บทที่ 6: จักยื้อยุดหวงหึงเสน่หา
มันไม่ได้หมายใจให้คุณรักษ์รู้ความในใจ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายรู้แล้ว มันก็วางตัวตามปกติไม่ได้อีกต่อไป
ไอ้แสนกระอักกระอ่วน อีกทั้งยังกระสับกระส่าย อยู่ไม่สุขทุกครั้งที่ถูกคุณรักษ์ยิ้มเผล่ใส่อย่างล้อเลียน
ร้ายยิ่งนัก รู้ทั้งรู้ว่ามันประหม่าก็กลั่นแกล้งมันไม่หยุดหย่อน บ่าวอย่างมันจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากก้มหน้าก้มตาซ่อนความเขินอายที่พร่างพรายไปทั่วใบหน้าเท่านั้น ดีที่วันนี้คุณรักษ์ไม่ว่างมาล้อเลียนมันทั้งวันสักเท่าไร ด้วยท่านพระยาศักดิ์บรรเลงมีคำสั่งให้ฝึกซ้อมโขนกัน หากแต่วันนี้หาใช่การซ้อมที่เอาบ่าวไพร่ในเรือนมาซ้อมกันตามปกติ มีมหาดเล็กชั้นผู้น้อยจากกองโขนหลวงบางคนมาร่วมวงด้วย หนึ่งในนั้นคือผู้เล่นเป็นตัวนางอย่างนางสีดา เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น อีกทั้งดวงหน้าก็งามพิลาส หวานหยดย้อยราวกับเทพยดาลงมาเดินดิน การปรากฏตัวของคุณคนนั้นทำเอาบ่าวไพร่ในเรือนพระยาศักดิ์บรรเลงต่างพากันนิ่งงันด้วยหลงในเสน่ห์ของเจ้าตัว แม้แต่คุณฤทธิ์เองก็ยังถึงกับออกปากชมเปลาะเลยทีเดียวว่า...
“รูปงามเช่นนี้ มีหวังบ่าวไพร่เรือนกระผมคงไม่ได้เป็นอันทำงานทำการกันแน่ เอาแต่นั่งมองตาค้างกระมัง”
“คุณฤทธิ์ก็พูดไป ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก”
“ไม่ใช่ได้อย่างไรกันขอรับ ดูสิ แม้แต่เจ้ารักษ์เองก็เอากับเขาด้วย ประเดี๋ยวก็ได้เข้าคู่กัน ไม่ต้องมองท่านแล้ว”
คุณฤทธิ์แสร้งทำเป็นดุน้องชายให้สรวลเส แต่คนฟังอย่างไอ้แสนนั้นไม่หรรษาไปด้วยเลย มันตวัดดวงตามองขวับไปทางคุณรักษ์ทันที ขณะที่เจ้าตัวหัวเราะคิกคักตามน้ำไปกับพี่ชาย เห็นเพียงเท่านั้น ในอกก็ร้อนรุ่มราวกับไฟสุม ไอ้แสนขบกรามแน่น มันไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดที่เหมือนจะระเบิดออกมาเสียเลย มันจึงได้แต่บอกตัวเองไว้ให้ใจเย็น เพราะพอจะรู้ว่าคนอย่างคุณรักษ์มักไม่ขัดใจผู้ใด ใครว่าอะไรก็ว่าตามทั้งนั้น
แต่มันไม่ชอบ...
ไม่ชอบเอาเสียเลย...
ไม่ชอบที่คุณรักษ์ยกยิ้มให้กับมหาดเล็กผู้นั้น มิหนำซ้ำยังเอ่ยเสียงหวาน...
“กระผมขอคำแนะนำด้วยนะขอรับ”
“คำแนะนำอะไรกันคุณรักษ์ เป็นกระผมเสียอีกที่ต้องขอคำแนะนำ อย่าถ่อมตัวไปเลย ใครๆ ก็ล่ำลือกันทั้งนั้นว่าคุณรักษ์เล่นบทตัวพระดีกว่าผู้ใด เป็นกระผมเสียเปล่าที่เกร็งเพราะต้องมาเข้าคู่กับคุณรักษ์เนี่ย”
คนถูกยอหัวเราะในลำคอ สีหน้าและท่าทางช่างน่ารักน่ามองยิ่ง แต่ไอ้แสนกลับหัวร้อนเป็นไฟเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้มีเพื่อมัน หากแต่เป็นชายอื่น มันกำมือแน่น พยายามไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา ก่อนที่คุณฤทธิ์จะขัดขึ้น
“เอ้า ชวนท่านคุยอยู่นั่นล่ะเจ้ารักษ์ ประเดี๋ยวก็ไม่ได้ซ้อมกันพอดี เจ้าคุณพ่อดุเอาแล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน”
คำกึ่งขู่กึ่งเล่นทำเอาสองชายหนุ่มยุติการสนทนาลงทันที ก่อนคุณรักษ์จะเป็นฝ่ายเชื้อเชิญ
“อย่างนั้นก็เชิญขอรับ หากกระผมล่วงเกินสิ่งใดไปก็ต้องขอประทานอภัยล่วงหน้าด้วย”
“ขอรับคุณรักษ์”
ต่างฝ่ายต่างพินอบพิเทาแก่กัน ไอ้แสนเห็นแล้วก็ยิ่งขุ่นใจ แต่ขุ่นใจได้ไม่นาน เสียงบรรเลงปี่พาทย์ดังขึ้น คุณรักษ์เริ่มออกท่าร่ายรำไปตามบท เกี้ยวตัวนางด้วยท่าทางอ่อนช้อย ใบหน้าประดับพรายด้วยรอยยิ้มแฉล้ม ดวงตาทอประกายชม้อยชม้าย ตอบรับกับท่าทางเอียงอายของตัวนางอย่างเข้าที ผู้อื่นมองแล้วก็ว่ากันเป็นเสียงเดียวว่าช่างเข้าคู่กันนัก ไอ้แสนก็คิดเช่นนั้น แต่สำหรับมันแล้ว มันไม่อยากให้ทั้งสองเข้าคู่กันหรอก เพราะการที่มันได้เห็นคุณรักษ์เหมาะสมกับผู้อื่นมากกว่ามัน ใจของมันก็กระวนกระวายเสียแล้ว
แต่กระนั้นมันก็หาทำสิ่งใดได้ นอกจากจะนั่งกำมือแน่น เบือนสายตาหนีเมื่อเห็นภาพบาดใจ ยอมรับชะตากรรมว่าไม่ว่าอย่างไรพระรามกับนางสีดาก็เป็นคู่สองกัน ต่างจากมันที่เป็นทศกัณฐ์ยักษ์ชั่ว มิหนำซ้ำยังมีศักดิ์ต้อยต่ำเป็นเพียงบ่าวไพร่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะกับผู้ใดทั้งสิ้น
ไอ้แสนได้แต่เก็บความร้อนรุ่มในทรวงไว้จนกระทั่งการซ้อมเสร็จสิ้น มันยกขันเงินที่มีน้ำฝนใส่อยู่เต็มไปให้ผู้เป็นนายของมันได้ดื่มคลายร้อน คุณรักษ์รับไป แต่หาได้กระดกดื่ม ส่งให้กับมหาดเล็กคนนั้นแทน
“ดื่มน้ำขอรับ”
“ขอบใจคุณรักษ์มากขอรับ”
อีกฝ่ายยื่นมือมารับ มุมปากคลี่ยิ้มเมื่อปลายนิ้วสัมผัสโดนกันกับคนตรงหน้าเล็กน้อย แม้ว่าทั้งสองจะไม่มีใครพูดอะไรด้วยเข้าใจกันว่าเป็นเหตุบังเอิญ แต่คนที่เห็นภาพนั้นเต็มสองตาอย่างไอ้แสนกลับร้อนอกร้อนใจเสียจนแทบเต้นผาง
กล้าดีอย่างไรถึงมาแตะต้องคุณรักษ์ของมัน!
ทว่ามันก็พูดไม่ได้ ทำได้เพียงรับขันน้ำดื่มจากมหาดเล็กคนนั้นกลับคืนมา แล้วไปยกน้ำขันใหม่มาให้คุณรักษ์เท่านั้น
“คุณรักษ์นี่สมกับคำล่ำลือจริงๆ ว่ากันว่าเป็นตัวพระที่หล่อเหลารูปงาม ท่าทางก็อ่อนช้อย ตอนกระผมได้ยินครั้งแรกยังไม่เชื่อเท่าไรนัก แต่เมื่อได้เข้าคู่กันก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่าทำไมถึงถูกกล่าวเช่นนั้น ตั้งแต่เล่นเป็นตัวนางมา ก็เพิ่งเจอคุณรักษ์ที่ล่ะขอรับที่ทำให้กระผมเขินอายประหนึ่งเป็นนางสีดาจริงๆ ได้”
คำป้อยอนั้นทำเอาคุณฤทธิ์หัวเราะร่วน ขณะที่คุณรักษ์อมยิ้มน้อยๆ กระดกจิบน้ำโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้พี่ชายของตนพูดไป
“เจ้ารักษ์ว่าเหมาะกับบทพระรามแล้ว กระผมเหมาะกับบททศกัณฐ์เสียยิ่งกว่าอีกขอรับ ไว้ครั้งหน้าเจ้าคุณพ่อให้ท่านมาซ้อมตอนทศกัณฐ์เกี้ยวนางสีดาเมื่อไร กระผมจะทำให้ประจักษ์เองว่ากระผมเหนือชั้นกว่าเจ้ารักษ์อยู่โข”
จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะร่วนตามมา คุณฤทธิ์ชวนคุยชวนหัวไปเรื่อยตามประสา โดยมีคุณรักษ์นั่งฟังอยู่ใกล้ๆ และแน่ล่ะว่าไอ้แสนก็นั่งคอยรับใช้อยู่ไม่ห่างเช่นกัน แต่มันไม่ได้นั่งฟังด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมดังเดิมสักเท่าไรนัก ด้วยยิ่งมันเห็นมหาดเล็กกองโขนคนนั้น มันก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ ต่อให้ไม่แสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้า แต่เรียวคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นนั้นก็ทำให้เจ้านายของมันสังเกตเห็นจนได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยปาก
“ขอประทานอภัยที่ขัดนะขอรับ แต่กระผมค่อนข้างอ่อนเพลียมากทีเดียว อยากจะขอตัวกลับไปพักผ่อนที่เรือนก่อน ท่านคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมขอรับหากกระผมจะขอเสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรขอรับคุณรักษ์ เชิญเลย กระผมอยู่พูดคุยกับคุณฤทธิ์ต่ออีกสักเล็กน้อยก็จะขอตัวลากลับแล้วเช่นกัน”
“ถ้าอย่างนั้นกระผมขอลาเลยนะขอรับ”
คุณรักษ์ยกมือไหว เห็นอีกฝ่ายรับไหว้ เขาก็หันไปพยักหน้าเรียกบ่าวประจำเรือนที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนพื้น
“ไปเจ้าแสน กลับเรือนกัน”
เจ้าแสนลุกพรวดอย่างรวดเร็ว แทบจะอุ้มเจ้านายของมันเหาะดั้นเมฆกลับเรือนไปเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุดก็ออกห่างจากเจ้ามหาดเล็กนั่นได้เสียที อกมันจะแตกตายอยู่แล้วตอนได้เห็นคุณรักษ์โปรยยิ้มให้กับชายอื่นที่ไม่ใช่มัน
มันทั้งหวง ทั้งหึงแทบคลั่งแล้ว คุณรักษ์จะรู้บ้างหรือไม่!
ไอ้แสนคิดว่าเจ้านายของมันคงไม่รู้หรอก เพราะมันไม่บอก อีกทั้งคุณรักษ์ก็ยังวางตัวตามปกติ ดังนั้นมันจึงไม่คิดจะพูดสิ่งใดออกมา ก้มหน้าก้มตาปรนนิบัติรับใช้อย่างที่เคยทำทุกวัน กระทั่งถึงเวลาเข้านอน ตอนนี้ล่ะที่มีบางอย่างผิดแผกไป ครั้นมันกำลังจะส่งคุณรักษ์เข้าห้อง จู่ๆ ชายหนุ่มก็ร้องเรียก
“เจ้าแสน”
“ขอรับ?”
“เข้ามาในนี้สิ ฉันมีเรื่องอะไรจะให้ช่วยหน่อย”
มันขมวดคิ้ว คุณรักษ์ก็เลยต้องขยายความ
“มาล้างเท้าให้หน่อย ปกติฉันล้างเองทุกคืน แต่วันนี้เหนื่อยมาก อยากให้แกช่วยหน่อย”
ไอ้แสนมันจึงพยักหน้า เดินเข้ามาในห้องนอนจนได้ มันไม่เคยเข้าห้องนอนของคุณรักษ์มาก่อนเลย อย่างมากก็แค่เฉียดเข้าใกล้ประตูเฉยๆ พอจู่ๆ ถูกเรียกเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มันก็เลิ่กลั่กไม่น้อย มองซ้ายมองขวา สำรวจไปเสียทุกซอกมุม ท่าทางเงอะๆ งะๆ เรียกรอยยิ้มให้กับเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดีทีเดียว
“ถ้ามองพอแล้วก็ล้างเท้าให้ฉันเสียทีนะ ฉันรอนานแล้ว”
คุณรักษ์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงพลางว่าเย้า ไอ้แสนรู้ตัวในคราวนี้ ก่อนมันจะรีบทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่า คว้าขาคุณรักษ์ไปแช่ในอ่างใบเล็กพลางพึมพำ
“ขอประทานอภัยขอรับ”
พูดไป มือก็ชะล้างข้อเท้าเนียนด้วยน้ำสะอาด ไร้คำพูดใดๆ ออกมาอีก มีแต่คุณรักษ์เท่านั้นที่เปิดปาก
“วันนี้แกดูแปลกๆ ไปนะ”
มันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะทำหน้าเหลอหลา
“แปลกอย่างไรหรือขอรับ”
“ก็...แกไม่พูดไม่จา เอาแต่ปิดปากสนิททั้งวัน อย่างนี้ไม่เรียกว่าแปลกหรือ”
อันที่จริงก็ไม่แปลกหรอก ปกติแล้วไอ้แสนก็หาใช่คนพูดคุยเก่งสักเท่าไรนัก เรียกได้ว่าถ้าหากไม่มีเรื่องจำเป็นต้องพูด มันแทบไม่เปิดปากเลยทีเดียว ใครต่อใครก็รู้ว่ามันมีอุปนิสัยเช่นนี้ มันก็เลยใช้เป็นข้ออ้างเสียเลย
“กระผมเป็นอย่างนี้อยู่แล้วขอรับ”
“เป็นอย่างนี้คืออย่างไหน”
“ไม่ค่อยพูดขอรับ กระผมหาใช่คนพูดมาก”
พูดอย่างกับว่าคุณรักษ์ไม่รู้อย่างนั้นล่ะ เขารู้ และก็รู้ด้วยว่าวันนี้มันมีท่าทางผิดแผกไปจากเดิม
“ฉันก็รู้อยู่หรอกว่าแกไม่ใช่คนพูดมาก แต่วันนี้แกเงียบงันผิดปกติ”
“...”
“มีอะไรทำให้ไม่สบายใจหรือเปล่าเจ้าแสน”
“ไม่มีขอรับ”
“ถ้าไม่มี แล้วแกจะทำท่าไม่พอใจฉันทำไม”
ไอ้แสนชะงัก มันทำหรือ!? ไม่แน่ใจเลยว่าไปเผลอแสดงท่าทางอย่างไรออกไป คุณรักษ์ถึงจับได้เช่นนี้
พอมองหน้าอย่างขอคำตอบ คุณรักษ์ก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนอธิบายออกมา
“ทำหน้าปั้นปึ่ง ถามคำตอบคำ พอฉันบอกว่าจะกลับเรือน แกก็รีบพรวดพราดออกจากเรือนใหญ่ทันที หากไม่มีเรื่องไม่พอใจฉันแล้ว จะแสดงท่าทางอย่างนี้ออกมาทำไม”
มันโดนจับได้อีกแล้ว คุณรักษ์จับพิรุธมันได้ทุกที ดูมันออกทุกครั้งเสียด้วย พอเห็นมันไม่ตอบ คุณรักษ์ก็ยิ้มยั่วเป็นการใหญ่
“ไม่พูดไม่จาเช่นนี้ แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าแกไม่พอใจฉันเรื่องอะไร”
“...”
“หืม ว่าอย่างไรเจ้าแสน ไม่พอใจฉันเรื่องอะไรรึ”
คุณรักษ์เปิดปากถามด้วยตนเอง เขารู้ว่าหากไม่เป็นผู้เริ่ม ก็ไม่มีวันเสียหรอกที่ไอ้แสนมันจะยอมบอก แต่ถึงขนาดเป็นฝ่ายเริ่มแล้ว มันก็ยังไม่ยอมบอกอยู่ดี นั่งอมพะนำ ก้มหน้าก้มตาล้างเท้าให้ผู้เป็นนายเงียบๆ กระทั่งคุณรักษ์เอ่ยออกมาอีก
“เจ้าแสน หากแกไม่พูด ฉันจะเตะโด่งแกออกจากห้องนอนไปนะ”
“...”
“แล้วก็จะไม่ให้แกเข้ามาเหยียบในห้องนอนอีกต่อไปด้วย”
“...”
“เอ หรือจะเตะโด่งกลับไปยังเรือนคุณพี่ดีนะ”
“ขอรับ”
มันยอมพูดจนได้ พึมพำเบาๆ ดูท่าทางมันไม่อยากถูกเตะโด่งกลับเรือนคุณฤทธิ์ แต่สิ่งที่มันพูดหาใช่สิ่งที่คุณรักษ์ต้องการได้ยินเสียหน่อย เขาระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะว่าเสียงเข้ม
“เจ้าแสน ตกลงเป็นอะไร ไม่พอใจฉันเรื่องอะไร”
“กระผมบอกไม่ได้หรอกขอรับ”
“ทำไมล่ะ”
“มันไม่สมควร”
ไม่สมควรจริงๆ อย่างที่มันว่า มันจะพูดได้อย่างไรล่ะว่าที่มันทำปั้นปึ่ง หน้าบอกบุญไม่รับยันตอนนี้เป็นเพราะมันหึงหวงคุณรักษ์ ที่มันกระทำจนถึงยามนี้ก็ทำให้ขี้กลากกินกบาลมันจนไม่มีพื้นที่ว่างแล้ว
คุณรักษ์ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ดูท่าเค้นไปก็เสียการเปล่า ไอ้แสนคงไม่ยอมบอกหรอก
ถ้าอย่างนั้น...คงต้องใช้เล่ห์กลกันหน่อยล่ะ
“เจ้าแสน...”
พลันก็ร้องเรียก ครั้นเจ้าแสนเงยหน้าขึ้นสบตา คุณรักษ์ก็ยื่นมือมาตรงหน้ามัน มันทำหน้างุนงง ก่อนที่เจ้าของมือเนียนนุ่มจะเอ่ยบอก
“อยากจับมือฉันไหม”
อยากสิ มันเคยปฏิเสธการสัมผัสตัวคุณรักษ์ด้วยหรือ พยักหน้าทันควันให้คุณรักษ์ได้กลั้วหัวเราะในลำคอ
“อยากมากไหม”
มันพยักหน้าไปอีก ลืมสิ้นไปแล้วว่ากำลังล้างเท้าให้อีกฝ่าย จากนั้นก็ถูกยั่วยวนเข้าจนได้
“ถ้าอยาก...ก็จับสิ”
“คุณรักษ์...พูดจริงหรือขอรับ”
มันไม่แน่ใจนักว่าหูฝาดไปหรือไม่ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมกับคลี่ยิ้ม มันก็มั่นใจจนได้
“พูดจริงสิ”
ไอ้แสนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มองมือที่อยู่ตรงหน้ามันนิ่ง ใจมันคว้ามือของคุณรักษ์มาอิงใบหน้าตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่ากายเนื้อกลับยังคงนั่งนิ่ง รอฟังสิ่งที่คุณรักษ์พูดขึ้นในไม่กี่อึดใจต่อมา
“จับได้ตามใจปรารถนาเลยนะเจ้าแสน ไม่ว่าจะตรงไหนที่แกอยากสัมผัส ฉันก็จะให้จับทั้งนั้น”
ยิ่งฟังก็ยิ่งเบิกตาโต คุณรักษ์คงไม่ได้พูดเล่นแน่ พูดไปก็เป็นฝ่ายเอามือมาลากลูบที่ซีกหน้าและปลายคางของมันแล้ว ยั่วเย้าให้มันถวิลหา แต่แล้วมันก็ชะงักงันไปเมื่อได้ยินว่า...
“แต่แกต้องบอกฉันว่าแกไม่พอใจฉันเรื่องอะไร ตกลงไหม”
ข้อแลกเปลี่ยนแค่นี้เองอย่างนั้นรึ ได้สิ! ตกลง! มันตกลง!
ยอมแล้ว ยอมพ่ายแพ้ ยอมศิโรราบแก่คุณรักษ์ทุกทาง
มันคว้ามือของผู้เป็นนายมาอังซีกแก้มทันที ช้อนสายตามองขณะที่สัมผัสกับฝ่ามือนุ่มด้วยความเคลิ้บเคลิ้ม
“กระผม...”
“...”
“...หึงคุณรักษ์ขอรับ”
“...”
“หึงหวง...จนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”
พูดไปก็เริ่มอยู่ไม่สุข จากที่คลอเคลียกับมือเนียนเฉยๆ ก็เหิมเกริม จูบจรดแผ่วเบาไปเสียทั่ว เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากคุณรักษ์ได้เป็นอย่างดี
“อย่าบอกนะว่าหึงหวงฉันกับ...”
มันพยักหน้าทั้งที่คุณรักษ์ยังพูดไม่ทันจบเสียด้วยซ้ำ คนฟังกลั้วหัวเราะออกมา เอ็นดูในความซื่อของมันนัก พอเห็นมันทำหน้าง้ำน้อยๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถามย้ำ
“เพราะเหตุนี้ แกถึงได้ปั้นปึ่งใส่ฉันทั้งวันอย่างนั้นหรือ”
มันไม่ปฏิเสธแล้ว พยักหน้ารับด้วยท่าทางสลด คุณรักษ์ก็ยิ่งได้ใจ กลั้วหัวเราะเป็นการใหญ่อีกระลอก
“แล้วฉันจะทำอย่างไรให้แกหายหัวเสียดีล่ะนี่ ไหนบอกฉันซิว่าควรทำอย่างไร”
อันที่จริงคุณรักษ์ไม่ต้องทำอะไรเพื่อบ่าวอย่างมันเลยด้วยซ้ำ มีเจ้านายที่ไหนเอาอกเอาใจบ่าวไพร่กันบ้างเล่า เป็นมันต่างหากด้วยซ้ำที่ต้องเอาอกเอาใจผู้เป็นนาย เจ้านายปรารถนาสิ่งใด บ่าวต่ำต้อยอย่างมันต้องหามาประเคนให้ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นคุณรักษ์ที่ไอ้แสนมันแสนจะรัก มาเอาใจมันอย่างนี้ มันก็ได้ใจ ลืมตัวเป็นวัวลืมตีนทันใด
“แค่คุณรักษ์ยอมให้กระผมทำอย่างที่คุณรักษ์ว่าไว้ในตอนแรก กระผมก็หายแล้วขอรับ”
“ทำอะไรหรือ”
“ก็...”
มันไม่พูดต่อ สบตาคุณรักษ์แทน คุณรักษ์ยิ้มยั่ว รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่ามันหมายความว่าอะไรแต่ก็อยากแกล้งมัน พอเห็นมันมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาก็ดึงมือที่ถูกมันจับอยู่กลับคืน ไอ้แสนหลงคิดไปว่าคุณรักษ์คงจะไม่ได้พูดจริงเสียแล้วกระมัง ทว่า...มันก็ต้องเบิกตาโตเมื่อคุณรักษ์ตบที่ฟูกเตียงเบาๆ
“ถ้าอยากทำก็ขึ้นมาบนนี้สิ”
“คุณรักษ์...”
“ฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่คืนคำหรอกนะ คำสัญญา...มีไว้ให้รักษา จำไว้เจ้าแสน”
“...”
“มาสิ มานั่ง แล้วอยากทำอะไรก็ทำ”
ไอ้แสนลังเลไปขณะใหญ่เลยทีเดียว มันไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี แต่เมื่อมันเห็นคุณรักษ์ค่อยๆ เอนกายลงนอน มันก็เริ่มลืมสิ้นทุกสิ่งอันสมควร มองตามร่างโปร่งที่ทอดกายยาวด้วยใจสั่นระรัว
“มาสิเจ้าแสน อยากจะทำอะไร ฉันจะให้แกสมปรารถนา”
อย่ายั่วเย้ากันอย่างนี้นะขอรับคุณรักษ์!
มันตะเบ็งเสียงดังก้องในหัว พยายามบอกตัวเองว่าให้อยู่กับที่ อย่าขยับไปไหน ทว่าคุณรักษ์กลับทำให้มันตบะแตกยิ่งกว่าเดิมด้วยการปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด จนแผงอกขาวผ่องเผยกระจ่างสู่สายตา
ไอ้แสนกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่...
คุณรักษ์หนอคุณรักษ์... ยั่วมันอย่างนี้ แล้วมันจะไปสู้อะไรได้กันเล่า
สุดท้ายแล้วมันก็ต้องปีนขึ้นเตียงผู้เป็นนายจนได้ แต่ก็มิวายแสดงอาการกล้าๆ กลัวๆ ให้คุณรักษ์ได้เอี้ยวตัวมาคว้ามือมัน ออกแรงดึงให้ขยับเข้าใกล้
“มือเย็นเยียบเชียวเจ้าแสน”
ยังจะมีอารมณ์มาเอ่ยล้อ มือมันไม่เย็นเยียบก็แปลกละ นี่คงยังไม่เห็นสินะว่าเหงื่อกาฬมันก็แตกพลั่กด้วย
“ประหม่ารึ”
“ที่คุณรักษ์พูดมา...พูดจริงหรือขอรับ”
ตอบไม่ได้ตรงคำถามเสียเลย ดูท่าแล้วมันคงจะสับสนอยู่ไม่น้อยว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่แล้วคุณรักษ์ก็ทำให้มันประจักษ์ว่าทุกอย่างที่มันได้ยิน ล้วนแล้วเป็นเรื่องจริงด้วยการปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากตัว ผิวขาวนวลปรากฏกสู่สายตา ไอ้แสนก็ยิ่งใจเต้นระส่ำมากขึ้นไปอีก ก่อนที่มันจะต้องเบิกตาโพลงเมื่ออีกฝ่ายจับมันพลิกตัวลงนอนแล้วขึ้นมาคร่อมเอาไว้
“หรือต้องให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แกถึงจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง”
คะ...คุณรักษ์!?
“ว่าอย่างไร ต้องให้ฉันเริ่มก่อนหรือ”
คุณรักษ์ว่าเย้า ดวงตาประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ ไอ้แสนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนมันจะสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามืออีกฝ่ายยื่นมาปลดกระดุมเสื้อของมัน พลันลูบลากฝ่ามือไล่ไปตามแผงอก
“เพิ่งจะรู้ว่าบ่าวอย่างแกจะกล้าขัดคำสั่งเจ้านาย”
ยังคงว่ากระเซ้ามาอีก แต่คราวนี้ไอ้แสนไม่ปล่อยให้คุณรักษ์ได้ยั่วเย้ามันอีกต่อไปแล้ว ครั้นสิ้นเสียง มันก็พลิกตัวคุณรักษ์ให้นอนราบแทน มันถลาไปขึ้นคร่อมเอาไว้ เห็นใบหน้าของคุณรักษ์ประดับรอยยิ้ม มันก็พึมพำเรียกจนไม่เป็นภาษา
“คุณรักษ์...”
“...”
“คุณรักษ์ของบ่าว...”
เท่านั้นน้ำเสียงใดๆ ก็มลายหาย แปรผันเป็นจุมพิตเร่าร้อนที่วางระนาบลงมายังกลีบปากนุ่ม ดูดกลืนราวกับผึ้งภมรกระหายน้ำมธุรสหวานล้ำจากบุปผา ตวัดตักตวงทุกสิ่งประหนึ่งว่ามันจะไม่ได้ลิ้มรสอีกแล้วในชาตินี้
คุณรักษ์หาได้รังเกียจเดียดฉันท์เลยแม้แต่น้อย เผยอริมฝีปากออก เปิดทางให้ไอ้แสนได้ซอนแทรกเข้ามารุกรานตนอย่างเต็มใจ ในใจก็สุขล้ำเช่นกันที่ถูกกระทำล่วงเกิน เพราะแม้ว่าไอ้แสนจะเป็นเพียงบ่าวในเรือน แต่ใบหน้าคมขำ ร่างกายกำยำของมันก็บ่งบอกชัดเจนว่าแท้ที่จริงมันเองก็เป็นหนุ่มรูปงามเช่นกัน ติดเพียงว่ามันมีชาติกำเนิดต่ำต้อย หากมันเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโต คงจะไม่มีโอกาสได้กระทำอย่างที่ทำกันอยู่ในตอนนี้
และใช่... หาใช่เพียงไอ้แสนหรอกที่มันมีใจปฏิพัทธ์แก่คุณรักษ์ คุณรักษ์เองก็เช่นกันที่ต้องใจมันตั้งแต่แรกพบ อาจเป็นเรื่องชวนให้คิดว่าช่างวิปริต แต่ก็ต้องยอมรับว่าตั้งแต่พบพักตร์สบตากับมัน เขาก็ลืมเลือนไอ้บ่าวแสนซื่อคนนี้ไม่ลงเลยแม้แต่กระผีกเดียว แต่ด้วยเพราะเป็นนายจึงมิอาจแสดงอาการใดออกมาได้มากนัก กระทั่งประจักษ์ว่าไอ้แสนคิดอย่างไรกับตน นั่นล่ะถึงได้เริ่มเปิดเผยความในใจของตนบ้าง
จุมพิตนั้นเนิ่นนาน...
คุณรักษ์ชำแรกปลายลิ้นของตนเกี่ยวกระหวัดกับคนตรงหน้าด้วยความเสน่หา ผิวขาวหยวกแดงเรื่อไปทุกอณูด้วยความร้อนรุ่มที่ค่อยๆ ผุดพรายเข้ามาในกายทีละน้อย
ไอ้แสนชำเลืองมองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะลูบตะโบม... ผิวเนื้อเนียนนี้ มันจะปู้ยี่ปู้ยำให้สาแก่ใจเลยทีเดียว
แต่เอาเข้าจริงมันก็ยั้งมือไว้ด้วยไม่กล้าหักหาญน้ำใจมากนัก กระทั่งคุณรักษ์เห็นมันถอนจุมพิตไปแล้วมีท่าทางลังเล เขาจึงได้เอ่ย
“ฉันบอกแล้วนี่ว่าอยากทำอะไรก็ทำ”
“แต่คุณรักษ์...”
“ทำเถอะเจ้าแสน ฉันอยากให้ทำ”
แล้วมันจะกล้าขัดสิ่งใดได้อีกเล่า ไอ้แสนซุกจมูกโด่งรั้นลงดอมดมยังซอกคอพลัน จูบระเรื่อยไปตามลำคอระหง ไล่ต่ำลงไปยังแนวไหปล้าร้า ขบกัดประหนึ่งว่ากระหายใคร่ มือก็ซุกซนไม่หยุด รังแกคนใต้ร่างยังส่วนอ่อนไหวทั้งบนและร่าง ครั้นเลื่อนตัวลงต่ำมาพบพานยอดปทุมสีหวาน มันก็เข้าครอบครอง ตวัดไล้เลียจนอีกฝ่ายบิดเร่า สั่นสะท้านไปทั้งกาย
คุณรักษ์... น่ารักสมชื่อ
และเพราะน่ารักเกินกว่าที่ไอ้แสนจะทานทนไหว มันจึงยิ่งรังแกมากขึ้นไปอีก ทั้งกลืนกิน ทั้งบีบเคล้นผิวเนื้ออย่างจาบจ้วงจนแดงเถือกไปหมด
เสียงกระเส่าหวานหูดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสีชาดให้ได้ยินเล็กน้อย ไอ้แสนได้ใจหนัก กระถดถอยลงต่ำไปยังหน้าขา จัดการปลดเปลื้องปราการที่กั้นขวางระหว่างตนออก สายตาจับจ้องยังเกสรดอกไม้ที่ชูช่อเบ่งบาน มันก็กระเซ้าด้วยจุมพิตแผ่วเบาให้อีกฝ่ายได้ผวาเฮือก
เสียงหัวเราะน้อยๆ หลุดออกจากปากของคุณรักษ์เมื่อเห็นว่ามันหยอกเย้าไม่เลิก
“เจ้าแสน... อย่าแกล้ง”
มันจะแกล้ง มันจะรังแกให้สาสมกับที่คุณรักษ์ยั่วยวนมันเลยทีเดียว ห้ามหรือสั่งอะไรมันในตอนนี้ มันไม่ฟังหรอก เพราะมันจะเกกมะเหรกเกเรกับผู้เป็นนายแล้ว!
ประหนึ่งยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มันหยอกเย้าอยู่อย่างนั้นจนซีกแก้มผ่องของคุณรักษ์แดงเรื่อไปหมด ขมับชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะผวาไปอีกเฮือกเมื่อถูกครอบครองด้วยโพรงปากอุ่นร้อน
ความหวามไหวที่รุกรานเข้ามาทำให้คุณรักษ์ไม่อาจทัดทานได้อีกต่อไป ความสุขอภิรมย์ใดๆ ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกายปะทุออกมาในคราวนี้
หยาดหยดแห่งความสุขสมถูกกลืนกินเสียสิ้น ไอ้แสนเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคุณรักษ์เบือนหน้าหนีมันไปอีกทาง พยายามหลบซ่อนความแดงซ่านเพราะความเขินอาย แต่หนีไม่พ้นสายตาของมันหรอก มันปรายตาสำรวจไปเสียทุกสัดส่วนพลางชมในใจไม่หยุดหย่อนว่าคนตรงหน้าของมันในยามนี้ช่างงดงามเสียเหลือเกิน
“คุณรักษ์...น่ามองมากเลยขอรับ”
มันทนไม่ไหวที่จะเอ่ยปากชมออกมาเสียด้วยซ้ำ ซีกหน้าของคุณรักษ์ยิ่งทอสีแดงระเรื่อมากขึ้นไปอีก ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำ
“ไม่ต้องมาเย้าฉันเลยเจ้าแสน”
“กระผมคิดอย่างนั้นจริงๆ หาได้เย้าขอรับ”
ไอ้แสนว่าพลางอมยิ้ม มันเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่แล้ว ก่อนจะขยับตัวขึ้นไปประทับจูบที่หน้าผากมนของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ
“คุณรักษ์ของไอ้แสนน่ารักน่ามองมากจริงๆ”
คุณรักษ์เหลือบมองมันในคราวนี้ ไอ้แสนชะงัก เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรลงไปก็ผงะไปเล็กน้อย เตรียมจะถอยออกห่าง แต่ก็ถูกมือของอีกฝ่ายรั้งเอาไว้
“ไม่เป็นไร อยู่อย่างนี้แหละ”
“แต่...”
“นอนลงข้างๆ ฉัน”
“...”
“แล้วกล่อมฉันนอนหลับหน่อย”
เป็นอีกครั้งที่มันปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน มันทิ้งตัวลงหนุนหมอนใบเดียวกับผู้เป็นนาย ขณะที่คุณรักษ์คว้าแขนมันมาหนุนแทน
ไอ้แสนตระกองกอดร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายด้วยแสนรัก มันซุกใบหน้าดอมดมเส้นผมของคนในอ้อมแขน คลอเคลียไม่ห่างหาย ปากพึมพำออกมาเมื่อเห็นว่าคุณรักษ์หลับตาลง
“กระผมคิดว่าคงจะไม่ได้แค่มีใจให้คุณรักษ์อย่างเดียว”
“...”
“แต่กระผมคงหลงรักคุณรักษ์เข้าแล้วขอรับ”
เสียงหัวเราะของคนที่มันคิดว่าเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์แล้วดังขึ้นน้อยๆ ก่อนที่จะตามมาด้วยประโยคที่ทำให้ใจมันเต้นไม่เป็นส่ำ
“ไม่ใช่แค่แกหรอกที่คิดอย่างนั้น”
“...”
“ฉันเองก็เหมือนกัน...เจ้าแสน”
ตั้งแต่เกิดมา วันนี้คงเป็นวันที่มันมีความสุขที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ...
________________________
คุณรักษ์เผยความในใจแล้วนะ กรีสสสส
หลังจากตอนนี้ก็คงหวีดกันเป็นพักๆ จนเหนื่อยค่ะ ฮา แต่จะเริ่มเข้าเนื้อเรื่องหลักละ
ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยนะจ๊ะ ^^