Just you and I : 21
อุ่น ความรู้สึกแรกหลังจากรู้สึกตัว พอขยับก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมารัด ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเห็นอกอุ่นๆ ที่ผมกำลังซุกอยู่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยทำให้เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยังนอนหลับ พี่โชนอนกอดผมตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่รู้พี่เขาโกรธผมอยู่นี่นา ก่อนคนที่กอดผมจะเริ่มขยับตัวผมก็รีบแสร้งหลับตาทำเป็นหลับ ความอุ่นซ่านที่หน้าผากทำให้เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“ตื่นแล้วเหรอ ยังปวดหัวอยู่มั้ย” เสียงพี่โชพูดชิดกับหน้าผาก ผมยังหลับตาเลยส่ายหัวตอบ “ไม่สบายยังไปกินเหล้า อยากให้พี่โกรธจริงๆ เหรอ” พอได้ยินผมก็รีบลืมตามองคนที่บอกจะโกรธจริงๆ
“ไม่เอา ไม่ให้โกรธ” ผมบอกเตรียมเบ้หน้า ปกติผมไม่ได้ขี้แยเลยนะ
“แล้วใครให้ไปกินเหล้า พี่ห้ามแล้วก็ไม่ฟัง” แม้จะดุแต่น้ำเสียงก็เจือความอ่อนโยนจนผมกระชับอ้อมแขนตัวเองที่กอดรอบเอวพี่โชอยู่
“ผมขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว” เสียงอู้อี้ติดอก ผมส่ายหน้าบนอกพี่โชจนถูกขำ “ตอนพี่โชโกรธ ผมไม่มีความสุขเลย”
“พี่ก็ไม่ได้มีความสุข แต่อยากให้กลอยมั่นใจในตัวพี่มากกว่านี้”
“ขอโทษ” ผมงับเสื้อหอมอ่อนๆ ของพี่โชเล่นจนถูกเจ้าของเสื้อหัวเราะ
“ลุกไปล้างหน้าล้างตาเถอะ พวกข้างนอกมันคงกินข้าวก่อนเราไปแล้ว” จะว่าไปนี่เช้าวันใหม่แล้วเหรอ ผมเหมือนเพิ่งหลับไปไม่นานเองนะ
ผมลุกขึ้นยืนอย่างมึนๆ อาจเพราะพิษไข้ที่เล่นงานมาทั้งคืน พี่โชบอกมาแบบนั้น แสงสว่างที่หน้าประตูทำให้ต้องหรี่ตามอง นาฬิกาบนผนังบอกเวลาเก้าโมงยี่สิบ อ่า ตื่นสายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พี่โชที่พับฟูกเสร็จก็เดินมายืนข้างๆ มืออุ่นยกขึ้นทาบบนหน้าผากของผมเพื่อวัดไข้
“ตัวยังอุ่นๆ อยู่เลย”
“อื่อ”
รู้สึกอยากอ้อน ผมเลยยื่นแขนโอบรอบเอวพี่โชจากด้านหลัง ซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังกว้างเมื่อพี่โชเดินนำหน้าจนต้องหยุดหันมามอง แต่พอผมไม่ยอมปล่อยเราก็เดินออกไปทั้งแบบนั้น พอออกมาด้านนอก เสียงพวกที่นั่งตากแดดอุ่นๆ ก็โห่แซว
“ไอ้โช มึงเอาลูกมาด้วยเหรอวะ” พี่ตินมาก่อนเพื่อน แต่ผมไม่สนใจปล่อยให้พวกนั้นหัวเราะกันท้องแข็ง
“ทีงี้มาทำเป็นอ้อน ดีกันแล้วล่ะสิ” ไอ้อัธตะโกนมา ผมเลยชูนิ้วกลางไปให้ “ยกให้กูทำไม เดี๋ยวมึงก็เจอดี” พูดจบมันก็หัวเราะ ไอ้เชี่ยอัธนี่กวนตีนเกินไปแล้ว
“เมื่อวานหน้าหงอยเหมือนหมาป่วย วันนี้กลายเป็นลูกลิงไปซะแล้ว” พี่แทมครับเสียงแบบนี้
กว่าผมจะเดินผ่านกลุ่มใหญ่ก็โดนแซวไปหลายแผล แต่นั่นยังไม่เท่ากับคนที่เดินสวนออกมาจากห้องน้ำ
“มึงจะสิงเพื่อนกูหรือไง” ผมไม่รอฟังพี่จอมพูดจบ รีบเดินเข้าห้องน้ำไปก่อน ส่วนพี่โชก็ยืนคุยกับพี่จอมด้านนอก
ผมวักน้ำขึ้นล้างหน้า น้ำโคตรเย็นเหมือนเอาน้ำแข็งมาแช่ รู้สึกสั่นทั้งตัว คือมันหนาวจริงๆ ขนาดสายแบบนี้แล้วนะ พอล้างหน้าเสร็จผมก็เงยหน้ามองตัวเองในกระจก ทำไมกูหล่อวะ ขนาดป่วยยังหล่อ ระหว่างหลงตัวเองเสียงเคาะประตูห้องน้ำก็ดัง เสียงพี่โชบอกให้เปิด ผมก็ยื่นมือไปเปิด อย่าคิดไปไกลนะครับ พี่โชแค่เข้ามาล้างหน้า ส่วนผมก็แปรงฟันอยู่ข้างๆ พอทุกอย่างเสร็จสรรพก็ออกไป แต่มีเหรอที่จะพ้นปากเหยี่ยวของพวกที่รอจิก แล้วเสียงโห่แซวก็มาอีกระลอก ไอ้กลอยไม่สนเว้ย
กับข้าวมื้อนี้เป็นน้ำพริกหนุ่ม แคปหมู กับปูอ่อง คือปูอ่องที่ว่าแม่ไอ้ม่านทำเองครับ โดยเอาปูนาที่ลุงไปจับมาแกะเอากระดองออก แล้วขูดมันปูมาตีรวมกับไข่ไก่ ปรุงรสแล้วหยอดคืนไปในกระดองและเอาไปย่างบนเตาถ่าน มันอร่อยแบบแปลกๆ รสชาติเค็มๆ มันๆ แต่ผมก็ชอบนะ เอาข้าวเหนียวจิ้มกิน อร่อยสุดๆ
มื้อเช้าค่อนไปทางสายของผมกับพี่โชเรียบร้อย ทุกคนก็ลงความเห็นจะไปไหนกันต่อ แต่พี่โชกับผมไม่ได้ไปด้วยเพราะพวกเราจองโรงแรมในตัวเมืองไว้ก่อนจะมาที่นี่ ตอนแรกที่วางแผนมาเที่ยวเชียงใหม่พี่โชจัดการทุกอย่างหมดแล้ว แต่พอพี่จอมรู้ก็โทรบอกเพื่อนและพากับเฮละโลตามมา ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย
“มึงจะไปเลยหรือไปเที่ยวกับพวกกูก่อน” พี่ซันถามพี่โชที่ยืนพิงกับตัวรถ ระหว่างที่ผมขนของตัวเองใส่ท้ายรถ
“พวกมึงไปเถอะ กูจะเอาของไปเก็บที่โรงแรมเลย” พี่โชบอกเพื่อนก่อนล่ำลา ผมโบกมือให้เพื่อนและพี่ๆ ที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้
พี่โชขับรถเข้าตัวเมืองเชียงใหม่อย่างช้าๆ ผมว่าเชียงใหม่น่าจะเป็นเมืองรถติดรองจากกรุงเทพเลยนะครับ ติดแหง็ก ขยับได้นิดเดียวก็ติดไฟแดงอีก แบบนี้เมื่อไหร่จะถึงละนี่
โรงแรมที่เราจองอยู่ใกล้ๆ กับไนท์บาร์ซ่าเพราะจะได้เดินเที่ยวสะดวกๆ แม้ช่วงใกล้สิ้นปีแบบนี้จะหาห้องลำบากไปสักหน่อย แต่มันก็ยังพอมีเหลือ ตอนนี้รถเลี้ยวเข้าเส้นไนท์บาร์ซ่าก่อนจะวนไปด้านหลังเพื่อเข้าในโรงแรม เพราะถนนเส้นนี้เป็นถนนเดินทางเดียว เราเลยต้องไปวนก่อน
พอรถจอดกับที่ พนักงานก็รีบลากที่เข็นมารับกระเป๋า ผมกับพี่โชเดินตรงเข้าไปเช็คอิน ซึ่งห้องที่จองก็เป็นห้องพิเศษ ที่สามารถมองเห็นวิวของดอยสุเทพ ทำให้ราคาค่อนข้างสูงจนผมแทบเป็นลม ถ้าผมเป็นคนจองคงหาที่ถูกๆ นอนมากกว่า
พวกเราขึ้นลิฟท์ไปจนถึงห้อง พนักงานเข็นรถมาจอดอยู่หน้าห้องก่อนยกกระเป๋าเข้ามาให้ พี่โชให้ทิปไปด้วย เมื่อประตูปิดลงผมก็พุ่งตัวลงไปนอนบนเตียงเดี่ยวคิงไซส์ นุ่มมากสมกับราคาคืนละเกือบหมื่น ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมามองพี่โชเก็บของใช้ที่จำเป็นวางบนโต๊ะ พอเก็บเสร็จก็เดินไปเปิดผ้าม่าน ทำให้เห็นยอดดอยสุเทพที่อยู่ไกลๆ ผมก็รีบเดินไปดูด้วย
“สวยอ่ะ” ผมมองภาพด้านนอกตาเป็นประกาย นี่ถ้าไม่ได้มากับพี่โชคงไม่มีทางได้เห็นแน่ๆ พอหันกลับเข้ามาก็เจอสายตาอ่อนโยนของพี่โชจนต้องเสหน้ากลับไปมองด้านนอกตามเดิม
“ไปเที่ยวกัน” พี่โชจับมือผมก่อนเราจะเดินออกจากห้อง
ผมเข้าไปถามทางกับประชาสัมพันธ์แสนสวยถึงร้านที่เราจะสามารถเช่ามอเตอร์ไซค์ พอได้ข้อมูลเราสองคนก็เดินเอื่อยๆ ไปหาร้านเช่าตามที่พนักงานบอก ราคามอเตอร์ไซค์ต่อวันจะว่าแพงก็แพงแต่เพราะเป็นราคาสำหรับนักท่องเที่ยวพวกผมก็เข้าใจ แต่คนไทยด้วยกันน่าจะลดให้สักหน่อย
หลังจากต่อรองราคาจนได้ส่วนลดนิดๆ (ผมอ้อนเจ้าของร้านจนพี่โชกระแอมไปหลายรอบ) พวกเราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตามถนนรอบคูเมือง ถ้าเป็นไปตามที่เจ้าของร้านรถเช่าบอก เราต้องเลี้ยวขวาหน้าโรงพยาบาลสวนปรุง แล้วตรงไปเรื่อยๆ ผ่านโรงพยาบาลรามแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นก็ตรงอย่างเดียว
กับพี่โชจะไปสักการะครูบาศรีวิชัยครับ ตอนนี้เวลาเกือบๆ เที่ยง รถราให้ตัวเมืองก็ยิ่งเยอะ แดดก็ร้อน ขนาดหน้าหนาวแดดยังร้อนแรงขนาดนี้ ขี่มาจนผ่านสวนสัตว์เชียงใหม่ ผมบอกพี่โชให้แวะจะดูหมีแพนด้าแต่พี่โชไม่จอดบอกมันไม่เห็นจะน่ารัก แต่ผมว่ามันน่ารักดีออก หมีตาดำๆ ตัวอ้วนๆ กินแต่ไผ่
“หมีแพนด้า หมีแพนด้า หมีแพนด้า หมี หมีแพนด้า~” ผมร้องเพลงระหว่างผ่านสวนสัตว์ พี่โชก็หัวเราะเสียงดัง ผมร้องเพราะผมรู้ ฮ่าๆ
ทางขึ้นตีนเขาโคตรโหด มันทั้งชันแถมยังเป็นทางโค้ง ผมนั่งไปลุ้นไปกลัวรถจะไม่มีแรงขึ้น สุดท้ายก็มาถึงลานครูบาเจ้าศรีวิชัย พอจอดรถแม่ค้าร้านขายดอกไม้ก็ตะโกนพร้อมยื่นดอกไม้ให้ซื้อ ผมเดินไปซื้อมาสองชุด จากนั้นก็พากันไปไหว้ขอพร ก่อนจะพากันแว้นมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยสุเทพ ทางขึ้นโหดกว่าดอยอินทนนท์อีกนะผมว่า ถนนก็แคบกว่าด้วย และยิ่งเจอโค้งสุดท้ายก่อนจะขึ้นถึงพระธาตุดอยสุเทพ ผมนี่แทบอยากจะเดินขึ้นแทนเพราะมันชันจนผมกลัว พี่โชหัวเราะก่อนจะบิดขึ้นไปจนถึง
“ฟู่ว” ถอนหายใจเลยไอ้กลอย
“กลัวเหรอ” พี่โชหัวเราะระหว่างถอดหมวกกันน็อคออก
“แน่สิ ทางขึ้นโคตรน่ากลัวอ่ะ” ผมว่า
“ขาขึ้นไม่น่ากลัวเท่าขาลงนะ” พี่โชบอก แล้วเราก็เดินข้ามถนนไปยังประตูทางเข้าเพื่อจะขึ้นไปบนพระธาตุ
พอเข้าประตูมาก็จะเห็นร้านค้าที่ตั้งอยู่ เดินผ่านไปก็เจอบันไดทางขึ้นที่ทอดยาว
“ผมว่าไปขึ้นกระเช้าเหอะ” ถ้าเดินขึ้นคงเหนื่อยจนขาลากแหงๆ
“ป๊อดเหรอ” พี่โชบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เด็กตัวเล็กที่เดินอยู่ช่วงกลางๆ ของบันได เชี่ย ขึ้นไหวได้ไงวะ “ไปเร็ว ออกกำลังกายไง”
และแล้วไอ้กลอยก็ต้องเดินขึ้นอย่างเหนื่อยหอบ หยุดพักเป็นระยะๆ กว่าจะถึงแทบขาดใจ จนต้องหาที่นั่งเพราะจะเป็นลม พี่โชแม่งหัวเราะผมอย่างเดียว
“ไม่ออกกำลังกายเลยล่ะสิ แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว”
“เออ” งอนครับงอน พอเห็นผมค้อนพี่โชก็ยื่นมือมายีหัวผมซะฟู
“ไปเร็ว ยิ่งนั่งยิ่งเหนื่อยนะ” มีแบบนี้ด้วยเหรอวะ นั่งก็ต้องหายดิ่ แต่ผมก็ลุกตามแรงดึงเพราะมือจับกันอยู่
ทางเข้าพระธาตุต้องขึ้นบันไดอีกหน่อยแล้วผ่านประตูไม้เข้าไปก็จะเห็นพระธาตุสีเหลืองทองอร่ามสะท้อนแสงจนแสบตา ผมเดินข้างพี่โชไปซื้อดอกบัวคนละชุดและจะได้บทคาถาท่องโดยให้ท่องแล้วเดินวนรอบพระธาตุสามรอบ แม้แดดจะร้อนแต่ลมที่พัดมาก็ทำให้เย็นเป็นพักๆ หลังจากไหว้เสร็จเราก็เดินออกมาหามุมถ่ายรูปสวยๆ ผมใช้มือถือถ่ายรูปพี่โชโคตรเยอะ แต่ละรูปจะหามุมหล่อๆ แต่ทำไมพี่โชชอบถ่ายผมทีเผลอตลอด โคตรเซ็ง
ระฆังที่ตั้งเรียงรายมีคนตีอย่างต่อเนื่อง ไอ้ผมก็ชอบทำตามก็เลยเดินไปเคาะบ้าง เสียงดังจนตกใจเพราะใส่หวดเต็มแรง พี่โชเห็นก็ขำผมเลยตีไปแค่อันเดียว
“จะขำอะไรนักหนา”
“ก็มันตลก”
ผมกับพี่โชก็เดินกันไป ถ่ายรูปกันไป ก่อนสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ มีคนมาสะกิดด้านหลัง พอหันไปมองก็เจอสาวกลุ่มใหญ่ยืนยิ้มมองผมกับพี่โชตาเป็นประกาย ผมกระพริบตาปริบๆ มอง ใจแรกก็กลัวนะ กลัวว่าไปทำอะไรผิดหรือเปล่าถึงถูกสะกิด ไม่ก็ตีระฆังแรงไปจนแสบแก้วหู
“พวกเราขอถ่ายรูปพวกพี่หน่อยได้มั้ยคะ” กลุ่มสาวๆ ที่ร้องขอพูดไปบิดไป
“ครับ?” งงเลยไอ้กลอย อยู่ๆ ก็โดนขอถ่ายรูป แต่ก็เออออไปแบบงงๆ พอถ่ายรูปเสร็จกลุ่มสาวๆ ก็อวยพรให้ผมกับพี่โชรักกันมากๆ
เขินมากบอกเลย
เมื่อเดินเที่ยวจนหนำใจ ผมกับพี่โชก็กลับลงไปด้านล่าง ขาลงมันน่ากลัวกว่าขึ้นจริงๆ ครับ ผมกอดเอวพี่โชแน่น ยิ่งทางโค้งก็ยิ่งกลัว พอลงมาถึงด้านล่างเราก็ไปหาอะไรกินเพราะมันจะบ่ายสามแล้ว
“ไปถนนคนเดินมั้ย” พี่โชตะโกนถามขณะรถวิ่งผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
“อื่อ แต่มันเปิดแล้วเหรอ”
“ไม่รู้”
แม้ไม่รู้แต่ก็พากันมา พี่โชเอารถไปฝากด้านข้างที่มีร้านรับฝาก ถนนคนเดินตอนเกือบเย็นร้านรวงเริ่มเยอะแล้วครับ และคนก็เริ่มเยอะเหมือนกัน นี่ถ้าตอนดึกคงจะเดินแทบไม่ได้ คงต้องไหลไปสินะ ผมเดินข้ามไปไหว้อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ก่อนพากันเดินดูของที่ตั้งขายบนถนนที่มีทั้งของกินและของฝาก
ผมเดินจับมือกับพี่โชตามเส้นทางมาเรื่อยๆ แวะร้านนั้นดูร้านนี้ โดยเฉพาะร้านขายรูปภาพที่ผมสนใจเป็นพิเศษ เราเดินจนมาถึงสี่แยกก็ตกลงกันว่าจะเดินตรงไปก่อนเพื่อจะไปวัดเจดีย์หลวง
เมื่อผ่านประตูวัดเข้ามาจะเจอวิหารหลวงก่อน ด้านซ้ายเป็นวิหารเล็กๆ ที่มีเสาอินทขิล พอเดินเข้าไปด้านในจะเจอพระเจดีย์หลวงสีส้มตั้งเด่น จนต้องควักมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้ พอไหว้เสร็จก็ออกมาเดินที่ถนนคนเดินต่อ คราวนี้เราเลือกจะเดินไปทางขวา ด้านนี้คนดูหนาแน่น อาจเพราะเส้นนี้มาจากประตูท่าแพ ผมเดินเบียดคนจนแทบหายใจไม่ออก บ่อยครั้งที่มักจะมีคนมาเบียดจนแทบเดินไม่ได้ (แนะนำหน่อยนะครับ ถ้าเดินเบียดแบบนี้ต้องระวังกระเป๋าเงิน เพราะตอนผมเดินผ่านมา มีคนโวยวายว่าถูกล้วงกระเป๋า) ส่วนพี่โชก็โดนครับ แต่เป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ บางคนนี้เบียดแบบน่าเกลียดเกินไป ทั้งที่ถนนก็กว้างแต่ยังมาเดินเบียด
“หึงเหรอ” พี่โชถามทันทีที่เราเดินพ้นสาวหุ่นดีที่ให้เพื่อนแกล้งเบียดมาชิด
“เออ” สั้นๆ ให้ได้รู้ พี่โชก็หัวเราะร่วนจนน่าหมั่นไส้
ใช้เวลาเดินดูของอยู่นานจนตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิท และท้องก็แน่นมากผมกับพี่โชเลยพากันกลับ เหนื่อยด้วย เมื่อยด้วย อยากกลับไปนอนแช่น้ำอุ่นๆ ตอนเช้าที่เดินดูห้องผมเห็นอ่างน้ำด้วย กลับไปจะเปิดน้ำแล้วลงไปแช่ผ่อนคลายสักชั่วโมง
จากถนนคนเดินมาที่พักไม่ไกลมาก ใช้เวลาไม่กี่นาทีรถก็จอดที่ลานจอดรถ ผมถอดหมวกครอบกับกระจกรถแล้วเดินนำหน้าพี่โชเข้าโรงแรม ในมือพี่โชหิ้วถุงของกินกับของฝากจนเต็ม ตอนแรกผมก็จะช่วยแต่ถูกปฏิเสธเลยปล่อยให้ถือเองซะเลย
“เตียงจ๋า กลอยกลับมาแล้ว” ตะโกนเสร็จก็กระโจนลงไปนอนกลิ้งทันที แต่ก็ขัดใจเมื่อพี่โชเดินดึงให้ลุกบอกเตียงจะสกปรก
“เหงื่อเต็มไปหมด ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมานอน”
“แต่ผมอยากนอนก่อน นอนแปบนึงไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ครับ เร็ว”
แรงดึงทำให้ต้องลุกตามคนจูงเข้าไปในห้องน้ำ พี่โชเดินไปเปิดน้ำในอ่าง ส่วนผมก็โคตรอยากนอน เลยแก้ผ้ามันซะเลย ไม่อายแล้วครับ อาบด้วยกันโคตรบ่อย เหมือนกับพวกไอ้ทูนั่นแหละ แก้ผ้าเสร็จก็เดินเข้าไปอาบน้ำใต้ฝักบัว สายน้ำอุ่นๆ ผ่านตัวทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่เริ่มรู้สึกไม่สบายเมื่อมีมือคู่หนึ่งที่กอดมาจากด้านหลัง ในมือมีฟองน้ำที่เต็มไปด้วยสบู่กำลังลูบไปทั่วตัวของผม แต่พี่คร้าบ อย่าลูบนานมันหวิว
ผมตะปบมือพี่โชที่เอาฟองน้ำถูวนที่หน้าอก พร้อมกับมือเปล่าลูบต้นขา พอหันไปมองพี่โชมันถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้ว ไปถอดตอนไหนวะ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน ผมควรจะจัดการมือปลาหมึกนี่ก่อน
“พี่โช” เรียกเสียงแผ่ว คือถูกลูบแบบนี้บางทีมันก็หวิวๆ ในท้อง
“ครับ” ยิ่งเสียงพูดกับลมหายใจอุ่นๆ ชิดติดใบหูยังรู้สึกแปลกๆ แถมมีบางอย่างกำลังทิ่มแถวๆ ด้านหลังอีก เริ่มใจไม่ดีเว้ยเฮ้ย
“คือผม” ยังไม่พร้อมโว้ย
“หืม” โดนงับหูเบาๆ เลยเอียงคอหนีก็เลยถูกริมฝีปากเลื่อนมาประกบกับปากแทน มือใหญ่จับหน้าให้อยู่นิ่งเพื่อจะได้รับจูบได้อย่างถนัด
ความร้อนเริ่มเพิ่มขึ้นจนแปลเปลี่ยนเป็นเร้าร้อน มือใหญ่ลูบไปทั่วตัวจนผมต้องรีบจับเมื่อมันเริ่มขย้ำและแตะบริเวณต้องห้าม พี่โชถอนจูบออกดวงตาหวานที่ส่งมาทำให้ไอ้กลอยคนนี้แทบละลาย
“ไม่เอาในนี้” ผมพูดชิดกับริมฝีปากที่ยังวนเวียนอยู่แถวแก้ม พี่โชยิ้มนิดๆ ก่อนพยักหน้าตอบรับ
“ครับ”
มือใหญ่ยื่นไปปิดก๊อกน้ำให้หยุดไหล ก่อนร่างที่เปียกปอนของผมจะถูกผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่คลุมและโดนช้อนอุ้มขึ้นแนบอกโดยคนอุ้มยังมอบความเร้าร้อนจากริมฝีปากให้อย่างต่อเนื่อง
การเตรียมใจก่อนหน้านี้มันไม่ช่วยอะไรได้เลยเมื่อถูกความเร้าร้อนของผู้ชายด้านบนที่สอนบทรักอย่างไม่หยุดหย่อนจนแทบจะตายคาเตียงเมื่อจำนวนรอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กว่าบทเรียนที่สอนจะจบลงได้ก็เกือบรุ่งสาง และถ้าเป็นไปได้ บทเรียนแบบนี้ ไอ้กลอยคนนี้ไม่อยากเรียนแล้วเว้ย
....(มีต่อ)....