ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ต
ชิ้นที่ 3
เอาอีกแล้ว...
ไอ้ลูกร้านแม่เดือนมันเอาอีกแล้ว....
คราวนี้จัดหนักจัดชุดใหญ่
เล่นยกเตาอบขนมขนาดย่อมๆ เท่าเตาไมโครเวฟมาตั้งไว้ด้วย
อยู่ตรงนี้ยังได้กลิ่นขนมปังอบเสร็จใหม่ ๆ หอมลอยเตะจมูกไปทั่ว
แหม....ถึงขั้นยกเอาเตาอบขนมมาแล้ว
ทำไมไม่ยกเอาอิฐ เก้าอี้ โต๊ะ มาก่อตั้งร้านตรงนี้เลยล่ะ
เอาเลยม่ะ กูจะได้ช่วยลงเสาเอกไปด้วยเลยไง
มันจะทำเด่นเกินหน้าเกินตาไปถึงไหน
...แม่งงงง น่าหมั่นไส้จริงโว้ยยยยยยย!!!!
หนุ่มแว่นเจ้าของร้านขนมไทยหน้าหงิก
จ้องมองร้านฝั่งตรงข้ามตาขวางด้วยความโมโห
เขารึอุตส่าห์นั่งคิดหาวิธีเรียกลูกค้าจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เพราะหลังจากแผนการป่วนร้านครั้งนั้นจะประสบผลในคราวแรก
แต่ลงท้ายตลอดทั้งคืนที่ขาย ปริมาณลูกค้าที่แวะเวียนร้านบ้านขนมเดือนใจ
ก็ยังเยอะมากกว่าร้านหวานละไมขนมไทยแม่พลอยอยู่ดี
...แต่ใครกันจะยอมแพ้!!!
หลังจากเค้นสมองคิดแผนการกระตุ้นยอดขายจนหัวหมุน
เขาก็สรุปได้ว่าจะจัดขนมให้มากขึ้น
อ้อนแม่ให้ทำวุ้นสีรุ้ง ลงทุนปั้นลูกชุบสีสวย ๆ เป็นผลไม้หลากหลาย
จัดวางสลับคู่กับขนมชั้นดอกกุหลาบสีชมพูอ่อน
ประดับประดารายล้อมด้วยขนมจ่ามงกุฎชูโรง
พร้อมด้วยฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ทองเอก ทองพลุ วางบนใบตองสีเขียวสด
เรียงดีเทลสวยงามตระการตาอย่างกับจัดประกวดเอารางวัล
เขากะจะใช้สีสันของขนมไทยเนี่ยแหละเป็นตัวโปรโมท
แถมยังมีพวกขนมอื่น ๆ ที่ห่อใส่ถุงใสติดชื้อร้านเก๋ไก๋ดูดีมีราคาแบบสุด ๆ
ตั้งใจจะดึงดูดลูกค้าหักหน้าไอ้ร้านตรงข้าม
แต่พอเจอมันวันนี้ ถึงได้รู้ว่า....
...‘สี’ หรือจะสู้ ‘กลิ่น’
มันเล่นดักทาง ยกเตาอบมาเพื่อใช้กลิ่นหอม ๆ หลอกล่อลูกค้า
เพราะอานุภาพของกลิ่นขนมอบมันขจรขจายไปได้ไกลแถมเห็นผลเร็วมากกว่า
การที่ลูกค้าจะเดินเข้ามาดูปะติมากรรมขนมไทยอันสวยงามของเขาหลายเท่า
...สิ่งที่ทุ่มเทคิดมาตลอดทั้งคืนหมดความหมาย
นี่เขาถูกมันนำหน้าไปก่อนก้าวหนึ่งอีกแล้ว
...โธ่เว้ยยย!! มันน่าเจ็บใจนัก!!!
“อ่ะ เอามาฝาก”
เสียงทุ้ม ๆ ที่ดังขึ้นทำให้คนโวยวายด้วยความแค้นในใจหยุดชะงัก
นัยน์ตากลมมองผ่านเลนส์แว่นสำรวจคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
...ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร
ไอ้หัวฟู ๆ
ใส่เสื้อยืดโลโก้เบียร์ช้าง
กางเกงยีนส์ไม่เคยโดนแฟ้บ
แถมลากแตะหนีบช้างดาวมาแบบนี้
...ให้ตายก็มีอยู่แค่คนเดียว
“เห็นจ้องอยู่นานก็เลยนึกว่าอยากจะกิน”
เจ้าของร้านขายเบเกอรี่ยื่นถ้วยกระเบื้องสีขาวที่ห่อผ้ากันร้อนมาวางไว้บนโต๊ะ
กลิ่นหอม ๆ ของขนมกรุ่นไอเตาเสร็จใหม่ ๆ ลอยฟุ้ง
แทบจะกลบกลิ่นขนมไทยอบควันเทียนของเขา
ยิ่งเพิ่มความน่าหงุดหงิดหมั้นไส้ให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ
...บ้าเปล่าวะ!
ไอ้เวรนี่อ่านสายตากูไม่ออกรึไง
กูจ้องมึงด้วยความแค้นโว้ยยย!!
ถ้าตากูมีเลเซอร์ปล่อยแสงได้ร้านมึงเป็นจุลไปแล้ว
ยังเสือกมีหน้าเอาขนมมาให้อีก
“ไม่ได้อยากกิน ดูก็รู้ว่ารสชาติคงห่วยแตก”
ตอบไปด้วยคำเหน็บอย่างรุนแรง
ประกาศเป็นศัตรูกันโต้ง ๆ ขนาดนี้ไม่ต้องมารักษามารยาทกันแล้ว
ทว่า อีกฝ่ายก็ยังคงแย้งกลับมาด้วยรอยยิ้มเรื่อย ๆ
“ไว้กินก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ”
...กูไม่กิน
จ้างให้ก็ไม่กิน
กูไม่อยากเสียปากให้กับของที่มึงทำ
อยู่ ๆ ก็เอาขนมมาให้แบบนี้
แอบใส่อะไรลงไปบ้างก็ไม่รู้
คิดจะมาแก้แค้นคืนด้วยวิธีนี้รึไง
...กูไม่โง่หรอกโว้ยยยยย!!!
แล้วมึงจะยืนอยู่อีกนานมั้ยห่ะ
เกะกะคนจะขายของ
สารรูปอย่างมึงมายืนหน้าร้านนาน ๆ
เดี๋ยวภาพพจน์ร้านกูเสียหายหมดเข้าพอดี
เจ้าของร้านขายขนมไทยกำลังจะขยับปากเอ่ยไล่
แต่คนซึ่งกำลังสนอกสนใจกับขนมไทยที่ตกแต่งเสียอลังการกลับพูดสวนขึ้นมาเสียก่อน
“จัดเองหรอ สวยดีนี่”
คำชมที่ไม่คาดฝันว่าจะได้รับ
ทำให้คนที่ลงทุนใช้เวลาประดิดประดอยอยู่นานเบรกประโยคด่า
เปลี่ยนเป็นคุยโว้อวดโชว์พาวทันที
“แน่อยู่แล้วก็คนมันมีฝีมือ
ไม่เหมือนใครแถวนี้ที่ต้องใช้ลูกเล่นขี้โกงเข้าล่อให้ได้ลูกค้า”
ทว่าตอนท้ายก็ยังคงมิวายแอบกัดเป็นครั้งที่สอง
แต่หนุ่มมาดเซอร์กลับไม่ได้สะทกสะท้าน
ตาคมละจากขนมไทยหันมามองคนบ่นประชด
“ไม่ได้ขี้โกงครับ บังเอิญของแบบนี้ มันอยู่ที่ตรงนี้”
เจ้าของคำพูดหยุดประโยคพลางใช้นิ้วชี้เคาะข้าง ๆ ศีรษะ
ก่อนเชือดด้วยวาจานิ่ม ๆ แต่บาดลึก
“แย่หน่อยนะ ที่ดูเหมือนผมจะมีมากกว่าคุณน่ะ
...คุณลูกแม่พลอย”
พูดจบก็หมุนตัวกลับไปที่ร้านของตัวเอง
โดยทิ้งของฝากไว้ให้กับคนที่กำลังแปรคำซึ่งได้ยินผ่านหู
อะไร.....
มันหมายกว่าอะไรที่มันดูเหมือนจะมีมากกว่า
แล้วใช้นิ้วเคาะไปที่หัวแบบนั้น
อย่าบอกนะว่า....
อย่าบอกนะว่ามันจะหมายถึง....
ไอ้เชี่ยยยย!!!!!
นี่มันด่ากูโง่ใช่มั้ยเนี่ย!!!!!
อ๊ากกกกกก!!!!
...แค้นโว้ยยยยย
....แค้นนนนนน!!!!
...สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือ ‘ความพ่ายแพ้’
ยิ่งมาตอกย้ำข่มกันแบบนี้แล้ว
ก็เหมือนกับโดนเอาน้ำลายมาถุยใส่หน้า
...หาว่ากูไม่มีสมอง
ไม่มีไอเดียความคิดสร้างสรรค์เท่ามึงหรอ
คอยดูเถอะ...คอยดู...
สักวันกูจะต้องขายดีกว่ามึง
เอาให้รวยล้นฟ้าจนมึงคลานมากราบตีนกูให้ได้
...มึงจำเอาไว้!!
“สวยจริง ๆ เลย ดูสิยัยแก้ม
นี่ขนมไทยโบราณทั้งนั้น เดี๋ยวนี้หาไม่ค่อยได้แล้วนะ”
น้ำเสียงตื้นเต้นที่ดังขึ้นส่งผลให้คนที่อยู่ในอารมณ์โมโหหยุดอาการของตัวเองทันที
แม้ใจจะเต็มไปด้วยความเดือดดาลสุด ๆ
แต่ก็ต้องรีบกดความรู้สึกเอาไว้
แล้วเปลี่ยนเป็นสวมหน้ากากแย้มยิ้มบริการขายให้กับลูกค้าหน้าใหม่
ซึ่งเป็นคุณแม่พร้อมกับลูกวัยมัธยมที่พยายามเดินออกห่างพลางบ่นบอกปัด
“ไม่เอาอ่ะคะ หนูไม่ชอบขนมไทยมันหวานแสบคอจะตาย”
“ขนมหลายอย่างก็ไม่ได้หวานมากหรอกครับ
อย่างวุ้นนี่ไง....
วุ้นพี่เป็นวุ้นสมุนไพร ก่อนทานแช่ตู้เย็นไว้
วันไหนอากาศร้อน ๆ ก็หยิบมากินจะได้เย็นสดชื่นดีแถมดีต่อร่างกายด้วยนะครับ”
เจ้าของร้านรีบพรีเซนต์โฆษณาขนมของตัวเองเต็มที่
พลางหยิบตัวอย่างวุ้นสมุนไพรสารพัดสีจากธรรมชาติออกมาให้อีกฝ่ายได้ยล
ซึ่งก็เรียกความสนใจของคนทั้งสองได้เป็นอย่างดี
“ต๊ายย น่าทานจัง นั้นนะสิค่ะ ช่วงนี้อากาศร้อนด้วย
เออ...แล้วขนมไทยทำมาก ๆ แบบนี้ไม่กลัวเสียเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ เพราะเราใช้ของสดใหม่ทำทุกครั้ง
ถ้าไม่ได้วางในที่อากาศร้อน ๆ ชื้น ๆ ก็เก็บไว้ได้นานสามสี่วัน
ส่วนพวกขนมอบจะเก็บใส่ถุงไว้ได้เดือนหนึ่งเต็ม ๆ เลยครับ”
“จริงเหรอคะ ดีจัง เพราะว่าขนมไทยบางอย่างเก็บไว้ในตู้เย็นก็ไม่อร่อยแล้ว”
ผู้เป็นแม่บอกอย่างยินดีพลางเอื้อมมือหยิบขนมไทยกล่องนู้นกล่องนี้
แถมด้วยบรรดาขนมอบพวกทองม้วน ปั้นสิบ อีกสารพัด
จนลูกสาวต้องเอ่ยยั้งเมื่อเห็นปริมาณถุงที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“โห แม่ เอามาเยอะจัง”
“แม่จะซื้อไปให้พ่อด้วย
พ่อเค้านะกินแป๊ป ๆ ไม่ทันไรก็หมดแล้วกล่องเดียวพออยู่ท้องซะที่ไหนล่ะ”
ชายหนุ่มรับเงินค่าขนมพร้อมเอ่ยขอบคุณลูกค้าอย่างเสร็จสรรพ
ทว่าภายในหัวกำลังทบทวนฟังบทสนทนาจับเอาข้อมูลที่ได้ยินมาเรียงต่อกัน
...นั้นสินะ ขนมไทยน่ะกินเท่าไรก็ไม่ค่อยอยู่ท้อง
ยกเว้นแต่พวกขนมที่มีแป้งผสมอยู่เยอะ ๆ
อย่างสาลี่ หรือไม่ก็ข้าวต้มมัด
ส่วนไอ้ที่มีไข่ผสมน้ำตาลปึกแบบนี้ก็เป็นได้แค่ของทานเล่นเท่านั้น
แล้วก็จริงอย่างว่า จะให้เก็บไว้ในตู้เย็นนาน ๆ ก็คงไม่อร่อย
แต่ถ้าเขาทำขนมไทยที่เก็บไว้ได้นาน แล้วยังคงความอร่อยไว้อยู่ล่ะ
และยังต้องหนักท้องพอ ไม่หวานเลี่ยนมาก
แถมคนต้องรู้จักกันพอสมควรด้วย จะได้เจาะตลาดวัยรุ่นได้ไม่ยาก
เพราะว่าคนลูกค้าประจำที่คอยแวะเวียนมาร้านเขาก็มีแต่รุ่นสามสิบสี่สิบอัพทั้งนั้น
ถึงจะเป็นกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อเยอะ
แต่จะให้ละเลยเด็กรุ่นใหม่ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยบนถนนคนเดินนี้ไม่ได้เหมือนกัน
“เอ๊ะ ขนมไทยนี่นา แกซื้อกินกันมั้ย”
คิดยังไม่ทันไรก็มีนักศึกษาสาวสองคนเดินขยับเข้ามาใกล้
พร้อมกับเมียงมองร้านอย่างสนอกสนใจ
เขากำลังจะอ้าปากโฆษณาแนะนำ
แต่หนึ่งในนั้นกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ไม่เอาอ่ะ ฉันกลัวอ้วน ไปดูเค้กตรงร้านนู้นดีกว่า คนมุงกันเยอะเลย”
...น้องครับ
พี่ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าขนมไทยมันมีแต่แป้ง ไข่ น้ำตาลของที่ทำให้แคลอรี่สูงทั้งนั้น
แต่เดี๋ยว....
...ไอ้ร้านขายเบเกอรี่มันก็ต้องใช้แป้ง ไข่ น้ำตาล เหมือนกัน
แล้วทำไมสาว ๆ ถึงกระจุกอยู่ที่ร้านมันร้านเดียววะ
ก็แค่ทำเป็นตกแต่งร้านเด่นกว่า
ส่วนขนมมันน่ะเหรอ...
...โธ่เอ้ยยย....จะแน่สักแค่ไหนกันเชียว
ตากลม ๆ เหลือบมองขนมในถ้วยกระเบื้องที่ใครบางคนเอามาเป็นของฝาก
ลังเลอยู่เล็กน้อยแต่ก็ตัดสินใจหยิบถ้วยที่ยังคงอุ่น ๆ ขึ้นมาพิจารณา
ขนมเค้กสีน้ำตาลเข้มนอนสงบนิ่งอยู่ข้างในท่าทางนุ่มนวลชวนกิน
กลิ่นหอมของช็อคโกแล็ตอ่อน ๆ ลอยฟุ้งแตะจมูก
เขาก้มลงคุ้ยหาช้อนพลาสติกคันเล็กเตรียมพร้อม
และเพียงแค่สัมผัสแรกที่ตักลงไปในใจกลาง
ช็อคโกแล็ตเหลวข้นก็ทะลักขึ้นมามันที
...เฮ้ย! ทำไมมันเป็นอย่างนี้ล่ะ
สุกจริง ๆ รึเปล่าวะเนี่ย
เอ๊ะ..หรือว่ามันเป็นลักษณะของขนมแบบนี้วะ
ไอ้เขาก็ไม่ค่อยสันทัดพวกขนมฝรั่งเท่าไรด้วย
เอาวะ...ถ้าไม่อร่อยก็แค่คายทิ้ง
แล้วก็ไปด่าเปิงไอ้คนที่เอาของหมาไม่แดกมาให้แค่นั้นพอ
เขาขยับช้อนขึ้นตักขนมเค้กใส่ปาก
หลับตาเคี้ยวไปส่ง ๆ
นะ...นี่มัน
อะ....
อะ...
อร่อย....!!
ความขมนี่ผสมกับความหวานนิด ๆ อย่างลงตัว
รสชาตินุ่มนวลจนแทบละลายหายไปในปาก
กลิ่นหอมฟุ้งของช็อกโกแล็ตเข้มข้นกระจายทั่ว
สัมผัสเยิ้ม ๆ มัน ๆ แบบนี้ให้ความรู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยกินที่ไหนมาก่อน
เหมือนกับ...
...สังขยา
เออ...ใช่...
สังขยา!
ขนมที่ใครก็รู้จัก ไม่หวานแสบคอ
ทำก็ง่าย ขายก็คล่อง
และยังเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานด้วย
แต่ว่ากินสังขยาอย่างเดียวคงไม่อยู่ท้อง
จะให้ทำเป็นสังขยาฟักทองก็กลัวจะเลี่ยน
งั้นต้องขายคู่กับขนมปัง
ทำเป็น ‘ขนมปังสังขยา’ เมนูใหม่
รับรองคราวนี้เรียกลูกค้าเพิ่มขึ้นได้แน่ ๆ
โอ้ว....กูนี่มันช่างอัจฉริยะจริง ๆ หนอ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เออ...
ว่าแต่...
...แล้วจะไปซื้อขนมปังจากร้านไหนดีวะ
เจ้าของร้านขนมไทยขมวดคิ้วมุ่น
ครุ่นคิดถึงแผนการบรรเจิดซึ่งค้นพบสด ๆ ร้อน ๆ
มือก็ยังคงเผลอจ้วงขนมในมือเข้าปากอย่างลืมตัว
ร้านขายขนมปังที่ต้องเนื้อนุ่มไม่แข็งมาก
รสชาติเข้ากันกับสังขยา
ที่สำคัญต้องราคาถูก
แล้วก็....
เคร้ง!
อ้าว...ฉิบหาย
เสือกแดกเพลินจนหมดเลยกู
...ทำไงดีว่ะเนี่ย?
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองซ้ายขวาเลิกลั่กเหมือนคนทำผิด
มือพยายามซ่อนของกลางที่หมดเกลี้ยงของตัวเองเอาไว้
ในหัวคิดหาหนทางทำลายหลักฐาน
ก่อนจะร้องบอกเจ้าของร้านขายน้ำปั่นข้าง ๆ
“พี่แป๋ม ผมฝากร้านหน่อยนะครับ เดี๋ยวมา”
....
..
.
เกือบห้าทุ่ม คนในตลาดเริ่มเบาบางลงแล้ว
หนุ่มมาดเซอร์เจ้าของร้านขนมเดือนใจ
เตรียมไล่เก็บโปสการ์ดพร้อมข้าวของเพื่อปิดร้าน
...ดีจริง วันนี้ก็ยังขายดีเหมือนเดิม
กลยุทธ์ที่คิดไว้เห็นผลเกินคาด
ถ้าเป็นแบบนี้ไปได้ตลอดล่ะก็
ความฝันที่จะเปิดร้านขายเบเกอรี่อย่างเต็มรูปแบบก็คงใกล้จะเป็นจริง
เขานึกอย่างยินดี แต่เมื่อหันหลังเตรียมยกอุปกรณ์เก็บลงกล่อง
ก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่ามีถ้วยกระเบื้องสีขาวปริศนาวางทิ้งไว้นอกแถว
และเป็นถ้วยที่ถูกล้างมาเสียสะอาดเป็นอย่างดีแตกต่างจากถ้วยที่ยังเลอะเศษขนมอื่นๆ
เขาหยิบมันขึ้นมาพิจารณา
ความจริงมันก็เป็นแค่ถ้วยธรรมดา ๆ ใบหนึ่ง
แค่ถ้วยธรรมดา....
แต่ไม่รู้ทำไม...
...เขาถึงได้เผลอ ‘ยิ้ม’ ให้กับถ้วยใบนี้อยู่ได้ตั้งนาน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC