เพื่อนร่วมงานแบบที่ 13
เพื่อนร่วมงานบางคนอยู่ดี ๆ นึกอยากจะเป็นคนดีมีน้ำใจขึ้นมา ก็ทำให้ต้องประหลาดใจ
เบลมองคนที่หยิบบิลต่าง ๆ มาเรียงแล้วก็อดนึกแปลกใจไม่ได้กับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ ชยาควรกลับไปตั้งนานแล้วแต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ ทั้งที่บ่นแล้วก็ทำให้เบลหงุดหงิดโมโหจนต้องไล่ให้กลับบ้านไปซะ แต่สุดท้ายชยาก็ยังอยู่และช่วยทำงาน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เต็มที่ก็แค่มานั่งเฉย ๆ ให้เบลหงุดหงิดเล่น แต่ครั้งนี้ชยาลงมือทำและไม่ได้ปล่อยให้เบลทำอยู่คนเดียว
“ซัพนี้รหัสอะไร”
เพราะเป็นการถามเรื่องงานเบลก็เลยขยับเข้ามาใกล้และมองไปที่ใบส่งของที่ชยาเอ่ยถาม
“01617”
ตอบไปแล้วและแอบลอบมองใบหน้าของชยาไปอีกเล็กน้อย ก็ไม่ใช่จะอยากมองอะไรหรอกนะ พอดีนึกเรื่องที่สาว ๆ ในแผนกเพิ่งคุยกันมาแค่นั้น
ชยาเข้ารหัสและพาสเวิร์ดของตัวเองที่โปรแกรมของบริษัท มองอยู่นานและไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปเพราะแทบจะไม่เคยเข้ามาใช้ระบบเลย
“ใส่รหัสซัพแล้วไปตรงไหนต่อ”
เบลหันมามองและครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ในหัว เหลือบมองหน้าของชยาที่เอ่ยถามเรื่องวิธีการคีย์เอกสารใบส่งของเข้าสู่ระบบแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ชยาอีกนิด
งานก็คืองาน ไม่ค่อยชอบหน้าก็คือไม่ค่อยชอบ แต่ถ้าต้องทำงานกับคนที่ไม่ชอบหน้าก็ต้องฝืนใจทำให้จบ ๆ ไป ไม่ควรเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน
เบลตัดสินใจวางมือจากเอกสารที่กำลังคีย์ และขยับเก้าอี้มาใกล้ชยา หยิบใบส่งของขึ้นมาดู และบอกสิ่งที่ชยาต้องทำ
“ใส่รหัสซัพเข้าไปแล้วดูสินค้าว่ามีกี่รายการแล้วก็ติ๊กถูกไป ไล่ไปทีละอัน มันจะขึ้นรวมยอด ดูว่ามันตรงกันหรือเปล่าเสร็จแล้วก็คลิกตรงคำว่าเก็บ”
ชี้นิ้วไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์และชยาก็ทำตามที่เบลสอน
“ไม่ใช่ กลับขึ้นอันบนก่อน มาตรงนี้ เออนั่นแหละ แล้วก็เก็บ ถ้ามันขึ้นจาง ๆ ก็คือได้แล้ว จะดูว่าคีย์ไปหรือยังก็ดูที่หน้านี้”
ชยาทำตามที่เบลสอนและค่อย ๆ มองรายการสินค้าทีละรายการ
“ทำไมมันไม่ได้อ่ะ”
“แสดงว่าออฟฟิศไม่ได้เปิดรายการให้ ข้ามไปก่อนแล้วแยกไว้ตามกับออฟฟิศด้วย เอามานี่ก็ได้ เดี๋ยวตามเอง ไม่งั้นจะลืม”
ดึงเอกสารกลับมาที่ตัวเองและชยาก็หยิบเอกสารใบส่งของอีกใบขึ้นมาดู
“แล้วซัพอันนี้รหัสอะไร”
ลักษณะนี้คงต้องถามรหัสกันอีกนานกว่าจะคีย์เสร็จ
“เอาอย่างนี้ เอากระดาษมาจดชื่อซัพไว้ อันไหนจำไม่ได้ก็มาหาตรงหน้ารายการรวม ซัพอันนี้ 01620 เดี๋ยวค่อยจำแล้วกัน เอามานี่เดี๋ยวเขียนรหัสซัพให้ ไม่งั้นมันจะช้า”
ดึงเอกสารทั้งหมดมาไว้ในมือและเบลก็หยิบดินสอมาเขียนรหัสสำหรับให้ชยาเอาไว้คีย์
“จำได้หมดทุกอันเลยเหรอ”
เอ่ยถามด้วยความสงสัยและเบลที่กำลังจดรหัสให้ก็บอกสิ่งที่ชยาถาม
“จำได้ไม่หมดหรอก ของคนที่ไม่ค่อยส่งนาน ๆ มาส่งทีบางทีก็จำไม่ได้ แต่รายการประจำคีย์ทุกวันมันก็จำได้นั่นแหละ”
อ่อ เพราะคีย์เองบ่อย ๆ ก็เลยจำได้สินะ
“เก่งเนอะ”
นี่เรียกว่าคำชมหรือเปล่า คนอย่างคุณชยา คิวเอ ที่เป็นคนที่เบลไม่อยากให้เข้าใกล้มากที่สุด อยู่ดี ๆ ก็พูดเหมือนชมกันแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าดีใจหรือเปล่า
“คีย์เร็วมากด้วย”
“ก็คีย์ทุกวัน”
“อือ”
มันคงเป็นบทสนทนาแรก ๆ ของคนที่แทบจะไม่เคยพูดจากันแบบดี ๆ มาก่อนตั้งแต่ทำงานร่วมกันมา เบลก็แค่ทำงานที่ตัวเองทำเป็นประจำทุกวันไม่ได้ทำอะไรที่ผิดแปลกไปจากทุกวัน
“ทำไมมันคีย์ไม่ได้ มันดังติ๊ง ๆ ไม่ยอมให้คีย์”
เบลมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของชยาและดึงบิลในมือชยามาดู
“อันนี้ไม่ใช่นะ นี่มันหลงมา นี่บิลขาย หากันทั้งวันอยู่นี่เองเกือบได้ขอใหม่แล้วมั้ยล่ะ”
พูดคุยกันเรื่องงาน ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
เบลทำงานของตัวเองต่อไป และชยาก็ทำตามที่เบลสอน ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม ตรงไหนทำไม่ได้ก็ถาม มันคงเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมากที่โดนถามบ่อย ๆ แต่น่าแปลกที่เบลตอบทุกคำถามที่ชยาถาม ถึงแม้จะเป็นคำถามซ้ำ ๆ เดิม ๆ แต่เบลก็ตอบ
เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวต้องแยกกันไม่ควรเอามาปนกัน
รู้สึกตัวอีกทีก็เหลือกันอยู่สองคน และชยาก็เริ่มขยับยุกยิกไปมาและเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ จากที่นั่งคีย์บิลในท่าทางที่แสนเรียบร้อยตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว
คุณหนูนั่งชันเข่าคีย์บิลและเบลก็แอบลอบมองสิ่งที่ชยาทำ
“อีกเยอะมั้ย”
เอ่ยถามและชยาก็ยกบิลที่กำลังคีย์ให้เบลดู
“เยอะ”
“แล้วยังจะเร่งให้ส่งเข้าออฟฟิศอีกมั้ย”
“..........”
แล้วชยาที่กำลังคีย์บิลก็ชะงักนิ่งค้างไปชั่วขณะ หันไปมองคนที่กำลังคีย์บิลที่อยู่ในตะกร้าที่ยังกองอยู่เต็มและยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่เบลพูดขึ้นมาทันที
ไม่ตอบสิ่งที่เบลถามแต่หยิบบิลขึ้นมาคีย์และเบลก็หันมามองคนที่นิ่งเงียบไปแล้วอีกครั้ง ก็ไม่ได้อยากจะชมหรอกนะ ตั้งแต่สอนงานใครมาตั้งหลายคนไม่มีใครเหมือนคุณหนูเลยสักคน สอนไปนิดเดียวก็ทำได้แล้ว ในขณะที่คนอื่น ๆ เอาแต่ถามซ้ำซากไม่จบไม่สิ้น บอกให้จดก็ไม่ยอมจด แต่คุณหนูถามไม่กี่คำ และจดไปด้วยตอนที่ถาม ถึงแม้จะทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเข้าใจแต่แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถทำงานได้แล้ว
ก็ไม่อยากจะชมว่าเก่งหรอกนะ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นคนหัวไวใช้ได้
เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว และเบลก็นึกได้ว่าทำงานเกินเวลาไปแล้วหลายชั่วโมง ขยับมาดูบิลที่ชยาคีย์แล้วก็เห็นว่าอยู่ดี ๆ ชยาก็ทำหน้ายุ่งและยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง เสียงแปลก ๆ ที่ได้ยิน ทำให้เบลต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงและมองหน้าชยาด้วยความสงสัย
“ก็ผมหิวนี่ จะมองทำไม”
หมายถึง...เสียงที่ยินนั่นเสียงท้องร้องเหรอ
ไม่ได้อยากจะขำแต่ก็อดขำไม่ได้ ไม่ได้อยากจะยิ้มหรือหัวเราะแต่มันก็หยุดไม่ได้ เบลก็แค่หัวเราะเพราะความขำ แต่ชยาทำหน้ายุ่งเพราะเห็นอีกฝ่ายหัวเราะ
“ทำไม คนหิวข้าวไม่ได้หรือไง”
ได้ คนเราหิวข้าวได้ไม่ผิด ไม่มีปัญหา แต่ถึงขนาดหิวจนท้องร้องนี่มันก็เกินไป
เบลดึงลิ้นชักโต๊ะออกดู คุ้ยหาบางอย่างในลิ้นชักโต๊ะออกมา
“กินถั่วตัดไปก่อนแล้วกัน”
บ้าหรือไง คนหิวข้าวให้กินถั่วตัด
อยากจะด่าคนที่บอกให้กินถั่วตัดไปก่อนและกำลังจะปฏิเสธแต่เบลก็โยนถั่วตัดมาให้แล้ว
“รับ”
และชยาก็รีบคว้าขนมที่เบลโยนมาให้เอาไว้ในมือ
“อยู่ใกล้แค่นี้จะโยนทำไม”
“ก็อยากขว้างหัวคุณหนู มีปัญหาหรือไง”
กวนประสาท ปากเสีย อะไรอีกที่เป็นนิยามของเจ้าหน้าที่แผนกรับสินค้าที่ชยาต้องทำงานด้วย
“งั้นก็เอาคืนไป”
ขว้างถั่วตัดกลับคืนไปให้และเบลก็รีบรับเอาไว้และขมวดคิ้วมุ่น
“งั้นก็ไม่ต้องกินหรอก เปลือง”
เปลืองงั้นเหรอ...
ชยารีบลุกจากเก้าอี้และมาดึงถั่วตัดที่อยู่ในมือเบลทันที
“อ้าว นึกว่าไม่กิน”
ไม่ได้บอกว่าไม่กิน หิวขนาดนี้ยังไงก็ต้องกิน
เบลเปิดลิ้นชักและหยิบถั่วตัดอีกชิ้นขึ้นมา แกะพลาสติกออกและกินไปพร้อมกับชยาด้วย
“แข็งชิบหาย ถ้าไม่หิวกูก็ไม่กินเหมือนกันแหละวะ”
บ่นพึมพำไปเรื่อยและชยาก็เหลือบมองคนที่กินถั่วตัดไปคีย์บิลไป
จริงอย่างที่เบลพูด ขนมที่ได้มาโคตรแข็ง เคี้ยวทีฟันแทบหลุด แต่ทำไงได้ ตอนที่หิวขนาดนี้และยังทำงานไม่เสร็จ มีอะไรที่พอกินได้ก็กิน ๆ ไปก่อน กินไม่ได้ก็ต้องกิน เพราะมันไม่มีอะไรจะให้กิน
เรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตตอนนี้ ชยาเริ่มเข้าใจขึ้นมาทีละนิดแล้ว
เคยเลือกได้มาตลอด ถึงวันหนึ่งที่เลือกไม่ได้แล้วก็ต้องทำใจยอมรับและอยู่กับสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้าให้ได้
ชยามองถั่วตัดในมือนิ่ง ๆ และใช้ฟันแทะไปเรื่อย ๆ
คิดแล้วมันก็ขำ
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งชีวิตของตัวเองจะกลายมาเป็นแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าคนอย่างชยาต้องมากินถั่วตัดแก้หิวเพื่อประทังชีวิตไปก่อนเพราะไม่มีอะไรจะให้กิน
TBC.