยืนขึ้นตัวตรง จนเกือบแสดงความเคารพออกมา แต่ก็เผลอตบเท้าเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงการสั่งการที่เด็ดขาด....รวดเร็วและเต็มไปด้วยความเข้มแข็งอย่างนี้มานานมากแล้ว

ศิวะยังคงพูดต่อ

“ผมจะย้อนรอย....ไอ้คนพวกนี้อย่างเจ็บแสบทีเดียว”

ทั้งหมดรับรู้ถึงความโกรธในน้ำเสียงของศิวะ....อารมณ์โกรธที่พุ่งขึ้นสูงสุด และจะแปรเปลี่ยนเป็นความชาญฉลาด และเชาวน์ปัญญาที่น้อยคนนักจะต่อกรได้

ยิ่งเมื่อศิวะพูดออกมาด้วยเขาว่าจะย้อนรอยไอ้พวกคนเหล่านั้น....ความหึกเฮิมของนายทหารอย่างศักดิ์และเพื่อนรักอย่างอเล็กซ์ก็เพิ่มขึ้นทันตาเห็น

ความมั่นใจของจอมยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน....เพราะทราบเป็นอย่างดีว่า....ศิวะนั้นฉลาดและรอบคอบมากเพียงใด.....หากศิวะตัดสินใจจะสู้กับพวกมันแล้ว.....จอมยุทธ์มั่นใจว่าภูฟ้าต้องกลับมาสู่อ้อมอกของเขาและศิวะอย่างปลอดภัยแน่นอน.....

“ภู...อาจอมสัญญา.....แม้ต้องแลกชีวิต....อาจอมจะเอาภูกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัย......” จอมยุทธ์ให้สัญญากับตนเองในใจ

Andreas

  • บุคคลทั่วไป

“อเล็กซ์...ผมขอคุยกับคุณหน่อยมั้ย” ศิวะถามอเล็กซ์ หลังจากที่ศักดิ์และจอมยุทธ์แยกย้ายไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมาย

อเล็กซ์พยักหน้าเป็นคำตอบ

“ผมอาจต้องร้องขอการช่วยเหลือจากคุณเป็นการส่วนตัว” ศิวะเกริ่นทันที

“อย่ากังวลเลยเสือ....ผมก็รักสกายนะ....ผมยินดีช่วยทุกอย่าง....แต่คุณต้องอธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียดว่า....เรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใครกันแน่....เพื่อผมจะทราบได้ว่า...ผมจะเข้าช่วยในขั้นตอนไหนได้บ้าง” อเล็กซ์ตอบ

“ขอบคุณนะอเล็กซ์.....ผมมั่นใจว่าพวกที่จับตัวสกายไป คือส่วนหนึ่งของกองกำลังนายพลลู่เซอ....เจ้าพ่อค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราม....ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกรายละเอียดตั้งแต่ต้น เนื่องจากยังยุ่งๆ อยู่ และคิดว่าคุณคงมีงานอื่นที่ต้องทำ...ผมไม่อยากจะรบกวน” ศิวะอธิบาย

“ผมว่าจอมคงอธิบายให้คุณฟังเมื่อหลายวันก่อนแล้วว่าพวกเราไม่ปลอดภัย เนื่องจากถูกพวกค้ายาเสพติดตามขู่เพราะเราแจ้งตำรวจเรื่องยาบ้าและเฮโรอีนลอตใหญ่ที่พบในรถขนเบียร์....ครั้งล่าสุดคุณก็เห็นว่าพวกมันวางแผนจะเอาระเบิดมาขู่ให้พวกเรากลัว”

อเล็กซ์พยักหน้าอีกครั้งแสดงว่ารับรู้เรื่องราวมาพอสมควร

“ผมเพิ่งแน่ใจว่าพวกเราไปพัวพันกับกองกำลังนายพลลู่เซอ ตอนกลางสัปดาห์นี้เอง เมื่อเพื่อนของผมบอกว่าข้อมูลรหัสพันธุกรรมของกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่เราจับได้ เป็นกระเหรี่ยงแดงทั้งสิ้น.....แต่ผมก็ยังไม่มีเวลาอธิบายให้คุณทราบ....เพราะไม่คิดว่าจะต้องลงมือจัดการด้วยตนเอง....”

อเล็กซ์ฟังคำอธิบายของศิวะอย่างเข้าใจเป็นที่สุด เนื่องจากสถานภาพของศิวะนั้นไม่สามารถทำอะไรได้โดยสะดวกนั่นเอง

“ผมเดาว่าพวกมันคงต้องจับตัวสกายไปไว้ที่ชายแดนเขตฝั่งพม่าแน่นอน พวกมันคงคิดว่าเป็นจุดที่ได้เปรียบที่สุด เนื่องจากกำลังตำรวจและทหารของไทยจะเข้าไปไม่ได้ เพราะจะถือเป็นการลุกล้ำอำนาจอธิปไตย......ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมจึงอยากขอร้องคุณเป็นการส่วนตัวให้ช่วยเหลือผมหน่อย....แต่ถ้าคุณไม่ว่างหรือไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร....แม้จะมีเพียงผมกับจอม.....ผมก็จะไปเอาตัวลูกชายผมกลับคืนมาให้ได้ .......” ศิวะหยุดคำพูดของเขาเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นจึงตั้งใจรอรับฟังสิ่งที่เพื่อนชายต่างชาติจะบอกออกมา

“อย่าเรียกว่าเป็นการขอร้องเลยดีกว่าเสือ....ผมเต็มใจช่วยเหลือคุณทุกอย่าง....ผมบอกไปแล้วว่าผมก็รักสกายมากเหมือนกันนะ..... ที่สำคัญ....ผมกลับรู้สึกโล่งอกและดีใจเสียอีก....เพราะตอนแรกผมนึกว่าผมต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายมาคนเดียวซะแล้ว...เพราะเห็นว่าคุณกับจอมกำลังวุ่นๆอยู่.....แต่สุดท้ายเรื่องราวต่างๆก็มาลงเอยในจุดเดียวกันจนได้.....” อเล็กซ์หยุดจังหวะการพูดเล็กน้อย

“ผมก็มาเมืองไทยเพื่อจัดการนายพลลู่เซอเหมือนกัน” ประโยคนี้ของอเล็กซ์สร้างรอยยิ้มให้กับศิวะ เพราะหมายความว่า โอกาสที่จะช่วยภูฟ้าเปิดขึ้นมามากเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้

“งานที่ผมได้รับมอบหมายคือการสืบข้อมูลเพิ่มเติม และการเตรียมความพร้อมในการใช้กำลังเข้าสลายกลุ่ม.....รวมถึงสืบเรื่องการขนถ่ายอาวุธครั้งต่อไป.......แต่ก็ไม่แปลกที่จะเพิ่มการชิงตัวประกันลงไปด้วย.....ดีเสียอีก....ผมอาจขอกำลังเสริมได้มากกว่าที่มีอยู่....” อเล็กซ์พูดอย่างดีใจ

“แต่ว่าคุณจะออกหน้าหรือให้ผมออกหน้าล่ะเสือ” อเล็กซ์ถาม

“งานหลักๆ.....คุณรับผิดชอบไปเช่นเดิม....ส่วนการชิงตัวสกาย....ใส่ชื่อผมและจอมลงไปในระบบดีกว่า...ผมไม่อยากให้กระทบกับงานของคุณ....ที่สำคัญผมอยากให้เป็นการปฏิบัติการด้วยความสมัครใจ....เพราะมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องส่วนตัว” ศิวะนิ่งคิด..... สุดท้ายจึงตอบคำถาม

“ผมกลับคิดตรงกันข้ามนะเสือ....งานนี้ถือว่าเป็นงานที่สำคัญมาก...เพราะสุดท้ายก็จะนำไปสู่การสลายกลุ่มแน่นอน.....ซึ่งจะเป็นผลดีในเรื่องความมั่นคงมากกว่าผลร้าย.....ทางหน่วยเหนือคงชอบมากกว่าจะตำหนิ........อีกอย่างว่านะเสือ....ผมว่าเพื่อนๆเราคงตบเท้ากันมาเมืองไทยโดยพร้อมเพรียงกัน...เผลอๆ...จะเป็นการรวมพลครั้งใหญ่.....เพราะคงไม่มีใครปฏิเสธที่จะร่วมงานกับคนเก่งๆอย่างคุณและจอมหรอก.....” อเล็กซ์พูดไปยิ้มไป

“ขอบคุณอเล็กซ์....ผมไม่เก่งขนาดนั้นหรอก” ศิวะถ่อมตัว

“อย่าถ่อมตัวเลยเสือ....ใครๆก็รู้ว่าคุณเป็นอย่างไร.....แต่ว่าคุณต้องการความรวดเร็วขนาดไหนล่ะ” อเล็กซ์ยังคงถามต่อ

“ขอภายใน 18 ชั่วโมง....ใส่รหัสเป็น ER-01-01-02-VRM” ศิวะบอกรหัสให้กับอเล็กซ์ฟังอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันความสับสน

จอมยุทธ์ที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องถัดไปเพราะกำลังกดปุ่มต่อสายโทรศัพท์เรียนคุณปู่ คุณย่า และคุณทวดของภูฟ้า นั้นได้ยินรหัสที่ศิวะพูดออกมาอย่างชัดเจน และเมื่อฟังรหัสดังกล่าว......จอมยุทธ์ทราบทันทีว่าศิวะกำลังรับมือสถานการณ์นี้อย่างไร......

เพราะ ER ย่อมาจากคำว่า Emergency Response ซึ่งเป็นการขอการตอบรับในกรณีฉุกเฉิน....ตัวเลข 01 ที่ตามมา คือ ระดับเวลาที่ใช้ในการรวมพล ระดับสูงสุด คือ ภายใน 18  ชั่วโมง......ตัวเลข 01 อีกคู่หนึ่ง หมายถึง ความพร้อมของร่างกายในระดับสูงสุด ซึ่งแปลได้ว่าภารกิจที่จะต้องปฏิบัตินั้นจะอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร หรือภูมิประเทศเป็นป่าเขา เป็นต้น ....ตัวเลข 02 คู่สุดท้าย หมายถึง ระดับของยุทธวิธีและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในระดับสอง โดยจะมีการใช้อาวุธ ระเบิด ปืนยาว พลร่ม และจรวดขนาดเล็ก รวมถึงยุทธ์วิธีการจู่โจมอื่นๆ ทั้งภาคพื้นดินและอากาศแบบประชิดตัว.......และ VRM ซึ่งเป็นตัวย่อสามตัวหลังสุด หมายถึง การปฏิบัติการแบบอาสาสมัคร ซึ่งย่อมาจาก Voluntarily Requested Mission

คำสั่งเรียกรวมพลที่จอมยุทธ์ได้ยินนั้น นอกจากจะรวบรวมหลักการสำคัญๆของการรับมือกับสถานการณ์แล้วนั้น....ยังหมายความว่าอเล็กซ์ได้เข้ามาในส่วนหนึ่งของแผนการเรียบร้อยแล้ว....มิเช่นนั้นศิวะจะไม่สามารถออกคำสั่งดังกล่าวได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2007 11:45:20 โดย Andreas »

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
คุณแอนเดียร์ส เครียดเชียวครับ เรื่องการถกปัญหาวิชาการเนี่ย

ผมเห็นด้วยนะ เพราะอยากได้ทั้งสาระและบันเทิงเช่นกัน

เหมือนกะว่าเราได้อ่านหนังสือเรียนให้สนุกยังไงยังงั้นอะคับ

ไม่เห็นต้องคิดมากเลยคับผม

ปล. เรื่องสีตาอะ ผมชอบนะคับ คุยกันเป็นเหตุผล เรื่องราว ไม่ใช่มาด่ากันในบอร์ด แบบไม่มีสามัญสำนึก อิอิ (ผมพูดแรงไปเป่าเนี่ย แต่ไม่เกี่ยวกะคนในบอร์ดนี้หรอกคับ ในบอร์ดนี้มีแต่น่ารักๆ อิอิ)

____________

 อร๊างงงงงงงง พี่เสือเท๊เท่ เก่ง ฉลาด หล่อ โอ้ววว........... :give2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
............. :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

......................มาแก้ต่างนิโหน่ยอ่ะ....อิอิ....แต่ไม่ใช่แก้ตัวนะ..... :laugh5: :laugh5:

......ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าที่ผมอธิบายข้างต้นนั้นเป็น monohybrid cross อย่างทีพี่จ๋อมบอกเพื่อหั้ยทุกคนที่อ่านพอเข้าใจ....
และเป็นการควบคุมการแสดงออกแค่ 1 allele...ซึ่งเป็นการอธิบายกฎของเมนเดลที่ง่ายที่สุด

.............แต่ถ้าเป็นกรณีของสีตาเป็นการควบคุมโดย gene มากกว่า 1 alleles

......................ซึ่งในกรณีที่พี่จ๋อมอธิบายเป็น dihybrid cross ถูกแล้วคับซึ่งเป็นการถูกควบคุมโดย 2 alleles

............โดยใน 1 คนมีได้ 2 อัลลีล  แต่ในกรณีสีตามี 2 alleles จริงแต่ดันมี 3 สี

.....................โดย bey2 gene ที่พี่บอกมี gene เด่นเป็น brown (A) และ gene ด้อยเป็น blue (b) ซึ่งจะควบคุม phenotype ของตาสีน้ำตาล   มีโอกาสเป็นไปได้ 3 รูปแบบ alleles คือ AA , Ab , bb

......................ส่วน gey gene มี gene เด่นเป็น green (C) และ gene ด้อยเป็น blue (b) เช่นกัน ซึ่งจะควบคุม phenotype ของตาสีเขียว  มีโอกาสเป็นไปได้ 3 รูปแบบ alleles คือ CC , Cb , bb

.....................แต่การแสดงออกจะขึ้นกับการผสมของ gene ทั้ง 2 gene ซึ่งอาจจะเป็น bey2 ทั้งคู่ หรือ gey gene ทั้งคู่  หรือ อาจะเป็น bey2 และ gey อย่างละ 1 allele ก็ได้  
          
                   ตัวอย่างเช่น
พ่อมี Genotype: bey2: Brown-blue, gey:blue-blue (Abbb)  ดังนั้นพ่อจึงมีสีตาเป็นสีน้ำตาลเพราะ A เป็น gene เด่นข่มไว้ทั้งหมด
แม่มี Genotype: bey2: blue-blue, gey:Green-blue (bbCb)  แม่ก็จะมีตาสีเขียวเพราะ C ข่มหมดเช่นกั

.................นอกจากนั้นสีตายังมีลักษณะไม่เหมือนชาวบ้านเขาอีกตรงที่ว่าถ้า gene 2 ตัวนี้มาเจอกันแล้วเป็น gene เด่นทั้งคู่
...........อย่างเช่น bey2 เป็น Ab ส่วน gey เป้น Cb (AbCb)  คนที่มี genotype แบบนี้ จะมีสีตาเป็นสีน้ำตาล
.....เพราะ gene 2 gene นี้ gene bey2 จะข่มได้มากกว่า


............แล้วถ้าจะหาโอกาสของสีตาลูกก็ต้องดู genotype ของพ่อและแม่โดยวิธี dihybrid cross เพระถูกควบคุมโดย gene ทั้งหมด 2 alleles

ตัวอย่างเช่น  พ่อมีตาสีน้ำตาล Genotype: bey2: Brown-blue, gey:Green-blue (AbCb)
                    แม่มีตาสีน้ำตาล Genotype: bey2: Brown-blue, gey:Green-blue (AbCb)

..........ตามกฎข้อที่ 1 ของเมนเดล (กฎการแยก) ต้องแยก gene แต่ละ alleles ออกจากกันก่อน
แล้วจับคู่กันใหม่ตามกฎความน่าจะเป็น......ซึ่งจะทำหั้ย

               พ่อมีโอกาสสร้างเซลล์สืบพันธ์ได้ 4 แบบ  ..........  AC , Ab , bC , bb
               แม่ก็มีสร้างเซลล์สืบพันธ์ได้ 4 แบบ เช่นเดียวกัน เพราะ มี genotype เหมือนกัน

..........หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของกฎข้องที่ 2 ของเมนเดล (กฎการรวมตัวอิสระ)

โดยจะเอามาผสมกันตามตาราง Punnett Square (ซึ่งเป็นการอธิบายที่เข้าใจง่ายที่สุด)ก็จะได้ดังนี้

                        AC             Ab              bC            bb

AC              AACC         AACb       AbCC        AbCb

Ab              AACb          AAbb        AbCb        Abbb

bC              AbCC          AbCb        bbCC        bbCb

bb              AbCb          Abbb         bbCb         bbbb

..................จะได้ genotype ลูกทั้งหมด 16 แบบ แต่มี phenotype แค่ 3 แบบคือ

.........ลูกตาสีน้ำตาล 12 แบบ ซึ่งได้แก่อันที่มี A ทั้งหมดถึงแม้ว่าจะมี C อยู่ด้วยก็ตาม (75%)
.........ลูกตาสีเขียว  3  แบบ  ซึ่งได้แก่อันที่มี C แล้วที่เหลือเป็น b แต่ไม่มี A (18.75%)
.........ลูกตาสีฟ้าเพียง 1 แบบ คือ bbbb (6.25%)

เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะจ้ะ....หลายๆคนคงงงไปแล้วแหละ...คงคิดว่าถกปัญหาวิชาการกันอยู่แน่เลย
...........ที่ไม่อธิบายตั้งแต่แรกก็เพาะกลัวชาวบ้านงงอ่ะ... :impress: :impress:
................... ถ้ามีไรเพิ่มเติมจากนี้ก็บ่อค่อยรู้แล้วน้อ..... :yeb: :yeb:....ปัญญามีเท่านี้อ่ะ.... :laugh5: :laugh5:

ป.ล.  ขอบคุงพี่จ๋อมกับเจ๊นะที่ช่วยจุดประกายความคิด ....   :yeb: :yeb:...ไม่ได้ถ่ายทอดความรู้แบบนี้ซะนานเลย

..............ว่าแต่พี่เสือเราเนี่ยทำไรกันแน่นะ....เดายากจิง....เก่งไปหมด.... :impress3:

......................แล้วอเล็กซ์ก็มีบทบาทมากอย่างที่คิดไว้จิงด้วย.... :110011: :เชิป2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2007 14:29:18 โดย ][GobGab][ »

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
มาแนวเครียดเลยนะครับ

สำหรับเรื่องสาระในศาสตร์ต่างๆที่แทรกมาในนิยายหรือกระทู้นิยายต่างๆ ผมก็ว่าดีนะครับ

ทำให้หลายๆคน(รวมทั้งตัวผมเอง)ได้รู้และได้ทบทวนในสิ่งที่รู้หรืออาจไม่รู้หรืออาจหลงลืมมันไป

ดังนั้น การที่จะให้มีสาระในเรื่องต่างๆที่แฝงมาในนิยายก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรือเป็นเรื่องไม่ดีแต่อย่างใด เพราะนั่นได้แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมและความตั้งใจจริง

ของคนเขียนและคนอ่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อเท็จจริงในประเด็นนั้นๆ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก

ชุมชนออนไลน์ ประกอบด้วยคนที่หลากหลาย ต่างคนต่างหน้าที่ ต่างภาระความรับผิดชอบ และมีพื้นเพเบื้องหลังชีวิตที่แตกต่างกัน

ดังนั้น สิ่งที่คนในชุมชนออนไลน์แต่ละคนจะสนใจหรือไฝ่ใจที่จะเปิดรับมันก็ย่อมที่จะไม่เหมือนกัน

บางคนใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ บางคนใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อการเสาะแสวงหาความรู้ต่างๆ

บางคนใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อต้องการหามิตรภาพใหม่ๆ ฯลฯ ซึ่งต่างคนก็ต่างมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป แล้วแต่สถานการณ์และบริบทรอบข้าง ณ จุดๆนั้น

จะให้ทุกคนคิดและทำเหมือนกันหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ อย่างกรณีของเด็กศิลป์จะไม่เข้าใจในเรื่องของศาสตร์ทางวิทย์ มันก็เป็นเรื่องปกติ ที่จะไม่เข้าใจ

เด็กศิลป์บางคนเกลียดวิทยาศาสตร์ก็มี เด็กศิลป์บางคนก็รู้สึกเฉยๆกับวิทยาศาสตร์

ดังนั้น การปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องวิทยาศาสตร์ของเด็กศิลป์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปฏิเสธที่จะรับรู้และเรียนรู้เนื้อหาในศาสตร์ทางวิทย์นะครับ

การมีข้อมูลความรู้ต่างๆแฝงมา มันเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่เราจะคาดหวังให้ทุกคนร่วมรับรู้และเสพมันอย่างดื่มด่ำมันก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากครับ

ผมเชื่อว่าความคิดเห็นในกระทู้นี้หรือกระทู้ปางบรรพ์ของเจ๊สองที่แสดงความคิดเห็นประมาณว่า "อ่านเอาสนุกอย่างเดียว" "อ่านไปงงไป" ฯลฯ

คนที่แสดงความคิดเห็นเหล่านั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อต้านหรือปฏิเสธการถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆหรอกนะครับ

เพราะถ้าหากว่าเขาเหล่านั้นปฏิเสธหรือต่อต้านองค์ความรู้นั้นๆจริง เขาเหล่านั้นจะมานั่งอ่านข้อความที่โพสต์ไว้ทำไม

หนำซ้ำยังอ่านทุกข้อความที่มีการโพสต์ต่อกันไปเรื่อยๆด้วย ถ้าเขาปฏิเสธที่จะรับสารนั้นจริงแล้วเขาจะอ่านมันเพื่อ . . . ? ? ?

เจตนาคนเรามันไม่เหมือนกันครับ จะมาตีเจตนาหรือความรู้สึกของคนจากข้อความเพียงไม่กี่บรรทัดนั้นมันทำกันได้ยากครับ

เพราะเราไม่มีทางที่จะรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องจริงของคนๆนั้นได้ทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้เราไม่สามารถเข้าใจในคนๆนั้นได้อย่างเพียงพออีกด้วย

การพัฒนาตนให้เป็นคนที่มีคุณภาพ มันจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องมีความรู้แน่นเอี้ยด จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องเข้าใจในศาสตร์ต่างๆอย่างมากมาย

ผมคิดว่ามันแล้วแต่คนจะมองและยกย่องเป็นกรณีแต่ละกรณีไปนะครับ

คนคุณภาพในความคิดของผม ผมตัดสินจากจิตใจและการกระทำของเขาครับ ไม่ได้ใช้ความรู้ที่มีมาเป็นตัวตัดสินหลักแต่อย่างใด

ความคิดเห็นของผมอันนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดในทุกกรณีนะครับ เพียงแต่อยากจะบอกให้ จขกท. เข้าใจก็เท่านั้นเอง

ผมชื่นชมนะครับกับการที่หลายๆคนได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ พร้อมกับยกเหตุผลและข้อมูลมาถกกัน และก็ยังอยากที่จะให้มีการถกกันแบบนี้ต่อไปด้วย

ในหลายๆความเห็นที่ไม่ได้ร่วมถกในประเด็นต่างๆ ผมเชื่อนะครับว่าแต่ละคนไม่ได้มีเจตนาที่จะปฏิเสธหรือเอาเท้าราน้ำแต่อย่างใด

ผมเชื่อว่าเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไม่อยากให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง หรือการเคลือบแคลงใจก็เท่านั้นเอง

ไม่อยากให้คนแต่งนิยายที่พวกเขาชื่นชอบและติดตามอ่านผลงานมาโดยตลอด ต้องเหนื่อยกับการค้นหาข้อมูลเพื่อมาโต้แย้งกัน

สุดท้ายนี้ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Andreas และคนแต่งนิยายทุกคนในบอร์ดนี้นะครับ

พวกคุณทุกคนเก่งมากครับที่สามารถเอาชนะใจคนอ่านทุกคนให้ติดตามอ่านเรื่องของคุณได้

มีความรักในงานเขียนทั้งยังมีความรับผิดชอบต่อผลงานของตนอย่างสูงส่ง สมควรได้รับความยกย่องและความชื่นชมจากคนอ่านทุกคนครับ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ :yeb:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2007 15:53:42 โดย <[[Boogie_Bear](>_<)]> »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






kYos

  • บุคคลทั่วไป
ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่เพิ่มสาระ ความรู้ ให้กับกระทู้เรื่องนี้ด้วย 
เขียนกันมาเถอะ จะถกกันซักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร  ยังไงมันก็คือความรู้แต่ว่าแต่ละคนจะรับรู้มากหรือว่ารับรู้น้อย ก็ขึ้นอยู่กับการเปิดรับ และความเข้าใจด้วย  ถ้าเขียนมายังไงก็มีคนอ่านอยู่แล้วล่ะ แค่ความรู้ความเข้าใจที่รับไปอาจอยู่ในปริมาณที่ต่างกัน
มันก็เหมือนกับการสร้างสีสันให้กับกระทู้ไปในตัวด้วย ดีกว่ามารออ่านนิยายอย่างเดียว คุยกันแค่ว่า ต่อไปตัวละครจะมีบทบาทอย่างไร? จะใช่อย่างที่คิดรึเปล่า?  คิดซะว่าเป็นความแปลกใหม่(ที่น่าลอง)ไง อิอิ..

เหอะๆ.. อ่านตอนนี้แล้วไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่  เพราะว่าสถานการณ์ต่างๆมันดูเข้าที่ เข้าทาง
โอกาสช่วยน้องภู ก็เป็นไปได้สูง  หายห่วง...(รึเปล่า?) ก็พี่เสือออกตัวซะขนาดนั้น..

ปล.เป็นกำลังใจให้คนเขียนเหมือนเดิมจ้า..  :yeb: สู้ๆ สิ่งไหนที่คิดว่าทำแล้วดี สบายใจ ทำไปเถอะค่ะ คนเรามีความคิดเห็นต่างกันนั้นมัน... เป็นเรื่องธรรมดา...

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสาระบันเทิงจริงๆ นะ

ได้ทั้งบันเทิงและสาระ

แม้ว่ามันจะเข้าใจยากไปสักหน่อยสำหรับเรา

แต่ก็เรียกว่าได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นแหละนะ :yeb:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
มะเห็นเครียดเลย มะเอาอมยิ้มไปอมคนละอันจาได้มีความสุข :give2:

ดีออกได้ทั้งความรู้และความบันเทิง เหมือนได้ทบทวนสิ่งที่เรียนมา นานนนนนนนนน :laugh3:

เป็นกำลังใจให้คงแต่งต่อไป  :yeb:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
OH!!!!! MY GODDDDDDD  :monkeycry4:

Once I came back and read my critique…… It really seemed to specifically refer to Nong Naew and Khun <[[Boogie_Bear](>_<)]>

I did not realize that until I read the response from Khun <[[Boogie_Bear](>_<)]>…

Please give me apology…. I did not mean to say something to hurt both of your feelings.

I have thought that I carefully used the words pulled up together….

But finally, I intentionally made some mistakes.

When I said “แต่คนที่เลือกจะไม่รับรู้อะไรเลย......คงลืม....สุภาษิตแบบไทยๆ ที่มักไม่ค่อยได้ยินแล้ว....ที่ว่า.... . “รู้ไว้ใช่ว่า....ใส่บ่าแบกหาม” ไปกระมังครับ”  I swore, I meant nothing for you two. I said it in general.

I completely understand that each individual has his/her own decision, I always respect that fact.

However, as a former teacher, I get used to inserting some ideas that may help changing people's  destiny…. education of course.

Once again, I also understand that “human development” is not only involved the knowledge improvement but also the determination of thought and manners.

Since I am in the academic area, this is my direction…. I then give suggestion according to what I have in mind.

While others who have different background may suggest something different….

Please give me apology again for the mistake I have made…

I really appreciate all of your supports and suggestions.

Thank you all indeed.

Andreas

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :เฮ้อ: จาพูดยังไงดีล่ะนี่ ถึงจะไม่เครียดกันไปใหญ่
การที่เราบอกในกระทู้ว่าเครียดนั้น สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเราพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่คนเขียน หรือคนอ่านทุกคนโพสต์มา แต่ด้วยมันสมองอันน้อยนิดของเราบวกกับไม่ค่อยได้เรียนมาทางนี้โดยตรง ทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้ ก็เลยเครียดง่ะ
บางทีก็ได้แต่ปลอบ ๆ ใจตัวเองว่า เอาน่า อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อย่าไปคิดอะไรมาก
หากประโยคเหล่านี้ที่โพสต์บอกในกระทู้ ทำให้คนแต่งเสียกำลังใจก็ขอโทษด้วยละกันค่ะ  :impress:
เพราะสำหรับเรานิยายไม่ว่าจะแต่งออกมาแนวไหน มีสาระเสมอ บางเรื่องถึงจะไม่มีสาระความรู้โดยตรง แต่ก็สอนอะไรหลาย ๆ สิ่งได้มากมาย   :yeb:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ช่ายๆๆเห็นด้วยกับเชลล์ตรงที่ว่า นิยายไม่ว่าจะแต่งออกมาแนวไหน มีสาระเสมอ บางเรื่องถึงจะไม่มีสาระความรู้โดยตรง แต่ก็สอนอะไรหลาย ๆ สิ่งได้มากมาย   
จ๋อมอย่าเครียดไปเลยน๊า....เพียงแต่ความถนัดในการซึมซับบางเรื่องของแต่ละคนม่ายเท่ากัน อาจจะมากบ้าง น้อยบ้าง
ถึงแม้ว่าแน๋วไม่ซึมซับด้านวิชาการ แต่แน๋วเองก้อซึมซับในแง่วิถีการดำรงชีวิต ปรัชญา ความรักผ่านตัวลำครของจ๋อมได้นี่นา

การที่มีคนมาเสนอแนะหลายความคิดเห็น หลายมุมมอง นั่นก้อเป็นเครื่องยืนยันแล้ว ว่านิยายของจ๋อมไม่ได้เป็นเพียงแค่นิยาย แตกต่างก็ใช่จะแตกแยกนิจ๊ะ




 :yeb: เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า...

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
Thanks to Neaw khrab, I thought I have made you angry at me..... but now I know you understood me....... Thanks indeed!!!  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:

Shell.... ja ja ja ja ja...... do not worry na..... you did nothing wrong..... neither made me feel bad.....  :yeb:  :yeb:  :yeb: :yeb:  Do not need to make apology......

I am quite reasonable na kharb..... If someone bring up the "economics".... I would say... it is serious..... as well.....

I am not the one who knows everything..... I am like everybody..... just know something and know nothing in the topic that far away from me.....  :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011:

OK...... from now on... let's focus on the story..... is that good?

I will bring up some useful information to the readers again..... hopefully it will be easier....than genetics of eye colors....

Bye for now na khrab.... 

:loveu:

Andreas

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เพิ่งมีเวลาได้เข้ามาอ่าน  หวังว่าคงไม่ตอบช้าไปนะคะ   :loveu:
อ่านจากความเห็นของแต่ละคน  จ๋อมคงจะมองออกว่าแต่ละคนต่างก็มีความเห็นที่ชัดเจน แล้วก็มีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกันที่ว่า ชื่นชมและพร้อมสนับสนุนที่จะให้เกิด “สาระบันเทิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีคะ  เพียงแต่ว่าการรับรู้มากหรือน้อยนั่นย่อมมาจากพื้นฐานความรู้เดิมที่จะเอามาผสมผสานเกิดเป็นความรู้ใหม่ออกมา 

เรื่องสีตาที่พูดถึงกัน ส่วนตัวเราชอบนะคะ  ไม่อยากจะบอกว่าเราเพิ่งพูดกับเพื่อนเรื่องนี้ไปประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมา  หลานของเพื่อนร่วมงานที่เกิดมามีตาสีฟ้า ซึ่งต่างจากคนในครอบครัวโดยทั่วไปที่เป็นสีน้ำตาล  เรายังพูดกันถึงเรื่องกฏของเมนเดลว่ามันคงเกิดได้ประมาณนี้มั้ง  อิอิ (มั่วกันไปเรื่อยอะ)  สุดท้ายพอมาอ่านในกระทู้นี้ได้ความรู้มากค่ะ  ทั้งจากจ๋อม เจ้สองแล้วก็น้องก๊อปแก๊บ  โดยเฉพาะน้องก๊อปแก๊บอธิบายครั้งสุดท้ายได้ชัดเจนมากคะ  อ่านแล้วเข้าใจเลย   ที่อ้างถึงมานี่จุดประสงค์เพียงเพื่อต้องการบอกว่าที่จ๋อม เจ้สองและน้องก๊อปแก๊บทำไปก็มีประโยชน์นะ แล้วก็ไม่ได้เพิกเฉย   เพียงแต่ว่าพื้นฐานความรู้ทางด้านนี้ของเราและของนักอ่านท่านอื่นที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอาจจะมีไม่มากพอที่จะมาร่วมอภิปรายในประเด็นนี้เท่านั้น   ชื่นชมกับความพยายามของทุกคนและขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีคะ

นิยายทุกเรื่องที่เราอ่านยอมรับเลยว่าจุดประสงค์หลัก คือ อ่านเพื่อความบันเทิง เพียงแต่ในความบันเทิงนั้น  ถ้าจะแทรกสาระหรือเราผู้อ่านทุกคนได้เข้ามาร่วมอภิปรายถึงที่มาที่ไปในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องก็คงจะดีไม่ใช่น้อย   

เราเป็นคนนึงที่สนับสนุนว่าทัศนคติของการเรียนรู้  ค้นคว้าด้วยตนเองและการอภิปรายต่อยอด  มีผลอย่างมากต่อการพัฒนาองค์ความรู้ที่มีอยู่   ถ้าจ๋อมสามารถทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการดำเนินเรื่องในโลกนิยายของจ๋อม  โดยที่นักอ่านทุกท่านมีความสุขที่ได้อ่านนิยาย  มีความสุขที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและการดำเนินเรื่องที่เข้มข้นไม่ถูกบดบังไปจากการอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ในประเด็นใหม่  คงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมากเลยละ   แต่จะทำได้รึเปล่าก็ขึ้นกับจ๋อมซึ่งเป็นผู้เขียนว่าจะสามารถควบคุมประเด็นเสริมและการดำเนินเรื่องในนิยายให้สมดุลขนาดไหน   อย่างเช่นช่วงนี้  จะเห็นได้ว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างเข้มข้นมากเลยละ  แต่ไม่เห็นมีใครพูดถึงกันเลย  อาจจะเพราะเพิ่งเป็นช่วงเริ่มต้นที่จ๋อมพยายามสร้างทัศนคติให้กับนักอ่าน  ทุกคนก็เลยต้องหันมาให้ความสนใจกับประเด็นนี้แทนรึเปล่า  ฝากไว้ด้วยแล้วกันคะ 

อีกเรื่อง คือ ความสุขในการแลกเปลี่ยนความเห็น  บางคนก็ถนัดในการเป็นผู้ให้ หรือบางคนก็ถนัดในการเป็นผู้รับ  ผู้อ่านจะปฏิบัติอย่างไรก็คงไม่สามารถไปบังคับกันได้   ทำตามที่แต่ละคนถนัดและมีความสุขไปกับการอ่านและการแสดงความเห็นแล้วกันคะ   

สุดท้ายอยากจะบอกว่า เข้าใจสิ่งที่จ๋อมต้องการนำเสนอและคิดว่านักอ่านทุกคนก็เข้าใจเช่นเดียวกัน  ชื่นชมกับความพยายามและสนับสนุนความคิดนี้คะ  เป็นกำลังใจให้เสมอคะ  สู้สู้   :yeb:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586


ตาภูหลานป้า......................ป่านนี้จะเป็นไงบ้างแล้วเคอะ

ป้าเป็นห่วงนะเคอะ  ไม่มีแก่ใจไปหาผู้ชายมาใส่ท้องเลยอะ

ดูดิ  จนระดับน้ำผู้ชายในกระแสเลือดป้าต่ำจนถึงขีดสุดแล้วนะเคอะเนี้ย

ใครก็ได้.........ช่วยหลานอิฉันที คร้า............. :dont2:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับทุกคน....

ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณทุกๆคนสำหรับ กำลังใจ....ความเข้าใจ....ข้อเสนอแนะ.....และอื่นๆมากมายที่มอบให้ผมนะครับ....ผมขอบคุณจริงๆ ครับ.....จาก bottom of my heart เลยน๊ะครับ....

พอดีเมื่อวานผมน๊อตหลุดไปหน่อยครับ.....ตอนแรกผมตั้งใจจะแทรกความรู้ไปเรื่อยๆ แบบเงียบๆ โดยไม่ต้องมาประกาศเจตนารมณ์อย่างโจ่งแจ้งซะสี่หน้ากระดาษเอสี่แบบนี้ครับ.....

ต้องไปโทษอีเจ้ครับ.....อีเจ้สองทำผมเอ๋อไปเลยครับ...... :laugh5: :laugh5: :laugh5: :laugh5:.....  (ล้อเล่นหรอกนะครับ....)

ก็อีเจ้เล่นมารีพลายขอโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำผิด.....ผมก็เลย....เอาว๊ะ.....ไหนๆก็ไหนแล้ว.....พูดกันให้มันโจ่งแจ้งไปเลย...

เอ้า...อีเจ้....ทราบยังว่า..... "ครายคือต้นเหตุ".......  :โหลๆ: :โหลๆ: :โหลๆ: :โหลๆ:

อย่าโกรธผมแล้วกันน๊ะคร๊าบบบบบบบอีเจ้...... (ง้อจริงๆ น๊ะ....อย่าคิดมากล่ะครับ)  :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:

เมื่อวานเขียนไป.....ลบไป....ใช้เวลาไปสี่ชั่วโมงเต็มๆ ครับ..... ก็มันเขียนยากจังครับ.......

ช่วงนี้ผมเป็นไรไม่ทราบครับ.....รู้สึกว่าการใช้ภาษาไทยตัวเองมันไม่ลื่นไหลอย่างที่ควรเลยครับ....มันถอยหลังเข้าคลองไปเรื่อยๆ บางทีนึกคำที่เหมาะสมไม่ออก.....

คราวนั้น....ผมเขียนไปว่า..... นิยายแนว "ตลาดรัก"..... ในความหมายของผมคือ market love story คือ นิยายรักที่ขายได้ในตลาด...... ไม่ได้หมายความว่าเป็นนิยายน้ำเน่าแบบร้านตลาด....... คือผมคิดคำภาษาไทยไม่ออกจริงๆครับ....

อย่างที่เขียนไปเมื่อวาน.....ก็ยังสื่อสารไม่สมบูรณ์ เพราะเกิดช่องโหว่ให้เกิดความเข้าใจผิดเสียก็เยอะครับ.....  :เฮ้อ:

 :โหลๆ: เพราะจริงๆ แล้วต้องการชี้ประเด็นเรื่อง "การปรับทัศนคติ" .........มิได้ชี้ประเด็นว่า....ต้องอ่านน๊ะ....ต้องเอาความรู้ไปน๊ะ.....ผมให้คุณแล้วคุณต้องเอาไป......

ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นจริงๆ แต่ผมเขียนไม่ดีเองนั่นแหละครับ..... ขอโทษจริงๆครับ.....

ปกติผมมักจะเอาใจเขามาใส่ใจเราเสมอครับ....และก็เข้าใจเรื่องความแตกต่างของปัจเจกบุคคลพอสมควรครับ....แต่ผมกลับสื่อสารผิดพลาดซะ.....

ทุกวันนี้.....ผมไม่ได้ใช้ภาษาไทยเลยครับ.....อาทิตย์หนึ่งพูดภาษาไทยนับประโยคได้ครับ..... ใช้เฉพาะตอนที่บอกว่า.....

"ขอข้าวผัดหมูครับ"...... "ขอแตงกวากับมะนาวเพิ่มได้มั้ยครับ...."..... "ขอบคุณครับ...." แล้วก็ต่อท้ายด้วย Have a good weekend ครับ....

พูดแค่นี้จริงๆครับ..... นานๆ จะพูดไทยเยอะๆ ครับ......

ทุกวันนี้นิยายที่แต่งก็ต้องแก้แล้วแก้อีก.....บางทีแก้ไป ก็ไม่ถูกใจซักทีครับ..... แต่ก็ต้องพยายามเขียนต่อไป...เพราะจะได้ไม่ให้ลืมครับ.....ลืมภาษาไทยได้อย่างไรใช่มั้ยครับ....น่าอายตายเลยครับ.....


พอแล้วดีกว่าครับ.....เราข้ามประเด็นนี้ไปคุยกันเรื่องนิยายกันดีกว่ามั้ยครับ... :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

ไหนๆ ทุกๆคนก็เข้าใจซึ่งกันและกันนะครับ..... (จริงมั้ยครับ)  :yeb: :yeb: :yeb:

ตอนนี้นิยายก็ได้เดินทางมาถึงจุดที่สำคัญมาก....ถือว่าเป็นจุดไคลแม็กที่หนึ่งเลยนะครับ....

ใครที่เดาๆ อะไรไว้.....ก็เริ่มจะเห็นเค้าลางๆ ขึ้นมาแล้วใช่มั้ยครับ.....

ตอนที่แล้ว.....หลายคนคงสงสัยว่า....ศิวะและจอมยุทธ์....รวมถึงหนุ่มลูกครึ่งคือใครกันแน่.... ทำไมถึงกล้าพูดว่า....

"ผมจะย้อนรอยพวกมันให้สาสมเลยทีเดียว"

ตอนที่ผมกำลังจะโพสต์ต่อไป....ก็คงจะช่วยตอบคำถามในส่วนของอเล็กซ์นะครับ..... แต่สำหรับสองหนุ่มคงต้องรออ่านไปเรื่อยๆ ครับ.....

จริงๆ แล้ว..... ผมไม่อยากบอกเลยว่า....ผมสปอยล์เรื่องไว้ตั้งแต่ตอนแนะนำตัวละครแล้วครับ..... ไม่ทราบมีใครสังเกตกันบ้างหรือป่าวครับ....

ไม่บอกต่อแล้วครับ.... เดี๋ยวมันจะไม่สนุกครับ.......

ไปแล้วครับ....เชิญอ่านตอนใหม่ได้เลยครับ...

Andreas

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Andreas

  • บุคคลทั่วไป
ศิวะยังคงพูดคุยกับอเล็กซ์ชั่วครู่เพื่อทบทวนรายละเอียดและสิ่งที่ต้องเร่งกระทำโดยด่วนเพื่อแจ้งไปยังหน่วยเหนือ และรอคำสั่งอนุญาตอย่างเป็นทางการของทั้งสองภารกิจหลัก

หลังจากนั้นศิวะจึงเดินลงไปทำงานในห้องใต้ดิน ปล่อยให้จอมยุทธ์ยังคงวุ่นวายอยู่กับการโทรศัพท์คุยกับคุณปู่คุณย่าทั้งหลายของภูฟ้า....ทุกท่านแสดงทีท่าตกอกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะกังวลถึงความปลอดภัยของหลานชายสุดที่รัก และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...ให้ศิวะหรือจอมยุทธ์โทรมารายงานเป็นระยะๆ แม้ว่าจะดึกดื่นขนาดไหนก็ตาม...ให้บอกว่าพวกที่จับตัวภูฟ้าไปต้องการอะไร...พวกท่านจะเป็นธุระจัดหาให้อย่างรวดเร็วที่สุด

ศักดิ์ขับรถออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วภายหลังได้รับคำสั่งจากศิวะ โดยโทรนัดนครินทร์ให้ไปพบที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งที่ผู้คนพลุกพล่าน เขาต้องการใช้คนเหล่านั้นช่วยกำบังการพบปะกับนครินทร์ และสุดท้ายจึงพานครินทร์มาที่บ้านหลังใหญ่ โดยขอร้องให้นครินทร์ช่วยอำพรางตัวขณะที่โดยสารรถเข้ามาจนกระทั่งถึงในบ้าน

นครินทร์ถูกพาเข้าไปในห้องสมุดทันทีที่มาถึง เขาพบว่าบนโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องสมุดนั้นมีอุปกรณ์
อีเล็คโทรนิคชุดใหญ่ตั้งอยู่.......ท่านรองผู้กำกับฯอย่างเขาเพียงแค่กวาดสายตาพิจารณาอย่างคร่าวๆ ก็ทราบว่าเป็นอุปกรณ์ดักฟังสัญญาณทางโทรศัพท์ที่มีประสิทธิภาพสูงพอสมควร

อันดับแรก.....นครินทร์เกิดความแปลกใจกับการปรากฏอยู่ของอุปกรณ์ดังกล่าว และสังเกตเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของนายตำรวจติดตามทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะยังไม่ทราบเรื่องราวอะไรมากนัก....เพียงแต่รู้ว่าสมาชิกภายในบ้านหลังนี้กำลังติดตั้งเครื่องดักฟังสัญญาณโทรศัพท์ ถึงถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายสื่อสาร...และพวกเขาทั้งคู่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กำลังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเวลานี้

ส่วนหนึ่งที่นายตำรวจติดตามทั้งสองคนไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นนั้น เพราะตลอดเวลา ศิวะ จอมยุทธ์ อเล็กซ์ แม้กระทั่งศักดิ์ ซึ่งต่อมาทราบภายหลังว่าเป็นนายทหารชั้นยศร้อยโทนั้นพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษตลอดเวลา...มีเพียงจอมยุทธ์ที่คุยกับโทรศัพท์อยู่เป็นภาษาไทย แต่กระนั้นนายตำรวจทั้งสองก็ไม่คิดจะเสียมารยาทแอบฟังการสนทนาโทรศัพท์ดังกล่าว

“เกิดอะไรขึ้นหรือจอม....ได้ข่าวว่าตาภูถูกลักพาตัว” นครินทร์กวาดสายตาไปรอบๆห้องเขาพบเพียงแค่จอมยุทธ์นั่งรออยู่พร้อมด้วยชายหนุ่มชาวต่างชาติ และหนุ่มแปลกหน้าอีกหนึ่งคน โดยไร้วี่แววของเพื่อนสนิทอย่างศิวะ

จอมยุทธ์ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย และตอบคำถามอย่างสั้นๆ

“สวัสดีครับพี่เอ....เชิญพบกับอเล็กซ์ก่อนเลยจะดีกว่าครับ.......”

“ยินดีที่ได้พบครับ...Lieutenant Colonel นครินทร์.....ผม Alex Fernando Song, ผู้ประสานงานอาวุโสจากสำนักงานตำรวจสากลครับ....” อเล็กซ์กล่าวแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงปกติ หลังจากรับหน้าที่จากศิวะให้เป็นผู้รับผิดชอบการทำความเข้าใจกับนครินทร์ในเรื่องที่เกิดขึ้น

คำแนะนำตัวของอเล็กซ์นั้นสะดุดหูยิ่งนัก นครินทร์คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้า ที่เคยเห็นเมื่อหลายวันก่อนแต่ไม่ได้ทักทายกันนั้น จะกลายเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจสากล รวมทั้งสามารถอ้างตำแหน่งได้ถึงในระดับของผู้ประสานงานอาวุโสซึ่งเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างสำคัญในการติดต่อและประสานงานกิจการระหว่างประเทศ

นครินทร์ยังคงสงวนท่าที แม้ว่าจะจับมือแสดงความรู้จักกับอเล็กซ์ แต่ก็ยังงุนงงสงสัยว่าเหตุใดถึงมีตำรวจสากลอยู่ในบ้านเพื่อนสนิทของตนแบบนี้ และช่างประจวบเหมาะกับสถานการณ์เหลือเกิน

เขาต้องการตรวจสอบในสิ่งที่ได้ยินให้แน่ชัดอีกครั้ง

“ผมขออนุญาตดูบัตรประจำตัวได้มั้ยครับ” นครินทร์เอ่ยอย่างสุภาพเพื่อขอดูบัตรประจำตัวของชายหนุ่มลูกครึ่ง ผู้เป็นเขจ้าของบุคลิกง่ายแต่คงความองอาจแบบผู้นำ

อเล็กซ์ยิ้มรับ พร้อมทั้งยื่นบัตรประจำตัวที่ระบุตำแหน่งในสังกัดในสำนักงานตำรวจสากลให้ผู้ถาม รวมถึงแนบด้วยเอกสารสำคัญในการเดินทางเล่มสีฟ้าสด ที่ด้านหน้าเขียนอย่างชัดเจนว่า UN Laissez-Passer หรือพาสปอร์ตของเจ้าหน้าที่จากองค์การสหประชาชาติ ที่จำเป็นต้องมีติดตัวไว้ทุกคน

“Lieutenant Colonel Alex Fernando Song, UN Specialist/Senior Coordinator, Specialized Crime Directorate, International Criminal Police Organization (Interpol)” นครินทร์อ่านสิ่งที่ปรากฏอยู่ในบัตรประจำตัวในใจ จึงทำให้ทราบเพิ่มเติมว่าอเล็กซ์นั้นเป็นนายตำรวจและมียศเทียบเท่ากับเขา คือ นายพันตำรวจโท รวมถึงยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากองค์การสหประชาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับชื่อ...ยศ...และตำแหน่งที่ระบุในเอกสารเดินทางเล่มสีฟ้าสดที่มอบมาให้ตรวจสอบพร้อมกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ...เอ่อ....Lt. Col. Song” นครินทร์ตัดสินใจกล่าวสวัสดีอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไม่ลืมที่จะพ่วงยศของชายหนุ่มตรงหน้าเข้าไปด้วย

“ยินดีครับ....กรุณาเรียกผมอเล็กซ์ดีกว่าครับ....เอ่อ.......ผมขออนุญาตรายงานสถานการณ์ให้ทราบ.....จะเป็นการสะดวกมั้ยครับ” อเล็กซ์ยังคงสุภาพและเป็นกันเอง แต่ลักษณะวิธีการใช้คำพูดที่เป็นการเป็นงาน ทำให้นครินทร์รับรู้ถึงความเป็นผู้นำของนายตำรวจหนุ่มอายุน้อยคนนี้ได้

“เชิญครับ...” นครินทร์ตอบ

“ผมได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ ณ ประเทศไทย โดยอาศัยอยู่กับศิวะและจอมยุทธ์ที่เชียงใหม่ชั่วคราว... ซึ่งประจวบเหมาะกับสกายถูกลักพาตัวไป....ทางสำนักงานตำรวจสากลมีข้อมูลเพียงพอที่จะสันนิษฐานได้ว่าการลักพาตัวนี้อาจเกี่ยวโยงกับกองกำลังของนายพลลู่เซอที่เป็นกลุ่มอาชญากรอันตราย....ดังนั้นผมจึงขออนุญาตใช้อำนาจตามกฎหมายสากลว่าด้วยเรื่องปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรงระหว่างประเทศ  มาตราที่ 32 อ้างถึงการแทรกแซงของเจ้าพนักงานตำรวจสากลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจท้องถิ่น....ผมขอใช้สิทธิ์ในมาตราดังกล่าวเพื่อใช้เครื่องมือติดตามสัญญาณทางโทรศัพท์ครับ.....ข้อมูลที่ผมได้รับจะนำไปใช้สนับสนุนการชิงตัวประกัน...รวมถึงส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ประจำท้องถิ่นผู้รับผิดชอบคดีเพื่อประสานงานจับกุมและบังคับใช้กฎหมายต่อไปครับ........ส่วนของรายละเอียดและข้อมูลสนับสนุนต่างๆ... คุณจะได้รับการอธิบายจากผู้บังคับบัญชาของคุณโดยตรงครับ”

นครินทร์พอจะทราบเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศที่ถูกอ้างถึงในขณะนี้อยู่พอสมควร แม้ว่าจะดูแลงานทางด้านการปราบปรามยาเสพติด แต่ในอดีตเมื่อหลายปีก่อน นครินทร์เคยเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ) ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง เพราะถูกดึงตัวไปช่วยราชการในส่วนการปฏิบัติการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ เนื่องจากสำนักงานเพิ่งก่อตั้งมาใหม่ๆ และจำเป็นต้องใช้นายตำรวจและนายทหารที่มีฝีมือดีเข้ามาทำงานในช่วงแรกๆ นอกจากจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ช่วยราชการเหล่านั้นยังทำการฝึกเจ้าหน้าที่ใหม่ๆที่ทางกองบัญชาการทยอยรับเข้ามาโดยตรงอีกด้วย

น้ำเสียงแสดงความมั่นอกมั่นใจของอล็กซ์ยามกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาของเขาจะติดต่อมาเพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดนั้น ก็ทำให้นครินทร์เกิดข้อสงสัยขึ้นมาอีกจนได้ เพราะย่อมหมายความว่า นายตำรวจหนุ่มต่างชาติคนนี้มีการติดต่อกับผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรงมาก่อนหน้านี้แล้ว

นครินทร์ยังคงนิ่งเงียบ.......เพราะยังรู้สึกสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.....ทั้งเรื่องที่ภูฟ้าถูกลักพาตัว....เรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาอยู่ในสถานการณ์นี้อย่างประจวบเหมาะและดูเหมือนว่ามีการเตรียมความพร้อมที่รวดเร็วเสียยิ่งกว่านายตำรวจท้องที่เช่นเขา.....และสุดท้ายศิวะที่หายตัวไปในเวลาหน้าสิ่งหน้าขวานอย่างนี้

“ครับ....” สุดท้ายนครินทร์จึงต้องตอบรับคำพูดของนายตำรวจหนุ่ม....โดยยังไม่สามารถหาข้อโต้แย้งต่างๆได้

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
“จอม...เสือไปไหนล่ะ” แม้จะรู้สึกว่าเป็นการเสียมารยาทแต่นครินทร์ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงศิวะ เพราะอย่างน้อยศิวะน่าจะอยู่คอยช่วยอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ให้กระจ่างได้มากพอสมควร

“พี่เสือ....คุยโทรศัพท์อยู่ครับ...เดี๋ยวก็ขึ้นมาครับ” จอมยุทธ์เป็นฝ่ายตอบ

“จอมพี่บอกจอมตามตรงแบบไม่อายเลยว่า...นี่เป็นครั้งแรกที่พี่รู้สึกว่าตนเองจับต้นชนปลายไปถูก....ทั้งเรื่องที่ตาภูถูกลักพาตัว...เรื่องการปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานตำรวจสากล....รวมถึงไอ้เครื่องดักฟังสัญญาณโทรศัพท์นั่นอีก....จอมกับเสือไปเอาของอย่างนี้มาจากไหน” นครินทร์ไม่อ้อมค้อม เอ่ยปากบอกความในใจของตนออกมาเป็นภาษาไทยเบาๆให้ได้ยินกันเฉพาะสองคนหลังจากที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆจอมยุทธ์บนโซฟาตัวนุ่ม

หลังจากได้ยินดังนั้น จอมยุทธ์จึงเอ่ยบอกนายตำรวจหนุ่มรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงนุ่มว่า

“คุยเป็นเรื่องๆ ดีกว่ามั้ยครับ....เอาเรื่องตาภูถูกลักพาตัวก่อนดีกว่านะครับ....ผมจะให้ศักดิ์อธิบายให้ฟัง”

จอมยุทธ์ยังคงโต้ตอบนครินทร์เป็นภาษาไทย และเรียกศักดิ์ที่ยืนสงบนิ่งอยู่ในมุมห้องมาอธิบายเรื่องราวต่างๆให้กับนครินทร์

ศักดิ์ได้รับสัญญาณบางอย่างจากจอมยุทธ์ เขาจึงเปลี่ยนภาษาของการสนทนากลับเป็นเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง เขาอธิบายรายละเอียดต่างๆให้นครินทร์เข้าใจเป็นลำดับ ในขณะเดียวกันก็ให้อเล็กซ์ทราบหัวข้อของการสนทนาด้วย

นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับนครินทร์ เพราะศักดิ์อธิบายรายละเอียดต่างๆได้ชัดเจน...แม้ว่าจะใช้ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ แต่ทว่าก็สามารถสื่อสารได้ในระดับดีมากเลยทีเดียว

นครินทร์สงสัยในประวัติความเป็นมาของศักดิ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเขารู้จักชายหนุ่มคนนี้เพียงผิวเผิน เพราะไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้บ่อยมากนัก...แต่ก็พอจะทราบว่าศักดิ์เป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้าน...แต่ไม่เคยทราบว่าทำงานอะไรมาก่อน

จอมยุทธ์พอจะสังเกตความสนใจของนครินทร์ที่มีต่อศักดิ์ได้ ดังนั้นหลังจากการอธิบายเสร็จสิ้น จอมยุทธ์จึงแนะนำศักดิ์อย่างเป็นทางการให้นครินทร์ทราบ

“พี่เออย่าแปลกใจเลยครับ....ศักดิ์เค้าเป็นนายทหารน่ะครับ”

“ศักดิ์แนะนำตัวให้ท่านรองฯฟังอีกทีได้มั้ยครับ” จอมยุทธ์หันมาถามศักดิ์

“ต้องขออภัยท่านรองฯด้วยครับ.... ผมไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวกับท่านรองฯเลยครับ....ผม..ร้อยโท ศักดิ์ มหรรณพ นายทหารช่วยราชการ หน่วยสรรพาวุธ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ครับ” ศักดิ์แนะนำตัวด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก แต่ทว่าก็คงความเข้มแข็งของนายทหารได้อย่างไม่เสื่อมคลาย

“สรุปว่ายังมีอะไรอีกบ้างมั้ยที่จะสร้างความแปลกใจให้กับพี่อีก” นครินทร์ถึงกับลืมตัวกล่าวออกมา

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้ผมจะมาให้ข้อมูลเรื่องการเรียกยศตำรวจเป็นภาษาอังกฤษนะครับ....เพราะทุกคนคงทราบแล้วว่า อเล็กซ์คือใคร......ใช่มั้ยครับ....

ทั้งตำรวจและทหารจะแบ่งออกเป็นสองประเภทครับ...คือแบบชั้นประทวน และแบบสัญญาบัตร....ทุกคนคงทราบกันดี

ชั้นประทวน (Non-Commissioned Officer) จะเริ่มจาก

Police Lance Corporal (L/Cpl.) = สิบตำรวจตรี  (แลนซ์ คอพอรอล)
Police Corporal (Cpl.) = สิบตำรวจโท (คอพอรอล)
Police Sergeant (Sgt.) = สิบตำรวจเอก (เซอร์เจน)
Police Sergeant Major (Sgt.Maj.) = จ่าสิบตำรวจ (เซอร์เจน เมเจอร์)
Police Senior Sergeant Major (Snr.Sgt.Maj.) = ดาบตำรวจ (ซีเนียร์ เซอร์เจน เมเจอร์)

ชั้นสัญญาบัตร (Commissioned Officer) จะเริ่มจาก

Police Sub-Lieutenant (Sub-Lt.) หรือ 2nd Lieutenant (2nd Lt.) = ร้อยตำรวจตรี (เซคคั่น ลูเทนเนน)
Police Lieutenant (Lt.) = ร้อยตำรวจโท (ลูเทนเนน)
Police Captian (Capt.) = ร้อยตำรวจเอก (แคปเทน)
Police Major (Maj.) = พันตำรวจตรี (เมเจอร์)
Police Lieutenant Colonel (Lt.Col.) = พันตำรวจโท (ลูเทนเนน เคอนอล)
Police Colonel (Col.) = พันตำรวจเอก (เคอนอล)
Police Major General (Maj.Gen.) = พลตำรวจตรี (เมเจอร์ เจนเนอรัล)
Police Lieutenant General (Lt.Gen.) = พลตำรวจโท (ลูเทนเนน เจนเนอรัล)
Police General (Gen.) = พลตำรวจเอก (เจนเนอรัล)

ในเรื่องผมให้นครินทร์มียศเป็น พันตำรวจโท และมีตำแหน่งเป็น รองผู้กำกับ จากกองบังคับการปราปปรามยาเสพติดที่สอง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ

ซึ่งเมื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะเขียนว่า

Lt. Col. Nakarintra,
Deputy Superintendent
Division 2nd
Narcotics Suppresion Bureau

........

ผมทราบเรื่องยศตำรวจ-ทหาร และจำเป็นต้องท่องให้ขึ้นใจ เมื่อครั้งต้องไปสัมภาษณ์เป็นล่ามให้กับการฝึกภาคสนามของตำรวจและทหารจากประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกาครับ.... เราเรียกการฝึกนี้ว่า....งูเห่าทองคำ... (Cobra Gold).... ซึ่งจะมีการฝึกทุกปีครับ....

ผมก็เตรียมตัวทุกปี....แต่พอจะต้องไปสัมภาษณ์ที่ไร.....ผมก็ต้องมีภาระกิจอื่นทุกที จนไม่ได้ไปทำงานกับเขาครับ...จนครั้งสุดท้าย.... เหลืออีกสองอาทิตย์ก็จะสัมภาษณ์คัดเลือกครับ...แต่ผมก็ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาอเมริกาเสียครับ....

ถึงไม่ได้ไปทำงานกับเขา....แต่ก็จำได้ขึ้นใจจนกระทั่งทุกวันนี้ครับ.....ส่วนรุ่นน้องที่ผมเทรนไป....ก็สัมภาษณ์ผ่านกันทุกคนครับ.... ได้เงิน...ได้แฟน...กันเป็นกอบเป็นกำ......

ตอนนั้นจำได้ว่าไม่เสียใจเท่าไหร่ที่อดไป....แต่ที่เสียใจจริงๆ ก็คืองานลูกเสือโลกครับ.... ผมได้รับหนังสือเชิญสามครั้ง....ให้มาช่วยดูงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ และไม่ทราบมาก่อนว่า...น้องแดเนียลสุดน่ารักของผมจะไปปรากฏตัวที่นั่นครับ.... ผมเลยปฏิเสธไป....(แหม....ส่งหนังสือเชิญทั้งที....ไม่ยอมให้ค่าเดินทางมาด้วยอ่ะครับ....เค้าบอกว่าให้ไปเบิกต้นสังกัดเอาเอง....)......

ถ้าทราบว่าน้องแดเนียลมานะครับ....กระป๋ม....จะเสนอหน้าไปโดยไม่มีการเล่นตัวเด็ดขาดครับ....

ไปก่อนนะครับ.....

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่าเรื่อง Interpol ให้ฟัง..... ว่า....ในความเป็นจริงแล้ว....มันเป็นอย่างไร....และผมประยุกต์ใช้ในนิยายผมอย่างไรครับ...

สวัสดีครับ

Andreas
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2007 11:15:54 โดย Andreas »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
จอมกับเสือก็คงเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานตำรวจสากลละสิ  เหมือนพวกสายลับงี้ปะ  ไม่เปิดเผยตัว เท่ห์เจง ๆ  : 222222:
หวังว่าคงช่วยเหลือน้องภูโดยที่ใครไม่เป็นอะไรน้า

ขอบคุณสำหรับเรื่องยศตำรวจคร๊าบบ  อยากบอกว่างงตอนที่เขียนเป็นอังกฤษเหมือนกัน ไม่รู้ว่ายศอะไรเป็นอะไรนะ 
นึกว่ายศที่ใส่คำนำหน้าว่า Major จะใหญ่กว่าซะอีกเนอะ  กลายเป็นพลตรีไปได้ 

รออ่านต่อจ้า  :yeb:

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆ ผมอ่านเรื่องสีตา ยังพอรู้บ้างไม่รู้บ้าง

มาเจอ ยศ ทหาร ตำรวจ เข้าไป เป็นภาษาปะกิตอีกตะหาก มึนเลยคับ (ขนาด ยศของไทยผมยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ) แต่จะลองพยายามอ่านแล้วจำดูคับ เป็นความรู้รอบตัวที่ควรรู้ซะด้วย อิอิ

ยิ่งอ่านยิ่งทำให้คิดว่า คุณแอนเดรีย์ส นี่ เก่งมากๆเลยอะ เอาข้อมูล ของ ศาสตร์ หลายๆแขนง มารวมกันได้อย่างดีเยี่ยมดีเดียว

 :yeb: เป็นกำลังใจให้นะคับผม


gobgab

  • บุคคลทั่วไป
.......... :110011: :เชิป2:...ศัพท์เยอะมากเลย..... :really2:.....แต่จาพยายามจำนะจ้ะ...

..........................ว่าแต่พี่เสือกับจอมคงมีตำแหน่งใหญ่ใช่เล่นนะเนี่ย........

...........อยากรู้ว่าตาภูของน้องถุงเป็นไงบ้างเนี่ย...... :give2: :give2: :give2:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทษจากใจจริงนะครับ ที่ทำให้หลายๆคนไม่สบายใจ

ที่พิมพ์ไปทั้งหมดก็ไม่ได้มาจากอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจแต่อย่างใด (เพราะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย)

เพียงแค่อยากอธิบายเหตุผลให้เข้าใจตรงกันก็เท่านั้นเอง

ไม่คิดว่ามันจะทำให้คุณจขกท.ไม่สบายใจไปด้วย ผมขอโทษนะครับ . . .




พี่เสือของผมเท่ห์ที่ซู้ดดดดดดดด :give2:

ว่าแต่พี่แซมหายไปนานแล้วน๊าาาาา :serius2:   กลับมาได้แล้วววววววววววววววววว :impress:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
แต่ละคนนี่ ไม่ธรรมดาจิง ๆ   :yeb:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
เนื้อเรื่องเริ่มเข้นข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ขอให้ช่วยภูน้อยได้เร็วๆ ทีเท้ออออ :call:

พี่เสือกับน้องจอมนี่ท่าทางจะยศสูงใช่ย่อยล่ะมั้ง :kikkik:

ตอนนี้ก็ได้ความรู้อีกแล้ว
(แม้ว่าจะแอบงงเล็กน้อย เพราะขนาดยศของไทยเองข้าพเจ้ายังจำไม่ค่อยได้เลย  :monkeycry4:
แต่ก็ถือว่าได้ความรู้เพิ่มเติมแหละนะ  :yeb:)

kYos

  • บุคคลทั่วไป
คิดเหมือนพี่เอเลย  “สรุปว่ายังมีอะไรอีกบ้างมั้ยที่จะสร้างความแปลกใจให้กับพี่อีก”
แค่ละคนความลับเยอะเจรงๆ  :เฮ้อ:
ปล. ยศที่บอกมาทั้งหมดนี่เฉพาะของตำรวจใช่ป่ะ? หรือว่าทหารก็แบบนี้เหมือนกัน  เหอะๆ แบบว่าเป็นคน งงง่าย เข้าใจยาก  :monkeycry4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด