20
ผมกับนาทีเข้ามานั่งอยู่ในเต้นท์สีขาวหลังจากที่ถูกนำตัวขึ้นรถกลับมา นาทีถอดเสื้อของมันแล้วคลุมร่างกายที่เปียกแฉะของผมเอาไว้ ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้นาทีฟังในรถว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำเรื่องแบบนั้นกับผู้ชายที่ชื่อแวนดิล ไอ้เวรนั่นพยายามจะลวนลามผม นาทีเลยมีท่าทีอ่อนลง
พยาบาลชายกำลังทำแผลที่ไหล่ของนาทีอยู่ ภายในเต้นท์เงียบกริบแม้จะมีผู้คนอยู่เกือบสิบคน เกินกว่าครึ่งของคนด้านในนั้นเป็นชายชุดดำที่เรียกว่า บอดี้การ์ด
ด้านหน้าของผมคือชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสีเทา ดูท่าทางภูมิฐาน หน้าตาของนาทีเรียกได้เลยว่าถอดแบบออกมาจากคุณพ่อชัดๆ แม้จะอายุมากแล้ว แต่สง่าราศีไม่ได้ลดลงไปเลย
“ขอเหตุผลดีๆซักข้อที่ทำให้แกโง่ถึงขนาดเอาตัวเองไปตาย” คุณพ่อของนาทีเกริ่นขึ้นมาเสียงเรียบ ขนแขนผมลุกซู่ไปหมด ให้ความรู้เหมือนกับว่ามีไอริสสามคนในคนๆเดียว
น่าเกรงขามชะมัด!
นาทีเงียบไป ไม่ตอบคำถามของคุณพ่อ คุณพ่อจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาหาผมแทน
“แล้วเราล่ะ เป็นเพื่อนเจ้าทีเหรอ?”
“ไม่ใช่ นี่แฟนผม” เป็นไอ้นาทีที่พูดขัดขึ้นมาก่อน คุณพ่อขมวดคิ้วและมีท่าทีตกใจแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร ดวงตาสีเทาอ่อนที่เหมือนกับลูกชายปราดมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่สงสัยเลยว่าพี่นาราได้มาจากใคร
“รักหรือว่าควงเล่น” คุณพ่อถามขึ้น ผมสะอึกไป
ตรงเป็นบ้าเลยผู้ชายคนนี้
นาทีหันมามองหน้าผม ก่อนจะหันไปตอบคำถามคุณพ่อของมันอย่างมั่นใจ
“รัก”
คุณพ่อนิ่งไปแล้วกวักมือเรียกบอดี้การ์ดคนหนึ่งเข้าไปหา เขากระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ท่าทางของนาทีเปลี่ยนไป จากที่ผมกับมันนั่งห่างกันในระยะหนึ่ง นาทีกระเถิบตัวเข้ามาชิดผมแล้วโอบเอวผมเอาไว้อย่างหวงแหน
บอดี้การ์ดชุดดำเดินออกไปนอกเต้นท์ เสียงหัวใจผมเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อใครบางคนถูกพาตัวเข้ามาในเต้นท์ คนที่ผมไม่อยากจะเจอหน้า
นาทีมองร่างของเพื่อนมันนิ่งๆ พระกาฬเดินเข้าไปหาคุณพ่อก่อนที่คุณพ่อจะซุบซิบอะไรบางอย่าง
ผมชักมีลางสังหรณ์ทะแม่งๆ แต่ยังไม่ทันไรลางสังหรณ์นั่นก็กลายเป็นความจริง พระกาฬเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะกระชากร่างผมออกจากนาทีแล้วกอดผมไว้จากด้านหลัง แรงมหาศาลนั่นทำให้ผมดิ้นไม่หลุด เสียงโวยวายจากนาทีดังขึ้นแต่พ่อของนาทีก็ประกาศกร้าวเสียงดัง จนลูกชายของเขาต้องนั่งลงกับที่
“ถ้าไม่อยากให้แฟนแกเจ็บตัว บอกมาทั้งหมดว่าที่เกิดขึ้นนี่มันเรื่องอะไร!?”
นาทีขมวดคิ้ว ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ดวงตาสีเทาหันมามองผมนิ่งๆ ท่าทีลุกลนนั่นทำให้พ่อของนาทีเริ่มสังเกตความผิดปกติของลูกชาย
“เป็นอะไรของแกอีก?”
“โว้ย! ไอ้กาฬปล่อยป่านเดี๋ยวนี้เลย!” ไอ้นาทีลุกพรวดขึ้นมาก่อนจะตรงเข้ามาหาผมและพระกาฬ บอดี้การ์ดปราดเข้ามารั้งร่างไอ้นาทีเอาไว้ไม่ให้เข้ามาหาผม ร่างโปร่งนั่นพยายามผลักคนรอบกายออกไปเพื่อที่จะมาเอาตัวผมกลับไป
“กูขอโทษ ไอ้ที…” พระกาฬว่า ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันทำหน้ายังไงแต่ก็พอจะรู้ได้จากคำพูดของพ่อของนาทีนั่นแหละ
“แกเงียบแล้วนั่งลงนิ่งๆซะ! ฉันเป็นคนบอกให้กาฬจับแฟนแกเอาไว้เอง!”
“แทนที่พ่อจะเลิกสั่งผมแล้วหันไปสั่งบอดี้การ์ดของพ่อให้เลิกจ้องแฟนผมด้วยสายตาลวนลามแบบนั้นซักที ผมไม่ชอบ!” นาทีตะคอกลั่น คุณพ่อชะงักไปเล็กน้อย พอๆกับบอดี้การ์ดที่สะดุ้งกันระนาว คุณพ่อของนาทีหันไปทำสายตาโหดๆใส่เหล่าบอดี้การ์ด ก่อนจะไล่พวกเขาออกไป
หลงเหลือแต่พวกผมสามคนและผู้ใหญ่ผู้น่าเกรงขามหนึ่งคน
“ทีนี้จะนั่งลงแล้วเล่าให้ฟังได้หรือยัง?” คุณพ่อพยายามใช้น้ำเสียงนิ่งๆเข้าข่มไฟที่กำลังประทุของลูกชาย ผมพยักหน้าบอกให้นาทีมันนั่งลง
“ผมโดนไล่ออกเพราะถูกใส่ร้าย ไม่ได้ค้าประเวณี ผมแค่นัดบอดเพื่อหาคนที่ถูกใจ แล้วอาเฮียก็เป็นคนช่วยหาให้ ถ้าเขาอยากนอนกับผมผมก็แค่สนอง แค่นั้นแหละ” นาทีว่า แต่คุณพ่อยังคงไม่ละสายตาไปไหน
“แค่นั้น…?”
“ใช่ แค่นั้น ปล่อยแฟนผมได้ยัง?” นาทีพูดจาห้วนๆใส่พ่อ ผมได้ยินแล้วยังรู้สึกแปลกๆ
“แกเลิกทำเหมือนฉันเป็นพี่ชายของแกซักทีไอ้ที ฉันเป็นพ่อแกนะ!”
“ก็ผมเล่าแล้ว ปล่อยแฟนผมซักที!”
“แล้วผู้หญิงที่ชื่อหญิงมาเกี่ยวข้องอะไรกับแก!?” เสียงตะคอกลั่นของคุณพ่อทำให้ภายในเต้นท์เงียบสนิท นาทีเบิกตากว้างพลางหันมามองหน้าผมที่ช็อคไปพอๆกัน
คุณพ่อ … รู้ได้ยังไง
“พ่อไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
คุณพ่อของนาทีถอนหายใจพลางหันหน้ามามองผม เลยไปด้านหลังที่มีร่างของอีกคนล็อคแขนของผมเอาไว้ แค่นั้นผมก็รู้ได้ทันทีว่าใครกันที่ปากสว่าง
“ไอ้กาฬ…” นาทีกัดฟันกรอดแล้วมองเพื่อนของมัน ไอ้กาฬบอกงั้นเหรอ ... ไอ้เวรเอ้ย
“พ่อบังคับให้พระกาฬมันพูดเอง แกอย่าไปโทษอะไรเพื่อน บอกพ่อมาว่าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเรา พ่อของเธอถึงได้จ้องเล่นงานแกกับเพื่อนขนาดนี้”
ดูเหมือนคุณพ่อจะรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ ผมกัดริมฝีปากจนเจ็บแสบไปหมดพยายามวอนขอคนตรงหน้าผ่านทางสายตาว่าให้โกหกเรื่องน้องหญิงไป แต่เหมือนจะไม่พ้นสายตาของคุณพ่อไปได้
“กาฬ …” คุณพ่อเรียกคนด้านหลังของผม ก่อนจะหันไปมองหน้านาทีที่มีท่าทีร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“ครับพ่อ”
“ถ้าฉันจะขอให้แกจูบแฟนไอ้ทีต่อหน้ามันจะได้ไหม?”
ว่าไงนะ!
“พ่อ!” นาทีท้วงทันทีที่คุณพ่อพูดออกมาแบบนั้น ผมชะงักไปแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
คุณพ่อของนาทีดูเป็นคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อง้างปากของลูกชายตัวเอง
และผมก็เป็นแค่คนนอก ไม่แปลกเลยที่เขาจะใช้ผมเป็นเหยื่อล่อ
“ถ้าแกไม่ยอมบอก ฉันจะให้เพื่อนแกเล่นหนังสดกับแฟนแกตรงนี้ จะได้รู้ซึ้งไง” คุณพ่อว่าเสียงเรียบ ผมช็อคค้างไปแล้ว ทำไมคุณพ่อถึง … โหดร้ายแบบนี้วะ!
“พ่อทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” นาทีแหกปากลั่นพยายามจะเข้ามาหาผม คุณพ่อพูดขัดไว้ก่อน
“ถ้าแกขยับตัว ฉันไม่รับประกันนะว่าแฟนแกจะปลอดภัยหรือเปล่า จัดการเดี๋ยวนี้พระกาฬ” คุณพ่อสั่งขึ้น พระกาฬพลิกร่างผมกลับไปหาก่อนดวงตาสีดำสนิทนั่นจะจ้องมองใบหน้าผม ผมรู้ว่าพระกาฬยอมทำตามคำสั่งของคุณพ่อของนาทีแน่ๆเพราะดูแล้วคุณพ่อของนาทีน่าจะช่วยเหลือมันเอาไว้มากโขเลยขัดคำสั่งไม่ได้ ผมพยายามผลักร่างของมันออกแต่เพราะมือหนาที่แบบแน่นจนแทบจะฝังไปกับร่างทำให้ต้องสะบัดหลีกหนีเพียงอย่างเดียว
“ไอ้กาฬ! อย่ายุ่งกับป่าน!”
“บอกความจริงไปสิวะไอ้ที!” เป็นพระกาฬที่ตะโกนออกมาดังลั่นจนนาทีนิ่งเงียบไป ผมหันไปสบตากับนาทีเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ ผมยอมโดนจูบดีกว่าทำให้พ่อของหญิงเดือดร้อนเพราะรู้ว่าพ่อของนาทีจะต้องไม่ยอมแค่ปิดโรงเรียนแน่ๆ เพราะข่าวฉาวนี่อาจจะทำให้เสื่อมเสียวงศ์ตระกูลของเขา
อย่าบอกนะที กูยอมโดนจูบ
ผมส่งสายตาขอร้องให้นาที มันมองตาผมกลับก่อนจะเบือนหนี
“กูขอโทษนะป่าน”
ริมฝีปากของพระกาฬทาบทับลงมาบนริมฝีปากของผมอย่างจาบจ้วง ผมพยายามผลักร่างของพระกาฬออกแต่ไม่เป็นผลได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั่น ริมฝีปากของพระกาฬบดเบียดจูบร้อนแรงให้กับผมจนตัวแทบจะอ่อนยวบ แต่ก็ต้องพยายามดิ้นให้หลุด สมองพยายามคิดหาทางหนีในขณะที่มือก็ยังทุบตีแผงอกของพระกาฬอย่างแรง ผมยอมสารภาพว่าหมดภูมิต้านทานกับเพศเดียวกันไปตั้งแต่ตอนที่ยอมรับว่าผมชอบผู้ชายจริงๆ
และก็ไม่ใช่ว่าผมจะมีอารมณ์เฉพาะตอนที่จูบกับนาทีเพียงคนเดียว ผมเป็นมนุษย์นะ
“พอได้แล้ว” เสียงนิ่งๆของนาทีดังขึ้นก่อนร่างของพระกาฬจะถูกกระชากออกจากผม ผมหอบหายใจถี่พลางโกยอากาศลูกใหญ่เข้าปอด นาทีดึงร่างของผมเข้าไปกอดเอาไว้ก่อนจะใช้นิ้วของมันเช็ดริมฝีปากอันบวมเจ่อของผม
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนกับป่าน เธอต้องการจะแก้แค้นที่ผมไม่ยอมรับรักเธอ เธอโกรธที่ผมคบกับป่านก็เลยไปบอกพ่อเธอว่าผมกับเพื่อนค้าประเวณีแล้วก็ไล่ออกจากโรงเรียน”
ผมชะงักไปกับสิ่งที่นาทีพูดออกมาก่อนจะจิกไหล่ของนาทีเอาไว้
พูดไปแล้ว
“ดี … งั้นพรุ่งนี้รอฟังข่าวโรงเรียนยุบและข้อหาแจ้งความเท็จสำหรับครอบครัวของไอ้อธิการบดีไร้สมองนั่นเลย!”
“!!!”
“อย่านะครับ!” ผมตะโกนแทรกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น นาทีหันขวับมามองผมพอๆกับคุณพ่อที่นิ่งเงียบไปแล้วจ้องผมเขม็ง
ผมค่อยๆคุกเข่าลงท่ามกลางความตกใจของทั้งสามชีวิตก่อนจะเงยหน้ามองคุณพ่ออย่างร้องขอ
“พ่อของหญิงก็เหมือนกับพ่อของผม พ่อเขารักโรงเรียนนั้นมาก คุณพ่อเขาไม่รู้เรื่องด้วยก็แค่ทำตามสิ่งที่ลูกสาวเขาบอก ดังนั้นอย่ายุบโรงเรียนเลยนะครับผมขอร้อง” มือสองข้างยกขึ้นมาไหว้จนแทบจะเรียกได้ว่ากราบเท้าคนตรงหน้า
เสียงที่เงียบไปทำให้ผมต้องเงยหน้าจากพื้นขึ้นมามองใบหน้าของคุณพ่ออีกครั้ง ใบหน้าที่มีท่าทีสงสัย แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นริมฝีปากที่บึ้งลงเหมือนเสี้ยวพระจันทร์
“แกจะบอกว่าให้พ่อเอาผิดกับเด็กผู้หญิงคนเดียวว่างั้น?” คุณพ่อถามขึ้น ผมอ้าปากค้างพะงาบๆ
“เปล่านะครับ ผมไม่ดะ…”
“แกเห็นพ่อเป็นคนยังไง พ่อไม่ใช่คนที่จะทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆหรอกนะ ที่เราต้องทำคือสั่งสอนคนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ดูแลลูกตัวเองซะบ้าง ไม่ใช่เที่ยวมาใส่ร้ายป้ายสีลูกคนอื่นแบบนี้!” ประโยคแรกๆเสียงก็เบาอยู่หรอก แต่ประโยคหลังๆบ่งบอกได้เลยว่าพ่อของนาทีโมโหขนาดไหนที่ลูกชายโดนใส่ความ
ผมเงียบไปเพราะไม่มีอะไรจะเถียง คุณพ่อพูดถูกหมดทุกอย่าง เพราะพ่อน้องหญิงเอาใจน้องหญิงมากเกินไป น้องหญิงอยากได้อะไรก็ให้หมด เธอถึงได้ทำตัวแบบนี้
“แกบอกว่าพ่อของผู้หญิงคนนั้นเหมือนพ่อแกใช่มั้ย? แล้วพ่อแกไปไหนซะล่ะ” ผมชะงักไปเมื่อเจอคำถามที่ไม่สามารถจะหาคำตอบได้ พลางหันไปมองหน้านาที
ผมไม่เคยบอกเรื่องครอบครัวผมกับใคร มีเพียงครอบครัวของน้องหญิงเท่านั้นที่รู้และดูแลผมมาจนถึงทุกวันนี้ นับตั้งแต่จำความได้ สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ
มีเพียงบ้านหลังใหญ่หลังเดียวที่ถูกทิ้งเอาไว้พร้อมกับ … ตัวผมเอง
“เสียมารยาทว่ะป๊า” นาทีบ่นพ่อตัวเองแล้วพยุงผมให้ลุกขึ้นยืน ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“เอ้า อะไรวะแกนี่ ฉันจะไปรู้หรือไงเล่า?”
“เงียบไปเลยตาลุง”
“ไม่หรอก ไม่เป็นไร” ผมว่าแล้วยิ้มแหยๆ “ผมไม่มีหรอก พ่อแท้ๆน่ะ” ก่อนจะหัวเราะให้กับตัวเอง อาจจะโดนตอกหน้ากลับมาว่า แล้วผมเกิดมาจากไหน
ผมก็อยากรู้คำตอบนั้นเหมือนกัน
ทุกชีวิตในเต้นท์เงียบไปอีกครั้ง นาทีบีบไหล่ผมเหมือนจะปลอบแต่คุณพ่อก็พูดแทรกขึ้นมา
“แล้วพวกค่ากินค่าอยู่แกเอามาจากไหนล่ะ? ไอ้อธิการบดีโรงเรียนพ่อของผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ” ผมพยักหน้าตอบคำถามของคุณพ่อหงึกๆ
“แต่มันทำกับแฟนแกขนาดนี้ แกไม่แค้นใจบ้างเลยหรือไง”
คำถามนี้โคตรลองใจผมเลย ผมหันไปมองหน้านาทีที่เหมือนจะอึ้งไปกับคำถามของคุณพ่อก่อนจะต่อยไหล่คนข้างๆเบาๆเมื่อมันยักคิ้วหลิ่วตาใส่ ตอนแรกก็อยากจะบอกอยู่หรอกว่าโมโหเหมือนกัน แต่เห็นแบบนี้แล้ว…
“โดนซะบ้างก็ดี”
“ฮ่าๆๆ” คุณพ่อหัวเราะลั่นแล้วยกนิ้วโป้งให้ผม ก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆอย่างเป็นกันเอง “ไอ้เจ้านี่มันตอบได้โดนใจจริงๆ!”
ผมหัวเราะแหะๆกลับไปให้คุณพ่อ เมื่อคุณพ่อเห็นแบบนั้นเลยหุบยิ้ม
“มันก็ดีที่เด็กมันรู้จักกตัญญูรู้คุณ เอาเป็นว่าแค่เปลี่ยนอธิการบดีโรงเรียนโอเคไหม?” คุณพ่อถามขึ้น ผมรีบพยักหน้าตอบด้วยความรวดเร็วเพราะพ่อของน้องหญิงมีงานอื่นมากมายที่รอให้เขาไปทำ เขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปดูโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ แค่โรงเรียนไม่โดนปิดแค่นั้นก็พอแล้ว
“ครับ!” ผมยิ้มแป้นดีใจกับผลตอบแทนที่เกินคาด ก่อนจะโดนนาทีลากไปกอดเอาไว้
“งี้ก็หมดธุระแล้วนะ ผมจะได้กลับคอนโดไปลงโทษแฟนซักที ข้อหาไปเต้นยั่วจนจะโดนไอ้คนเถื่อนมันจะจับปล้ำอยู่เมื่อกี้” ไอ้นาทีว่าพลางกอดเอวผมจากด้านหลังแล้วเอาคางท้าวไว้ที่ไหล่ของผม เสียงนิ่งๆของมันแต่กลับทำให้ผมแทบจะหันหลังไปต่อยมันถ้าไม่ติดที่ว่าคุณพ่อของมันยืนยิ้มอยู่ด้านหน้า
“เอ้อ เห็นแกมีเป็นตัวเป็นตนก็ค่อยโล่งใจหน่อย ใช่มั้ยพระกาฬ?” คุณพ่อหันไปถามคนที่หลุดออกจากวงสนทนาไปนานโข เสียงทุ้มๆตอบกลับมาเบาๆ
“ครับ”
“เออ ดีๆ แล้วนี่มีเรื่องขึ้นมาแบบนี้ทางฝ่ายพ่อทางนู้นเขารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นแฟนศัตรูของลูกเขาน่ะ” คุณพ่อถามขึ้นมาอีกครั้ง ผมนิ่งไป
“น่าจะรู้แล้วล่ะ” ก่อนจะเป็นไอ้นาทีที่ตอบแทน
“ถ้ารู้แล้ว ฝ่ายนั้นคงไม่ส่งเงินมาให้แล้วล่ะ…” ไอ้นาทีว่าต่อ ผมก้มหน้ามองเท้า
จริงสินะ จะว่าไปช่วงหลังๆก็ไม่ได้คุยกับคุณพ่อของน้องหญิงเลย เงินในบัญชีก็ไม่มีโอนเข้ามาเลยด้วย แล้วอย่างนี้จะไปเอาที่ไหนมาจ่ายค่ากินค่าเทอมค่ายาล่ะวะเนี่ย…
“เมื่อกี้แกว่าไงนะไอ้เจ้าลูกชาย เจ้านี่เป็นเมียแกใช่มั้ย?”
ผมแทบสำลักน้ำลายเมื่อเจอคำสรรพนามว่าเมียเข้าไปก่อนจะส่ายหัวส่ายมือโบกมือว่าไม่ใช่!
เฮ้ เรียกแบบนี้ผมเสียศักดิ์ศรีนะเว้ยยย!
“แค่แฟนครับพ่อ แค่แฟน” ผมปฏิเสธแทบจะทันที ไอ้นาทียิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อผมร้อนรนกับคำเรียกนั่น มันหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้คุณพ่อ
“เหมือนกันนั่นแหละ!” พ่อสรุปเอาเองซะงั้น…
อยากจะเถียงจริงๆว่ามันไม่เหมือนเลยโว้ยยย!
คุณพ่อก็เหลือเกิ๊น ตอนแรกก็เห็นว่าน่าเกรงขามอยู่หรอก ไปๆมาๆชักจะเหมือนตาแก่ขี้เล่นเข้าไปทุกทีแล้ว ไม่สงสัยเลยว่าลูกชายได้มาจากใคร ไอ้อารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ทุกวินาทีเนี่ย!
คุณพ่อมองหน้าผมอีกครั้งก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ ริมฝีปากที่ยกยิ้มนั่นทำให้รู้สึกขนลุกแปลกๆ
“มันไม่ส่งเงินให้แกก็ไม่ต้องไปแคร์ เป็นสะใภ้บ้าน ธาราทรัพย์ ไม่มีอดตายหรอกเว้ย!”
*
เป็นสะใภ้บ้านธาราทรัพย์ไม่มีอดตายหรอกเว้ย… ไม่อดตาย
ธาราทรัพย์
สะใภ้…
ก็ ‘แย่’ แล้ว
“กูไม่ยอมเป็นสะใภ้บ้านไหนหรอกนะไอ้เวร” กรรมจริงๆ เวรกรรม ทำไมคุณพ่อถึงได้พูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนี้นะ ผมบ่นอุบอิบพลางปลดกระดุมเสื้อแล้วเหวี่ยงมันลงตะกร้าหลังจากเข้ามาในคอนโดได้ไม่นาน ก่อนจะสะดุ้งไปเมื่อมือหนาๆของนาทีสวมกอดที่เอวของผมเอาไว้จากด้านหลัง
ผมมองผ่านกระจกที่ติดอยู่ที่ผนัง ริมฝีปากของนาทีกำลังคลี่ยิ้ม ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทลง
“ไม่ใช่เวลามายิ้ม ไอ้ลูกหมา” มือของผมฟาดลงบนหัวของคนด้านหลัง ไอ้นาทีแก้แค้นโดยการกัดไหล่ของผมคืน ผมถีบมันออกแล้วปราดเข้าไปจะชกแต่มือของมันก็คว้าหมัดของผมเอาไว้ได้
ใบหน้าของนาทีเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนจมูกแตะจมูกผม ผมกระถดถอยหลังก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจนมุม หลังของผมสัมผัสลงบนผ้าม่านสีดำที่ติดกับกระจก
“นาที…” เมื่อผมเห็นนาทีมันเงียบไปผมเลยเรียกชื่อคนตรงหน้าเบาๆ
“เรียกกูว่าทีก็พอ”
บรรยากาศที่เงียบไปทำให้ผมพูดอะไรไม่ถูก บวกกับความอ่อนล้าของร่างกายหลังจากซัดเบียร์ไปสองกระป๋องและชุ่มน้ำจนแทบจะแห้ง มือของนาทีเกลี่ยปอยผมของผมขึ้นไปทัดหู ริมฝีปากสีซีดคลี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง
“มึงน่ารักมากรู้มั้ย ตอนที่วิ่งมาหากู ถ้าเข้ามากอดกูจะดีใจมากกว่า แต่นี่เล่นเข้ามาชกกูซะเต็มรัก” ผมชะงักไป ก่อนจะเบี่ยงหน้าหลบจมูกโด่งๆที่พยายามจะคลอเคลีย
ถ้าให้พูดจริงๆตอนนั้น ผมรู้สึกเหมือนกับว่าจะเสียไอ้นาทีไปจริงๆ
ใครจะบ้าไปมีอารมณ์กอดวะ ตอนนั้นผมอยากจะกระทืบมันให้ตายซะด้วย ผมโมโหมาก โมโหที่แม่งชอบทำอะไรไม่คิด โมโหที่ชีวิตมีชีวิตเดียวแต่ทำอย่างกับมีเก้าชีวิต ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นแมวดำที่ตายไม่เป็น แมวน่ะ มันไม่ใช่ตายไม่ได้หรอกนะ มันแค่หลบหลีกเก่ง เขาถึงได้เรียกว่าเก้าชีวิต
“มึงโง่มากที่จะเอาตัวเองไปตาย”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าทำไมกูถึงทำแบบนั้น…” ผมสะอึกไปก่อนจะจ้องดวงตาของคนตรงหน้า
“มึงไม่เข้าใจหรอก ความรู้สึกของตอนที่เห็นคนที่มึงรักกำลังคลอเคลียกับผู้ชายคนอื่น”
เหมือนโดนตบหน้า ผมนิ่งชาไปทั้งร่างกาย ใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวทำให้บรรยายอาการของตัวเองไม่ได้ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองโดนดูดเข้าไปในหลุมดำ ไม่ใช่เพราะนึกภาพตอนที่ตัวเองกำลังโดนข่มขืน แต่กลับเป็นตอนที่ได้ยินว่า…
“คนที่รัก…?”
“เออดิ ไม่รักจะหึงหรือไงวะ!? ชอบถามอะไรโง่ๆ!” ไอ้นาทีตะคอกเสียงดังลั่นจนผมสะดุ้ง ผมมองมันด้วยสายตาอาฆาตก่อนจะผลักมันออกแล้วถีบท้องคนตรงหน้าจนร่างของมันลงไปนอนกลิ้งที่พื้น ผมตามเข้าไปคร่อมร่างของไอ้นาทีเอาไว้แล้วเม้มริมฝีปากแน่น
“มึงอย่ามาพูดพล่อยๆนะไอ้เวร!”
“ไอ้ป่าน ตกลงมึงเป็นเมียหรือเป็นผัวกูเนี่ย ซ้อมได้ซ้อมดี!” นาทีร้องลั่นแล้วตบหัวผม
“กูไม่ยอมเป็นเมียใครหรอกเว้ย! แล้วใครใช้ให้มึงเล่นหัวกูหา!“
“กูเนี่ยแหละ!”
‘เพี๊ยะ’
“ไอ้ป่าน!”
‘เพี๊ยะ!’ ผมตบหน้าคนตรงหน้าด้วยหน้ามือ ตามด้วยหลังมืออีกรอบ
“มึงโกหกแน่ๆ มึงไม่ได้รักกูหรอก”
ผมจะลุกออกจากร่างของนาทีแต่ถูกมือของมันดึงเอาไว้ให้นั่งลงที่เดิม
“ทำไมคิดงั้น?”
“มึงก็พูดคำว่ารักกับทุกคนที่มึงนอนด้วยนี่…”
นาทียิ้มกริ่ม
“หึงหรือไง”
‘ผั่วะ!’
ผมฟาดมือแรงๆลงไปบนหัวมันอีกครั้ง ไอ้นาทีทำหน้าเบ้
“อย่าให้กูชกมึงกลับนะ”
“ปากมึงนี่ท่าจะรูรั่วเยอะนะ”
“สนใจมาปิดให้มั้ยล่ะ” คนตรงหน้าว่าแล้วกระชากคอผม บดเบียดริมฝีปากอย่างแรงจนแทบจะขาดอากาศหายใจ ก่อนจะปลดปล่อยมันเป็นอิสระเมื่อผมประท้วงเพราะหายใจไม่ทันโดยการทุบที่อก
“กูจะช้ำในตายแล้ว”
“อย่ามาพูดคำว่ารักพล่อยๆกับกู” ผมพูดเสียงเครียด ไม่มีท่าทีเล่นอีกต่อไป
นาทีนิ่งเงียบไปแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“กูไม่เคยพาใครไปเจอพ่อ” ผมชะงักไปกับคำพูดของคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆลุกออกจากร่างของนาทีแล้วมองหน้ามันนิ่งๆ ไม่รู้ทำไมใจมันถึงได้เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“คนที่เจอพ่อกู นั่นหมายความว่ากูยอมรับคนๆนั้น”
“แองจี้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้เจอพ่อ และมึง ก็เป็นคนที่สอง ตอนก่อนออกจากห้องที่กูไม่ได้เรียกมึงเพราะว่ากูกำลังตัดสินใจว่านี่คือสิ่งที่ใช่หรือเปล่า แต่หลังจากที่เห็นสภาพ…” มือของนาทีแตะลงบนแก้มของผมแล้วลูบเบาๆ คราบดินสีแดงที่เปรอะเปื้อนไปทั่วตัวผมยังคงสภาพอยู่แบบนั้น
“หลังจากที่เห็นสภาพสะบักสะบอมของไอ้ลูกหมาที่วิ่งร้องไห้เข้ามาเพราะว่ากลัวกูจะตายคาสนามแข่งรถ ใบหน้าที่เป็น
กังวลจนไม่ห่วงว่าตัวเองมีแผลไปทั่วตัว … กูถึงรู้ว่ากูตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ”
“…”
“กูรักมึงป่าน แต่กูไม่สัญญาว่าจะรักมึงได้ตลอด … มึงก็รู้ว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน”
“…”
“แต่กูสัญญาว่ากูจะรักมึงให้นานที่สุด
นี่คือสัญญาของลูกผู้ชายอย่างกู”
TBC