Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 25
หวั่นไหวเอง
ตั้งแต่วันที่ปลายฝันมาที่นี่เมื่อวานนี้รามินทร์ก็ดูเหมือนว่าจะดูแลแขกคนนี้พิเศษกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ปลายฝันก็มาของานทำ นั่นก็เท่ากับว่าเป็นพนักงานของรีสอร์ทเหมือนกัน
ไม่ใช่สิ ไม่เหมือนกัน...
“เหอะ! กูมันก็แค่ทาสสินะ”
เขาหงุดหงิด ไม่พอใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่รู้ทำไม ไม่ชอบใจที่รามินทร์ทำดีกับคนอื่น อ่อนโยนกับคนอื่น แต่เขาไม่เคยได้รับ ถามว่าน้อยใจไหม มันก็น้อยใจสิ มันไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่ามีแค่เขาคนเดียวที่ไม่เคยได้รับความสุภาพอ่อนโยนนั้น นั่นเป็นเพราะความเกลียด ความโกรธแค้นของรามินทร์ที่เขา...ไม่ได้ผิดอะไรเลย
“ช่างหัวมันไปสิ! เดี๋ยวมึงก็ได้กลับบ้านแล้ว” ปลอบตัวเองเบาๆ
เขาไม่ได้เรียกร้องหรืออยากให้รามินทร์มาเอาใจ มาอ่อนโยน แค่ไม่ต้องให้เขารับรู้ก็พอว่าเขามันต่างจากคนอื่นๆ ขนาดไหน...
ยิ่งการแสดงละครตบตาแฟนเก่าของรามินทร์ ทำให้เหล่าคนงานยิ่งพูดถึงและเชื่อสนิทว่าอินทัชคือคนรักของรามินทร์ ตอนนี้...ร่างโปร่งกลายเป็นคนนิสัยแย่หลายใจที่ทำให้รามินทร์โกรธมาก และพูดกันต่างๆ นาๆ ว่าที่เขายอมอยู่ในสภาพคนใช้ก็เพื่อที่จะง้อขอคืนดี
หึ! คนมันมีหัวคิด มีปากพูด ก็มโนไปต่างๆ นาๆ ได้แหละ อย่าให้ถึงวันที่เขาได้ไปจากที่นี่ก็แล้วกัน จะไม่มีวันมาเหยียบอีกเด็ดขาด!!
“เตรียมตัวเสร็จหรือยัง” เสียงของเจ้าของบ้านพักถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ยืนกอดอกพิงประตูมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ในห้องนอนเล็กของบ้านพัก
“อือ...”
“งั้นก็ไปได้แล้ว”
“ถามจริงๆ จะพากูไปไหน” อินทัชถามขึ้นมา น้ำเสียงจริงจัง แล้วก็ครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าคนตัวสูงกว่าจะพาเขาไปไหน
มันก็อดที่จะระแวงไม่ได้ เพราะกลัวว่าถูกพาไปขายหรือไปฆ่า
“กูไม่พามึงไปฆ่าหรอก”
“งั้นมึงก็บอกมาสิว่าจะพากูไปไหน”
“เลย” รามินทร์ตอบสั้นๆ
“เลย? ไปทำไมที่เลย”
“ไม่ต้องรู้อะไรมากได้ไหม กูบอกให้ไปก็คือไปสิวะ”
“มึงทำเหมือนว่ามึงกำลังพากูหนี มึงพากูหนีใคร?” อินทัชถามออกไปตรงๆ ซึ่งร่างแกร่งตรงหน้าก็ชะงักไป นั่นทำให้อินทัชยิ้มมุมปาก
ไม่รู้ว่ายิ้มทำไม อาจจะยิ้มเพราะสมเพชมัน...หรือสมเพชตัวเองที่รู้แต่ทำอะไรไม่ได้
“ฉลาดนี่...งั้นกูคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ ตามมาเถอะ หรือจะให้อุ้ม?” เลิกคิ้วถามกวนๆ ซึ่งอินทัชก็เดินไปหารามินทร์ที่หน้าประตูทันที
“ก็นำไปสิ!!”
“ก็แค่นี้ ถามมากมายอยู่ได้”
อินทัชเดินฟึดฟัดตามรามินทร์ไป พอไปถึงรถกระบะสีดำที่จอดเอาไว้ รามินทร์ก็พยักเพยิดหน้าให้ขึ้นไปนั่งบนรถ ส่วนเจ้าตัวก็เดินไปยังฝั่งคนขับแล้วขึ้นไปประจำที่ตัวเอง ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างเงียบๆ
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางยาวสู่จังหวัดเลยทันที...
ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงกว่าๆ รามินทร์ก็พาอินทัชที่นอนหลับตลอดทางมาถึงรีสอร์ทที่จังหวัดเลยของตน เพราะตรงมาเลยไม่มีการจอดพักที่ไหน มาถึงก็จัดการตบหน้าคนที่นอนหลับเป้นการปลุก จนอินทัชสะดุ้งตื่น มองหน้ารามินทร์อย่างหงุดหงิด
เพี๊ยะ!!
“ปลุกดีๆ ก็ได้มั้ง”
“อย่างมึงปลุกดีๆ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวได้ใจ”
ถุย!! ได้ใจห่าเหวอะไรล่ะ
“ลงไป”
“เออๆ”
ทันทีที่อินทัชเปิดประตูรถลงมาก็มีคนงานชายคนหนึ่งมารอต้อนรับอยู่แล้ว
“สวัสดีครับคุณราม”
“อืม...เดี๋ยวฉันจะเข้าบ้านพักเลย ไปทำงานของตัวเองเถอะ” รามินทร์เดินมาคว้าแขนของอินทัชก่อนจะบอกคนงานของตัวเองเสร็จก็ลากร่างโปร่งให้ตามตัวเองไปทันที
“มึงจะรีบร้อนไปไหน”
“ก็พามึงไปที่พักไง”
อินทัชปิดปากเงียบไม่คิดจะถามอะไรอีกเพราะถามไปก็เหมือนว่าจะไม่ได้คำตอบอะไรมากมายเท่าไหร่นัก รามินทร์พาคนตัวบางไปที่ส่วนตัวของตัวเองซึ่งเป็นบ้านพักหลังเล็กๆ มีหนึ่งห้องนอน แต่มีครัว มีห้องรับแขกพร้อม ส่วนตัวแล้วรามินทร์ไม่ค่อยมาที่นี่เท่าไหร่ จะมาก็ต่อเมื่อมีงานหรือมีปัญหาเท่านั้น เพราะจะอยู่ที่เพชรบูรณ์ซะส่วนใหญ่ ที่นั่นเป็นเหมือนบ้านของตัวเองไปแล้วทั้งๆ ที่ก็มีบ้านใหญ่อยู่ แต่ก็ไม่ค่อยไปเช่นกัน
“มึงพากูมาไว้ที่นี่แล้วมึงก็จะไปเลยใช่ไหม” ถามพลางใช้สายตามองไปรอบๆ ตัวบ้านพัก
“ใครบอกมึง”
“อ้าว? แล้วมึงจะพักไหนล่ะ”
“ที่นี่ไง”
“มันมีห้องเดียวนี่ มึงจะให้กูไปอยู่ไหน หรือมีกระท่อมร้างๆ อยู่?” ถามแกมประชดประชัด ซึ่งเสี้ยววินาทีชั่วครู่ใบหน้าของรามินทร์แสดงความรู้สึกผิดออกมา แต่ก็ปัดมันออกไปอย่างเร็ว
“มึงก็พักที่นี่ไง”
“กับมึง?”
“เออ!!”
“ฆ่ากูให้ตายเถอะให้นอนกับมึงเนี่ย!!!” อินทัชโวยวายเสียงดัง ส่ายหน้าไปมาไม่ยอมรับในสิ่งที่ร่างสูงพูดเด็ดขาด!! ไม่มีทาง อินทัชไม่นอนห้องเดียวกับมันเด็ดขาด
“ทำไม? รังเกียจกูหรือไง” ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจใบหน้าหล่อคมสันฉายแววโหดจนร่างโปร่งแอบขนลุก จะว่ากลัวก็ใช่...ไม่ใช่กลัวมันทำร้าย
แต่กลัว...ว่ามันจะเกิดขึ้นอีก
“รีสอร์ทมึงมีห้องเยอะแยะ ให้กูได้นอนคนเดียวมันจะขาดทุนหรือไงวะ!”
“ห้องมีเอาไว้รับรองแขก และนี่บ้านพักกู แล้วกูก็พอใจที่ให้มึงนอนที่นี่ จะทำไม”
“ก็ไหนว่าจะมีงานสำคัญ มึงกลับไปเถอะ”
“ไม่เป็นไร ไอ้ขรรค์กับคุณดรีมจัดการได้ กูจะไปวันงานวันเดียว แล้วจะกลับมารับมึงคืน”
ได้ยินชื่อปลายฝันก็ชะงักไปทันที ก่อนจะถอนหายใจแล้วพาเปลี่ยนเรื่อง
“เฮ้อ...ถามจริงเถอะ มึงพากูหนีอะไรกันแน่ มีคนรู้จักกูจะมาในงานนั้นหรือไง” ใบหน้าสวยชักสีหน้าสุดจะหน่ายใจ กอดอกถามร่างสูงอย่างจริงจัง
อย่างน้อย...ก็ขอรู้เหตุผลที่รามินทร์พาหนีมาไกลถึงนี่ก็พอ
“วันอาทิตย์เป็นวันเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานคุณดรีมที่คุณปฐพีกับคุณอัคนีเตรียมเอาไว้” รามินทร์เดินไปทรุดตัวนั่งที่โซฟานุ่ม ตอบคำถามที่อินทัชอยากรู้ด้วยสีหน้านิ่งๆ
“หึ!”
ก็เลยพากูหนี ‘ไอ้ธีร์’ เพื่อนของกูสินะ
เพราะคนสนิทของปฐพีและอัคนีต้องตามผู้เป็นนายไปทุกที่...วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เพื่อนของเขากำลังจะมาถึงตัวเขา แต่ก็ไม่...เราต้องคลาดกัน ไม่ใช่เพราะโชคชะตากำหนด แต่เป็นปีศาจอย่างรามินทร์ต่างหาก
“มึงเลวร้ายกว่าที่กูคิดอีกนะ”
“ก็ถือซะว่ากูพามาเปลี่ยนบรรยากาศ”
“มึงกำลังจะทำให้กูรู้สึกเกลียดที่นี่อีกที่หนึ่ง”
“แล้วแต่มึงเลย...”
อินทัชเดินเข้าไปในห้องนอนเพราะไม่อยากจะมองหน้าหรือฟังเสียงของรามินทร์อีกต่อไปแล้ว จะไปข้างนอก คนเป็นเจ้าของที่นี่ก็คงจะไม่ยอมให้ออกไปแน่ๆ
นอกจากพ่อ แม่ และพี่สาวแล้ว คนที่อินทัชปรารถนาจะเจอก็คือธีร์เพื่อนรักของเขา
“ตามหากูให้เจอ...กูอยากกลับบ้านแล้ว”
หวังว่าคำภาวนาของเขาจะสื่อไปถึงเพื่อนรัก...
ทางด้านร่างสูงก็นอนแหงนหน้าศีรษะพิงที่พนักของโซฟาแล้วครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ นาๆ ไปด้วย โดยเฉพาะคำพูดของอินทัช สีหน้า และแววตาของคนที่เขาจับตัวมา
“ทำไม...กูถึงรู้สึกแบบนี้วะ!!”
รามินทร์อยากให้อินทัชยิ้มให้เขาเหมือนที่เราแสดงละครตบตามิวในวันนั้น อยากได้รอยยิ้มนั้นบ้าง แต่ว่า...สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด คงจะไม่ได้รับในเร็ววัน
ร่างสูงกำลังที่จะรู้สึกผิด ยกเลิกการแก้แค้นแต่จะให้หยุดเลยเขาก็ทำไม่ได้ เลยได้ให้งานเล็กๆ น้อยๆ ให้อีกคนทำ ดึงรั้งความผิดของอินทัชเอาไว้ให้อยู่กับเขา โกหกตัวเองว่าอินทัชยังชดใช้ไม่หมด...ทั้งๆ ที่มันหมดไปตั้งแต่เขาทำให้มันตายทั้งเป็นในครั้งแรกแล้ว หากมันก็มีครั้งที่สองและครั้งที่สาม...
เขาพยายามที่จะชดเชยความผิด พยายามทำตัวดีๆ แต่ว่า มันก็รู้สึกอายเกินกว่าที่จู่ๆ ก็มาพูดดี ทำดีใส่ เพราะถ้าทำแบบนั้น อินทัชก็จะขอให้ปล่อยมันไป ซึ่งเขาไม่อยาก...
แล้วนี่...ก็จะพาอีกคนมาอยู่ในบรรยากาศใหม่ๆ เผื่อจะสร้างความทรงจำดีๆ ได้บ้าง แต่ก็เปล่า เพราะความปากหนัก ปากแข็ง และปากร้ายของเขานี่แหละ ที่ทำให้เรื่องมันพังตั้งแต่เขายังไม่ได้เริ่ม
พอคิดอะไรมากๆ เพลินๆ ความเหนื่อย ความเมื่อยล้าจากการขับรถนานทำให้ร่างสูงเผลอนอนหลับไป...
อินทัชออกมาจากห้องนอนเมื่อเข้าไปนอนขลุกอยู่ในห้องหลายชั่วโมงจนตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว อาการหิวจนแสบท้องทำให้อินทัชไม่อยากนอนต่อ เลยจะออกไปให้คนที่พามาหาอะไรให้กิน...
“ไอ้เหี้ยนี่ก็หลับนี่หว่า”
ร่างโปร่งเดินผ่านร่างแกร่งที่นอนเหยียดกายไปตามความยาวของโซฟาตัวใหญ่ มือขาวบิดลูกบิดประตูออกไปเพื่อรับลมเย็นๆ
“ถ้าออกไปข้างนอกมันต้องด่าและทำโทษแน่ๆ”
พึมพำเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาแล้วตรงไปยังห้องครัวทันที เปิดตู้เย็นดูก็พบว่ามีของสดอยู่เต็มตู้ที่พอจะทำกินทั้งอาทิตย์ แล้วหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆ
“ก็ว่าแล้ว...มันคงไม่คิดจะให้เราออกไปข้างนอกจริงๆ สินะ”
อินทัชลงมือทำอาหารง่ายๆ ที่ตัวเองทำเป็นเพราะป้ารีสอนมาอย่างดี และอินทัชเป็นพวกที่เรียนรู้เร็ว ความจำเป็นเลิศเลยสามารถทำอาหารเป็นได้โดยไม่ต้องทนกินฝีมือแย่ๆ ของตัวเอง ตอนนี้ก็ฝึกไปเรื่อยๆ นั่นแหละ สนุกดี...เหมือนที่ธีร์เคยพูดบอกไว้เลย
‘ทำอาหารมันก็สนุกดีนะเว้ยอิน บางทีก็คลายเครียดได้เยอะเลย’
“ทำอะไรกิน” เสียงของเจ้าของบ้านที่อินทัชคิดว่ายังนอนอยู่ดังมาจากด้านหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อินทัชหันไปสนใจแต่อย่างใด ทำอาหารต่อไป และไม่ตอบอีกด้วย
“กูถาม...” ร่างสูงเดินมายืนข้างๆ กับอินทัชที่กำลังทำผัดกระเพราหมูสับอยู่
“มีตาก็ดูเอาสิ” ร่างโปร่งตอบกวนๆ
“ทำเพิ่มอีกอย่างด้วย แล้วนี่หุงข้าวยัง กูหิว...”
“หุงแล้ว...แต่ใครบอกว่าจะให้มึงกินด้วย มึงก็ไปหากินที่ห้องอาหารของรีสอร์ทมึงไปดิ ยุ่งอะไรกับกู”
รามินทร์ยักไหล่
“ขีเกี้ยจเดิน”
“ก็โทรสั่งมากินที่นี่ดิ”
“กูจะกินที่มึงทำ”
“แต่กูไม่ให้!!”
“ลืมหน้าที่มึงแล้วหรือไง”
อินทัชเงียบไป เถียงไม่ออกเลยทีเดียว ก็จริงอยู่ที่หน้าที่ของเขาคือการเตรียมอาหาร แต่คนมันลืมได้นี่...ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ร่างโปร่งบางก็เลยได้แต่ฟึดฟัดทำอาหารเพิ่มอีกอย่าง และอีกอย่างที่ว่าก็คือ...ไข่เจียว
ผัดกระเพรากับไข่เจียว สองอย่าง พอ...จบ!!
“กูจะนั่งรอก็แล้วกัน”
“อย่างน้อยก็ช่วยตักข้าวก็ดีนะ ถ้าคิดว่าตัวเองมีน้ำใจ” เสียงทุ้มของอินทัชแขวะรามินทร์ที่กำลังเดินกลับไปนั่งรอที่โต๊ะที่อยู่ห่างจากตรงนี้นิดเดียว เพราะเป็นห้องครัวบวกห้องทานอาหารไปในตัว
“รอมันสุกก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวกูจะไปตักเอง”
“ห๊ะ!!”
“ตกใจอะไร?” รามินทร์ถามเสียงเรียบ
“ก็ตกใจมึงไง...ไม่คิดว่ามึงจะทำตามที่กูพูดนะเนี่ย”
“ก็แล้วจะทำไม หรือจะไม่ให้ทำ?” รามินทร์ถามแก้เก้อ ใบหน้าขึ้นสีแดงเข้มแต่อินทัชก็ไม่ได้สนใจจะมองนัก หันกลับไปทำอาหารต่อ
“เปล่า...จะทำก็ทำ”
ร่างโปร่งทำนั่น หยิบนี่ โดยมีร่างสูงนั่งมองอยู่ไม่ละสายตา หัวใจแกร่งเต้นแรงจนน่ากลัว เห็นอินทัชในสภาพแบบนี้แล้วรู้สึกหวั่นไหว...
ก็คิดไว้แล้วว่าตัวเองจะต้องหวั่นไหว...แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้
“เสร็จแล้ว หม้อหุงข้าวมันเด้งตั้งนานแล้ว ไหนว่าจะตัก” อินทัชที่ตักกับข้าวที่ตนทำใส่จานแล้วเอามาวางบนโต๊ะ สายตาเหลือบไปมองหม้อหุงข้าวก็พบว่ามันสุกแล้ว ร่างสูงสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบจานสองใบตรงไปที่หม้อหุงข้าวทันที
รามินทร์ตักข้าวใสจานทั้งสองใบในปริมาณที่เท่าๆ กัน แล้วเดินมาวางตรงหน้าของอินทัช แล้วก็เอาไปฝั่งของเขา อินทัชเลิกคิ้วสงสัย มองจานข้าวที่ร่างสูงเอามาให้อย่างแปลกใจ
ก็คิดว่าจะตักกินคนเดียวซะอีก...แต่ก็ไม่คิดที่ถามออกไป
เรื่องบางเรื่อง...ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างเงียบๆ อาจจะดีกว่าถามออกไปแล้วทะเลาะกัน
“ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องด่ากูนะ มึงเลือกเอง”
“เออน่า”
ทั้งสองลงมือทานอาหารกันอย่างเงียบๆ ไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทานอาหาร จะมีบ้างที่รามินทร์ลอบมองใบหน้าสวยหวานของอินทัช และบางครั้งที่รามินทร์ไม่สนใจอินทัช ร่างโปร่งก็แอบมองคนตัวสูงไม่ต่างกัน
บรรยากาศระหว่างเรามันแปลกๆ
“ก็อร่อยดี” ชมออกมาเบาๆ ทำเอาช้อนที่กำลังตักกับข้าวของคนทำอาหารมื้อนี้ชะงักไป อยากจะทุบอกตัวเองแรงๆ ว่าให้หยุดดีใจกับคำพูดของผู้ชายคนนี้ซะ!
รามินทร์ที่พยายามจะทำดีไถ่โทษในสิ่งเลวร้ายที่เขาได้ทำลงไปกับเจ้าตัวนั้น กลับเป็นว่าเขานั่นแหละที่แย่ นอกจากอินทัชจะไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย มีแค่เขาที่หวั่นไหว...หวั่นไหวกับคนตรงหน้านี้เหลือเกิน โหยหาสัมผัสจากร่างที่เขาเคยได้ครอบครอง
เหมือนว่าความเกลียดชัง ความโกรธแค้นที่เคยมีมันค่อยๆ ถูกทำให้จางลง...แล้วที่แทนเข้ามาดันเป็นความรู้สึกดีๆ อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอินทัช...เมื่อได้ลองเปิดใจ รามินทร์ก็พบว่าอินทัชเป็นคนที่ดีคนหนึ่งได้ ใช่...เขารู้ แต่ก็ทำเป็นว่าไม่รู้ ทำเป็นมองไม่เห็นความดีของอินทัชมาโดยตลอด...
จะมีใครที่ไหนยอมให้เขาทรมานและใช้สารพัดแบบนี้โดยไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น เอาคืน...
“ขอบคุณสำหรับอาหาร”
ประโยคนี้สร้างความแปลกใจเป็นรอบที่สี่จนอินทัชเม้มริมฝีปากแน่น แล้วก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินประโยคนี้จากร่างสูง...
“จานกูจะล้างเอง...”
50%
เปิดเทอมแล้ว ทุกคนคงจะทราบว่ากิจกรรมจะเยอะมากเป็นธรรมดา ซึ่งยูกิกำลังประสบอยู่ค่ะ ฮะๆ เวลาแทบจะไม่มีทำอะไรเลย กิจกรรมเยอะแล้ว การบ้านจัดเต็มทุกวิชาอีก ดีงามสุดๆ ค่ะ แต่ยูกิสตรองอยู่แล้ว เพราะงั้นสู้ไม่มีถอยค่ะ!!
อ่านแล้วเม้นท์ด้วย ไม่เม้นท์มีโกรธ ต้องการกำลังใจอย่างหนักค่ะตอนนี้
พูดคุย ทวงนิยาย สอบถามได้ที่แฟนเพจะเลยจ้า ทักได้ ยูกิไม่กัด
https://www.facebook.com/sawachiyuki/