-9-
หลังจากวันที่ได้ดูแลคนป่วยผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วคิวเข้าสู่ฤดูกาลสอบมิดเทอมอย่างจริงจังส่วนคนตัวขาวก็มีบินทุกวันจนคิวกลัวว่าร่างกายจะรับไม่ไหวกลับมาป่วยอีกครั้ง ช่วงนี้ทั้งคู่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันสักเท่าไหร่แต่ก็มีส่งข้อความหรือไม่ก็โทรศัพท์หากันทุกวันเพราะว่าถ้าไม่ได้ยินเสียงของพีทคิวจะเกิดอาการกระวนกระวายทำตัวเหมือนหมีตกมัน(เพชรบอกมาว่าอย่างนั้น)
วันนั้นพีทไม่ได้ตอบอะไรออกมา คิวเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะกลัวจะเผลอไปทำร้ายจิตใจอีกคนเข้าแต่แววตาแสนเศร้าของพีทนั้นมันยังคงติดตาคิวมาจนถึงวันนี้ เกิดคำถามมากมายขึ้นในใจว่าอะไรที่ทำให้พีทเศร้าได้ขนาดนั้นแต่เมื่ออีกคนส่งยิ้มมาให้คิวก็พร้อมที่จะกลืนคำถามเหล่านั้นลงไป ในเมื่อพีทยังไม่อยากให้รู้เขาก็จะไม่ถาม
“เสร็จซะทีเว้ย!!!!!!”
เพชรวิ่งออกไปหน้าตึกที่พวกเขาใช้สอบวิชาตัวสุดท้ายแล้วตะโกนเสียงดังดีที่พวกเขาเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาจากห้องสอบมิฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าไอ้เตี้ยนี่จะมีชีวิตรอดหลังจากตะโกนเสร็จ
“ทำอย่างกับสอบไฟนอลเสร็จแล้วนะมึงนี่แค่มิดเทอมป่ะวะ”
จิมมี่หน้ายุ่งเดินแคะหูลงจากบันไดมาข้าง ๆ มีเอ็มที่ตาลอยเดินไม่ค่อยจะตรงอยู่ ส่วนคิวนั้นลงมานั่งรอพวกมันด้านล่างได้สักพักแล้ว ไม่ใช่ว่าเก่งหรืออะไรนะแต่เขาเป็นพวกที่ทำเสร็จแล้วคือเสร็จตรวจทานนิดหน่อยแล้วก็ออกจากห้องสอบเลย ไม่มัวมานั่งย้ำคิดย้ำทำเหมือนไอ้เตี้ยหรือนั่งหลับรอเวลาอย่างจิมมี่ ตอบแบบละเอียดยิบแบบเอ็ม คิวเอียนบรรยากาศในห้องสอบจะแย่สู้ทำให้เสร็จแล้วออกมานั่งฟังเพลงเล่นเกมรอพวกมันด้านนอกดีกว่า
อย่าถามถึงพีทเพราะคนตัวขาวของเขามีบินตอนนี้คงอยู่ระหว่างทำไฟล์ทเพื่อกลับมาไทยเครื่องแลนด์ประมาณสองทุ่มแต่วันนี้พีทไม่ให้ไปรับเพราะรู้ว่าเขาโหมอ่านหนังสือมาหนักเลยอยากให้กลับไปพักผ่อนมากกว่าอีกอย่างพรุ่งนี้เขาทั้งสองคนหยุดตรงกันพีทเลยชดเชยให้โดยการไปกินข้าวดูหนังกับเขา
แค่คิดถึงพรุ่งนี้หัวใจก็กระชุ่มกระชวยเสียแล้ว
“เลิกทำหน้าตาโรคจิตสักวินาทีเถอะเพื่อน”
ป้าบ!
“สม/สม”
คนตัวเล็กมองไอ้กองกำลังสนับสนุนอีกสองคนตาขวาง นี่ขนาดเขากะระยะห่างจากไอ้หมีมันพอสมควรแล้วนะไม่วายมือมันยังเอื้อมมาตบหัวเขาถึงแล้วไอ้เพื่อนเวรจิมมี่กับเอ็มก็ไม่เคยจะช่วย
“แม่ง มือหนักอย่างกับตีน”
“เอาตีนมั้ยล่ะ?”
คิวบอกพร้อมกับทำท่ายกเท้า เพชรวิ่งหนีไปหลบหลังเอ็มทันใดโผล่หัวออกมายิ้มแหย
“ไม่เป็นไรจ้า เกรงใจจุงกะเบย”
คิวอมยิ้มส่ายหัวแล้วกลับมาสนใจเกมในมือถือต่อ
“ไปไหนต่อป่ะ”
จิมมี่นั่งลงตรงข้ามถามทุกคน คิวเงยหน้าขึ้นมามองเพชรกับเอ็มมองหน้ากันก่อนะจะยักไหล่
“ไม่มีแพลนพวกมึงจะไปไหนกันอ่ะ”
คนตัวเล็กตอบจิมมี่เลยหันมาถามความเห็นของคิว
“เอาไงมึงดริ๊งมั้ย”
“กูง่วงว่ะ”
“ก็กลับไปนอนก่อนดึก ๆ ค่อยออกไงวะทำอย่างกับไม่เคย”
แต่คิวยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ
“พรุ่งนี้นัดพีทไว้”
จิมมี่ผิวปากหวืออีกสองคนส่งสายตาล้อเลียนมาให้
“เอาใหญ่แล้วเว้ย ๆ คนติดแฟนมาแล้วเว้ย”
“แฟนห่าไรล่ะกูยังไม่ได้คบกันเลย”
เพชรเบะปาก
“ยังไม่ได้คบแต่คอยดูแลกันตอนป่วยไม่ห่างถามจริงตอนกูป่วยมึงเคยเหลียวแลกูสักนิดไหม”
“มึงเป็นใคร?”
“โอ้โหหหหหหห เอ็มมึงดู!!! ดูเพื่อนมึงงงงงงงง”
สามคนหัวเราะชอบใจที่เห็นเพื่อนตัวเล็กงอแง คิวเลยรั้งคอมันมากอดไว้หลวม ๆ เตี้ยมันงอนสะบัดออกนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ขืนตัวออก
“เตี้ยแล้วยังขี้น้อยใจ”
“มึงแม่งบุญคุณที่กูซื้อข้าวซื้อยาไปให้นี่ไม่มีเลยใช่มะ!”
“ทวงบุญคุณไปอีก”
จิมมี่แซว คิวโคลงหัวเพื่อนตัวเล็กเบา ๆ รู้ว่ามันแค่ทำเป็นงอนไปอย่างนั้นไม่มีอะไรมากหรอกเอาขนมมาล่อเดี๋ยวก็หาย
“พีทบอกว่าซื้อขนมมาให้มึงเต็มเลยว่ะเตี้ยบอกว่าขอบคุณที่ซื้อข้าวซื้อยามาให้”
เพียงเท่านั้นไอ้เพื่อนตัวเล็กตาเป็นประกายยิ้มกว้าง
“พี่พีทแม่งน่ารักที่สุด”
“ของกู”
คิวสวนทันทีที่เหลือกลอกตาเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยขี้หวงเวอร์”
“ทำตัวเป็นหมีหวงก้าง”
“มีแต่หมามั้ยเพชร”
จิมมี่หัวเราะบอก แต่คนตัวเล็กยักไหล่แล้วหันไปมองคิวด้วยสายตายียวน
“ก็มันตัวใหญ่อย่างกับหมี หมาตัวเล็กไป”
“พูดมากเดี๋ยวกูฮุบขนมมึงซะนี่”
“กูจะฟ้องพี่พีท!”
“พีทไม่เชื่อมึงหรอก”
“ไอ้คนนิสัยเสีย!”
“ไอ้ขี้ฟ้อง”
“ไอ้หมี!
“ไอ้เตี้ย”
“โอยยยยย พออออออออออออ พวกมึงนี่เถียงกันอย่างกับเด็ก ๆ ไอ้เตี้ยนี่ก็ยุง่ายรู้อยู่ว่ามันแกล้งก็ยังจะไหลไปกับมันส่วนมึงนะคิวอยากจะให้บรรดาแฟนคลับมึงมาเห็นจริง ๆ ว่าอีกมุมหนึ่งของสุดหล่อที่เขาเพ้อกันนี่จริง ๆ แล้วมันเด็กสามขวบแค่ไหน”
คิวยักไหล่ไม่แคร์สิ่งที่เอ็มพูดมา เขาไม่ได้สนิทกับคนพวกนั้นจนต้องให้เห็นทุกมุมของตนเองนี่แล้วถึงจะรู้แล้วเลิกชอบเขาคิวก็ไม่ได้สนใจ
“กูจะบอกพี่พีท”
“หว่ายอยู่กับพีทกูงอแงกว่านี้อีก”
คิวบอกอย่างผู้ชนะ เพื่อนทั้งสามชะงักไปนิดหน่อยแล้วก็เผยรอยยิ้มบางออกมา จิมมี่ยกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ เอ็มยิ้มส่ายหัวส่วนไอ้ตัวเล็กยิ้มกว้างหน้าบานเป็นกระด้ง
“เชื่อเขาเลยจริง ๆ”
“แล้วเป็นไงบ้างมึงคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว”
เอ็มเท้าคางถามคิว เพราะเห็นว่าช่วงนี้เพื่อนทำตัวดีเป็นพิเศษไม่ค่อยเที่ยวไม่เกาะแกะใครพุ่งความสนใจไปที่การสอบแล้วก็คนตัวบางนั้นคนเดียว
“ก็ดีพีทน่ารัก”
“มึงบอกพวกกูทุกวันว่าเขาน่ารัก มีอะไรมากกว่านี้ไหม”
คิวนิ่งคิดถึงคนตัวขาวจะให้ตอบว่าอะไรอีกล่ะ ก็พีทน่ารักทั้งหน้าตาทั้งนิสัยตอบว่าน่ารักมันก็ครอบคลุมสุดแล้วไม่ใช่หรือไง
“แล้วกูต้องบอกว่าอะไรก็พีทน่ารักจริง ๆ”
คำตอบของหมีตัวใหญ่ทำเอาเพื่อนทั้งสามส่ายหัวอ่อนใจกับความมึนของมัน จนไอ้ตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะอธิบายให้ฟัง
“อย่างเช่นนิสัย เขาเป็นคนยังไงพวกกูอยากรู้เพราะว่าเขาคือคนที่มึงสนใจ มึงพูดมาแค่ว่าเขาน่ารักอันนั้นพวกกูรู้อยู่แล้วคิวแต่กูอยากรู้ลึกกว่านั้น”
เพชรอธิบายให้คิวฟังช้า ๆ คนตัวใหญ่พยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะเปิดปากพูดถึงคนตัวขาวของเขาด้วยรอยยิ้ม
“ที่กูบอกว่าเขาน่ารักคือเขาน่ารักทั้งนิสัยทั้งหน้าตา พีทเป็นคนใจดีอยู่ด้วยแล้วสบายใจเวลากูเล่าอะไรให้เขาฟังเขาก็จะฟังอย่างตั้งใจ อืม...เวลายิ้มกูโคตรอยากดึงมากอดเลยมึง ตอนที่เขาป่วยกูโคตรเป็นห่วงพีทจะอ้อนมากแล้วก็ดื้อมาก เขาเป็นคนเงียบ ๆ นะไม่ค่อยพูดยิ้มอย่างเดียวจนกูหวงอ่ะเพราะพูดกับใครเขาก็ยิ้มให้คนนั้น”
“ก็เขาเป็นสจ๊วตไหมล่ะ”
“อือนั่นแหละ ไม่รู้จะบอกอะไรแล้วอ่ะ พีทน่ารักจบนะ”
“หมั่นไส้มึงจริง ๆ แล้วพี่เขามีท่าทียังไงกับมึงบ้าง”
เพชรถามต่อ คิวส่ายหัวพอถูกถามถึงตรงนี้เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไง พีทดีกับเขาแต่ก็ไม่รู้ว่าพีทดีกับทุกคนแบบนี้หรือเปล่า พีทยอมให้เข้าใกล้แต่คิวก็ไม่รู้ว่ามากพอที่เขาจะเข้าข้างตัวเองว่าพิเศษกว่าคนอื่นได้ไหม
“หมายความว่าไง”
เอ็มขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“ไม่รู้ว่ะแต่เพื่อนพีทบอกว่าพีทไม่เคยให้ใครเข้าใกล้แบบนี้มาก่อน”
“นั่นก็แปลว่ามึงมีสิทธิ์”
พอจิมมี่พูดทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยฟังหนุ่มลูกครึ่งพูดต่อ
“ในความคิดกูนะ พี่พีทเขาโตแล้วความคิดของเขาก็ต้องโตมากกว่าเราถูกไหมกูว่าเขาคงมองถึงความสัมพันธ์ในระยะยาวมากกว่าแค่ถูกใจคบกันแล้วก็เลิกกูว่าเขาน่าจะเลือกเยอะอยู่เพราะหน้าตาแบบนั้นใคร ๆ ก็อยากเข้าหาแล้วยิ่งเพื่อนพี่เขาบอกกับมึงแบบนั้นด้วย มึงถือไพ่เหนือคนอื่นอยู่นะคิว ที่เหลือก็อยู่ที่มึงล้วน ๆ แล้วว่าจะคว้าใจเขามาได้หรือเปล่า”
“แล้วกูต้องทำไงวะ กูกลัวว่าพีทจะไม่เลือกกู”
ทั้งสามเห็นแววสั่นไหวในตาคู่คมถึงจะเพียงเสี้ยววินาทีแต่ทั้งสามก็เห็นชัดเจนจนเกิดคำถามขึ้นมาในใจของทั้งสามว่าอะไรที่ทำให้คนที่มั่นใจในตัวเองแบบคิวเป็นกังวลได้กัน
“มีอะไรหรือเปล่าคิว”
เพื่อนตัวเล็กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงด้วยความที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กทำให้เพชรสามารถจับอาการผิดปกติของเพื่อนตัวใหญ่ได้แม้เพียงน้อยนิดก็ตาม คนตัวเล็กขมวดคิ้วเครียดทันทีสิ่งที่คิวกังวลอยู่คงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
“เฮ่อ...ไม่รู้ว่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
จิมมี่ทำท่าจะเอ่ยปากถามแต่เพชรยกมือห้ามไว้เสียก่อน คิวยังไม่พร้อมที่จะบอกพวกเขาเจ้าตัวถึงตัดบทไปแค่นั้น ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“กูกลับแล้วนะ”
“อือ กลับดี ๆ มึง”
จิมมี่กับเอ็มโบกมือลามองร่างสูงใหญ่ของเพื่อนหายลับไปก่อนจะหันความสนใจมาที่เพื่อนตัวเล็ก
“มีอะไรวะ”
“กูก็ไม่รู้แต่คิวมันยังไม่อยากบอกน่ะ ปล่อยมันไปก่อนเรื่องของหัวใจเราคิดแทนมันไม่ได้หรอก”
เพชรมองตามทางที่เพื่อนสมัยเด็กเดินหายไปอย่างเป็นห่วง จิมมี่กับเอ็มถอนหายใจ
“กูอยากให้มันสมหวังนะ กูเชื่อว่ามันจะเป็นคนรักที่ดี”
เอ็มพูดขึ้นมาหลังจากเงียบอยู่นาน จิมมี่กับเพชรพยักหน้าเห็นด้วยก่อนหนุ่มลูกครึ่งจะปรบมือเรียกสติทุกคนให้กลับมา
“พอ ๆ ทำตัวเป็นพ่อแม่ห่วงลูกชายกันอยู่ได้ ไป ๆ สอบเสร็จทั้งทีไปหาอะไรกินฉลองกันดีกว่าพวกมึงส่วนไอ้คิวเราคงต้องรอให้มันพูดออกมาเองใช่ไหมแม่”
ร่างสูงหันไปเอียงคอใส่คนตัวเล็ก
“เออ มึงว่าไงพ่อ”
เพชรก็เล่นด้วยหันไปเอียงคอถามเพื่อนท่าเดียวกับจิมมี่เป๊ะ
“ปล่อยให้ลูกลองทำด้วยตัวเองก่อนเถอะแม่ ตอนนี้เราพาคนสวนไปแดกข้าวกันดีกว่า”
“ไอ้สัดเอ็ม อย่างกูต้องเป็นลูกชายคนโตสิวะ ห่าให้กูเป็นคนสวนเฉย คนสวนที่ไหนหล่ออิมพอร์ตแบบกูบ้าง”
“คนสวนบ้านกูไงเนอะแม่เนอะ”
“ใช่เลยจ่ะพ่อ”
“กู เกลียด พวก มึง!”
คู่หูตัวป่วนหัวเราะชอบใจก่อนจะวิ่งไปกอดคอลูบหัวลูบหางลูกชายคนโตที่งอนตุ้บป่องเดินลิ่วออกไป
Rrrrrr Rrrrrrr“ครับคุณแม่”
‘หายหน้าหายตาเลยนะคะลูกชาย’
“เปล่าหายนะครับ ลูกเพิ่งสอบเสร็จเลย”
‘แล้วน้องคิวจะกลับบ้านเลยไหมคะคุณแม่จะได้ทำของโปรดไว้ให้”
“ลูกน่าจะกลับวันมะรืนครับ”
‘หืม? มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกคุณแม่หรือเปล่าคะ’
พอมาถึงตรงนี้คิวหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ในลำคอ คุณแม่ถามมาขนาดนี้แปลว่าน่าจะพอรู้ข่าวอะไรเรื่องเขามาบ้างแน่ ๆ และสายข่าวอันดับหนึ่งตลอดกาลของคุณหญิงใบตองก็คือ...
“เพชรไปฟ้องอะไรคุณแม่ล่ะครับ”
‘แหมอย่าเรียกว่าฟ้องสิคะเรียกว่าเล่าสู่กันฟังจะดีกว่า คุณแม่ก็อยากรู้ความเป็นไปของลูกชายสุดที่รักบ้าง ว่าไงคะได้ข่าวว่ากับคนนี้แซ่บมาก’
คิวหัวเราะเสียงดังดีที่ตอนนี้เขาถึงห้องแล้วอาบน้ำเสร็จเตรียมจะส่งข้อความบอกพีทคุณแม่ก็โทรมาเสียก่อน
“แซ่บอะไรกันครับคุณแม่ก็พูดไป”
‘อย่ามาโกหก น้องเพชรบอกคุณแม่ว่า
พี่พีทของน้องคิวน่ารักมาก ๆ หล่อมาก ๆ ด้วย คุณแม่ก็รอให้น้องคิวโทรมาเล่าตั้งนานแต่ก็อุบเงียบจนคุณแม่ทนไม่ไหวนี่ล่ะค่ะถึงโทรมาหา’
“ชมคนอื่นหล่อแบบนี้ลูกจะฟ้องคุณพ่อ”
ลูกชายคนเดียวเย้าแหย่มารดาได้ยินเสียงกระเง้ากระงอดมาจากปลายสาย ทำให้คิวยิ้มเต็มแก้มจะว่าไปเขาก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือนแล้ว อีกทั้งยังไม่ค่อยได้โทรหาที่บ้านด้วยยิ่งพอมีพีทเข้ามาคิวยิ่งลืมไปสนิทเลย
‘ว่าไงคะจะเล่าให้คุณแม่ฟังได้หรือยัง’
“ปกติคุณหญิงใบตองไม่เห็นจะสนใจเรื่องแฟนลูกชายเลยนี่ครับ”
‘ปกติก็ไม่สนหรอกค่ะเพราะลูกชายคุณแม่ขี้เบื่อแปบ ๆ เลิกแล้ว คนก่อนคุณแม่ยังไม่ทันจะเห็นหน้าอีกวันเปลี่ยนคนเสียแล้วแต่คนนี้ไม่เหมือนคนเมื่อก่อนไม่ใช่หรือคะ?’
น้ำเสียงรู้ทันของมารดาทำให้คิวยอมแพ้และเปิดปากเล่าคงจะเป็นไอ้เพื่อนตัวเตี้ยที่รีบคาบข่าวไปบอกแม่ของเขานั่นแหละและมันก็คงไปใส่สีตีไข่ไว้เยอะไม่อย่างนั้นมีหรือคนอย่างคุณหญิงใบตองจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามเขาก่อน
เขาว่ากันว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
นิสัยของคิวก็ได้คุณแม่มาเยอะเหมือนกัน
“เขาชื่อพีทครับ”
‘คุณแม่รู้แล้วค่ะ’
“ใจเย็น ๆ ครับคุณหญิงลูกกำลังจะพูดต่อ”
‘อ่ะ..คุณแม่ขอโทษค่ะ ลูกชายเล่าต่อเลยค่ะ’
“ลูกต้องถามก่อนว่าเพชรเล่าให้คุณแม่ฟังถึงไหนแล้วมากกว่าครับ”
‘น้องเพชรเล่าว่า พี่พีทของน้องคิวแก่กว่าน้องคิวห้าปีทำงานเป็นสจ๊วตสายการบินที่คุณแม่ชอบขึ้นอยู่คอนโดเดียวกับน้องคิว ตัวขาว สูง หน้าตาหล่อม๊ากกกกกก’
แถมเสียงกรีดร้องเบา ๆ พอเป็นพิธีมาตามสาย คิวยิ้มขำคงจะมีแค่นิสัยส่วนนี้ของคุณแม่ที่เขาไม่ได้มาด้วย เรื่องความขี้เล่นขี้แกล้งนี่คุณแม่ไม่เป็นสองรองใครแถมยังชอบเล่นใหญ่ตลอดด้วย
‘อ่อ ๆ มีอีกน้องเพชรเล่าว่าลูกชายของคุณแม่เพ้อถึงพี่พีทมากเลย ห่างกันก็บ่นคิดถึงถึงขั้นจะบินตามไปหามองอะไรทำอะไรก็เป็นพี่พีทไปหมด’
“เพชรมันเวอร์แล้วครับ! ใช่ที่ไหนกัน”
ถึงกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นจะจริงก็เถอะ
‘หืม? หรือคะ แล้วใครกันน้าที่ลงทุนอยู่เฝ้าไข้ดูแลคนป่วยไม่ห่างตัวเลย ใช่ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงใบตองไหมคะ’
“หมาเพชรมันก็เล่าไปหมดแล้วนี่ครับ แล้วคุณแม่จะให้ลูกเล่าอะไรอีก”
เมื่อสู้ไม่ได้ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงใบตองก็ออกอาการงอแงขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ปลายสายกลับหัวเราะชอบใจที่ต้อนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจนมุมไร้การโต้ตอบ สงสัยที่น้องเพชรเล่ามาจะจริงแท้แน่นอนเสียแล้ว
‘โอ๋ ๆ มีสิคะคุณแม่ยังไม่รู้เลยว่าทำไมพี่พีทคนนั้นถึงทำให้ลูกชายคุณแม่เป็นได้ถึงขนาดนี้”
“พีทน่ารักครับ”
‘ครับ’
“พีทใจดีมาก ๆ ด้วย”
‘ครับ’
“พีทเป็นคนเงียบ ๆ เวลาไม่ยิ้มหน้าจะติดหยิ่งแต่พอยิ้มโลกจะสดใสเลย”
‘ครับ’
“พีทชอบฟังมากกว่าพูดเวลาที่ลูกอยู่กับพีทลูกรู้สึกสบายใจมากครับ”
‘อ่าฮะ’
“พีทเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียด เป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น...อืม...ทั้งหมดที่เป็นพีทลูกรู้สึกว่า
ลูกชอบมาก ๆ เลยครับ”
‘หวา~ ลูกชายคุณแม่กำลังมีความรักจริง ๆ อย่างที่น้องเพชรบอกเลย คิคิ’
“โถ่คุณแม่อ่ะ”
เด็กหมีของพีทเกาแก้มเก้อเขิน ถึงจะมั่นใจแล้วว่าตนเองกำลังมีความรักแต่เวลาที่คนอื่นพูดมันก็อดเขินไม่ได้จริง ๆ นะ
“คุณแม่ครับ”
‘ครับลูก’
“ลูกควรทำอย่างไรดี”
‘หืม? ลูกชายของคุณแม่กำลังกังวลอะไรอยู่ครับ’
“คุณแม่ก็รู้ว่าลูกไม่เคยมีความรัก ลูกไม่รู้ว่าลูกควรจะเป็นแบบไหนให้พีทชอบ”
‘
เป็นตัวของตัวเองครับ น้องคิวก็คือน้องคิวเป็นแบบนี้แหละครับ ลูกเองก็ยังชอบที่พี่พีทเขาเป็นตัวของเขาเองเลยไม่ใช่หรือ’
“ครับ...แต่ลูก...ก็อยากจะเป็นคนที่ใช่สำหรับพีท”
‘น้องคิวครับลูกรู้ไหมว่าการชอบใครสักคนมันมาจากหลาย ๆ ปัจจัยการจะทำให้คน ๆ นั้นชอบก็ต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างด้วย ถูกของลูกที่อยากจะทำตัวให้เป็นที่ชื่นชอบในสายตาคนที่ตนเองปลื้ม ไม่ผิดครับแต่ถ้าเราพยายามจนเสียความเป็นตัวเองไปนั่นแหละผิด การพยายามเป็นคนที่ใช่ไม่ผิดเลยน้องคิวแต่น้องคิวลืมไปหรือเปล่าครับว่า
คนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม’
คิวชะงักไปกับคำพูดของมารดา...นั่นสิในขณะที่เขาพยายามจะเป็นคนที่ใช่สำหรับพีท เขาก็ลืมไปเลยว่าคนที่ใช่...ไม่ต้องพยายาม
‘น้องคิวยังชอบพี่พีทได้เลยเห็นไหมครับ ลูกชายของคุณแม่เป็นเด็กดีนะ คุณแม่เชื่อว่าใครที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ได้รับความรักของน้องคิวเขาจะต้องให้หัวใจน้องคิวกลับมาแน่ ๆ ครับ’
“แล้วถ้าสุดท้ายแล้วลูกไม่ได้เป็นที่ต้องการของพีทล่ะครับ”
‘คุณแม่ก็จะกอดน้องคิวไว้แน่น ๆ แล้วก็บอกว่า ยังมีคุณพ่อกับคุณแม่ที่รักลูกอยู่ตรงนี้นะครับ ใครไม่รักลูกชายคนแม่ก็ช่างสิเนอะ เรารักกันสามคนพ่อแม่ลูกก็ได้’
คิวยิ้มออกมาในท้ายที่สุด ร่างสูงใหญ่ผ่อนลมหายใจยาวสิ่งที่กวนใจเขามาตลอดหนึ่งอาทิตย์หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้คุยกับมารดา ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาด้วยความรัก คำสอนของคุณแม่ทำให้คิวคิดได้และเลิกคิดมาก
ถึงวันข้างหน้าเขาจะเสียใจก็จะยังมีอีกสองคนที่พร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างเขา คุณพ่อกับคุณแม่ท่านทั้งสองที่คอยประคับประคองเขาเสมอมาและยอมรับในทุกสิ่งที่เขาเป็น
“ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณแม่ ลูกรักคุณแม่นะครับ”
‘คุณแม่ก็รักน้องคิวมากครับ คุณพ่อด้วย’
“รักคุณพ่อเหมือนกันครับ ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันเจอกันนะครับคุณแม่”
‘ครับลูก...อืม..ถ้าวันนั้นพี่พีทของน้องคิวว่างชวนเขามาที่บ้านสิครับ คุณแม่อยากเจอ’
“จะดีหรือครับ”
คิวเปล่งเสียงถามอย่างไม่มั่นใจ นอกจากพวกเพื่อนสามคนคิวไม่เคยพาใครไปที่บ้านมาก่อนเลยแล้วยิ่งใครคนนั้นคือพีทด้วยคิวยิ่งไม่มั่นใจ
‘ดีสิครับ หรือพี่พีทเขาไม่สะดวกใจ’
“อย่างนั้นลูกขอถามพีทก่อนนะครับได้ความอย่างไรลูกจะบอกคุณแม่อีกที”
‘ได้ครับ แต่คุณแม่หวังว่าวันนั้นคุณแม่จะได้เจอพี่พีทของน้องคิวนะครับ รักลูกนะครับบาย~’
โถ่คุณแม่ มัดมือชกกันชัด ๆ เลยนี่นา คิวส่ายหัวแล้วอย่างนี้เขาต้องบอกพีทแบบไหนกันเนี่ยแทบจะหาความเป็นไปไม่ได้เลยที่พีทจะยอมไป แฟนหรือก็ยังไม่ได้เป็น จีบเขามาได้แค่สองอาทิตย์กำลังจะเข้าอาทิตย์ที่สามก็ดันชวนเขาไปไหว้พ่อแม่เสียแล้ว ข้ามขั้นตอนไปไหมกู
ลองชวนดูคงไม่เสียหายหรอกมั้ง
“ช่วงนี้ดูหน้าตาสดใสนะ ได้ยาดีที่ชื่อคิวหรือเปล่าเพื่อน”
ธิชาที่วันนี้กลายร่างเป็นผู้โดยสารเอ่ยถาม ขณะที่ร่างสูงโปร่งกำลังบริการอาหารให้กับผู้โดยสาร ดีที่วันนี้ไฟล์ทไม่เต็ม ที่นั่งของธิชาและแฟนหนุ่มจึงอยู่ไกลจากผู้คนเธอจึงสบโอกาสเอ่ยแซวเพื่อนรัก
“พูดมาก”
หญิงสาวยิ้มล้อก่อนจะยื่นมือไปรับกล่องขนมจากร่างสูงโปร่ง
“เอ๋าหรือไม่จริงอาทิตย์ก่อนเห็นว่าป่วยแต่ไหงถึงหายเร็วปานวอกมีคนดูแลดีก็พูดมาเถอะ”
เธอยังไม่ยอมแพ้ ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าถ้าพีทได้ป่วยนั้นไม่มีทางหายได้ง่าย ๆ ในวันสองวันแน่ คน ๆ นี้ป่วยง่ายหายช้าจะตายแต่ดูเพื่อนเธอในวันนี้สิร่าเริงแจ่มใสแถมดูมีน้ำมีนวลออร่าวิงค์ ๆ อย่างกับคนมีความรักแล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธออดใจแซวได้อย่างไรไหว
“กิน ๆ เข้าไปขนมน่ะ เราไปทำงานก่อน”
พีทเลี่ยงที่จะตอบโดยการเอางานมาบังหน้า ธิชาก็ยอมแต่ไม่วายส่งสายตาล้อเลียนแถมพี่บัสแฟนหนุ่มของเพื่อนยังช่วยกันยิ้มล้อเขาอีกให้ตายสิ เขินจะแย่อยู่แล้ว
พูดถึงอาการป่วยวันนั้นพีทรู้สึกขอบคุณคิวมาก ๆ ที่คอยดูแลเขาอย่างดี ได้คะแนนไปเต็ม ๆ เลยตรงนี้ พีทแพ้คนอ่อนโยนเวลาที่ร่างสูงใหญ่คอยลูบผมตอนเคลิ้มหลับหรือเวลาที่เสียงนุ่มปลุกขึ้นมากินข้าวกินยาทำให้พีทรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
คิวมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่เขาคิด
คิดถึงเด็กหมีก็เผลอยิ้มออกมาอีกแล้ว ช่วงนี้พีทชักจะคิดถึงเรื่องอีกคนมากจนเกินความพอดี จะเป็นเพราะความเคยชินก็เกือบจะเรียกได้แบบนั้นเพราะเขาและอีกคนติดต่อกันทุกวันแทบจะสามเวลาหลังอาหาร
ถามว่ารำคาญไหมพีทตอบได้เต็มปากเลยว่าไม่ หวั่นไหวไหม ตอบได้เลยว่า....
มาก ไม่รู้สิมันเป็นปกติของคนเราอยู่แล้วที่ช่วงเวลาที่อ่อนแอแล้วมีคนเข้ามาเราก็มักจะไหวเอนได้ง่าย พีทก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่รู้สึกแบบนั้น แต่ถ้าถามว่ารักไหมเขาก็ตอบได้ทันทีเลยว่า
ไม่ สำหรับคนอื่นความรู้สึกนั้นอาจจะพุ่งเข้ามาหาโดยไม่รู้ตัว มาแบบฉับพลันทันด่วนแต่ไม่ใช่สำหรับเขา ความรักของพีทมันต้องใช้เวลามากกว่านั้นเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่บ่มเพาะและเติบโตขึ้นหยั่งรากลึกแข็งแรง
พีทรักคนยาก
.
.
.
และเขาก็เลิกรักคนยากเช่นกัน
เพื่อน ๆ ชอบบอกว่าเขาเป็นพวกรักฝังใจอะไรทำนองนั้น เขาไม่รู้หรอกว่ามันจริงไหมแต่เขามั่นใจในความมั่นคงของตนเองและเมื่อถึงเวลานั้น วันที่เขาสามารถเริ่มต้นใหม่และสามารถก้าวข้ามผ่านอดีตไปได้ ในเวลานั้นพีทก็หวังใจว่าคนที่จับมือเขาอยู่ข้างกายและเดินไปด้วยกันคือ
เด็กหมีที่ชื่อว่าคิวเพราะอย่างนั้นพยายามอีกนิดนะเด็กหมีของพี่พีท
tbc
เน็ตที่หอเพิ่งใช้ได้ ขออภัยในความล่าช้าค่ะ