บทที่ 1
คณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นคณะที่แบ่งแยกเป็นหลายสาขาไม่ว่าจะเป็น โยธา ไฟฟ้า เครื่องกล และอื่นๆอีกมากมาย แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงวิศวะสิ่งแรกที่ต้องนึกถึงคือ
ผู้ชาย ว่ากันว่าคณะวิศวะคือคณะที่มีประชากรผู้ชายมากที่สุดในมหาวิทยาลัยเอาง่ายๆคือ 90% ของทั้งคณะเป็นผู้ชาย สิ่งที่จะตามมารองจากคำว่าผู้ชายก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่า สุรา และ นารี
สุรา เปรียบดั่งยาวิเศษแดกได้ทุกโอกาสตั้งแต่งานบวชเพื่อน ยันติวหนังสือสอบ โดยมีคติประจำใจว่า
แดกเหล้า แต่อย่าให้เหล้าแดกเรา ถือปฏิบัติกันมาช้านานยันปัจจุบันเหมือนกับที่รุ่นพี่คนหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่า ตีกันแทบตายแค่เหล้าเข้าปากก็เป็นเพื่อนกันได้ ดังนั้นสุราจึงถือเป็นเครื่องกระชับมิตรชั้นเลิศของเหล่าวิศวะ
นารี 65% ของทั้งมหาวิทยาลัยกรี๊ดผู้ชายวิศวะ แค่ใส่ช็อปก็ใจสั่น แค่ช็อปสีน้ำเงินก็ทำให้ดูดีขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว แถมยังเป็นคณะที่รวมผู้ชายหน้าตาดีเอาไว้เยอะมีเหรอที่สาวๆจะไม่ไหวหวั่นไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่ม
‘ชายโฉด’ กลุ่มนี้
“ สัสเมืองมึงไม่มาตอนพวกกูกลับเลยล่ะ ”
เสือ หนึ่งในกลุ่มชายโฉดพูดขึ้นเมื่อเห็นเมืองเพื่อนรักตัวสูงเดินหน้าง่วงมาแต่ไกลด้วยสภาพที่เหมือนพึ่งตื่นนอน
นาย นคร อัครเดชา หรือที่ใครๆต่างก็เรียกเมือง ไอ้เมือง เหี้ยเมือง สัสเมือง แล้วแต่ระดับความสนิทสนม เจ้าของร่างสูง 185 เซนติเมตร ไหล่กว้าง ขาเรียวยาว และที่สำคัญกล้ามแน่นสมส่วนไม่มากและไม่น้อยเกินไป ใบหน้าได้รูปคิ้วเข้มเป็นรูปสวยได้แม่ ดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง และที่สำคัญเวลายิ้มจะมีลักยิ้มบุ๋มลงที่แก้มข้างซ้าย ผิวสีแทนพอดีปกติของชายหนุ่มวิศวะที่ชอบลุยงานกลางแจ้งยิ่งเป็นที่หมายปองของใครหลายๆคน
“ ได้เหรอ? งั้นกูกลับละ ” เมืองพูดขึ้นด้วยท่าทางกวนประสาทก่อนจะหันหลังกลับ
“ มึงกลับกูตัดชื่อเอาดิ ”
“ เสือนี่เพื่อนไง เมืองเอง ” ร่างสูงว่าพร้อมเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆกับเพื่อนรักที่นั่งพิมพ์งานหน้ายุ่งอยู่ แขนยาวกอดคอเพื่อนรักอย่างเอาใจ
“ ไงมึงหนักเหรอเมื่อคืนคาบเช้าถึงไม่เข้า อ.ชัช ถามหามึงด้วยแดกเอฟแน่มึง ”
เจมส์ เพื่อนในกลุ่มอีกคนว่าขึ้น
“ นิดหน่อย จีจี้แม่งตื้อกูไม่เลิก ”
“ อ่าวกูก็นึกว่าพวกมึงเลิกกันไปนานละ ”
“ กูอ่ะเลิก แต่จีจี้ไม่ แม่งเอ้ยพอกูจะเป็นคนดีหน่อยทำไมมารมาขว้างเยอะแบบนี้วะ ” เมืองบ่นอย่างหัวเสีย
“ เออๆช่างเรื่องนี่ก่อน สัสเมืองในฐานะที่มึงยังไม่ได้ทำงานอะไรมึงไปหาหนังสือสองเล่มนี้ที่ห้องสมุดภาคให้กูหน่อยกูจะเอาข้อมูลมาใส่รายงานเรา ” เสือว่าพร้อมกับยื่นกระดาษที่จดชื่อหนังสือและเลขหนังสือให้เมืองที่นั่งทำหน้าง่วงอยู่ข้างๆ
“ กูเข้าห้องสมุดละร้อนมึงใช้ไอ้
ฟาร์ ดิ ” เมืองโบ้ยให้เพื่อนตัวสูงที่นั่งทำหน้าง่วงไม่ต่างจากเขา
“ งั้นไอ้ฟาร์มะ... ”
“ เอ่อขอโทษนะครับ ” เสียงที่ดังขัดขึ้นมาจากด้านหลังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ทำให้ชายหนุ่มทั้งหมดต้องหันหน้ากลับไปมองก่อนจะพบกับชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าพวกเขามากโขในชุดนักศึกษาขาวสะอาดพอดีตัวถูกระเบียบเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับแท็กชื่อข้างอกที่บ่งบอกได้ดีว่าคน คนนี้เรียนทันตแพทย์แน่นอน ผิวขาวอย่างคนที่ไม่ค่อยเจอแดด ใบหน้าเนียนใส พร้อมกับแว่นตาทรงกลมที่กำลังเป็นที่นิยมแต่คาดว่าเลนส์ของแว่นน่าจะหนาอยู่พอสมควร
ว่าแต่...
ทันตะมาทำอะไรที่วิศวะ?
“ มีอะไรรึเปล่าครับ ” เจมส์ที่ดึงสติได้ก่อนเพื่อนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหมอตัวเล็กๆตรงหน้าทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเพราะพวกเขาเอาแต่มองคนตรงหน้าไม่พูดอะไรสักคำ
“ คือเราจะถามว่าห้องสมุดคณะวิศวะไปทางไหนเหรอ ”
“ เดินตรงไป เลี้ยว... ”
“ กูกำลังจะเดินไป ไปพร้อมกูก็ได้ ” เมืองลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพูดขึ้นทำเอาเพื่อนทั้งกลุ่มหันมองหน้ากันอย่างงงงวย
“ ไหนมึงบอกมึงเข้าห้องสมุดแล้วร้อนไงวะ ”
“ ใครพูด เชี่ยฟาร์มึงพูดเหรอ ”
“ ห๊ะ!! กูเหรอ ” ฟาร์ทำหน้างงพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเมื่อโดนเพื่อนโยนขี้ก้อนใหญ่ให้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัวสักนิด
“ เออมึงนั่นแหละ ไหนล่ะหนังสือที่จะให้กูหาเอามาเร็วๆกูอยากไปห้องสมุดแล้วเนี่ยเดี๋ยวมันปิดก่อน ”
“ ห้องสมุดปิดหกโมงเย็นนี่มันพึ่งบ่ายสองไอ้สัส!! ”
“ อ่าวหรอ โทษๆกูลืม ” ปากบอกขอโทษแต่หน้าตากวนตีนชิปหาย
“ เอ่อคือบอกแค่ทางมาก็ได้เดี๋ยวเราไปเอง ” ตาวที่ยืนฟังอยู่นานว่าขึ้นอย่างเกรงใจเขารู้สึกเกร็งและไม่คุ้นชินกับภาษาฉบับพ่อขุนรามมาเองสักเท่าไหร่แม้ว่าเพื่อนของเขาจะพูดแบบนี้เช่นกันแต่ก็ไม่ถึงระดับที่เขากำลังเจอในตอนนี้อีกอย่างตาวกำลังมีความคิดว่า
ผู้ชายกลุ่มนี้เจ้าเล่ห์แปลกๆ
เหมือนคุยกันผ่านทางสายตาในแบบที่ตาวเดาไม่ได้
“ ไปเองทำไม
เดินไปด้วยกัน ดีกว่านะ ป่ะไปกัน ”
**************************************
“ อ่าวต้องใช้บัตรนักศึกษาของวิศวะเหรอเนี่ยถึงจะเข้าได้แย่จัง ” ตาวพึมพำเมื่อเดินมาถึงทางเข้าห้องสมุดแต่สแกนบัตรเข้าไม่ได้สักทีจนเหลือบไปเห็นกฎการใช้ห้องสมุดที่แปะติดอยู่กำแพงด้านข้างใบหน้าเล็กงอง้ำอย่างเสียดาย
อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วแท้ๆ
“ อ่ะเอาไป ” บัตรนักศึกษาถูกยืนมาตรงหน้าของตาว
“ ไม่เป็นไรครับ ” ตาวโบกมือปฏิเสธผู้ชายตรงหน้าอย่างเกรงใจ
“ ดื้อจังวะ ”
“ ผมไม่ได้ดื้อนะแต่ถ้าผมเอาบัตรคุณแล้วคุณจะเข้าไปข้างในยังไงล่ะคุณก็จะไปหาหนังสือเหมือนกันนี่ ”
“ ไม่ต้องห่วงกูหรอกระดับกูแล้วเข้าได้สบายมาก ” เมืองว่าพร้อมกับยักคิ้วให้คนที่ตัวเล็กกว่าเขา
“ ….. ”
“ ไม่เชื่อเหรอ? งั้นดูนี่นะ ” คนตัวสูงว่าพร้อมกับเดินออกไปยืนตรงลานกว้างที่มีนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์กำลังเดินไปมา “ เฮ้ย!! มึงน่ะ ” เสียงเข้มร้องเรียกเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งเพราะยังมีป้ายชื่อติดอกอยู่ให้เดินเข้ามาหาตนเอง
“ ครับเฮียเมือง ”
“ เอาบัตรนักศึกษามึงมา เร็วๆให้ว่อง ”
“ ครับๆ นี่ครับ ” เด็กปีหนึ่งพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับยื่นบัตรนักศึกษาให้
“ เห็นไหมง่ายนิดเดียว ”
ก็ง่ายน่ะสิ เล่นขู่บังคับเอาซะขนาดนั้น...
**************************************
“ นี่คุณนคร ”
“ กูชื่อ นะ – คะ – ระ ” เมืองพูดเน้นทีละคำ
“ เออนั่นแหละครับช่วยหยุดมองผมแล้วก็อยู่เงียบๆได้ไหมผมจะอ่านหนังสือ ” ตาวที่อดทนไม่ไหวว่าขึ้นเพราะตั้งแต่เข้าห้องสมุดมาไม่นับช่วงที่เดินไปหาหนังสือที่ตัวเองต้องการผู้ชายที่ชื่อ นคร ที่ไม่ได้อ่านว่า นะคอน แต่อ่านว่า นะคะระ ก็เอาแต่ตามติดเขาไม่ไปไหนสักที
“ มึงจำกูไม่ได้จริงดิ ”
“ เฮ้ออ ไม่ครับ ” ตาวถอนหายใจพรืดอย่างอ่อนใจนี่ขนาดเขาบอกให้อยู่เงียบๆแล้วแท้ๆยังเอาแต่ถามเขาด้วยประโยคเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาอยู่ได้
“ กูชื่อเมืองไงที่เดินไปขอเบอร์มึงเมื่ออาทิตย์ก่อนอ่ะ ”
“ อ๋อครับ ” ตาวพยักหน้ารับอย่างขอไปที
“ แค่อ๋อครับเนี่ยนะ กูเมืองเลยนะเว้ย ”
“ จะเมือง ภูมิภาค หรือว่าประเทศผมก็ไม่สนทั้งนั้นแหละถ้าจะมาพูดอยู่แบบนี้ก็แยกกันนั่งเถอะถ้าคุณไม่ไปผมจะไปเอง ” ตาวว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืนหอบหนังสือไว้ในอ้อมแขน
“ โห ดุเป็นด้วย ”
“ คุณเมือง!! ”
“ โอเคๆ กูยอมแพ้แล้ว ” เมืองยกมือขึ้นเหนือศีรษะอย่างยอมแพ้เมื่อดูท่าว่าคนตัวเล็กตรงหน้าคงจะเริ่มโมโหเขาจริงๆแล้ว “ แต่กูมีข้อแม้นะ ”
“ ….. ”
“ กดรับเฟสกูก่อนดิ ขอมึงไปเป็นอาทิตย์แล้วไม่เห็นกดรับสักทีเลย ”
“ ผมรับแค่คนที่ผมรู้จักครับ ”
“ มึงก็รู้จักกูแล้วไงหรือว่าอยากรู้จักมากกว่านี้ไปไหว้พ่อแม่กูเลยไหมล่ะ ”
“ คุณเมืองนั่นมันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นๆนะครับ ”
“ แล้วหน้ากูมันเหมือนคนพูดเล่นมากเหรอ ”ดวงตาคมที่จ้องมองมาทำเอาตาวพูดไม่ออกไม่รู้จะพูดอะไรต่อคนตัวเล็กทำได้แค่วางหนังสือที่หอบอยู่ในตอนแรกวางลงบนโต๊ะปลดกระเป๋าเป้ของตนเองออกจากไหล่ก่อนจะควานหาโทรศัพท์เครื่องสวยของตนเองในกระเป๋าขึ้นมาเข้าแอปพิเคชั่นรูปตัวเอฟสีฟ้ากดเข้าไปแจ้งเตือนที่บ่งบอกว่ามีคนมาขอเป็นเพื่อนพร้อมกับกดยืนยันการขอ
“ ผมกดรับแล้วโอเคแล้วใช่ไหมครับงั้นผมไปนะ ” ตาวว่าพร้อมกับหอบหนังสือจากไป
Taw Traikhun ได้เป็นเพื่อนกับ
Nakara Akkaradecha แล้ว
1,200 ไลค์ 430 คอมเม้น
Sue Sorawich ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนม้างงงงง
Far Papob eiei อ๋อกูก็ว่าหน้าคุ้นๆตอนนี้คิดออกละ
Jame Jamessu หูยยยยย ตาวตาว
Nakara Akkaradecha มึงชื่อเมืองเหรอไปเรียกเขาตาวตาว
Jame JamessuJame Jamessu เออกูย๊อมมมมมมมมมม #RIPกู
ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ เกินคาดมากเลย ขอคุณที่ติ และแก้คำผิดด้วยแต่เราพึ่งหัดเล่น
เดี๋ยวจะหาดูว่ากดแก้ไขตรงไหนแล้วจะรีบแก้ไขนะคะ ขอบคุณที่ของ พี่เมืองกับน้องตาวน๊าา
พูดถึงในสื่อโซเชียวอื่นๆสามารถติด #เมืองตาว ได้นะคะ เดี๋ยวตามไปอ่าน อิอิ