Chapter 9 เข้าวันที่สองของวันทำงาน วันนี้ดูเหมือนทีมงานทุกคนจะคร่ำเคร่งและจริงจังกับการงานเป็นพิเศษ คงเพราะงานนี้เป็นโปรเจคยักษ์ของบริษัทและพวกเราก็ต้องทำงานแข่งกับเวลากันเพื่อให้ทันออนแอร์ในช่วงปลายปีนี้ ไม่เว้นแม้เจ้าร็อคเกอร์เคโระตัวดี ที่พออยู่ท่ามกลางกองถ่ายและทีมงานมากมาย ดูเหมือนจะไม่มีเค้าของเด็กขี้อ้อน หน้ามึน ทว่าช่างเอาอกเอาใจอย่างเมื่อคืนหลงเหลืออยู่เลย ..เฮ้อ รู้สึกแปลกจริงๆ ทำไมนะ ตลอดคืนที่ผ่านมา เราจะต้องคิดถึงหน้าตาบ๊องๆคิ้วหนาตาโตๆ และก็เรื่องของเจ้าเด็กนี่อยู่บ่อยๆด้วย ขนาดในฝันมันยังตามมาหลอกหลอนได้ กลัวใจตัวเองจริงๆเลยโว้ย ยิ่งเป็นคนใจอ่อนอยู่ด้วยนี่สิ... ไม่อาว ไม่อาว นะโม~ นะโม - -‘
“
พีม! ไปเร๊ว เซ็ทสุดท้ายแล้ว” ช่างภาพเรียกหนุ่มผิวขาวที่มัวแต่นั่งเม่อ คิดเรื่อยเปื่อยอยู่ภายในซุ้มพักร้อนของกองถ่าย
“โอเค.. แสงพร้อม ไฟพร้อม พัดลมแรงอีกๆ โอเค..ดี”
“เอ้า...น้ำเชี่ยวโอเค หล่อมาก พีมขอท่าที่ดูเท่อีกหน่อย เยี่ยมทั้งคู่เลย....โอเคๆ ดีๆ นับ1 2 3 เปลี่ยนแอค”
“พีมเปิดเสื้อออกหน่อยนึง ... ดีๆ น้ำเชี่ยวดีแล้วขอท่าแบบเมื่อกี้นี้เลย ..... โอเคๆ”
.
.
“
กรี๊ดดดดดดด พี่พีมหล่อ
ว้ายยยยยยพี่น้ำเชี่ยวเท่
กรี๊ดดดดดดดพี่พีมเซ็กซี่จังคร่า” พอถึงภาพเซ็ตสุดท้ายที่ผู้กำกับต้องการความกวนที่ดูยั่วๆหน่อย เหล่าบรรดาแฟนๆ แฟนคลับที่มามุงดู ก็ส่งเสียงกรี๊ดปรอทแตกมาเป็นระยะๆ พีมแอบยิ้มน้อย เพราะรู้ดีว่าบรรดาแฟนคลับของตัวเอง ที่กรี๊ดดดดดจนหูทีมงานแทบฉีกขนาดนี้ นั่นคงเพราะเขาถูกผู้กำกับสั่งให้ดึงเสื้อโชว์หน้าท้องลอนสวย.. แต่ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกเหมือนมีรังศีอะไรแปลกๆร้อนวูบๆ มาจากคนข้างๆด้วย
ไอ้กบบ้านี่มันเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย .. ดูซิดูสายตามันอย่างกะจะกินเลือดกินเนื้อเราอย่างนั้นแหละ ..จะเหล่ทำไมห๊ะ ไม่เคยเห็นคนหล่อ โชว์พุงรึไงฟระ O*O!
.
.
“โอเคทุกคนเรียบร้อย......เดี๋ยวเก็บของแล้วพักผ่อนกันได้ เจอกันอีกทีที่สนามแข่งรถช่วงบ่ายนะ ขอบคุณครับ”
“คร๊าบบบบบบ / คะ”
“พีม น้ำเชี่ยว วันนี้เยี่ยมมากทั้งคู่เลย รู้งี้ให้มาร่วมงานกันตั้งนานแล้ว ไหลลื่นมากเลยเนอะฝน”
“โอเค วันนี้คงหมดเท่านี้แล้วล่ะสำหรับสองคน เดี๋ยวทีมงานเค้าจะต้องออกไปเก็บอินเสริทช์ภาพที่สนามแข่งรถ ส่วนเรา2คน ควรจะพักผ่อนให้มากที่สุดนะ เพราะพรุ่งนี้จะต้องออกกองแต่เช้ามืด เริ่มฉากแรกที่สนามแข่งด้วย คงต้องเหนือยกันทั้งวันแน่ เพราะฉะนั้นเก็บแรงเอาไว้นะ โดยเฉพาะน้ำเชี่ยว ไม่ไปเล่นน้ำแล้วรู้มั้ย แล้วพี่จะให้รถมารับเราสองแต่เช้านะจ๊ะ ไปล่ะ” พี่ฝนกับยีนส์เดินเข้ามาบอกคิวต่างๆของวันพรุ่งนี้ พร้อมกับกำชับเจ้าเด็กแสบไม่ให้เถลไถล แล้วบอกให้สองคนไปพักเก็บแรงไว้ ก่อนที่จะขอตัวแยกย้ายไปทำงานกันต่อ
.
.
---ก๊อกๆ
ก็อกๆ---ก๊อกๆ
ก็อกๆ---
“พี่พีมมมม...น้ำเชี่ยวเอง เปิดประตูหน่อยยยย”
“...มีไร...”
“ขอน้ำเข้าไปหน่อยดิ ไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ ขอเข้าไปนั่งเล่นในห้องพี่หน่อยนะ”
“....” พีมไม่ได้พูดตอบอะไร แต่ก็ยอมเปิดประตูให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาแต่โดยดี นึกในใจว่ามันจะมาไม้ไหนอีกนะ ควรจะตั้งรับยังไงล่ะทีนี้
“พี่ทำไรอยู่อ่ะ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นโน็ตบุคบนเตียงที่ถูกเปิดค้างไว้อยู่
“ไม่ได้ทำไร ว่างๆก็เล่นเน็ต แต่งเพลงไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” ซูเปอร์สตาร์หนุ่มตอบออกไป หวังว่านั่นจะเป็นประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากปากเจ้าเด็กช่างตื้อ ชายหนุ่มเหลือบมองเจ้าตัวดีที่เดินวุ่นไปมา แล้วรีบตัดบทโดยการคว้าเอาเฮดเซ็ทมาสวมที่หูเพื่อตัดการรับรู้ทุกอย่างซะ ไม่ใช่ว่าน้ำเชี่ยวเป็นคนไม่ดีหรอกนะ แต่กลัวใจตัวเองต่างหากล่ะ
“พี่แต่งเพลงด้วยเหรอ...บลาๆๆๆ ~ ”
.
.
หลังจากรู้สึกว่าเสียงคุยโม้น้ำลายแตกฟองของเด็กหนุ่มหายไปได้สักพัก พีมจึงชะโงกหน้ามา แอบเหล่เจ้าตัวดีที่ตั้งท่าทำลายล้างอะไรสักอย่างในเครื่องPSPราวกับโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน เรียกว่าแผนหาอะไรอุดหู ดูจะใช้ได้กับเจ้าตัวยุ่งเป็นอย่างดี โหะๆ~
---ก๊อกๆ---
Z…
---ก็อกๆ---
“
พี่!!! มีคนมาเคาะ ปั้ก กะ ตู..!!!”
“
เว้ยยยย!!! @#!$@! หูแทบแหก+ ตะโกนเข้ามาได้ ไอ้บ้านิ” เด็กหนุ่มตัวแสบคว้าเฮดเซ็ตจากใบหูเล็กของคนบนเตียงได้แล้วกรอกเสียงกังวานใส่คนเจ้าเล่ห์ จนค้อน ทั่ง โกน ในรูหูซูเปอร์สตาร์หนุ่มแทบทะลุ
“แล้วจะใส่ไว้ทำไมเนี่ยยยหูฟังอ่ะ ใส่แล้วไม่เสียบเข้าเครื่อง จะได้ยินอะไรเล่า!” น้ำเชี่ยวเถียงย้อนคนขี้โวยวายอย่างรู้ทัน จนอีกฝ่ายถึงกับเหวอเพราะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเมื่อถูกจับได้ว่าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน .. ฮิๆ สมน้ำหน้า คิดว่าเรารู้ไม่ทันหรือไงเล่า ฮ่าๆๆ เชอะ! ถึงกับต้องทำอย่างนี้เลยเหรอ เห็นเราเป็นตัววุ่นวายขนาดนั้นเลยรึไง คนอะไรหน้าตาก็ดูน่ารักดีหรอก แต่ใจร้ายชะมัด ชิ!
“ห้องคุณพีม พีราณุ หรือเปล่าคะ”
“ครับ”
“มีแขกจากกรุงเทพฯ ฝากดอกไม้มาให้คะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” พีมรับดอกไม้ช่องามมา พร้อมกับเปิดอ่านการ์ดที่ถูกแนบมา
++
สวัสดีจ๊ะพีม
ขอแสดงความยินดีกับวันเปิดกล้องโปรเจคใหม่นะคะ
จะคอยเป็นกำลังใจให้เสมอคะ......จีจี้++
“ใครส่งมาอ่ะ” น้ำเชี่ยวเดินเข้ามาชะเง้อมองดอกไม้ในมือพีมพร้อมกับเอ่ยถาม ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด
“เพื่อนนะ แสดงความยินดีกับงานตัวใหม่”
“ใช่เพื่อนแน่เร้อ.. เพื่อนน้ำเชี่ยวไม่เห็นทำงี้มั่งเลย” เจ้ากบแกล้งถามเสียงสูง รู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าไปในอก ได้แต่ด่าตัวเอง ว่าทำปากดีรนหาที่อีกซะแล้วมั้ยล่ะ
“อืม....จริงๆ ก็พิเศษกว่าเพื่อน งั้นมั้ง.....เค้าก็เป็นคนสำคัญสำหรับพี่คนนึงเลยอ่ะ” .... ... .. . .
สำหรับจีจี้ จะใช้คำนี้ก็คงถูกแล้วหล่ะ แต่ทำไมเราต้องพูดขึ้นมาตอนนี้ด้วยเนี่ย จะพิเศษหรือสำคัญจำเป็นต้องบอกเจ้านี่ด้วยเหรอ..หันกลับไปอีที คู่สนทนาคนเดิมก็ก้มหน้างุดอยู่กับเครื่อง psp ไม่ได้พูดหรือตอบอะไรกลับมาอีกแล้ว
.
.
“พี่ น้ำง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันที่กองแล้วกันครับ” กว่าสิบนาทีที่บรรยากาศในห้องอบอุ่นห้องเดิม กลับเงียบกริบราวกับสองคนไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อาจเพราะดอกไม้ช่อนั้นคงมีความหมายมากกว่าสิ่งมีชีวิตอย่างเขาที่ยังดำรงอยู่ในห้องนี้ล่ะมั้ง..
เราคงกลายเป็นคนขี้แยให้เค้าเห็นแน่ๆถ้ายังฝืนนั่งอยู่ในห้องนี้ต่อไป รู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่หน้าอก ได้แต่คิดว่าถ้าเราหรือเขาใครสักคนเป็นผู้หญิงล่ะก็ เขาคงจะบอกทุกสิ่งที่รู้สึกออกไปหมดแล้ว ไม่เก็บงำไว้อย่างนี้หรอก แต่..สภาพอย่างนี้จะไปบอกใครได้ มองตัวเองเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกสมเพศมากขึ้น
.
.
..
คนสำคัญสำหรับพี่..
“สักวันน้ำเชี่ยวจะมีโอกาสได้เป็นคนๆนั้นบ้างมั้ยครับ” .. เด็กหนุ่มพรึมพรำถึงสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้ผืนฟ้าที่ถูกแต้มด้วยดาวพราวระยิบจรดกับผิวท้องทะเลอันเงียบสงบฟัง สองมือหนาละจากผืนทรายละเอียดรวบเอาสองเข่าของตนเข้าชิดอก แล้วมองออกไปยังกำแพงมหาสมุทรสีดำข้างหน้า ได้แต่หวังว่าสายลมที่พัดพากลิ่นไอทะเลเข้าปะทะใบหน้าเขาอยู่ตอนนี้ คงพอทำให้หยดน้ำใสที่กำลังรื้นดวงตาโศกเหือดแห้งไปสักที
..หากคืนนี้มีดาวอยู่ล้านดวง ฉันขอได้ไหมสักดวงหนึ่ง ช่วยฟังฉันที
เพราะว่าคืนนี้ ฉันมีเรื่องร้อนใจ อยากอธิฐานและขอดวงดาวให้ ช่วยฉันสักที
เนื่องจากตอนนี้ ฉันรู้สึกจิตใจมันอ่อนไหว อยากจะรู้ว่าเขาเป็นยังไง จากคำพูดวันนี้
เพราะฉัน เพิ่งบอก..(ฮึก)..ไป และเขา..ก็รับฟังทุกอย่าง ทุกถ้อยคำ (ฮึกๆ) เหมือนความฝัน
แต่ฉันเองก็ไม่อาจ แน่ใจ.. ว่าพรุ่งนี้ เรื่องของเราจะสุข หรือแสนเศร้า (ฮือ)
จึงวอน ขอดาว ให้..ช่วย.. (ฮือๆๆ~)“น้ำ รั ก พี่ พี ม” กว่าค่อนคืนที่เด็กหนุ่มพยามบังคับจิตใจตัวเองให้สงบ ให้โยนทิ้งความรู้สึกโหยหา หยุดแอบรักเขาคนนั้นซะ หวังว่าผืนทรายและท้องทะเลจะช่วยโอบอุ่มบรรเทาความอัดอั้นข้างในได้บ้าง แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม้ตลอดชีวิตของน้ำเชี่ยว เสียงเพลงเคยเป็นสิ่งที่กล่อมเกลาเขาได้ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหนก็ตาม แต่ทว่าครั้งนี้ การระบายออกด้วยเสียงเพลงกลับสะท้อนลึกบางสิ่งบางอย่าง จนไม่อาจฝืนร้องเพลงนั้นต่อไปได้อีก ..เด็กหนุ่มรู้สึกโมโหตัวเองอย่างที่สุด ที่ไม่กล้าแม้กระทั่งบอกความในใจออกไปให้เขารู้ เพียงเพราะกังวนว่าเป็นเราเพศเดียวกัน เพียงเพราะขี้ขลาด หวาดกลัวกับความผิดหวังที่จะตามมา
.
.
*******************************
อิอิ มาเม้นกันด้วยเน้อ
มิเช่นนั้นเค้าจะปล่อยให้ค้างงงงง กรั่กๆๆๆๆ
B a l l o o n