ตอน เสือจนตรอก
บางทีเสือคงจะลืมไปว่าในบรรดาคนที่ติดตามอินสตาแกรมของตนนับหมื่นนั้น มีคุณนายปลามารดาสุดที่รักรวมอยู่ด้วย...
“แม่ครับ มีอะไรให้เสือกินมั่ง หิวจะแย่แล้ว”
เสือเดินหาวลงบันไดมาในช่วงสายของวันเสาร์ เห็นแม่ของเขากำลังนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก เขาจึงเดินเข้าสวมกอดจากทางด้านหลัง
“หิวจังเลย”
เสือออดอ้อนออเซาะเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้แม่กลับนั่งนิ่งไม่ได้ยิ้มแย้มให้เขาเหมือนเช่นทุกทีแถมบรรยากาศรอบตัวยังดูอึมครึมน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้
“เอ่อ แม่เป็นอะไรเปล่าครับ”
“เสือ”
คุณนายเรียกชื่อเขาเสียงแข็งท่าทางเคร่งเครียด
“มานั่งตรงนี้สิ”
เสือคลายอ้อมแขนด้วยอาการงง ๆ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตามที่แม่ชี้
“บอกแม่มาตามตรงว่าเสือกับน้องแฮมเป็นอะไรกัน”
เสือนิ่งไปกับคำถามที่ได้ยิน นี่แม่เขาระแคะระคายอะไรหรือเปล่า
“เป็นอะไรล่ะแม่ น้องแฮมก็เป็นน้องเสือไงครับ” หากแต่เขายังพยายามทำใจดีสู้คุณปลาที่ดุยิ่งกว่าเสือ
“แน่ใจนะว่าจะตอบแม่แบบนี้”
คุณปลาจ้องเขาเขม็งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอก่อนจะยืนให้ลูกชาย เสือกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเมื่อเห็นภาพที่โชว์บนหน้าจอ
มันคือภาพล่าสุดในอินสตาแกรมของเขา...
“My lovely boy แฟนผมน่ารักไหมครับ” แม่ของเขาดึงโทรศัพท์ไปอ่านแคปชั่นที่โพสไว้ “แล้วนี่มันหมายความว่ายังไงเหรอเสือ”
“เอ่อ...คือ...”
เมื่อเห็นลูกชายคนเดียวของเธออึกอักพูดไม่ออก คุณปลาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
“แม่สอนให้เสือเป็นลูกผู้ชาย กล้าทำก็กล้ารับไม่ใช่เหรอ”
พอโดนแม่ว่าตรง ๆ เสือถึงกับสะอึก รู้สึกหน้าชาที่ทำตัวไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย เขาจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่าง
“คือเสือกับน้องแฮมเราเป็นแฟนกันครับ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็เพิ่งจะตกลงคบกันได้เดือนกว่า ๆ ครับ”
คุณปลาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ ไอ้ลูกชายตัวดีที่นั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมหมดมาดตรงหน้านี่มันน่าตีนัก ทำไมถึงทำอะไรไม่คิดเลย
“แล้วคิดจะบอกแม่กับน้าขวัญเมื่อไหร่”
...
มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับเธอมา ทำเอาคุณปลาถึงกับของขึ้นลมออกหู
“เสือ! นี่ถ้าแม่ไม่เห็นในไอจีก็ไม่คิดจะบอกผู้ใหญ่กันเลยหรือไง”
คุณปลาแวดขึ้นเสียงสูงลั่นบ้าน จนเสือสะดุ้งคอหด
“เห็นแม่กับน้าขวัญเป็นหัวหลักหัวตอเหรอ ถึงได้ทำอะไรไม่เห็นหัวผู้ใหญ่แบบนี้ แล้วนี่แม่จะกล้าไปสู้หน้าน้าขวัญเขาได้ยังไง ลูกชายเราดันไปล่อลวงลูกบ้านเขาแบบนั้น คิดบ้างหรือเปล่าว่าแม่กับน้าขวัญจะเข้าหน้ากันติดไหม ถ้าน้าขวัญเขาไม่โอเคกับเรื่องนี้”
“ขอโทษครับแม่”
เสือเอ่ยเสียงอ่อย เพราะแบบนี้เขาถึงยังไม่อยากให้แม่รู้ ก็แม่เวลาโกรธน่ากลัวจะตาย
“ไม่ใช่แค่แม่ คนที่เสือควรจะไปขอโทษอีกคนคือน้าขวัญ”
คุณปลาถอนหายใจเมื่อนึกถึงเพื่อนรักที่รู้จักและสนิทสนมไว้ใจครอบครัวของเธอไม่ต่างจากคนในครอบครัวเดียวกัน แต่ลูกชายหน้าม่อของเธอดันทำเรื่อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็กหัวอ่อนอย่างน้องแฮมต้องโดนลูกชายเจ้าเล่ห์ของเธอชักจูงให้คล้อยตามแน่ ๆ
โธ่ น้องแฮมของน้า
“ครับ เดี๋ยวเสือจะไปขอโทษน้าขวัญครับ”
เสือแอบชำเลืองมองแม่ที่นั่งทำหน้าเครียด เขาไม่แน่ใจว่าแม่จะรับได้ไหมกับการที่ลูกชายจะรักกับผู้ชายเหมือนกัน
“แล้วแม่ล่ะครับ โอเคไหมที่เสือคบกับน้องแฮม”
คนเป็นแม่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะมองหน้าลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ
“ไม่โอเคแล้วยังไง ชีวิตของเสือ มันจะสุขจะทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับเสือ ไม่ใช่แม่”
“อ้าว แล้วแม่โมโหเสือทำไม”
“แม่โมโหที่เราคบกับน้องแฮมแล้วไม่บอกแม่ตั้งหาก” คุณปลาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโมโห ยิ่งเห็นเจ้าตัวดียิ้มเจื่อน ๆ ยิ่งอยากจะฟาดสักที
“แล้วนี่เลยเถิดกันไปถึงขั้นไหนแล้ว เราทำอะไรน้องไปหรือยัง” คุณปลาถามไปตามตรงเพราะไม่ไว้ใจนิสัยคาสโนว่าของลูกชาย อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นเพียงแต่เธอไม่พูดแค่นั้นเอง
“ยังครับ เสือยังไม่ได้มีอะไรกับน้อง”
เสือส่ายหน้าหวืด นึกถึงเหตุการณ์ที่จวนเจียดจะเลยเถิดไปหลายทีแล้วก็เสียวสันหลังวาบ
“แต่ก็คงหาเศษหาเลยกับน้องไปเยอะแล้วสินะ”
เขาได้แต่ทำหน้าเจื่อน พี่เสือคนคูลพออยู่ต่อหน้าคุณปลาก็หงอกลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ
“แล้วนี่เราจะเอายังไง คิดดี ๆ ใช่ไหม จริงจังเรื่องน้องแฮมแค่ไหน”
คุณปลาคาดคั้นซักจำเลยที่ได้แต่นั่งเรียบร้อยสงบเสงี่ยมกว่าปกติ
“จริงจังสิครับ ไม่งั้นเสือจะเปิดตัวว่าเป็นแฟนเหรอ”
อุตส่าห์ลงทุนเล่นใหญ่แกรนด์โอเพ่นนิ่งจนโดนแม่จับได้เลยนะ
“แล้วถ้าน้าขวัญเขาไม่โอเคที่จะให้ลูกเขามาคบกับเรา เสือจะทำยังไง”
คุณปลาตั้งคำถามที่ทำให้เสือต้องคิดหนัก เขาเขยิบเข้าไปหาแม่แล้วคว้ามือมากุมไว้ ช้อนสายตาออดอ้อน
“แม่ก็ช่วยพูดให้เสือหน่อยนะครับ แม่เป็นเพื่อนรักน้าขวัญนี่ นะ ๆ ช่วยเสือหน่อย”
“ไม่ได้ เรื่องนี้แม่จะไม่ช่วย”
แต่แม่ของเขากลับปฏิเสธทันที ทำเอาเสือถึงกับเหวอ
“อ้าว ทำไมล่ะแม่”
“ก็เพราะมันเป็นเรื่องที่เสือต้องรับผิดชอบเอง เสือต้องทำให้น้าขวัญไว้ใจว่าจะดูแลลูกเขาได้”
มือของคุณปลาตบลงบ่าลูกชายคนเดียวที่กำลังทำหน้าหงอยเพื่อให้กำลังใจ
“เสือก็รู้ว่าน้าขวัญเขามีน้องแฮมแค่คนเดียว น้องแฮมเป็นทุกอย่างในชีวิตน้าขวัญ ถ้าเสือจะมาทำเล่น ๆ กับลูกเขา น้าขวัญคงไม่ยอมหรอก”
“แต่เสือรักน้องแฮมจริง ๆ นะแม่ เสือรักของเสือมาตั้งนานแล้วด้วย”
รักตั้งแต่วันที่น้าขวัญจูงมือน้องแฮมตัวน้อย ๆ ย้ายมาอยู่ข้างบ้านของเขา เด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูที่ยิ้มให้เขาจนตาหยีตั้งแต่แรกเจอ ยิ่งน้องโตขึ้นเขาก็ยิ่งรัก ทั้งรักทั้งหวงเอามาก ๆ ด้วย
“งั้นเสือก็ต้องทำให้น้าขวัญรู้ ทำให้น้าเขาเข้าใจและเชื่อใจในตัวเสือ”
“ครับ เสือจะพยายาม”
รถมาสด้าสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดใต้หอพัก นะปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งมาด้วยกัน
“ข้าวโอ๊ตขึ้นไปนั่งรอพี่บนห้องไหมครับ”
“พี่แค่ขึ้นไปเอาหนังสือให้เพื่อนไม่ใช่เหรอครับ ผมรออยู่ในรถก็ได้”
โอ๊ตเลิกคิ้วขึ้นมอง พวกเขากำลังจะออกไปกินมื้อกลางวันกัน แต่อยู่ ๆ ตอนที่พี่นะขับรถไปรับเขาที่หอ เพื่อนของพี่นะก็โทรมาบอกว่าต้องใช้หนังสือที่พี่นะยืมมาด่วนให้แวะเอาไปให้ที่คณะด้วย พวกเขาก็เลยต้องกลับมาที่หอพักของพี่นะ
“พี่ไม่อยากให้เรานั่งรออยู่ในรถคนเดียว มันอันตรายนะครับ”
อยู่บนห้องสองต่อสองกับพี่นะไม่อันตรายกว่าเหรอ...
โอ๊ตได้แต่แอบคิดในใจ เขามองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟน ผู้ที่เคยมีข่าวความเจ้าชู้ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่คนสนิทของเขาเลย แต่ดูแล้วท่าทางพี่นะก็ไม่ได้มีท่าทีหรือพิรุธอะไรน่าสงสัย
คงไม่ได้มีแผนอะไรหรอก...มั้ง...
“ก็ได้ครับ”
โอ๊ตเปิดประตูก้าวเท้าตามนะขึ้นลิฟท์ไปชั้นหกอย่างเงียบ ๆ นะเปิดประตูเดินนำเข้าไปในห้อง หากคนที่เด็กกว่ากลับหยุดยืนรออยู่เพียงแค่หน้าประตูเท่านั้น นะยิ้มเมื่อเห็นโอ๊ตไม่ยอมเข้ามาในห้องสักจึงเอ่ยปากชวน
“ข้าวโอ๊ตเข้ามาสิครับ มานั่งรอข้างในก่อน ขอเวลาพี่หาหนังสือแป๊บนึงนะครับ ไม่รู้พี่เอาไปเก็บไว้ตรงไหน”
เมื่อเห็นโอ๊ตยังยืนนิ่ง เจ้าของห้องก็กลับมาสนใจรื้อหาหนังสือที่เขายืมมาจากเพื่อนเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนต่อ โอ๊ตชะโงกหน้าส่องสายตาเข้ามาสำรวจภายในห้อง ถึงพวกเขาจะคบกันมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่โอ๊ตเพิ่งเคยขึ้นมาที่ห้องของแฟนหนุ่มเป็นครั้งแรก
“โทษครับ หลบหน่อยครับ”
โอ๊ตรีบเบี่ยงตัวหลบเข้ามาในห้องเมื่อหันไปเห็นว่ามีผู้ชายกำลังแบกโทรทัศน์เดินผ่านหน้าห้องไปยังลิฟท์ ดูเหมือนห้องเยื้อง ๆ กันกำลังขนของย้ายห้องอยู่ เขาเห็นผู้หญิงอีกคนยกกระติกน้ำร้อนออกมาวางบนกล่องพลาสติกที่ตั้งอยู่หน้าห้องนั้น ท่าทางจะขนกันอีกหลายรอบ
เห็นแบบนั้นโอ๊ตจึงปิดประตูห้องแล้วยืนลังเลอยู่ตรงนั้น ห้องของนะไม่ได้มีโซฟา มีเพียงเก้าอี้ตัวเดียวตรงโต๊ะเขียนหนังสือซึ่งงถูกเจ้าของห้องใช้วางหนังสือที่รื้อออก พอนะหันมาเห็นก็ยิ้มให้
“นั่งรอบนเตียงก่อนก็ได้ครับ”
โอ๊ตมองเตียงขนาดควีนไซส์ที่ตั้งอยู่กลางห้องด้วยสายตาไม่ไว้ใจนัก แต่จะให้ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่แบบนี้ก็ดูจะยังไงอยู่ เขาจึงถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งที่ปลายเตียงที่ปูผ้าปูสีเทาอ่อน สายตาก็มองสำรวจรอบ ๆ ห้องพักขนาดมาตรฐาน นอกจากเตียงที่เขานั่งอยู่แล้วก็มีตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ไมโครเวฟ และชั้นวางของบิวท์อินบนผนังที่ยาวไปจนถึงชั้นหนังสือที่อยู่ติดกับโต๊ะเขียนหนังสือ นอกจากโทรทัศน์กับหนังสือที่วางอยู่สองสามตั้งเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่มีอะไรในห้องนี่แสดงถึงตัวตนของเจ้าของห้องเลย รูปถ่ายสักใบก็ไม่มี พลันสายตาเขาก็เห็นกระเป๋าสีดำรูปทรงเหมือนกระเป๋าใส่กีต้าร์วางอยู่ข้างหัวเตียง
“มองหาอะไรอยู่เหรอครับ”
โอ๊ตสะดุ้งหันขวับมาทันทีเมื่อนะก้มลงกระซิบถามทำให้จังหวะที่เขาหันไปแก้มไปโดนปลายจมูกของคนที่ยืนอยู่พอดี คนอายุน้อยกว่าผงะออกทันทีพร้อมกับทำหน้าตื่น หากนะกลับเพียงยิ้มน้อย ๆ แล้วนั่งลงข้างกันบนเตียง
“พี่ถามว่ามองหาอะไรอยู่เหรอ”
“เออ พี่นะเล่นกีต้าร์ด้วยเหรอครับ” โอ๊ตซ่อนความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าด้วยการถามถึงสิ่งที่เขาเพิ่งละสายตามา
นะหันมองตามสายตาของคนที่นั่งอยู่ก่อน “ก็เล่นบ้างเวลาว่าง ๆ น่ะ โอ๊ตอยากฟังไหมล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ” โอ๊ตส่ายหน้าก่อนจะก้มลงมองหนังสือสองเล่มที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย “หาหนังสือเจอแล้วใช่ไหมครับ”
“อือ โอ๊ตหิวหรือยังครับ”
นะถามด้วยความเป็นห่วงที่น้องต้องหิ้วท้องรอ หากโอ๊ตกลับส่ายหน้า
“ก่อนที่พี่นะจะไปรับ ผมเพิ่งกินขนมไปน่ะครับ”
“งั้นพี่ขอแวะไปที่คณะก่อนนะครับ แล้วเราค่อยไปหาข้าวกินกัน”
โอ๊ตกำลังจะลุกขึ้นก็พอดีกับที่โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมากดรับแล้วลุกเดินเลี่ยงออกมาคุยที่ระเบียงห้อง
“ครับแม่”
นะมองตามหลังแฟนรุ่นน้องที่ลุกออกไป ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์เบา ๆ
“โอ๊ตกำลังจะออกไปกินข้าว แม่ละครับ กินข้าวหรือยัง”
“ครับ กลับวันเสาร์หน้า”
“โอ๊ตก็คิดถึงเหมือนกัน”
เมื่อวางสายแล้วโอ๊ตก็เดินกลับเข้ามาก็เห็นเจ้าของห้องมองมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“เวลาโอ๊ตแทนตัวเองว่าโอ๊ตก็ฟังดูน่ารักดีนะ พี่ชอบ”
โอ๊ตเสหลบสายตาเป็นประกายของคนที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ คำว่าชอบของนะทำให้เขาหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ
“ไปกินข้าวกันเถอะครับ”
โอ๊ตทำท่าจะเดินไปที่ประตูห้องแต่ถูกคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน เขาหันมามองด้วยความตกใจแต่ก็พยายามจะทำหน้านิ่งไว้
นะพยายามกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าตื่น ๆ ของเจ้าแมวน้อยตรงหน้า น้องมันน่าแกล้งเสียจริง ๆ
“อยากให้เวลาคุยกับพี่ ข้าวโอ๊ตแทนตัวเองว่าโอ๊ตได้ไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ชิน”
นะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเขยิบเข้าไปชิดคนที่เอาแต่หลบสายตาของเขา เขามองคนตัวเล็กกว่าด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มตัวลงให้สายตาอยู่ระดับเดียวกันแล้วจ้องตาคนรักพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ
“นะครับ พี่อยากได้ยิน นะครับข้าวโอ๊ต”
โอ๊ตเม้นปากแน่นเมื่อถูกจู่โจมด้วยสายตาและน้ำเสียงขอร้องนิด ๆ ของอีกฝ่าย
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวเพื่อนพี่จะรอ”
โอ๊ตหันหน้าหนีไปอีกทาง นะเลยได้แต่ยักไหล่ก็จะยืดตัวขึ้นเต็มความสูงแต่ทว่าก็ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือที่จับเอาไว้
“เอ่อ” โอ๊ตหันมามองข้อมือตัวเองก็จะช้อนตาขึ้นมองคนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ปล่อยสิครับ”
“ก็โอ๊ตไม่ยอมทำตามที่พี่ขอ งั้นพี่ก็ขอจับมือหน่อยละกันนะ”
ไม่พูดเปล่านะยังชูมือที่จับไว้ขึ้นมาด้วย โอ๊ตได้แต่ถอนหายใจก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำให้คนฟังถึงกับยิ้มกว้าง
“ถ้าพี่จับมือโอ๊ตไว้แบบนี้จะล็อคห้องยังไงล่ะครับ โอ๊ตว่าเรารีบกันดีกว่า”
นะยอมปล่อยมือตามที่น้องขอ แต่ก็นั่นแหละ พอเขาล็อคประตูห้องเรียบร้อย มือใหญ่ก็คว้ามืออีกคนทันที หากคราวนี้นะประสานนิ้วมือของพวกเขาไว้ด้วยกันโดยไม่สนใจคนที่ยืนทำตาโตสีหน้าเลิ่กลั่ก
“พี่นะ เดี๋ยวคนอื่นเห็น”
“คนเป็นแฟนกัน เดินจับมือกันมันเรื่องธรรมดานะครับ” นะยิ้มให้ก่อนจะจูงมือแฟนเด็กของตัวเองไปที่รถ
“แต่ว่า...”
โอ๊ตก็ยังรู้สึกไม่ชินอยู่ดี ทำแบบนี้มันน่าอายจะตายไป
“ไม่ต้องเขินหรอก พี่ไม่ได้จะจูบข้าวโอ๊ตสักหน่อย” นะหันมาทำหน้าทะเล้น
“พี่นะ!”
คราวนี้มืออีกข้างของโอ๊ตที่ว่างอยู่ฟาดลงมาแขนเขาทันที ทำเอานะซูดปากด้วยความเจ็บแต่ก็ยังกุมมือไว้ไม่ปล่อย ส่วนโอ๊ตก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายกุมมือของตนต่อไปโดยไม่ว่าอะไรจนถึงรถ
ทำไมยิ่งนับวันการกระทำของผู้ชายคนนี้ถึงมีผลต่อเขามากขึ้นนะ...
แย่แล้วไอ้โอ๊ต...
TBC…
ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนาน ข้าน้อยผิดไปแล้ว ฮือออออ
ยังมีใครรออ่านพี่เสือน้องแฮม พี่นะกับข้าวโอ๊ตไหมนะ