พิมพ์หน้านี้ - รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: krappom ที่ 18-11-2007 02:57:30

หัวข้อ: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 18-11-2007 02:57:30
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ



.::.กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ .::. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)







เรื่องนี้เป็นหนึ่งในโครงการสาน Y ไทยสู่ Y โลก ของนางสาวว่างวน ณ รักนาย My Boyfriend ที่ตอนนี้ยังคงดองข้ามเดือน คนโป๊ดเห็นว่าหากนานไปกว่านี้คนโป๊ดเองนั่นแหละที่จะแย่  :m29: ก็เลยไปขอฉกชิงเรื่องของน้องร่วมโครงการของท่านพี่ว่างวนมาสังเวยกันไปพลางๆ ก่อน  :m5
:

*********************************


Thai Y Studio #๒ ขอเสนอ เรื่องราวความรักในรั้วมหาวิทยาลัย(?) ของสองอนาคตวิศวกรหนุ่มผู้อยู่ท่ามกลางคณะรั่ว เเละผองเพื่อนสุดฮา จะเป็นอย่างไรเมื่อถูกหยอดบ่อยๆเเล้วจิตมันผูกพันธ์  ต้องรอดู...



รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก Chapter๑ หลุมรักวงวอลเล่ย์


‘ร้อน เอี้ยๆ’ ขอโทษที่ผมหยาบนะครับ แต่มันเป็นสิ่งแรกที่พบคิดเมื่อย่างเท้าเข้าหน้าสถาบันนับตั้งแต่วันแรกที่มายืนยันสิทธิ์จนถึงตอนนี้

ถนนราดยางตะนอยเข้าสู่สถาบันการศึกษาของผมทอดยาวอยู่ท่ามกลางเปลวแดดร้อนระอุของเช้าวันจันทร์ในฤดูฝนที่ร้อนอย่างกับส่งตรงมาจากนรกเพื่อสถาบันเราโดยเฉพาะ  วิวทิวทัศน์ด้านซ้ายขวาเป็นแถวต้นโมกข์ที่เพิ่งลงดินใหม่ๆ  ข้างหลังนั่นเป็นหอนอกที่เหมือนหอใน  เพราะห่างรั้วสถาบันแบบสิบก้าวถึง  จึงได้รับขนานนามจากผมว่า ‘หอ19’ เพราะมันสิบเก้าถึงจริงๆ   ผมเร่งฝีเท้าเดินก้าวยาวๆให้พ้นเปลวแดดที่ลามเลียนี้เสียที ข้างหน้ามีนักศึกษาหญิงหลายคนนำหน้าอยู่  จากลักษณะท่าทางของแผ่นหลังและการแต่งกายแล้ว  ผมฟันธงว่า เป็นเพื่อนสาวในคณะผมแน่นอนงานนี้  แต่ผมก็ขี้เกียจตะโกนทัก  ไว้ค่อยคุยกันในห้องเรียนดีฟ่า

สถาบันเรามองจากด้านหน้า จะคิดว่ามันช่างกว้างใหญ่ไพศาลเสียเหลือเกิน มีห้องเรียนมากมาย แต่จริงๆแล้วคุณคิดผิดครับ  เพราะสถาบันเรามีตึกเรียนอยู่สองตึกเท่านั้น ตึกใหญ่ยาวๆที่เห็นอยู่ด้านหลังนั่นมันหลอกตาครับทุกคน  มันเป็นตึกของมหาลัยเอกชนข้างเคียง  ถ้าถามว่าแล้วมีสองตึกพอเรียนหรอ  ผมตอบได้เต็มปากว่าเหลือเฟือครับ  เพราะสถาบันเรามีนักศึกษารวมแบบโม้ตัวเลขสุดๆแล้วแค่ประมาณสามร้อยกว่าคนเท่านั้น  เพราะเป็นสถาบันเพิ่งเปิดใหม่เอี่ยมอ่อง  ไม่มีขี้มือรุ่นพี่ให้ระคายผิว  เรามีกันแค่สามคณะเท่านั้นเอง   ข้อดีและข้อด้อยของการเป็นรุ่นแรกก็มีบ้างให้พอสับสนกับการตัดสินใจเรียนที่นี่  แต่สุดท้ายแล้วผมยอมทิ้งมหาลัยรัฐดังๆมาเรียนไอ ม. ครึ่งผีครึ่งคน เอ๊ย ครึ่งเอกชน แต่กึ่งรัฐบาลที่นี่ครับ

“เรียนห้องไหนวะ?”เสียงเพื่อนสาวในsecเดียวกันกับผมถามกัน ที่หน้าลิฟท์

“ชั้นสาม ห้องไหนไม่รู้”

“ตารางสอนมีก็ดูดิ”เสียงกิ๊งเบาๆบอกให้รู้ว่าลิฟท์มาถึงแล้ว

“อ้าว เมศ” หนึ่งในนั้นหันมาเห็นผมพอดี ผมทักทายพวกเธอนิดหน่อย

“ตอนเช้าพูดน้อยเชียวนะ”

“โทษว่ะ Ramน้อย” ตอนเช้าๆผมเป็นโรคหนึ่งคือไม่อยากพูดอะไรกับใครมากครับ  มันเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย   ประตูลิฟท์กำลังจะปิด  มือๆหนึ่งรีบยื่นเข้ามาในลิฟท์  ประตูลิฟท์รีบเปิดออกทันที  ร่างสูงเปรตๆของเพื่อนร่วมsecผมอีกคนก้าวเข้ามา  กระเป๋าแบคแพคสีฟ้าใบใหญ่ของมันเบียดเอาผมติดฝาลิฟท์

“ตอนยืนรอแมร่งไม่ขึ้น  พอกรุจะขึ้นละรีบวิ่งมาเชีย”เพื่อนสาวคนหนึ่งบ่นนิดๆ  ก็อย่างงี้ละครับ หญิงสาวคณะผม พวกหล่อน สวย ถึก และบึกบึน  ด้วยความว่าทั้งคณะมีผู้หญิงกันอยู่15คน  พวกเธอเลยห้าวๆไปหน่อยสมกับวิชาที่เรียน

“อากาศข้างบนเป็นไงมั่งวะ” เพื่อนสาวใส่แว่นคนหนึ่งถามเปรตแบคแพคด้วยอาการแหงนหน้าขึ้น45องศา   ผมเองก็ต้องแหงนเหมือนกัน  มันไม่ตอบแค่หัวเราะแหะๆแก้เขินก็พอดีกับลิฟท์เปิดประตูให้ออกพอดี  ลิฟท์ที่นี่มันเร็วครับ หายใจสองเฮือกถึงแล้ว

“ห้องไหนวะเมศ?”เพื่อนสาวคนหนึ่งถาม  

“304”ผมเองก็ตอบสั้นๆ

“เออ  ไปส้วมก่อน”เธอตอบก่อนจะยกพวกกันเข้าห้องน้ำไป  ส่วนผมก็ก้าวเอื่อยๆไปตามทางเดินโดยมีเปรตแบคแพคเดินนำอยู่ข้างหน้า  




ห้อง304ตึกBสำหรับเช้าวันจันทร์อย่างนี้มันคือวิชาเลคเชอร์ เขียนแบบครับ  อาจารย์จะสลับผลัดเปลี่ยนส่งไม้ผลัดกันเข้าสอน  เรียนรวมกันสองsecคือsec1ของผมกับsec2  พอเปิดประตู เสียงเพลง j-popดั่งสนั่นเข้าโสตผมทันที  ลมเย็นๆของห้องแอร์ลอยกระทบหน้า เพื่อนสาวหนึ่งในเจ็ดกำลังเดินไปเดินมาอยู่คนเดียว ไอเสียดเพื่อนผมกำลังเปิดเพลงอยู่นั่นเอง  ผมเลือกทำเลเหมาะนั่งลงในแถวที่สามฝั่งซ้าย  อันเป็นศูนย์กลางของห้อง เพราะไม่ชอบนั่งหน้า แต่ไม่อยากนั่งใน   ไม่กี่อึดใจเพื่อนๆก็เริ่มทยอยกันมาจนเกือบครบ  แน่นอนครับเมื่อสาวๆเข้ามาครบองค์ประชุม เสียงร้องเพลงj-popคลอตามก็เริ่มดังขึ้น  


สำหรับที่นี่การที่คุณชอบดารานักร้องเกาหลีแบบคลั่งไคล้ถือเป็นเรื่องแปลก  เพราะคนส่วนใหญ่ชอบดาราญี่ปุ่น  และส่วนใหญ่ที่เลือกเรียนที่นี่มักมีแรงจูงใจมาจากดารานักร้อง หนังทั้งโป๊และไม่โป๊ หรืออย่างผม มาเรียนที่นี่เพื่อการ์ตูนโดยเฉพาะ (ขำ)   อาจารย์เปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมแฟ้มขนาดย่อมเยา  เพื่อนผมที่เปิดเพลงอยู่รีบปิดแล้วดอลลี่ตัวเองออกจากหน้าคอมทันที  อาจารย์ก็เหมือนแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันแล้วเตรียมฉายสไลด์ประกอบการสอน   หลังจากเตรียมการเสร็จอาจารย์ก็เดินมายืนหน้าห้องแล้วเริ่มบรรยาย

“วันนี้จะเรียนเรื่องothographic การบ้านอาทิตย์ที่แล้ว เดี๋ยวผมจะคืนให้พวกพี่ในคาบปฎิบัติการ”นี่ล่ะครับอาจารย์ของพวกผม  แกยกนักศึกษาให้เป็นพี่เลยครับ

“วันนี้ต้องใช้A3นี่หว่า”ไอเสียดกระซิบคุยกับผม

“ไม่รู้มีใครไปซื้อมายัง” ผมพยักหน้าเออออไปกะมัน แต่ยังไม่พูดเพราะยังอยู่ในภาวะRamน้อย บวกกับเดี๋ยวถูกอาจารย์เฉ่ง  


อาจารย์เริ่มบรรยายไปได้เกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งการนับว่าสายคือการเข้าห้องหลังเวลาเริ่มสอนไปแล้วสิบห้านาที  แต่เพื่อนผมอีกคนมันยังไม่โผล่ศีรษะมา  ผมเรียนไปเรื่อยพลางเหลือบมองนาฬิกาบ่อยๆ  ในที่สุดเมื่อเข็มยาวชี้เลขเก้าแล้วประตูหน้าห้องจึงเปิดออก  ร่างสูงผมสีดำสนิทโผล่หน้าหล่อๆของมันเข้ามาในห้องมองซ้ายมองขวาพลางยิ้มเก้อๆ  ก่อนจะยกมือไหว้อาจารย์ทีนึงแล้วเดินเข้ามาตามมาด้วยชายร่างเล็กลงมาหน่อยหัวชี้ๆหน้าขาวตาชั้นเดียวตามสไตล์คุณชายตี๋อันได้รับการขนานนามจากสาวๆว่า ‘โจโกโบะ’เดินเข้ามา  

“ไปไหนมาวะเมิงโผล่มาเอาป่านนี้?” ผมกระซิบถามไอ้หล่อ  มันมีชื่อครับ  มันชื่อ ศรันย์ มันจึงชื่อว่ารันย์ครับ  ตอนแรกเห็นเรียกรันๆ นึกว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสาวมหัศจรรย์ซะอีก  ชื่อกับตัวมันไม่เข้ากันอย่างแรงครับ  ชื่อออกจะน่ารัก  แต่ตัวมันไม่น่ารักเอาซะเลย  เพราะมันสูงกว่าผมเยอะ พอๆกับเปรตแบคแพคนั่นแหล่ะ  ผมสูงแค่คางมันเท่านั้นเอง ส่วนหน้ามัน ผมคงไม่ต้องบรรยายเยอะ  เป็นขวัญใจของทั้งสาวและไม่สาวในสถาบัน(และคิดว่านอกสถาบันด้วย)

“รถกรูเสียอ่ะดิเมริง”

“ขับมาทำซากอะไร  บ้านเมริงอยู่แค่ซอย53 ตรงข้ามหอกรุ ขึ้นรถเมล์ก็ได้ว้อย บ้านรวยนักรึไง”

“เออ ก็บ้านกรูรวย”มันกวนตรีนพลางยักคิ้วหลิ่วตาวอนกีบเท้าหน้า

“เออๆ พวกกรูมันจน  และถ้าเมริงจะคุยข้ามหน้ากรูอีก เดี๋ยวแลกที่กะกรูได้ สราด”เสียดมันอดรนทนไม่ได้

“ไอ้เมศ จริงๆเมริงมาอยู่บ้านกรูก็ได้นะเนี่ย   บ้านกรูอยู่ตรงข้ามหอเมริงพอดี  เมริงจะได้ไม่ต้องเสียตังค์ค่าหอ หอเมริงแพงไม่ใช่หรอ”

“อยู่บ้านเมริงเนี่ยนะ  ขืนกุต้องเจอเมริงตลอด24ชม. กุคงปวดกะโหลกตายห่า”

“ไรว๊า?”รันย์ส่งเสียงกวนตรีนได้ใจ

“กรูจ่ายตังค์ค่ามัดจำหอไปแล้วหกเดือน เสียดายตังค์ว่ะ”

“พี่ที่มาสายก็นั่งหน้าสิครับ”เสียงอาจารย์เหมือนเป็นสัญญาหมดยกช่วยไม่ให้ผมกับรันย์ฟาดปากสงครามน้ำลายกันเรื้อรังยืดยาว นี่คือบทลงโทษของอาจารย์ครับ  ใครมันบังอาจมาสายมันต้องนั่งหน้า  โจโกโบะกับรันย์ถอนใจเซ็งๆก่อนจะเดินไปนั่งหน้าตามบัญชา  แต่โจโกโบะมันอาศัยความไวชิงนั่งเก้าอี้ข้างหนึ่งในเจ็ดสาวมหัศจรรย์ซะก่อน  รันย์มันเลยต้องระเห็จไปนั่งตรงอื่น โสะน้ำหน้านะเมริง....


เลคเชอร์เขียนแบบวิศกรรมจบลงด้วยอาการมึนงง  เนื่องจากหลักจากเรียนเสร็จเกิดการถกเถียงกันเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนตอนเลิกเล็กน้อย  เถียงกันล้งเล้งอยู่นานจนในที่สุดอาจารย์ก็ยอมเขียนอธิบายให้เพราะทนลูกตื้อของไอคุณรันย์ไม่ไหว อาจารย์ควักอาวุธประจำกายออกมา  ปากกาแดงแลนเซอร์รุ่นเส้นบางเฉียบขีดลงบนชีทผม.....งานนี้เถือกเลยครับ   แดงเถือกทั้งหน้ากระดาษ  อาจารย์อธิบายไปอย่างมันส์ในอารมณ์ในขณะที่ผมมองปลายปากกาอาจารย์อย่างปวดใจ  โธ่ ชีทกรู...

“คุณนึกถึงควอตแด้นสิครับ  เวลาฉายภาพเนี่ย  ภาพมันต้องตกที่ฉาก เพราะฉะนั้นมุมมองที่1เนี่ยมันต้องเป็นแบบนี้”อาจารย์ยังคงขีดเส้นประกอบการอธิบายอย่างไม่ปราณี

“เห็นไม๊เมริง กรูถูกแล้ว”รันย์มันร้องแทบเป็นตะโกนอยู่ข้างหู  ส่วนผมนอกจากชีทถูกขีดจนเถือกแล้ว ยังทำการบ้านผิดอีกต่างหาก

“นี่ๆ  งานเมริงวางรูปผิดด้านแล้ว  มุมมองที่1เมริงต้องวางtopไว้ข้างล่างfront  แถมfrontสลับด้านกันด้วย”นิ้วยาวๆของรันย์จิ้มลงบน A3 ที่ผมทำการวาดฟรีแฮนด์มาร่วมสามวันเต็มกว่าจะได้แผ่นนี้มา

“กรูไม่แก้แล้วเมริง  ส่งๆมันไปซะให้ออกไปจากชีวิตกรูซะที”ผมบอกมันด้วยอาการเซ็งจิตขั้น-est

“เมริงแก้ดิ  คะแนนจะได้ดีๆ  ปรกติงานเมริงก็ไม่เคยต่ำกว่า3.5อยู่แล้วนี่หว่า  แก้ซะจะได้รักษาคะแนนไว้”

“กรูไม่แก้  กรูหิวแล้วโว้ย” ผมเก็บงานอย่างเร็ว  เดินลากขาออกประตูไปอย่างสุดเซ็ง

“รอกรูด้วยดิว๊ะ”ผมเดินลิ่วๆไม่ฟังเสียงรันย์  หน้าลิฟท์มีเสียดรอผมอยู่แล้ว มันมาเข้าห้องน้ำตั้งแต่ช่วงที่อาจารย์อธิบายเพิ่ม ผมยื่นมือไปกดลูกศรชี้ลง

“เป็นไรเมริงหน้าเป็นลิงปวดตูด”เสียดทักผมที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“กรูเซ็ง หิว จิตตก  สราดดดดดดดดดดดดดด”  ลิฟท์เปิดในนั้นมีโคซากะเซนเซ(*อาจารย์) สอนวิชาภาษาญี่ปุ่นอยู่ในลิฟท์นั้น

“โดโซะๆ”เธอเชื้อเชิญอย่างอารมณ์ดี ผมกับเสียดมองหน้ากัน

“อ่า...อาจารย์ไปก่อนเถอะครับ โดโซะๆเหมือนกัน”ผมรีบบอกอย่างเกรงอกเกรงใจ  พอดีเจ็ดสาวมหัศจรรย์เดินออกมาจากห้องน้ำจะขึ้นลิฟท์พอดี   ผมจึงบอกให้เธอไปพร้อมกับเซนเซ ผมจะได้ไม่ถูกเบียดติดฝาลิฟท์ เพราะพวกเธอใหญ่สุดแล้วในคณะ

“ไม่ไปด้วยกันหรือคะ? ภาณุเมศซัง เสียดศิริซัง” โคซากะเซนเซถามอย่างปรารถนาดี

“ไม่เป็นไรครับ  คนเยอะแล้วเดี๋ยวน้ำหนักเกิน”

“จะบอกว่าพวกฉันอ้วนก็บอกมาเถอะ”สาวแว่นผมยาวตาโตเหมือนนกฮูกพูดอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนประตูลิฟท์จะปิดแล้วเคลื่อนลงสู่ภาคพื้น  


ผมมองหน้าเสียดทีนึง   มันก็มองผมอยู่เช่นกัน  หน้าตี๋ตัวขาวของมันจ้องผมจนผมนึกว่าหน้ามีอะไรติด  ผมเลยเริ่มถูหน้าตัวเอง แต่มันยังมองอยู่  ผมเลยอ้าปากจะถาม แต่พอดีได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆหลายคนกับเสียงทุ้มๆคุ้นหูหัวเราะประสานเบาๆผมจึงหยุดหันไปมอง   ภาพนายศรันย์ท่ามกลางสาวต่างคณะกลุ่มใหญ่ทำให้ผมและเสียดอิจฉาตาร้อนผ่าวๆ  ทำไมสาวๆไม่เห็นรุมล้อมกรูมั่งวะ  

“อ้าว ยังไม่ลงไปหรอ?” ถ้าลงแล้วจะเห็นกรูยืนแกว่งไปแกว่งมาอยู่แถวนี้ไม๊ล่ะ

“ยังว่ะ  ลิฟท์เต็ม”

“เออดี ลงพร้อมกรู” ถ้าเมริงจะไปกับกิ๊กทั้งฝูง  ในฐานะที่เป็นเพื่อน  กรูกะเสียดยอมลงกะไดก็ได้ว่ะ  ผมได้แต่เถียงในใจ  พอลิฟท์มาผมกับเสียดก็ได้แต่ซุกมุมลิฟท์ แนบแผ่นหลังไปกับฝาลิฟท์เพราะเกรงจะไปโดนคุณเธอทั้งหลายเข้า

“เดี๋ยวรันย์เรียนไรต่อหลังจากพักอ่ะ”สาวสวยในกลุ่มที่รุมล้อมถามพลางกระแซะเข้ามาใกล้

“อ๋อ เดี๋ยวบ่ายเรียนแคล แล้วเรียนlabเขียนแบบต่อ”

“งั้นก็เลิกเย็นเลยน่ะสิ”สาวๆซุบซิบกันเหมือนหารือ

“พวกเรารอดีไหม?จะได้ไปคาราโอเกะด้วยกัน”สาวๆเริ่มกระเง้ากระงอด  พอดีกับประตูลิฟท์เปิด   ผมขี้เกียจรอมัน เลยเดินนำไปก่อนพร้อมกับเสียด ทิ้งคนเนื้อหอมให้โดนรุมตอมอย่างที่มันชอบนักหนา

“เดี๋ยวดิไอ้เมศ รอด้วย”มือแข็งแรงคว้าเข้าที่ ต้นแขนดึงรั้งให้ผมผงะถอยหลังจนกระแทกเข้ากับอกกว้างนั้น

“โทษทีๆ ไม่นึกว่าจะออกแรงเยอะไปหน่อย”

“แรงอย่างกะควาย ไอ้หมาบ้า เมริงมีไร”

“ป่าว  กรูแค่จะบอกว่าเมริงน่ารักสาดๆ”ไอรันย์รีบเผ่นแพล้วหลบกีบเท้าหน้าของผมไปได้อย่างหวุดหวิด

“เอี้ย  เมริงเมากิ๊กรึไงวะ”ผมด่ามันทั้งรู้สึกหน้าหนาๆของตัวเองร้อนชอบกล

“หน้าไปโดนใครตบมาวะ  แดงเถือกมาเลย”เสียดที่หายหัวไปตอนช็อตสำคัญนั่งลงพร้อมจานผัดผักที่ใส่พริกไทยเยอะราวกับเจ้าของร้านเป็นเจ้าของโรงงานพิรกไทย

“ป่าว กรูสำลักน้ำลายนิดหน่อย”

“สำลักน้ำลายหรือสำลักความน่ารักละจ๊ะ น้องสาว”หนึ่งในเจ็ดสาวมหัศจรรย์เริ่มแกว่งปากเมื่อมีโอกาส  แปลกนะครับ ม.อื่นคณะอื่นผู้ชายถึงจะแซวผู้หญิง  แต่ที่นี่...ผู้หญิงแซวผู้ชายครับ   ผมเองก็ตกเป็นเหยื่อของพวกเธอมาแล้วหลายหน  ไม่รู้ทำไมถึงสนใจแซวผมเป็นพิเศษ

“เจ๊กรครับ ผมว่าก๋วยเตี๋ยวเจ๊เย็นแล้วครับ  รีบรับทานดีกว่าไหมครับ” เจ็ดสาวมหัศจรรย์ที่บัดนี้จ้องผมเป็นตาเดียวขำกลิ้งฮิฮะกันใหญ่

“แหม ขอบใจที่เป็นห่วงนะจ๊ะน้องสาว เดี๋ยวเจ๊กรเลี้ยงติม”

“เอาดีเมริง เจ๊กรเลี้ยงเลยนะเว้ย  ของฟรีๆ”ไอเสียดมันยุแยง

“ไอติมแลกกะช๊อตYหนึ่งช๊อต  ยอมไม๊จ๊ะ ฮี้ว~”

“เจ๊ครับ  ช๊อตวายผมคงให้ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นช๊อตควายละพอไหวครับ”

“อะไรกันวะพวกเมริง เสียงดั่งลั่นโรงอาหาร”ไอรันย์เดินกลับมาอีกครับพร้อมสุกี้แห้ง เหลือผมคนเดียวที่มัวแต่ต่อล้อต่อเถียงเลยยังไม่ซื้อข้าว

“ไม่มีอะไรหรอก  แค่แซวเมศมันนิดหน่อยเอ๊ง  ไม่ต้องรีบปกป้องกันขนาดนั้น”สาวๆยังแซวต่อ

“วันนี้ไม่นั่งกับสาวๆหรอคะคุณรันย์  ผิดวิสัยหูดำนะเนี่ยวันนี้”

“พวกเจ๊ก็  ผมก็ต้องนั่งกับเพื่อนผมมั่งสิครับ  เดี๋ยวมันน้อยใจแย่”



หนุ่มร่างสูงปานกลางหน้าขาวบ่งบอกว่ามีเชื้อจีนชัดเดินมาพร้อมกับสาวๆอีกกลุ่มหนึ่ง ผมซอยสั้นชี้โด่ไปเด่มาเล็กน้อย  เขาคือโจโกโบะ มันมีชื่อเล่นจริงๆของมันแต่ไม่มีใครเรียกแล้วครับ  เพราะเจ็ดสาวฯได้ทำการตั้งให้ใหม่เนื่องจากมันนั่งหน้าใครคนนั้นโดนหัวมันบังมิด หนึ่งในเจ็ดสาวฯจึงตั้งให้เหมือนนกในเกมส์ดัง ซึ่งหัวชี้ๆเหมือนมันเลย  มันคือไอ้หนุ่มคณะผมที่มีคุณสมบัติพิเศษคือหูดำนักหนา  สาวน้อยสาวใหญ่ติดมันกันแจ  สาวๆที่เข้ามาเกาะแกะมันล้วนถูกเรียกว่า โจโกบิ อันนี้ผมไม่ทราบที่มาว่าทำไมเรียกแบบนี้เหมือนกัน   แต่ที่แน่ๆมันกับรันย์ทำให้สาวๆไขว้เขวได้มากทีเดียว

“เมริงไม่ต้องมานั่งตรงนี้เลยไอ้โจโกโบะ   เกะกะกรู สาวๆเค้าได้ไขว้เขวความหล่อกรูหมด”เสียดมันรีบปัดป้องพื้นที่ว่างข้างผมไม่ให้โจโกโบะมานั่ง  โจโกโบะจึงจำได้ตีปีกจากไปนั่งโต๊ะตัวถัดไปแต่โดยดี ก่อนไปก็ทิ้งท้ายให้ฉงน

“กันที่ไว้ก็บอกมาเหอะ”

“เมศ เมริงจะไม่กินข้าวหรอ  นั่งสบตากะสุกี้กรูจนน้ำแห้งและนะเมริง”รันย์แกว่งปากหากีบเท้าหน้าอย่างเป็นห่วงเป็นใยทันที

“สุกี้เมริงน้ำแห้ง ไม่ต้องมาซุง”ผมรีบลุกขึ้นไปหาของกิน ทันที ก่อนจะต้องต่อปากต่อคำจนตายกันไปข้าง

“เฮ้ย  โจโกโบะ มานั่งไรแถวนี้วะ  ไปนั่งไกลๆโน่นไป  ชิ๊วๆ” รันย์ออกปากไล่พลางโบกมือไล่เหมือนหมูเหมือนหมา  แต่ขอโทษ  โจโกโบะเป็นสัตว์ปีก  หาได้ขยับตัวไม่

“ไรวะกินข้าวอยู่ดีๆ”โจโกโบะบ่นๆ

“เค้าหวงของน่ะสิ”เจ๊กรที่กินก๋วยเตี๋ยวน้ำใสหมดแล้วรีบแทรกขึ้น

“ก็น่าหรอกสวยกว่าดาวคณะ” หนึ่งในเจ็ดสาวพูดขึ้น น้องดาว(คณะ)ที่ปัจจุบันเลื่อนขั้นเป็นดาวสถาบันแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว มองเพื่อนสาวแบบ เออ  มันก็จริง

“ฉันไม่ได้อยากเป็นดาวคณะ ดาวสถาบันซะหน่อย” น้องดาวพูดแล้วเขี่ยเหยือกน้ำอัดลมที่มีหลอดหลายอันจิ้มมาดูด

“มันได้เพราะของเค้าแรง”โม สาวแว่นที่ดูจะเงียบที่สุดพูดขึ้น

“แม่ยกมันแรง  จริงไม๊แชร์รี่” ขวัญหรือน้องเชอร์รี่ที่อัพเกรดตัวเองด้วยสำเนียงสุดอลังการหันมาหัวเราะ

“แกไม่น่าเป็นเจ๊ดันชั้นเลยรู้ไม๊ วันเสาร์นี้ชั้นต้องไปสัมมนาโรคเอดส์เลย” ทั้งโต๊ะขำกลิ้งกับความซวยของน้องดาว พอดีผมกลับมาพร้อมข้าวผัดพอดี

“ก็บอกแล้วว่าให้ชิ่ง”

“ชิ่งบ้านแกดิ  เดี๋ยวก็โดนถีบส่งให้ไปอยู่ดีอ่ะ”

“เมศวันนี้จะกลับบ้านป่ะ?” สาวแว่นเจ้าของนามว่า แตงโม หรือ โม ญ. หนึ่งในเจ็ดสาวที่ดูเหมือนจะเงียบที่สุดในกลุ่มถามผม

“อ่อ  วันนี้กลับ  โมจะกลับด้วยกันไม๊” โมพยักหน้า  โมกับผมเป็นเด็กหอครับ  ซุกหัวอยู่หอ แต่กลับบ้านสัปดาห์ละสองครั้ง วันอังคารและวันศุกร์ คาดว่าพวกเราเป็นเด็กหอที่กลับบ้านบ่อยที่สุดแล้ว

“กลับ  ไปล้างส้วมให้แม่”

“ไอ้โม แกไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนั้นก็ได้มั้ง”เจ๊ใหญ่สาวหมวยร่างอวบขาวบอก

“เมริงจะกลับบ้านหรอ กรูไปส่งมะ?”รันย์รีบขันอาสาทันทีท่ามกลางสายตาวิบวับอยากรู้อยากเห็นของเจ็ดสาว

“ไม่ต้องว่ะ กรูเกรงใจ กลับพร้อมโมก็ได้ขึ้นรถไฟฟ้าเอา”

“บ้านเมริงไกลกรูไปส่งดีกว่าน่า  ถ้ารู้สึกผิดก็ออกค่าทางด่วนให้กรูก็ได้” ไอคุณรันย์ยังดิ้นรน  เมริงจะเอาอะไรจากผมครับ...เอี้ยเอ้ย

“แล้วโมจะกลับไง”

“ก็ช่างมันดิ” รันย์ตอบแล้วแย่งโกโก้ปั่นจากเสียดมาดูดอึกใหญ่

“ไอ้!...”ผมนึกคำด่าไม่ออกได้แต่ขึ้นสรรพนามนำหน้า

“ไอ้อะไร   กรูรู้น่าว่ากรูน่ารัก”

“น่ารักเหมือนตัวเห้ใช่ไหมเมริง”เสียดมันแทรกดอดเข้ารับมุกไซด์คิกแทนผมอย่างสวยงาม

“ตัวเห้บ้านเมริงสิจะน่ารักขนาดสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร  ถ้าจะสวีทกันเราขึ้นรถเมล์ไปกับดาวก็ได้”โม ญ.ตอบเรียบๆ ด้วยสีหน้าสงบหากนัยน์ตาหลังกรอบแว่นพราวแพรว

“อุซางิๆ!!” หนึ่งในเจ็ดสาวอุทานออกมาทำให้สาวๆมองตามหนุ่มน้อยเพื่อนร่วมคณะร่างบางผู้มีผิวขาวเรื่อเรืองที่เดินมาไกลๆกันเป็นตาเดียว

“ขาวชิบเป๋งเลยว่ะ  นีออนโคตรๆ” พวกเธอเริ่มนินทาเบาๆพลางกลบเกลื่อนด้วยการกินข้าว ทั้งที่ตากวาดมองกระต่าย(=อุซางิ)กันเป็นตาเดียว

“เอวเล็กมากเลยอ่ะแก  เอวเล็กกว่าไอน้องดาวอีก”

“ทำไมต้องพาดพิงชั้นวะ”ดาวบ่น

“แกเห็นมันวันใส่ชุดพิธีการป่าว  โคตรเข้าอ่ะ  อิโจโกโบะอีกตัว  แมร่งขาวใส่อะไรก็ขึ้น”

“เมศ  กรูว่ากรูไปส่งเมริงดีกว่าว่ะ  แล้วเอาโมไปด้วย  บ้านโมทางผ่านบ้านแกอยู่แล้วนี่”รันย์กระซิบถามผม แต่ทำไม๊ทำไมมันใกล้หูผมมากกว่าปรกติชอบกล

“แล้วแต่เมริงสิ”ผมตอบทั้งที่กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่า ไอ้รันย์เมริงจะใกล้เกินไปแล้วว้อย

“สองคนจู๋จี๋อะไรกันจ๊ะ  เห็นเจ๊หันไปสนใจอย่างอื่นละฉวยโอกาสเชีย”เจ๊กรพูดพลางตักไอติมใส่ปาก เจ๊แกตาไวจริงๆครับ ผมกับรันย์คุยกัน0.25วิเท่านั้นเจ๊กรก็หันมาเห็นพอดี

“ที่คอเป็นอะไรทำไมมีรอยแดงๆ”โม ญ.ถามขึ้น คนนี้ก็ตาไวครับ  ผมเพิ่งเกาๆอยู่ไม่กี่ทีเมื่อกี้

“มันคันๆเหมือนจะแพ้สบู่”

“แพ้ใจเว้ย แพ้ใจ เอาฮี้วววว~”เจ็ดสาวขำขันเฮฮา....ไม่ได้ฟังกันเลย ผมบอกว่าแพ้สบู่(ว้อย)

“แพ้ใจใครวะ  ถ้าไม่ใช่กรู  กรูไม่ยอมนา”ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้รันย์ทันที   มันหันไปยิ้มนัยน์ตาพราวพลางใช้นิ้วแกร่งเรียวจับหลอดชามะนาวแล้วคนเบาๆ

“แสรด  ฝันไปเหอะเมริง  เมริงอีกตัวไอ้เสียด  ไม่ต้องมาทำตาวับๆใส่กรู”

“เอี้ย  อย่ากราดกรูด้วยดิวะ  กรูแค่จะบอกว่า ฮิปโปะนัดพวกประจำชอปวันเปิดถาบันไปพบใต้ชอปบ่ายโมง   เมริงลงชื่อไว้ตอนประชุมคณะรึเปล่าล่ะ?”

“เออ  ก็ลงกันสามคนเลยนี่หว่า เดี๋ยวไปเว้ย กินข้าวก่อน”




สถาบันของพวกเรายังไม่เปิดอย่างเป็นทางการครับ  กำหนดเปิดอย่างเป็นทางการคือวันที่ ๒สิงหาคม  ในวันนั้นจะมีแขกผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและญี่ปุ่นมามากมาย   พวกผมจึงจำเป็นต้องเป็นแรงงานทาสทำงานตามจุดต่างๆ  อย่างผม รันย์และเสียด รับผิดชอบนำเสนอชอุปยานยนต์ใต้อาคารA ผมยังสงสัยว่าจะทนใส่ชุดพิธีการร้อนเหมือนห้องโยคะร้อนไปได้นานเกิน15นาทีไหม เพราะวันนั้นพวกผมต้องใส่ชุดพิธีการกันตลอดวัน หลังจากได้ลิ้มรสความเลิศแบบร้อนๆของชุดจากวันไหว้ครูมาแล้ว


ชุดพิธีการสถาบันเรามันไม่ธรรมดาครับ  ไม่ใช่ใส่แล้วต้องโหนสลิงค์ ปีนเขา ยิงปืน  แต่มันเท่ห์แบบเหงื่อตกกีบ เพราะมีสูทเป็นเสื้อนอกสีดำคอปิดเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น ที่คอเสื้อขวาติดเข็มตราสถาบันแงะจากเนคไทมา เรียบง่ายแต่เท่ห์สุด  ใส่แล้วมาเดินรวมกันเป็นกลุ่มดูเผินๆเหมือนกลุ่มยากูซ่าหน้าโฉด มารวมตัวกันไปบุกแก๊งค์อื่น  แต่ก็นั่นแหล่ะครับ  ชุดพิธีการสุดเท่ห์ที่ใส่แล้วสาวๆ(ชาวบ้าน)มองกันเหลียวหลังมันแลกมาด้วยความร้อน  ร้อนมาก ถึงร้อนที่สุด(ว้อย)  ร้อนขนาดที่วันไหว้ครูสถาบันยอมทุ่มทุนสร้าง เปิดแอร์18องศาให้พวกผมมาแล้ว  ส่วนชุดพิธีการนักศึกษาหญิงคล้ายกันครับ แต่ของพวกเธอเข้าเอวเน้นรูปร่างเล็กน้อยพอน่ารักกลัดเข็มตราสถาบันที่อกขวาซึ่งเวลากลัดจะสับสนมากว่าข้างไหนเป็นด้านหน้าแล้วด้านไหนเป็นด้านหลัง  สูทพิธีการมีประวัติทำให้คณะวิศกรรมศาสตร์รวมมีนศ.ชาย77คน จากทั้งหมด77คนมาแล้วครับ  ใส่คู่กับกระโปรงทรงตรงผ่าหลังสุภาพ  ที่เวลานั่งลำบากมากและรองเท้าหุ้มส้นที่ทำให้ร้านโชห่วยข้างหอ19ขายพลาสเตอร์ปิดแผลหมดภายในสิบห้านาทีมาแล้ว


“พวกคุณที่ประจำแต่ละจุดมากันครบแล้วใช่ไหมครับ”อาจารย์คณะวิศกรรมศาสตร์ผู้มีรูปหน้าใหญ่แล้วจมูกใหญ่กว่าปรกติสมกับฉายาที่เจ็ดสาวตั้งให้กล่าวหลังจากปล่อยให้พวกผมรออยู่นาน เพราะอาจารย์ท่าน....ตบปิงปองกับนักศึกษาคู่แข่งอย่างเมามันส์

“ครับ นานแล้วครับ”

“อ๊าว พวกคุณก็นั่งสิ จะยืนอยู่ทำไม” อาจารย์นั่งลงเป็นประธานที่หัวโต๊ะรูปวงรีในส่วนที่เป็นชั้นเรียนชอป พวกผมนั่งตามอย่างเซ็งๆ ก่อนอาจารย์จะถามขึ้น

“เช็คชื่อ  ...”อาจารย์ขานชื่อพร้อมกับบอกฝ่ายว่าทำหัวข้ออะไร  ผมทำงานคู่กับรันย์ครับ  ทั้งที่คู่อื่นเป็นคู่หญิงชาย  แต่ของผมต้องคู่กับมัน เป็นที่เสียดส่อและล่อแหลมมาก เพราะจะตกเป็นเหยื่อการแซวของสาวๆ

“พวกคุณทำhybridใช่ไหม  ผมปลดโซนคุณ เรามีปัญหาด้านอุปกรณ์เลยจำเป็นต้องโยกพวกคุณไปทำงานอย่างอื่น”

“อ้าว ‘จารย์ แล้วข้อมูลที่พวกผมหามาละครับ” รันย์ถาม

“ก็เป็นบอร์ดเฉยๆ  พวกคุณไปประจำแขนกลกับคาร์เทียแล้วกัน”อาจารย์บอกแบบไม่คิดมาก  แต่ผมนี่ถึงกับซีด เพราะทั้งหมดที่ขวนขวายหาข้อมูลมาแทบจะไม่ได้ใช้  หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ก็ปล่อยให้ขึ้นไปเรียนคาบบ่าย ซึ่งผมถึงกับเซ็งเครียดกินข้าว เลยต้องระบายด้วยการร่วมวงตบวอลเล่ย์กับเจ็ดสาว ซึ่งพอเลิกเรียนแล้วก็เหลืออยู่5

.

.

.

. :o12:



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 18-11-2007 03:12:03

.

.

.

พื้นที่ในการเล่นวอลเล่ย์บอลของเราคือลานแคบๆระหว่างตึกเอและบีหน้าชอปวิศวะตรงข้ามโรงอาหาร  วิธีการเล่นนั้นง่ายแสนง่าย  ไม่ต้องแบ่งฝ่ายใดๆทั้งสิ้น แค่ยืนเป็นวงกลม  แต่ข้อเสียของการเล่นในที่แคบแบบนี้คือ กระจกห้องสมุดครับ ชั้นสองตึกเอ ตรงหัวพวกเรานั้นเป็นห้องสมุด  ถ้าทำกระจกห้องสมุดแต่ก็ถึงคราวซวยล่ะครับ  แต่พวกเราก็ยังเล่น  เพราะมันเสียวได้ใจดีจริงๆ

“เมศ  แกเป็นไรวะ หน้าบอกบุญไม่รับ”โม ญ.ถามผมดวงตาสีน้ำตาลแดงหลังแว่นจ้องมองลูกวอลเล่ย์แบบที่ไม่รู้ว่ามันสังเกตผมตอนไหน

“หน้ามันฟ้องขนาดนั้นเลยหรอวะโม” ผมถามพลางก้าวไปรับลูก

“งั้นมั้ง”เธอตอบสั้นๆ 

“แล้วรันย์ไปไหนแล้ว?”

“อยู่กะกิ๊กมันดิ  ไม่ได้ตัวผูกกันนี่หว่า”

“แต่หัวใจผูกกันใช่ไม๊ล๊า~”เจอมุขนี้ผมถึงกับอึ้ง  ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาเป็นเด็กเรียนแบบ ไอ้คุณ โม ญ.จะกล้ายิงใส่ผมได้  ร้ายลึกนี่เอง  มิน่าถึงเป็นหนึ่งในสภาสาววาย(*สมาคมลับ ที่สมาชิกเป็นหญิง มีรสนิยม Y แบบคอเดียวกัน  เป็นสมาคมลับที่น่ากลัว และลึกลับที่สุดสมาคมหนึ่งในสถาบัน)

“มิน่าล่ะ ถึงเข้ากับเจ๊ใหญ่ได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย” ลูกบอลฝีมือการทุบจากเจ๊ใหญ่พุ่งเข้าใส่หน้าผมอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัวราวกับรู้ได้ว่าผมนินทา

“เฮ๊ย ไอ้เมศระวัง!!” เสียงคุ้นๆตะโกนใส่หูผม ขณะที่ผมหลับตาปี๋ตั้งการ์ดป้องหน้า ลูกบอลเปลี่ยนทิศพุ่งไปกระแทกประตูชอปดังโครม!

“เมริงเป็นไรป่าว?”ผมลืมตา  หน้าหล่อๆของไอ้รันย์ลอยอยู่ใกล้หน้าผมแค่คืบเดียวเท่านั้น

“กรูโอเค”

“ดีและเมริง วิ่งไปเก็บลูกมาซะ สราด  ถ้ากรูรับไม่ทันหน้าแหกจริงๆนะเมริง เจ๊ใหญ่แมร่งก็แรงโคตรเยอะเลย”มันพูดพลางพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้นเพื่อให้เล่นถนัดขึ้น

“ขยายวงสิวะ  ใครจะเล่นอีกเข้ามาๆ” ออม หนึ่งในเจ็ดสาว หรือเจ๊ใหญ่ร้องบอกเมื่อสิ่งมีชีวิตร่วมคณะผมวิ่งเข้ามาร่วมวงอีกสองสามคน  ก่อนจะเริ่มรับส่งลูกกันเป็นที่สนุกสนาน

“ไอ้รันย์อย่าตัดหน้าเมศมันสิโว้ย”น้องดาว  ดาวสถาบันหรืออีกฉายาว่าเชอร์ร่าร้องบอก  เพราะรันย์มันวิ่งตัดหน้าเข้ารับลูกทุกครั้ง กะว่าไม่ให้ผมเล่นเลยทีเดียว

“ก็มันไม่วิ่งนี่หว่า”

“ไม่วิ่งเอี้ยไร เมริงวิ่งตัดหน้ากรู  ไอ้เสียดเมริงก็เห็น”เสียดที่เพิ่งเข้ามาร่วมวงถึงกับงง

“เห็นไรวะ สราด กรูเพิ่งมา” ลูกวอลเล่ย์ถูกอันเดอร์อย่างแรงส่งขึ้นถึงชั้นสี่  ผมถอยเตรียมรับ

“ลูกนี้มีเจ็บ” โมพูด แน่ล่ะครับลูกยิ่งสูงเวลาตียิ่งเจ็บ  ก็เหมือนกับความรัก ยิ่งหวังสูงพอผิดหวังก็ยิ่งเจ็บมาก โยงเข้ากันไปได้ไงวะเนี่ย....

“เฮ้ย ไอ้เมศระวังหลุม!”เสียงแชร์รี่หนึ่งในเจ็ดสาวตะโกนบอก ผมถึงกับเสียเส้น รับบอลพลาด

“หลุมไรว๊า?” ผมเกาหัวแกรกไม่เข้าใจ  ก็ที่ตรงนั้นปูอิฐบลอคแล้วจะมีหลุมได้ไง

“ก็หลุมรักไง  ฮี๊วววว~”

“หลุมรักใครวะเมศ ถ้าไม่ใช่กรู กรูไม่ยอมนะ” รันย์เล่นมุกซ้ำกับเมื่อกลางวัน เสียใจด้วยนะเมริง มุกซ้ำรีรันมันไม่ฮา.... ผมไม่ฮาแต่คนอื่นฮาครับ ทำให้เสียงโฮ่ฮาดังขึ้นจากรอบตัว  เพราะเวลาขณะนี้เป็นเวลาเลิกเรียน ทุกคณะจึงมารวมตัวกันที่โรงอาหาร  ...นี่เมริงไม่อายคนเขาหรอวะ?สราด...ลืมไปต้นยางประจำตัวมันโดนโค่นทิ้งไปหมดแล้วครับ

“ขอซะทีเหอะวะแมร่ง” ผมตั้งลูกงามๆแล้วตบอัดใส่ไอ้รันย์ที่พยายามวิ่งหนีเข้าเต็มหลัง  สร้างความสะใจให้เพื่อนฝูงยิ่งนัก


นี่ล่ะครับ  ความน่ารักน่าชัง น่าถีบ(?)ของสหายรักสหายชังทั้งหลาย   นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หนึ่งปีการศึกษาเหมือนจะยาวนาน  แต่แท้ที่จริงแล้วสั้นนิดเดียว บางทีผมอาจมีเวลาอยู่กับพวกมันแค่ปีเดียวเท่านั้นก็ได้ใครจะรู้  บางทีผมอาจซิ่วหรือทายซะก่อนก็ได้ จริงไม๊ปี๑ทั้งหลาย???

**************************************************


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 18-11-2007 06:06:25
หนุกดีครับ  :m1: น่าติดตามอีกเรื่องนึง
ว่าแต่.. คนแต่งคนเดียวกัน อยู่โครงการเดียวกัน หมักด้วยเชื้อเดียวกันด้วยป่าวคับ :try2: จะได้ทำใจรอ   o7
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 18-11-2007 06:21:19


ถนนราดยางตะนอยเข้าสู่สถาบันการศึกษาของผมทอดยาวอยู่ท่ามกลางเปลวแดดร้อนระอุของเช้าวันจันทร์ในฤดูฝนที่ร้อนอย่างกับส่งตรงมาจากนรกเพื่อสถาบันเราโดยเฉพาะ  วิวทิวทัศน์ด้านซ้ายขวาเป็นแถวต้นโมกข์ที่เพิ่งลงดินใหม่ๆ  ข้างหลังนั่นเป็นหอนอกที่เหมือนหอใน  เพราะห่างรั้วสถาบันแบบสิบก้าวถึง  จึงได้รับขนานนามจากผมว่า ‘หอ19’ เพราะมันสิบเก้าถึงจริงๆ   ผมเร่งฝีเท้าเดินก้าวยาวๆให้พ้นเปลวแดดที่ลามเลียนี้เสียที ข้างหน้ามีนักศึกษาหญิงหลายคนนำหน้าอยู่  จากลักษณะท่าทางของแผ่นหลังและการแต่งกายแล้ว  ผมฟันธงว่า เป็นเพื่อนสาวในคณะผมแน่นอนงานนี้  แต่ผมก็ขี้เกียจตะโกนทัก  ไว้ค่อยคุยกันในห้องเรียนดีฟ่า


.



ตรงคำว่ายางตะนอยนี่เล่นคำหรือว่าเล่นมุขไรเปล่าอ่ะ? แบบว่าสงสัย จริงๆมานคือยางมะตอยใช่ป่าว? :m28:


จากลักษณะท่าทางของแผ่นหลังและการแต่งกายแล้ว

อ่านประโยคนี้แล้วรู้สึกแปลกๆอ่ะ มันขัดๆงงๆไงก็มะยู้อ่ะ จากลักษณะท่าทางมานคืออากัปกิริยาที่แสดงออกป่าวอ่ะ เช่น เดิน นั่ง กิน นอน หรือเปล่า?  พอเอามารวมกะคำว่าแผ่นหลังแล้วแปลกๆอยู่นะ หรือว่าเรารู้สึกไปเองหว่า  :confuse: แค่เห็นแผ่นหลังนี่รู้เลยเน๊อะว่าเปงเพื่อนสาวร่วมคณะ เก่งจัง  :m4:


รอเจ๊สองมาอธิบายดีกว่าโน๊ะ  :m23:
ไม่ได้มาจับผิดไรคนแต่งน๊า ไม่ได้มีอคติไรด้วย แบบว่าอ่านแล้วมานขัดๆงงๆไง  สงสัย แหะๆ  :m23:





 o1 แต๊งส์ๆน้องป๋อมแป๋มและนู๋เมศมากๆเยยนะจ๊ะ สำหรับนิยาย
ลืมบอกไปว่าชื่อเรื่องเท่ห์ดีอ่ะ ชอบๆๆ :m3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: detective Q ที่ 18-11-2007 06:27:07
สนุหดีฮ๊ะชอบๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 18-11-2007 07:30:42
กิงกะเร ยังไม่มา  อ่านเรื่องนี้ก้อสนุกมากๆ เลยครับ

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: eyukiz ที่ 18-11-2007 10:40:58
กร๊ากก 555+


แก้ขัดไปก่อน เอิ๊กๆ :m13:


สนุกดีอ่าค๊า  พอจะเดาสถาบันได้ลางๆ. . .

ใครคิดเหมือนเค้าบ้างงงงง
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 18-11-2007 10:55:40
อิอิ....มานนนนนส์ สู้ๆ ^^ :m9: o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 18-11-2007 11:24:59
พี่ป๋อมเเป๋ม เเย่เเล้วค่ะ คนอ่านจับไต๋Thai Y Studioได้เเล้ว 

ที่ไหนมีให้เช่าหลุมหลบภัยไหมคะ เมศจะได้เช่าอยู่กับพี่ว่าง :m29:

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ เรื่องมันอาจจะรั่ว คนเขียนมันอาจจะสติไม่เต็มเต็งนัก ขออภัยด้วยค่ะ หวังว่าอ่านเเล้วจะทำให้ทุกคนเเอบยิ้มได้บ้างนะคะ ชีวิตประจำวันเราๆ มันเครียดค่ะ

มีคนเดาสถาบันได้  อยากรู้ว่าเดาว่าอะไรจังเลย (เอาให้ถูกนะเอ้อ ):m7:


ปล.ขำตัวเองเรื่องยางตะนอย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 18-11-2007 12:04:47
คนเขียนมาเองเลย +1 ให้ครับ

ส่วนสถาบันนี้ ใช่ที่มี ไทยๆ ญี่ปุ่นๆ ไรป่าวครับ

หรือไม่ใช่หว่า

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กกายอุปกรณ์ ที่ 18-11-2007 12:40:14
 :a2: อรู๊ๆๆ สถาบันในฝันของข้าพเจ้า ไทย นิชิแกน อยากเรียนนนน แต่กัวไม่จบบบจัง
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-11-2007 13:04:28
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: My name M ที่ 18-11-2007 14:29:19
 :m18: :m18: :m18: :m18:....มาต่ออีกน่ะครับ สาว่าอีนุกอ่ะ... :m3: :m3:  เป็นกำลังใจให้ครับบบบ สู้ ๆ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: กลั่นกรอง ที่ 18-11-2007 17:51:50
รออ่านต่ออยู่   :a3: :a3: :a3: :a2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 18-11-2007 20:37:12
 :a10: มาไวๆน้อ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 19-11-2007 00:04:06
ดูจะเป็นโรงเรียนตัวยุ่งทีเดียวมีทุกรูปแบบ
แต่ก็รักกันดีนะ หนักนิดเบาหน่อยไม่ถือสากัน
ความจริงใจก็มีแต่ตอนเรียนที่แหละนะ
ที่เจอะเจอได้ง่ายสุด
 :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 19-11-2007 18:23:42
เดากันเก่งจังเเหะ   :m29:

อีกหน่อยไอ้ฟิคเรื่องนี้มันต้องเป็นนิยายโปรโมทสถาบันเเน่เลยอ่ะ

ปล.หาคนเข้สสภา  คริคริ :m4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: *~Kisa~* ที่ 19-11-2007 18:34:12
หนุกค่ะๆๆ   

รออ่านต่อ  :m1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: satan666 ที่ 19-11-2007 19:07:13
เคยอ่านเรื่องนี้ในเด็กดีมาก่อน

แต่มาตามที่นี่ดีกว่าง่ายดี :m4:

เป็นกำลังใจให้ทั้งคนเขียนคนโพสค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: eyukiz ที่ 19-11-2007 19:48:08
ไทย-ญี่ปุ่นนนนน

>[]<ๆๆๆๆๆๆ


รุ่นพี่เรียนตรึมเลยค่า~  :m4:

 :m10: ถ้ารู้ว่าข้างในเป็นอย่างนี้นะ. . . ขอโควต้าไปก็ดีจิ  :o12:

รออ่านต่อค่ะ --  --+
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 20-11-2007 00:14:53
สนุกจังค่า ถ้าจะให้ดีอย่าดองเค็มนะคะ  o17 เด๋วรันย์จะแห้งตายไม่ได้ส่งมุขกะเมศไปซะก่อน  :m2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 20-11-2007 13:51:42
ขอบคุณนะครับผมรออยู่นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 20-11-2007 20:46:33
รออ่านต่ออยู่จ้า

มาเป็นกำลังใจให้น้องป๋อม แล้วก็เมศคนแต่งด้วย  :m3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-11-2007 23:50:11

ไม่อยากบอกเลยว่าลืม....แหะๆ  :m23: :m23:

ลืมไปเล้ยว่าตัวเองเอาเรื่องใหม่มาลง ขอโต๊ดดดด :m5:


*************************************************


ตอน๒


เผลอแป๊บเดียวตอนนี้เข้าช่วงสอบมิดเทอมแล้วครับ   อย่าที่พระท่านว่า  อย่าดำรงตนในความประมาท  ตอนนี้พวกเราหัวหมุนติ้วๆกันเลยทีเดียวเนื่องจากเพิ่งหมดเวลาสอบวิชาเขียนแบบวิศวะ  วิชาเฉพาะสาขาที่ถูกส่งมาสกัดดาวรุ่งให้นักศึกษาน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลพอเป็นกระสัย  นี่ล่ะครับ ทำให้พวกผมเขาถลอกกันตั้งแต่วิชาแรก  เนื่องจากตอนเรียนชีทสไลด์เป็นภาษาอังกฤษแต่ออกข้อสอบภาษาไทย ทำเอามึนตึ๊บตอบไม่ได้ไถไม่ออก  สุดท้ายก็ต้องพยายามเอาเขาไถข้อสอบกันไปจนถลอกปอกเปิก แต่นี่เพิ่งจะวิชาแรกเท่านั้น  สิ่งที่น่าหนักใจกว่านั้นคือวันพฤหัสฯ ศุกร์ครับ แต่ละวิชา เด็ดๆทั้งนั้น calculus , C Programming ,Gen. Physic

“เมศ ข้อเกรียวที่มองไม่เห็นตอบไรวะ?” รันย์ถามผมขณะเดินลงมาจากห้องสอบเพื่อมาที่โรงอาหาร ซึ่งบัดนี้คนเยอะแบบถล่มทลาย

“ไม่รู้เว้ย  กรูตอบเป็นเซคชั่น”

“แต่มันบอกว่ามองไม่เห็นนะเว้ย”

“ก็กรูจะให้มันมองเห็นนี่หว่า” ผมเริ่มออกอาการนอยด์

“เออๆ  เมริงอย่าคิดมาก  คืนนี้เมริงเดินมาบ้านกรู  ติวอังกฤษกับญี่ปุ่นให้หน่อยดิ” ดูมันพูดสิครับ

“เมริงชวนกรูหรือบังคับกรูกันแน่วะ”

“บังคับว่ะ สราด”

“แล้วทำไมต้องเป็นกรู”

“ก็เมริงเก่งภาษากว่ากรู ใกล้กรูด้วย”

“แล้วเด็กในสังกัดเมริงล่ะ  มีเยอะไม่ใช่รึไง?”ไอ้รันย์ทำหน้าปุเลี่ยน

“เมริงนั่นแหล่ะน่า  เดี๋ยวกรูติวแคลกับฟิสิกส์ให้”ผมขมวดคิ้วลองชั่งน้ำหนักดูกับการต่อรองที่ผมได้เปรียบนี้ แล้วตัดสินใจ

“เออ  เดี๋ยวกรูนอนก่อนตื่นนึงแล้วค่อยเดินไปบ้านเมริง”      หลังสอบเสร็จตอนเที่ยงครึ่ง ผม รันย์ และเสียดไปซุกตัวอยู่ในห้องสมุดกันเกือบทั้งบ่าย จนถึงสี่โมงครึ่งจึงแยกย้ายกันกลับ ผมเข้าหอนอนก่อนเป็นอย่างแรก  โดยไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุก 



เวลาหนึ่งทุ่มตรงผมเดินเมาขี้ตาลงจากหอเพื่อเดินไปยังบ้านเดี่ยวหลังงามตรงข้ามกับหอผมใกล้ๆแค่ไม่กี่สิบก้าว ด้วยสภาพเหมือนตุ๊กตาหมีเน่าๆ เพราะเสื้อไม่เปลี่ยน น้ำไม่อาบ หัวไม่หวี  เปลี่ยนแค่กางเกงจากกางเกงนักศึกษามาเป็นกางเกงเลสีชมพูดแจ๋นที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ายึดของใครเขามาใส่  แต่ก็เอาเถอะครับ  มีให้ใส่ผมก็ใส่  ผมก้มศีรษะยิ้มทักทายพี่ยามหน้าหอเล็กน้อยก่อนจะเดินไปตามถนนในซอยเงียบๆ  ลัดเลาะเลียบไปตามกำแพงสีครีมสูงท่วมหัว ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ออดหน้าบ้านหลังงาม ก่อนจะมองมันแบบเบลอๆเพราะยังไม่ตื่นดี

“มาแล้วหรอเมริง กรูกำลังจะเดินไปทุบห้องเมริงพอดีปล่อยกรูรอจนจะหลับและ” ไอ้รันย์เยี่ยมหน้าออกมาจากช่องประตู  มันคงยืนรอท่าอยู่นานแล้วเหมือนกัน  เพราะผมเห็นที่หน้ามันมีรอยยุงกัด

“กรูนอนแถมหน่อยว่ะ โทษที”

“เออ เมริงเข้ามาก่อน  กินข้าวมายังล่ะ?”รันย์ถามพลางเปิดประตูให้ผมเข้ามา  มันมองสภาพผมแล้วขำ

“ขำเอี้ยไรวะเมริง  สภาพเมริงก็ไม่ต่างกับกรูนักหรอก” สภาพไอ้คุณรันย์ขณะนี้ก็เซอร์ (ทรุด)โทรมพอกัน

“นี่ถ้าเมริงไม่บอกว่าเป็นลูกเจ้าของบ้าน กรูนึกว่าลูกคนสวนว่ะ” วันนี้ไอ้รันย์มันแต่งตัวแบบอยู่บ๊านอยู่บ้านครับ  มันใส่เสื้อยืด รด.สีเขียวที่เคยใส่เรียนตอนม.ปลาย  ยังเห็นชื่อโรงเรียนเก่ามันอย่างชัดเจน  แต่จากสภาพเสื้อแล้วคงผ่านการซักมามากทีเดียว  เข้าคู่ดูโอ้กับกางเกงบาสเบอร์8สีดำที่ลอยเหนือเข่าเล็กน้อย

“ถึงกรูจะไม่ใช่ลูกคนสวนแต่สวนนี้กรูเป็นคนทำเว้ย สราด”  ผมถึงกับเบิกตากว้าง  สวนที่มันว่า คือสวนในบ้านมัน ซึ่งจากสภาพต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวครึ้มที่ตกแต่งสวยงามไม่รกแต่ก็ไม่โล่งจนเกินไปแล้วไม่อยากจะเชื่อ! เมริงจะมหัศจรรย์เกินไปแล้วโว้ย

“เข้าบ้านซะทีสิเมริง เดี๋ยวปั๊ดหลับ”มันเดินนำผมเข้าไปในบ้าน แค่ลูกบิดบ้านมันก็ทำผมตัวลีบหดเล็กเหลือสองนิ้วแล้วครับ   แสงจากเทอร์เรียส่องประกายวิบวับสีเหลืองนวลๆทำให้บรรยายกาศในบ้านมันอบอุ่น น่าเสียดายที่ตอนนี้มันอยู่คนเดียว นอกนั้นมีแค่แม่บ้านคนเก่าคนแก่เท่านั้นที่จะเข้ามาทำงานตอนกลางวัน และกลับบ้านไป

“อ้าวคุณหนูรันย์  พาเพื่อนมาหรือคะ?”หญิงวัยเกือบเลยกลางคนถาม  ผมหันไปตามเสียงนั้น  นึกแปลกใจว่าเรียกใคร

“ครับ  คุณป้าอุ่น  กลับก่อนเลยก็ได้นะครับ” โอ้โห....นี่เป็นไอ้รันย์ เวอร์ชั่นคุณชายระยับสินะครับ  สุภาพเรียบร้อยเสียเหลือเกิน

“จะดีหรือคะเนี้ย  ป้าจัดการอาหารการกินให้ก่อนดีกว่าไหมคะ?”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคุณป้าจะถึงบ้านดึก”

“แต่คุณหนูรันย์ ทำอาหารไม่เป็นนี่คะ  แค่ลวกมาม่าได้ ป้าก็ว่ามหัศจรรย์แล้ว”คุณป้าแม่บ้านหัวเราะ ไอ้รันย์ถึงกับเกาแก้มแก้เขิน

“ผมทำไม่เป็นแต่ มันทำเป็นครับ”แน่ะ โบ้ยให้ผมอีก

“อ่า  ครับ” เย้ย~…..ผมก็ไปรับมุขมันซะได้  คุณป้าแม่บ้านยิ้มอย่างใจดีให้ผม

“ถ้าอย่างนั้นฝากคุณหนูรันย์ด้วยนะคะ ป้าขอตัวกลับก่อนล่ะค่ะ”

“กลับดีๆนะครับ”รันย์กล่าวอย่างสุภาพ แล้วเดินไปส่งคุณป้าถึงหน้าประตูบ้าน  ปล่อยผมให้ยืนอึ้งทึ่งเสียวอยู่ในโถงทางเดินหรูคนเดียว   ผมมองรูปที่ประดับอยู่ช้าๆ  ภาพชายหญิงวัยกลางคนส่งยิ้มทักทาย  ดวงหน้าเหล่านั้นบ่งบอกว่ามีเชื้อสายเดียวกันกับรันย์  คาดว่ารันย์ได้ความเหมาะเจาะบนใบหน้ามากจากแม่  และความคมเข้มกำลังดีมาจากพ่อแน่ๆ  ผิดกับผมโดยสิ้นเชิง  ตอนแม่ท้องผม พ่อคงไม่ค่อยรักเท่าไหร่ เลยได้จากแม่มาเสียส่วนใหญ่

“เป็นไรเมริง ยืนดูความหน้าตาดีของบ้านกรูอยู่อ่ะดี๊” ผมหันขวับไปมองมันตาขวาง

“มีใครเคยบอกเมริงไม๊ว่า หลงตัวเอง”

“ก็งี้แหล่ะ หลงทางเสียเวลา หลงศรันย์ไม่มีเสียอนาคต”

“กรูว่าเสียว่ะ.....เสียสติ”เจอเข้าไปงี้ ไอ้รันย์ถึงกันเซ็งเครียดกินข้าว หมดอารมณ์กันไป

“ติวเว้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้กรูตาย”

“นั่งตรงไหนวะ  กรูเห็นแล้วไม่กล้านั่ง  กลัวทำของบ้านเมริงเปื้อน”ผมพูดแบบพาซื่อ ก็บ้านมันดูแพงระยับไปทั้งหลัง  ผมมันชาวดินกินข้าวแกง มีหรือจะกล้าทำบ้านท่านแปดเปื้อน

“โต๊ะกินข้าวก็ได้ เมริงยังไม่กินข้าวนี่”

“กรูยังไม่ได้บอกเลยว่ายังไม่ได้กิน”

“ก็ปรกติเมริงไม่กินนี่”ผมถึงกับอึ้ง  มันรู้ได้ไงวะ ว่าเย็นๆผมไม่กินข้าว ไม่ใช่เพราะกลัวอ้วน  แต่ผมขี้เกียจครับ  กินขนมไซส์เลี้ยงกองทัพย่อมๆที่มารดาที่เคารพรักยิ่งชีพยัดเยียดให้ผมหอบไปหอให้หมดทันวันหมดอายุก็จะแย่แล้ว  ขืนลงไปกินข้าวอีก  ผมคงต้องกลิ้งล่ะ

“เมริงต้องกินข้าวนะเว้ย เมริงผอมเกินไปแล้ว”มันพูดพลางกางตำราภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม เมริงจะรู้ไหมว่า เสื้อเขียวๆรด.คอวีเห็นอกรำไร กับผิวสีออกทองกำลังสวยของมันเวลาต้องแสงไฟมันน่า....น่า....น่าฟัดขนาดไหน  โอ้ย กรูเป็นไรไปวะเนี่ย

“ดูอังกฤษก่อนแล้วกัน”มันพูดแล้วก้มหน้าลงอ่านหนังสือ ปล่อยผมมึนงงต่อไป 

“อ้าวเมริง  เอ๋อน้ำลายไหลแล้วนั่น ติวให้กรูซิโว้ย อย่ามัวแต่นั่งดูเดี๋ยวพรุ่งนี้กรูก็สิ้นชีพพอดี”มันเอื้อมกีบเท้าหน้าตบกะโหลกผมทีนึง เรียกสติผมกลับมาได้ในที่สุด

“อ่ะ  เอ่อ...ติวอะไรล่ะ  อังกฤษออกง่ายเหมือนม.3 เมริงจะติวอะไรอีก เมริงแกล้งโง่ป่าววะ”ผมรีบกลบเกลื่อนแบบเนียนๆทันที

นี่ล่ะครับ อีกมุมหนึ่งของไอ้รันย์  ที่คงน้อยคนนักจะได้เห็น




นรกอันโหดร้ายของจริงไม่ได้อยู่วันจันทร์ถึงพุธอย่างที่คาดไว้จริงครับ  พอวันพฤหัสบดีมาถึง พวกผมก็ถึงกับโซซัดโซเซเขาหักเขาถลอกกันไปเป็นแถบๆ เช้าสอบแคลคูลัสให้พองวยงง ก่งก๊ง จากการสับขาหลอกด้วยตัวเลข ตบท้ายของวันด้วยภาษาซี เขียนโค้ตกันหน้ามืด ถึงกับแจกเซียงเพียวอิ๊วในห้องสอบกันเลยทีเดียว หมดเวลาสอบผมกับเสียดนั่งรอรันย์อยู่ในโรงอาหาร  พวกผมมันไม่เก่งครับ  หัวไม่ดีramน้อยแต่ดันทะลึ่งถูกจับยัดในsecยอดมนุษย์ก็เลยได้แต่ทำใจเอาเขาไถข้อสอบเท่าที่จะทำได้แล้วก็รีบไสตรูดออกมา เพราะไม่รู้จะนั่งแทะข้อสอบต่อไปทำไม

“ไงวะเมริง ทำได้อ่ะดิ ลงตอนหมดเวลาเนี่ย” เสียดถามรันย์ที่เดินตุปัดตุเป๋เล็กน้อยตรงมาหาพวกผมที่นั่งเป็นศาลาคนเศร้ากันอยู่ที่โรงอาหาร  สภาพหล่อเซอร์ของมันตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นหล่อซกมก หล่อหมาฟัดเหมือนคนอื่นแล้วครับ เพราะดูจากรูปการแล้ว หนวดไม่โกนเพราะครึ้มมาเลย หัวไม่หวี  หรืออาจจะหวีแต่จิตป่วนจนธาตุไฟแตกซ่านเลยขยี้ขยำซะหมดทรง

“ไม่ค่อยมั่นใจว่ะ แต่ก็พอถูไถ”

“กรูสิ ตอบ printf(“\n Love susue nakrub”);”ผมตอบ  ทำเอาเพื่อนฮาครืน

“ตอบไรอย่างงั้นวะเมริง”รันย์ขำพลางแย่งชามะนาวจากผมไปดูด ขี้ปากกรูนะนั่น

“ก็กรูทำไม่ได้นี่หว่า  เผื่อ’จารย์ซูซี่แกจะเมตตากรูบ้าง”

“เฮ้ย รีบกลับเหอะว๊ะ เดี๋ยวต้องอ่านฟิสิกส์อีก  ยังไม่ ถึงไหนเลย”รันย์รีบรั้งแขนผมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้  ท่ามกลางสายตาของเพื่อนฝูงทั้งในและต่างคณะ  และแน่นอนว่าไม่พ้นสายตาสภาสาววาย

“จะลากกันไปไหนจ๊ะ?”เจ๊กรรีบเปิดฉากขึ้นทันทีที่สบโอกาส

“ไม่ลากไปทำมิดีมิร้ายหรอกน่า”รันย์ออกอาการเกรียนเล็กน้อย

“แหม จริงจังขึ้นมาเชียว ได้ข่าวว่าเมศไม่ค้างหอหรอจ๊ะ”เจ๊กรถามพลางมองแหล่งข่าวที่นั่งอยู่ตรงข้าม มันจะใครละครับ ถ้าไม่ใช่โม ญ.

“โม แกนิก็ไปบอกเจ๊กรได้นะ”ผมบ่น

“อือ  ก็สภาฯดำรงอยู่ได้ด้วยเหตุนี้นี่นา”ผมถึงกับอึ้งคำตอบที่ได้รับ  น่ากลัวจริงๆครับ สภาฯนี้

“รันย์ เบาๆหน่อย”โมเริ่มล้อเลียนเสียงผม  ผมจำได้ว่าพูดประโยคนี้กับรันย์ตอนกัดกันอยู่ในห้องผม 

“ นี้เบาแล้วเมริง”โมทำเสียงล้อเลียนได้เกือบเหมือนทีเดียว

“อย่า เสียง...เสียงมันจะดังออกไปนอกห้อง” โมยังไม่หยุดล้อครับ เธปพูดพลางใส่เอฟเฟคชวนสยิวกิ้วลงไป ทำเอาคนรอบข้างฮือฮา

“เมริงทำไรกันวะนั่น น่าสงสัยนะเนี่ย”ไอ้เสียดรีบยื่นหน้ามาถาม  หน้าตี๋ๆของมันบอกชัดว่าคิดลึก

“ฮึ่ย  ก็เอี้ยรันย์อ่ะดิ เจือกแหกปากออกมาได้ว่าจะมานอนห้องกรูตอนตีสองกว่า  ชาวบ้านเขานอนกันหมดแล้ว แมร่งยังส่งเสียงดังอีก  เดี๋ยวก็ถูกข้างห้องเขาด่าบรรพบุรุษเอาอ่ะดิเมริง”

“ไม่เป็นไรหรอก  ข้างห้องเมศ ก็เราเอง  เราไม่ว่าอะไรหรอก”โมตอบหน้าตาเฉย ซะงั้นเลยวุ้ย

“งั้นแกแอบฟังมันอ่ะดิ” เสียดถามโมที่ยังหน้านิ่งซดชานมสบายอารมณ์

“เปล่า ตอนนั้นเราไม่ได้นอน”

“ฟิตหรอวะ?” แชร์รี่ถาม

“เปล่าเราเพิ่งตื่น”เอากะมันสิครับ เด็กคณะป่วงนี่ พูดจาซ้ำซ้อนเหมือนอาจารย์มันไม่มีผิด(อาจารย์ครับ ผมล้อด้วยความรัก ไม่ได้มีจิตคิดร้ายต่อเบื้องสูงนะค๊าบ)

“เมศเป็นไงมั่ง ทำได้ไหม?”หนุ่มหน้าตาดีแบบเชื้อสายจีนนิดๆสวมแว่นแนวๆไว้ผมซอยระห่ำที่ผ่านการยืดมาแล้วถูกน้ำก่อนกำหนดเดินมาทักอย่างสุภาพเรียบร้อย แน่นอนครับว่าเป็นเพื่อนต่างคณะของผม รู้จักกันตั้งแต่กิจกรรมสนุกกับภาษาก่อนเปิดเทอมโน่น

“ก็พอเอาเขาถูกไถ  แล้วซีเป็นไงมั่ง”ผมถามอย่างสุภาพเรียบร้อยไม่ปล่อยหมาไปกัดใคร

“ก็พอทำได้”ซีตอบ ก่อนจะตั้งท่าจะถามอะไรอีกรันย์ก็แทรกขึ้น

“เฮ้ยเมศไปซะทีสิวะ”ไอ้คุณรันย์เรียกด้วยเสียงดังถ้าใครไม่รู้คงนึกว่าตวาด  แต่นี่ล่ะครับ เรียกอย่างสุภาพแล้วสำหรับแม่บ้านส่วนตัวของมัน  ทุกวันที่ผมไปอ่านหนังสือบ้านมัน ผมเหมือนแม่บ้านไม่มีผิด ต้องทำกับข้าว กวาดบ้าน แถมต้องซักเสื้อให้มันด้วย  เพราะมันไม่ทำเองสักอย่างมันอ้างว่าป้าอุ่นแกกลับบ้านเก่า เอ๊ย กลับไปเยี่ยมบ้านเลยไม่มีคนทำ

“เออๆ ไปแล้วเว้ย ทุกคนโชคดีสำลีแปะหัวนะเว้ย ไปนะซี”ผมรีบดอลลี่ตัวเองตามไปรันย์ที่เดินลิ่วนำไปยังลานจอดรถแถวแป้นบาส ที่บัดนี้ไม่มีใครเล่นเนื่องจากอยู่ในช่วงสอบ

.

.

.

.

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-11-2007 23:57:08

.

.

.

.


รถบนถนนหน้าสถาบันวันนี้ติดนรกครับวันนี้อาจจะเพราะฝนที่ช่วยกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณีก็เป็นได้  ไม่รู้เพราะอะไร เวลาคนจะรีบกลับบ้านรถมักติดฝนมักตกเสมอ  ติดตกจนหูอื้อตาลายวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม  ติดจนปวดเข้แต่ก็ไม่ขยับไปไหนจนสุดท้ายก็หายกันไป  เรื่องปากท้องนี่สำคัญมากสำหรับผมครับ  ถ้าวันไหนขับถ่ายไม่คล่อง กินไม่อิ่ม วันนั้นผมจะเกิดอาการนอยด์ทันที  แต่วันนี้ผมปรกติดี คนที่ไม่ปรกติก็ไอ้รันย์ล่ะครับ มันหงุดหงิดตั้งแต่รถติดอยู่แถวหน้าถาบัน

“เมริงเป็นไรว๊าสราด ฮึดฮัดอย่างกะเป็นหวัดคัดจมูก”

“หวัดบ้านเมริงดิ  เมริงเห็นไม๊รถติดชิบหาย”มันพูดแล้วเกะพวกมาลัยทำตาเบลอๆ ผมอาจลืมเล่าไปครับว่า รถของรันย์เป็นรถสปอร์ตมัสแตงค์ยุโรปคลาสสิค สีแดงเข้มๆรุ่นคราวพ่อ แต่ก็นั่นล่ะครับ เครื่องยังแรงซิ่งได้ตรีนผีดีแท้ แล้วด้วยความว่ามันตรีนผีนี่แหล่ะครับ มันเลยยอมสละสิทธิ์จากมหาลัยรัฐดังๆมาเรียนที่นี่  แล้วยอมไปรับไปส่งผมไปกลับบ้านบ่อยๆ  เพราะถนนรอบนอกแถบบ้านผมมันซิ่งสบายดีแท้

“เอาน่า  มันก็ติดของมันทุกวัน เมริงก็ใจเย็นๆสิวะ”ผมพูดพลางเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เพลงสากลเพลงโปรดดังลอดลำโพงออกมา จนผมอดไม่ได้ต้องฮัมเพลงตาม


If birds flying south is a sign of changes
At least you can predict this every year.
Love, you never know the minute it ends suddenly
I can't get it to speak
Maybe finding all the things it took to save us
I could fix the pain that bleeds inside of me
Look in your eyes to see something about me
I'm standing on the edge and I don't know what else to give.


Do you know what it feels like
loving someone that's in a rush to throw you away.
(Do you know )
Do you know what it feels like
to be the last one to know the lock on the door has changed.
Do You Know (The Ping Pong Song)
Enrique Iglesias



“เมริงเป็นไรวะ? คลางฮือๆอย่างกะพิราบสนามหลวง” โห่...เจ็บครับงานนี้ 

“ไม่เห็นต้องกัดกรูเลย อิจฉากรูอะดิที่กรูเสียงดีกว่า”ผมทำปากยื่นแล้วหันไปมองข้างทางอย่างเคืองๆ เห็นคนวิ่งฝ่าฝนผ่านไป

“ร้องเสียงเหมือนพระโคเบ่งบุตร ยังเจือกมาคุย ถุย!”

“ทำเป็นพูดดีนะเมริง  แล้วเมริงเสียงดีนักหรอ”

“เออ  ดีกว่าเมริงแล้วกัน”ผมเม้มปากแน่นด้วยความแค้นฟาร์มหมาในปากผมปิดทำการชั่วคราวเลยเถียงมันไม่ทัน

“เอาน่าเมริงอย่างอนกรู  เถียงไม่ทันกรูไม่เป็นไร แต่อย่าไปคุยกับไอ้หน้าจืดนั่น” รันย์พูดพลางเคลื่อนรถตามการจราจรที่เพิ่งจะขยับไปได้สองช่วงตัว

“จืดไหนละ?ไอ้เสียดรึ?”

“ไม่ใช่  ไอ้จืดIT ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปคุยกะมัน”

“ซีน่ะนะ  กรูรู้จักมันตั้งแต่กิจกรรมสนุกกะภาษาแล้ว  รู้จักมันก่อนเมริงอีก แล้วทำไมมาห้ามกรูวะ?”ผมถามอย่างสงสัยแบบจริงใจไม่จิงโจ้  เพราะมันแปลกมากที่คนมนุษยสัมพันธ์ดีอย่างรันย์ห้ามผมไม่ให้คุยกับคนอื่น

“เอาน่า กรูไม่อยากให้มันมายุ่งกะเมริง” ไอ้รันย์หันหน้าออกกระจากฝั่งมันมั่งพลางเกาหัวยิกๆ

“อะไรของเมริง”ผมส่ายหัว

“ก็...ก็กรูไม่อยากให้ใครมายุ่งกะเมริง”มันพูดเสียงเบาๆ ผมกระพริบตาถี่ๆอย่างพยายามประมวลผล

“เมริงว่าไงนะ?”ความเงียบเป็นคำตอบที่ผมได้ จะว่าผมโง่ก็ได้นะครับ  แต่ผมไม่เข้าใจเจตนาของมันเลยว่าต้องการสื่ออะไร หลังจากนั้นเราก็ไม่พูดเรื่องนี้กันอีก  เพรามัวแต่อ่านหนังสือกันจะตาแหก ปอดฉีก ซี่โครงปูดกันไป เพื่อเอาชีวิตรอดในวันสุดท้ายของการสอบ



“ถ้ากรูเป็นไรไป เมริง ฝากบอกแม่กรูด้วยว่ากรูรักแม่มาก  งานศพกรูไม่เอาข้าวต้มกุ้ง  กรูแพ้กุ้ง”ผมออกปากฝากผีฝากไข้ไว้กะไอ้เสียดอยู่หน้าห้องสอบ ที่บัดนี้มันก็อยู่ในสภาพเดียวกับผมนี่แหล่ะคือ กำลังอยู่ในระยะวิตกจริตจิตตกเนื่องจากการสอบ

“เอาน่าพวกเมริง มาถึงลานประหารแล้ว อย่าไปกลัว”เสียงนี้ไม่ใช่ใครเลยครับ มันคือไอ้คุณรันย์ ถึงมันจะเซอร์โทรมแต่ยังสภาพดีกว่าเพื่อนคนอื่น ดูมันชิลกับวิชาฟิสิกส์ทั่วไปเสียเหลือเกิน

“ขอบใจนะเมริง ไอ้ปากจังไร”ผมหันไปกัดรันย์  มันเลยยักไหล่ทีหนึ่งแล้วหันไปคุยกะเพื่อนร่วมsecอีกคน ซึ่งเพื่อนร่วมsecของผมแต่ละคน  ผมสามารถมองเห็นแสงเฮ้ากวงอันแสดงถึงความโปรของพวกมันได้อยู่ลางๆ  ในขณะเดียวกัน  เพื่อนๆก็คงเห็นเขายาวๆของผมอยู่ไหวๆเช่นกัน

“โมเมนตัม p=mv  เปลี่ยนทิศไม่เปลี่ยนทิศแสรดไรว๊ะเนี่ย”ผมพยายามพลิกโน้ตที่ผมเคยจดไว้มาตั้งกะสมัยม.ปลายอย่างเอาเป็นเอาตาย  พยายามจำให้ได้มากที่สุด แล้วนาทีนรกก็มาถึง

“นักศึกษาเตรียมบัตรประจำตัวเข้าสอบ อุปกรณ์เครื่องเขียนแล้วเข้าประจำที่ได้แล้วค่ะ”อาจารย์คุมสอบโผล่หน้าออกมาก่อนจะเปิดประตู(สู่นรก)ออกกว้าง อย่างเชื้อเชิญ

“กรูโดนเจี๋ยนแน่ๆ”ผมโยนสมุดเลคเชอร์ไว้บนกองกระเป๋าแล้วทำใจลากขาเดินเข้าห้องสอบ

อาจารย์บอกกติกามารยาทในการสอบเสร็จแล้ว  นาทีระทึกก็มาถึง อาจารย์สั่งเปิดข้อสอบได้  ผมมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก สูตรสาระพัดที่ท่อง อ่าน ติวมา หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว คือเละเป็นโจ๊ก ผมพลิกข้อสอบเพื่อหาข้อที่พอจะทำได้ พลิกไปพลิกมา มันส์มือไปหน่อย โผล่อีกทีหน้าสุดท้ายของข้อสอบ  ผมจึงเริ่มพลิกหาข้อที่ทำได้อีกครั้ง เจอแล้ว!ข้อ5  น่าจะทำได้  ผมก้มหน้าก้มตาเอาเขาไถข้อสอบหลังจากมั่นใจแล้วว่าที่ทำไปน่าจะได้คะแนนก็เริ่มหาข้ออื่นให้เอาเขาได้ต่อไป แต่ดูเหมือนมันเป็นสิ่งไม่มีตัวตนสำหรับข้อสอบนี้ อ่า....ความตายช่างสวยงาม หลังจากหมดเวลาสอบผมถึงกับครวญเป็นเพลง  และไม่ต้องเดาเลยว่าคะแนนจะออกมาแบบไหน  The Mid...คะแนนลิขิต ชีวิตใต้มีนกันแน่นอนล่ะงานนี้
 



ได้แค่นั้น แค่เพียงข้อเดียว ทำได้แค่นั้น
ไม่เคยคิดเลยจะได้แค่นั้น โค-ตรเสียใจ
ขอให้กรูทำใจ...

ที่อ่านมาทำไมไม่ออก เก็งมาแล้วทำไมไม่ออก
ออกเอี้ยอะไรมา ไอ้อ่า.... ไม่เคยจะสอนกัน
ข้อสอบเก่าดันเอามาออก มาออกกันในอันที่ฉันไม่ตั้งใจอ่าน ฮือ
ออกง่ายเกินไปไหมเมริง

ADD ไปแล้ว....ก็ลืมนึกไปว่าเรียนไม่ไหว
นั่งติวที่หอ นั่งติวแค่ไหน ไม่เข้าใจ จะทำสอบได้ไง
ที่อ่านมาทำไมไม่ออก ติวมาแล้วทำไมไม่ออก
ออกเอี้ยอะไรมา

(แปลงมาจาก บอกช้าไปไหมเธอ ของพัดชา)


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 22-11-2007 14:27:10
 :m15:ชีวิตช่างรันทดนักเวลาสอบนี้ :m15:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 22-11-2007 17:04:03
อ่านแล้วระลึกชาติ  คุ้นๆ ว่าเคยผ่านมา... :o11:

ลงชื่ออ่านจ้า... o15

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 22-11-2007 17:12:08
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 22-11-2007 19:28:27
อย่ามัวแต่เรียนจนลืมรักนะครับ

ปล ชอบชื่อเรื่องจัง
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-11-2007 20:17:49
อ่านแล้วขำ นึกถึงตอนสอบสมัยมหาลัย อ่านกันไม่ทันอ่านกันยันเช้า สนุกจิงๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 22-11-2007 20:55:42
ชิ คนโพสลืมปล่อยคนอ่านรอเก้อ  :serius2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 22-11-2007 21:16:38
รออยู่นะจ๊ะ ป๋อมจ๋า

 :a10: :a10: :a10:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 23-11-2007 23:26:40
อ่านเเล้วขำเมศก็ปลื้มเเล้วค่ะ 

คนโป๊ดลืม  เมศก็ลืมเขียนต่อไปเลยเหมือนกันค่ะ :m29:

เเบบว่าเปื่อย(ฟังขึ้นไหมนี่)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 23-11-2007 23:37:21
^
^
^
เข้ามาจิ้มคนเขียนค่ะ

ถ้าเมศลืมเขียนนานเกินไป

บัวจะไปบีบคอคนโพสค่ะ

 :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: *~Kisa~* ที่ 24-11-2007 12:58:26
คนเขียนลืมเขียนด้วยอ่ะ

ยังรออยุ่นะคะ  :impress:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 25-11-2007 15:09:15
รอครับรอ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 26-11-2007 12:50:29
 :serius2:รออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-11-2007 23:33:12

 :m23: ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ

ก็เค้าไปผ่าฟันคุดมาอ่ะ เจ๊บบบบเจ็บ  :m17: :m17:

เลยทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเล้าเลย จิงจิ๊งงงงงง  :m13: :m13:



ตอน๓ เมาเรียกช้าง


“แสรดดดดดดด”เสียงผมกรีดร้องด้วยอาการเสียจริตทันทีที่ประกาศผลสอบกลางภาควิชาล่าสุดอันเป็นวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้น

“เมริง ทำใจดีๆไว้  เอายาดมไป”ไอ้เสียดยัดวาเป๊กใส่มือผมทันทีอย่างอ่านใจได้ว่าผมจะพูดอะไรต่อ

“กรูจะซิ่วแล้วสาดด   คะแนนบัดซบ  กรูไปเรียนถาปัตย์ดีกว่า”

“เอาน่าเมริง  ตั้งใจแก้มือที่ปลายภาคเอาก็ได้  ไม่ถึงกับต้องซิ่วหรอก”รันย์มันอุตส่าห์ปลอบผม....กรูเพิ่งรู้ว่าเมริงเป็นคนดีก็วันนี้แหล่ะว๊ะเนี่ย

“แต่คะแนนก็ออกมาสมตัวเมริงแล้วนะกรูว่า  ตอนสอบเห็นเขาเมริงยาวเชีย”มันทำท่าลูบเขาแหลมๆของผมด้วยสีหน้าเยาะๆ  มุมปากหยักสวยยกขึ้นนิดๆแบบสะใจหน่อยๆ

“เมริงก็ไปว่ามัน”ไอเสียดพยายามห้ามก่อนผมกับ(ปาก)หมารันย์จะเริ่มกัดกัน

“ใช่สิ๊~เมริงมันเด็กทุน  ไม่มีตกมีน  ไอ้ฉลาด   ไอ้ประเสริฐ  ไอ้textbook ไอ้เจริญ”ผมประนามหยามเหยียดมันไปต่างๆนานา

“เออ  มีไอ้หล่อป่าววะ?”

“เมริงก็ไปกวนมัน  มันยิ่งนอยด์ๆอยู่”ไอ้เสียดเข้าห้ามทัพ  มันดีกว่าผมหน่อยครับที่ตกมีนแค่สองวิชา  แต่ผมนี่สิ เรียนหก ตกมีนเสียสาม  ชีวิตกรูเจริญรุ่งริ่งแล้วไม๊ล่ะ

“เว้ย!กรูจะซิ่ว”เอาแล้วครับ มีพลพรรครักจะซิ่วเข้าพวกกับผมแล้ว เสียงหนึ่งในเจ็ดสาวมหัศจรรย์นามว่า โม ญ มันอาการหนักพอๆกับผมเลยทีเดียว

“เราจะไปเรียนถาปัตย์”ไอ้โม ญ ยื่นคำขาด  ท่ามกลางเสียงจากสภาฯทั้งหลายที่ห้ามปราม ปลอบใจกันยกใหญ่

“แกใจเย็นๆนะเว้ย  ถ้าแกไปแล้วสภาฯก็ไม่ครบขาดิ”เจ๊ใหญ่พยายามปลอบด้วยวิธีแบบของเธอ

“เฮ้ย  โม แกอย่าไปเลย ผู้หญิงยิ่งน้อยๆอยู่”เจ๊กรผู้ถูกพายุมิดเทอมพัดเอาจนซวยเองก็พยายามปลอบใจเช่นกัน

“เมศ เมื่อกี้เมริงพูดว่าจะไปเรียนถาปัตย์ใช่มะ? เออ ไปกะกรู”เอาแล้วครับโม ญ  เวอร์ชั่นองค์ลง โครโมโซมxของเธอหดขารวมเป็นหนึ่งเดียวเปลี่ยนเป็นตัวYในทันที 

“เอาแล้วเมริง  โม ญ องค์ลง”

“อย่าลืมนะคร๊าบบบสมัครสอบวิชาเฉพาะได้ตั้งแต่วันที่20เดือนนี้เป็นต้นไป”เสียงใครสักคนแหลมขึ้นมาในช่วงสำคัญ

“เออ กรูจะไปสมัครแมร่งเดี๋ยวนี้แหล่ะ”โม ญ ตั้งท่าจะทำจริงสภาฯถึงกับร้องห้ามกันเสียงหลง




หลังจากงานเปิดสถาบันอย่างเป็นทางการ อันเป็นช่วงหลังสอบที่มีความสุขที่สุดของผมผ่านไปได้ไม่นาน ความประสาทเสียก็คืบคลานเข้ามาหาอย่างเงียบๆ ด้วยการค่อยๆทยอยประกาศผลมิดเทอมทีละวิชาสองวิชา นรกเลยค่อยๆมาเยือนผมช้าๆ  เอาแบบเชือดกันนิ่มๆ......กระโดดข้ามเรื่องหนักกะโหลกไปเถอะครับ  ผมขอเล่าย้อนไปถึงเรื่องงานเปิดสถาบันดีกว่า

งานเปิดสถาบันเรามีบรรดาแขกทั้งในสยามประเทศและจากต่างประเทศครับ  วันนั้นเป็นวันที่ผมปลื้มที่สุด เพราะมีเหตุการณ์น่าประทับใจเกิดขึ้น  วันนั้นผมได้เข้าเฝ้าเจ้านายระดับสูงด้วย พระองค์ท่านทรงพระน่ารักเป็นอย่างยิ่ง(เฟี้ยว~....เสียงคุกเฉี่ยวหัว)  รวมทั้งคนใหญ่คนโตจากสปอนเซอร์ของสถาบันที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง  ที่แน่ๆ ผู้สื่อข่าวสาวๆขาวๆส่งตรงอิมพอร์ตเข้ามานี่  สวยสุดยอดครับ
  และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ประทับใจผมมากคือ หน้าที่ของผมที่ประจำอยู่ใต้ชอปวิศวะ  นั่นเป็นเหตการณ์ครั้งที่ผมรู้สึกตัวว่าตัวเองเท่ห์สุด  และใกล้จะเป็นลมมากที่สุด

“แก  ดูพี่ทหารคนนั้นดิ   รัดได้อีกวุ้ย”  เสียงกระซิบพูดกันของสภาฯทำเอาผมขนลุกเกลียว

“ก้นสวยว่ะ ได้องศาโคตร”เสียงอีกเสียงรับ เอ่อ....ผมขอเรียนให้ทุกคนทราบอีกครั้งว่าทุกคนในสภาเป็น ‘ผู้หญิง’แน่นอนครับ

“คนไหนอ่ะ?”เสียงนี่ใช่เลยครับ  เสียงโม ญ แน่นอน 

“คนที่ใส่บู๊ทอ่ะ  เหมือนจะเป็นมหาดเล็กรักษาพระองค์”เสียงเจ๊ออมอธิบายอย่าตื่นเต้น 

“คนที่ตัวเล็กๆ ขาวๆใช่ป่ะ?....อุ เยี่ยม  ก้นงามมากวุ้ย” เอาล่ะสิครับ หื่นกันใหญ่

“น่ารักว่ะ มีลักยิ้มด้วย ทำไมพวกชายในเครื่องแบบชอบใส่ชุดติ้วๆวะ?” ผมหันไปมองตามบ้าง  อือ  ผมก็สงสัยครับ  เย้ย~ไปเออออกับสภาฯทำไมเนี่ย

“ไอ้เมศ”เสียงไอ้รันย์เรียกอย่ข้างหู ผมก็ได้แต่อือออ  แต่ตาตอนนี้เปลี่ยนไปเหลือบมองเลคซัสคันสวยสีเหลืองนวลๆที่สะท้อนแสงดูปิ๊งปั๊งสมกับเป็นรถราคาแพง

“เมริงท่องบทพูดให้ได้ก่อน  เผื่อเวลาถูกถามจะได้ตอบได้   อย่าลืมพูดลงท้ายว่าพระพุทธเจ้าค่ะนะเมริง  ....ไอ้เอี้ย  เมริงฟังกรูอยู่ไม๊เนี่ย”

“เออ  ฟังอยู่”

“มองอยู่นั่นแหล่ะ รถเนี่ย  กรูรู้ว่ารถสวย  แต่ถ้าหน้าเมริงแหก หน้าเมริงก็สวยนะเว้ย  ไอ้อ่า”

“อ้าว ไม่เคยเห็นนี่หว่า”จริงๆแล้วเปล่าหรอกครับ  ผมเริ่มรู้สึกวินเวีย  เอ้ย...วิงเวียน เพราะชุดพิธีการขึ้นมาแล้ว  เพราะกระดูมต้องติดถึงคอ  อากาศก็ร้อนแสนร้อน  ผมเป็นพวกขี้ร้อน  เจออากาศร้อนอึดอัดแบบนี้  ผมก็ถึงกับเบลอ  ผมขอเล่าข้ามไปเลยนะครับ ว่าผมเกือบเป็นลมไปต่อหน้ากล้องทีวีเป็นสิบๆตัว   หลังจากแขกทั้งหลายออกจากบริเวณใต้ชอปแล้วผมถึงกับต้องประกาศเสียงตามสายหายาดมกันเลยทีเดียว  แถมยังลืมโค้งอีกตะหาก ตกตะลึงจ้องหน้าคนอื่นแบบไม่เคยเห็นคนมาก่อนด้วย เสียมารยาทสุดๆ สรุปแล้วคือ ไม่ว่าใครจะถามอะไร ผมไม่ได้ตอบเลยครับ  เพราะมัวแต่อึ้งอยู่(ขำ)



“เป็นไงล่ะเมริง มัวแต่เอ๋อ”ไอ้รันย์ตบกะโหลกผมเบาๆทีหนึงหลังจากหมดหน้าที่ที่ใต้ชอปแล้ว

“เอาน่า กรูไม่เป็นลมกลางงานก็บุญกะลาหัวขนาดไหนแล้ว สราด”ผมพูดพลางดมยาดมราวกับมันเป็นออกซิเจนช่วยหายใจก็ไม่ปาน

“เออ  เมื่อคืนเมริงนอนไปกี่ชั่วโมงเอง” รันย์มันพูดแบบเป็นห่วงเป็นใยสุด  เอี้ยเอ้ย.....

“แล้วไม่ใช่เพราะเมริงรึไง  สาด  ชวนกรูเล่นวินนิ่งถึงเช้า”ผมปาสูทพิธีการใส่หัวมัน

“ไหน? ใคร? ใครเล่นวินนิ่งกันถึงเช้า”เจ๊กรหูผี รีบพุ่งตัวเข้าร่วมบทสนทนาทันที

“วิ่นนิ่งไร?”สภาฯพุ่งความสนใจมาที่ผมทันที รันย์มันไม่พูดไรเลยครับ  เอาแต่ยิ้ม

“ยิ้มเอี้ยไรเมริง”ผมมองมันตาขวาง

“เฮ้ย พวกเมริง ไปกินหมูกระทะป่าว?”ไอ้เสียดมาถามพวกผมที่กำลังจะถูกสภาฯสอบปากคำ ผมเห็นท่าว่าวันนี้เหนื่อยเกินจะไหนต่อหน่ายเกินจะนอนหลับเลยจะปฏิเสธ ใจคอจะเมากันตั้งกะวันเปิดสถาบันเลยเร๊อะ

“ไป...” รันย์ตอบคำเดียว แบบมั่นใจสุดติ่ง

“กรู....”ไอ้รันย์เอามือแข็งๆของมันจับหลังคอผมครับแล้วใช้กำลังบังคับเล็กน้อยไม่ให้ผมพูดอะไรมากกว่านี้ 

“เมศมันก็จะไป” อ้าว แสรด  กรูบอกตอนไหนฟะ

“เอ้ย กรู....”ผมอ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาทองงับอากาศ แต่ก็เปล่ากระโยชน์

“เออ เจอกันทุ่มครึ่งเว้ย  ที่เดิมๆเมริงขับรถกลับไปไว้บ้านก่อนก็ได้” เออ...นี่กรูจะแพ้ทางเมริงทุกเรื่องเลยหรอวะเนี่ย ไอ้เอี้ยรันย์




ผมเดินตามรันย์เข้าไปในร้านหมูกระทะ ที่บัดนี้เริ่มมีคนเนืองแน่นแล้ว  แม้จะยังหัวค่ำ ไอ้เสียดโบกมือหยอยให้จากโต๊ะในมุมหนึ่งของร้านไม่ห่างไกลจากโทรทัศน์จอยักษ์มากนัก  แต่ก็ดูเป็นส่วนตัวดี  ที่โต๊ะนอกจากมันแล้วยังมีเพื่อนร่วมคณะคุ้นหน้าคุ้นตาอีกร่วมห้าราย   หลังจากผมหย่อนก้นลงนั่งได้ไม่นาน  พวกเราก็เริ่มบรรเลงเพลงหมูกระทะกันเลย  หลังจากซัดไปสองกระทะก็ได้เวลากินเหล้าเมายาก็มาถึง เบียร์หลอดเขื่องตั้งตระหง่านกลางโต๊ะพวกผมกินหมูกระทะกันไปจิบเบียร์กันไป

“เมริงยังไม่อิ่มอีกหรอวะ?”เสียดมันถามผมครับ  เพราะผมกินเอาๆไม่ค่อยพูดอะไร

“มันท่าจะโหยว่ะ”เพื่อนๆเฮฮาปาจิงโกะกันใหญ่ไอ้เสียดที่ถือไอติมกะทิไม่กินเสียทีมัวแต่ขำ

“เมริงไม่กินเอามานี่”ผมแย่งไอติมไอ้เสียดกันแบบด้านๆ

“ไอ้เอี้ยนิ”

“เฮ้ย ข่าวในพระราชสำนักเว้ย!!”

“มีกรูไม๊เนี่ย? เพี๊ยง!มี  หล่อๆอย่างกรูเขาต้องแพนกล้องหาอยู่แล้ว”หนึ่งในเพื่อนร่วมวงร่ำของมึนเมาผมยกมือไหว้ท่วมหัว

“หล่อแบบไหนว่ะเมริง  หล่อเหมือนปลาบู่พุ่งชนเขื่อน  หรือ บั้งไฟโหม่งโลกวะ?”ผมถามเรียกเสียงโห่ฮาจากเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี

“ เก็บหมาเมริงกลับบ้านไปเลยสาด  ไม่ช่วยแล้วยังขัดฟามเจริญ”ทุกคนหันไปสนใจข่าวในพระราชสำนักอีกครั้ง

“ฮู้ย  ไอรันย์เฉี่ยวหูเมริงไปนิดเดียวไม่งั้นเกิดแล้ว  เช๊ดดดด....”ผมเชียร์มันสุดยึด

“ ซ้ายนิดๆ  เกือบถึงกรูและ อีกนิดๆ ฮู่ยยยย~....”ทั้งโต๊ะส่งเสียงร้องเสียดายทันทีที่ข่าวตัดจบแบบสั้นมากชนิด หน้าอธิการบดีก็ยังไม่ทันได้เห็น

“รีบไปไหนว๊า”ไอ้เสียดบ่นเสียดาย  ก่อนจะดูดเบียร์ ไอ้รันย์ก็ดูดของมันไปเรื่อย  จนผ่านไปขึ้นหลอดที่สองทุกคนเริ่มตาเยิ้มฉ่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดที่สูงขึ้น  แต่จะกรึ่มมึนกันแค่ไหนขึ้นกับสภาพคอครับ


“ไอ้เสียดเมริงเมาแล้วแหง๋เลยว่ะ”เพื่อนที่คอแข็งหน่อยเห็นไอ้เสียดหน้าแดงจัด ตาตี่ยิบหยีจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่

“ยังๆ  กรูยังไม่เมา”มันโบกไม้โบกมืออย่างกับตำรวจจราจร ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันว่ามันเมาแล้วแน่นอน

“เมริง....กรูว่านะมิดเทอมนี้คะแนนกรูบัดซบเน่ว่ะ”ผมเปรยขึ้นเรียบๆ ทุกคนพยักหน้าเห็นดีเห็นงามตามกันไป

“กรูก็ว่างั้น แต่แมร่งไอ้รัฐบาลตุ่นเมร่งก็ทำงานช้าชิบ”เอาล่ะสิครับเรื่องเรียนเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น  เริ่มลากกันไปเฉี่ยวประเด็นร้อนกันหน้าตาเฉย

“เฮ้ย เมริงอย่ามาพูดตรงนี้”ใครสักคนที่ไม่เมามากนักเอ่ยห้าม

“แต่ เด็นฉะโอโตโกะ*ก็โอเคนะ ถึงจากอายุเขาบวกกันกับทั้งคณะแล้วเป็นพันก็เหอะ”(เด็นฉะโอโตโกะ =หนุ่มรถไฟ)

“กรูว่า ทักกี้ ณ ชินคอปฯ เป็นพ่อค้าที่ดีแต่แมร่งเป็นนกยาที่ไม่ดีว่ะ สราด.... อิ่มว่ะ”ไอ้รันย์เอากะเขามั่งจากสีหน้าและท่าทางแล้วมันคงยังไม่เมา 

“เรียกซะน่ารักเชียวเมริง”

“เออ  กรูนิยมในความแอ๊บแม้วว่ะ”ไอ้รันย์มันพูดแล้วก็หัวเราะฮึฮึ

“เมริงพอเหอะ  โต๊ะข้างๆแมร่งมองตาขวางว่ะ”ผมรีบห้ามก่อนจะลุกลามไปกว่านี้

“ทามมายว๊ะ กรูมีสิทธิ์นะเว้ย  ประเทศไทยประชาธิปไตยเว้ย”เพื่อนของผมคนหนึ่งที่ผมยอมรับว่ามันหน้าโจรมากอยู่ประกาศกร้าว

“เอี้ย  เขาก็มีสิทธิเหวี่ยงหมัดใส่เมริงเหมือนกันแหล่ะวะ”

“เอาเด้  กล้าจริงมาเลยแสรด”ผมขำกับท่าทางอยากลุยของมัน

“แล้วเมริงจะทำไรเขาวะ?”ผมพูดพลางจิบเบียร์เย็นฉ่ำสบายใจ

“กรู...กรูก็.....จะอ้วก” ทั้งวงร้องเฮ้ยออกมาพร้อมกัน  คนนั่งขนาบข้างมันรีบตั้งท่าจะลุกหนีทันที

“ไปห้องน้ำไป ไอ้นี่นิ  กรูก็นึกว่าแมร่งจะแน่”ผมได้ยินเสียงไอ้รันย์หัวเราะฮึฮึอยู่ข้างๆ 

“รมย์ดีจริงนะเมริง”ผมเห็นแล้วหมั่นไส้ เลยจิกไปหน่อยนึง

“เรื่องกรู”อ้าว....แสรด เล่นกันงี้เลยเร๊อะ อย่าให้ถึงทีกรูนะจำไว้

“อ้าวเว้ย  เช็คบิล”ผมถึงกับเซ็งเป็ดเซ็งห่านเซ็งไก่เซ็งไข้หวัดนก  นี่ผมต้องแพ้เอี้ยรันย์ไปหมดทุกเรื่องไงวะเนี่ย



ยามดึกพวกผมก็สลายตัวจากร้านหมูกระทะกลับบ้านช่องห้องหอกันไปตามระเบียบ ระหว่างที่พวกเราออกมาเรียกรถกันที่ถนนใหญ่ ก็เกิดเรื่องครับ!!!  ในยามค่ำคืนของกรุงเทพฯตามสถานบันเทิงต่างๆ  ยังพอมีช้างที่ควาญพามาหากินในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เพราะกรุงเทพฯอุดมสมบูรณ์ล่ะครับ แต่ดูเหมือนที่นี่จะมีคนชอบช้างเยอะ(???) แม้ภาครัฐจะมีนโยบายไม่ให้ช้างมาเร่ร่อนในเมืองกรุงแล้วก็ตาม 


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนประมาณห้าทุ่มห้านาที ระหว่างที่พวกผมเดินตุปัดตุเป๋จากอาการเมา ทั้งเมากรึ่ม เมาจริง หรือแม้แต่เป็นคนหิ้วปีกคนเมาก็ตามแต่  มีอยู่คนหนึ่งครับที่ไม่แสดงท่าทางใดๆให้เพื่อนๆเห็นเลยว่ามันเมา!!!!  คนตัวสูงหนังหน้าดีสุดในกลุ่มพวกเรานั่นแหล่ะครับ

“ไอ้รันย์  เมริงรีบๆกินให้หมดซะทีสิวะไอ้เบียร์ตราสัตว์ใหญ่เนี่ย”ผมหันไปแหวมันให้มันช่วยหิ้วปีกไอ้เพื่อน(เวร)ทั้งหลายที่มันเมามายัดใส่แท๊กซี่ส่งกลับบ้าน  ไม่ก็หอเพื่อน

“อื้อๆ”มันว่าพลางยกขึ้นดื่มต่อ 


เหมือนมีอะไรมาดลใจครับ  มันหันไปในทิศทางที่ควาญช้างขี่ช้างมาพอดี  มันเลยออกไปยืนที่ริมฟุตบาท แล้วโบกมือเหมือนโบกแท๊กซี่  แต่ขอโทษเถอะครับ   ทิศที่มันหัน  หันหลังให้ทางรถวิ่ง(เว้ย ไอ้เอี้ย  ก็นึกว่าหวังดี) ควาญช้างผู้รักในอาชีพก็ปรี่ตัวเข้ามาหาทันที

“เลี้ยงช้างไม๊ครับเลี้ยงช้าง”

“ช้างๆ  ช้าง” เมริงจะทำไรวะเนี่ยไอ้รันย์

“รับเป็นถั่วหรืออ้อยดีครับ?”ควาญช้างคนนั้นถามอย่างมีความหวัง

“อ่อ  ช้าง  กรูมีแล้ว”มันพูดแล้วชี้ไปที่ขวดในมือมันแถมหัวเราะด้วย  มันพูดจริงครับ  ในมือมันเป็นเครื่องดื่มมึนเมาแปะฉลากสัตว์ใหญ่ไซส์เอ็กซ์แอลจริงอย่างปากว่าเป๊ะ

“......”เพื่อนตกอยู่ในความเงียบ ด้วยความอึ้ง ไม่เก็ทมุข

“ขอโทษครับพี่ เพื่อนผมเมา” คนที่ยังพอมีสติรีบบอกควาญช้างผู้น่าสงสารก่อนจะลากไอ้ตัวดีออกจากที่เกิดเหตุไปตั้งหลักก่อน  พอทุกคนได้สติ  ฮาแตก....ขำเข้หักในกันเลยทีเดียว  แม้คนเดินผ่านไปมาแถวนั้นจะมอง ประมาณว่าไอ้พวกนี่มันเป็นไรของมัน



หลังจากจัดส่งเพื่อนๆที่เคารพกลับไปซุกหัวนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ถึงคิวผมกับไอ้รันย์กลับกันมั่งละครับ  ดีหน่อยที่วันนี้มันไม่ได้ขับรถมาด้วย  ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเสียวไส้กับด่านตรวจที่พี่ๆตำรวจตั้งเพื่อนป้องกันอุบัติเหตุ(ผมมองโลกในแง่ดีครับทุกคน) หลังจากขึ้นแท็กซี่ได้ ผมมองไอ้รันย์ที่โยกไปเยกมากึ่งหลับกึ่งตื่นมึนๆแล้วนึกขำว่าผมเหนือกว่ามันตรงที่ผมคอแข็งกว่านี่ล่ะครับ   ต้องขอบคุณท่านพ่อเซียวเงียวจริงๆที่มอบมรดกทางพันธุกรรมในด้านมีประโยชน์ให้ผมบ้าง ซึ่งปรกตินอกจากเรื่องคอแข็งแล้ว ผมมักได้พันธุกรรมพวก  ขี้แพ้...คือผิวบาง  เจออากาศร้อนมากๆผื่นก็ขึ้น  แพ้อาหารทะเลมั่งล่ะ   เจอฝุ่นเยอะก็แพ้ฝุ่น   ไหล่ขวาตกมั่งล่ะ  หรือแม้แต่ แพ้...แพ้ใจตัวเอง..เกี่ยวหรอวะ?   ตลอดทางผมต้องคอยเอามือดันหัวไอ้รันย์ที่พยายามหาที่พักพิงออกไปจนถึงหอ ผมเลยตัดสินใจว่าคืนนี้ควรจะให้มันนอนห้องผม  เพราะผมไม่รู้ว่ามันเอากุญแจบ้านไว้ไหน  ขี้เกียจค้นตัวมันให้วุ่น

“ตื่นเลยเมริง  อาบน้ำให้สร่างๆหน่อยแล้วเมริงค่อยนอน”ผมพูดกับมันหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อไปใส่เสื้อยืดกับกางเกงเลคราวนี้เปลี่ยนสีแล้วครับ  จากสีชมพูดแจ๋นเป็นสีเหลืองแปร๊ดเหมือนจีวรพระผสมสารสะท้อนแสง

“ฟังกรูอยู่ไหมเนี่ย?”ผมตบๆหน้ามันเบาๆเห็นมันยังทำตาปรือ เลยดึงแขนมันให้ลุกขึ้นจากเตียงผม  แต่แรงดึงดูดระหว่างหลังมันกับที่นอนก็มากกว่าแรงผม

“ไอ้เอี้ยรันย์ ปล่อยกรู!”ผมรีบร้องเสียงหลง  ไอ้รันย์ที่ผมนึกว่าสิ้นฤทธิ์ไปแล้วจากของมึนเมา  กระชากตัวผมให้ล้มกลิ้งลงไปนอนข้างมัน  แขนมันยังโอบรอบเอวผมอยู่  ผมพยายามจะตบกะโหลกมันให้มันปล่อยแต่ไร้ผล  มือมันอีกข้างจับมือผมไว้ทั้งสองข้างด้วยมือเดียว

“อือ กรูจะนอน”มันอือออใส่ผมแบบรำคาญ

“กลิ่นหนังหัวเมริงอย่างกะหมูกระทะราดซอสมิสเตอร์มัสเซิล ไสตรูดไปอาบน้ำเลยเมริง”

“ไหนค่าจ้างอ่ะ?”จ้างเอี้ยไรอ่ะครับ....หรือจะให้กระผมเอาแปรงขัดส้วมขัดหลังให้ด้วยจิตศรัทธา

“ไหนอ่ะๆ?”มันกลิ้งตัวนอนคว่ำ เท้าแขนแล้วชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ผมมาก จนผมเห็นชัดว่าตามันฉ่ำเยิ้มมาก เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

“จะเอาไรของเมริงเนี่ย?” ดวงหน้าคมสันของเพื่อนสนิทผมโน้มเข้าใกล้ผม ริมฝีปากหยักสวยรับกับใบหน้ากำลังยิ้มพรายดวงตาคมคู่นั้นเต้นระริกอย่างคิดไม่ซื่อ ก่อนจะประทับลงบนริมฝีปากผมอย่างฉาบฉวย 

“แสรด  เมริง!….”พอผมตั้งสติได้กีบเท้าข้างหนึ่งของผมก็ตอบสนองแบบปฏิกริยาอัตโนมัติ ถีบป๊าบเข้าตรูดมันเต็มๆ  ไอ้รันย์เลยกลิ้งลงไปนอนกับพื้นแบบเมาๆ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างงงๆ  เดินถือผ้าเช็ดตัวและชุดนอนที่มันเอามายัดไว้ในห้องผมเข้าห้องน้ำไป



สรุปแล้วคืนนั้นผมนอนน้อยพอๆกับคืนก่อน เพราะมัวแต่จังงังกับสิ่งที่ไอ้รันย์ทำกับผม  เมริงเล่นไรของเมริงวะ  เพื่อนกันแมนๆแบบนี้ มันจะ ..จะ....จะ...ทักทายกันด้วยปากทำไม  ว้อย~เมริงต้องการไรจากกรูวะเนี่ย





“อ้าวไอ้ควาญมาแล้วหรอเม ริงไอ้เมศอ่ะ? ”นับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไอ้รันย์มีฉายาเรียกเอาเฮฮาว่าควาญครับ เนื่องจากมันมีคดีเมาเรียกช้างติดตัว  เลยปฏิเสธไม่ได้  มันเองก็ยอมรับแต่โดยดีครับ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันแต๊บหลุดเหมือนกัน

“เออ  ไม่งั้นกรูจะยืนทำซากไรตรงนี้  ไอ้เมศเมริงเดินเร็วสิวะ  ตกลงคนจะมาสอบเพิ่มคะแนนเป็นกรูหรือเมริงกันแน่วะ สาด”

“เออ  ความผิดกรูอีก”ผมบ่นเซ็งๆครับ  เย็นนี้ผมมีควิสแคลคูลัสพ่วงด้วยสอบเพิ่มคะแนน ซึ่งอาจารย์จัดพิเศษให้พวกควายน้อยอย่างผมได้ถีบตัวเองขึ้นจากตีนเขาฝั่งตะวันตก

“ก่อนทำเมริงตั้งสติดีๆล่ะ”มันพูดแบบชิลๆก่อนจะเดินเข้าห้องเชือดครับ  วันนี้คณะเรามีควิสแคลเลยแบ่งสอบสองห้อง  sec1 2ห้องหนึ่งsec 3 4 อีกห้อง  แต่ไปๆมาๆอีกห้องพรุ่งนี้ปริญญาโทจะใช้ห้องเลยเอาโต๊ะออก กลายเป็นพวกผมต้องนั่งสอบกับพื้นไป




เวลาแห่งความตึงเครียดแน่นเปรี๊ยะในอารมณ์ผ่านไปแบบช้าๆ เหมือนคอยทรมานผมให้แทบขาดใจในห้องสอบ  หมดเวลาสอบครึ่งแรก  พวกสิ่งมีชีวิตเหนือมีนก็เก็บข้าวของกลับบ้าน เหลือพวกผมชาวเขาฝั่งตะวันตกให้ยืดคอเป็นกะเหรี่ยงมองพวกมันตาละห้อย  อย่าถามนะครับว่าทำได้ไหม....มันแค้นครับที่อ่านหนังสือมาทั้งอาทิตย์แล้วออกข้อสอบเดิมแบบเปะๆแล้วยังทำไม่ได้    ผมเดินสะโหลสะเหลออกจาห้องสอบด้วยจิตล่องลอยเท้าไม่ติดพื้น  ยืนงงอยู่อึดใจนึงเห็นเพื่อนๆที่บ้านช่องไม่ยอมกลับเตะบอลกันสนุกสนานท่ามกลางสายฝนปรอยอยู่ที่ลานแคบๆระหว่างตึกAและB ที่เดียวกับที่พวกผมเคยเล่นวอลเล่ย์นั่นล่ะครับ  หนึ่งในนั้นคือไอ้รันย์ครับ  หัวมันยุ่งเหยิงจากลมพัด และจากการเตะบอล  ดึงชายเสื้อนักศึกษาสีขาวออกนอกกางเกง พับแขนเสื้อขึ้นเหนือศอก ผมนึกได้ว่าการเตะบอลในชุดนักศึกษาครั้งก่อนผมเจออะไรมาบ้าง  เอ่อ...คือผม ผมเป้าขาดครับ  ผมเลยหวังดีตะโกนบอกเพื่อนๆที่กำลังมันส์ในอารมณ์

“พวกเมริงระวังเป้าขาดนะเว้ย”พวกมันเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วสรรเสริญคุณงามความดีกันตามชอบ

“พูดแมวๆงี้ลงมาตัวๆดีฟ่า”ผมพยักหน้าทำท่าประมาณว่า อ้อ...หรอ

“เมริงอย่าหนีแล้วกัน”เพื่อนเฮผมเฮด้วยครับงานนี้  ผมเลยพละจากระเบียงข้างตึกAเตรียมจะลงไปลุยกับพวกมัน พอผมออกเดินได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา

“เมศ  เมศ...ไอ้เมศ!!!”ผมเลยต้องยื่นหน้าออกไปอีกรอบ  ไอ้รันย์เป็นคนเรียกผมครับ

“เอี้ยไรเมริง” มันเงียบอยู่อึดใจ เรียกให้สายตาคนที่อยู่แถวนั้นมองมันด้วย เพราะมันเรียกผมเสียงดังสุดๆ

“เพื่อน......กรูรักเมริงว่ะ”  เสียงโฮ่ฮาจากรอบตัวดังขึ้นแทบทันที  แหม่~เมริง อินเทรนด์นะ แสรด  หยอกกรูตลอดอ่ะ อย่าให้กรูทำมั่งนะ


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 27-11-2007 23:50:50
มาต่อแล้วเหรอจ๊ะ กาป๋อมจ๋า

นึกว่าต้องให้ตามไปทวงถึงลำปาง

 :m1: :m1: :m1: :m1:



โถๆ  ไปผ่าฟันคุดมา เจ็บแย่เลยเนอะ น่าสงสาร ๆ  o17

อย่าลืมอีกเรื่องด้วยล่ะนะ กาป๋อมจ๋า :m26:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 28-11-2007 09:42:35
ขอบคุณครับผม :m3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-11-2007 10:13:57
ทำไมเด็กมหาลัยถึงชอบกินหมูกระทะนักน่ะ  :m21:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 28-11-2007 19:32:10
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 28-11-2007 22:28:41
หมูกระทะเป็นอาหารสามัญชน ที่สามารถกินเหล้าเมายา ร่ำสุราไปกับผองเพื่อนได้ในราคาย่อมเยา  หึหึหึหึหึ
ตอนนี้อยากลองยาดอง



ปล.หนีเจ้าหนี้(พี่เเป๋ม)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: *~Kisa~* ที่ 28-11-2007 22:56:52
 :m3:

บอกรัก!!
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 29-11-2007 12:43:41
รอให้รักกันครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 29-11-2007 14:28:32
รอครับผม :a11:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 พฤศจิกายน 2550
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 08-12-2007 16:17:55

ตอนที่๔

เขาว่ากันว่า ช่วงที่เรามีความสุขเวลามักผ่านไปเร็วเสมอ แต่ในเวลาที่เรากำลังมีเรื่องทุกข์เวลาก็มักผ่านไปอย่างอืดอาดยืดยาดเสมอ  ก็นี่ครับตอนนี้ผมกำลังจะปิดเทอมแล้ว  ใจผมอยากปิดเทอมเลยโดยไม่ต้องสอบ แต่ก็นะ...มันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เลยต้องนั่งอ่านหนังสือสอบกันหัวบาน เหมือนเพลงที่พวกผมร้องตอนรับน้องเมื่อต้นเทอมไม่มีผิด  อยากไปวิดวะ อยากไปวิดวะ อยากไปวิดวะเรียนแคลหัวบาน~(จริงแล้วมีเวอร์ชั่นUncenserด้วยครับ เนื้อหาล่อแหลมเสียวโดนรีไทน์ทั้งคณะจริงๆ  เพราะซัดถึงของสูงอย่างท่านอธิการกันเลยทีเดียว) ตอนนี้ผมมีข่าวดีครับทุกคนแต่ข่าวดีอันนี้มาพร้อมข่าวร้ายที่รู้มานานแล้วว่า  ตอนนี้ผมรอดFแคลคูลัสมาหนึ่งวิชา  แต่Fอีกตัวจากฟิสิกส์นี่ยังไม่แน่ครับว่าจะอยู่หรือไป

“เมศ เมริงไปติวอังกิดกะญี่ปุ่นให้กรูหน่อย”เสียงอ้อนตรีนแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้เลยครับ  นอกจากไอ้เอี้ยรันย์ วิญญาณมันยังวนเวียนอยู่แถวนี้ล่ะครับ

“ติวเอี้ยไรครับ ไอ้คุณรันย์  ติวแล้วเป็นไง กระผมได้คะแนนน้อยกว่าคุณ แถมตกมีนไอ้วิชาที่คุณติวให้อีกตะหาก  มันคุ้มผมหรอครับ?”หน้าไอ้รันย์เริ่มเปลี่ยนเป็นหงิกเล้วครับ มันต้องอ้าปากด่าผมกลับแน่นอน

“คุ้ม กรูช่วยเมริงประหยัดค่าไฟนะเว้ย สาด”มันตอบแบบเย็นชา กะว่ามุขนี้ผมยอมมันชัวร์....เรื่องของเรื่องคือเดือนนั้นผมค่าไฟลดครับ เพราะไปนอนบ้านมันบ่อย

“ไม่คุ้มเว้ย  นอกจากเรื่องนี้แล้วเมริงไม่เคยทำเรื่องเป็นมงคลชีวิตให้กรูเลย  ดูดิสาวก็ไม่เข้าหากรูเลย เพราะมีเมริงทำบ้าทำบอ อ่า ไรไม่รู้  จนชาวบ้านเขาเลยนึกว่ากรูเป็นกิ๊กเมริงแล้วเนี่ย”

“ทำไม เป็นกิ๊กกรูมันเสียหายตรงไหน”นับตั้งแต่วันที่มันชวนผมตามสภาฯไปดูเหนังเรื่องพื่อนฯ ทำเอาผมสยอง จำได้ว่าถึงฉากสำคัญสภาฯกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่  แต่ผมนี่สิครับ  หันรีหันขวางทุรนทุรายเกือบตายคาโรงหนัง ไม่น่าบ้าจี้ตามมันไปเลย

“เสียเว้ย  เสียจริต เสียสติ  แสรด  หาเรื่องกรูจริงว่ะ”ผมเริ่มออกอาการอารมณ์เสียแล้วครับ ส่วนไอ้รันย์อารมณ์เสียนานแล้ว มันมองหน้าผมแบบเคืองจัด

“คืนนี้ถ้าเมริงไม่มาโดนตรีน”มันคาดโทษผมเสร็จมันก็จากไปครับ  ผมถึงกับสบถสรรเสริฐมันตามหลัง.....นั่นคือเหตุการณ์เมื่อหลายคืนก่อน




วันนี้ผมยังเคืองมันครับ  ไอ้รันย์จะไปไหนกะฝูงกิ๊กของมันก็ช่าง  วันนี้ผมขึ้นรถเมล์หน้าสถาบันกลับหอ หลังจากหงุดหงิด และหงิกกับการไขกญแจเข้าห้องที่ไขไม่ค่อยจะออกอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็เข้าห้องได้ ผมมองเข้าไปในห้องเบอร์409   สายตาเหลือบไปมองภายในห้องที่สภาพของมันเหมือนมี ‘พายุเกย์’ ลูกย่อมๆพัดเข้ามาสองสามลูก เพราะกระดาษทด ชีทเรียน ปลิวเกลื่อน พอคอนเวิร์ซสีเขียวเน่าๆคู่โปรดเหยียบย่างเข้าสู่บริเวณห้อง ผมก็รู้สึกเสียสมดุลจะหงายหลัง ลื่นป๊าบบบ......ผมรีบกางแขนกางขาท่าคล้ายอึ่งไชโยหาที่ยึดไม่ให้ล้มหงายหัวเลยโขกกำแพงห้องไปโป๊กใหญ่ เจ็บจี๊ดดดเลยครับ....ซวย....ซวยอะไรอย่างงี้วะ  ผมเอามือข้างหนึ่งกุมหัวแล้วคลึงๆให้หายมึน  ก่อนจะมองหาต้นเหตุของการลื่น  กระดาษใบน้อยสีขาวสะอาดตาที่บัดนี้เป็นรอยพื้นรองเท้าชัดเจนทุกเส้นดอกยาง พิมพ์หัวกระดาษชัดเจนว่า ‘ใบแจ้งหนี้’

“แสรดดดดด เดือนนี้โดนไปเท่าไหร่วะ?”ผมกวาดตามองตัวเลขที่ท้ายกระดาษอย่างเร็ว มันระบุไว้ว่าค่าไฟเดือนนี้ของผมพุ่งไม่มากไปกว่าเดือนที่แล้ว ยังคงรักษาสถิติเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

“ค่าไฟไม่ขึ้น  เพราะไอ้รันย์ป่าววะ?”ผมวางกระดาษใบน้อยไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งที่บัดนี้เป็นที่สำหรับวางของมั่วซั่วไปหมด ตั้งแต่ทวิสตี้ที่กินไม่หมดเลยมัดจุกไว้  เสื้อนักศึกษาที่หมกไว้รอกลับไปซักที่บ้าน ยาสามัญประจำบ้านและยาประจำตัวของผมที่ต้องกินกันตาย หรือแม้แต่ถุงเท้าที่ไม่รู้เหมือนกันว่าคู่ของมันอยู่ส่วนไหนของห้อง



ผมเงยหน้าขึ้นมองกระจกบานใหญ่ของโต๊ะเครื่องแป้ง  ภาพที่สะท้อนในกระจกทำให้ผมนึกว่าโดนผีหลอก เพราะภาพนั้นเป็นไอ้เมศเวอร์ชั่นซอมบี้ ตาโหลลึกดูคล้ายหมีแพนด้า หน้าเริ่มตอบซูบ นัยน์ตาดูแห้งแล้ง  ดวงหน้าที่ดูรู้ว่ามีเชื้อสายจีนที่ถูกเชื้อสายแขกของแม่กลบไว้เกือบมิด บัดนี้โทรมจนน่าตกใจ  เพราะสอบFinalแน่ๆ พรุ่งนี้สอบวิชาสุดท้าย  ฟิสิกส์ วิชาสุดท้าย ผมท่องอย่างนี้มาตั้งแต่หลังสอบแลบฟิสิกส์เสร็จ ใจจริงผมอยากแหกขี้ตาอ่านฟิสิกส์ให้มันจบๆไป  แต่ร่างกายผมไม่ไหวแล้วครับ  มันอุทธรณ์เสียงดังว่า กรูไม่ไหวแล้ว  ปวดหัว  ปวดไต ปวดตับ นอน กรูอยากนอน นอนก่อนแล้วค่อยตื่นมาอ่านต่อคงเป็นทางแก้ที่ดีที่สุดครับ


ผมปีนขึ้นเตียงนอนทั้งใส่ชุดนักศึกษาตั้งเวลาให้มือถือปลุกตอนสองทุ่มก่อนจะหมดสติ(หลับครับไม่ใช่ตาย)  แต่ยังไม่ทันจะถึงเวลาปลุกที่ตั้งไว้ผมก็ต้องตื่นเพราะเสียงเทสไมค์จากคอนเสิร์ตลูกทุ่งที่ตั้งเวทีกันแถวๆหอผม  หงุดหงิดครับงานนี้  หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในห้อง   เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องเป็นเพลงแบลควนิลายิ่งทำให้ผมประสาทเสีย

“ไอ้เมศ ฟิสิกส์ออกเรื่องไหนกี่ข้อมั่งวะ?”เสียงเปรี้ยวตรีนแบบนี้ไอ้รันย์ครับ  มันคงจงใจโทรมาเพราะเห็นว่าห้องผมไฟไม่เปิด เดาได้ว่าผมนอนอยู่ แต่จากเสียงที่ปลายสายที่ฟังดูวุ่นวายทำให้ผมพอเดาได้ว่ามันยังอยู่ที่สถาบัน

“เมริงมาถามไรกรูวะ ไอ้เอี้ย  ไปถามคนอื่นไป แสรด  กรูละเบื่อเมริงจริงๆแมร่งเรียนก็ไม่ค่อยเรียน ตั้งใจก็ไม่ตั้งใจ เศือกได้คะแนนมากกว่า….” ผมสรรเสริฐมันไปยกใหญ่ งานนี้ช่วยไม่ได้ครับมาโทรมาผิดเวลาและจังหวะเอง

“ใส่ใหญ่นะเมริง เพิ่งตื่นอ่ะดิ”

“ยังหลับอยู่ม้าง”ผมตอบมันแบบนอยด์ๆก่อนจะหยิบหนังสือฟิสิกส์เปิดดูให้มันว่าเรื่องไหนออกอะไร

“เมริงเขียนกระดาษเสร็จยัง?” กระดาษที่ว่าคือโพยที่อาจารย์อนุญาติให้ควายน้อยกรอยใจทั้งหลายเอาเข้าได้1แผ่น 

“แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ตัวเล็กชิบ อยากเอาแว่นขยายเข้าไปด้วย”เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังกลับมาตามสาย

“เอาน่า  เดี๋ยวดึกๆเมริงเดินมาบ้านกรูเอาของกรูไปดูว่าขาดเหลืออะไร”ผมอือออรับคำมันอย่างไม่จริงจังนัก แต่แอบคิดในใจว่าไม่อยากไป  กรูเครียดได้ป่ะล่ะ

“เมริงมีไรอีกมะ กรูจะได้อาบน้ำแล้วอ่านหนังสือต่อ”

“มี  หลังสอบเมริงอยากทำไร?”

“นอน”

“ไรว๊า~”ไอ้รันย์ทำเสียงเปรี้ยวตรีนอีกครั้ง

“เออ   ดูพลุก็ท่าจะดี แต่กรูอยากได้การ์ตูนมากกว่าว่ะ ตังค์ไม่มีอีกเซ็งเป็ด”

“หรอ เออ แค่นี้นะ”



ระหว่างที่ผมกำลังมีสมาธิกับการอ่านฟิสิกส์และจดสูตรต่างๆลงบนโพยขนาดA4ที่เนื้อที่เริ่มเหลือน้อยเต็มทีอย่างตั้งใจ เสียงหวอหลบภัยริงโทนโทรศัพท์มือถือเจ้ากรรมก็กรีดก้องขึ้นในความเงียบ ผมถึงกับวางดินสอแรงๆอย่างเคืองๆ ก่อนจะรับสาย คุยกับแม่อยู่สองสามนาทีก็วาง  หลังจากรวบรวมสติได้อีกครั้งก้มหน้าลงอ่านย่อหน้าต่อไป ห้องทั้งห้องกลับมืดลงฉับพลัน ตายห่า ไฟดับ!!!!!

“แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”เสียงกรีดร้องราวสัมพเวสีของผมดังลั่นหอ

“ไอ้เอี้ย  ให้กรูอ่านให้จบก่อนไม่ได้หรอวะ แมร่ง ทำกรูจนได้สาด”ผมคลำหาโทรศัพท์มือถือใช้ไฟจากมือถือนำทางไปค้นหาไฟฉายในตู้เสื้อผ้า  แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่มีคร๊าบ  ใครก็ได้ช่วยด้วย  หลังจากผมได้สติขึ้นมาบ้าง ผมรีบโทรหาไอ้รันย์เป็นคนแรกเลยครับ

“ไอ้รันย์ ทำไงดีวะ  ไฟดับว่ะ”ผมรีบบอกมันทันทีที่มันรับสาย

“ชิหาย  กรูโหลดการ์ตูนทิ้งไว้ แมร่งเป็นไรป่าววะเนี่ย”

“ไอ้คุณรันย์ครับ เมริงช่วยดูใจเพื่อนเมริงก่อนได้ไหมครับ  เพื่อนเมริงอ่านหนังสือจะไม่ทันแล้วนะเว้ย แมร่งเอี้ยเอ้ย”

“แล้วจะให้ทำไง  ถ้าไฟหอเมริงดับก็แสดงว่าไฟบ้านกรูก็ดับ  กรูไม่ได้เป็นเจ้าของการไฟฟ้านะเว้ย จะได้เนรมิตรไฟให้เมริงใช้ได้ตามใจอยากเนี่ย”เออ..จริงของมันครับ


“แล้วนี่เมริงถึงบ้านยัง?”

“ถามทำไมวะ?”

“อ่าว เมริงนิ  กรูไม่ถามก็ได้วะสาด”

“เออๆ เมริงอย่าเพิ่งออกจากห้องล่ะ เดี๋ยวตกกระไดตายห่าไปกรูขี้เกียจบอกป๊ากะแม่เมริงนะ”ไอ้รันย์ทิ้งท้ายก่อนจะตัดสาย  ทิ้งให้ผมงุ่นง่านหงุดหงิดอยุ่คนเดียวในความมืด



ปัง ปังปังปัง!!!


เสียงระเบิดถี่ๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืนก่อนแสงสีต่างๆจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า  ผมรีบพุ่งตัวไปที่ระเบียงห้อง แล้วชะโงกสุดตัวเพื่อจะได้ดูต้นเหตุของเสียงระเบิดนั้น  ผลุแบบต่างๆถูกยิงขึ้นฟ้าอย่างต่อเนื่อง  ผมแหงนหน้ามองผลุสีสวยที่กำลังแตก  ความหงุดหงิดและความเครียดค่อยละลายตัวหายไปอย่างช้าๆ เสียงเพลงเจ้าชู้ไม่รู้ตัวของแบลควนิลาริงโทนที่ผมตั้งให้ไอ้รันย์ตามที่มันเรียกร้องดังขึ้น

“ได้ดูแล้วเมริง พลุ”

“เมริงลงทุนไปแล้ว”ผมบอกมันยิ้มๆ

“ลงทุนไร?”

“ก็พลุ”

“หึหึ  อือ  กรูก็คงลงทุนแหล่ะ ถ้ากรูเป็นคนจัดคอนเสิร์ตลูกทุ่ง”ผมถึงกับร้องอ้าว...

“กรูเพิ่งจะถึงบ้าน  ล็อครถเสร็จได้ยินเสียงพลุก็โทรหาเมริงเนี่ย”

“หรอ มีคอนเสิร์ตก็ดีนะเว้ยกรูว่า”

“เออ  หายเคืองกรูแล้วหรอ?”เสียงถามแบบล้อๆทำผมชักนึกได้ว่าเคืองมันอยู่

“ช่างกรูเหอะกรูมันควายน้อยกรอยใจในวัยทอง”ผมมองเข้าไปในบริเวณบ้านมันทั้งที่มืดสนิท เห็นเงาตะคุ่มๆที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่หน้าประตูพร้อมกับแสงไฟจากมือถือที่แนบหู  ผมแอบยิ้มอยู่คนเดียว

“ยิ้มไรเมริง ไม่เคยเห็นคนไขกุญแจบ้านไงวะ”

“เห็นได้ไงวะ”ผมพึมพำ

“กรูเดา เอี้ยเอ๊ย~ แมร่งเมริงจะเป็นกุญแจทำเอี้ยไร ไขแมร่งไม่เคยจะออก”ผมหัวเราะ  พลางบอกมันให้ใจเย็น

“ห้องเมริงมีไฟฉายหรือเปล่า?”

“ไม่มีว่ะ กรูว่าจะลงไปซื้อเทียน”

“เดินมาเอาบ้านกรูนี่”

“ไหนเมริงบอกไม่กรูออกจากห้อง เดี๋ยวตกกระไดตายห่าไง”

“เออ  เดี๋ยวกรูเอาไปให้” เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมรีบพละจากระเบียง ไปหน้าประตู ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ไอ้รันย์  แล้วเป็นใครวะ ผมปลดกลอนประตูออก พลางคิดไปว่าอาจจะเป็นพี่ติ๋มคนดูแลหอ แต่ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยขึ้นมาเคาะ  หรือว่าจะเป็น!!! ที่เพิ่งออกข่าวไป ไอ้หื่นที่มาเคาะห้องตามหอพัก พอเจ้าของห้องเปิด ก็เข้ามาข่มขืนแล้วปล้น  หรือว่าฆ่าวะ.....ทำไงดีวะ

“ไอ้รันย์เมริงยังไม่วางใช่มะ  ใครไม่รู้เคาะห้องกรูว่ะ”

“แล้วไง”ดูมันสิครับ  ห่วงสวัสดิภาพเพื่อนเมริงหน่อยได้ป่ะล่ะ  เมริงนี่ร๊ากกกกกกกกรูเชีย~

“งั้น...งั้นกรูเปิดละนะ”ผมบิดลูกบิดประตูจนได้ยินเสียงล็อคเด้งก่อนจะดึงประตูเข้าหาตัว ทันใดนั้นประตูเด้งกลับพร้อมกับเสียง ดังผลั่ก!!

“เฮ้ย!!!”

“ลืมปลดโซ่แน่ะไอ้เมศ  อ่านหนังสือหนักจนเขาเสียสมดุลเลยนะเมริง”โม ญ เพื่อนข้างห้องยื่นกีบเท้าหน้าเข้ามาทำท่าจัดเขาบนหัวผมให้ตรง  ทำให้ผมนึกได้ครับว่านอกจากกลอนประตู ล๊อคที่ลูกบิด ยังมีโซ่อีกอัน  ผมได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้รันย์จากโทรศัพท์

“ไม่ต้องหัวเราะเลยเมริง   โมมีไรป่ะมาเคาะห้อง?”

“จะมาพึ่งใบบุญขอยืมไฟฉาย ไม่ก็เทียน”

“ไม่มีว่ะ  รอไอ้รันย์เอามาให้เนี่ย”

“ดีเน๊อะ คนมีแบ๊คอัพเนี่ย”ผมถึงกับกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก แบ๊คอัพของผมมันจะใครล่ะครับถ้าไม่ใช่ไอ้รันย์

“ไอ้โมปากเมริงนิ”

“ทำไม  พูดให้ดีๆนะเว้ย ไม่งั้นเดี๋ยวให้ไอ้รันย์ตบปากด้วยปาก” เอาอีกแล้วครับ แผ่รังษีเหนือม่วงกันอีกแล้ว  ผมได้ยินเสียงหัวเราะหึหึหึมาจากโทรศัพท์....พวกเมริงนี่ ขยันแกล้งกรูกันจัง




ผมเงยหน้าขึ้นจากข้อสอบเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเองชี้ว่าอีกไม่กี่วินาทีเวลาในการสอบวิชาสุดท้ายนี้กำลังจะหมดลง  รอบข้างเพื่อนๆผมลุกออกไปแล้วเกือบหมด  รวมถึงรันย์ด้วย  ผมตรวจเช็คว่าเขียนชื่อและรหัสนักศึกษาครบทุกหน้าแล้ว อย่าถามผมเลยครับว่าทำได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นคำถามที่เจ็บปวดมาก  เอาเป็นว่าผมพอจะเอาเขาไถได้บ้างแต่ไม่ได้ก็เยอะแล้วกันครับ อาจารย์ผู้ได้ฉายาจากเพื่อนผมว่าเจ้าป่าให้ทุกคนวางปากกา ตลอดภาคการศึกษาผมประทับใจอาจารย์มากครับ  ตั้งแต่วันแรกที่อาจารย์ท่านเข้าสอนผมก็โดนวิดพื้นไปหลายสิบ วิชาแคลคูลัสและแลบฟิสิกส์จึงเป็นวิชาที่ช่วยให้หุ่นของนศ.ฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นโดยไม่ต้องใช้แอ๊บโดมิไนซ์ส้วมแต่อย่างใด ผมเดินออกจากห้องสอบอย่างสงบวันนี้นอกจากสอบแล้ว มีประชุมคณะแล้วประชุมค่ายต่อ หลังจากนั้นไปประกาศอิสรภาพ 


“ลองขับดูไหม?”อยู่ๆไอ้รันย์ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมีกลองมีแตร ขณะที่พวกเรากำลังประชุมค่าย

“ขับไร?”

“รถสิวะ โง่หรือเซ่อร์”ไอ้รันย์จิกกัดแล้วยิ้มที่มุมปาก มันคงเป็นยิ้มที่ดูดีมากสำหรับคนอื่น  แต่สำหรับผมมันเปรี้ยวครับ  เปรี้ยวตรีน

“กรูจะไปรู้เมริงหรอ?”

“ครับๆ  ว่าไงจะขับไหม?เรียนยานยนต์ขับรถไม่เป็นอายเขาตายเลย”ผมมองหน้ามัน อยากเอาหัวโขกมันจริงๆแมร่งทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย

“ไม่เอา กรูไปหัดขับเองที่บ้านก็ได้”

“ถ้างั้น เดี๋ยวไปส่งบ้าน”ผมหันไปมองหน้ามันอีกรอบ ไม่ค่อยอยากให้มันไปส่งหรอกครับ  เกรงใจ  นั่งรถมันแทบทุกวัน แต่ไม่เคยได้ออกค่าน้ำมันเลย

“ไม่ต้อง กรูกลับเองได้”

“เดี๋ยวไปร้องเกะต่อ กว่าจะร้องเสร็จก็ค่ำแล้ว กรูไปส่งดีกว่า”

“ไม่เอา”

“เอาหน่อยน่า กรูจะไปนอนค้างบ้านโน้นด้วย”บ้านโน้นของมันเป็นบ้านอีกหลังที่อยู่ย่านถนนเฟื่องนคร คนรวยก็ดีอย่างนี้ล่ะครับ มีหลายบ้าน

“วันจันทร์ต้องไปหาซื้อโมเดลมาทำโปรเจคด้วย  อย่าลืมบอกไอ้เสียดนะ9ครึ่ง  สายโดนตบกะโหลก”ผมกำลังจะค้านมันเรื่องโปรเจคพอดีกับที่อาจารย์ร่างท้วมพูดขึ้น

“นักศึกษาที่ลงชื่อเป็นสต๊าฟค่ายเพาะกล้าซากุระ เราจะแบ่งหน้าที่กันไปทำ ผมต้องการอาสาสมัครเป็นพี่เลี้ยงชายหญิงอย่างละ10คน”เสียงถกเถียงกันเซ็งแซ่ทำให้ผมได้ยินเสียงคุ้นๆ

“แก ฉันว่าเป็นพี่เลี้ยงดีกว่าว่ะ  เพราะถ้าทำหน้าที่อื่นบางทีอาจจะไม่ว่างเลยก็ได้นะเว้ย”เสียงโม ญ ถกเถียงกับก๊วนสภาฯทำให้ผมรีบหันกลับมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ว่าไงเมศ เป็นสต๊าฟพี่เลี้ยงชายหน่อยมะ”เจ๊ออมถามยิ้มๆ  ยิ้มแบบมีเลศนัยด้วยสิครับทุกคน

“เดี๋ยวตอนกลางคืนสภาฯจะได้.....”เสียงหัวเราะคิกคักทำผมชักสยอง

“คิดอะไรกันเนี่ยพวกเจ๊”

“ร้อนตัวๆ พวกชั้นยังไม่พูดอะไรเลย”เสียงไอ้รันย์หัวเราะหึหึอยู่ข้างหู

“หัวเราะเอี้ยไร”

“เปล่า”

“เฮ้ยเป็นพี่เลี้ยงเหอะ อย่างน้อยถ้าโปรเจคไม่เสร็จยังปั่นตอนเด็กมันนอนได้”เสียงเออออ ทำให้ผมเริ่มคล้อยตาม  เป็นก็เป็นวะ....ผมยกมือขึ้นรับอาสาเป็นสต๊าฟ เช่นเดียวกับรันย์

“ไปจับฉลากเลือกคู่ใครได้หมายเลขตรงกันให้คุมน้องกลุ่มนั้น ในกลุ่มพี่เลี้ยงมีคนไหนเป็นแฟนกันหรือเปล่าครับ?”อาจารย์ผู้ดูแลเหล่าพี่เลี้ยง(จำเป็น)ถามขึ้น  เอาอีกแล้วครับสภาฯขำกิ๊กอีกแล้ว

“ ค่ายคราวนี้เราไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่เหมาะสมขึ้นเลยนะครับ”

“มีแต่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน นับด้วยเปล่าครับอาจารย์” เสียงเพื่อนขำไอ้รันย์กันใหญ่

“ไอ้เมศระวังนะเมริง นอนค่าย  เดี๋ยวเสียตรูดไม่รู้ตัว หึหึหึ”เอากับสภาฯสิครับ  เดี๋ยวนี้อิทธิพลมืดครอบงำไปทั้งม.แล้ว และผมคงตกเป็นเหยื่อรายต้นๆของสภาฯ    ผมทำตาปะหลับปะเหลือกใส่ทุกคนที่ขวางหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปจับฉลากที่พับเป็นชิ้นกระดาษเล็กๆ มาคลี่ออกดู เห็นเลข8อยู่หรา

“ใครเบอร์8วะ เลขสวยคนต้องสวยๆนะเว้ย”ผมลุกขึ้นเดินตามหาหมายเลข8ฝ่ายหญิงที่จะต้องเป็นพี่เลี้ยงคู่กับผม 

“เราเอง”เสียงคุ้นแต่ไม่เสนาะหูทำผมเซ็งสาด มันคงดีหรอกครับถ้าคู่จะเป็นสาวสวย น่ารัก แถมนี่มันคนของสภาฯ! นี่ผมจะไม่พ้นจากบ่วงกรรมเลยหรือนี่

“โม ญเร๊อะ”

“อือ ยินดี๊ยินดีที่ได้คู่เมริงว่ะเมศ  ค่ายนี้ เราพูดได้คำเดียว เมริงจะเกิด  หึหึหึ” สวรรค์ช่างลำเอียง(เมื่อไหร่จะรำตรงละครับ) ผมมองหาไอ้รันย์ที่เดินไปหาคู่ของมันบ้าง  คู่ของมันเป็นดาวคณะIT แหม สมกันราวตะกร้อครอบปากหมากับยากำจัดเห็บ 





ผมเร่งฝีเท้าขึ้นอีกหลังจากเสียงริงโทนเพลงเจ้าชู้ไม่รู้ตัวดังขึ้นเป็นรอบที่ล้านกว่าๆแล้วสำหรับเช้านี้   ผ่านผู้คนมากมายในย่านค้าขายเสื้อผ้าทั้งไทยจีนฝรั่งแขกไปอย่างเร่งร้อน  ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวข้ามถนนแบบไม่กลัวรถเหยียบ  พอผมเดินไปถึงจุดนัดหมาย  ก็เห็นหน้าไอ้คุณรันย์ที่ตอนนี้เหมือนมีรอยบาทาประดับอยู่เต็มหน้า  มันหล่อเฟี้ยวมากกับเสื้อยืดลายหมีถืออีโต้และกางเกงยีนส์สีซีด สภาพมันหล่อเซอร์ๆ ต้องขอขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจมันให้โกนหนวดครับ  มันทำให้หน้าไอ้รันย์ดูอ่อนลงมาก

“ช้านะเมริง”

“โทษว่ะ ตื่นสาย” ผมก้มหน้าก้มตาละล้ำละลักบอกมันสังเกตเห็นว่า ไอ้เสียดมาในลุ๊คตี๋เยาวราชเลยครับ คอกลมกางเกงขาสั้น

“ขนาดกรูโทรปลุกนะยังสาย  ถ้าไม่โทรพวกกรูคงต้องเรียกปอเต๊กตึ๊งมารับเมริงมาจากบ้านแล้ว”ขอบคุณครับไอ้คุณเสียดที่สั่งสอน

“ไม่ตั้งใจเว้ย  ขอโทษ”

“ป่ะ”ไอ้รันย์ตบไหล่ผมก่อนจะพากันข้ามถนนใหญ่ที่มีรถมากและวิ่งกันน่ากลัวชวนเสียวไส้

“กรูเดินมาดูแล้ว  เจอโมเดลเครื่องบินแบบโดยสารกับแบบเครื่องบินรบ พวกเครื่องบินโดยสารชิ้นงานคงน้อย ไม่น่าจะพอยี่สิบชิ้น แต่ถ้าเครื่องบินรบล่ะไม่แน่”

“เครื่องบินรบจะทำยากหรือเปล่าเมริง”โปรเจคที่พวกผมได้รับมอบหมายคือการเขียนแบบวัตถุอะไรก็ตามแต่จะเลือกให้ออกมาเป็นภาพสามมิติโดยใช้โปรแกรมเขียนแบบ พวกผมเลยตัดสินใจเลือกทำเครื่องบินแบบไม่ได้สำเนียกถึงผีมืออันน้อยนิดของตัวเองกันเลย

“ไม่รู้ว่ะ ของงี้ต้องลอง”ไอ้รันย์พูดพลางนำทางพวกผมเข้าไปในย่านดังสำหรับอบายมุขประเภทเกมส์การ์ตูนอย่างเชี่ยวชาญ  สมแล้วกับที่เป็นถิ่นเก่ามันครับ

“อ้าวรันย์ หายไปตั้งนาน ไม่มาให้เห็นหน้ากันเลยนะจ๊ะ”เสียงอ่อนเสียงหวานจากแม่ค้าแม่ขายวัยยังสาว(แต่เริ่มน้อย)ดึงความสนใจของพวกเราไปที่ร้านขายโมเดลของเธอ 

“ก็ผมเรียนไกลนี่ครับพี่”

“คนแถวนี้เขาบ่นอยากเห็นหน้ากันมาหลายเดือน”น่าน....มียักคิ้วหลิ่วตาให้กันเล็กน้อย

“เป็นไงมั่งครับพี่  ขายดีไหม?”

“รายได้ก็พอชื่นใจบ้างล่ะจ๊า  ปิดเทอมแล้วหรอ?” รันย์รับคำสั้นๆ แต่ยิ้มพรายกว้างขวาง  โปรยจริงนะเมริงเสน่ห์ เนี่ย  ไม่เห็นใครจะตกหลุมตกร่องกับเมริงเลย  ...เอ่อ...อย่างน้อยก็กรูคนนึงละว๊ะผมมั่นใจว่าอย่างงั้นนะ(?)

“แล้วนี่มองหาอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าจ๊ะ?”

“ครับ ผมหาโมเดลเครื่องบินอยู่  แต่ไม่แน่ใจว่าจะหาได้หรือเปล่า”เจ๊เจ้าของร้านออกแนวเก็บอาการไม่อยู่ อยากเป็นพลเมืองดีช่วยเหลือขึ้นมาทันที

“อู๊ยยยยยย  ร้านพี่มีทุกอย่าง  อยากได้แบบไหนล่ะ”

“แบบไหนไอ้เมศ  ไอ้เสียด?”ชิ ทีกับผู้หญิงทำเสียงอ่อนเสียงหวาน  ทีกะเพื่อนมันนี่ แทบจะแด๊กซ์หัว

“แบบปีกสองชั้นก็ท่าจะดี”เสียดออกความเห็น ของมันบ้าง  หลังจากลุ่มหลงไปกับอบายมุขฟิกเกอร์สาวน้อย  ไอ้นี่อีกตัวดำรงชีวิตแบบขาดสติ

“พี่มีจ๊ะ”เจ้าของร้านสาวใหญ่รีบกระวีกระวาดหยิบกล่องโมเดลที่ซ้อนๆกันออกมาแบบไม่กลัวเหนื่อยที่ต้องรื้อของออกมามากมายให้พวกผมเลือก  หลังจากเราตัดสินใจได้แล้วถึงได้ต่อรองราคา

“ลดอีกได้ไหมครับ?”ไอ้รันย์ทำเสียงสุขุมนุ่นลึกขึ้นมาทันที

“ว๊าย นี้ก็ขาดทุนแล้วนะคะ”แหมเจ๊ เรื่องเงินเรื่องทองนี่ทำเป็นไม่ได้ขึ้นมาเลยนะ

“ลดอีกหน่อยนะครับ  นะๆๆ”เอากับมันสิครับทำเสียงอ้อนตรีนอีกแล้ว  ไม้ตายขึ้นเด็ดขาดสยบทุกตลาดร้านแม่ค้า...พ่อค้าด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ

“เอา  พี่ลดให้อีก40”สำเร็จอย่างสวยงามกับลูกอ้อนตรีน  ตอนแรกลดมาหกสิบ เพิ่มไปอีกสี่สิบก็ร้อยล่ะครับ  ถ้าเจ๊ไม่ขาดทุนวันนี้ก็ไม่รู้จะขาดทุนวันไหนแล้ว

“ขอบคุณมากครับ  ขอให้ขายดีนะครับ”ไอ้รันย์รับของกลับมาแบบร่าเริงสุดๆ  ก่อนจะสะบัดตรูดเดินออกจากร้านอย่างสบายใจ



เห็นความน่ากลัวของมันหรือยังครับ  ไอ้รันย์มันมีหน้าตาเป็นอาวุธจริงๆต่อให้มันสิ้นคิดขนาดไหน หนังหน้ามันคือใบเบิกทางของแท้และแน่นอน



หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 08-12-2007 20:03:01
 :a1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 08-12-2007 20:58:19
เหอะๆ...

สนุกดีงับ...

เป็นกำลังใจให้นะครับ

 :o8:   :o8:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-12-2007 23:21:46
อิอิ............นอกจากหล่อแล้วยังต่อราคาเก่งอีก ขอไปไว้ที่บ้านสักตัว...........เอ้ยคน......สิ............อิอิ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 15-12-2007 13:56:10
บทที่๕


ปิดเทอม  สวรรค์ในวัยเรียนของใครหลายๆคน  แต่สำหรับพวกผมแล้ว มันคือนรกแบบเชือดนิ่มๆ  ในขณะที่เพื่อนๆของผมที่เรียนคณะอื่นไปเที่ยวกันสนุกสนาน พวกผมโหมโปรเจคกันอยู่ที่บ้านแทนจนแทบจะเป็นมนุษย์ค้างคาว  แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะผมนี่แหละครับที่ทำตัวเองให้เป็นมนุษย์ค้างคาว คือ นอนตอนกลางวัน แล้วตื่นตอนกลางคืน จนคุณหญิงแม่ที่เคารพบอกว่า  หมาเฝ้าบ้านที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเห็นจะไม่พ้นผมเอง เยี่ยมไหมล่ะคุณหญิงแม่  ขณะนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว  ผมยังคงตั้งป้อมทำงานอยู่ที่โต๊ะไม้กลมกลางบ้านที่เคยใช้สำหรับกินข้าวหน้าโทรทัศน์  โคมไฟสีเหลืองที่ดูเสียสมดุลน้อยๆเนื่องจากตัวไฟเอนมาด้านหน้าจนผมเองหัวโขกไปก็หลายรอบต้องให้แสงสว่างกันการวัดโมเดลชิ้นเล็กขนาดเสี้ยวมิลลิเมตร

“จะเล็กไปถึงไหนเนี่ย” ผมบ่นพลางใช้ไม้บรรทัดวัดขนาดโมเดลเจ้ากรรมที่อุตส่าห์หอบสังขารไปซื้อกันมา ความซวยตกเป็นของผมตอนที่แจกงานกันทำ  อุตส่าห์เป็นคนทำฉลาก เขียนเองพับเอกกับมือ  ดันมือดีจับได้ส่วนที่ต้องทำชิ้นเล็กมากๆ จนเวลาเขียนแบบลงในโปรแกรมคาเตี่ยต้องซูมแล้วซูมอีก(ชื่อเต็มคือ ตายคาตรีนเตี่ย เนื่องจากเตี่ยตื่นมาตอนตี3ทีไรเห็นผมนั่งเขียนแบบ จนถูกเตี่ยเหยียบเนื่องจากไม่ยอมหลับยอมนอนนี่ล่ะครับ)

‘ดื่อดื้อดึ้ง~’เสียงโปรแกรมสื่อสารเรียกร้องหลายๆครั้งติดต่อกันทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นจากแบบที่กำลังวัด

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ say: เมศ  ยังมีชีวิตอยู่มะ

ตี๋เยาวราช say: พาร์ทB12วัดความยาวได้เท่าไหร่วะ?

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ชื่อเมริงไอ้รันย์ = =๐ไม่ค่อยเลยนะ

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง  อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: แน่นอนว่ะ กรูยอมรับสภาพจริงของตัวเองเสมอ

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:คุยไรกันวะ วัดแบบอยู่ (กรูยังไม่ตาย)

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง  อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: ไอ้เมศ ส่งพาร์ทที่เมริงทำต่อกับของกรูมาดิ๊

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:ชิ้นไหนวะ?

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ต้องทำโฟโต้สตูดิโออีกว้อย จะรอดไม๊วะ?

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง  อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: อ่านลืมประชุมค่ายนะเว้ย  วันพุธนี้

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:เหอๆ  ไม่อยากประชุมเว้ย  เห็นหน้าคู่พี่เลี้ยงแล้ว เสื่อม...

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ใครวะ?

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:บอกแล้วมีขำ

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:โม ญ

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง  อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: หึหึหึหึ

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: กร๊ากกกกกกกกกก

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: พวกเมริงทำบุญมาด้วยอะไร  เจอกันเองตลอด

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:กรูก็ไม่รู้เว้ย กรูว่ากรูกรวดน้ำคว่ำขันกะมันไปแล้วนะเว้ย แต่จับฉลากได้มันเนี่ย  กรูจะบ้า  ชักไม่อยากจะไปและ  ค่ายเนี่ย


และแล้วค่ายก็มาถึง ตามนัดหมายของเหล่าสต๊าฟค่าย ให้ไปรวมพลกันที่สถาบันก่อนเวลา8โมงเช้า แต่ผมสามารถกว่านั้น  อาจารย์นัด8 ผมตื่น7โมง45ครับเมื่อคืนมัวแต่ทำโปรเจคเลยนอนดึกเลยนอนเพลินไปหน่อย ไม่รู้ว่าด้วยอะไรดลใจไอ้รันย์ให้มันไปก่อนโดยไม่โทรปลุกผม ไม่ขึ้นมาเคาะห้องเรียก ทำให้ผมต้องหัวกระเซิงด้วยการแบกเป้ใบใหญ่วิ่งกระหือกระหอบมา พอผมมาถึงชาวบ้านเขาก็ลงทะเบียนกันไปหมดแล้ว ผมจึงได้แต่เซนต์ชื่อลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมด้วยมือสั่นเพราะแรงหอบก่อนจะใส่เกียร์หมาวิ่งขึ้นไปเก็บกระเป๋าที่ชั้นสองแบบไม่คิดชีวิต

“ไอ้เอี้ย!ไมไม่โทรปลุกกรูวะ”คำทักทายอันเป็นมงคลชีวิตพลั่งพรูจากปากผมใส่ไอ้รันย์ทันทีที่เห็นหน้ามัน  ต่อหน้าธารกำนัล สต๊าฟค่าย และน้องค่ายที่เริ่มทยอยกันมา

“ก็เมื่อคืนเมริงบอกว่าจะตื่นเองไม่ใช่หรอ” มันทำตาปรือใส่ผมครับ แต่สังเกตหน้ามันแล้ว  ดูใสปิ๊งปั๊งเปร่งปลั่งเหมือนใช้การ์นิเย่วไม่มีผิด

“หน้าใสเชียวมึง เข้าคอสเจ้าสาวมาหรือไง?”ผมถามมันแบบพาซื่อครับ เพราะผมเซอร์โทรมเป็นศพ  แต่มันกลับดูออร่าจับมาก

“ป่าว  ก็เมื่อคืนฝันดี”

“ฝันถึงไอ้เมศมันน่ะสิแก”มาแล้วครับเงาทะมึนของรังสีเหนือม่วง มันเริ่มครอบงำเป็นบริเวณกว้าง จะใครละครับ  มันก็โม ญ นั่นแหล่ะ

“โน่นสีฟ้าน้องเมริง ยืนจีบกันอยู่ได้”นั่น...โดนมันจิกกัดอีกตะหาก เราแบ่งการดูแลน้องค่ายออกเป็นสีครับ  สิบกลุ่มสิบสีให้พอชวนหัวงวยงง

“เมริงสีไรวะ?”

“สีติดกะเมริงอ่ะ”แหม มันเข้าใจตอบครับ

“ขอบใจพ่อเมริงมาก จะรู้ไม๊ว่าสีเอี้ยอะไร”ผมส่ายหน้าระอาใจแล้วตีตัวออกห่างไปสบตากับน้องหัวเกรียนคนหนึ่งจากป้ายประจำตัวน้องระบุว่าเป็นเด็กผมแต่ต้องถามให้แน่ใจก่อนครับ

“สีอะไรครับน้อง?”ผม ‘เงย’หน้าถามน้อง หน้าขาวๆกับหัวเกรียนๆที่จงอยผมด้านหน้าเริ่มยาวดูและระคายตาถ้ามันเป็นน้องผม อย่าเผลอนะเมริง..กรูจะตัดให้เหี้ยน  หึหึหึ

“ฟ้าครับ”

“เขียนชื่อแล้วเอาป้ายผูกหูกระเป๋าน้องไว้นะครับ  พี่ขอตรวจกระเป๋าด้วยนะ”มันรับคำสั้นๆ  ผมนั่งยองๆข้างมัน เปิดกระเป๋าคุ้ยๆดูของข้างในตามหน้าที่ เผื่อว่าน้องๆจะพกของอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรเข้ามาในค่าย  สักพักผมรู้สึกได้ว่าไอ้น้องคนนี้มันจ้องหน้าผมจัง ผิดวิสัยเด็กที่มักจะไม่ค่อยอยากสบตาใครถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

“มีอะไรหรือเปล่าครับน้อง?”

“พี่ ชื่ออะไรครับ”

“อ่อ พี่ชื่อเมศครับ แล้วน้องอ่ะ”

“กรีนครับ”แหมชื่อมันอินเตอร์ครับฟังแล้วตอเหลแสลงหู ผมมันคนชื่อไทยแท้แต่กำเนิด

“อ้อ....น้องเขียว”


กิจกรรมค่ายเริ่มขึ้นเล้วหลังจากอธิการบดีได้กล่าวเปิดค่ายอย่างเป็นทางการ และอาจารย์ออกมาชี้แจงรายละเอียดค่ายโดยรวม  หลังจากนั้นก็ ได้เวลาสนุกแล้วสิ เสียงกลองรัวจังหวะโป๊ะๆ แบบไม่เกรงใจบ้านหลังเล็กหลังน้อยที่อยู่หลังสถาบันจะด่า เริ่มแรกด้วยการละลายพฤติกรรมน้องพี่ ให้รู้จักกลมเกลียวกันด้วยการวิ่งไปทั่วสถาบันเพื่อหาบัตรประจำตัวของเพื่อนด้วยภาษาใบ้  หลังจากนั้นก็กลับมารวมกันที่ลานกิจกรรมอีกครั้ง เพื่อล้อมวงเล่นกิจกรรมร้องเล่นเต้นรำกันให้ครื้นเครง  มีบ้างที่น้องบางคนจะได้รับความเมตตาแบบล๊อคเลขหวยผีจากพี่ๆ หนึ่งในนั้นเป็นน้องที่ผมภูมิใจนำเสนอครับ ไอ้เขียว.....

“ไอ้เขียวโดนอีกแล้วว่ะ”ผมพูดอย่างขำๆกับคู่พี่เลี้ยงของผมขณะเห็นน้องกลุ่มกำลังทำท่าตามพี่ๆฝ่ายสรรฯ  เป็นท่าที่ผมลงความเห็นแบบฟันธงว่าอุจาดตาดีแท้  แต่ไอ้เขียวมันก็ทำแบบหน้าชื่นตาบาน

“เออ  แมร่งเปรี้ยวตรีน  ต้องให้มันโดนอีก หึหึหึหึ”โม ญ หัวเราะขึ้นจมูกสะใจครับ

“โปรเจคแกจะเสร็จยังวะ?”ผมหันไปมองหน้าโม ญ แบบเซ็งในอารมณ์

“ยัง ถามทำไมตอนนี้วะ เสียอารมณ์หมด”

“ก็ถามไว้เผื่อแกจะขึ้นไปทำต่อให้เสร็จ จะถึงเดทไลน์แล้วนะเมริง”

“เมื่อคืนเรนเดอร์แล้ว แค่เอามาให้ในกลุ่มดูว่าโอเคไหมก็เสร็จแล้ว แล้วของแกอ่ะ”

“เกือบแล้ว”ผมหันกลับไปที่กิจกรรมอีกครั้ง  ไอ้เขียวกำลังแด๊นซ์อย่างเมามันส์ตามที่พี่ฝ่ายสรรฯสั่งอย่างรู้งาน  หน้าตามันก็ดีนะครับ แต่ท่าเต้นบัดซบ เลยทำให้ดูบัดซบแบบเหมารวม  ท่าชูศรีดูมันจะชอบมาก

“ไอ้เขียวนี่คนที่ชื่อเป็นญี่ปุ่นป่ะ”น้องในกลุ่มผมมีชื่อญี่ปุ่นถึงสองคนด้วยกัน

“เออ  ยูทากะ อภิวัฒน์ เซรัน  น้องผู้หญิงอีกคนชื่อฮานะ”

“คนที่เรียบร้อยๆ ใช่มะ”โม ญ หนักหน้าเรียบๆ ก่อนมันทำหน้าตื่นๆแล้วลุกขึ้นยืนเหมือนโดนเหยียบหาง

“กุไปส้วมก่อนนะ”มันว่าแล้วรีบเดินจากไปทันที

“น้องสีอะไรครับ?”เสียงพิธีกรหน้าตาเหมือนหมาปั๊กถามไอ้เขียว

“สีฟ้าครับ”

“งั้นเชิญพี่มันออกมาหน่อยครับ  พี่เลี้ยงสีฟ้าอยู่ไหนครับ”เอาแล้วไงกรู....  ผมนั่งหน้าเหรอหราอย่างงงๆ ท่ามกลางเสียงขับไล่ไสส่งให้ผมออกไป ผมหันไปมองหน้าไอ้รันย์ทีนึง

“ไปดิ๊ เขาเรียกเมริงแหนะ”

“เชิญพี่เมศกลางวงเลยคร๊าบบบบ”ผมเดินเข้ากลางวงขนาดใหญ่กินพื้นที่ลานระหว่างตึกทั้งหมดอย่างงงๆ

“พี่เมศรู้ไหมครับว่า น้องพี่มันเกรียน”พิธีก่อนหน้าหมาปั๊กส่งไมค์มาให้

“เอ่อ...ครับ”เสียงน้องๆขำกับความเอ๋อสมองไหลของผม

“พี่เมศบอกเขาไปสิครับว่าน้องพี่มันหล่อ”ไอ้เขียวมันกระซิบข้างหูแต่ดังพอจะได้ยินกันไปครึ่งสนาม พลางสะกิดยิกๆ

“ในเมื่อน้องมันเกรียน พี่มันต้องโดนด้วย  เอ้า  มิววววววววสิค!!!!”ฉิบหายแล้วกรู  


เสียงกลองรัวจังหวะไปพร้อมกับทำนองเพลงพลิ้ว เพลงที่เกือบจะเป็นเพลงประจำคณะIT มันให้เต้น ผมก็ต้องเต้นครับ โดดหน้าโดดหลังไปกับไอ้น้องเขียว  พลางคิดในใจ เออ...คนที่พลิ้วสุดคงไม่ใช่กรู ฮาๆฮือๆ ไอ้โม ญ จำไว้นะเอ็ง  เสียงเพื่อนปรบมืออย่างถูกใจหลังจากเพลงจบทำให้ผมโล่งใจว่าจะหมดเคราะห์หมดโศกกับการเต้นไปได้เสียที แต่ก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง  พวกมันไม่ยอมให้ผมกับไอ้น้องเขียวกลับเข้าที่นั่งครับ ด้วยข้อหาว่าพี่มันเต้นไม่โดนใจคณะกรรมการ

“เฮ้ย ไม่เอาแล้วเมริง”ผมประท้วง

“พี่เต้นสู้น้องไม่ได้ อย่างนี้ไม่ผ่าน”เสียงเฮจากขอบสนามอันเป็นที่พำนักของเหล่าสต๊าฟดังกว่าจากในวงหลายเท่า เล่นพวกกันนี่หว่าพวกเมิง

“เซี่ยงจี้จะไหลออกทางปากแล้วเว้ย มาเต้นเองมา” ผมยังดิ้นรน

“ไม่ได้ๆ  ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน”เสียงหัวเราะสะใจดังมาจากไอ้รันย์เลยครับ  ขำน้ำหูน้ำตาไหลเชียวนะเมริง

“งั้นขอตัวช่วย”ผมยกมือขึ้นยื่นขอเสนอประหนึ่งเล่นเกมส์โชว์

“จัดไป”

“เมิงมานี่”ผมย่างสามขุมไปหากลุ่มสต๊าฟค่ายAEที่นั่งเกาะกลุ่มกัน  เท่านั้นแหล่ะครับ เหมือนแมงสาบรังแตกไม่มีผิด  วงแตกลุกฮือกันขึ้นมาทันที  แต่เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว  ไอ้รันย์กรูโดนเมิงต้องโดน!!

‘หมับ’

“วู้ว~จับมือถือแขนว้อย  เอาแล้วไงเมริง”เสียงเห่าเสียงหอนจากต้นเสียงที่ไม่ต้องบอกว่ากลุ่มไหน (จะกลุ่มไหนถ้าไม่ใช่สภาฯ)ทำให้เกิดเสียงเป่าปากโห่ฮาตามมา  ผมลากไอ้หมีควายรันย์มาได้สำเร็จ

“น้องๆครับ ตอนนี้ขึ้นป้ายเรทต่ำกว่า๑๓ควรมีผู้ปกครองแนะนำแล้วนะครับ”พิธีกรภาคสนามแซวอย่างอารมณ์ดี

“เอาเพลงอะไรดี”พิธีกรถามขอความเห็นจากน้องค่ายอย่างกระตือรือร้น

“เมียงู!!!” สองเสียงประสานกัน สามัคคีกันขึ้นมาเชียวเอี้ยรันย์ ไอ้เขียว


บาทเดียวดูเพลิน
อะไรไม่เกินเมียงู
ลูบได้คล้ำได้
ลูบได้คล้ำได้
แต่อย่าเอาไม้แหย่รู ๆๆ


โอ้วม่ายยยยยยย!!!ไอ้ตอนท่อนแรกบาทเดียวดูเพลิน มันก็ยังเพลินดีหรอกครับ แต่ไอ้ท่อนลูบได้คลำได้ โอ้วม่ายยยยยย~เสียงกรี๊ดเป่าปากโห่ร้องสารพัดประดังขึ้นมาทันที  ผมว่างานนี้ไม่ใช่เรท๑๓แล้วเรท๑๘ไปเลยดีกว่า  ลูบได้คลำได้นี่ปรกติจะแค่ทำท่าลูบๆแบบไม่ถึงเนื้อถึงตัว แต่นี่สี่มือเลยคร้าบบบบ~คลูบๆคลำๆตัวผมโดนแบบสดๆ ไม่มีสลิงค์ ไม่ใช้แสตนด์อิน   สยิวกิ๋วขนลุกเกรียว

“เอ่อ...น้องๆที่อายุยังไม่ถึง18กรุณารับคำแนะนำจากผู้ปกครอง  หรือจากพี่เลี้ยงเลยนะครับ”พิธีกรแซวอีกเล้วครับพี่น้อง

“พี่เมศเชะชี่”มันมาล่ะครับ ปากยื่นปากยาว

“เสียสาวแล้วเมริง ฮี้วววว”

“ใครใช้ให้พวกเมิงลูบจริงวะ”ไอ้รันย์หัวเราะหึหึ  ส่วนไอ้เขียวออกอาการเปรี้ยวตรีนขึ้นมาทันที

“ก็ตอนแรกจะทำแบบปรกตินั่นแหล่ะครับ  แต่เห็นพี่รันย์เอาจริงผมก็ทำตามพอดีเป็นพวกไม่ชอบให้ใครได้หน้ามากกว่า”

“โอ้โห ไอ้เขียว เมิงเป็นเอี้ยเกรียนตัวน้อยจริงๆ”ผมกล่าวตอบรับน้ำใจน้องด้วยภาษาดอกไม้(คาดว่าอุตพิษ)แล้วยิ้มเหี้ยม ก่อนจะตบกะโหลกพอออมแรงให้มันกลับไปนั่งที่

“เมริงอีกตัวนะ”ผมหันไปชี้หน้าไอ้รันย์มัน รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองผมตลอดแม้ว่ากิจกรรมเต้นเสียวจะจบลงแล้ว  ไอ้รันย์ยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่กันเพื่อรวมน้องกลุ่มตนเองให้ตั้งแถวเตรียมทานอาหารกลางวัน

“ขอบคุณพี่สต๊าฟนะครับ  พี่เลี้ยงพาน้องไปรับประทานอาหารได้เลยนะครับ  เราจะนัดรวมกันอีกทีตอนบ่าย”


“เกิดไหมเมริง?”เสียงถามปนหัวเราะโรคจิตดังขึ้นข้างหู ขณะที่ชาวค่ายกำลังล้อมวงกันทานข้าว  โดยมีพี่เลี้ยงนั่งร่วมวงอยู่ด้วยผมและโม ญ นั่งติดกัน

“มาแล้วหรอครับ ไอ้คุณโม ญ ไม่ทราบไปส้วมเนี่ย ขี้หมดส้วมหรือยัง”โม ญหัวเราะสะใจก่อนเริ่มตักอาหารใส่ปาก

“เออ น้องไม่สบายคนนึง เลยพาไปหาพยาบาล กว่าจะกลับมาเมิงก็ไปอยู่กลางวงแล้ว  บาทเดียวดูเพลินเลยล่ะเมริง” มันพูดพลางชี้นิ้วชี้ซ้ายขวาขึ้นมาเหมือนท่าเต้นที่ผมเพิ่งเต้นไป

“เพราะเมิงชิ่งนั่นแหล่ะ”

“อ๊ะ  ถ้าไม่ชิ่งจะได้ดูของดีหรอกวะ  ลูบได้คลำได้ๆ  หึหึหึ”ผมเม้มปากด้วยอาการคันไม้คันมืออยากบีบคอเพื่อนหญิงคนนี้ให้ตาย ขณะที่มันกำลังหันไปคุยกันน้องกลุ่มอย่างสนุกสนาน

“พี่เมศคะ เมียงูพี่สุดยอดเลยนะคะ”น้องสาวคนที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มเราพยายามหาเรื่องคุย เอาเรื่องนี้จะดีหรอครับน้อง ฮาๆฮือๆ

“อ่า ขอบคุณครับ”ผมตอบรับน้องคนนั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจแบบเปิดเผยสุดๆของคู่พี่เลี้ยงของผม

“กรูบอกแล้ว เมริงจะเกิด  เมริงก็ต้องเกิด”


กิจกรรมภาคบ่ายเป็นกิจกรรมเข้าฐาน คือพี่เลี้ยงต้องพาน้องๆเข้าฐานต่างๆรอบสถาบันฯเพื่อเล่นเกมส์ต่างๆที่ฝ่ายกิจกรรมคิดกันสมองแทบไหลจนถึงตอนเย็นแล้วค่อยปล่อยน้องอิสระ โม ญชิ่งไปทำงานโปรเจคที่เหลืออีกนิดหน่อยให้เรียบร้อย ผมจึงพาน้องไปเข้าฐานพร้อมกับพี่เลี้ยงสำรองต่างคณะ โดยแต่ละฐานจะให้สองสีไปด้วยกัน โชคร้ายที่สีผมไปพร้อมกับสีไอ้รันย์  ใครนะมันช่างคิดให้ผมไปกับมันจัง  เมื่อกิจกกรรมเข้าฐานดำเนินมาถึงฐานก่อนโค้งสุดท้ายของช่วงเวลากิจกรรมยามบ่าย ในที่สุดก็มาถึงกิจกรรมขาไก่หรรษาอซึ่งถ้าดูจากกลุ่มที่เพิ่งเปลี่ยนฐานออกไปคงจะประทับใจกับฐานนี้มาก

“น้องตั้งแถวตอนลึกแบ่งชายหญิงอย่างละแถวนะครับ  หยิบขาไก่ที่พี่ๆแจก”สต๊าฟเจ้าของฐานตะโกนบอก น้องค่ายก็ทำตามอย่างว่าง่าย....ดีมากไอ้น้อง

“กติกาง่ายๆครับน้อง   ตอนนี้น้องมีอุปกรณ์แล้ว คือขาไก่คนละหนึ่งอัน และหนังยาง.....”ผมไม่ค่อยได้สนใจฟังนัก  สายตาเหลือบขึ้นมองบนตึกBชั้นสี เห็นคนหน้าตาคุ้นๆกำลังโทรศัพท์พลางชะโงกตัวลงมามองข้างล่าง  ก่อนจะหายไปอย่างลึกลับ  เสียงฮือฮาจากน้องๆทำให้ผมกลับมาสนใจสิ่งรอบตัวอีกครั้ง

“ให้น้องส่งหนังยางต่อกันไปโดยคล้องยางไว้กับขาไก่แล้วส่งไปท้ายแถวนะครับ”กติกาโหดนะ...มิน่าให้แยกชายหญิง  

“พี่เลี้ยงชายโชว์สปิริตต้องร่วมเล่นเกมส์ด้วยนะครับ  เพราะน้องผู้หญิงมีเยอะกว่า  เดี๋ยวฝ่ายชายจะได้เปรียบ”ฉิบหาย(อีกแล้ว) ผมหันไปสบตาไอ้รันย์เข้าพอดี  มันยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ผมอีกแล้วครับ  เห็นแล้วคันมืออยากตบกะโหลกมันขึ้นมาทันที

“พี่เมศๆ”ไอ้เขียวกวักมือเรียกไหวๆให้ผมไปต่อแถวหลังมัน พลางรับอุปกรณ์ในการเข้าฐานมาถือไว้อย่างละเหี่ยใจเต็มที โดยมีไอ้รันย์เป็นคนปิดท้ายแถว

“เริ่มส่งได้หลังสัญญาณนกหวีดนะครับ แถวไหนแพ้เดี๋ยวมีโชว์ เมียงูอีกสักเวอร์ชั่นดีไหม”สต๊าฟประจำฐานหันมาแซวผมอีกแน่ะ

ปรี๊ดดดดดดดดด~

เสียงนกหวีดดังขึ้นแล้วต้นแถวกำลังส่งหนังยางให้คนต่อมาอย่างน่าหวาดเสียว  มันจะไม่หวาดเสียวได้อย่างไรล่ะครับ  ขาไก่อันนิดเดียวความยาวไม่น่าเกินนิ้วครึ่ง เห็นแล้วหวาดเสียวว่าแทนที่จะได้ส่งหนังยางจะกลายเป็นโชว์ด๊วบแทน  ผมสังเกตว่าสต๊าฟถ่ายภาพมักมาชุมนุมกันที่ฐานนี้มากผิดปรกติ  ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง แถมมีการเล่นมุมกล้องให้ดูหวาดเสียวขึ้นไปอีก โดยเฉพาะถ้าน้องคนนั้นมีภาษีดีที่หน้าตา ไอ้พวกนี้จะรุมถ่ายเยอะมาก  มันโรคจิตครับทุกคน

“เฮ้ยรันย์ เมริงดูดิ ไอ้พวกนี้ โรคจิตว่ะ  ถ่ายกันใหญ่”ผมหันไปพูดกับไอ้รันย์ เห็นปากมันคาบขาไก่รออยู่แล้ว  จากการสังเกตทำให้ผมเห็นว่าขาไก่ขยับไปมาในปากมัน

“ไอ้เอี้ย!!!เมริงอย่าแทะเล่นดิวะ ยิ่งสั้นๆอยู่ เมริงนิ”เรื่องจริงครับ ไอ้รันย์มันแทะขาไก่ จากที่มันสั้นอยุ่แล้ว  มันก็ยิ่งสั้นน่ะสิครับ

“อร่อยดีออกเมริง”ลอยหน้าลอยตาตอบกันเลยทีเดียว

“กินหลังจบเกมส์ก็ได้เว้ย  เดี๋ยวกรูแถมให้ทั้งห่อเลย”พวกเมริงนิไม่สำนึกกันเลยนะว่าขาไก่มันสั้นๆก็ไม่ควจะไปทำให้มันสั้นกว่าเก่า  ตรรกะอยู่ที่ไหนพวกเมริง

“พี่เมศจะถึงแล้ว”ไอ้เขียวหันมาเรียก แล้วหันกลับไปรับหนังยางมากจาก เพื่อนคนหน้า  


นาทีระทึกมาถึงแล้ว  ผมละแทบจะโดดออกมานอกแถวให้ได้  หน้าขาวๆของไอ้เขียวเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ สายตาหลุบมองริมฝีปากผมอยากตั้งอกตั้งใจ  น้องมันหน้าตาดีเหมือนกันนะเนี่ย  ดูใกล้ๆแบบนี้หน้าใสกิ๊งเลย อ้าว....คิดไปไหนวะเนี่ยกรู  ไอ้เขียวส่งหนังยางให้ผมไม่ได้สักที  มันออกอาการต้องเปลี่ยนมุมในการส่งให้  เสียงกล้องถ่ายรูปดิจิตอลดังอยู่ใกล้ๆทำให้ผมนึกด่าคนถ่ายอย่ในใจอีกหลายตลบ


“เสร็จหรือยัง  ส่งช้าจริงว่ะ”เสียงไอ้รันย์ดังอยู่หนือหัวอย่างหงุดหงิด  พอดีกับหนังยางเจ้ากรรมคล้องกับขาไก่ในปากผมได้พอดี


ผมทำคอแข็งกลัวจะทำหนังยางร่วงจากปลายขาไก่ที่หมิ่นเหม่เต็มที  แล้วค่อยๆกลับหลังหันไปหาไอ้รันย์   มันย่อตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากความสูงที่ต่างกันค่อยข้างชัด  แหงนหน้านิดๆเพื่อรับหนังยางได้ง่ายขึ้น  ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้  ยิ่งใกล้ยิ่งใจเต้นแรง  แรงจนผมนึกกลัวว่าไอ้รันย์จะได้ยินว่าหัวใจผมมันแทบจะกระดอนออกมาทางปากอยู่แล้ว   ดวงตายาวที่มีขนตาสีเข้มหนาเป็นแพ มองผมด้วยนัยน์ตาพราว มุมปากหยักสวยเข้ารูปนั้นยกยิ้มน้อยๆพลางคาบขาไก่ไว้   มือแข็งแรงแตะไหล่ผมไว้ พลางบังคับทิศทางให้ผมเคลื่อนไปตามมัน  แต่ดูเหมือนจะยังไม่ใช่มุมที่เหมาะแก่การส่งหนังยาง  มืออีกข้างของมันจึงแตะลงแถวเอวเพื่อให้ผมเบี่ยงตัวไปในองศาที่ถูกต้อง เสียงกล้องและแสงแฟรชเสียงชัตเตอร์จากกล้องทั้งกล้องดิจิตอลและมือถือถ่ายกันโชะแช๊ะไปหมด  

“คู่นี้นี่ส่งนานว่ะ จะได้เสียกันอยู่แล้วเนี่ยเมริง เร็วเร๊วววว”เสียงโม ญ ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนทำให้ผมสมาธิแตกซ่าน

“อย่าไปแซวมัน  เดี๋ยวขาไก่ร่วงโดนไอ้รันย์จูบจริงนะเมริง”

“ปากแตะปากเลย ฮี้ววว~”จากเสียงแล้วคาดว่าสภาที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงได้พละจากกลุ่มสีของตนเพื่อมาเชียร์ผมอย่างครบองค์ประชุมแน่นอน จะมากันทำไมมากมายครับเจ๊  มือไอ้รันย์ออกแรงบังคับองศาของผมอีกครั้ง  คราวนี้หนังยางยอมไปอยู่บนขาไก่ของไอ้รันย์อย่างว่าง่ายเลยครับ

‘เฮ้~~’เสียงน้องๆเฮประกาศชัยชนะ  ช่างน่ายินดียิ่งนักที่แถวพวกผมชนะ  ไม่อย่างนั้นอาจมีโชว์เสียกันอีกรอบโดยไม่เต็มใจได้ น้องผู้หญิงทั้งแถวโดนลงโทษพอหอมปากหอมคอด้วยการเต้นไก่ย่าง ให้พอขำขันเฮฮาก่อนจะปล่อยแถวให้ไปฐานต่อไป

“เฮ้ย  ไหนขาไก่กรูอ่ะ”ไอ้รันย์มันดึงตัวผมไว้รั้งท้ายขบวนน้องๆ

“อะไรวะ”ผมพูดพลางใช้มือจับขาไก่ที่เมื่อกี้ใช้คาบนั่นแหละครับ พอดีไม่ค่อยชอบกินขาไก่เท่าไหร่เลยไม่ค่อยอยากกิน

“ไหนบอกว่าถ้าไม่แทะเล่น เดี๋ยวจะเอาให้อีกไง”อ่อ ของกินนี่เอง

“เออ  ไว้พักก่อนเดี๋ยวซื้อให้”

“ไม่ต้องอ่ะ” มือคว้ามือผมแล้วงาบขาไก่ในมือผมไปเคี้ยวกรุบๆ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมกันเลย ก่อนจะเดินลอยชายตามกลุ่มมันไป  ทิ้งผมให้ยืนมึนงง

“เห็นน๊าๆ ฮี้วว~” เอ่อ ซวยสิครับ สาวๆชาวสภาฯยังอยู่  

“เดี๋ยวนี้พัฒนาแล้วนะเนี่ย  สงสัยคู่นี้ไม่แคล้วละเว้ย”

“ไม่แคล้วอะไรครับ  พวกเจ๊กลับไปดูน้องกลุ่มตัวเองได้แล้วม๊างงง”สภาฯมองหน้ากันแบบเพิ่งได้สติ ก่อนจะขอตัวแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ เหลืออยู่คนเดียวที่ก่อนหน้านี้แอบดอดไปทำโปรเจค บัดนี้หัวเราะโรคจิตขึ้นมาอีกแล้ว

“เมื่อกี้ยังอยู่ห้องคาร์เทียอยู่เลยไม่ใช่หรอ?”

“ลงมาแล้ว  มีคนโทรตาม”โอ้โห  สภาฯมีการโทรตามให้ลงมาดูฐานนี้โดยเฉพาะ  อำนาจมืดจริงๆ ผู้หญิงกลุ่มนี้  มีใครสนใจจะเข้าพวกสภาฯไหมครับ  ผมจะได้ดอลลี่ตัวเองให้ห่างเข้าไว้



ท้องฟ้ามืดครึ้มเป็นสัญญาบอกให้ทราบถึงเวลากลางคืน แสงดาวกระพริบวิบไหวในคืนนี้ไม่อาจสู้แสงจากกองไฟเทียมที่สร้างจากสปอตไลท์ได้  เพราะดูเหมือนจะไม่มีใครให้ความสนในดาวบนฟ้าเลยสักคน  ผมเดินนำน้องๆไปยังลานกิจกรรมภาคกลางคืน ที่มีอาจารย์และเหล่าผู้ควบคุมเสียงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีนั่งประจำที่อยู่แล้ว  เสียงเพลงฮิปฮอปแผดเสียงผ่านลำโพงช่วยปลุกกระตุ้นให้ชาวค่ายยิ่งคึกคัก  ผมพาน้องๆนั่งลงตีตั๋วแถวหน้า เพื่อรอชมการแสดงชุดแรกของกิจกรรมภาคกลางคืน นำแสดงโดยเหล่าพี่เลี้ยงที่เพิ่งซักซ้อมกันแบบได้เพลงคิดท่ากันเดี๋ยวนั้น ไม่มีอะไรมากหรอกครับออกมาเต้นให้พอครึกครื้นสนุกสนาน  ต่อมาเป็นกิจกรรมการแสดงของน้องๆชาวค่าย ที่คิดกันสดๆอีกนั่นแหล่ะ  สลับสับเปลี่ยนไปกับกิจกรรมจากฝ่ายสรรฯทั้งร้องเล่นเต้นรำเอาให้ครบเครื่อง  โดยเฉพาะเกมส์เชื้อโรคแด๊นซ์กระจาย กติกาง่ายแต่แอบทำยากคือตัวเชื้อโรคจะเต้นหาหาเป้าหมายแล้วแตะ  เต้นไปแตะใครคนนั้นต้องเต้นท่าเดียวกันกลับมาเพื่อแตะยังกองไฟเทียมที่จัดไว้กลางวงล้อม ก่อนจะเปลี่ยนท่าแล้วไล่แตะคนอื่นต่อ พวกผมเล่นเส้นสายนิดหน่อย เพื่อให้อาจารย์อันเป็นที่เคารพรักได้ออกมาแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายบ้าง  เพราะอาจารย์เริ่มหุ่นดีมากแล้ว  เอ่อ...หมายถึงหุ่นเป็นรูปตัวดีน่ะครับ  คงนึกภาพออกใช่ไหม  แต่ลูกศิษย์เป็นยังไง อาจารย์ท่านก็ปรับตัวตามได้ครับ ด้วยการเต้นกลับมาแตะซุ้มกองไฟเทียมอย่างว่าง่าย ก่อนส่งสายตามุ่งร้ายมายังเหล่าสต๊าฟAEที่นั่งกันเป็นกระจุก     แล้วเปลี่ยนท่าเต้นมุ่งตรงมาทางเหล่าลูกศิษย์ด้วยความเร็วเกินจะคำนวนได้  ที่สำคัญคือ  อาจารย์สบตาผมด้วยครับ  คงไม่ต้องเดานะครับว่าเกิดอะไรขึ้น  เพราะคงไม่มีคำไหนใช้ได้ดีไปกว่าคำว่าแตกรัง  เหล่าสต๊าฟชาวAEวงแตก!!!วิ่งกันไปคนละทิ้งละทางแม้แต่สภาฯยังต้องเอาชีวิตรอด  สุดท้ายอาจารย์ก็คว้าเหยื่อไปได้หนึ่งคน  เป็นที่สนุสนานเฮฮา กว่าจะจบรอบกองไฟรอบดึก ก็เกือบเที่ยงคืน  



ผมกำลังไล่น้องๆมาอาบน้ำครับ ห้องอาบน้ำชายที่ทางสถาบันจัดให้น้องๆ รวมทั้งเหล่าสตาฟชายทั้งหลายนั้นเป็นห้องอาบน้ำกลางแจ้งสไตล์หรูคลับคล้ายลาร์กูน่าภูเก็ต เพราะนอกจากอาบน้ำชำระกายท่ามกลางสายลมและแสงดาวแล้ว  มียังต้นไม้ใบหญ้าใช้ชมประกอบการอาบอีกด้วย แถมร่มจากธนาคารสีส้มๆให้อีกสามคัน  เผื่อว่าอาบๆอยู่แล้วฝนตก  โดยกันพื้นที่เป็นคอกสูงระดับอก เอ่อ จริงๆน่าจะบอกว่าไม่พ้นอกจะถูกต้องกว่า เพราะมันไม่พ้นอกจริงๆครับ  แล้วด้วยระบบน้ำวนอุ่นวิดจากกาละมังทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ    ที่สำคัญคือมันตั้งอยู่ในจุดสนใจเลยทีเดียว  คืออยู่ข้างๆโรงอาหาร  ที่หากใครแวะทานข้าวต้มมื้อดึก  อาจได้ชมภาพการอาบน้ำโครมๆของเหล่าชาวค่าย ดีหน่อยที่จัดเวลาอาบน้ำให้มาอยู่ตอนดึกๆ  ไม่อย่างนั้นพี่ๆร้านซีรอกซ์คงเป็นตากุ้งยิงกันหมด เนื่องจาก  คอกอาบน้ำนั้นตั้งอยู่ใกล้ร้านซีรอกซ์มากชนิดที่เรียกว่าถ้าเข้าไปในร้านซีรอกซ์คงได้ชมภาพหนุ่มน้อยเล่นน้ำแบบริงไซซ์แน่นอน  แต่ที่ร้ายกว่านั้น คืออยู่ใกล้ห้องอาบน้ำหญิงมาก  หลายคนอาจจะคิดว่าดี ซึ่งมันก็อาจจะดีจริงล่ะครับ ถ้าไม่ใช่สภาฯเป็นพี่เลี้ยงที่ควบคุมคิวการเขาอาบน้ำของน้องค่ายฝ่ายหญิง

“อู้วววว  ขาวมากค่ะน้อง  เซ็กซี่”น่าแปลกนะครับที่แทนที่ผู้ชายจะแซวผู้หญิง  กลายเป็นผู้หญิงแซวผู้ชายเสียนี่

“เจ๊ๆซับเลือดค่ะซับเลือด” น้องๆ   ผู้ชายหลายคนหน้าแดงรีบจ้วงอาบแล้วจากไปทันที

“น้องค๊า  พี่ถูหลังให้ไหมคะ?”เสียงหวานปนหื่นจากเหล่าสภาฯทำเอาน้องๆรีบเบียดตัวกันซุกมุมด้านหนึ่งของคอกอาบ ที่ห่างไกลจากรัศมีของเหล่าสภาฯมากที่สุด

“แกก็ไปแซวน้องมัน”ผมท้วงอย่างขำๆ เมื่อเห็นน้องๆมีทีท่าหวาดระแวง

“น้องหันทางนี้นิด  วู้ววววนั่นแหล่ะๆ”มันยังไม่เลิกครับ ไอ้เอี้ยรันย์ก็ขำไปด้วย

“น้องอย่าทำสบู่ตกนะคะ ว๊ายยยยยยย”

“น้องกรีนๆ จะรีบอาบไปไหนค๊าน้อง”ไอ้เขียวมันมาอาบตั้งแต่เมื่อไหร่   เห่อๆ  ตัวขาวๆของมันนุ่งบอกเซอร์อาบน้ำโครมๆ หน้าขาวๆแดงเรื่ออยู่ในเงาต้นไม้บังอุจาด ทีอย่างนี้ล่ะอายนะเอ็ง

“ต้องการคนช่วยอาบไหมน้องกรีน”

“คร๊าบบบบ”มันตอบรับเสียงใสทำให้สภาฯเกรียวกราว

“เอาเป็นพี่เมศได้ไหมอ่ะ? โอ้ย!!!! พี่รันย์ฉีดน้ำใส่หน้าผม!!”ไอ้เขียวกระอักกระไอจากการที่น้ำเข้าทั้งปากทั้งจมูก  ต้นเหตุจากไอ้รันย์ครับ มันเป็นคนคุมสายยางคอยเติมน้ำใส่กาละมังให้น้องอาบ  

“อ้าวหรอ โทษว่ะไม่เห็น”  ผมขำกับหน้าไอ้รันย์ที่นอยด์เต็มที

“หัวเราะชอบใจเชียวนะแก”โม ญ ที่แอบอู้จากการจัดคิวอาบน้ำให้ฝั่งห้องอาบน้ำหญิงยืนเท้าเอวหัวเราะหึหึใส่ผม

“สภาฯชอบมากกว่าละมั้ง”ผมหันไปมองหน้าหนึ่งในสมาชิกสภาฯ  มันยิ้มมีเลศนัยน์ทันที

“เออ”




หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 15-12-2007 14:02:18



เวลาตีหนึ่งครึ่งหลังจากพวกผมไล่น้องเข้านอนกันเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาของเหล่าสต๊าฟที่จะอาบน้ำบ้าง ไม่ต้องห่วงสภาครับ พวกนางสามารถจัดคิวให้น้องค่ายในความรับผิดชอบอาบน้ำเข้านอนได้รวดเร็วกว่าฝ่ายชาย  เลยได้ทำธุระส่วนตัวก่อน  ผมเดินนุ่งผ้าขนหนูแอบย่องๆมาอาบน้ำผ่านทางด้านหลังโรงอาหารอันเป็นมุมลับตาคน รีบอาบแล้วออกมา  มันหวิวครับ อาบน้ำกลางแจ้ง ลมเย็นๆพัดโชยชายไล้ผ่านผิวกาย  จะหนาวเอาง่ายๆถึงจะมีเพื่อนสต๊าฟอาบเป็นเพื่อนอยู่ห้าหกคน   ส่วนไอ้รันย์คาดว่ามันคงอาบเสร็จไปแล้วเนื่องจากไม่เห็นมันในคอกอาบ  ผมรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินก้าวยาวๆหวังจะซื้อน้ำมะนาวสักแก้วกินก่อนจะขึ้นไปแต่งตัวต่อข้างบน

“วู้ว  ขาวว้อยไอ้เมศ   ขาวเชียวเมริง”โชคร้ายหน่อยครับที่สภาฯเลือกจะนั่งที่ม้าหินอ่อน ‘ตรง’ กับคอกอาบน้ำพอดี ซึ่งแน่นอนว่าถ้านั่งตรงนี้ไม่ว่าใครมาอาบน้ำสภาฯย่อมสามารถมองเห็นได้

“มานี่ดิ๊”เจ๊ใหญ่  ท่านร้องแห่งสภาฯกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหายังโต๊ะที่สภานั่งอยู่  ทั้งที่ผมอยู่ในสภาพเกือบๆจะโป๊

“เฮ้ย อะไร  โป๊อยู่ไม่เอา”

“ทำเป็นเขิน ดูไอ้รันย์ดิ”เมื่อเจ๊ชี้มือ ผมก็ต้องมองตามสีครับ  เห็นไอ้รันย์เดินถือแก้วชามะนาวมาแต่ไกล สภาพมันคล้ายๆผมแต่แย่กว่า เพราะผมนุ่งผ้าขนหนู  แต่ไอ้รันย์นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว!!!  ไปยืนชายทุ่งนี่จะเหมาะมาก   แต่จะขัดตาตรงที่หุ่นมันบาดตาบาดใจมากครับ  นี่ล่ะหุ่นที่ผมใฝ่ฝันอยากได้มาตลอด  มองเห็นซิกซ์แพคพอสวยงาม กล้ามเนื้อสมส่วนทุกส่วนสัด  ผิวสีออกทองน่าลูบ 

“ทีมันยังไม่เขินเลย”

“ก็มันหุ่นดีน่ามอง พวกเจ๊ก็มองมันไปสิครับ  ไอ้นี่มันบ้าพวกชอบโชว์ของแปลก”

“อู้ย ซิกซ์แพคแบบนี้เจ๊ชอบ  แต่แกสิผอมแห้งเป็นขี้ก้าง”เจ๊พูดแล้วเบ้ปากเล็กน้อง พอทำให้พึงสังวรณ์ในวังขารตัวเอง

“ขาว บาดตา”โม ญ พูด เรียบๆไอ้รันย์กับโม ญ มีสิ่งที่เหมือนกันนี่ล่ะครับ  ลูกกะตามันหัวเราะยิกๆ แม้ว่าสีหน้ามันจะแทบไม่เปลี่ยนเลย  ผมรู้สึกหน้าร้อนๆ  อย่าที่น้อยครั้งจะเป็น

“หนาว เดี๋ยวแต่งตัวก่อนแล้วค่อยลงมาคุย”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็จะขึ้นแล้วเหมือนกัน”โม ญ พูดพลางดูดน้ำแดงโซดาอึกสุดท้ายเป็นอันว่าพวกสภาฯยกพวกกันขึ้นไปห้องนอนสต๊าฟหญิงชั้นสาม ผ่านทางบันไดหนีไฟ เหลือผมกับไอ้รันย์ที่ห้องอยู่ชั้นสอง ต้องเดินขึ้นบันไดใหญ่ เพราะบันไดหนีไฟสงวนไว้สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยสาเหตุเกี่ยวกับความปลอดภัย

“หนาวว่ะ” ผมพูดกับไอ้รันย์ขณะรอมันดูดชามะนาวให้หมด

“เหนื่อยไหมวะ?”มันถามพลางดูดชามะนาวแล้วเกาพุงไปด้วย

“ก็เหนื่อยแหล่ะแต่มันส์ว่ะ ตกลงโปรเจคเรา ส่งไปตามนั้นเลยนะ  เรนเดอร์ กับดราฟติ้งก็โอเคแล้ว”มันรับคำสั้นๆ พลางมองหมูมองหมาอะไรของมันไปเรื่อย

“คืนนี้ไม่อยากนอนว่ะ”ผมมองหน้ามันตื่นๆ สบตากับดวงตาสีเข้ม ดวงตาคู่นั้นทำให้ผมพูดไม่ออกนอกจาก

“อืม”


ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลังเวลาปิดไฟนอน ที่พวกสต๊าฟส่วนใหญ่ หลับเป็นตาย เนื่องจากต้องตื่นก่อนนอนทีหลัง  ผมกับไอ้รันย์เลยย้ายสำมะโนครัวออกมานอกห้อง โดยมานั่งริมระเบียงทางเดินด้านติดกับทางหนีไฟ โดยมีอุปกรณ์ คือ โน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่องของรันย์และผ้าห่ม  ไม่หนาวหรอกครับกันยุงกัด  ลมคืนนี้กำลังดียิ่งนั่งตรงบันไดหนีไฟนี่ด้วยแล้วลมเย็นๆพัดมากำลังได้ที่  ไอ้รันย์เอาหูฟังข้างหนึ่งยัดหูผมก่อนจะเอาอีกข้างยัดใส่หูตัวเอง  เสียงเพลงแจ๊ส Fly me to yhe moonทำเอาผมเคลิ้มไปกับบรรยากาศเงียบสงัดของสถาบัน  มีเสียงมอมมี่ นศ.พิเศษสี่ขาที่เหลือสามเห่าบ้างประปราย

“บรรยากาศดีชะมัด ลมกำลังดี เสียอย่างเดียว ยุงจะหาม”มันพูดแล้วผิวปากเป็นทำนองเพลง

“อืม”

“เคยเข้าเวบนี้ไหม?” มันกรอกรหัสไวเลสของสถาบันแล้วเข้าไปเวบๆหนึ่งที่ผมเองก็เคยเข้าอยู่บ้าง  BGสีฟ้าทำให้ผมมองมันด้วยสายตาเซ็กซี่ ฉ่ำเยิ้ม เนื่องจากเริ่มง่วงเต็มที  เสียงฝีเท้าไกลๆทำให้ผมตื่นอีกครั้ง เงาตะคุ่มๆของใครคนหนึ่ง ค่อยเดินฝ่าความมืดเข้ามาหาพวกเราที่นั่งกันอยู่ตรงทางบันไดหนีไฟที่แสงไฟสว่างส่องถึง

“ใครวะนั่น?”

“ไม่รู้สิ” รันย์เปิดไฟล์บางอย่างขึ้นมาอย่างเงียบๆ

“ยังไม่นอนกันอีกหรือ” พี่เจ้าหน้าที่เดินยามถามพวกเราเมื่อปรากฏตัวขึ้นในระยะที่สามารถมองเห็นได้ชัด

“ทำโปรเจคครับ”ไอ้รันย์ตอบแบบเนียนๆ พลางเลื่อนไฟล์คาเตี่ยมาเปิดๆดูทำท่าเหมือนทำงานขึ้นมาทันที

“อืม ระวังพรุ่งนี้จะไม่ไหวล่ะ”พี่เจ้าหน้าที่เดินยามเดินกลับไปตามทางเดินเดิม เหลือเพียงผมและรันย์อีกครั้ง

“กุก็นึกว่าจะไล่ให้เข้านอน” ผมพูดพลางถอนใจหน่อยๆ

“ป๊อดไปได้น่ะเมริง”ดูมันสิครับ อยากทุบมันให้ตายคามือจริงๆ

“นี่ เร็วๆนี้มีงานให้เที่ยวอีกแล้วเว้ย   คราวที่แล้วครอสเพลย์สวยๆเพียบ  เสียดายเมริงไม่ได้ไป...”ไอ้รันย์พูดอะไรไปได้อีกพักหนึ่ง ผมก็เบลอๆเมาดึก  ในที่สุดสติก็ดับวูบ



มือแข็งแรงเลื่อนปลายนิ้วไปมาอย่างคล่องแคล่วสลับกับการกระดิกนิ้วแตะลงบนแป้นเบาๆเพื่อเปิดหน้าเวบอีกหน้าขึ้นมาสลับกัน  พลางพูดชวนคนข้างๆคุยไปด้วย  เพียงไม่นาน น้ำหนักส่วนหนึ่งก็ถูกกดลงบนไหล่แข็งแรงนั้น  เสียงเพลงจากหูฟังดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางความสงัดเงียบของทั่วบริเวณ ดวงตาคมเข้มมองคนหลับพิงคนอื่นแล้วกัดริมฝีปาก  คันไม้คันมือขึ้นมาตะหงิดๆ เมื่อกี้ยังบอกจะอยู่เป็นเพื่อนกันอยู่เลย  พูดอยู่แหมบๆหลับแล้ว   มันน่านัก เสียงเพลงยังคงดังต่อไป ดึงความสนใจกลับไปที่เนื้อความของเพลง


ใกล้ไป ไม่อยากให้ใกล้ไป ยังไม่อยากจะเข้าไป
อยู่ตรงนี้มันคงไม่เป็นไร
ชัดไป ถ้าหากมันชัดไป มันอาจไม่ซึ้งเท่าไหร่
แค่เท่านี้ มันคงไม่มากไป

ขอเข้าไปใกล้เธอทีละน้อย
ค่อยๆ ซึมลงไปในใจ จนเจอรักเธอ

อย่าเพิ่งรู้ว่าฉันนั้นคิดอะไรก็แล้วกัน
ปล่อยให้ฉันได้ฝันได้เพ้อนานๆ อีกซักหน่อย
แค่เท่านี้ก็ดีอยู่แล้วถึงมันจะเลื่อนลอย
อาจเป็นเพียงความฝันน้อยๆ แต่ฉันก็จะคอยต่อไป
ถ้าใกล้กว่านี้ กลัวว่าเธอจะถอยไป
ห่างใจฉันไปไกลไม่กลับมา

ช้าหน่อย ต้องมีระยะหน่อย อาจจะต้องถอยซักหน่อย
แต่แค่ไหน ใจคงไม่เปลี่ยนไป
รักเธอ เพราะว่าอยากรักเธอ และก็ไม่อยากรักเก้อ
ยังไงก็คงไม่เปลี่ยนใจ

ขอเข้าไปใกล้เธอทีละน้อย
ค่อยๆ ซึมลงไปในใจ จนเจอรักเธอ

อย่าเพิ่งรู้ว่าฉันนั้นคิดอะไรก็แล้วกัน
ปล่อยให้ฉันได้ฝันได้เพ้อนานๆ อีกซักหน่อย
แค่เท่านี้ก็ดีอยู่แล้วถึงมันจะเลื่อนลอย
อาจเป็นเพียงความฝันน้อยๆ แต่ฉันก็จะคอยต่อไป
ถ้าใกล้กว่านี้ กลัวว่าเธอจะถอยไป
ห่างใจฉันไปไกลไม่กลับมา


http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=1&songID=V2BB0G7FPB0


ศรันย์มองหน้าเพื่อนที่หลับสับประหงกจนน่ากลัวว่าคอจะเคล็ดดวงหน้าขาวๆซบลงบนบ่า ดวงตาโตขนตายาวกำลังเล่นเกมส์ซ่อนตาดำอย่างสนุก    ริมฝีปากหยักสวย เหยียดยกขึ้นนิดหนึ่ง  มือแข็งแรงตบเข้าที่ศีรษะอันปกคลุมด้วยเส้นผมสีเข้มนั้นแม้ไม่แรงแต่ได้ยินเสียงดังป๊าบ! เพื่อนรักจึงงัวเงียตื่นขึ้น

“ถ้าง่วงก็ไปนอน น้ำลายยืดเชียวเมริง”

******************************************************************

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-12-2007 14:25:43
วิ้ววววววววววววววววววววว มีน้องเขียวโผล่มาด้วย สนุกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 15-12-2007 14:44:14
สู้ๆนะครับผมขอให้หาวยป่วยไวๆนะครับผม o15
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 15-12-2007 15:42:50
 :m3: :m3: มาคอย ติดตามค้าบบบ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 15-12-2007 22:41:05
ไอ้เขียว มันเป็นเด็กสั่งของพี่ว่าง  หึหึหึ  หวังว่ามันจะเป็นที่รักของคนอ่านบ้าง  เพราะสภาฯบอกว่ามันเป็น น้องต๊อด(กิงเร) เวอร์ชั่นเกรียน หึหึหึหึ 

เรื่องป่วยเมศเป็นๆหายๆรอบที่3เเล้วค่ะฤดูนี้ ฮื่อ ....~

ปล.พี่เเป๋มอย่าเเปะบ่อยนะ  เดี๋ยวเขียนไม่ทัน กร๊ากกกก(ซะงั้นเลยวุ้ย)

ปล.(อีกที) ถ้าอ่านเม้นต์เมศไม่รู้เรื่อง เพราะมาเป็นวลีมากกว่าประโยค ต้องขออภัยค่ะ เเบบว่าเบลอๆ



ขอบคุณที่ยังอ่านกันอยู่นะคะ  :a4: :a3: :a10: :a11:  :a1: :a2: :a9:  (ชอบกระต่ายตี่)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: titang ที่ 27-12-2007 18:36:31
 :a4:
อย่าหายไปนาน นาน แบบ กิง กับเรย์ นะฮับ :oni2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-01-2008 21:32:37

เรื่องนี้ไม่ดองแบบกิงเรจ๊ะ แต่มีแนวโน้มว่าจะดองมากกว่า  :m29:

***********************

ตอนที่๖


“เฮ้ย รันย์ กรูว่ากรูจะย้ายหอว่ะ” ผมพูดขึ้นขณะมือกำลังตะไบเหล็กอย่างจริงจังจนเหงื่อไหลซึมตามขมับ

“ทำไม?”เสียงมันถามเรียบ ห้วนกว่าปรกติ ผมละมือจากงานที่ทำวางตะไบหยาบลงอย่างชักไม่ค่อยพอใจ

“ก็สัญญาหอกรูจะหมดแล้ว  ย้ายมาอยู่ใกล้ๆถาบัน จะได้ไม่ต้องเสียงตังค์ค่ารถ ตื่นสายจะได้มาเรียนทัน”ผมพูดเสียงหนัก  เพราะต้องอธิบายให้คนกะโหลกหนาอย่างไอ้รันย์เข้าใจ  ผมก็ไม่เข้าใจว่า โจทย์คิดยากๆมันเข้าใจได้ แต่กับอิแค่ เพื่อนจะย้ายหอ ทำไมมันไม่เข้าใจ

“แล้วเมริงเสียค่ารถตรงไหน จะมากรูก็รับ จะกลับกรูก็ส่ง”

“แล้วเมริงให้กรูออกค่าน้ำมันมั่งป่ะล่ะ” ผมจ้องตามัน   มันรีบหลบตา เพราะรู้คำตอบอกอยู่กับอกว่า ไม่...มันไม่เคยให้ผมออกค่าน้ำมันแม้แต่สตางค์เดียว

“เมริงจะย้ายทำไม  หอเก่าก็สบายดีแล้ว”

“กรูบอกเหตุผลเมริงมารอบที่ล้านได้แล้วมั้ง ไอ้โง่”ผมพูดโดยละม่อม ก่อนจะเลิกสนใจมันหยิบตะไบขึ้นมาอีกครั้งแล้วเริ่มลงมือตะไบงานตัวเองต่อ  แต่ดูเหมือนจะเอาอารมณ์ขุ่นมัวนั้นมาลงกับงานเสียมากกว่า   รันย์มองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินหนีกลับไปยังโซนทำงานของมัน

“โธ่เว้ย ไอ้เอี้ย!”ผมร้องเสียงหลงเพราะตะไบงานเหล็ก ตะไบไปๆมาๆตะไบเอามือตัวเอง



เราเรียนวิชาปฎิบัติการวิศกรรมกันครับ เป็นวิชาสำหรับฝึกทักษะในการเครื่องมือต่างๆให้มีความรู้ว่า เครื่องมือแต่ละชนิดใช้งานอย่างไร  ทำงานแบบไหนถึงจะได้ชิ้นงานที่สวย  แข็งแรง เหมาะกับงานด้านวิศวกรรม   secของเราแบ่งออกเป็นอีกสามกลุ่มย่อย เพื่อผลัดกันเรียนทักษะงานสามลักษณะต่างกันไป  อย่างที่ผมทำอยู่นี้ เป็นงานประเภท ตะไบ เลื่อย เจาะ ต๊าฟ ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ เพื่อนที่เคยเรียนกลุ่มนี้เมื่อก่อนหน้า กว่าจะเปลี่ยนฐานไปเรียนอย่างอื่นก็มือแหกกันไปหลายคน  ส่วนกลุ่มที่เสียดกำลังเรียน เป็น งานประเภท กัด กลึง  และกลุ่มสุดท้ายที่ผมเปลี่ยนออกมา กลายเป็นไอ้รันย์กำลังเรียนอยู่คือกลุ่มงานเชื่อม  หรือเรียกแบบพื้นบ้านว่า ออค 


หลังงานเสร็จ ผมเดินไปหาไอ้รันย์อีกครั้งเพื่อนถามเรื่องซีรอกซ์ชีทเรียน จริงๆแล้วมันควรจะเป็นคนเดินมาหาผมนะครับ เหมือนผมง้อมันยังไงไม่รู้   กลุ่มของมันเลิกเรียนแล้ว  แต่ถ้าใครใคร่อยากจะทำงานต่อก็ทำได้  ผมยังเห็นมันก้มๆเงยๆอยู่แถวบูทเชื่อม แสงขาวสว่างวูบวาบทำให้รู้ว่ามันกำลังทำงานอยู่ ผมจึงหยิบลวดเชื่อติดมือไปให้มันด้วย เพราะรู้ว่าลวดเชื่อมที่ใช้งานมักหมดเร็ว

“อะ ลวดเชื่อม”ผมส่งให้มันพลางเบี่ยงตัวให้ติดกับบูทงานที่ว่างอยู่ที่ด้านขวามือของมัน เพื่อหลีกเลี่ยงการจ้องประกายไฟสว่างจ้า มันอันตรายต่อลูกกะตาครับทุกคน  ไอ้รันย์ยังเฉย ไม่ตอบรับการมาของผมแม้แต่น้อย

“เฮ้ยสนใจกรูหน่อย”ผมเอื้อมมือไปเขย่าไหล่มันจนหัวสั่นหัวคลอน

“เป็นเอี้ยอะไร!” มันตวาดทั้งที่มันยังใส่หน้ากากกระบังหน้ายังปิดกระจกดำทึบ ที่สร้างไว้เพื่อกันแสงจากการออคเหล็ก

“แล้วเมริงล่ะเป็นเอี้ยอะไร”ผมเอามือเคาะๆที่กระบังหน้ามันบ้างก่อนจะเปิดกระจกกระบังหน้าสีดำออก ข้างในเป็นกระจกใส เห็นตามันกระพริบปริบๆ ผมอารมณ์ดีแล้วครับ เป็นพวกโกรธง่ายหายเร็ว

“เปล่า” งอนป่องเป็นปลาทองหัววุ้นเชียวเมริง

“ไอ้หัววุ้น”ผมตบหน้ากากมันเสียงดัง ยิ่งเสียงดังยิ่งไม่ยอมหยุด  มันเลยจับมือผมไว้ 

“วุ้นพ่อเอ็งดิ”

“เฮ้ย พ่อกรูอยู่บ้าน เกี่ยวไร”

“มือเจ็บหรอ? เรียนตะไบทำไมไม่ใส่ถุงมือ”

“จารย์ยังไม่มีให้เบิก  ต้องรออาทิตย์หน้า  ไม่ได้เจ็บไรขนาดนั้นเมริงทำเป็นเว่อร์”

“ไปล้างมือซะ เดี๋ยวบาดทะยักแด๊กซ์”ผมพยักหน้าเออๆออๆไปกับมัน มันเลยไล่ผมไปล้างมือที่อ่างล้างมือข้างๆชอป ก่อนจะใช้คีมคีบชิ้นงานมันไปวางในอ่างน้ำแล้วเปิดน้ำใส่

“เออ แล้วเมริงซีชีทเรียนยัง?”

“ซีแล้วอยู่ในกระเป๋า”ผมมองชิ้นงานที่ส่งเสียงฉู่ฉ่าอย่างของร้อนโดนน้ำ ไอน้ำกระจายเป็นไอเหนืออ่าง

“เรื่องย้ายหอเอาจริงหรอ?” มันถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง

“อืม”

“ไม่เอาไม่ให้ย้าย!!”อยู่ๆมันก็เสียงดัง เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา  ใครเหยียบหางเมริง สาด...

“ก็กรูจะย้าย เมริงพูดไม่รู้เรื่องนี่หว่า กรูจ่ายตังค์ที่ใหม่ไปแล้ว”มันคว้าตัวผมเขย่าบ้าง ไม่แรงมากหรอกครับ แต่เซๆ

“ทำไมจะทำอะไรไม่ปรึกษา”มันทำเสียงเหี้ยม คิกว่ากรูกลัวเมริงงั้นหรอ

“ปรึกษาทำไม คนจ่ายตังค์มันพ่อกรูนะเว้ย คนอยู่ก็กรู เมริงกลับไปนอนบ้านเลยไป”

“ทำไม กรูไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้ทำไมไม่ปรึกษากรู”

“ก็กรูเบื่อ รำคาญ”

“พูดให้ดีๆนะเมริง”ไอ้รันย์ออกอาการตาขวาง เริ่มคาดโทษแล้วครับ

“ก็เมริงน่ะ นิสัยเสีย สันดานหมา  ชอบดูบอลอดนอนตื่นสาย ชอบนอนกรน  เวลาขับรถก็ปากบอนโวยวาย”

“เฮ้ย อะไรกันวะ สามีภรรยาทะเลาะกันว่ะ”เสียงอย่างนี้ๆจะใครละครับ สภาฯ พวกนางรู้ทุกเรื่องให้ตายสิ  ไอ้รันย์มองผมด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะเดินสวนกับเหล่าสภาฯสามสาวกลับเข้าไปในชอป เก็บอุปกรณ์โครมครามปึงปังก่อนจะเดินเบียดพวกผมตรงดิ่งไปที่รถ แล้วสตาร์ทออกไปเลย

“ทะเลาะไรกันวะ ท่าทางมันโมโหจริงนะเนี่ย”โม ญ ถาม มันคงห่วงผมเหมือนกันเลยถามอย่างนี้

“เรื่องย้ายหอ”

“ไม่ง้อคุณสามีซะล่ะ เดี๋ยวงอนหนีไปมีน้อยแล้วจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า”สามสาวสภาฯหัวเราะก่อนจะตบไหล่ผมสองสามทีแล้วเดินกลับเข้าไปในชอป ให้มันได้งี้ดิวะ....


            

หลังจากวันที่ทะเลาะกับหมาบ้ารันย์แล้ว ผมก็ยังคงดำเนินการเรื่องการย้ายหอต่อไป วันๆมันแทบไม่มองหน้าผมเลย  แม้ผมจะพยายามง้อมันด้วยของกินก็แล้ว หนังสือโป้ก็แล้ว  หรืออะไรก็ตามที่พอจะนึกออกว่ามันน่าจะง้อสำเร็จ แต่ก็ยังไม่มีเค้าว่าจะง้อมันได้  มันใจแข็งหรือบ้าผมก็ไม่แน่ใจ  ไอ้เชรี่ยนี่นิ....  ตอนนี้ผมอ่อนใจจะง้อมันแล้ว  แล้วอย่ามาง้อกรูล่ะ แต่จะว่าไปวันนั้นผมก็พูดค่อนข้างแรงทีเดียว  แม้จะเป็นนิสัยจริงของมัน เรื่องชอบโวยวายปากบอน กับเรื่องดูบอลตื่นสาย  แต่ถึงจะตื่นสาย ก็สายทั้งคู่ล่ะครับ ทั้งมันทั้งผม

“ล้าง”มันพูดสั้นๆแล้วส่งหลอดทดลองให้แทบไม่มองหน้าผมเลย ขณะที่เรากำลังทำการทดลองของวิชาปฎิบัติการเคมี   

“ไม่”มันสั้นผมก็สั้นบ้างสิครับ

“ไอ้เสียด เมริงล้าง”มันโบ้ยให้ไอ้เสียดเฉยเลย 

“ไม่ว่างเว้ย เมริงเห็นไหมกรูกำลังทำอะไร”  ไอ้เสียดกำลังปิเปตดูดสารจากขวดแก้วสีชาขึ้นมาเพื่อปริมาตรที่ถูกต้องในการทดลอง

“งั้นกองไว้”

“กรูล้างเอง” ในที่สุดผมก็อารนทนไม่ไหมต้องเอาออกไปล้างเอง

“พวกเมริงเป็นไรวะ เห็นไม่พูดกันมาหลายวันและ”

“นอยด์ อย่ามาถามกรู”

“เรื่องไอ้เมศมันย้ายหออ่ะดิ  พวกเมริงเนี่ยนะ ทำอย่างกับเป็นแฟนกัน มันจะย้ายหอก็ย้ายไปดิ เกี่ยวไรกะเมริง  ดีเสียอีกมันย้ายมานอนใกล้ๆถาบัน วันไหนมีเรียนครึ่งวันจะได้ไม่ต้องรีบกลับ ไปนอนเล่นหอมันก็ยังได้”เสียดพูดพลางปิดฝากรวยสกัด

“แล้วกรูจะอยู่กับใคร”

“โธ่ เพื่อนกรู”เสียดอุทานอย่างอนาถใจ

“อยู่กับใครก็อยู่กับหัวใจตัวเองไง”เจ๊ใหญ่แห่งสภาฯควบตำแหน่งรองประธานสภาฯแทรกขึ้น ไม่มีใครเห็นว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามาได้อย่างไร และตอนไหน  แน่นอนว่าพกลิ่วล้อในการทำแลบมาด้วย พอดีกับที่ผมเดินกลับเข้ามาพร้อมหลอดทดลองที่ล้างเสร็จแล้ว

“เฮ้ยเมศ พรุ่งนี้อย่างลืมเอาของมาคืนนะ” เจ๊ใหญ่พูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“คืนไร ไม่ได้ยืมอะไรไปเสียหน่อย”

“เฮ้ย ยืมไปแล้วลืมได้ไง”

“ต้องคืนอะไรล่ะ?”

“คืนใจ ฮี๊ววววว~”เสียงเคล้งกับเสียงไอคอกแคกจากไอรันย์ที่กำลังเทสารเคมีภายในกล่องดูดอากาศทำให้ทุกคนหันไปมอง

“เป็นไรวะ อะไรติดคอ?”เสียดถามขึ้นเปิดโอกาสให้เหล่าสภาฯเข้าเสียบแย่งลูก

“ก้างใจติดคอ ว๊าย~”  หึหึหึ  เอากะมันสิครับ  ไอ้พวกนี้นี่  มันไม่เลือกทั้งวาระและโอกาส ขอให้มีช่องเป็นต้องเสียบปรื๊ดเสียบปรี๊ด

“แกย้ายเข้าหอใหม่แล้วใช่มะ?”โม ญ ถามอย่างปรารถนาดี

“อืม”

“น่าอยู่ไหม?”

“ก็สวยดี ตกแต่งสไตล์ บาซิล เอ๊ะ บาซู เอ๊อ...บาหลี”

“สไตล์ไหนแน่แก  ฉันจะได้เกี่ยวขากันถูก”โม ญ ถามกวนๆพลางทำท่าล้อๆ เหมือนวงดังเมื่อสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว  ดักอายุกันอีกต่างหาก

“บาหลีๆ”

“อืม ได้ข่าวว่าผู้ดูแลน่าร๊ากกกกก น่าเจี๊ยะ”เจ๊ใหญ่ถามอย่างใคร่รู้

“อืม”เสียงก้องแก้งจากเครื่องแก้วที่ใช้ทดลองดังกว่าปรกติ

“ถ้ามันแตกเมริงจ่าย”ผมบอกดินบอกฟ้าอย่างนอยด์ๆ

“ยังงอนกันอยู่อีกหรอ ไอ้สามีภรรยาคู่นี้ หึหึหึหึ”สภาฯหัวเราะ ก่อนจะกลับไปสนใจทำการทดลองของตัวเองต่อ ผมสิครับถอนใจดังเฮ้อ~



คาบแคลคูลัส๒วิชาที่ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะผ่านมาเรียนวิชานี้ได้ เนื่องจากเทอมที่แล้วทรมานทรกรรมกับมันมาสาหัส ตอนนี้ก็ทรมานครับ  ทรมานกับการต่อสู้กับความง่วง  อาจารย์ที่เปลี่ยนไปทำให้สไตล์การสอนเปลี่ยน  นักศึกษาอย่างผมก็เปลี่ยนครับ  เปลี่ยนท่านอน  ผมฟุบหน้ากับโต๊ะกำลังกรึ่มๆจากความง่วงอย่างได้ที่  บางทีเขาของผมอาจจะยาวมากจนแทงคนข้างหน้า เลยได้ยินเสียงเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าคุยกันเบาๆ

“....เอาไหม?”เสียงคนที่นั่งข้างหน้าผมถาม  เสียงนั้นเป็นเสียงผู้ชายแน่นอนครับ

“เอาสิ” เสียงตอบก็เป็นผ้ชายคร๊าบบบบบ~  มันจะเอาอะไรวะนั่น คงไม่ใช่....

“เอาอะไรวะ?”เสียงโม ญ ถาม  ทำให้ผมยิ้ม พวกสภาฯ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ราวีแค่ผมกับไอ้รันย์นะครับ ตอนนี้มันลามไปทั่วถึง  ตอนนี้ทั้งsecตกเป็นเหยื่อของสภาฯแล้ว กำลังขยายผลข้ามsec คนไหนหน้าตาดีหน่อยจะถูกทะโลมวันละเล็กละน้อยให้พอชื่นใจ

“เฮ้ย อะไร”เหยื่อรายล่าสุดรีบปัดป้อง  ปัดไปเหอะเมริงไม่พ้นตัวหรอก

“โม ช  กับมีทปี้จะนัดกันไปไหนหรอ หึหึหึ” เสียงเพลงคนดี24ชั่วโมง เคลิ้มสมาคม ดังลั่นห้อง มือถือของผมกำลัครวญเพลงท่อนฮุคพลางสั่นแกรกๆอยู่บนโต๊ะ  ผมรีบคว้ามันมากดรับแล้วแนบหู แทบไม่ต้องดูเลยครับว่าใครโทรมา  ไอ้เขียวน้องร๊ากกกก~นี่เอง(เพื่อการออกเสียงที่ถูกต้องเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะออกเสียงยาวเท่าที่จะทำได้ครับ)

“ว่าไงวะ ไอ้เขียว”

“พี่เมศเรียนอยู่หรอ งั้นเดี๋ยวโทรไปใหม่” ไอ้เขียวเป็นคนดีวุ้ย หวังดีอยากให้เรียนหนังสือหนังหา

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวออกไปคุยข้างนอก” ผมลุกขึ้น ก่อนจะย่องๆออกทางประตูหลังห้อง  ไปยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องมุมในสุดของชั้นสาม  ลมฤดูหนาวที่อุ่นผิดปรกติพักเบาๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ

“เออ  ออกมาแล้ว”

“พี่ มองมาข้างล่างดิ”

“ทำไม?”

“มาสมัครแล้วนะ” ผมมองลงข้างล่างไปแถวห้องทะเบียน  ที่ๆน้องๆจะต้องมายื่นใบสมัคร

“เออ  เห็นแล้ว”ผมโบกมือให้มันพลางยิ้ม  ดีใจครับที่น้องๆสนใจที่นี่  เสียงประตูปิดจากด้านหลังแสดงว่าคงมีอีกหลายคนที่เบื่อเรียนเกินจะทนเหมือนผม

“ขี้โม้ชิบ”เสียงคุ้นๆเข้ามาพูดใกล้ๆหูที่กำลังฟังเสียงที่ปลายสายจากโทรศัพท์มือถือ เหมือนจงใจให้เสียงดังลอดเข้าไปในมือถือ  ผมหันไปอย่างเคืองๆ

“ไปขี้เลยไป เอี้ยรันย์” ผมไล่มัน มันเลยยยักไหล่อย่างเสียมิได้ ก่อนจะเดินไปตามทางเดิน ตรงไปห้องน้ำ  แต่ดูเหมือนมันจะเห็นอะไรเบื้องล่าง

“อ้าวพี่รันย์”เสียงไอ้เขียวทัก แล้วยกมือไหว้  ไอ้รันย์คจะยิ้มเหี้ยมให้มุมปาก 

“พี่รันย์เป็นไรป่ะ ทำหน้าอย่างกะจะถีบผม”

“ไม่รู้แม่ง  สมัครแล้วเหลืออะไรอีก  สอบใช่ป่ะ?

“ครับ ผมอยากได้ทุน1เลยแหล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ค่าเรียนเยอะ”

“เออ พี่แกมันโง่  มันเด็กไม่มีทุน” เสียงที่ปลายสายหัวเราะ ก่อนจะได้ยินเสียงกุกกักๆ

“อ้าวเฮ้ย  ทำไรวะ กุกกักๆอยู่นั่น”ที่ปลายสายยังไม่ตอบ  ผมเลยมองกลับลงไปข้างล่าง ไอ้เขียวไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

“เฮ้ย เมศ กรูขอโทษ”เสียงแปลกๆทุ้มน่าฟังกว่าเสียงไอ้เขียว ที่ปลายสายหยุด เป็นเสียงน่าสงสัยว่าเสียงใคร แม้จะคุ้ยหู

“ห๊ะ  ว่าไรนะไอ้เขียว?”

“กรูไอ้รันย์  กรูขอโทษเมริง ได้ยินไหม ไอ้งั่ว”เสียงนั้นเหมือนตะโกน  ผมรีบกระชากโทรศัพท์ออกจากหู  ขี้หูแทบเต้นเป็นจังหวะชาลาล่า

“เออ  ขอโทษกรูแต่แรกก็จบแล้ว  ไอ้งั่ง”ผมตัดสายมันเลย  สายลมยังคงพัดอ่อนๆ เช่นเคย  ผมสูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วผ่อนออกเบาๆ มองท้องฟ้าหน้าหนาวที่ไร้เมฆ  บางทีตั้งใจเรียนแคลคูลัสเสียบ้างก็ท่าจะดี



หลังเลิกเรียน ผมพาไอ้รันย์เดินจากสถาบันไปยังหอใหม่ของผม  แม้จะตั้งติดกับซอยแหล่งเริงรมย์ยามค่ำคืน  แต่ตัวหอพักเองก็ดูสวยงามดี  ระบบรักษาความปลอดภัยก็น่าอยู่  ที่สำคัญคือมีร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย  ข้างซ้ายของซอยเป็นร้านข้าวขาหมู กับร้านข้าวมันไก่ ข้างขวาเป็นร้านขายยา  ฝั่งตรงข้ามก็มีของกินอีก  ว่าง่ายๆคือยังไงก็ไม่อดตาย  แถมใกล้สถาบัน เหมาะแก่การวิ่งไปเรียนยิ่งนัก

“เออ  เข้าใจเลือกหอว่ะเมริง”ไอ้รันย์ออกอุทานทันทีที่มันเห็นหอสไตล์บาหลีของผม

“อือ  เดี๋ยวเข้าไปในห้องจะยิ่งกว่านี้อีก โดยเฉพาะส้วม” ผมพูดติดตลกพลางเอาคีย์การ์ดแตะเพื่กดลิฟท์

“หอนี้มีอาจารย์อยู่ด้วยหรอ?”มันถามอย่างตื่นเต้นที่ได้ขึ้นห้องใหม่ผม

“อืม  แล้วก็พวกITน่ะ” ทันทีที่ลิฟ์ส่งเสียงดังกิ๊ง ถึงชั้นที่กด รันย์รีบรุนหลังผมให้พาไปห้องทันที

“ห้องเบอร์อะไร?”

“403”

“ไม่ตัดขาดจากเลข4เลยนะ”

“แน่นอนว่ะ เลข4เป้ฯเลขที่กรูเกลียดรองจากเลข9”ผมไขห้องเปิดให้มันเข้าไปก่อน แม้ห้องภายในจะแคบกว่าหอเก่าเป็นเท่าตัว แต่แลดูน่าอยู่

“นี่ส้วมกรู พราวลี่พรีเซนโตะ”ผีญี่ปุ่นเข้าสิงแล้วครับ ผมพามันไปสำรวจส้วม พลางเปิดประตูอย่างมั่นใจ

“ลิงสีดำ  เออ....สวยวุ้ย”ผมหันไปตามสายตามัน ลิงน้อยสีดำขาเว้าสูงตัวเก่งแขวนไว้หรา

“อ้าวเช้ดดดดด...”ผมรีบตะครุบลิงน้อยไปยัดไว้ในตู้เสื้อผ้าแทบไม่ทันครับ  ทำไงได้ล่ะครับผมเป็นคนหน้าบาง

“เมริงนี่”ผมหันไปจะด่ามัน

“ห้องน้ำสวยดีว่ะ ท่าทางน่าสบาย ไหนเอาคอมมาเปิดดิ๊”อ้าวเฮ้ย ตรูจะอวดห้องน้ำ ไม่ใช่ให้เอ็งเปิดคอม

“น้องปูอยู่ที่โต๊ะ”ผมชี้ๆไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ที่ไม่มีเครื่องเเป้งสักชิ้น  มีแต่โน้ตบุ๊ค หรือน้องปูสุดเลิฟและพจมานคนสวยมันคือเมาซ์ของผม ตั้งอย่างสงบ ไอ้รันย์เปิดคอมเล่นหน้าตาเฉย

“เน็ตแรงว่ะ”ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยคลานไปนอนบนเตียงทั้งชุดนักศึกษา เอาหมอนเล็กหมอนน้อยมาหนุนให้สูงได้ระดับ  ได้ยินเสียงตอบรับจากโปรแกรมสื่อสารหลายครั้ง  จนชักเคลิ้มๆ  เสียงมันคลิกๆอยู่หลายทีก่อนเพลงคุ้นหูจากน้องปูจะดังขึ้น

“เคลิ้มสมาคม เมริงเป็นสมาชิกอ่ะดิ”มันถามเบาๆ เตียงยุบลงตามน้ำหนักไอ้รันย์

“ฮื่อ..เปิดเบาๆเดี๋ยวข้างห้องด่า”ผมขานรับแบบกรึ่มๆง่วงๆ มันคุ้ยกองหมอนได้ตุ๊กตากระต่ายเน่า สมนาคุณจากคุณหญิงแม่ที่กลัวลูกรักเอาหัวกระแทกขอบเตียง สภาพกระต่ายเน่าอย่าให้พูดเลยครับ  มันผ่านศึกมามากจากการกอดรักฟัดเหวี่ยงของทั้งผมและคนในครอบครัว ขนสีชมพูนั้นเริ่มมอเต็มที แต่กลิ่นยังมาดามหอมชื่นใจอยู่ครับ ผมยืนยันได้เพราะนอนกอดมันอยู่ทุกคืน นอกจากมันกอดมันส์มือแล้วนั้นยังเป็นหมอนหนุนหลังที่มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย แก้อาการปวดหลังได้ชะงัด

“ไอ้กระต่ายเน่านี่ กรูกอดแล้วจะเป็นแบบพี่บิ๊กหรือเปล่าวะ?”ไอ้รันย์พูดพลางเอาหูกระต่ายเน่ามัดเข้าด้วยกัน แถมพิสูจน์กลิ่นเสียด้วย

“เมริงนี่มีตาหามีแววไม่ นั่นสมนาคุณจากหญิงแม่เลยนะเว้ย”

“กลิ่นยังพอไหวว่ะ”

“เห็นมันมอมแมมอย่างนี้ ก็รักสะอาดนะเว้ย แค่สี....เพี้ยนๆไปหน่อย”มันพลิกตัวนอนตะแคง แล้วกอดกระต่ายเน่าไว้ด้วย

“เออ...ถึงกรูปากบอนขี้โวยวาย ชอบดูบอลนอนดึกตื่นสาย แต่กรูจริงใจนะว้อย”มันยักคิ้วหลิ่วตาให้ แหมเมริง มันน่าถีบ ผมเลยเอากีบเท้าถีบมันย้ำๆหลายๆที

“หมั่นไส้ว่ะเมริง” เสียงเพลงเคลิ้มสมาคมมาถึงท่อนฮุค เสียงไอ้รันย์ก็แทรกขึ้น

“ใครจะไปดี ได้ทุกชั่วโมง   ก็เรามันคนไม่ใช่ละครทีวี อยู่ที่มุมมองเลือกมองที่ด้านดี ถ้าเธอมีใจให้ใครคนดี เรื่องแค่นี้ก็น่าจะมองข้ามไป” มันร้องเพลงแล้วยิ้มให้  ผมเองก็ยิ้มกับมันด้วย 

“สันดานชั่วๆคงมีใครเอาทำพันธุ์หรอก”

“ไม่แน่หรอก” เสียงทุบกำแพงห้องฝั่งปลายเตียงทำเอาผมรีบลุกพรวดขึ้น รีบกระโดดข้ามไอ้รันย์ไปหรี่เสียงเพลงให้เบาลงด้วยกลัวว่าข้างห้องจะรำคาญ ก่อนเสียงทุบประตูแรงๆจะดังขึ้น

“เอาแล้วไอ้รันย์ กรูบอกให้เปิดเบาๆ” ผมรีบปัดผมให้เข้าทรงก่อนจะส่องตาแมว  แต่ไม่มีใครอยู่หน้าประตูครับ  ผมเลยตัดสินใจลองเสี่ยงเปิดประตูดู   ผมเปิดประตูแล้วถึงกับอึ้ง  เพื่อนสาวหน้าตาคุ้นเคยยืนยิ้มเผล่ให้ผม  คุ้นเกินไปแล้ว!!

“แหม ผนังห้องไม่หนาไม่บางไปเนอะ กำลังดีเลย เสียงห้องแกถึงห้องฉันเลยว่ะ” คุณพระช่วย โอ้ววว...หม่ายก๊อด ไอ้นี่มัน โม ญ!!

“ยินดีที่ได้ตามมาจิกกัด ห้องข้างๆกัน มีไรเรียกได้นะ 402ประตูแทบติดกัน” ผมอึ้งเอ๋อ อยู่หน้าห้อง ในขณะที่โม ญ เปิดประตูห้องตัวเองที่อยู่ข้างห้องผมต่อหน้าต่อตา

“อ่อ....อย่างเสียงดังนักล่ะ  จะร้องอะไรก็เบาๆหน่อย  ห้องข้างๆแกเป็นIT”มันพูดก่อนจะปิดประตูลงกลอนห้องตัวเอง

“ใครวะ?”ไอ้รันย์มันลุกมาชะโงกตรงประตูบ้าง ผมหันไปมองมันแบบอึ้งๆ  รู้สึกปากคอมันตีบตัน นี่ผมยังไม่หลุดจากวังวนของสภาฯใช่ไหม

“เฮ้ยใคร....?”

“โม ญ”

*****************************************


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 06-01-2008 13:28:06
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: อัพแล้วๆ ดีจรายจัง  :mc3: :mc3: :mc3: :mc3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 06-01-2008 15:06:43
 :m20: :m20: เอิ้กๆๆๆ 

โม ญ ตามมาให้ได้ฮา  สภาฯจงเจริญญญ....ฮิ้ววว  :mc4:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 06-01-2008 19:55:04
 o13

เข้ามาเพราะชื่อ!!


แต่ว่าก็ทำให้อ่านเพลินได้จนจบตอนแรก กร๊ากกกกกกกกกก

สนุกมากครับ!!!


แต่ขอแอบต๊ะตอน 2 ไว้ก่องนะครับ เด๋วจะเข้ามาอ่านใหม่

ท่าทางเมศจะเสน่ห์แรงง แฮ่ๆๆ ชอบๆครับผม!!!

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 ธันวาคม 2550
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 07-01-2008 10:35:35
ขอบอกพี่เมศอย่างตรงๆว่า

 :m1:ช๊อบบบบ ชอบบบบบ :m1:


ชอบทั้งเพลงพัดชา
ชอบตอนพี่รันย์บอกว่า "เพื่อน!!!  กูรักมึง"  :m20:

และ

พี่รันย์งอนเก่งโคตๆ อิอิ

ไปหละ
พอเพียงพอเพียง
จุฟจุฟ  :m1:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 มกราคม 2551 (ก่อนเว็บล่มแป๊บเดียวเอง)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 08-01-2008 13:17:33
 :mc3:สภาหญิงจงเจริญ :mc4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 มกราคม 2551 (ก่อนเว็บล่มแป๊บเดียวเอง)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-01-2008 20:13:31
ทวงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอยากอ่านต่อแล้ว คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 15-01-2008 10:40:41

ตอน๗ ปีใหม่อารมณ์ใหม่


ระยะการสอบกลางภาคของภาคการเรียนที่สองกลับมาอีกครั้งอย่างไร้ความปราณี ข้อดีของการย้ายหอมาอยู่ที่ใหม่คือทำให้ผมไม่ต้องรีบออกจากหอเพื่อไปสอบมากนักเมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆที่บ้านอยู่ไกลออกไป แต่ก็ด้วยเหตุผลนี้แหล่ะครับ ที่ทำให้ผมต้องเสียพื้นที่ในการนอนไปกว่าครึ่ง  เสียค่าน้ำค่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะมีเพื่อนตัวไซส์ขนาดน้องๆควายมาอยู่ด้วย สัมเวสีตนนี้ก็ไอ้รันย์นั่นแหล่ะครับ นี่ผมอุตส่าห์ย้ายอหนีมันแล้วนะ....

จริงๆไม่ใช่หรอกครับ สัญญาหอเก่าหมดแล้ว เลยอยากย้ายมาอยู่ใกล้ๆสถาบัน เพราะเป็นโรคตื่นสายเข้าเส้น สายทีก็สายเป็นแพคคู่ พฤติกรรมมาเรียนสายไม่ดีนะครับทุกคน ควรลดละเลิก เพื่อสุขภาพของเกรดผลการเรียน แต่ที่ผมยอมให้มันเข้าห้องมาได้นี่เพื่อผลประโยชน์ทางการศึกษาล้วนๆ สอบเสร็จก็เตรียมเฉดหัวมันออกไปได้

“ ทำข้อนี้ให้ดูหน่อยดิ๊”

ไอ้รันย์อมจุ๊ปเปอร์จุ๊ปแล้วเกาขาแกรกๆ ก่อนจะรับกระดาษไปเขียนๆแก้ๆ วิชาสุดท้ายที่เราจะสอบพรุ่งนี้เป็นวิชาแคลคูลัส๒ วิชาที่เซียนเทพเท่านั้นถึงจะทำได้ ไม่รู้เรียนไปทำเปรี้ยวอะไร

“อ่ะ เสร็จและ”มันส่งกระดาษทดที่มันคิดแล้วให้ผม

“คอมแพริซั่นเทส  เข้าใจเหรือเปล่า?”มันถามอยากมีเมตตาต่อสัตว์โลกโธ่ จะเข้าใจหรอครับ เรียนยังไม่เคย!

“กุไม่เข้าใจว่าเมิงก็อยู่กะกรูตลอด แต่ทำไมสภาพกรูเหมือนคนไม่เคยเรียนแคลมาก่อนในชีวิต”

“ความเหนือชั้นมันต่างกันว่ะ”

ผมมองหน้ามันแบบเคือง ใช่สิครับผมมันควายน้อย เมื่อวันก่อนที่สอบวิชาก่อนหน้านี้ก็เขาหักเขาถลอกไปเยอะแล้ว

“เอาน่ะเมริงอย่าคิดมาก การสอบเป็นแค่เทศกาล สอบแล้วก็ผ่านไปอย่าไปใส่ใจ”

“เทศกาลที่ถึงเวลาก็จะเวียนมาอีกรอบอ่ะดิเมริง พอสิ้นเทอมก็แจกสัตว์ กรูก็เลี้ยงหมดตั้งกะมดถึงหมา แต่วิชาเวรนี่กรูคงได้เลี้ยงปลา”

“เมิงก็ทู่ซี้เข้าน่า เดี๋ยวสอบเสร็จไปคลายเครียด”

ผมได้แต่ทำหน้าซึมเหมือนโดนยาเบื่อ

เสียงเคาะประตูดังเบาๆสองสามครั้ง ผมพยักหน้าให้ไอ้รันย์อย่างมึนๆ เดี๋ยวนี้ห้องผมเหมือนห้องมันเลยครับ มันมีสิทธิ์เปิดเข้าออกได้ตามใจ แขกไปใครมาก็เปิดต้อนรับ  ที่นอนหมอนมุ้งก็ใช้กับผม น้ำไฟยิ่งไม่ต้องพูดถึง เสียอย่างเดียว มันไม่ช่วยออกตังค์

“อ้าว ไอ้รันย์ เดี๋ยวนี้ห้องนี้ห้องเมิงแล้วสิ”

มาล่ะครับไอ้ข้างห้อง คราวนี้จะมาขอขนมหรือยืมการ์ตูน ดูจากโหงวเฮ้งแล้วน่าจะชวนไปเซเว่นปากซอย

“หิวว่ะ ไปเซเว่นกัน”

น่าน เดาแม่นราวเยี่ยงหมอLUXฟันธง ทำไมข้อสอบกรูไม่เดาได้แบบนี้มั่งว๊า~ ฮาๆฮือๆ อยากจะร้องไห้วุ้ย

“เออไปก็ไป”ไอ้รันย์รับคำง่ายๆ แล้วกันเมิง มันพยักหน้าเชิงชักชวนกะผม

“ไปเหอะ ชามะนาวเผื่อกรูด้วย”หมู่นี้ผมติดชามะนาวครับ ไม่รู้เป็นอะไร

“ตังค์”มันแบมือยิกๆ ทำกระแซะๆน่ารำคาญ

“ทีตังค์เลี้ยงข้าวสาวๆมี ตังค์ออกไปซื้อชาวมะนาวให้เพื่อนผู้มีพระคุณไม่ถึงยี่สิบเสือกขอยิกๆ”

ไอ้รันย์ส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอ ก่อนจะยอมไปแต่โดยดี

         
ระยะทางจากหอถึงร้านสะดวกซื้อปากซอยไม่ไกลนัก คนตัวสูงสวมเสื้อยืดบางๆกับกางเกงขาสั้นย้วยๆหัวกระเซิงพลางดูดจุ๊เปอร์จุ๊บ คนตัวเล็กกว่าสวมเสื้อยืดสีดำตัวหลวม กางเกงเลสีม่วงราวบอกสัญชาติ ว่า...Y หัวฟูคาดที่คาดผมสีส้มแสงแยงตา  ตั้งแต่ลงมาจากห้อง ทั้งรันย์และโม ญ ยังไม่พูดกันสักคำเดียว  หมาเจ้าถิ่นมองคนสองคนเดินมาตามซอยค่อนข้างมืดแม้จะมีร้านผัดไทยหอยทอดจอดบริการอาหารอยู่ประปราย

“แก ชอบไอ้เมศใช่มะ”โม ญ เปิดประเด็นขึ้นท่ามกลางเสียงฝีเท้าสองคู่ที่ลากเท้าไปปากซอยด้วยกัน

“ทำไมวะ?”

โม ญ เงียบอยู่ครู่หนึ่ง

“ใช่หรือเปล่าล่ะ?”

รันย์ไม่ตอบ แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด

“มันไม่เป็นไรหรอก  บอกกูมาเหอะ เมิงก็เพื่อนกรู ไอ้เมศก็เพื่อนกรู แล้วมันก็ไม่เรื่องผิดที่คนสองคนจะรักกันจริงไหม?”

ไอ้รันย์ทำสีหน้าแปลกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นว่าเพื่อนหญิงคนนี้ดูเป็นคนดีมีสาระ

“เมิงไม่คิดเหรอว่าแปลก”

โม ญ หัวเราะขึ้นจมูก นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่มันเห็นไอ้รันย์ ทำเสียงเหมือนไม่มั่นใจตัวเอง

“เมริงคิดว่ากรูเหยียบวงการสาววายเต็มตรีนมากี่ปี  มันจะแปลกตรงไหนที่คนสองคนจะรักกันแต่บังเอิญโคมโมโซมเป็นXYทั้งคู่” 

เสียงปี๊ป่อ~ของร้านสะดวกซื้อเชื้อเชิญให้ทั้งสองก้าวเข้าไป ต่างคนต่างหยิบของกิน ก่อนจะจ่ายตังค์เดินตัวปลิวออกมา

“ว่าไงวะ?”

ไอ้รันย์ยังเงียบ

“ก็ไม่แน่ใจ แค่คิดว่ามันฮาดี”

โม ญ หัวเราะจิตๆเหมือนเคย

“หัวเราะไรวะ”รันย์ชักเสียงดังเข้าใส่

“หัวเราะเมิง เอาเหอะไม่แน่ใจ  เดี๋ยวกรูจะรอดูว่าพวกแม่งจะตกล่องปล่องชิ้นกันเมื่อไหร่”

“เออ ดูไปอย่าให้คลาดสายตาแล้วกัน” ไอ้รันย์จ้ำพรวดๆเดินนำไปข้างหน้า มันไม่รู้หรอกว่าคนเดินตามหลังขำมันขนาดไหน



เวลาประหารกำลังจะผ่านไป ผมมองกระดาษคำตอบของตัวเองที่ผ่านการขูดลบขีดฆ่า ราวจะหาเลขเด็ดเผื่อจะได้คะแนน แต่จนแล้วจนรอดก็จบชีวิต ทำไม่ได้ล่ะครับ เต็มร้อยจะถึงสามคะแนนไหมนี่ไม่แน่ใจ ผมลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างแมนๆ เหลืออีกสิบห้านาที พวกเมิงทำไปแล้วกัน ผมส่งสายตาอาลัยข้อสอบเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกเดินเร็วออกจากห้องสอบ เห็นไอ้รันย์ยังก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบ เหมือเหล่าสภาที่อยู่เกือบครบขา   ผมก้มลงหยิบกระเป๋าก่อนจะโกยแนบออกจากห้องสอบ ไปส้วมอย่างเร็วเลยครับ การทำสอบนานๆทำให้ต้องการขับกำลังภายในออกจริงๆสิให้ตาย

“ทำได้ไหมวะ?”

เลือกทำเลถามได้เยี่ยมเลย กรูอยู่ในส้วมนะเว้ย เอี้ยเสียด

“ไม่ได้ ถามไม่คิดเลยนะเมิง มีทิชชูไหม?”เพื่อนที่ดีต้องรู้จ้กใช้เพื่อนครับทุกคน

“ไม่ให้ เอาชายเสื้อเช็ดไปไอ้สาด”

“เพื่อนเสียด ไม่คิดจะสงสารกรูหน่อยหรอ เราคนหัวอกเดียวกันนะเว้ย”ส้วมห้องข้างๆเงียบไปพักใหญ่ก่อนเสียงกดชักโครกจะดัง

“ทิชชูกรูใช้หน้าAไปแล้ว เมริงใช้หน้าBแล้วกัน”อ้าวไอ้นี่...

“ทิชชูนะคร๊าบคุณเสียดไม่ใช่เทปหรือกางเกงในจะได้กลับหน้าเอหน้าบี”

“อ้าวหรอ อ่ะ”มันส่งทิชชูมาใต้กำแพงกั้นส้วม อย่าตกใจไปครับ ทิชชูยังไม่ได้ใช้

“เออ ใจๆ”ผมรีบทำธุระของตัวเอง ก่อนออกมาล้างมือ  สีหน้าไอ้เสียดที่สะท้อน ในกระจกเงาบานใหญ่ ดูเครียดกว่าปรกติ

“เป็นไรวะเมริง”

“กรูอยากไปดาดฟ้าว่ะ”

ผมร้องห๊า~เสียงดัง สนั่น ดีที่พลังเสียงไม่ทำให้กระจกแตก หึหึหึ


ด้วยความว่างจัดของคนเราสามารถทำให้คนๆหนึ่ง(หรือหลายคน)เดินไปพบปัญหาได้  ผมกับไอ้เสียดตกลงใจจะไปดาดฟ้าด้วยกัน เพื่อนไปไหนผมไปด้วย เราเลือดกรุงเทพฯ ถึงจะต่างย่านก็เถอะ ผมและไอ้เสียดขึ้นลิฟท์มาทีชั้นเจ็ดอันเป็นที่ยังไม่เปิดให้ขึ้นเรียน สงวนไว้สำหรับปีหน้าที่จะมีรุ่นน้องเข้ามาได้ใช้ชั้นใหม่เอี่ยมคือชั้น หกและเจ็ด  ซึ่งขณะนี้เงียบสงบ ปราศจากสิ่งมีชีวิตใดๆนอกจากพวกผม

“เฮ้ย เมริงเปิดประตูไว้ เพื่อความปลอดภัยเว้ย”ไอ้เสียดกล่าวอย่างผู้มีภูมิ ประตูที่นี่บางบาน พอปิดแล้วจะเปิดจากข้างนอกไม่ได้ครับ แต่ถ้าเปิดจากข้างในออกข้างนอกจะเปิดได้ เป็นหลักเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

“เออ รอบคอบดีนี่หว่า”ไอ้เสียดมันยิ้มตาหยี
         

จากชั้นเจ็ดขึ้นดาดฟ้า ต้องใช้บันไดใหญ่ของตึกเดินต่อขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นครับ เป็นบันไดเดียวที่จะขึ้นไปถึงได้ ซึ่งประตูบานนี้ก็เช่นกัน ไอ้เสียดรอบคอบเปิดไว้ เริ่มตื่นเต้นล่ะครับงานนี้ บันไดมีพียงแสงสลัวๆจากเบื้องนอก และเงียบสงบคนละเรื่องกับข้างล่างที่โหวกเหวกโวยวายกันหลังสอบ 

“เฮ้ย แม่ง เหมือนในหนังเลยว่ะ”ผมออกอุทานอย่างตื่นเต้น

“เออ เหมือนหนังเรื่องนั้นเลยว่ะ พอพับเซิ่ง”

“เออๆ  ได้ฟีลเด็กญี่ปุ่นหนีเรียนขึ้นดาดฟ้า”ผมกะไอ้เสียดกิ๊วก๊าวกันใหญ่ ผมเอื้อมมือผลักประตูดาดฟ้าออกไป ให้ไอ้เสียดดันประตูตามมาอีกคน  แสงแดดอุ่นอาบไล้ไปทั่ว แถมลมเย็นๆอย่างฤดูหนาวยังพัดกำลังสบาย

“แม่ง อากาศดีว่ะ”ผมพูดแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“เห็น ม.ข้างๆชัดเลยวุ้ย”ผมมองลงเบื้องล่างเห็นกลุ่มแม่บ้านยืนกระจุกตัวกันอยู่ตรงสนามหญ้าใกล้พระภูมิ ดูท่าทางแล้ว ไม่น่ามาขอหวยนะครับนั่น

“แม่บ้าน เขาทำอะไรกันวะ”

“ช่างเขาเหอะ แต่แม่มได้ฟีลหนังญี่ปุ่นชิบ”ไอ้เสียดยังพร่ำเพ้อ เราเดินไปรอบดาดฟ้าโดยไม่ทันได้ยินเสียงดัง ‘กึก’


“เฮ้ยไปเหอะ ป่านนี้พวกมันออกจากห้องสอบหมดแล้วล่ะ”ผมชวนไอ้เสียดลง มันเออออห่อหมกเป็นอย่างดีแล้วเดินไปเปิดประตู

“แสรดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!! เปิดไม่ออก”

“เพราะเมิงเลยไอ้เสียด อ๊ากก  ช่วยด้วยค๊าบบบบบบ มีคนติดอยู่บนนี้”แหกปากคงเป็นทางเดียวที่จะรอด

“เพราะเมริงแหล่ะ เหมือนหนังญี่ปุ่นอ่ะ”

“สาด ใครวะมันว่าเหมือนหนัง พอพับเซิ่ง เฮ้ยโทรหาคนข้างล่างให้มันมาเปิดดิ๊”ไอ้เสียดรีบคว้าโทรศัพท์มือถือรุ่นพระเจ้าเหายังเรียกอาป๊าของมันขึ้นมา หันหาสัญญาณทันที

“ไอ้มือถือเฮงซวย ไม่มีสัญญาณอ่ะ เอาของเมิงมา”

“โอโฮ  ยอดตึกไม่มีสัญญาณ เฟี้ยงทิ้งไปได้แล้ว พกสากเบือไว้ทำเปรี้ยวอะไร”ผมด่าเสร็จคว้าโทรศัพท์ตัวเองที่เก่าไม่แพ้มันออกมา แล้วกดหมายเลยหนึ่งค้างไว้โทรออกหาเป้าหมายทันที แล้วรออีกฝั่งรับสาย แต่เงียบครับไม่มีใครรับ

“ฮือ รับโทรศัพท์กรูหน่อยเด้”ผมรีบกดโทรออกอีกหลายรอบ

“พาดหัวข่าววันพรุ่งนี้ หนุ่มวิศวะสถาบันดัง(เงียบๆ) ดิ่งพสุธาตึกเรียนชั้นดาดฟ้า เหตุเพราะประตูล็อคออกไม่ได้”ไอ้เสียดเริ่มออกอาการพร่ำเพ้อ

“อะไรวะโทรอยู่ได้”เสียงที่ปรายสายหงุดหงิด มันเป็นเอี้ยอะไรอีก  เพื่อนเมิงจะตายอยู่ดาดฟ้าแย้วววว

“ไอ้รันย์ เมริงขึ้นมาดาดฟ้าหน่อย”

“ขึ้นไปทำเอี้ยไรวะ แม่ง ยุ่งจริง ว่างนักหรือไง”

“กรูจะไม่กวนเมริงเลย ถ้ากรูไม่ติดอยู่บนดาดฟ้าอ่ะ ช่วยกรูด้วย”

“สม โง่นัก อยู่บนนั้นไปแล้วกัน”

ผมฉุนขาดมั่งล่ะครับงานนี้

“เออ ใช่สิกรูมันโง่ กรูรู้ตัวมานานแล้ว สาด ไม่ขึ้นมาก็ไปไกลๆตีนเลย  ไอ้เสียดเมิงเปิดออกไปดิ๊ ประตูไหนก็ได้ เปิดๆแม่งลองดู....”ผมตัดสายมันไปเลยแบบโมโห

“แม่งคนไรวะ น้ำใจเหมือนน้ำจิ้ม”

“เปิดไม่ออกว่ะเมศ ทางรอดสุดท้าย...” ไอ้เสียดหน้าแดงก่ำเพราะแดดอุ่นจนร้อนที่ชักแผดเผา

“ป้าแม่บ้านค๊าบ ช่วยด้วย  ช่วยด้วยยยยยยยย!!”ผมกะไอ้เสียดตะโกนกันคอแทบแตก แต่สงสัยเสียงจะไม่ถึงข้างล่าง

“ฮืออออ เมริง ถ้ากรูตาย ใส่บาตรให้กรูด้วยนะ”ผมออกอาการสั่งเสียอีกแล้วครับ

“ถ้าเมริงตายกรูก็ตายล่ะวะ” ประตูเหล็กเปิดออกอย่างแรง ผมและเสียดหันหน้ากันขวับ  เห็นไอ้รันย์หอบเป็นหมาหอบแดด หน้าแดงก่ำ เหงื่อแตกซิก

“เปิดออกแล้ว ออกมา”มันพูดพลางหอบหายใจแรงๆ เอาเครื่องช่วยหายใจไหมวะเพื่อนกรู

“เป็นไรป่ะ?”

มันหันมาสบตาผมพอดี ผมเห็นมันหอบแด๊กซ์แล้วก็สงสารมันล่ะครับ

“แล้วรันย์เป็นไรหรือเปล่า?”

มันส่ายหัวดิ๊กๆ แต่ยังหอบหายใจแรงๆ  หน้ามันแดงๆดูมึนๆ มามะมาผายปอดที

“ไปเหอะรีบลง ก่อนจะติดอยู่นี่สามคน”ไอ้เสียดมันรีบเดินนำลงบันไดกลับไปทางเดิม

“ทำไมหอบขนาดนี้?”

“หาบันไดไม่เจอ ทำไมติดดาดฟ้าไม่ยอมบอก”

โธ่ๆ กรูบอกอยู่ทนโท่ แต่อาการมันน่าสงสารครับ ผมส่งทิชชูให้มัน ก็ห่อเดียวกับที่ใช้ ‘เข้านานๆ’ นั่นล่ะครับ มันรับไปเช็ดเหงื่อบนหน้ามันแต่โดยดี

“บอกแล้วไง แต่ว่าขอบใจนะ”ผมบอกรันย์เบาๆ มันหันมายิ้มให้จางๆ ดวงหน้าหล่อลากของมันยังแดงเรื่อๆ เห็นแล้วใจ อ๊างงง~

“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”  มันจับข้อศอกผมเบาๆ ให้เดินไปพร้อมๆกัน



ปีใหม่อารมณ์ใหม่นี้ ผมไม่ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับใครเขาหรอกครับ นอนอยู่บ้านมันตลอด ตื่นมาก็เกือบเที่ยงแล้ว  พอตื่นปั๊บเปิดคอมทันที เหมือนเป็นปฎิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่มีต่อสิ่งเร้าอย่างคอมพิวเตอร์ พอนั่งหน้าคอมปั๊บ สำรับอาหารยกมาบริการทันที  สภาพผมจึงเหมือนเจ้าที่อย่างช่วยไม่ได้  แม่บริการส่งอาหารถึงที่แบบเดลิเวอรี่เลยทีเดียว  ดังนั้นปีนี้คงเป็นอีกปีที่อยู่ในช่วงห้าวันอันตราย   แต่ก็ดีครับ หลายคนแล้วบ่นว่าผมผอมเกิน   ผมเหลือบมองเวลาใกล้ขึ้นปีใหม่จากนาฬิกาคู่บุญของบ้านผมที่รับใช้กันมายาวนานตั้งแต่สมัยผมยังงงว่าหน้าปัดนาฬิกาไม่มีเลข แล้วดูเวลายังไง มาจนปัจจุบันนี้ก็ยังดูเวลาผิดอยู่เรื่อย ตกลงเซลล์สมองของผมได้พัฒนาอย่างเต็มที่หรือเปล่านี่ก็ชักไม่แน่ใจ เสียงเพลง คนดี๒๔ชั่วโมง ที่ปัจจุบันผมตั้งเป็นริงโทนเฉพาะตัวให้ใครคนหนึ่ง

“ว่าไงวะ?” ผมถามมัน แค่ได้ยินเสียงมันผมก็ยิ้มแล้วครับ ผมเอื้อมมือไปคว้าป๊อกกี้ ขนมที่คุณหญิงแม่ซื้อเก็บไว้ให้ลูกชายสุดรักอย่างผมกินเล่นยามค่ำคืน เสริมสร้างไขมันในเส้นเลือด

“เออ ทำไมวะ? กรูโทรหาเมริงไม่ได้งั้นสิ”เสียงที่ปลายสายออกอาการแอบเกรียน

“ก็เมริงบอกว่าอยู่ต่างจังหวัดไม่ใช่หรอวะไอ้รันย์ เป็นไงล่ะเมิง เพชรบูรณ์ช่วงปีใหม่คนเยอะไหมวะ?”

“โห คนเยอะอย่างกะมด ดีที่กรูไม่ขึ้นภู ไม่งั้นกรูคงขาดอากาศหายใจตายห่า แย่งกันกินแย่งกันใช้ชิบหาย”มันออกอาการร่ายยาวเลยครับ ได้ยินเสียงคุยกันเบาๆจากปลายสายคิดว่ามันคงไม่ได้อยู่คนเดียว

“แล้วเมิงนอนไหนวะ ไม่ขึ้นภู?”

“บ้านอีกหลัง เป็นสวนน่ะ”อ่อ ดีครับ คนมันรวยก็เงี้ยมีบ้านหลายหลัง

“ดาวสวยไหม?”ผมไม่รู้จะถามอะไรมันครับเลยนึกอะไรได้ก็ถาม

“เออ สวยดี หนาวด้วยว่ะ”ผมฟังเสียงมันแล้ว ฟังอ้อแอ้พอสมควร

“เมิงเมาป่าวเนี่ย?”

“ป๊าวววว~ ไม่เมาๆ  เมิงสบายดีไหมวะ?”

“เออ  ก็สบายดี แม่กรูนึกว่ากรูเป็นเจ้าที่ ถวายของกินสามเวลา  หรือว่าขุนไว้ฆ่ากรูก็ไม่มั่นใจว่ะหึหึหึ”เสียงไอ้รันย์หัวเราะด้วย ฟังแล้วสบายใจดีครับ

“เออ ดีแล้ว เมิงผอมจะตาย แต่แม่งกินเหมือนยัดนุ่น เปลือง”

“เออ สงสัยพยาธิเยอะว่ะ”ผมพูดพลางเหลือบดูโทรทัศน์ถ่ายทอดสดการเคาท์ดาวน์ ที่ตอนนี้กำลังมีการแสดงโดยนักร้องสาว

“คืนนี้ไม่ไปไหนหรอ?”

“ไม่อ่ะ กำลังใช้ค่ำคืนของคนโสดกะเพื่อนๆอยู่ ก็อย่างว่ากรูมันคนไม่มีแควน”พูดแล้วก็หดหู่ในหัวใจครับ ชาวบ้านเขาไปเคาท์ดาวน์กับแควนกันมากมาย ไม่ก็เพื่อนๆ

“เล่นเอ็มนะหรอ?”

“เออ  เอ็ม สถานที่ของคนไม่มีที่ไปในคืนวันเคาทดาวน์”มันหัวเราะสะใจเลยครับ

“ทำหัวเราะนะเมิง ใช่สิ มีที่ไปแล้วนิ อาการบริสุทธิ์ หนาวสะใจ ควงสาวสวยไปด้วยนี่”

“เออ ก็สวยจริงอ่ะ ไม่งั้นลูกคงไม่ออกมาหน้าตาหล่อเหลาเอาการขนาดนี้”มันไปเที่ยวกับแม่มันครับ

“โหๆ สาดเอ๊ย ชมตัวเองก็ได้ ไร้ยางอายจริงๆว่ะเมิงนี่ ต้นยางเมิงตายไปกี่ปีแล้ว เอากล้าไปเพาะชำสักหน่อยไหม?” ผมมองนาฬิกาอีกครั้ง ใกล้ช่วงโค้งสุดท้ายของปีแล้วครับ  โทรทัศน์เริ่มส่งเสียงเคาท์ดาวน์กันครื้นเครง

“เฮ้ย  เคาท์ดาวน์แล้วเว้ย  มาๆ”

“ไม่เอา เคาท์ทำไมวะ ทำอย่างกะนาฬิกาบ้านเมิงตรงกะกรู”ไอ้รันย์บ่น  ช่วงนี้มันบ่นบ่อยนะครับ

“เออน่า ปีใหม่นะเว้ย”

“เออ ใหญ่ น่ารักดี ”น่าน มันขึ้น ‘ภูเขา’ ออกนอกเรื่องไปแล้ว

“อ้าเฮ้ย๑๐.....๙....๘....”ที่ปลายสายมันถอนใจแล้วนับเร็วกว่าผมครับ

“๓๒๑...ตู๊ม”

“ตู้มเอี้ยอะไร จบเรื่องปีใหม่นั่นแล้วเว้ย”

มันหัวเราะ แบบฟังดูอ้อแอ้ ผมพยายามนึกหน้ามันเวลาเมา นึกแล้วก็ขำล่ะครับ ตามันคงเยิ้มๆเหมือนหมาเห็นกระดูก

“เอาใหม่ๆ ๕....๔.....” พลาดแล้วคนเราต้องตั้งลำใหม่ครับทุกคน

“๓....๒...”เสียงไอ้รันย์เหมือนนับแข่ง ใครถึงศูนย์ก่อนชนะ

“รีบไปไหนวะ”

“๒...อ้าวสาด สวัสดีปีใหม่ ไม่ต้องนับแล้วเมิง”ผมตัดรำคาญเลยครับ เพราะผมได้ยินแถวบ้านยิงพลุแล้วเรียบร้อย หลายนัดแล้วด้วย แสงไฟสว่างวาบๆจากข้างนอกเป็นสีน้ำเงินและทองน่าดู  ผมเงียบไปนานคิดบางอย่างอย่างในหัว บางอย่างที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน บางทีอาจเพราะอากาศเย็นนิดๆจากการเปิดพัดลมจ่อระยะเผาขน หรืออาจเพราะเมาป๊อกกี้ก็เป็นได้

“สวัสดีปีใหม่ เออ...แม่งทำไมเงียบวะ เฮ้ย ไอ้เมศ”
“รันย์.......กรูคิดว่าบางที....”






“กรูอาจจะชอบเมิงว่ะ”

***********************************************

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 15-01-2008 16:22:53
สารภาพรักพร้อมปีใหม่ อิอิ :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 15-01-2008 18:16:51
ฮิ้ววว


พี่เมศสารภาพรักพี่รันย์แล้วว
 :mc3: :mc3: :mc3: :mc3: :mc3: :mc3: :mc3:


จุฟจุฟ อิอิ  เอิ๊กๆๆๆ

จามารออ่านทุกวันนะง๊าบบ  :m1:
คิดถึงจริงๆ

ชอบมากๆง๊าบบบ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 15-01-2008 19:44:12
 :mc3: กูอาจจะชอบเมิงว่ะ  :mc3  <---บอกรักตั้งแต่ปีใหม่เรย 55+
เย้ๆ มาต่อแล้ว หายไปนานเรยนะคับ   :a1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 15-01-2008 20:27:21
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 15-01-2008 21:09:32
แล้วรันย์จะตอบว่าไงอ่า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-01-2008 13:31:14
หายไปไหนเนี้ย

ทำไมยังไม่มาต่ออะเคอะ?

ต่อด่วน
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 18-01-2008 13:51:16
 :serius2: ค้างคาที่สุดในโลก เล่นสารภาพไปแบบนี้ อยากอ่านต่อแล้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 27-01-2008 16:10:38
ไม่ทำงานเดี๋ยวไปลอกพรุ่งนี้ได้           ไม่รีไพล์คอมเมันท์เพื่อนไม่ว่า
ไม่เข้าบอร์ดปลอดคนเพื่อนเฉยชา         แต่ไม่มาอัพนิยาย"เมิงอาจตาย"   :m1: :oni1:

_________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพ_________
______อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ______________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ______
___อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_____________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ__
__อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ
_อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ
_อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_
_อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_______อัพอัพอัพอัพ_______อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_
__อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั__________อัพอัพ_________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_
__อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ___________อัพ___________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_
____อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั______________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____
______อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_____
________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั__________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั________
__________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_______________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอั__________
____________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____________
______________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ______________
________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ____อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ________________
__________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ___________________
____________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ_____________________
_____________________อัพอัพอัพอัพอัพอัพอัพ__________________________
________________________อัพอัพอัพ____________________________
__________________________อัพ_____________________________

ด้วยรักและห่วงใย จากเพื่อนผู้หวังดี
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ~PaHn~ ที่ 27-01-2008 17:21:22

อยากรู้ว่ารันย์จะตอบยังไง  :m13: 
อัพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆง้าบบบบบบ

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 04-02-2008 15:26:52
อัพ อัพ อัพ  :m1:

รอ ร๊อ รอ
แต่ก็ยังรอ

เพราะชอบมากๆ  :m1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 06-02-2008 21:28:00
มาจิ้มตูดน้องกิฟอีกล่ะ อิอิ :m4:

น้องเมศจ๋าค้างตอนไหนไม่ค้างมาค้างตอนนี้ :เฮ้อ:

พี่จะแย่แล้วอ่ะ  มาต่อด่วนจร้า  :m1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 07-02-2008 01:50:39
ไม่ทำงานเดี๋ยวไปลอกพรุ่งนี้ได้           ไม่รีไพล์คอมเมันท์เพื่อนไม่ว่า
ไม่เข้าบอร์ดปลอดคนเพื่อนเฉยชา         แต่ไม่มาอัพนิยาย"เมิงอาจตาย"   


 :m15: ทำเค้าได้ลงคอเหรอตัวเอง

ก็คนแต่งมันไม่ต่อ แล้วคนโพสจะเอาที่ไหนมาให้ล่ะ กาซิก


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 07-02-2008 13:56:49
พี่ครับมาต่อเถอะนะครับ :a6:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 11-02-2008 22:14:35
ไม่ทำงานเดี๋ยวไปลอกพรุ่งนี้ได้           ไม่รีไพล์คอมเมันท์เพื่อนไม่ว่า
ไม่เข้าบอร์ดปลอดคนเพื่อนเฉยชา         แต่ไม่มาอัพนิยาย"เมิงอาจตาย"   


 :m15: ทำเค้าได้ลงคอเหรอตัวเอง

ก็คนแต่งมันไม่ต่อ แล้วคนโพสจะเอาที่ไหนมาให้ล่ะ กาซิก




เพิ่งเห็นอ่าาาา ไม่ได้ตั้งใจสะเทือนไปถึงเลยนะคร้าาาาา   :m29:
แบบว่าเจาะจงเฉพาะคนเขียน 55+ มันไม่ยอมอัพสักที
เลยขอท้วงสักหน่อย

********************************


ยุๆ

ตามไปทวงกับเจ้าตัวเลย

สนับสนุน

ฮ่าๆ

 :mc4:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-02-2008 00:51:13
ทวงโหดกว่าหนี้นอกระบบอีกน่ะคับเนี่ย

แต่แอบสนับสนุนน่ะคับ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 15 มกราคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 12-02-2008 01:03:09


เพิ่งเห็นอ่าาาา ไม่ได้ตั้งใจสะเทือนไปถึงเลยนะคร้าาาาา   :m29:
แบบว่าเจาะจงเฉพาะคนเขียน 55+ มันไม่ยอมอัพสักที
เลยขอท้วงสักหน่อย

********************************


ยุๆ

ตามไปทวงกับเจ้าตัวเลย

สนับสนุน

ฮ่าๆ

 :mc4:


[/quote]



ฮ่าๆ ฮือๆ เเหมๆ ท่าน"รองประธานสภาฯ" มาเม้นต์ให้ด้วยตัวเอง

ช่วงนี้งานเยอะค่ะ เพราะใกล้สอบไฟนอล(อีกเเล้ว) โหมทำงานกันเป็นที่สนุกสนานชวนน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล (ท่านรองทำอย่างกะตัวเองไม่ต้องทำเเน่ะ) คงต้องดองต่อไปด้วยใจทรนงนะคะ ขอบคุณที่ติดตามผลงาน เเละขอโทษที่ ดองด๊องงงงงดองค่ะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 05-03-2008 21:11:31
ดองนาน สำนึกผิด เลยรีบเอามาลง  :m29:




ตอน๘ แช่งชัก ซวยชิก(หาย)
 

         ผมกำลังก้มหน้าก้มตาใช้ความพยายามอย่างยิ่งกับการเขียนรายงานเป็นภาษาญี่ปุ่น ที่ยิ่งเขียน ยิ่งเลอะครับ เลอะด้วยเลือดตามันกระเด็นใส่แหมะๆ เซนเซ(อาจารย์)คงจะปลื้มถ้าทราบว่า ภูมิปัญญาที่ท่านสั่งสอนบีบอัดกดดันมาเกือบปีนี้ ทำให้ลูกศิษย์ของท่านมีทักษะทางการเขียนสปีดต่ำต้อยเยี่ยงเต่าเช่นนี่ สองชั่วโมงเขียนได้ตั้งหนึ่งประโยค ปลาบปลื้มครับพี่น้อง  ไอ้รันย์นั่งอีกมุมหนึ่งของโต๊ะ มันก็อาการไม่ต่างจากผมมากนัก มันมองหน้าผมสลับกับการเปิดดิกญี่ปุ่น  เห็นหน้ากรูเป็นตัวฮิรางานะ*(ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น)หรือไงเมิง อ้อ....หลงใหลในฟามหล่อไม่เหลาของกระผมนี่เอง  แหม ขอบใจเมิงมากนะ

“ไอ้ช่องปัญหาเมิงเขียนอะไร?”ไอ้รันย์ยื่นหน้าเข้ามาดูกระดาษรายงานของผมที่ให้เขียนว่าต้องการพูดถึงอะไรบ้าง

“นิฮองโกะโอะ วะคะริมะเซน”(ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น)ผมตอบมันทั้งที่ยังก้มหน้า พยายามเขียนต่อทั้งที่ตอนนี้สมองไหลหัวกลวงแล้วครับ

“เอางั้นเลยนะเมิง” มันพูดแล้วเอามือมาขยี้หัวผมครับ ไอ้เลว ผมกรูกว่าจะแฮดู ได้ทรงนี้นานนะเมิง ทรงเม่นขนหัก ลุกจากเตียงหมาดๆเชียวนะเว้ย

“เออ เมิงทำของเมิงไปไป๊ อย่ามายุ่งกะกรู”

“อย่าไล่ดิคร๊าบ น้องรันย์ทำอะไรผิด” ผมทิ้งดินสอแบบหยะแหยงกะเสียงอ้อล้อฉอเลาะแบบแมนๆของไอ้รันย์ ได้ยินแล้ว ขนแขนพร้อมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ

“คนเรามีความพยายามเน๊อะ แม่ง ทำเป็นแอ๊บแบ้ว แบ๊วน่าประเคนตรีน!”ผมยกกีบเท้าหน้าใส่มัน มันหลบวืดเลยครับแล้วขำน้ำหูน้ำตาไหล

“ดุว่ะ พันธุ์ไหนเนี่ย แม่คลุกน้ำตาลให้กินอ่ะดิ”

“ว่างมากอีกสิเมริง เห็นไหมเนี่ย ทำงานอยู่เนี่ย”

“วิชาการดอทคอมนะเมิง”โฆษณาให้เขาอีก มันพยายามจะตบกะโหลกผมครับ  ผมหลบมือมันด้วยความเร็วแสงพลางส่งสายตาท้าทายแน่จริงเมริงตบให้โดนดิ แต่เวรกรรมชนิดไหนไม่ทราบส่งตรงเดลิเวอร์รี่ดีจริง  โป๊ก!! หัวผมกระแทกขอบเตียงอย่างแรงครับทุกคุณ กินลมชมดาวกันล่ะทีนี้ ไอ้รันย์หัวเราะก๊าก

“หัวเราะเอี้ยไรเมิง เจ็บสาดดดดด”ผมมองไอ้รันย์ที่หัวเราะเยาะจนหน้าแดงแบบจะกินเลือดกินเนื้อมัน

“เพี๊ยง ขอให้เมิงเจ็บกว่ากรูอีก แขนหักหัวกุดหางหลุดเขางอก” งานนี้ต้องแช่งชักหักกระดูมันครับ

“กลัวอิ๊บอ๋ายเลยว่ะ”มันพูดแล้วหัวเราะหน้าระรื่น



         วันอันยาวนานเดินทางมาเกือบถึงที่สุดเมื่อคาบเรียนต่างๆผ่านพ้น ก็หายใจหายคอกันได้อยู่บ้าง แม้จะเซ็งๆนอยด์ๆจากการประกาศคะแนนของบางวิชา เอาเถอะครับ ผมมันพิการทางแคลคูลัส ได้เลขสองหลักมาก็นับว่าเก่งมากแล้ว ช่างมันเถอะครับปล่อยๆมันไปเสียบ้าง เพื่อดับความฟุ้งซ่านของอีกหลายๆคน ที่มีอาการเดียวกันเลยเฮกันไปสนามบาส  ถึงสถาบันจะเล็กแต่ก็มีพื้นที่ให้ยืดเส้นยืดสาย นอกจากสนามบาส+ฟุตซอล(ที่แม้แต่โกลด์ก็ทำเองออคเอง)ยังมีป่าล่าหมีให้แวะไปเดินเล่นได้เวลาอยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด ไอ้ป่านี้ล่ะครับ เวลาเล่นบอล บาส กันค่ำๆเป็นที่หวาดเสียวว่าลูกบอลหายเข้าไปแล้วคนเก็บบอลอาจหายด้วย มีท่อและหลุมลิฟท์ให้ตกเล่นกันแก้เบื่อ มีประชาสัมพันธ์บริการประกาศตามหาเพื่อนผู้หลงป่าแถมให้ด้วยครับ เยี่ยมไหมล่ะ?

“เอาเฮ้ย เล่นคนเดียวหรือไงวะ? บอลเว้ยไม่ใช่ขี้จะได้ไม่เอาให้คนอื่น”ปากหมาอีกแล้วครับพี่น้อง

“เอาไปเลยปากหมาจริงเมริง”หนึ่งในนศ.ผีนักกีฬาบาสเข้าสิงส่งบอลให้ผมครับ เลี้ยงไปสิครับ ยังไม่ทันโชว์สเต๊ปฟุตเวิร์คสวิงกิ้งใดๆมือมารก็แย่งลูกบาสไปแบบเนียนๆ

“อ้าวเฮ้ย ไรว๊า”ไอ้รันย์หันมายักคิ้วครับ ไอ้มือมาร ไอ้โจรใจหยาบ คนไร้ศีลธรรม คนไม่มีจรรยา 

“เออ เท่ากันทั้งสองฝ่ายพอดี ไอ้รันย์ ซัดแม่งเลยนะเว้ย” เสียงไอ้เสียดครับ มันอยู่ฝ่ายตรงข้ามได้ทีเป็นยุนะพอได้ไอ้รันย์เป็นพวกละเห่าใหญ่
“เออ เดี๋ยวรู้ๆ ว่าใครจะโดนซัด”ประกาศสงครามกันเสร็จก็ลงมือสิครับ

         เอาล่ะ...หลับตาแล้วจินตนากาภาพตามนะครับ  ชายหนุ่มวัยละอ่อนหน้าใสร่วมสิบชีวิต กำลังนัวเนียแย่งลูกบาสกันอย่างเมามันส์ ยิ่งวิ่งยิ่งร้อน ยิ่งร้อนยิ่งมันส์ เสื้อแสงใดๆถูกกระชากทึ้ง บ้างถอดทิ้งไว้ข้างสนาม เสียงหอบหายใจ และผิวหนังมันวาวจากเหงื่อชุ่มโชกร่างกายที่สะท้อนประกายล้อแสงสปอตไลท์ดวงใหญ่ช่าง.....(แหวะ พูดเองจะอ้วกเองครับทุกคน)

“ว๊าวววว~ เมศขา ชู๊ตค่ะชู๊ต~”ทั้งสนามมีแต่พวกวิศวะ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงพวกไหน แทงหวยถูกรางวัลที่หนึ่งเลยเอาสิ

“ว๊ายยยยยยย รันย์ขา อย่าลวนลามเมศสิค๊า”

“โอ้ย!! อะไร พวกเจ๊นี่หนวกหูจริง”

“ต๊ายยยยไอ้รันย์ หุ่นมันนี่ ระทวย ไอ้เมศก็หลังสวยจริง เอวเป็นเอว”

“แกแล้วดูอย่างไอ้นี่สิ...”สาวสภาฯชี้ไปที่เพื่อนคณะคนหนึ่ง

“อย่างงี้เรียก cylinder ทรงกระบอกข้าวหลาม ดีหน่อยที่ยังไม่เอาไปเผา ไม่งั้นดำเมี่ยม”เสียงนินทาริมสนามไม่ทำให้เหล่าชายหนุ่มผู้กำลังเมามันส์กับเกมส์กีฬาหยุดจากความสนุกได้

“อ้าวเฮ้ย เมิงอ่ะ ลงไปทำเอี้ยไรวะ ลูกเลิกไม่ได้จับ วิ่งตบยุงหรือไง ไม่เล่นเมิงก็ออกมา” น่าน สาวสภาด่าอีก ซวยไปครับกับเพื่อนชาวคณะผู้ไม่เข้าตาสภาฯ
 
       โดดแย่งบอลกันไม่คิดชีวิต ไอ้รันย์ก็พลิ้วไปเรื่อยครับ  พลิ้วก็พลิ้ว เจอไอ้เมศพลิ้วกว่า คว้าบอลไปได้สับขาหลอกอีกหน่อยนึกขึ้นได้ไม่ใช่บอล ได้จังหวะปั๊บทางโล่ง โป๊ะ!!โดนกระโดดแทคไม่เพียงสองแต่เป็นสาม!!!กลิ้งสิครับ คิ้วซ้ายไร้ความรู้สึกไปทั้งแถบ

“คิ้วกรู”ผมโอดเมื่อลงมาแปะกับสนามเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่น แค่มือแตะคิ้วของเหลวๆก็ติดมือ เลือดทั้งนั้น ดีที่ไม่ลึกมาก ไม่งั้นเสียโฉมแน่นอน....ผมเจ็บแต่เพื่อนหัวเราะเยาะครับ ไอ้เลววววว... ฉุนขาด120%

“หัวเราะเอี้ยไรไอ้คุณเสียด”

“พวกเมิงนี่รักกันรุนแรงว่ะสาด รักกันปานเอาฟันเจาะคิ้ว” ผมหันไปดูไอ้ต้นเรื่อง ที่มันเอาฟันเจาะคิ้วผม มันนอนหัวเราะอยู่กับพื้นคอนกรีต 

“ลุกเลยไอ้well พื้นร้อนตายห่านอนไปได้”ผมฉุดแขนมันขึ้นครับ มันยังหัวเราะ  แต่ไม่ยอมลุก

“อย่า ไปเมิงไปทำแผลก่อน เรียกแทกซี่ไปโรงบาลด้วย”

“เฮ้ย เรียกทำไมแผลแค่นี้”

“ไม่ใช่เมิง ขากรู ท่าจะขาดแคลเซี่ยมว่ะ”ซวยครับ ผมคิ้วเจาะ แต่ไอ้รันย์ ไม่แคล้วกระดูกหัก

“เมิงไปบอกห้องพยาบาล เรียกแทกซี่ด้วย”ผมสั่งไอเสียดต่อ มันก็พยักหน้ารับตื่นๆ ก่อนจะรีบไปตามที่บอก พร้อมกับผีนักบาสอีกหนึ่งตัว เหลือผมนี่ล่ะครับ ต้องอยู่ดูใจไอ้รันย์

“เจ็บไหมวะ?” มันมีแก่ใจถามผม เมิงแหล่ะเจ็บอย่าทำให้กรูเป็นคนเลวไปกว่านี้ได้ไหม

“ไม่เท่าเมิงหรอก ยังมีแก่ใจจะถามกรูอีก กรูเป็นคนบาปแล้วนะเมิง”ผมเห็นตามไรผมมันมีเหงื่อซิกทั้งจากการเล่นกีฬาและจากอาการเจ็บ

“เออ เมิงเจ็บมากไหม?” ไอ้รันย์ไม่ตอบ ผมพอเดาได้จากประสบการณ์ไม่เคยกระดูกหักแม้แต่เศษเสี้ยวซี่ ว่ามันเจ็บชัวร์

“กรูคงได้ใส่เฝือกแน่ คงกลับบ้านไม่ไหว...”ผมทิ้งมือลงข้างตัว รู้สึกเส้นเลือดข้างขมับมันขยับตุ๊บๆ

“สำออย ตายเป็นผีเฝ้าป่าล่าหมีอยู่นี่แหล่ะ”ผมลุกเลยครับ ไอ้รันย์เอื้อมมือมายุดมือผมไว้

“อ้าวเฮ้ยพวกเมิงๆ เจ็บตัวแล้วออกไป ได้และ ชาวบ้านเขาจะเล่นต่อ” ด้วยรักและห่วงใยจริงๆครับเพื่อนๆผม แต่จริงๆมันก็ช่วยๆกันเรียกแท๊กซี่ หยิบข้าวหยิบของให้พวกผมล่ะครับ

“กลับไม่ไหวจริงๆนะ ที่บ้านถ้าไม่ขึ้นบันไดก็ไม่ได้    ขาเป็นแบบนี้ เดินไม่สะดวกอ่ะ” มันส่งสายตาเว้าวอนเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง มันคงได้ผลถ้าไม่ใช่กับคนที่รู้สันดานมันดีเหมือนผม

“บินเอาสิ อย่าหวังจะได้มาเหยียบหอกรู” รถแท๊กซี่สีม่วงสะใจวิ่งเข้ามาในลานจอดรถใกล้กับสนามบาส เสียดเปิดประตูรอท่าอยู่แล้ว  ผมเลยต้องเป็นคนช่วยพยุงคนเจ็บล่ะครับงานนี้

“เออ วางแขนสบายดีว่ะ”มันน่าไหมครับ ทิ้งมันไว้นี่เลยดีกว่า ไอ้รันย์เอาแขนวางบนไหล่ผม  ด้วยความสูงที่ต่างกัน มันเลยวางแขนสบาย ผมยิ้มเหี้ ยมให้มัน มันถึงจะยอมหยุด แต่ก็หยุดไม่นานครับ

“เมิง เกิดกรูกลับบ้านแล้วคืนนี้กลิ้งตกกระไดทำไงวะ?”

“ช่างเมิงสิ”

“อ้าว ไม่รักกรูเลย ไหนบอกรักกรูไง” ผมเห็นพี่คนขับมองกระจกหลังมาแปลกๆ

“ไอ้เสียด กรูก็รักมัน แต่ไม่เห็นมันจะกำเริบเหมือนเมิงเลย”

“คนดีก็เงี้ย ป๊าม๊าให้มา”ไอ้เสียดที่นั่งอยู่ตอนหน้าพูดพลางยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้

“เพื่อนกรูแต่ละคนจิตไม่ปรกติสักกะคน นี่ถ้ามีอย่างเมิงสักครึ่งคณะ กรูคงปวดหัวหนัก วิธีสวัสดีปีใหม่กรูทำพิษกรูและ”ผมบ่นไอ้รันย์พลางมองรถที่เคลื่อนตัวข้ามสะพานข้ามแยกอย่างรวดเร็ว

“ใครใช้ให้อุตริให้บอกรักเพื่อนทั้งเซคในวันปีใหม่ล่ะ” ไอ้เสียดยังซ้ำเติม

“เออ กรูผิด”

“คราวหลังจะพูดแบบนี้ห้ามพูดว่า ‘คิดว่า’ ต้องบอกว่ารักเลยรู้ไหม จะได้เท่าเทียม แหมที่กะไอ้เสียดยังพูดได้ติดปากว่ารักมัน ที่กรูนะ คิดว่า”ผมหันไปค้นกรรไกรกระดาษฟาร์มหมาในปากมันคันยุบยิบอยากโดดงับหัวไอ้เป๋ฮ่าว

“เดี๋ยวปั๊ดเขวี้ยง...”

“เขวี้ยงด้วยฟามร๊ากกกกกกกกก~....” โอ้วววว  เสียด เมิงอยู่ใกล้สภาไปแล้ว มุขควายอย่างงี้ตายดีกว่าคับพี่น้อง ไม่ต้องไปแล้วโรงบาล เข้าวัดขึ้นเมรุเลยดีกว่า


         ไอ้รันย์หายเข้าไปในห้องตรวจ ก่อนจะออกมาพร้อมเฝือก ระหว่างที่รอมันผมจัดการกับแผลตัวเองแล้วเรียบร้อย มีผ้ากอชปิดแผลเหมือนไปต่อยใครมา แต่ก็เอาเถอะครับ หน้าตาดีมีอะไรไหม แหม ไปติดโรคนี้มาจากใครไม่รู้ช่วงนี้  จ่ายตังค์ค่ารักษาเป็นที่เรียบร้อย มันมาละครับ ลูกอ้อนออนเซาะอ้อล้อไม่มีใครเกิน

“เมศ ไม่อยากกลับบ้าน นะ นะ นะ น๊า~” มันพูดพยายามขูดหาเลขเด็ดจากหัวไหล่ผมไปด้วย

“มีก็กลับไปนอนบ้านดิวะแมร่ง กรูจะได้กลับไปนอนหอให้สบายใจ  ที่นอนรึก็ก็กว้างสบาย ห้องน้ำห้องท่าก็ไม่ต้องแย่งกันใช้”

“ไม่อยากกลับอ่ะ” มันยังยืนยัน จะลงไปนอนดิ้นท่าแมงสาบตะกายไบกอนด้วยไหมเมริง

“ไม่ต้องเลยเมริง  ไปหมู่บ้าน๑๒๓ครับ” ผมเปิดประตูรถแทคซี่แล้วกดหัวมันเหมือนตำรวจยัดผู้ต้องหาเข้ารถ

“ไอ้เมศเมริงตามใจมันหน่อยดิวะ”ไอ้เสียดมันออกปาก  คาดว่ามันมีส่วนได้เสียผลประโยชน์แน่นอน

“งั้นเมิงเอามันไปนอนบ้าน”ผมบอกแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไอ้รันย์ ทำตาละห้อย ก่อนจะหันไปเล่นMVมองผ่านกระจกออกไป

“เอาไปได้ไงลูกเขามีพ่อมีแม่ คนนะไม่ใช่ลูกหมานึกจะพาไปไหนก็ไป”

“อืม เอาๆไปเหอะ แม่มันก็ไม่ค่อยอยากเลี้ยงเท่าไหร่” สรุปสุดท้ายแล้ว ผมก็ยังใจแข็งครับ ไม่ยอมตามใจไอ้รันย์ แม้มันจะสับขาหลอกด้วยหลายกระบวนท่าแล้วก็ตาม ผมเอามันกลับบ้านมันได้ในที่สุด ก่อนที่ผมติดรถไปกับไอ้เสียดไปลงหอครับ ทีนี้ ห้องก็เป็นห้องของผมจริงๆสักที เสียงโทรศัพท์ประจำห้องของผมดังขึ้นขณะที่ผมกำลังจะล้มตัวลงนอน ใครวะ ขัด ขัดมากกกก

“โหล ไอ้เมศ แกไม่ไปดูใจไอ้รันย์มันหน่อยหรอ?”เสียงเพื่อนข้างห้องครับ ทำไมมันไม่มาทุบประตูเรียกเลยวะ สภาฯชักน่ากลัวนะครับ ส่งสายลับไปทุกที่

“ไม่ไป บ้านมันมีคนอยู่นี่”

“เหอะ ทำเป็นใจแข็ง ขี้คร้าน เดี๋ยวตกดึกจะรีบไปหาแทบไม่ทัน”

“อะไรๆ พูดให้ดีๆนะเว้ย ไม่มีหรอกที่ไอ้เมศจะวิ่งไปหาคนอื่น”เสียปลายสายหัวเราะหึหึหึ

“เออ แล้วเดี๋ยวจะคอยฟังเสียงปิดประตู”เอ๊ะไอ้นี่ มันเป็นพวกแอบฟังชาวบ้านเป็นงานอดิเรกหรือเปล่าวะ

“ไม่ป่งไม่เปิด ไม่ออกแล้วโว้ย”

“ให้จริงๆ”ผมรีบวางสายตรงส่งสภาฯแล้วคลานกลับขึ้นเตียงก่อนจะหลับไปจริงๆ ตื่นอีกทีเพราะเสียงริงโทน คนดี ๒๔ชั่วโมง โทรกวนเวลานอนคนอื่นอย่างงี้ไม่คนดีแล้วเมิง สาดเอ๊ย

“โหล”ผมตอบรับเสียงนั้นพลางซุกใบหน้าลงกับหมอ เสียงเลยอู้อี้ไม่แทบไม่เป็นภาษา

“เมศหรอลูก มาดูรันย์หน่อยได้ไหม แม่จะออกไปธุระ ป้าติ๋มก็ไม่อยู่ด้วย แม่กลัวรันย์อยู่คนเดียวแล้วจะไถลตกบันไดลงมา”เอาล่ะสิครับ ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้ครับ มันคงรู้จุดครับ ผมเป็นโรคแพ้ทางคุณแม่ เกรงใจสิครับงานนี้

“อ่อ ครับ คุณแม่จะไปธุระกี่โมงครับ”ผมมองนาฬิการจากมือถือรุ่นสงครามโลกของตัวเอง มันบอกว่าเวลาหัวค่ำแล้ว

“เดี๋ยวแม่ต้องไปแล้วล่ะจ้ะ  มาค้างเลยนะลูก แม่ทำกับข้าวไว้ให้แล้ว อย่าลืมเตือนรันย์กินยานะ”ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางเกาหัวแกรกๆด้วยอาการสะลึมสะลือ

“อ่อครับ”

“ฝากรันย์ด้วยนะจ๊ะลูกเมศ” น้ำท่วมปากเอาเรือมาแจวได้แล้วครับทุกคน ผมยอมตกลงด้วยจำนนต่อของกิน เอ้ย คำขอ

         หลังจากวางโทรศัพท์ ผมก็ต้องไปล่ะครับ รับปากเขาไปแล้ว น้ำเนิ้มไม่ต้องอาบ เดี๋ยวไปใช้น้ำฟรีบ้านมัน เอาแค่กางเกงยีนส์กับเสื้อชอปไปเป็นพอ นอกนั้นไปหาเอาข้างหน้า เลวไหมครับเนี่ย  หลังจากแพคของใส่กระเป๋าเรียบร้อยผมเกิดเดินพริ้วๆด้วยกางเกงเลสีม่วงเยินๆลากหางตัวหนึ่งออกมาปิดประตูห้องครับ

“หึหึหึหึหึ”เสียงหัวเราะโรคจิตดังมาจากช่องประตูของห้องข้างๆที่แง้มไว้เพียงเล็น้อย

“เย้ยยยยยย!!!”

“ไหนบอกจะไม่ไหนไง”

“คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย!!!”

“ใครก็ช่วยแกจากธาตุวายไปไม่ได้หรอก ไม่แคล้วมีได้เสีย หึหึหึหึหึ” นี่ผมมมีเพื่อนเป็นโรคจิตตั้งแต่เมื่อไหร่ครับทุกคน

“ไปบ้านไอ้รันย์ล่ะสิ โรคหัวใจกำเริบอ่ะดิ”

“โรคหัวใจอะไร กรูแข็งแรงปรกติ ถึกทนเยี่ยงคูโบต้างี้ โรคอะไรจะกล้ำกราย”

“โรคหัวใจบอกว่าคิดถึง อ๊างงงงงงง~”โรคจิตครับ ผมพูดได้คำเดียว

“เปล่านะ แม่มันโทรตามกรูไปดูมันหน่อย แม่มันออกไปทำธุระไม่มีใครอยู่”

“อ่ออออ....ปัดป้อง.”ผมอึกอักทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

“ระวังเหอะ จะเป็นโรค.....โรคไตหาหัวจาม หึหึหึหึหึ”

“กรูก็ไม่กินเค็มนะ ไม่เป็นมั้งโรคไต” สายตาของเพื่อนสาวข้างห้องเปลี่ยนเป็นเย็นชาราวน้ำแข็ง

“จั๊ดง่าว”มันพูดแค่นี้แล้ว ผิดประตูใส่เลยครับ ผมผิดตรงไหน ปรกติกินอะไรไม่เคยเติม เค็มก็ไม่กิน หวานก็ไม่กิน เผ็ดยิ่งไม่กินใหญ่





         ผมมาถึงบ้านไอ้รันย์ทันสวนกับคุณแม่พอดี เลยไม่ต้องกดออดครับ เข้าบ้านได้เลย บ้านมันที่อยู่ตรงข้ามหอเก่าของผม  สวนบ้านมันยังเขียวฉอุ่มเหมือนเคย สมาชิกครอบครัวปลาคาร์ฟยังอยู่กันพร้อมน่า  พอผมเปิดประตูเข้าไปในบ้านมัน เสียงเพลงดังสนั่นเลยครับ นี่หรอคนขาเป๋ที่แม่มันห่วงนักหนา 

“ไอ้รันย์โว้ย เปิดเพลงเผื่อบ้านข้างๆหรอวะ เบาๆหน่อยดิ๊ หูกรูจะแตก”ผมตะโกนแข่งกับเสียงเพลง แต่สงสัยพลังเสียงจะไม่มากพอ  เพลงจังหวะน่ากระดุ๊กกระดิ๊ก ของขยี้เดอะสตาร์ ทำให้ตรีนกระดิกครับ ผมย่างสามขุมขึ้นห้องมันที่อยู่ชั้นสอง เสียงเพลงดังกระหึ่ม ออกมาจากห้องขวาสุดระเบียง ห้องไอ้รันย์ที่ผมเคยมานอนค้างแม้ไม่บ่อยนักก็เถอะ

“โอ้ย เปิดเพลงเบาๆหน่อยโว้ย ได้ยินไปถึงสุไหงโกลกแล้ว หูแตกไงวะเมิงนิ” ไอ้รันย์ไม่อยู่ในห้องครับ ผมเดินหามันเข้าไปในห้องน้ำ พบเป๋ฮ่าวตัวหนึ่งกำลังแปรงฟันประกอบจังหวะครับทุกคน

“อ้าวววว...มาแล้วหรอ”ไอ้รันย์ทำเสียงสูง ก่อนจะบ้วนปาก ผมยืนพิงประตูห้องน้ำมองเงาสะท้อนมันในกระจก ผมขอยืนยันครับว่าสภาพมันไม่เหมือนคนเพิ่งกระดูกร้าวเลยแม้แต่นิด หน้ายังระรื่นดูดีมีเลือดฝาด

“เมิงก็สบายดีนี่หว่า แม่เมริงโทรตามกรูมา”

“อ้ออ หรอออ”มันทำเสียงยานคางครับ ผมพอจับกระแสบางอย่างในเสียงนั้นได้ตะแหง่วๆ

“ถ้าเมิงไม่เป็นไรแล้ว กรูกลับไปนอนต่อละนะ”ผมพูดพลางเตรียมจะเดินออกจากห้องมัน

“โอ้ยยย!!”เสียงมันร้องตามด้วยเสียงตุ๊บทำเอาผมหัวใจขึ้นมอเตอร์เวย์ไปตาตุ่ม เห็นร่างสูงๆนั้นลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยกับพื้นไม้

“เฮ้ยเป็นไร?” มันมองหน้าผมแบบน่าสงสาร งานนี้ได้ผลครับ ผมใจอ่อนยวบทันที รีบพยุงมันมานั่งข้างเตียง ก่อนจะตามไปเก็บไม้ค้ำที่มันทำหล่นมาคืนให้มัน

“เมศ อย่ากลับเลยนะ”เสียงเปาะแปะเบาๆจากระเบียงทำให้ผมซ่อนหูแดงๆของตัวเองได้ ไม่รู้เป็นไง อยู่ๆลมมันก็ตี สงสัยความกดอาการมันจะต่ำ ความรักจะตกประปรอย

“ฝนตกแล้วด้วย อย่ากลับเลย”เสียงนุ่มๆนั้นดังเบาๆ  มันคงรู้ว่าผมเกลียดฝน

“กรูก็....ขี้เกียจเปียก”ผมอ้อมแอ้มตอบมัน

“ไปกินข้าวฟรีก่อน แล้วเดี๋ยวขึ้นมา”



         แม้ขาไอ้รันย์จะเดี๊ยงเป็นเป๋ฮ่าว แต่มันยังขับรถไปเรียนได้ทุกวันครับทุกคน เปลี่ยนจากรถคันเก่งเป็นรถแวนของแม่มันแทน เกียร์ออโต้เลยขับได้แม้จะเป๋ แต่ผมสิครับตกเป็นเบี้ยงล่างเป็นขี้ข้าเป็นคนใช้ส่วนตัวของมันเลยครับ เริ่มด้วยการต้องตอบคำถามเรื่องขามัน ก่อนจะตอบเรื่องคิ้วของผมที่มีรอยฟันกระต่ายคู่ของเอี้ยรันย์เจาะ แสดงว่าเพื่อนๆห่วงมันมากกว่าผม แย่ๆ ตามด้วยการคอยหิ้วกระเป๋าเดินตามมาบริการมันในขณะที่มันเป๋ฮ่าวไปมา สุดท้ายคือต้องบริการอาหารเครื่องดื่มตลอดการเดินทาง สรุปคือที่แช่งๆมันไปนี่สมพรปากแถมซวยเองต้องมาเป็นเบ๊มันอีก เป็นโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนเล่นของ

“เมศ  เอี้ยเมศคร๊าบ”มันเริ่มทำเสียงอ้อนๆอีกแล้วครับ พี่ร้านขายข้าวหัวเราะคิกคัก ผมไม่หลงกลมันแล้ว หันไปส่งสายตาพิฆาตมัน แต่มันหากลัวไม่ครับพ่อแม่พี่น้อง คนอะไรด้านจริงๆ ว่างๆจะเอากระดาษทรายขัดเหล็กมาลองไถๆดู

“อะไร”ผมตอบมันแบบกึ่งๆตวาดแล้วครับ

“เมิงหยิบช้อนให้กรูหน่อยดิค๊าบ”มันชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่กระบะวางช้อนพลางทำเสียงอ้อน แต่สังเกตภาษาของมัน ช่างอนุรักษ์ความเป็นไทย(โบราณ)กับเพื่อนมันจริงๆ

“เออ เอาจานข้าวเมริงมา”ก็ได้ครับ...ผมยอมเป็นขี้ข้ามันเพื่อเห็นแก่ทอดมันปลากรายอาหารเด็ดเย็นวันก่อนที่แม่มันทำให้เป็นสินน้ำใจ

“โต๊ะไหน?”ผมถามมันแบบห้วนเต็มที

“โต๊ะนั้นแหล่ะ”

“โต๊ะไหนล่ะ”

“โต๊ะเดียวกับเมริงนั่นแหล่ะคร๊าบ ควายจริง”ผมวางกับข้าวมันไว้ตรงข้ามกับที่ผมนั่ง บังเอิ๊นนนนบังเอิญ โต๊ะข้างๆ เหล่าสภาฯนั่งกันสลอน ก็อย่างว่าละครับ โรงอาหารเล็กนิดเดียวจะหนีไปไหนละครับ

“อูว๊าววววววววว ทำหน้าที่ศรีพันยาที่ดีวุ้ย”ศรีพันยาของมัน เป็นญาติข้างแม่ของศรีธันญาหรือเปล่าหว่า

“ นี่แก เห็นป่าวตอนมันทำชอปอ่ะ หนุงหนิงชิกหายเลย โอ๋กันอย่างกะอะไร”เม้าท์ครับ เม้ากันชนิตขนหูไหม้เลยทีเดียว

“เออ  มีการยืมตรีนมาวางตรีน สวีทได้อีกอ่ะแก” เอ่อ....มันสวีทตรงไหนวะ

“เจ๊ครับ พวกเจ๊ดูจิตว่างนะครับ ผิดหรอครับที่ผมให้ตรีนเป็นที่วางตรีนไอ้รันย์ข้างที่เข้าเฝือก”

“โอ้ยยย ไม่ผิดหรอจ๊ะ ทำบ่อยๆนะ น่ารักดี” เอาเข้าไปครับ ผลเงียบไปอับจนด้วยคำพูด จนไอ้รันย์เป๋ฮ่าวมาถึงโต๊ะ ผมลุกช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้มัน เพราะเห็นมันทุกลักทุเลเหลือเกินกับการนั่ง

“อุว๊าววว~ ฮู้ย เทคแคร์กันดีจริงน๊า”

“หรือเป็นเจ๊ จะปล่อยไอ้เป๋ฮ่าวมันลงไปนอนกลิ้งกะพื้นก่อนค่อยเก็บซากชีวิตมันขึ้นมาละครับ”

“ไม่หรอก แต่รู้ว่าแกดูแลแทคแคร์อย่างดีเลยไม่ช่วยไง”พวกเจ๊ยังสะกิดสะเกาหยอกล้อกันหนุกหนาน

“แล้วจะช่วยทำไม เป็นกองขี้ควายเขาเปล่าๆ”โม ญ พูดเรียบๆแบบเป็นเรื่องสามัญโลก

“ฮ่าๆ ใช่ๆ เป็นไงวะ รายงานความคืบหน้าดิ๊”น่าน ประธานสภาฯมีการสั่งเลขารายงานความคืบหน้า หน้าตาโม ญ ดูเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันที

“ช่วงระยะสองถึงสามอาทิตย์นี้ ดูเอาใจใส่กันดี เมศค้างบ้านรันย์ถี่มาก เข้าออกหอบ่อยแต่ไม่นอนค้าง โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์นี้ ตัวแทบติดกัน” CIA มาเอง เอ๊ะ!!หรือCSI เย้ย!!นั่นมันสืบจากศพ


“แก เสียดายว่ะ ที่พวกแกไม่เห็น  ไอ้รันย์หุ่นดีมาก ว่างๆจะชวนไปหาลำไพ่  ท่าทางจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า”ขายอะไรว๊า??

“ไอ้เมศก็ทรวดทรงองค์เอว เคะในอุดมคติเชียวล่ะแก”เคะอุดมคตินี่มันเป็นอะไรเกี่ยวข้องกับก๊าซอุดมคติหรือเปล่าหว่า???

“เฮ้ย อย่าไปฟังเลย เอาข้าวกระแทกปากเข้า”ไอ้รันย์เอื้อมมือมาแตะ..น่าจะเรียกว่าตีหรือตบหัวผม

“ต๊ายยย สวีทกันไม่อายฟ้าอายดิน มีจับน่งจับหน้า  ฮี๊ววว~”

“เจ๊เอาอะไรมอง นี่มันเรียกตบแล้วไม่ใช่จับ”

“เอาเกย์ด้าเรด้าร์จับสัญญาณ พบสินแร่ธาตุวายมันเข้าแทรก กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก”

“บอกแล้ว อย่าไปเถียงอิเจร๊พวกนี้ ธาตุวายมันจะเด้งใส่ตัว”

“นั่นดิ เรื่องใส่ตัวอีกกรู” ผมยิ้มบางให้มัน ก่อนจะรีบหลบสายตามัน ก็ตาที่มันสบมาสิครับ มันวิ้งๆ เหมือนตาตัวพระเอกการ์ตูนสาวน้อยเลย


***************************************

ลป.เพิ่มตอนท้าย แบบว่าน้องเมศลงไม่หมด  o7

         
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 05-03-2008 22:02:02
เริ่มจะน่ารักกันแล้ว

ไอ่รันย์หล่อน่ารักดีเนอะ โฮะ โฮะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 06-03-2008 00:55:46
โอ้ ร้างราไปนานลืมชื่อพระเอกซะงั้น กว่าจะระลึกออกอ่านไปค่อนตอน  :laugh:

สภาทำหน้าที่ได้ดีม๊ากกกก  :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: bigpoman1 ที่ 06-03-2008 01:28:07
เอ่อ ต้องบอกว่า :m4:
"ในที่สุดก็ลงซ้าที เย้......"
ไม่ได้รอมากหรอกคับแค่"2เดือน"เอง o12
ตอนต่อไปมาลงเร็วๆน้าคับ จาลงแดงแย้ว :sad2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 06-03-2008 10:41:06
 :a3: :a11: :a4:

ในที่สุดก็ได้อ่านตอนใหม่ เมศกะรันย์น่ารักเหมือนเดิม
สาวๆสภาฯก็ยังฮาคงเส้นคงวา

ชอบ ชอบ :m1: เอาใจช่วยน้องเมศคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-03-2008 11:31:30
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้อ่านตอนใหม่แล้ว ไปแก้บนที่ไหนมั้งเนี่ย

บนไว้หลายที่ให้ได้อ่าน เมศ-รันย์ สักที..................แล้วอย่าหายไปอีกน่ะค้าบบบบ

ไม่งั้นจะจ้างคนไปอุ้มซะเลย 555  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 06-03-2008 16:22:22
 :m4:เย้ๆๆๆ มาลงซักที ไม่ได้อ่านซะนาน เรย

ฟ้าดิน เป็นใจเหลือเกินนะ คู่นี้ 55+
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: Plabu ที่ 06-03-2008 18:05:27
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :m30: :m25:
ถูกจายยยยยยยยยย :m25: :m1:
ขอสมัครเข้าสภาด้วยคนจ้าาาาา :m1: :m1: :m12:
อิอิ :m4: :m4:
ชอบๆ :m1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 06-03-2008 18:19:51
เอ่อ ต้องบอกว่า :m4:
"ในที่สุดก็ลงซ้าที เย้......"
ไม่ได้รอมากหรอกคับแค่"2เดือน"เอง o12
ตอนต่อไปมาลงเร็วๆน้าคับ จาลงแดงแย้ว :sad2:

เเง้ววววว~.... เเค่๒เดือนเอง(/meอ้อมเเอ้ม)  :m29: :m29:

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้อ่านตอนใหม่แล้ว ไปแก้บนที่ไหนมั้งเนี่ย

บนไว้หลายที่ให้ได้อ่าน เมศ-รันย์ สักที..................แล้วอย่าหายไปอีกน่ะค้าบบบบ

ไม่งั้นจะจ้างคนไปอุ้มซะเลย 555  :laugh:


อย่าลืมเอาไก่เเก้บนมาฝากนะคะ ฮ่าๆๆ :m20: 

เหอ = =? จ้างคนมาอุ้มเลยหรอคะ จะอุ้มไหวไหมเนี่ย ตัวใหญ่อยู่นะ อย่างเบสิคๆหน่อยคงต้องใช้เเม่เเรง หรือถ้าทำเป็นงานอลังการงานสร้างคงต้องใช้เครนล่ะคะ



คนนะไม่ใช่ต่อม่อ :oni1:
(เล่นเองตบมุขเอง)

ขอบคุณที่ยังอ่านกันอยู่นะคะ รู้สึกนิยายthai Y studioจะดองได้ถึงพริกถึงขิงกันดีเหลือเกิน(ยกเว้นพี่ปอง ที่เป็นเกรียติภูมิของชาวไทยวายโดยเเต๊~ o7)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 06-03-2008 22:28:58
เพิ่งเห็น สนุกดีครับ o13  เเต่สงสัยไมเรื่องสนุกๆมันชอบดองกันจังเลยวะ :angry2: รอตอนต่อไป :sad2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 07-03-2008 20:59:25
ฮากะแก้งค์สาววาย

สุดยอดดดดดดดด

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 08-03-2008 02:02:04
หนุกๆ :m4:

อ่านแล้วเพลินดีอ่า

ชอบมากมาย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 09-03-2008 18:28:23
 :a1: ฝ่าภาระจากสนามสอบมาลงเรื่องให้เราอ่าน
รันย์กะเมศยังน่ารักเหมือนเดิม  กวนกันอยู่อย่างงี้เมื่อไหร่จะลงเอยเนี่ย :o8:
ขอมอบรางวัลให้น้องเมศที่ร๊าก เป็นความรักจากพี่จ๊ะ :give2:


ปล.สอบเสร็จแล้วมาเคลียร์หน่อยก็ดีจ๊ะมันออกจะเค็มเกินไปแล้วดองนานไปหน่อย เอิ๊กกกก
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ~PaHn~ ที่ 13-03-2008 22:10:08
 :m1: :m1: :m1:

รอเธอมานานแสนนานนนนนนนนนน


ในที่สุดก็มาซะที
:mc4: :mc4:


รอตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ
 :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 30 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 30-03-2008 10:19:30
 ตอน ๙ ปิดเทอมใหญ่หัวใจร้อนรุ่ม


“ฝ่าบาท หากเราไม่เดินทัพ จะรออะไรอยู่อีกเล่า”

“ฝ่าบาท ขอทรงพิจารณาด้วย~”

“ฟังบัญชา!!”

“โอ้ยยยยย ไอ้เอี้ยรันย์ เปิดเบาๆหน่อยได้ไหมวะ”จี๊ดครั้งจี๊ดดด~ ตอนผมทำงานโปรเจคงกๆ ไอ้รันย์มันเปิดหนังจีนดูเสียสนั่น ไม่ใช่หนังกลางแปลงนะเมิง ไม่ต้องเปิดเผื่อชาวบ้านเขา

“เมิงก็ทำไปดิวะ ยุ่งอะไรกะกรู”ไอ้รันย์มันว่าแล้วดูต่ออย่างมันส์ในอารมณ์

“แหม ทำเหมือนกรูทำงานให้คนอื่นเลยนะไอ้เวง โปรเจคมันก็คะแนนกรูกะเมิงเนี่ย”

“เออน่า ชิ้นงานเสร็จรายงานเสร็จเหลือคาเตี่ยเนี่ย เมิงก็เอซเซมบลีให้เสร็จๆดิวะสมน้ำหน้า อยากทำอลังการงานสร้าง”เออ กรูผิดอีก

“ส่งงานเสร็จเมื่อไหร่ กรูจะกลับบ้าน นอนแม่งสัก365ชม.  คอยดูนะเมิงงงง”ผมหมายมั่นปั้นมือ

“หรอ แล้วจะติดต่อปอเต๊กตึ้งไว้ให้”มันพูดแบบหน้าผมก็ไม่มองพลางหยิบป๊อกกี้ใส่ปากด้วยลีลาเหมือนเจ้าพ่อมาเฟีย เท่ห์เอี้ยๆ... ทนไม่ไหวและครับ ผมเอาตรีนยันมัน อ้อ...เบาๆครับ ขามันยังไม่ปรกติ

“แผลหายยัง มาดูเด๊ะ”มันพยายามเอามือคลำหาหัวผม  แต่ตามันยังไม่ละจากหนังจีน ผมก็สวมบทเดอะ เมี๊ยวทริค หลบซ้ายป่ายขวาขึ้นมาทันที

“หลบทำเอี้ยอะไร!”มันหันมาด่าผมแล้วครับ ได้แกล้งมันนิดๆหน่อยๆก็พอใจแล้ว โรคจิต หึหึหึ

“ไม่หลบก็ดะ”มันพยักหน้าแกนๆให้ แล้วดึงหัวผมไปใกล้มัน หัวคนครับเอี้ยรันย์ไม่ใช่เกียร์กระปุก

“เมริงอย่าด๊อกแด๊กดิวะ เป็นห๊าไรเนี่ย อยู่นิ่งๆไม่เป็น”มือเย็นๆของมันจับหน้าผมให้อยู่นิ่งๆ  ลมหายใจปนกลิ่นป๊อกกี้สตรอเบอรี่โดนแก้มเบาๆ  จั๊กกระเดียมสยึ๋มกึ๋ยค๊าบบ~ บางทีการอยู่ใกล้ใครบางคนมากไป อาจทำให้เราลืมบางสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าโดดเด่นไป  โอเค...ไอ้รันย์มันหน้าตาดีแม้จะเหมือนโจรในบางโอกาสครับ ได้รับการยืนยันแล้วจากสถาบันเห็บเหา

“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” เอาละครับเกิดอาการลมมันตี ความกดอาการต่ำปกคลุมรอบพื้นที่หัวใจ ฮี้ววว~ น้ำเน่าจริงๆ ยิงมุขเองตบมุขเอง 2in1

“เกือบหายแล้วนี่  คิ้วแหว่งไปหน่อยนึงแม่เมิงคงไม่ว่าใช่ไหม?”

“แม่ไม่ว่าแต่กรูจะด่าเมิง บังอาจทำสุดหล่อเสียโฉม”ป๊าบ! ไอ้รันย์ตบกะโหลกให้เป็นรางวัล

“จะมาด่ากรูหรอไอ้ตาหวาน ฝันไปเหอะสาด”มันพูดแล้วผลักหัวผมอย่างกับทดเกียร์สูง แถมหัวเราะขึ้นจมูก แล้วกินป๊อกกี้ด้วยลีลาเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ต่อไป ผมหันรีหันขวาง ใครคือไอ้ตาหวานว๊า~

“ใครคือไอ้ตาหวาน?”สงสัยสิครับ ผมไม่เคยมีประวัติเบาหวานหนักหวานใดๆทั้งสิ้น แล้วทำไมตาหวาน?

“หมา”อ่อ....แล้วเกี่ยวอะไรกับผมละครับ ใครตอบได้เม้นต์ไว้นะครับเผื่อเก็บไว้ทำวิจัย หึหึหึ


         เมื่อคืนผมทำเขียนแบบอยู่ค่อนคืน ถึงจะเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงรอไรท์แผ่นรวมกลับกลุ่มเว่อร์อื่นๆแล้วส่งทีเดียว โปรเจคนี้เป็นโปรเจคของวิชาปฎิบัติการวิศวกรรม ที่พวกผมเข้าชอปกันมาทั้งเทอม เอาความรู้มาบูรณาการ ออค ตัด กลึง กัด อะไรก็ว่าไป ให้ได้ชิ้นออกมาหนึ่งชิ้น ชิ้นงานที่ใช้ได้จริงนะครับเน้นใช้งานไม่ใช่ศิลปะ ไม่งั้นอาจได้ขยะมากว่าชิ้นงาน พอเดทไลน์โปรเจคใกล้มาถึง ชอปของเราก็กลายสภาพเป็นโรงงานนรกขึ้นมาทันที ทั้งประกายไฟ เสียงอึกทึกเอาให้ลั่นกันทั่งสถาบันล่ะครับงานนี้ ดีนะนี่ที่ผมทำชิ้นงานเสร็จแล้ว พอถึงเดทไลน์ก็ชิล แค่ไปส่งแล้วจะไปไหนก็ไป

“มาปริ้นท์อะไรเครื่องผม!!”เสียงหนึ่งใน สามหนุ่มเวิร์คชอป กับเดอะโปรเจค โวยครับ อาจารย์ที่สอนวิชานี้มีสามคนด้วยกัน หนึ่งในนั้นมีนามว่าสปาโก้

“อะไรอะสปาโก้ กลุ่มอื่นปริ้นท์ได้เราก็ต้องปริ้นท์ได้” สภาเถียงอย่าเถียงสู้สภาครับ อ่อ สปาโก้ เป็นสมญานามที่ เหล่านศ.ตั้งให้ สืบเนื่องมาจากชื่อต้น คิดว่าน่าจะเป็นญาติ(โคตร)ห่างกับ แจ๊ค สแปร์โรว์

“คุณรู้ไหม ว่าตลับหมึกอันนึงเนี่ย ต้องให้เซ็นอนุมัติถึงอธิการ”สปาโก้พูดด้วยน้ำเสียงรันทด ไม่เข้ากับหน้าโหดๆของอาจารย์เลยครับ จึงเรียนมาเพื่อทราบ ด้วยความเคารพนับถือ(ในเกรดที่อาจารย์จะเป็นคนออกให้พวกผม)

“โหย จารย์ เนี่ยทำไมไม่ใช้แบบอิงค์แท๊งค์อ่ะ จะได้ไม่ต้องซื้อเติมบ่อยๆ แย่นะเนี่ยไม่ช่วยสถาบันประหยัดงบ” น่านโดนอีก บอกแล้วอย่าเถียงสภาฯ สปาโก้หน้าปุเลี่ยนขึ้นมาทันที โดนเด็กแกล้งอีก เฮ้อ~

“แล้วทำไมไม่ไปปริ้นท์ร้านซีรอกซ์”

“ห้องซีรอกซ์ โฮ่ๆ ไบโอฮาสาร์ทดีๆนี่เอง เสียงทัมป์ปั๊บไวรัสเข้าถล่มทันที” ใครทำวิจัยเรื่องไวรัสคอมพิวเตอร์แนะนำนะครับ ห้องซีรอกซ์สถาบันเรา น่าจะมีครบทุกสายพันธุ์

“เออ  เดี๋ยวผมรับปริ้นท์งานมั่งดีกว่าไหม คิดตังค์แพงๆ”

“ก็ดีนะจารย์หาตังค์เข้าคณะ  นี่ป๋าเขาจะไปแทงเนี่ย จะได้มีตังค์คณะ”วิธีหาตังค์เข้าคณะที่ไม่รู้ว่าจะพาเจริญหรือพากันฉิบหายหมดที่ประธานคณะเราใช้ง่ามสมองอันชาญฉลาดคิดขึ้นมาคือแทงบอลนี่ล่ะครับ ซัดสักสามคู่รับรองรวยไม่รู้เรื่อง (หรือจะหมดตรูดกันทั้งคณะนี้ก็ไม่แน่ใจ คนเราต้องมองโลกในแง่ดีครับ) ผมหัวเราะกับความคิดแผลงๆของคนในคณะ พลางเปิดไฟล์คาเตี่ยที่เตรียมไรท์ขึ้นมา พร้อมกับเปิดไฟล์ที่ยังไม่แก้ซึ่งมีจุดผิดหลายจุดมาดู ก่อนจะลบไฟล์ที่ไม่ใช้ทิ้งไปกันการสับสน

“เฮ้ยรันย์เอาแผ่นมาไรท์เด๊ะ” ไอ้รันย์ส่งแผ่นซีดีที่ใส่กล่อง ทำปกสามหนุ่มเวิร์คชอปกับเดอะโปรเจค ที่แต่ละคนเก๊กท่าแบบ ทักกี้ยังชิดซ้าย เชฟโอโนะยังชิดขวา ณิชคุณกระดอนหน้า โดนบังชิงกีบกระเด็นหลัง

“ไรท์กลุ่มไอ้เสียดไปด้วยป่ะ”มันเอาทัมป์ไดร์ฟมาถามไฟล์เป็นที่เรียบร้อย ผมเตรียมไรท์เต็มที่

“อ้าว ไอ้เอี้ยยยยยยยยย~”เสียงผมโหยหวนขึ้นมาทันที

“ไฟล์กรู สาดดดดด”

“ทำไมวะ?”

“กรูลบไปแล้ว ลบไฟล์ที่จะไรท์ ลบไปแย้ววววววววว”shift delete ออกจากเดสทอปไปเลย ไปแล้ว....ไปลับ...ไม่กลับมา

“ไหนมาดูเด๊ะ”เสียงไอ้รันย์ก็แตกตื่นไม่แพ้กันครับ

“กู้ .....กู้”ผมเริ่มพูดไม่เป็นคำแล้วครับ

“เปรตจารย์กู้รึไงเมิง เซิร์ชหาโปรแกรมกู้ไฟล์ดิ” ไอ้รันย์แย่งคอมอาจารย์สปาโก้ผู้น่าสงสารเสิร์ชหาโปรแกรมกู้ไฟล์ทันที

“ทำสำรองไฟล์ไว้หรือเปล่า?”

“ไม่...ไม่....”อ๊ากกกกกกกกกกผมละอยากตีอกชกหัว เครียดกันหมดครับ  ทำทุกทางแล้ว กู้อะไรกลับมาไม่ได้ไม่เวิร์คสักโปรแกรม สุดท้ายเลยต้องยอมแพ้

“ไม่ต้องส่งก็ได้ เขาให้ส่งแค่ชิ้นงานกับเล่มรายงาน เอาน่า อาจารย์ไม่ได้ให้ส่งอย่าคิดมากเลย”ข้อดีของการมีเพื่อนผู้หญิงคือถึงมันจะปากอย่างกะตะไกร แต่มันปลอบคนเป็นครับ พูดจาดีดูมีน้ำใจ

“เอาน่า สปาโก้เป็นคนให้เกรด ไม่ดูคาเตี่ยหรอ จริงป่ะอาจารย์”

“อ่อ อืม ผมไม่ดูคาเทียร์ ดูแค่ชิ้นงานกับรายงาน”

“อืม เอาไงรันย์”ผมหันไปขอความเห็นคู่หูผมล่ะครับ คะแนนผมก็คะแนนมัน

“ลบไปแล้วก็ต้องปล่อยมันแหล่ะ”มันยิ้มแบบปลอบใจ ฮือออออ....กรูอยากโดดกอดเมริงตรงนี้เลย

“ก็โง่ลบไปแล้ว ทำไงได้” ผมขอเปลี่ยนจากโดดกอดมันเป็นโดดถีบขาคู่แทนได้ไหมครับ แม่ม เช็ดเป็ด



         หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการส่งงาน ตีอกชกหัวกันเรียบร้อยก็บอกศาลาลากลับบ้านโดยไม่สนใจไอ้รันย์สักนิดว่ามันจะไปไหน ระหว่างทางกลับบ้านอันยาวนานของผม ผมจินตนาการวาดฝัน วันนี้จะกลับไปนอนให้ฉ่ำปอด  จะดูหนังให้ตายกันไปข้าง  จะกินขนมที่แม่หิ้วมาฝากเยอะๆ  จะอ่านหงสาจอมราชันย์อีกเป็นรอบที่๕ พลางแอบนึกสาปส่งสำนักพิมพ์ไปด้วย  (ถ้ามีตัวแทนสำนักพิมพ์เข้ามาอ่านเจอถึงตรงนี้  ผมขอบอกเลยนะครับว่า ออกมาให้อ่านต่อได้แล้วโว้ยยยยย จะดองไปถึงไหน) เรื่องนี้ของเขาดีจริงนอกจากสิบหน้าหัวขาด ห้าหน้าแขนหลุดแล้ว ออ..แถมอาการไส้ทะลักกันพอเป็นพิธีแล้วยังพระเอกเท่ห์ๆ2คน คนนึงเท่ห์แบบบู๊แหลกแหวกแนว อีกคนมาแบบนิ่งๆ ส่วนนางเอก ที่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง แถมด้วยตัวร้ายยอดอัมตะไม่ยอมตายอย่าง “ลิโป้คางตูด” ก็เป็นที่ชื่นชอบของผมมาก เข้าขั้นคลั่งกันง่ายๆล่ะครับ (แล้วนี่พล่ามอะไรอยู่วะเนี่ย..กลับเข้าเรื่องครับ)  สรุปแล้ว อะไรก็ตามที่วาดฝันสวยหรูว่าจะทำๆ ล้มครืนไม่เป็นท่า ลงท้ายที่ผมนั่งหน้าน้องปู(คอมคุงของผม)พลางไถนังพจมานคนสวยเบอร์2(เม้าซ์)ที่กระพริบแสงอย่างขยันขันแข็ง อย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน

“เบื่ออออออออออ”ผมทำเสียงยานคางลากยาวให้แม่ฟัง

“นอน”

“ร้อนนนนนนนนนน”

“อาบน้ำ”

“เปลืองงงงงงงงงงงง”

“เรื่องมาก” แม่ว่าพลางเดินหายขึ้นเหล่าเต้งไปเพราะนี่ดึกเกินเวลาเข้านอนของหญิงแม่มามากแล้ว นางแค่ลงมาจิบหน้ากับตรวจตราประตูบ้านเท่านั้น และทุกคนในบ้านทราบดีครับกับ ‘โรค(คอต)ขี้เบื่อ’  เลยไม่สนใจมากนัก

“ทำไมมันว่างงี้วะ”ผมบน ก่อนเอากีบเท้าหน้าวางบนโต๊ะที่วางน้องปู จากพิกัดแล้ว ตรีนบังทีวีพอดี เลยต้องยืดคอดูทีวีให้พ้นจากอาการถูกบัง ทำอะไรไร้หัวคิดจริงๆ …แต่ก็ทำครับ เสียงโทรศัพท์ดังเป็นเพลงประกอบอนิเมะ เรื่องหนึ่งบอกให้รู้ว่ามีไอ้หนุ่มโทรมา ไอ้หนุ่มชื่อเสียดน่ะครับ

“ว่างายยยย”

“เมาหรอเมิง”

“เมาเบื่ออออ เบื่อออมากกกกเบื่อได้อีกกกก”ผมตอบแบบยานคาง

“เออ เฮ้ยไปดูนมหนูกันป่ะวะ”นมไหนวะ?

“เมจิ กรูมีแล้ว”ผมตอบพลางยกขวดนมหวานยี่ห้อเมจิที่หญิงแม่ซื้อเป็นเสบียงขึ้นดื่มอักๆ

“เฮ้ยยย จริงป่ะ ส่งๆๆๆๆ”

“เออ   แล้วจะใส่บาตรไปให้”ผมว่าพลางยกมือขยี้หัวตัวเองเล่นแก้เบื่อ

“เย้ยย คนนะไม่ใช่ผี”

“อ้าวก็เมิงบอกให้ส่ง”

“กรูก็นึกว่าคน”

“กรูก็นึกว่านม”

“ก็นม....ช่างเหอะ  ไปป่ะ?”อ๊ะไอ้นี่ เมิงเป็นไร พูดจะไม่เกริ่นนำ ต้องให้จับญาณสามตาประกอบการคุยโทรศัพท์ไม๊ไอ้เวง

“ไปไหนเมิง กรูไม่ได้ฝังGPSในหัวเมิงนะ จะได้รู้ว่เมิงชวนกรูไปไหน …ไหนโหลดแผนที่ทางหลวงยัง”กัดมันครับแก้เบื่อ

“มอร์เตอร์โชว์ งานนี้มีหญิง  หญิงอย่างจัดเลยเมิง”

“โอ้ว น่าสนว่ะ น่าสนๆ”ผมตอบอย่างขยันขันแข็ง

“จัดว่าแย่”อ้าวเอี้ยนิ

“แย่ไงวะ?”

“พวกอิเจร๊ไปด้วย”มีอยู่ไม่กี่เจร๊หรอครับ มันจะใครถ้าไม่ใช่สภาฯ

“อืม ไปกะอีเจร๊ดีกว่านอนเบื่ออยู่บ้าน  กรูเบื่อออออ”

“เพิ่งปิดเทอมวันแรกเองนะเมิง ไม่หนีบไอ้รันย์มานอนบ้าน”

“ให้กรูหายใจมั่งเหอะ แม่ง ตัวจะติดกะมันและ” ปลายสายได้ยินเสียงผู้ชาย ที่คาดว่าเป็นเตี่ยไอ้เสียดพูด เอ่อ...ตะคอก...เอ๊ะ หรือด่า เป็นภาษาจีน แถมเสียงไอ้เสียดตอบเป็นภาษาจีนด้วย

“เฮ้ยกรูวางก่อนนะ”แล้วมันก็วางสายแบบไม่ไยดีเพื่อนมันเลย  ผมเกิดอาการเซ็ง ตรูยังไม่ทันหายเบื่อเล๊ย แต่หน้าด่านตีเกราะเคาะยามว่าข้าศึกประชิดค่าย ผมเลยลุกไปส้วม เสียงเพลง นัวเนีย ก็ดังขึ้น


(มีต่อ) :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 30-03-2008 10:23:06
“โอ้ย ใครวะกรูอยู่ในส้วม”

“เมศ โทรศัพท์” เสียงหญิงแม่แสดงว่านางลงมาอีกรอบ หญิงแม่เคาะประตูพอเป็นพิธี น่าจะเรียกว่าสะกิดประตูมากกว่าแล้วเปิดพรวดเข้ามา

“เฮ้ยแม่!!!”

“โทร’สับ” แม่ยื่นโทรศัพท์ให้ แบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น(แม้แต่สภาพลูก ที่กึ่งๆจะโป๊) เอาเถอะครับ แม่น่าจะชินแล้ว เห็นมาตั้งแต่เป็นหูด อะไรเป็นหูด นี่ ท่าทางจะเป็นหู ช่วยเดานะเนี่ย

“โหล” ผมรับโทรศัพท์แบบแกนๆ พยายามประกอบกิจแบบเงียบเสียง

“ทำไมเสียงก้องๆวะ”ไอ้รันย์ถามมาพลางหัวเราะขึ้นจมูก

“อ้อ กรูอยู่ในตุ่ม” เรื่องอะไรต้องบอกมันว่าประกอบกิจการงานส้วมอยู่ละครับ เดี๋ยวมันจะจับพิรุธทางเสียงได้ เห็นเป็นเพื่อนกันนะเนี่ยไม่งั้นไม่คุยด้วยหรอก

“หนีปอบหรอเมริง”

“ก็ทำนองนั้น”หนีข้าศึกว้อยแม่ม ถึงหน้าด่านแย้วววว

“เออ วันที่31ว่างไหม?”

“ทำไม?”ผมถามพลางพยายามทำเสียงเป็นปรกติ

“จะชวนไปงานหนังสือ”

“อ่อ”ผมรับคำอย่างโล่งอก นาทีวิกฤตผ่านไปแล้ว

“เอ๊ะ กรูคิดว่ากรูได้ยินเสียงดังต๋อม” มันพูดแล้วหัวเราะร่วน

“เฮ้ย เมิงบ้าและ”รีบปัดป้อง(เข้)ทันทีครับ คนมันร้อนตัว

“เฮ้ย จริง”

“เดี๋ยวเมิงว่าไงนะ วันที่31ใช่ไหม?” กลยุทธิ์สับขาหลอกครับ ต้องทำให้มันไขว้เขว แยกจริงเท็จไม่ออก เอ...จะกดน้ำดีหรือไม่กดน้ำดี ถ้ากดตอนนี้มันรู้ชัวร์ว่าผมไม่ได้อยู่ในตุ่ม เท่ากับสารภาพโดยพฤตินัย แต่ถ้าไม่กด อาจเกิดภาพอุจาดตาได้

“ไม่อยากไปวันเสาร์อาทิตย์”มันสำทับ

“ก็ได้นะ ว่างอยู่ ไอ้เสียดมันก็ชวนไปมอร์เตอร์โชว์ ไปมันหลายๆงานจะได้แก้เบื่อ” ผมเปิดประตูแบบกำลังชั่งใจ ว่าจะเอาไงดี วินาทีนี้ วินาทีวิกฤตชีวิตล่ะครับ

“เมศ”ไอ้รันย์เรียกด้วยเสียงจริงจัง

“หือ?”

“อย่าลืมกดน้ำ”ชอคไป...มันรู้ได้ไงวะ อุตส่าห์ประกอบกิจเงียบๆแล้วนะเว้ยแม่ม ได้ยินเสียงเอี้ยรันย์หัวเราะ คาดว่าป่านนี้มันคงควานหาทิชชูครับ มันหัวเราะจัดๆแล้วน้ำตาไหล ผมเห็นหัวหูตัวเองในกระจก แดงแป๊ดเลย ผมยังอายเป็นอยู่นะครับ สำหรับคนที่อาจเข้าใจผิดว่าผมไม่เหลือต้นยางอีกต่อไป

“ไปนะ 10โมงเจอกัน หายเบื่อหรือยัง?” แล้วนี่มันรู้ได้ไงว่าตะกี้ผมเบื่อขั้นวิกฤต

“รู้ได้ไงว๊า”ผมแอบพึมพำไม่ได้

“โอเค ฟังนะ  ลิงเป็นน้องใคร?” ผมกลับมานั่งหน้าคอมเหมือนเดิม

“หา?”

“ทายสิวะ”

“น้องเสือ??”

“ไม่ใช่โว้ย”เสียงไอ้รันย์หัวเราะสดใส สะใจอ่ะดิเมิง ผมไม่เคยทายคำถามมันออกเลย ตั้งแต่รู้จักกันมา เพราะคำตอบของคำถามมัน ต้องเป็นนักอ่านใจเท่านั้นถึงจะตอบได้ล่ะครับ

“ไม่รู้ว่ะ”

“ลิงน้องจั๊ก”โอ้โห.....อึ้งทึ่งเสียวกว่าเล่นเวอร์เทกซ์ที่สวนสยาม สำหรับคนที่ผวนไม่เป็นพยายามหน่อยนะครับ ขอไม่เฉลยล่ะครับ มันเสี่ยวเกินทน

“เอาง่ามไหนคิดวะเนี่ย”

“เมื่อเย็นดูข่าวป่ะ?”มันจะมาไม้ไหนอีกวะ ผมรีบเปิดบรรณานุกรมอ้างอิงมุขเสี่ยทั้งหมดที่มีในหัว

“ไม่ได้ดู”บรรณานุกรมในหัวไม่ช่วยเท่าไหร่

“แย่ว่ะ เมื่อเย็นดูข่าว พยากรณ์อากาศบอกห้ามกินไก่”

“พยากรณ์อากาศเนี่ยนะ แถแล้วเมิง เอายาทาแผลสดไหมเนี่ย หึหึ”ถึงทีผมหัวเราะเยาะมันมั่งแล้ว

“เออน่า  ไม่ถามหรอว่าทำไมห้าม”

“เออ”ผมตอบรับแบบไม่ค่อยอยากรู้

“เพราะกินไก่มากๆจะเป็นเก๊า”ผมเลิกคิ้วแบบประหลาดใจ รอมันต่อมุขแป๊กๆของมันต่อไป

“แล้วทำไม?”

“ก็...เก๊า....เก๊ารักตะเองงง”มันทำเสียงหวานชวนเลี่ยน มุขนี้ถึงตายครับ กระอักเลือดกันไป  มันคิดได้

“หายเบื่อหรือยัง?”ผมหัวเราะฝืด

“หาย....อยากให้ความเสี่ยวหายไปจากเมิงด้วย”

“แสดงว่ากรูสำเร็จ เป้าประสงค์และ” ไอ้รันย์ลงเสียงคำว่าเป้าได้น่าสนใจมากครับ

“อะไรจะต้องเน้นขนาดนั้น เมิงทำให้กรูนึกถึงมุขประสงค์เป้าของสภาฯ” มุขนี้มีที่มาจากการคุยกันเรื่องเตรียมงานรับน้องครับ เรื่องเป้าประสงค์ของประธานฝ่ายกิจกรรม กับเรื่อง ประสงค์เป้าของสภาฯที่รวมเป็นเรื่องเดียวกันได้แบบกลมกลืนแบบกลืนกันทั้งกรม(หมายถึงต้องยอมรับมุขมันกันทั้งองค์กรแบบไม่ค่อยเต็มใจ)  งงล่ะสิ หึหึหึ

“เฮ้ยถามจริง....”ผมพูดหลังจากไอ้รันย์เงียบไปเหมือนต่อมุขไม่ถูก

“อืม”

“มุข ลิงกับเก๊าเนี่ย ไม่ได้คิดเองใช่ไหม?”ไอ้รันย์เงียบเสียงไปหน่อยพักหนึ่ง

“รู้ได้ไง”

“เพลงเขาออกจะดัง และไม่คิดว่าเมริงจะคิดมุขพวกนี้ออกมาได้เองหรอกน่ะนะ”ผมตอบพลางยิ้มๆ แล้วเราก็เงียบกันไปอีก อยู่ก็ไม่มีมุขมาต่อ  อาจเพราะดึกแล้วเลยพลิ้วไม่ออกกันล่ะครับ

“เฮ้ย วางเหอะวะ คุยนานกว่านี้กรูคิดว่ากรูอาจจะเป็นมะเร็งสมองเอาง่ายๆ”ไอ้รันย์รับคำ ผมกำลังจะวางมันก็พูดขึ้นมา

“เมศ แม่บ่นว่าคิดถึงเมริง”

“อ่อหรอ บอกคุณแม่แล้วกัน ไว้จะไปขอข้าวกินอีก”

“แม่ไม่อยู่อ่ะ กลับไปบ้านนู้นแล้ว”อ้าว อะไรของมันวะ ลักลั่นย้อนแย้งนะเนี่ย

“เมศ...กรูคิดว่ากรูสนใจเมริงว่ะ”เสียงมันฟังดูจริงจังมากครับ ผมงงครับ พูดอะไรของมัน สนใจอะไรกรู ก็พอเข้าใจนะว่าเป็นคนหน้าตาดี ไปไหนมาไหนใครก็สนใจอยากรู้อยากเห็น แต่กะเมริงนี่รู้จักกันมาจะปีและ สนใจอะไรกรูอีกวะ??

“ไม่เข้าใจ” ผมเป็นคนเปิดเผยครับ ก็คนมันไม่รู้ ก็ต้องถามดิครับ  ...แน่ะแอบคิดว่าเซ่อร์อีกอ่ะดิ

“เอาน่า บอกไปก็ไม่เข้าใจ ราตรีเป็นหวัด ห่มผ้ากอดหมอนแล้วคิดถึงเอี้ยรันย์นะครับ แล้วจะไปยืนปลายเตียง”

“เสียใจกรูนอนพื้น”ไอ้รันย์หัวเราะแบบสะใจ ได้ยินมันพูดเบาๆ มุขนี้เด็ด

“เอาเหอะ นอนเตียงนอนตู้นอนพื้นอะไรก็เอาเหอะ ฝันเห็นกรูพอแล้ว วางล่ะโว้ย”มันพูดแล้ววางเลยครับ ผมมองโทรศัพท์รุ่นผ่านสงครามโลกของตัวเองเบบงงๆ เมริงแย่งซีนกรูป่าวว๊า~  แต่คนหน้าตาดีอย่างผมไม่แคร์อยู่แล้ว ว่าจะโดนใครแย่งซีน ยังไงบทเด่นก็ของผม กร๊ากกกก

         ผมรู้สึกร้อนเลยลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นประจำครอบครัวหาน้ำย้ำฉ่ำๆซดโฮก ทันเห็นหน้าหล่อๆคุ้นตาของใครไม่รู้ในกระจก แดงแป๊ดเป็นตรูดลิง งานนี้คาดว่าไม่มีไสยศาสตร์แน่นอน และตาก็ไม่น่าฝาด  สงสัยปิดเทอมใหญ่นี้ หัวใจชักจะร้อนรุ่มล่ะครับทุกคน




(จบตอน๙)

************************************************************************
พี่ป๋อมเเป๋มหายไป คาดว่านางน่าจะอยู่ในโครงการ โกอินเตอร์เป็นที่เรียบร้อย เลยทำการปั่นเเปะให้เสร็จสิ้นด้วยตนเอง 

ถึงพี่เเป๋ม... พี่คะ หนุ่มโอซาก้าเขาว่าหล่อน่าคีบ  หนีบมาให้น้องๆเป็นบุญตาหน่อยนะคะ คริคริ

 ปล.เเก้วันอัพเดทยังไงหว่า เฮ่อๆๆ

ขอบคุณสำหรับการอ่าน การเม้นต์ การทวงนะคะ

พบกันหลังเลิกดองนะคะ  เเฮ่ะๆ


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 30-03-2008 14:19:15
สองคนี้ใครจะสารภาพรักออกมาก่อนว๊า..........

ว่าแต่........ค้างอ่ะคับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-03-2008 15:15:22
ฮาอ่ะ คนดีๆที่ไหนจะไปอยู่ในตุ่ม ............คิดได้เนอะ

ว่าแต่ นิยายเรื่องนี้จะเป้นนิยายรายเดือนป่าวเนี่ย เห็นมาลงให้เดือนละครั้ง
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 30-03-2008 18:03:45
"พบกันหลังเลิกดองนะคะ  เเฮ่ะๆ" <----- หมายฟามว่าจะดองต่อเหรอคะ  :o12:
งานนี้เอี้ยรัณย์ของพี่น้องต้องสารภาพก่อนชัวร์ (เดาไปงั้นแหล่ะ... :a3:)
อย่าดองนานนะคะคนรออ่านก็เริ่มเค็มๆ ละเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: yoyo ที่ 30-03-2008 21:31:27
โอ้ววว  โดนค่ะโดน
ยิ่งช่วงสอบนี่เป๊ะๆ  แคล ฟิสิกส์ ภาษาซี บลา บลา เหมือนกันมากมาย
ฟิสิกส์เราผ่านมาด้วยดี  ด้วยD...  หึหึ
พูดแล้วเรื่องมันเศร้า

คู่นี้นี่เมื่อไหร่จะเข้าเค้ากันซักทีน๊อ :a11:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 31-03-2008 12:55:35
 :oni1: แค่มาต่อก็ดีใจแล้ว
พี่จะได้ไปต่อ :oni2:

ปล.เหมือนเป็นเดอะสตาร์เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 5 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 31-03-2008 16:32:56
พี่เมศจ๋า

คิดถึงจัง

อิอิ

แฟนตัวยง

ยงยุทธ

กร๊ากกกก :laugh:


แน๊ะ!!!

ครายแย่งเค้าจิ้มตูดเจ๊ฟาง

ฉึก ฉึก อิอิ :oni3:


รออ่านต่อนะพี่เมศ  จุฟจุฟ อิอิ

รักน๊า

รักมากด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 30 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 31-03-2008 21:40:26

ขอบคุณน้องเมศมากมาย (เอาไปเลยบวกหนึ่ง)
และขอโทษด้วยที่ละเลยหน้าที่ไม่เอามาต่อเอง
ก็อย่างที่น้องรู้อ่ะแหละ แหะๆ

ลป.หนุ่มโอซาก้าน่ารักว่ะ เดินอยู่นี่เลือกไม่ถูกเลยว่าจะตามคนไหน  :laugh:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 30 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 31-03-2008 22:34:30
รุกคืบเข้าสู่ ดวงใจอย่างช้า ช้า ช้า ช้า  :pig3:


อย่าดองนานนะคะ เด๋วโรคอ่านเป้นโรคไต
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 30 มีนาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 01-04-2008 02:44:12
ในที่สุด  ก็มาต่อ

o7 โอวว  ขอบคุณนะจ๊ะ

คู่นี้  มีความคืบหน้ากับเค้าแล้วโว้ยยย

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-05-2008 19:31:29

ตอน ๑๐ (พยายาม)มีสาระ


สวัสดีพ่อแม่พี่น้องลิงบ้าและน้าอา....ไม่ได้มาหาเสียงนะครับ  ผมได้ข่าวมาว่า  ไอ้เมศมันไร้สาระจริงๆ ๑๐ตอนแล้ว ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากขำ และมันมั่นใจว่ามันเด่น แต่ผมมั่นใจว่าผมเด่นกว่า ทำไม๑๐ตอนกับเวลาเขียนเกือบครบรอบปีถึงไปได้แค่นี้? มันจะเพราะใครถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เมศมัน โง่บ้าเซ่อร์ครับ  มันไม่รู้อะไรสักอย่าง ผมสารพัดจะทำทั้งหยอกไก่ ทอดสะพานจนไหม้เกรียม หรือแม้แต่อ่อยแบบอ่อนๆ  มันก็ยังโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว  สงสัยผมต้องจูนมุขใหม่ ให้ตรงกะมัน เผื่อว่ามันจะตู่รู๊ดๆ จูนคลื่นติดกับผมบ้างครับ 


เพราะเป็นช่วงปิดเทอม  ไอ้เมศมันเป็นเด็กติดบ้านครับ กินนอนหน้าคอมไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหนซึ่งดีครับ ผมจะได้แน่ใจว่า มันไม่ได้ไปเพ่นพ่านที่ไหน  แต่ก็มีบ้างที่ยกพวกกันเฮโลไปกินเที่ยวเยี่ยวเข้ กันบ้าง ...อย่ามาแอบยิ้มนะครับ  มันเป็นคำพ้องเสียงกัน ผมไม่เน้นฮา ขอยืนยันไว้ตรงนี้  ครับ...ต่อครับ  แต่วันนั้นผมนัดเพื่อนเก่าไว้ที่ห้างแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน  กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่สรวลเสเฮฮากันตามประสา  ผมเหลือบไปเห็นโต๊ะตรงมุมร้าน  ถัดจากโต๊ะพวกผมไปไม่มาก แต่คนค่อนข้างเยอะครับ เพราะเที่ยงเวลาที่ใครๆก็ออกหากิน  เห็นคนหน้าตาคุ้นตา  กำลังหัวเราะเสียงดังกับใครอีกหลายคนในโต๊ะ  ท่าทางสนิทสนม แม้คนจะเยอะ แต่ผมเห็นมันชัดกว่าใคร เหมือนมีสปอตไลท์ฉายกันเลยทีเดียว เว่อร์ไหมเนี่ย

“เฮ้ย เมิงว่าไงวะ จะไปไหนต่อ?” เสียงเพื่อนเก่าของผมถาม แต่ผมไม่ค่อยสนใจมันครับ กำลังยืดคอมองไอ้ซื่อบื้อที่มุมร้าน

“แม่งมองไรวะ มองอยู่ได้” พวกมันยืดคอมองกัน หาไปเหอะ ไม่เจอหรอก  ลงมนต์พรางตาไว้แล้ว เล่นไสยศาสตร์กันเลยทีเดียว

“มองว่าเมื่อไหร่เขาจะมาเติมน้ำ เอาแก้วเมิงมา”ผมกลบเกลื่อน แล้วหยิบแก้วเพื่อนนั่งฝั่งตรงข้ามมาดูด 

“เออ แม่งแปลกจริงอย่างพวกเมิงว่าว่ะ”  พวกผมคนหนึ่งพูดขึ้น ผมชักสนใจว่าแปลกยังไง

“เฮ้ย กรูได้ข่าวมาหลายกระแสว่าเมิงอยู่ ม.  สาวติดเยอะหรอเมิง”

“ก็พอประมาณ” ผมตอบแบบไม่ค่อยสนใจครับ เสียงโห่ หมั่นไส้จากรอบโต๊ะไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไรหรอกครับ

“ไม่คิดจะถ่อมตนหน่อยหรอเมิง กุหมั่นไส้เมิงว่ะ”

“เมิงก็หมั่นไส้มันมาหกปีแล้วแหล่ะสาด” ผมไม่ค่อยสนใจเพื่อนเก่าของผมมากนัก   และยังคงมองโต๊ะมุมร้านต่อไป  ในโต๊ะนั้นมีผู้หญิงบ้าง  หน้าตาน่ารักไม่เลว  หนึ่งในนั้น เอามือ....มือจับมือไอ้เมศ 

ซวบ! 


เปล่าครับผมยังไม่ได้ลุกเอาตะเกียบ ช้อน จาน หรือหลอดดูดน้ำไปกระซวกใคร  อะๆ..แค่เอาหลอดจิ้มลงไปในโค้กแก้วใหญ่รีฟิลของตัวเองเท่านั้น อย่าทำเป็นขำนะครับว่าแค่หลอดดูดน้ำจะไปทำอะไรใครได้ เคยได้ยินไหมครับ หลอดดูดอยู่ที่ใจ แค่ไม้ไผ่ก็ไร้เทียมทาน อืม มัว แต่ไม่เป็นไรครับ คนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด  สังเกตการณ์ต่อครับ อย่าเอ็ดไป... ท่าทางเพื่อนกลุ่มนี้จะเป็นเพื่อนเก่าสมัยมัธยมของมันนั่นแหล่ะครับ แล้วทำไมตอนคุยกันเมื่อคืนมันถึงไม่บอกผมว่าจะออกมาข้างนอก ?...เดี๋ยวนี้มีความลับหรอวะ   หรือว่ามันลืม?

“เฮ้ย  กรูได้ข่าวมาว่า ม.เมิง มีหน้าตาน่ารักเยอะนี่หว่า”ผมหันไปมองหน้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผม ที่อ้าปากก็เห็นถึงไส้ติ่ง และบางทีอาจเห็นลึกถึงตาปลาในบางเรื่อง เพื่อนคนนี้ ไม่ธรรมดาครับ มีประวัติคั่วได้ทั้งชายหญิงอย่างโชกโชน ต้องระวังครับ

“ทำไมวะ” ผมถามไอ้ รัก เพื่อนที่จัดว่าสนิทที่สุดของผม

“กุยังไม่ทันถามอะไร อย่าทำเสียงแบบนี้ดิวะ”มันพูดเบาๆ ให้ได้ยินแค่สองคน แล้วตบบ่าผม  แววตามันบอกครับ  อย่าร้อนตัว  ไอ้เอี้ยนี่ มันร้ายครับ

“เปล่า ว่างๆกรูจะไปเหล่เด็กม.เมิงอีก ครั้งก่อนกรูไปแล้วไม่เจอเมิง  เลยลองถามๆคนแถวนั้นดู”ทุกคนตั้งใจฟังไอ้รักพูด รวมถึงผม ที่ ถึงจะทำเหมือนไม่ค่อยสนใจก็เถอะ

“เห็นซื้อชามะนาวดูดๆอยู่  ตัวสูงแค่ไหล่กรูเอง  เลยสะกิดเรียก”

“สะกิดเลยหรอเมิง มือถึงตรีนถึงนะสาด”

“ยังๆ ตรีนยังไม่ถึง” ไอ้รักหัวเราะแล้วมองหน้าผม ผมว่ามันมีสักอย่าง... อะไรสักอย่างที่มันเหมือนจงใจเล่าให้ผมฟัง

“ต่อๆ กรูเลยสะกิด แม่งหันมา น่ารักชิบหายเลย ถูกใจกรูว่ะ”

“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ  ผู้ชายผู้หญิงวะ”

“กรูว่าผู้ชายชัวร์พันเปอร์เซ็นต์ ลองแม่งมาพร่ำเพ้อแบบนี้”

“เออ สมเป็นเพื่อกรู  รู้ใจ”ไอ้รักมันว่า  ผมชักตะหงิดๆ

“หันมา แม่งตาโต  หน้าขาวคมๆ กรูเลยถามว่า รู้จะคนชื่อศรันย์ไหม เขาก็ตอบว่ารู้จัก  มาหารันย์หรอ  รันย์กลับไปก่อนแล้ว” ผมถึงบางอ้อเลบครับ  ประมาณสองสัปดาห์ก่อน พวกผมไปทำงานให้คณะกันมาครับ  ออกแบบของไว้หลอกขายเด็ก เอาเงินมาลงโต๊ะ เพราะใกล้สิ้นฤดูกาล เอ้ย เอาตังค์มาหมุนในคณะทำกิจกรรมรับน้อง  วันนั้นผมรีบกลับครับมีธุระทางบ้าน

“เขาบอกว่าเขาชื่อเมศว่ะ  ชื่อแมนไม่เข้ากะหน้าเลย”   คาดว่าผมคงส่งสายตาไม่ค่อยพอใจใส่มัน มันเลยตบไหล่ผมอีก

“อืม แล้วเขาว่าไง” ผมลองถามต่อไป

“เขาก็ไม่ว่าไง  เขาว่าจะบอกให้ว่าเพื่อนมาหา แล้วก็ถามว่ากรูชื่ออะไร”

“แล้วเมิงตอบว่าอะไร” ผมพยายามรักษาเสียงให้ปรกติครับ

“อ้าว ก็ตอบชื่อมันดิวะ เมิง เพี้ยนป่าวเนี่ย” ถึงผมจะเพี้ยน ก็เพี้ยนเพราะรักครับทุกคน

“เออ กรูก็บอกชื่อไปว่ากรูชื่อรัก เขาก็ว่า ชื่อเพราะดี แล้วจะบอกให้ แล้วเขาบอกเมิงป่าววะ”ไอ้รักหันมาถาม ผมเกลียดสายตาแบบนี้ของไอ้รัก

“เปล่า ลืมมั้ง”

“เสียดาย ไม่ได้ขอเบอร์”

“เขาอาจไม่ให้ก็ได้นะเมิง  หึหึหึหึ” ผมว่า มองสบตาไอ้เพื่อนเวง

“ร้อนว่ะแถวนี้ สงสัย ไฟกระทะแรงไป”เพื่อนๆที่เหลือ รีบกุลีกุจอ ใส่อาหารลงในกระทะปิ้งย่างกันให้สนุก  พอผมละจากการประสานสายตากะไอ้รัก ก็พอดีเห็น ตัวต้นเหตุเดินออกไปนอกร้านคนเดียว  ผมเลยรีบวางอุปกรณ์การกิน บอกเพื่อนๆว่าจะไปส้วม แล้วรีบเดินตามออกไป  ไม่รู้หรอกครับว่าไอ้รักมองตามหรือเปล่า  และมันเห็นไอ้เมศไหม





ผมรีบเดินสะกดรอยตามมันไปทางห้องน้ำครับ  มันเข้าทำกิจเป็นที่เรียบร้อย กำลังล้างมือ  ผมก็ไปยืนข้างหลังมัน  ดีนะที่ห้องน้ำไม่มีคน มันก้มหน้าก้มตาล้างมือ  บ้วนปาก เหมือนอย่างที่มันทำทุกครั้งหลังกินข้าวเสร็จ  เด็กอนามัยจริงๆ ไอ้เมศ  มันเงยหน้าขึ้นมา สบตากับเงาในกระจกของผม  ผมก็จ้องมันตอบในกระจก  มันยิ้มให้น้อยๆ วันนี้แต่งตัวแปลกตาด้วยครับ ปรกติเห็นใส่ชุดนศ. เสื้อยืดเน่าๆกับกางเกงยีนส์เพื่อใส่เสื้อชอปทับ หรือ ไม่ก็ เสื้อยืด กางเกงเลหนีบช้างดาว(รองเท้าแตะ) แต่วันนี้ใส่ขาห้าส่วนลายทหารซีดๆ กับเสื้อสีขาวลายควาย เขียนข้างล่างว่า Ikwuai น่ารักจริงว่ะ  กรูน่าจะรวบหัวรวบหางซะเลย

“มาได้ไงวะ  ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมาแถวนี้”มันทัก

“นึกว่ารู้แล้ว ไอ้ควาย” ผมผ่านตามลายเสื้อมันนะครับ ไม่ได้ว่ามันแต่อย่างใด แล้วยืนกอดอก มองมัน

“มากับเพื่อนหรอ?” ผมรับคำ มันก็บอกว่ามันมากับเพื่อนมันเหมือนกัน

“อ้าวแล้วเพื่อนไปไหนแล้วล่ะ”

“มาส้วม กุต้องหนีบเพื่อนมาด้วยหรอวะ”

“แล้วนี่เมิงมากินร้านไหนเนี่ย”

“ร้านเดียวกะเมิงแหล่ะ จะกลับไปร้านเลยไหม?”ไอ้เมศพยักหน้าแล้วเดินนำออกไปครับ ระหว่างทางเดินกลับนั้นเราคุยกันหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องงานคณะไปจนถึงเรื่องบอล เหมือนคุยกันยาวจริงๆแป๊บเดียวครับ

“เออ กรูออกแบบลายเสื้อเสร็จและนะ เดือดร้อนพี่ๆน้องๆกรูหมด โดยเกณฑ์มาใช้แรงงาน”ใช่ครับ งานคณะจุกจิกยิบย่อย บางทีก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ทุนไม่พอ ปัญหาเยอะครับ

“เอาน่า กรูไว้ใจเมิงว่าต้องออกมาสวย”ไอ้เมศพนมมือแต้

“เพี๊ยงกรูเหนื่อยแล้วขอให้โหวตชนะ ได้เสื้อรับน้องกรูฟรีเหอะวะ”ผมหัวเราะครับ ท่าทางมันเหมือนลิงไหว้เจ้าเลย  ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ ใครมีหน้าที่การงานด้านนี้ จัดให้มันหน่อยนะครับ สงสาร

“เออ  เมื่อวานก่อนเพื่อนบอยแบนด์เมิงมาแน่ะ  กรูก็นึกว่า ฟิล์มรัดตะปูตัวเป็นๆ ชื่ออะไร ไม่รู้ รักๆ รัดๆ สักอย่างอ่ะ เมิงไปถามหาเอาเองแล้วกัน”ผมต้องใช่เวลาประมวลผลอยู่อึดใจกว่าจะเข้าใจว่ามันพูดอะไร ไอ้ฟิล์มรัดตะปูนี่มันหน้าตายังไงวะ

“ เออ มันบอกกรูแล้วแหล่ะ”แล้วมันก็ตั้งถ้าจะตั้งหม้อกะเมิงด้วย

“เมิงนี่มันพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ” ผมพูดแล้วหัวเราะกับตัวเองที่มีเพื่อนแปลกแบบนี้

“กรูได้ยินนะเมิง” ดูมันมองผมดิครับ  กรูรู้แล้ว กรูชอบของแปลกนี่เอง

“ได้ยินว่าไร?”

“ได้ยินเสียงของหัวใจ”  มันทำท่าใจเต้นตึกตักออกมานอกอก อืม....เมิงเพี้ยนจริง กรูรับรอง

“ไอ้เมศ กลางห้างนะเมิง”

“อ้าวหรอ กรูก็นึกว่าท้องพระโรงส่วนตัว” เอาเข้าไปเพื่อนกรูบ้าไปแล้ว สงสัยวันๆอยู่แต่หน้าคอมจนประสาทกลับเสียจริต

“ร้านไหนวะ กรูงง” เอากะมันดิครับ มันความจำปลาทองขนาดจำไม่ได้ว่าเดินมาจากร้านไหน

“ร้านนี้ เลี้ยวขวาๆ” ผมดันไหล่มันให้เลี้ยวขวา เบาๆครับ ขอย้ำ ผมดันไหล่เบาๆเท่านั้น มันเจือกขวาหัน แล้วพุ่งตัวใส่ทันที สงสัยนึกว่าเรียน รด.

โครม!

“เฮ้ย ไอ้เมศ!” ไม่ทันครับ ไอ้เมศมันเดินชนกระจกร้านไม่ใช่แค่ดังตึงนะครับ  ประทานโทษ ดังโครม คาดว่าหัวมันชนอย่างแรงแน่นอน ผมมองภาพแล้วขำ นอกจากมีไอ้เมศที่ยืนกุมหัวปูดๆของมันไว้แล้ว ยังมีแบคกราวครอบครัวพ่อแม่ลูก ที่ตะลึงค้างทั้งที่ยังมีหมูพริกไทยดำอยู่คาตะเกียบ  งานนี้ช่วยไม่ได้ครับ ผมฮาแตก หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง  ทำเป็นไม่รู้จักมันจะยังทันไหมครับ?

“เจ็บนะเมิง หัวเราะเยาะกรูอีก”มันพูดเสียงดังแบบไม่อายฟ้าดิน แต่ผมอายครับ เลยรีบลากมันไปหลบหลืบดูอาการกันก่อน

“กรูบอกให้เมิงเดินเลี้ยวขวาเข้าร้าน ไม่ใช่ขวาหันเข้าร้าน หัวปูดมากไหมเนี่ย  โง่กว่าเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผมรีบดูอาการมันก่อนครับ เลือดตกยางออกไป แม่มันจะว่าไง  ผมยังต้องยื่นใบสมัครเป็นแคนดิเดทว่าที่ลูกเขย   เกิดมีคู่แข่งยังต้อง ดีเบทคะแนนกับคู่แข่งอีก จะยอมเสียคะแนนเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ครับ เอ่อ...อะแฮ่ม ขอโทษครับ สงสัยดูการเมืองสหรัฐมากไป

“กรูไม่เป็นไรๆ”มันมัดไม้ปัดมือเหมือนคนเมา นี่นะไม่เป็นไร

“กลับบ้านไหม?”มันเงยหน้ามองผม หน้าตามันมึนๆ สงสัยจะชนแรงเหมือนกัน ขนาดหน้ามึน ยังน่าเอ็ดดู...จิตหลุดอีกแล้วผม

“เฮ้ยไม่ได้ๆนานๆจะเจอเพื่อนสักที”

“แน่ใจนะ”ผมพยักหน้าหงึกหงัก ผมยังไม่แน่ใจนัก แต่มันยังยืนยันหนักแน่น ว่าจะกลับไปหาเพื่อนมัน ผมเลยต้องพามันเดินกลับเข้ามาในร้าน  แม้สถานการณ์ภายในจะสงบแล้ว แต่มีบางคนที่จำหน้าได้เขาก็หัวเราะครับ  ผมหันไปมอง  แต่สงสัยว่าจะส่งจิตสังหารมากไปหน่อย อ้าวเฮ้ย ไม่ใช่การ์ตูน

“ต้องไปส่งที่โต๊ะไหม?”

“ต้องไปแนะนำตัวกับเพื่อนเมิงไหม?” ผมกับไอ้เมศพูดขึ้นพร้อมกัน ยืนจ้องกันแบบมึนๆพลางประมวลผลไปด้วย ก่อนจะตอบ

“ไม่ต้อง” ออกมาพร้อมๆกัน

“ทำไมอ่ะ?”มันชิงถามก่อนผม ในใจผมก็อยากถามอย่างนี้เหมือนกัน
“ก็ไม่ต้องหรอก เพื่อนกรูไม่ได้สำคัญขนาดนั้น  เมิงหัวปูดงี้ไม่อายเขาหรอ”ไม่ได้ครับ ผมต้องกีดกันให้เมศห่างจากไอ้รักเข้าไว้  หมอนั่นอันตรายครับ ไม่ควรให้เข้าใกล้เด็ดขาด

“ชิ อยากดู8บอยแบนด์ใกล้ๆก็ไม่ได้”8ไหนวะ เพื่อนกรูมาแค่4 อ่านการ์ตูนมากไปป่าววะเนี่ยเพื่อนตรู(*8บอยแบนด์  ฉายาที่ชาวพันทิพ ตั้งให้ 8กุนซือสำคัญ หรือ8พิสดาร ในเรื่องหงสาจอมราชันย์)

“แล้วทำไมไม่ให้กรูเดินไปส่งที่โต๊ะ” ไอ้เมศท่าทางกระสับกระส่าย ไม่สบายใจครับ  แสดงว่ามันไม่สะดวกใจจะตอบ(อย่างมาก)

“ทำไม?”

“เฮ้ย อย่าขมวดคิ้วเดะ กรูกลัวนะเมิง”ผมอ้าปากเหมือนจะถามต่อมั้ง มันเลยรีบตอบ

“กรูเขินอ่ะดิ  เมิงอย่าลืมนะว่ากรูเพิ่งผ่านการหน้าแตกมาหมาดๆ” รู้ตัวว่าหน้าแตกได้ด้วยว่ะไม่น่าเชื่อ ต้องวิ่งรอบฉอปแก้บนไหมนี่

“เออ  ถ้าตอบไม่สวยอย่าหวังจะได้เจอเพื่อนเลย”  ผมมองส่งไอ้เมศจนมันถึงโต๊ะ แล้วค่อยเดินกลับมาโต๊ะตัวเอง

“ไงวะ  ไปเข้นานจริงนะเมิง  คนเมื่อกี้ใคร” ผมมองหน้าไอ้รักทีนึง ยักคิ้วให้มันแบบสะใจสุดๆครับ

“เพื่อนว่ะ เพื่อนที่ถาบัน บ้านเขาอยู่แถวนี้”

“ท่าทางสนิทกันนะ” ผมมองหน้าไอ้รัก ผมมองมันอย่างผู้ชนะ สายตาแบบที่มันเกลียดที่สุด

“ใช่ สนิทมาก มันแปลกดี” ผมให้ความแน่ใจกับไอ้รักแบบเต็มเหนี่ยว....ไอ้เมศของกรูนะเมิง คงต้องรอดูกันต่อไปว่ามันจะทำแกล้งเซ่อร์ไม่รู้สิ่งที่ผมจงใจบอกหรือไม่  หวังว่ามันจะไม่แกล้งเซ่อร์นะครับ ผมเจอคนเซ่อร์จริงหรือแกล้งเซ่อร์อย่างไอ้เมศคนเดียวก็แย่แล้ว





วันนี้เป็นวันเดย์ออฟ หรือวันพักอู้งาน ละจากหน้าที่การงานสารพันของ กปว. กลุ่มปฎิรูปคณะวิศวะ ครับ  อยู่ไม่รู้ไอ้เมศมันกินอะไรเข้าไปเมื่อคืนนี้อยู่ดีๆ ก็โทรมาตอนตีสองกว่า พูดอะไรไม่รู้เยอะแยะ ง่วงครับจำไม่ค่อยได้  เลยอือๆออๆไปกับมัน  พอจับใจความได้ว่าไอ้เมศออกปากชวนเที่ยว ผมก็ไปครับ เต็มใจ สรุปคือ วันนี้ผมมาอยู่ แถววัดโพธิ์ครับ ไม่ได้ มานวด หรือฤาษีดัดตนนะครับ  เป้าประสงค์ของเรา อยู่ที่ตึกกระทรวงพาณิชย์เก่า มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยมอ่อง เพิ่งเปิดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมเห็นตึกก็ชอบใจแล้วครับ แอบนึกในใจว่า ไอ้เมศช่างรู้ใจ ตึกเก่าแบบที่ผมฝันว่า ถ้าในอนาคตมีเงิน มีบุญ  และมีคนที่อยากอยู่ด้วยไปนานๆ จะหามาอยู่สักหลัง  แต่ซื้อบ้านได้ของแถมเป็นเงาวอบแวบ หรือมายืนปลายเตียง นี่ก็ไม่ไหวครับ ไอ้เมศมาถึงแบบเกือบจะไม่ตรงเวลา สภาพเหมือนเพิ่งมาจากหมอชิต คือ แบกกระเป๋าใบใหญ่มาเลยครับ สงสัยกะปักหลักตั้งเต้นท์เลยทีเดียว

“กรูช่วยถือไหม ท่าทางเหมือนหอบผ้าหอบผ่อนหนีเจ้าหนี้”

“เออ ช่างเหอะ”มันพูดแบบไม่ใส่ใจผมเลยครับ แล้วมันก็ควักกล้องกิ๊กก๊อกต๊อกต๋อยของมันออกมา ผมไม่ได้ดูถูกมันนะครับ แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ

“เอาน้ำไหม?”มันเงียบ...


สงสัยเขตพิพิธภัณฑ์เขาห้ามพูด  ไอ้เมศมันงับปากเงียบสนิทเลยทีเดียว  มันเริ่มถ่ายภาพไปยังตึกทรงโคโลเนียลสีครีมสวย ก่อนจะดึกแขนเสื้อผมให้รีบตามมันเข้าไปข้างใน ท่าทางมันตื่นเต้นมาครับ สงสัยมันเสี้ยนจัดอยากมาที่นี่มาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกปากชวนผมตอนตีสองกว่าแบบไม่ให้ตั้งตัว  เมื่อผ่านลอบบี้เข้าไป ก็เข้าสู่ห้องเบิกโรง เหมือนโรงหนังย่อมๆเลยครับแอร์เย็นฉ่ำชื่นใจ ไฟสลัวๆได้บรรยากาศ มีเก้าอี้เป็นแท่นเตี้ยๆขึ้นมา ไอ้เมศ นั่งมันกลางเก้าอี้ ผมก็เลยต้องไปนั่งอีกตัวแทน ขัดใจเล็กน้อย

“เมศ”ผมเรียกมันเบาๆ ขณะเราอยู่กันสองคนในห้องเบิกโรง รอให้มีผู้ร่วมขบวนการ อาจเพราะเป็นวันธรรมดา ทำให้คนน้อยมาก

“ทำไมถึงชวนมา”

“เมื่อวาน ระหว่างทำงาน พี่สาวกรูบิ้วท์มา ว่าให้ลองมา แถวนี้ก็ถิ่นเก่า ใกล้บ้านกรูดี  ยิ่งเห็นพี่สาวกรูถ่ายรูปสวยๆยิ่งเสี้ยนอยากมา”

“แล้วชวนคนอื่นด้วยหรือเปล่า?”

“ชวน แต่ฉุกละหุกอย่างนั้น จะมีใครมา มีแต่เมิงแหล่ะใจง่ายมากะกรู” เอ....มันหลอกด่าผมหรือเปล่าครับ?

“แล้วถ้ากรูไม่มาด้วยอ่ะทำไง?”

“ก็มาคนเดียว” อูย....ขัดใจอีกแล้วครับ

“แย่ว่ะ  เมิงเอากล้องมาดูรูปหน่อยเด๊ะ”ผมแย่งกล้องต๊อกต๋อยของมันมาดู รูป   อึ้งครับ ...สภาพกล้องกะหน้าตาคนถ่ายไม่น่าถ่ายรูปได้สวย  แต่ละรูป ผมเห็นแล้วนึกในใจ ตรูไม่มีปัญญา ผมหันไปมองหน้ามัน แต่แสงไฟสลัวๆมืดลง เลยเห็นหน้าไอ้เมศไม่ชัด  เสียงจากภาพยนต์ขนาดสั้นของพิพิธภัณฑ์เริ่มกระหึ่ม ทั้งที่มีแค่ผมกับเมศ2คนเท่านั้น แต่ดีครับได้ฟิลล์

“เมิงถ่ายสวย ว่ะ”

“ห๊ะเมิงว่าไงนะ”

“กุบอกว่า….”ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้เมศชะโงกมาหาเหมือนกัน  ปลายจมูกผมไปถูกหน้ามันแบบไม่ตั้งใจ กำไรสิครับงานนี้  แต่โดนตำแหน่งสูงไปหน่อย กึ่งหูกึ่งแก้ม ไม่ได้ครับ ต้องไม่ยอมแพ้ ต้องแก้มือ คราวนี้ต้องให้โดน กึ่งปากกึ่งแก้ม  หึหึหึหึ ถ้าพลาดเหมาะๆจะได้โดยปาก ความคิดชั่วร้ายจริงๆ

“ กรูจะบอกว่า เมิงถ่ายรูปสวยดี” ผมพูดเมื่อเสียงจากภาพยนต์เงียบเสียงลง

“อืม กรูกำลังพยายามหัดอยู่” มันพูดแล้ว กลับไปสนใจที่ตัว ภาพยนตร์ที่กำลังฉายขึ้น ผมเลยหันไปดูบ้าง พลางนึกชม ทำตัวหนังพรีเซนต์ได้ดีทีเดียว  จากหางตา ผมเห็นมือไอ้เมศ ถูแถวที่ผมลวนลามแบบไม่ตั้งใจ สงสัยจะคัน เพราะโดนของ

“เชิญที่ห้องต่อไปเลยค่ะ”เสียงเจ้าหน้าที่บอกแล้วผลุบหายไปหลังม่านจากทางเข้า ผมกับไอ้เมศมองหน้ากันแบบงงๆ เพราะทางที่ชี้ไปนั้น มีม่านปิดหมด ไม่รู้จะไปทางไหน  เลยได้แต่ลองสุ่ม

“ทางนี้มั้ง”ผมรั้งแขนไอ้เมศไว้ ขอกรูลวนลามเมิงอีกทีน่า  ครั้งนี้จะเอาให้ตรงเป้า หึหึหึ

“ไม่มั้ง ทางนี้มากกว่า” ไอ้เมศพาเดินไปอีกทาง  จริงๆผมเห็นป้ายชื่อห้องแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่ยอมบอกมัน โฉดไหมนี่

“ไม่ใช่ ทางนี้ๆ”ผมยิ่งดึงมันมาใกล้ตัว  แต่ท่าทางไอ้เมศมันจะยังติดใจอีกทางมากว่า เลยหันไปมองทางที่มันอยากไป  จังหวะนี้ก็ได้เสียสิครับ  เอียงหน้ารอจูบแบบนี้   หน้าใสๆ คอเล็กๆ ผมสีดำที่ตัดกับผิวเนื้อตรงคอขาวๆ  เห็นแล้วมัน อื้มมมมม....มาก คอซักทีเหอะ  หันมาสักสิบองศาสามสิบแปดลิปดานี่ใช่เลย 

“กรูว่า ทางม่านพะเยิบๆมากกว่า” มันพูดแล้วหันไปมองทางที่มันว่า  ใช่ล่ะครับ สิบองศาที่รอคอย  ผมรีบพุ่งใส่มันทันที

“เนี่ยๆทางเนี้ย” มันพูดพร้อมกับเสียงดัง ‘พลั่ก’ ในหัวผม คาดว่ามันดังจนไอ้เมศก็ได้ยิน  เจ็บน้ำตาไหลเลยครับ  ไอ้เมศออกแอคติ้งเหมือนไทยมุงชี้สถานที่เกิดเหตุ มือมันกระแทกเข้าจมูกผมเต็มๆ ซึ้งครับ  เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เจอเพื่อนสนิทใจสะอาด  เท่ากับซวยครับ เลือดกำเดาไหลไหมเนี่ย

“เฮ้ย เจ็บป่าว? เป็นไรไหม?” ไม่เจ็บ(อย่างเดียว)  แต่น้ำตาไหลเลยแหล่ะ

“เลือดกำเดาไหลเลยอ่ะ พี่คร๊าบบบ”ไอ้เมศดูตกใจมากครับที่ผมเลือดจมูกทะลักพลั่กๆ ร้องเรียกพี่เจ้าหน้าที่เสียงหลง  มันพยายามลากผมไปหาพี่เจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับข้างนอก  ท่าทางกระวนกระวาย  มันไม่รู้หรอกครับ ว่าผมแอบยิ้มกับห้องเบิกโรง มันห่วงผมคร๊าบบบทุกคน~
         
      



ผมกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในห้องประชุมกลุ่มปฎิรูปคณะวิศวะที่บัดนี้มีเสียงแอร์ร้องหึ่งๆ และกระเป๋าหลายใบของเพื่อนๆทิ้งไว้แทนตัว พลางดูรูปที่ไอ้เมศถ่าย  มันถ่ายได้ไม่เลวเลยครับ แต่บางรูปก็สั่นบ้าง อาจเพราะตื่นเต้นที่ทำผมกำเดาไหลเหมือนท่อแตก เขาว่าคนเลือดกำเดาไหลง่ายมักหื่น ไม่รู้จริงหรือเปล่า ไม่ใช่เพราะมันเอ็กซ์แตกแต่อย่างใดนะครับ หึหึหึ  เพราะมือมันชนเปรี้ยงทีเดียวเหมือนโดนต่อยแบบเบาะๆแค่นั้นแหล่ะ หลังจากวุ่นวายห้ามเลือดกำเดาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเราก็ได้ เดินเที่ยวกันล่ะครับ  เป็นที่เที่ยวแบบเข้าฟรีที่คุ้มที่สุดเท่าที่เคยเข้ามาล่ะครับ  เพราะนอกจากแอร์เย็นฉ่ำ ตึกสวย ยังมีเกมส์ให้เล่นเพียบ  แอ๊บเด็กกันเต็มที่เลยทีเดียว แย่งเด็กเล่นอีกต่างหากครับ โดยเฉพาะห้องสยามยุทธิ์ ยิงปืนใหญ่กันสนุกสนานฮาเฮ ยิงไปยิงมา โดยพม่าฆ่าตายเลย ขำดีครับ  แต่เด็ดสุดคือห้องสีสันตะวันตก อย่างมันส์ครับ ห้องโทนแดงแปร๊ดสะใจ มีจำลองคาเฟ่สมัยยุค 50      ที่สำคัญคือมีเหล้าโบราณให้อยากชิม เอ้ย ศึกษาครับ

“พี่ครับ  น้ำชาป่าวเนี่ย” ไอ้เมศถามพี่เจ้าหน้าที่

“ของจริงสิครับ”พี่เจ้าหน้าที่ตอบ

“สีเหมือนไม่ใช่น๊า”ผมรีบผสมโรงทันที อยากรู้เหมือนกันครับ

“เดี๋ยวพี่พิสูจน์”พี่เขาว่า แล้วเปิดตู้เหนือเคาท์เตอร์เปิดขวดเหล้า ที่ฉลากเขียนว่าแม่น้ำ(น่าน)ให้ดมเลยครับ

“อืมมมมม  ของจริงๆ” ผมพูด

“พี่....ชิมได้เปล่าครับ”ดูมัน.....พิพิธภัณฑ์โว้ยไอ้เมศ

“จะดีหรอน้อง”พี่เขาว่า ไอ้เมศหัวเราะ

“ได้จริงก็ดีครับ”เอากะมันสิ มันบ้าๆบอๆว่าไหมครับ  ระหว่างผมดูรูปเพลิน เพลงเจ๊กเย็บจักรก็ดัง ผมเลยกดรับสาย

“เออ ว่าไงวะ?”ผมพูดพลางมองเจ้าของสายเรียกเข้าในรูปไปด้วย

“รันย์ เมิงลงมาฉอปเร็วๆ!!!”เสียงมันตื่นเต้นมากครับ

“ทำไมวะ มีอะไร?”

“ลงมาๆ”

 
ลงก็ลงครับ ผมเขี่ยของไปกองสุมๆกันพอเป็นพิธีแล้วเดินลงจากตึกมุ่งไปยังฉอป   พอเข้าไปในฉอป พบไทยมุงชาวคณะ ยืนทำหน้าเหมือนปวดเข้กันทุกตัวตน คาดว่าไม่มีการอุปาทานหมู่แน่นอน  ผมเลิกคิ้วถามโม ญ  มันพยักเพยิดไปหลังพาร์ทีชั่นที่ใช้กั้นโซนระหว่างโซนเรียนเลคเชอร์กับโซนปฎิบัติงาน พบน้องเงินน้องทอง ตัวยาวเมตรครึ่งท่าจะได้ ขึ้นโชว์ตัวอยู่บนโต๊ะวางของหลังโซนเลคเชอร์ สงสัยหนีออกจากเซฟเฮ้าซ์(บึงหน้าสถาบัน) มาอาบแดด(แสงนีออน)

“ตัวใหญ่ชิบเลยว่ะเน๊อะ”ไอ้เมศพูด

“เมิงเรียกกรูลงมาดูเอี้ยเนี่ยนะ”

“เออ ดิ เนี่ย ไซส์ใหญ่สั่งพิเศษเลยนะเว้ย เมิงเห็นป่าว” มันมีลูกคู่เป็นชาวคณะที่ยืนพยักหน้าเห็นด้วยกะพวกไอ้เมศ

“แล้วไง?” แค่ผมพูดเหมือนไม่ค่อยใส่ใจ น้องเงินน้องทองก็ ผงกหัวแบบท่าทางอารมณ์เสีย แล้วโดดขึ้นพาร์ทีชั่น จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ยเอี้ย!!”ใครสักคน ร้องขึ้น วงวิศวะมุง ผงะถอยหลังอย่างเร็ว

“ผมรู้แล้ว”เสียงสปาโก้ผู้คุมฉอป ว่า มุขนี้แอบฮานะครับ  ของมันเห็นอยู่กับตาครับว่า น้องเขาตัวจริงเสียงจริงขนาดไหน

“ตัวใหญ่จริงๆ ผมเห็นยังสยิว” เหมือนน้องเงินน้องทองเธอจะเข้าใจภาษา เธอผงกหัวเหมือนพอใจในคำชม แล้วกระโจนหายไปอย่างว่องไว หลังจากน้องนางบ้านบึงหน้าสถาบัน จากไป สภาฯก็กลับมาพูดได้อีกครับ

“แล้วทำไม อาจารย์ต้องสยิวด้วยละคะ?” เอ่อ....มุขนี้ เป็นผมก็ต่อไม่ติดครับ  สปาโก้ถึงกับชอคไป  ช่างน่าสงสารจริงๆกับ อาจารย์(ของเล่น? ของสภาฯ)นามว่า สปาโก้ 



หลังจากการปรากฏตัวของน้องเอี้ย ผ่านไป วิศวะมุงก็กลับขึ้นห้องประชุมงานกันต่อไปครับ  เรื่องปวดหัวที่สุดก็ไม่แคล้วเป็นเรื่องเงินๆทองๆ  ยิ่งพูดเรื่องนี้ยิ่งเครียดครับ  หารือกันหน้าดำหน้าแดง เพราะมีตังค์จ่ายมัดจำ  แต่อาจไม่มีตังค์ไถ่ของออกมา แย่สิครับ เมื่อความเครียดมันถาโถม ไอ้เสียดผู้คุมแผงหน้าด้วยโน้ตบุ๊คฟูจิสึ นามว่าจูเนียร์ก็เปิดเพลงได้เข้ากับสถาบันครับ เพลง Caramell Dansen เวอร์ชั่นรีมิกซ์ไส้แลบ เร็วชนิดออริจินอลตกเหวลงข้างทางไปเลย เพลงที่เหล่าโอตาคุน่าจะรู้จักกัน เพลงท่าเต้นโนเนะ คลับคล้ายปัญญาอ่อน ที่เต้นท่าเดียวเหนื่อยทั้งเพลง ถ้าคนเต้นเป็นสาวน้อยน่ารัก จะเจริญตาอย่างยิ่งครับ แต่ถ้ากลายเป็นผีหน้าหนอน ขึ้นมาเมื่อไหร่ ความเสื่อมจะมาเยือนทันที  เพลงนี้มีหลายคนนำอนิเมะเรื่องดังมาทำเป็นคลิปเต้นเยอะมาก มีทุกเวอร์ชั่น ตั้งแต่ ลัคกี้สตาร์  โคนัน มาริโอ้(เก็บเห็ดนะครับ ไม่ใช่ดารา หรือมาลีโอ เมารึ?ของพวกผม) ดราก้อนบอล  มีหมดครับ แต่ดราก้อนบอลนี่เสื่อมสุดเท่าที่ผมดูมาครับ ตัวล่ำๆกล้ามเป็นมัดมาเต้นแบบนี้เสื่อมจิตแบบมิได้นำพา


เมื่อคุยงานกันมันเครียด เราก็ร่วมโครงการแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย คุยไปเต้นไปครับ  ท่าเต้นง่าย ท่าเดียวทั้งเพลง เต้นกันสิครับ ไอ้เมศที่ผมข้างหลังชักยาว เอายางใครไม่รู้มามัดเป็นจุกหนูแทะแล้วเต้นกะเค้าด้วย น่ารักว่ะ...  ผมแอบคิด แล้วผมล่ะ...เพื่อนเต้นไปคุยงานไป ผมก็ต้องเต้นครับ แม้จะนึกอนาถกับตัวเองเล็กน้อย แต่ก็มันส์ดี   บรรยากาศการทำงานเป็นขี้ข้าคณะของพวกเราเป็นประมาณนี้ล่ะครับ บ้าๆบอๆ แต่งานเดินดีครับ หึหึหึหึ

สรุปแล้วที่อ่านมาจนเหนื่อยทั้งหมด หาสาระไม่ได้พอๆกับของไอ้เมศแหล่ะครับ  ขอจบรายงานเพียงเท่านี้ครับ อ่อ  แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายนะครับทุกคน
ปล.(ผมพบว่าวงเล็บเยอะ)


***************************************

แบบว่าช่วงนี้ไม่รู้เป็นไร เข้าเล้ายากมากเลยอ่ะ  o7

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 03-05-2008 22:26:16
มาต่อแล้ว เย๊ ต้องฉลอง  :oni2:

ตอนใหม่เล่าในมุมของรันย์ หาสาระไม่ได้พอกัน เอ๊ย น่ารักจิงๆ หุหุ :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 03-05-2008 23:37:13
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวมั่งจัง  แต่ว่าไปกะใครดีล่ะ เมศไปด้วยกันหน่อยซิ :o8:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-05-2008 00:16:44
สรุปสาระของรันย์เองไม่ต่างจากเมศเลยยยยยยยยยยยยยยยยสักนิด แล้วเมื่อไหร่มันจะลงเอยกันละเนี่ย

ว่าแต่เรื่องนี้ครบปีแล้ว เหรอคับเนี่ยยยยยยยยยยยยยย อืมๆๆๆๆ นิยายรายเดือนจิงๆด้วย อิอิ(แซวเล่นน่ะ)


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 04-05-2008 00:50:10
ยังไม่ครบปีค่ะ ครบเดือน สค. (ยังมีหน้ามาตอบอีก55+)

เเซวได้ตรงความจริงมากค่ะ  :m29:

ขอบคุณสำหรับทุกการเข้าอ่านเเละเมนต์ (เเม้จะดองข้ามชาติ ฮาๆฮือๆ) :กอด1:

ปล.พี่ฟาง เมศไปมาสองรอบเเล้ว มาเป็นรอบที่สามม๊า~
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 04-05-2008 01:29:58
เนื้อเรื่องเจ๋งคับ
หาสาระไม่ได้แต่อย่างฮา
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 04-05-2008 10:22:22
นิยายรายเดือน (บางทีเดือนบางทีก็หลายเดือน :m20:)

ยังฮาได้อีก...
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: Mint ที่ 04-05-2008 12:21:38
 :oni1: :oni1: :oni1:

รอด้วยคน

นิยายรายเดือนจิงๆด้วย

 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 04-05-2008 13:54:58
ขอรอด้วยคน :oni1: :oni1: :oni1:

.
.
.
.



.
.
.


 :เตะ1:


เพื่อนสาวสภาฯคนหนึ่งออกความเห็นกับเมศว่า ไอ้เรื่องนี้ มันไม่มีอะไรเลยนอกจากขำ ....เลยคิดเข้าข้างตัวเองบางทีสาระของเรื่องนี้อาจอยู่ที่ความขำ

เเต่ที่เขียนนี่เขียนจากเรื่องจริง ๘๐% เลยนะคะ555+

.
.
.
.


เพราะฉะนั้น...เอ่อ...ไม่ต้องเเอบเดาค่ะตะโกนดังๆเลย  ชีวิตคนเขียนไร้สาระนั่นเองค่ะ555+

(สาระมีเเหล่ะ เเต่ทำเบลอว่าไม่มีไง 555+ :oni3:)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: noki ที่ 08-05-2008 13:23:01
เป็นอีกเรื่องที่เราติดตามอ่านตลอดเลยนะ ชอบเรื่องแนวนี้อ่ะ อ่านแล้วหนุกหนานดี
เอ แล้วตอนต่อไปจะให้รออีกนานมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 08-05-2008 14:43:40
ยิ่งอ่านเรื่องนี้ไป ยิ่งคิดได้ว่า ไม่ควรหวังอะไรจะรันย์และเมศ -.-

ในนิยายนี้ หวังได้เพียงอย่างเดียวว่า  คนเขียนคงจะมาต่อนะ -.-



 :เตะ1: :เตะ1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 31-05-2008 23:08:29
มารอตอนพิเศษอ่ะ :laugh:
ตามมาทวงมันทุกเรื่องเลย อิอิ :m4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-06-2008 09:13:28
ร่วมด้วยช่วยทวง อิอิ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 08-06-2008 13:34:01
น็อครอบเดือนมา 5 วันแล้วน้าาาาาาาาาาาาาาาา  :serius2: :serius2:


อยากอ่านๆๆ มาต่อบัดเดี๋ยวนี้เลย ช่วงนี้ว่างแล้วที่สุดแล้ว เดี๋ยวต่อจากนี้แกไม่ว่างยาวแน่
การบ้านก็ยังไม่ได้ทำหนิ -*- มาต่อด่วนๆๆๆๆๆ

*ปั่นกระทู้กดดันเพื่อนรัก  :a1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 3 พฤษภาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 06-07-2008 22:45:39
เอามาปล่อยก่อน

ยังไม่ได้อ่านเลย แหะๆ


**************


ตอน๑๑ ความเงียบ ณ โตเกียว

สวัสดีพ่อแม่พี่น้องอีกครั้ง กระผมในรันย์นามสมมุติ(ว่าหล่ออย่างเทพ)เจ้าเก่าเจ้าเดิมมาอีกแล้ว  ครั้งที่แล้วพยายามมีสาระไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีสาระเช่นเดิม แย่หน่อยนะครับ ผมได้พยายามแล้ว  ครั้งนี้เลยจะแก้มืออีกรอบ ได้ปวดหัวเอ้ย...ชวนหัว เย้ย...เอาเป็นว่าให้หัวเราะขำขันแบบปริมาณสมราคา แล้วกันนะครับ

ตอนนี้พวกผมจับเครื่องบิน(จับหมายถึงขึ้น อย่าทำเบลอกับภาษาโบราณนิดๆนะเออ เดี๊ยะจับตบจูบ) ตรงมาที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น  แต่ไม่ได้ร่วมโครงการ ฝาเดียวทัวร์ยกโขลงเหมือนที่มีโฆษณาอยู่นะครับ  พวกผมมากับสถาบันเป็นโปรแกรมStudy tour  ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่อยากมาเที่ยวและเรียนในประเทศญี่ปุ่นได้มีโอกาสมาศึกษาดูงานเผื่อวางแผนไว้สำหรับอนาคตของตัวเอง  แน่นอนครับ..ในเมื่อไอ้เมศอยากมา ผมก็ย่อมต้องมาด้วย  พร้อมด้วยเพื่อนๆชาวคณะร่วมทริป๒๐คนได้  เอ่อ...ไม่อยากจะบอกครับว่า สาวสภาฯรอดเข้าทัวร์นี้มาสองหน่อ  อย่าให้บอกเลยครับว่าเป็นใคร ความสยองยังคงอยู่ ติดแน่นทนนานแน่นอน .... อะไรนะครับ?...อยากรู้?....บอกก็ได้ครับ  เอิ่ม...อืมมมมม.... โม ญ สาววายเลือดบริสุทธิ์กับ แชร์รี่ สาววายแบบลักปิดลักเปิด ขอทำเบลอข้ามๆสภาฯสองคนนี้ไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนะครับทุกท่าน

“หนาวเอี้ยๆเลยว่ะ”ถูกครับ  ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิก็จริง แต่พอเดินออกจากเครื่องปั๊บ อาการหนาวสั่นก็มาเยือนเลยครับ  พูดออกมาทีไอจางๆพวยพุ่งแม้แต่เวลาสายเกือบเที่ยง ฝนที่พรำลงมาเรื่อยๆก็เกือบทำให้ทั้งคณะทัวร์ลูกเป็ดไทยส่งกายไปนอกแทบหนาวตาย

“ใครวะมันบอกว่า ๒๓ องศา  องศาหัวใจมันอ่ะดิ”ไอ้เมศบ่นกระปอดกระแปดทันทีที่ลงจากเครื่องบินและปัจจุบัน ขณะที่เราอยู่ที่วัดอะสะกุสะ มันก็ยังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ก่อนเข้าวัดต้องล้างมือให้สะอาดด้วย  แอบเห็นคนญี่ปุ่นบางคนล้างปากด้วย แต่น้ำเย็นมากครับล้างมือเสร็จแล้วนึกว่ามือหาย มันชาครับทุกคน

“เอาน่าเมิง  ข่าวเขาออกแล้วว่า ก่อนเรามาพายุมันเข้า  แผ่นดินไหวอีกตะหาก”

“หนาวอย่างแรงอ่ะเมิง  เมิงไม่หนาวหรือไง?”  

“ก็หนาวนิดหน่อย”ผมใส่เสื้อหนากว่าไอ้เมศเยอะ แลดูเหมือนไอ้หนุ่มฮิปฮอปด้วยเสื้อตัวโคร่ง

“เอามือเมิงมาสิ”ผมว่าพลางจับมือมันมาซุกในกระเป๋าจิ้งโจ้ของเสื้อกันหนาวผม มือมันเย็นเฉียบจากการเพิ่งล้างมือ

“อุ่นว่ะ”

“แน่นอนกรูมันร้อนแรง”

“แหม พวกเมิงๆเนี่ยนะ ในวัดในวาก็ไม่เว้น สวีทกันนอกหน้าจริงจริ๊งหมั่นไส้” ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของพวกผมฝ่ายไหน คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ผู้หญิงที่เกือบไม่ได้เข้าประเทศ เพราะจะตั๊นปากตม.(จากปากคำคือโดนตม.ด่า ส่งสัยประจำเดือนมาไม่ปรกติ เลยด่าคนเข้าประเทศ)

“มันหนาวนะครับเจ๊”

“เออ ช่างพวกเมิง”โม ญ ว่า ก่อนจะไปเดิน(วินโดว์)ชอปปิ้ง มันขี้งกครับ หึหึหึ ไอ้เมศอีกตัว เดินหัวซอยยันท้ายซอยหน้าวัดอาสากุสะ เสียงตังค์แค่50เยน ค่าเซมเบ้1แผ่น

“เมื่อคืนที่นั่งเครื่องมานอนไม่หลับเลย” หลายคนเลยที่นั่งเครื่องแล้วนอนไม่หลับ ไม่ใช่กลัวหรืออะไรนะครับ แต่มันไม่ยอมหลับจริงๆ  พอ ตั้งท่าจะหลับ มันต้องมีเงาว๊อบแว๊บของพี่แอร์สาวคนสวย หรือไม่ก็มีอะไรรบกวนให้ไม่หลับ   ที่เด็ดสุดคือ ระหว่างกำลังเคลิ้มระยะสุดท้าย ถูกปลุกมากินข้าวเช้าตอนตี2เวลาประเทศไทยครับทุกคน  (ญี่ปุ่นเวลาเร็วกว่าประมาณ2ชม.ได้ครับ)  แต่ก็ดีครับ ได้นั่งมองหน้าไอ้เมศมาตลอดทาง

“อืมกรูเห็นแล้วแหล่ะยุกยิกตลอดเวลา”ผมบอกมันพลางชี้ชวนสาวสภาฯไปที่รูปนักร้องหนุ่มแดนปลาดิบที่พวกนางกรี๊ดกันหนักหนา

“มาญี่ปุ่นเมิงอยากได้อะไรมากสุด?” ไอ้เมศถามขึ้นขณะที่ผมกำลังพิจารณารูปนักร้องพวกนั้นแล้วนึกในใจ กรูหล่อฝ่าเยอะ หึหึหึหึ

“เมิงบอกของเมิงก่อน”

“อยากได้ไอพอดว่ะ ได้ข่าวว่าถูกกว่าเมืองไทย”ผมพยักหน้ารับ พลางช่วยไอ้เมศบังคับร่มไม่ให้ไปเกี่ยวกับร่มคนอื่น

“แล้วเมิงล่ะ?”ผมมองหน้าไอ้เมศคนถาม ก่อนจะตอบอย่างทีเล่นทีจริง

“อยากได้หัวใจเธอ เอาฮี๊ววว~”  ผมมองตาโตๆของมันได้ไม่นาน มันก็เบือนหน้าไปมองร้านขายของกิน ทิ้งให้ผมถอนหายใจยาวเป็นไอขาวลอยคว้างก่อนกลืนหายไปกับอากาศหนาวเย็น

      
ยามค่ำคืนของมหานครโตเกียว มีแสงไฟพราวอย่างเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ทริปของเรา มีช่วงฟรีไทม์ตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม ซึ่งแน่นอนครับ กลับกันห้าทุ่มทุกวัน เพราะเดินเพลิน มึนทาง และแน่นอนที่สุดครับ หลงทาง หลงทางแสดงว่าต้องเกิดอาการสับขาหลอกตัวเอง ในสถานที่ที่เคยมาแล้ว ใช่ครับ....พวกผมหลงที่สถานีรถไฟ(railway)สาย Odakyu ซึ่งเป็นสถานีที่นับว่าคนพลุกพล่านวุ่นวายมาก...สถานี ชินจุกุ

“อยากกินซูชิ”นั่นคือประกาศิตที่สองสาวสภาฯลั่นวาจาบนโต๊ะอาหารเช้าที่หอพักของเรา เป็นอันว่า ค่ำนี้เราไปเดินหาซูชิกินกันที่ย่านชินจุกุ เพราะกลับง่าย (แต่ก็ยังหลง)

“มันออกทางไหนวะ?”มากี่ทีก็งงทางครับ

“ทางนี้ๆ กรูจำได้”ไอ้เมศยืนยัน พลางชักชวนให้เพื่อนๆตามไปทางประตูออกที่ทุกคนรู้สึกตะหงิดแปลกๆ มันทำท่าภูมิใจ สอดตั๋วเข้าไปในเครื่อง  แผงกั้นที่เปิดจากคนก่อนหน้า เปิดรอ พอไอ้เมศเดินผ่านเท่านั้น แผงกั้นเจ้ากรรมปิดดัง ผับ!  แต่อาจเพราะความพลิ้วของไอ้เมศ มันไปยืนฝั่งตรงข้ามได้สำเร็จ ด้วยหน้าชื่นตาบานทั้งที่แผงกันมันฟ้อง ว่าผ่านไม่ได้ มาเลยครับ พ่อ เอ้ย~นายสถานี  มาโนะๆเนะๆกันอยู่หลายตลบ  ไอ้เมศมันเยี่ยมจริงครับ  พูดภาษาอังกฤษ แต่นายสถานีตอบเป็นญี่ปุ่น  แต่ก็ยังเข้าใจกันได้ครับ หลังจากเคลียร์กันเรียบร้อย  ไอ้เมศโดนลากกลับเข้ามาที่เดิม แล้วไล่ไปออกประตูอื่น

“ทำไมไม่พูดญี่ปุ่นวะ?”นั่นสิครับ ผมก็สงสัย

“ก็ไม่เห็นหน้านายสถานีเขาหรอ กุเสียเซล์ฟนะเว้ย พูดแล้วทำหน้างงใส่ กรูเลย พูดอังกฤษ”

“แล้วเขาก็ตอบเป็นญี่ปุ่น” ไอ้เมศพยักหน้ารับ แบบไร้สาร(รับแบบหน้าใสใจสะอาดมากๆครับ)

“ แต่ก็ยังคุยรู้เรื่อง กรูละเชื่อเมิงเลย”มันยิ้มแป้นแล้น ไม่รู้สึกรู้สาทำให้เพื่อนได้แต่ถอนใจ ก่อนจะพากันเดินขึ้นสู่ย่านชินจุกุ

ย่านชินจุกุเต็มไปด้วยแสงสี ชาวไทยเจ้าเอ๋ยกลุ่มเล็กๆอย่างพวกผม โผล่ขึ้นจากสถานีตรงตึก star  การเดินเที่ยวในต่างแดนโดยไม่มีคนนำทาง มีแค่หัวเท่าจำนวนคนกับแผนที่คนละแผ่น สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องจำว่า เราเดินผ่านอะไรไปแล้ว ในเมืองที่วุ่นวายและย่านที่พลุกพล่านอย่างย่านใหญ่ๆเช่นชินจุกุ หรือชิบุยะ แล้วสำคัญมากครับ ที่จะไม่พยายามหลงทางกัน  มาโตเกียวสิ่งที่ควรทำคือเดินขึ้นลงเนินครับ ถนนเส้นที่เราเดินอยู่นี้ก็เป็นเนินเช่นกัน   แต่สงสัยว่า เราจะไปกันไม่ถึงร้านซูชิล่ะครับ เพราะสองสาว สะกิดกันยิกๆ เมื่อเห็นร้านราเม็นริมทาง ยังใช้เครื่องปั่นไฟเก่าๆที่ส่งเสียงครึกๆอยู่เลย ร้านตั้งอยู่ริมทาง ตรงหน้าห้างใหญ่เลยครับ เป็นภาพออกจะขัดกับภาพรวมของถนนทั้งเส้น แต่ไม่มีอะไรหยุดพยาธิในท้องสาวสภาฯได้

“ราเม็นเหอะวะ” คำถามที่ถามในน้ำเสียงแต่บังคับในเนื้อความครับ  อย่าครับ...อย่าคิดว่าผมจะต้องหันไปปรึกษาไอ้เมศ  มันล่ะคนแรกล่ะครับ พุ่งไปหาร้านเขาเลย นอกจากร้านเขาจะขายราเม็นชามโตแบบ ราเม็นชามละร้อยบาทเราชิดซ้ายแล้ว ยังขายโอเด้งด้วย

“ikuradesuka?”(*เท่าไหร่ครับ)เริ่มเจรจาล่ะครับ ผมได้ยินสองสาวตกลงแชร์ราเม็นกัน เริ่มยุทธการณ์โนะๆเนะๆอีกครั้งครับ

“เอาอันเดียวครับ ฮิโตสสึ”ไอ้เมศพูดพลางชูนิ้วชิ้ประกอบ เวลาเห็นมันเจรจาต่อรองแล้วขำดีครับ ท่าทางมันตั้งใจมาก หน้าตาจริงจังเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

“เฮ้ยไอ้รันย์ เขามุงอะไรกันวะ?”ไทยมุงเมดอินไทยแลนด์สงสัยครับว่าญี่ปุ่นมุง เขามุงอะไร  ถัดไปไม่กี่ก้าว กลุ่มคนวัยทำงานใส่ชุดสีดำยืนออกันเป็นกลุ่มใหญ่ทั้งชายหญิง เหมือนมีของแปลกอะไรให้ดู ในเมื่อสงสัยก็ต้องพิสูจน์ใช่ไหมครับ

“เดี๋ยวกรูไปดูให้”

“เฮ้ยเดี๋ยว”ไอ้เมศมันยื้อแขนเสื้อผมไว้ พอผมหันมา เจอะตะเกียบคีบโอ้เด้งแทบทิ่มลูกกะตา

“เมิงจะเอาตะเกียบจิ้มลูกตากรูเร๊อะ” ผมว่าพลางหัวเราะ ก่อนจะงับของกิน อร่อยเหาะ2ชิ้น100เยน(30บ.) ขอบอกครับว่าของเขาดีจริงๆ

“Sharkนิคุนะเมิง”(หมายถึงเนื้อฉลาม) ดีนะครับที่ของกินอุดปากสาวสภาฯให้หน้ามืดตามัวไม่งั้น..คงรู้นะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“เมิงเอาสักภาษาดิ๊”ผมตบหัวมันทีนึง เผื่อว่าเขาจะหดลงสักหน่อย ก่อนจะเดินไปมุงญี่ปุ่นมั่งครับ

ชาวญี่ปุ่นในสูทสีดำเป็นมาตรฐานที่เขามุงๆกันอยู่ทั้งชายหญิง ผมได้พิสูจน์แล้วครับว่า เทพมะเร็งไม่เข้าใครออกใคร  คนปอดไม่แข็งแรงอย่าท้าอย่าลองนะครับ  พอเข้าไปร่วมวงกับเขาเท่านั้น กลิ่นบุหรี่มันตีจมูกทันทีครับ สรุปก็คือ ที่เขายืนกันเป็นกลุ่มก้อน เพราะที่ตรงนั้นเป็นที่สำหรับสูบบุหรี่ ซึ่งคนญี่ปุ่นสูบบุหรี่กันแทบเป็นนิจศีล แต่ไม่สูบเพ่นพ่านนะครับ  หลังจากรมควันศักการะเทพมะเร็งประจำสาขาญี่ปุ่นเรียบร้อยก็กลับมารายงาน  พอดีไอ้พวกนี่ไม่รู้ตายอดตายอยากมาจากไหน มันซัดของกินเรียบ กำลังเอะอะโวยวายกับลุงเจ้าของร้าน ไม่ใช่ตีกันนะครับ พูดคุยกันถูกคอต่างหาก ลุงแกบอกว่าชอบมวยไทย มีเพื่อนทำงานอยู่เมืองไทย เลยได้บินไปไทยบ่อยๆแกบอกแกชอบมาก(ไหนว่าชอบทำไมไม่ลดค่าราเม็งหว่า ..บางเมนูเป็นพันเยนนะครับ แสดงว่าของเขาไม่ใช่เข้ๆ) หลังจากเสวนากันพอแล้วก็ลุยต่อละครับ

หลังจากท้องเริ่มหนักก็ลุยต่อครับ เราเดินท่อมๆไปตามย่านชินจุกุแบบหลับหูหลับตาเดินตามๆเขาไป มุดอุโมงค์ข้ามถนน เจอร้านขายทุเรียนให้เห็นราคาแล้วแขยง ก่อนจะเจอโซนร้านปาจิงโกะ เขาว่ายากุซ่าเยอะนะครับร้านพวกนี้ ไม่แนะนำให้เด็กๆเข้า เพราะเขาจำกัดอายุให้เข้าด้วย อาจต้องถูกตรวจพาสบอร์ดให้เสียวแว๊บๆ เดินไปอีกหน่อยพอให้งงๆทาง มาล่ะครับสิ่งที่ทุกคนเห็นเป็นตาประกายแว๊บๆ คาราโอเกะ ถนนเล็กๆที่ครึกครื้น มองเข้าไปในซอยคนเพียบ บางคนใส่โอเวอร์โค้ต ถือกระดาษหรือป้าย บางคนใส่สูทผมทำสีแนวเท่ห์ๆ ลุยล่ะครับ ฮุ่ย~

“เฮ้ยคนนั้นแม่งน่ารักว่ะ”มันเริ่มล่ะครับ อาการนี้ท่าทางจะเก็บยาก สาวสภาฯเริ่มปฎิบัติการหาอาหารตา

“คนนั้นก็น่ารัก”

“พวกแกตกลงมาดูอะไรกันแน่วะ?”ผมถามอย่างอนาถในอารมณ์นิดๆครับ เพราะคนนึงก็แลดูจะเป็นป้านางหนึ่ง ส่วนอีกคน มันแต่งตัวได้ทอมมาก.... สรุปแล้ว คือมากันสี่ เหมือนมีผู้ชายเสียสาม

“ผู้ชาย!” สองสาว(หรือว่าหนึ่ง?)หันมาตอบโดยพร้อมเพรียง ไอ้เมศมันหัวเราะเยาะ พลางกระเซ้า ว่าเมิงไม่น่าถามพวกมันเลยนะ

“คาราโอเกะสักชั่วโมงมะ?”สาวสภาเริ่มเปิดประเด็น หลังจากเห็นราคาแล้ว ยวนเย้าให้ลิ้มลอง แต่ที่เด็ดกว่า คือเด็กเรียกแขกเข้าร้านครับ คาดว่าเขาคัดหน้าตาแน่นอน ผมว่าผมหล่อแล้ว มันหล่อน้อยกว่าผมหน่อยนึง สองสาวเข้าไปโนะๆเนะๆ ปรกกฎว่า ราคาคาราโอเกะจากที่ค่อนข้างถูกอยู่แล้วยิ่งถูกหนักเข้าไปอีก

“เฮ้ย เราไม่มีเวลาขนาดนั้นว่ะ ต้องกลับก่อนเคอร์ฟิวนะเว้ย” ผมเริ่มประท้วงครับ เห็นไอ้เด็กเรียกแขก มายักคิ้วหลิ่วตาให้คนใกล้ๆตัวแล้วมันจี๊ด

“เออว่ะ เสียดายยยยย”สองสาวบ่นก่อนจะตีตัวออกห่างพ่อเด็กเรียกแขก เดินไปเกือบถึงแยก กลุ่มพวกเราโดนดักหน้าเลยครับ!!  หนุ่มน้อยหน้าตาท่าทางน่าจะสักม.ปลาย ยืนดักหน้า  ทำท่าขยิบตา ให้สองสาวคนนำขบวน  

“เย้ยยยย.......น่าฮักขนาดดดดด”เสียงโอดเบาๆทำให้ไอ้เมศเขาอารมณ์ดี ส่วนสองสาว ช๊อคไปแล้วครับ เจอwinkระยะซูมอิน พลางโฆษณาชวนเชื้อคาราโอเกะที่ทำงานอยู่

“sumimasen jikanganaidesu ..พวกเมิงๆไปกันได้แระ เดี๋ยวไม่ทันเคอร์ฟิว”(ขอโทษครับ พอดีไม่มีเวลา) พั๊วะพ๊ะกับสาวสภาฯสักพักผมชนะได้ทีรีบลากมันเดินต่อเลยครับ  สรุปคือกว่าจะผ่านถนนเส้นนั้นมาได้เล่นเอาผมหอบรับประทาน  ถ้าไม่หอบนี่คงต้องมีลมปราณแก่กล้าแน่นอนครับ เพราะถนนทั้งเส้น มีแต่โฮตส์หนุ่มๆหน้าตาดีใส่สูทยืนเดินกันให้ขวักไขว่  แถวยังมีเด็กเรียกเข้าร้านคาราโอเกะสรรพคุณอย่างข้างต้นอีก นี่แค่ตรอกระยะ ประมาณ ๕๐๐เมตรเท่านั้นนะครับ แล้วลองจินตานาการถึง ตรอกลัษณะแบบนี้อีกหลายๆตรอกสิครับ ผมเหนื่อยเลยครับ สวมบทพ่อจำเป็นลากเพื่อนๆ โดยเฉพาะสาวสภาฯ พวกนางได้พิสูจน์แล้วว่า นางนั้นน่ากลัวขนานไหน  ไอ้เมศก็ไม่ใช่เล่นครับ

“เฮ้ยๆ ยู๊ดดดดดหยุดๆๆ”ทั้งขบวนเราเลยต้องหยุดครับ  มันทำท่าตื่นเต้น ชี้ชวนไปทางขวามือ ร้านคูหาเดียว ที่เปิดไฟแฟนซีดัดเป็นอักษรชื่อร้าน และตัวการ์ตูนสาวเซ็กซี่ สรุปมันคือร้านAVเขียนราคาเป็นนาทีไว้ ติดเรท ฉ ฉิ่งตีดัง  น ๑๘ ไม่เหมาะกับเยาวชน เพราะฉะนั้น ขออธิบายข้ามๆแล้วกัน

“สักครึ่งชั่วโมงมะวะไอ้รันย์”

“เสียตังค์ เพื่อดูAVเนี่ยนะ เมิงกลับไปโหลดดูที่บ้านไป”  

“หูยยยย....มาแล้วทั้งทีขอดูสาขาต้นตำหรับเหอะวะ”มันมาแนวใจแตกนะเนี่ย

“เมิงมีเพื่อนผู้หญิงมาด้วย เกรงใจมันหน่อย เมิงหื่นนะเนี่ย เดี๋ยวกรูจะให้เมิงหื่นให้พอ”ผมหัวเราะกับความคิดจิตเตลิดในหัวครับ เซนเซอร์ตรู๊ดดดดดดดูดเสียงออก

“พวกมันใช่ผู้หญิงที่ไหน” สองสาวมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้า ประมาณว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ผมเห็นท่าจะชิงเสียกระบวนท่าเสียเองเลยงัดท่าไม้ตายมาชิงใช้ก่อน เพื่อเบรคเกมส์เสิร์ฟ เอ...ตกลงเราพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ครับ ชักไปไกล

“แต่กรูหิว” ผมพูดพลางส่งสายตาหวานเยิ้มนิดๆอ้อนตรีนหน่อยๆให้มัน สองสาวพอได้ยินเรื่องปากท้องก็พยักหน้าเห็นพ้อง

“อยากกินมาม่า” แน่นอนครับทีมเราออกนอกประเทศทั้งที่ยัดมาม่าไปด้วยคนละสองสามกระป๋อง เผื่อฉุกเฉินแห้งกรอบเหมือนมาม่ายังไม่ลวกน้ำเพราะเงินไหลออกหมดกระเป๋า

“มาโตเกียวทั้งที ดันจะกินมาม่า” ไอ้เมศถึงกับออกอาการเซ็ง ผมยิ้มเอาใจมันทีนึง

“เออ..กลับก็กลับ”


แล้วไอ้คนที่มันบ่นว่าอยากกินมาม่า มันก็ตาย ณ ร้านเค๊ก ในสถานีแทนครับ หลังจากเราคลำทางกลับไปทางตึกสตาร์ โบกมือบ๊ายบายลุงร้านราเม็งอีกที ก็ถึงคราวงงรถไฟอีกรอบ  แต่ก่อนอื่นนี่ โผหาของกินก่อนเลยครับ ร้านเค๊ก เค้กที่ญี่ปุ่นอย่างที่ทุกคนทราบกันดีนะครับ หน้าตามันชวนกินสมราคามันเลยครับ  (แต่ผมว่าคุ้มนะ)  สองสาวฟาดกันไปแบบเบาะๆคนละชิ้น ส่วนผมกับไอ้เมศฟาดกันคนละสอง ไว้แลกกันชิม ตอนแรกว่าจะซื้อไม่เยอะนะครับ แต่เห็นหน้าคนขายชวนอยากหิ้วกลับบ้าน บวกกับหน้าตาขอเค้กชวนน้ำลายไหลเป็นน้ำตก ก็หน้ามืดซื้อมา  ก่อนถึงทางเข้ารถไฟสายOdakyuทางกลับหอพักของพวกเรา ผ่านร้านเบเกอรี่ เกือบได้เวลาปิดร้านพอดีครับ  ร้านคนแน่นพอควร เพราะของเขาจะลดครึ่งราคาเลยครับ  เลยสวมวิญญาณนักรบไทยใจแกล้วกล้า ทะลวงฝ่า เข้าไปได้ขนมปังกลับมาอีกสอง น้ำแอปเปิ้ลชื่นใจ๊ชื่นใจในราคาแสนถูก ที่เล่าถึงของกินเสียมาก เพราะมาที่นี่แล้ว มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นครับ พออยากกินก็เลยจัดให้ตัวเองเข้าไปเยอะ แต่รับรองว่าไม่อ้วนครับ เพราะวันนึงๆเราเดินกันเยอะมาก ขึ้นๆลงๆเนินในโตเกียว โดดขึ้นรถไฟสายนั้นสายนี้ ก่อนจะสลบเป็นตายครับ




“ไรวะ กลับมาท้องอิ่มแช่น้ำร้อนหน่อยตาปรือเลยนะเมิง” ผมเปิดประตูห้องมันพลั๊วะโดยไม่ต้องเคาะ แบบว่าลืมตัวครับ  มองเข้าไปในห้องแคบๆที่ชักจะรกเพราะกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เปิดอ้ามีกองเสื้อถูกรื้อเละๆเทะๆอยู่ในนั้น  บนโต๊ะมีนังน้องปู  โน้ตบุ๊คคู่บุญและสายไฟระโยงระยางของนังพจมานคนสวย แถมยังของสารพัดอย่าง  มีไอ้เมศนั่งตาปรือปรอยหัวชื้นๆอยู่บนเตียงเป็นตัวประกอบ ผมตรงเข้าไปผลักหัวมัน มันทำท่าโงนเงนเหมือนตุ๊กตาล้มลุกจนผมเห็นแล้วอนาถต้องจับมันนั่งตรงๆ

“หัวค่ำล่ะหื่นเชีย ทีนี้ทำซึมนะเมิง” ผมพูดพลางจัดทรงผมให้หล่อเนี๊ยบทุกท่วงท่าที่กระจกตรงผนังใกล้ประตู  ตอนนี้สภาพห้องคงน่าอึดอัดไม่น้อย เพราะผู้ชายตัวไซส์มาตรฐานชายไทยสองคนอยู่ในห้องแคบๆนี้

“ห้องข้างๆมันชวนไปดูหนัง จะไปป่ะ เมิงอยากไม่ใช่หรอ หึหึหึหึ”หนังสารคดีเสียด้วยสิครับ

“ไม่อ่ะ จะนอน”

“หัวยังเปียกเนี่ยนะ เดี๋ยวราแด๊กซ์หัวหรอก”อากาศที่นี่ค่อนข้างชื้นนะครับ เพราะฝนตกทุกวัน มาช่วงมรสุมเรียบชายฝั่งพอดี นอนหัวไม่แห้งมีสิทธิ์เพาะเชื้อราบนหัวแบบไม่ได้ตั้งใจเอาง่ายๆ

“เอ้า เช็ดๆซะ พอแห้งๆหน่อยแล้วค่อยนอน”ไอ้เมศมองผมด้วยสายตาว่างเปล่า เหมือนสงสัยว่าผ้าเช็ดตัวในมือผมมันคืออะไร ....ควายน้อยมันน่ารักจริงๆหึหึหึ ผมเลยโยนผ้าเช็ดตัวที่มันแขวนไว้กับผนังโยนคลุมหัวมัน

“เช็ดดิวะ รอให้มันงอกเป็นต้นฝ้ายหรือไง” ทุกคนสงสัยเหมือนผมไหมว่า ตกลงผมเป็นเพื่อนมันหรือพ่อมันกันแน่ ผมเช็ดกะโหลกให้ไอ้เมศด้วยอารมย์เหมือนเอาผ้าขี้ริ้วถูหมาเลยครับ  ถูแล้วมันมันส์เขี้ยว มันไม่โวยวายเลยครับ ปรกติมันต้องแหกปากลั่นโลกแล้ว แต่นี่เงียบสนิทสงสัยจะเหนื่อยจริง

“ออยยยยยยยยยยย”มันร้องเสียงเหมือนกบออกมาเมื่อผมจับไหล่มันสองข้างแล้วเขย่าๆถี่ๆ สนุกดิครับงานนี้ มันให้แกล้งฟรี มันร้องเหมือนกบสะอึกออกมาอีกทีแล้วนอนแปะกับเตียง

“ไรว๊า ไม่ไปดูหนังกะกรูหรอ”ที่นี่ในห้องไม่มีทีวีครับ มีให้ดูที่โซนนั่งเล่นรวมแทน ในกรณีดูหนังแบบไม่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากนักนะครับ ถ้าอยากได้ส่วนตัวสุดๆก็เชิญห้องใครห้องมันล่ะครับงานนี้

“หนาว”

“เหยิบๆไปหน่อยดิ๊”ผมล็อคห้องแล้วปิดไฟก่อนจะเดินไปหาคนบนเตียงช้าๆ  แล้วโน้มตัวลงบนเตียง....
.
.
.
.
.
.
.
.
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 06-07-2008 22:47:29

.
.
.
.
.
.
.
.
.
ยังครับ ไม่ได้มีอะไรชวนซี๊ดสิวสยิวกายแต่ประการใด ผมผลัก น่าจะเรียกว่า‘กลิ้ง’มันเข้าไปนอนชิดผนัง ก่อนผมจะลงไปนอนเบียดบนเตียงแคบๆนั้นอีกคน

“เมิงจะเบียดกะกรูทำกล้วยอะไรวะ”

“นอนคนเดียวหนาวนะเมิงขอบอก”ผมพลิกกายตะแคงไปด้านที่ไอ้เมศนอน   หน้าเราห่างกันแค่นิดเดียวด้วยความแคบของเตียง มันมองตาผมฝ่าความมืดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปิดตาลง เป็นอันว่าข้อตกลงเป็นอันใช้ได้ คืนนี้ผมได้นอนฟังเสียงรถไฟวิ่งกึงกังเสียงติ๊งตั๊งจากแถบกันรางรถไฟ และเสียงลมหายใจของคนที่ ผมคิดว่าชอบมัน อิจฉาใช่ไหมล่ะครับ

“อย่าลืมตั้งเวลาปลุก”เสียงงัวเงียพลางขยับตัวของไอ้เมศทำให้ผมยิ้มออกมาในความมืดสลัว ผมรับคำมันเบาๆ ว่า ‘ครับๆ’




เช้าแล้ววันนี้พวกเรามีคิวออกนอกโตเกียวกันครับ เวลาอาหารเช้าที่กำหนดไว้คือมาทานตอนเจ็ดโมงจะได้ไปถึงที่หมายไม่สายเกิน ที่นี่เรื่องความตรงต่อเวลาสำคัญมากครับ แล้วเหล่านักเรียนไทยอย่างเราๆก็ย้วยกันได้ถึงใจจริงๆด้วยการตื่นสายสุดๆ เราเข้ามาโรงอาหารตอนเจ็ดโมงสิบห้าครับ สาวๆมาก่อนแล้ว ยิ่งสายคนในโรงอาหารยิ่งเยอะต่อคิวกันหน้ามืด  เนื่องจากที่พักของเราเป็นสถานที่ที่เยาวชนจากหลายๆที่มักเข้ามาพัก มาทำกิจกรรมแบบข้ามประเทศกัน รวมถึงมีการประชุมสัมนาต่างๆด้วย จึงเป็นภาพที่เราเห็นแล้วแปลกตาดีครับ ฝรั่งหัวทองชายหญิง นั่งปนกับเอเชียชาติอื่นๆ   บางทีก็เป็นเด็กวัยรุ่นนั่งร่วมโต๊ะกับพนักงานบริษัทใส่สูธสีดำเรียบสนิท  เพราะคนเยอะโต๊ะนั่งเลยไม่ค่อยจะพอ

“ท่าทางอิดโรยเหมือนคนนอนไม่พอนะ ไปทำไรกันมาล่ะเมื่อคืน”เสียงจากฝั่งตรงข้ามบูธอาหารดังมาขณะผมตักแซลม่อนชิ้นสีส้มสวยใส่จานที่มีขนมปังก้อนใหญ่วางรออยู่แล้ว ผมเงยหน้ามองสาวสภาสองคนที่กำลังตักปลาชนิดอื่นๆใส่จาน

“ก็ไอ้เมศอ่ะดิ แม่ม นอนกัดฟันกรอดๆทั้งคืน ฟันแม่มร่วงหมดปากยังไม่รู้”

“โทษทีกุฝันว่าแทะไก่ย่างห้าดาวว่ะ”
 
“ อ้อหรอ  แล้วนั่นรอยอะไรที่คอวะไอ้เมศ อุ้ย!.... หนุ่มสูทแว่น” โม ญ ว่า พลางมองแทบลอยตามหนุ่มหน้าใสในชุดสูท แน่นอนว่าใส่แว่นตาด้วยไป  หลังจากแม่นางหย่อนระเบิดไว้ ก็หายลับตามสูทแว่นเอ้ย กลีบเมฆไปโจ้อาหารเช้าทันที คาดว่ารอยที่มันว่านั่น มันต้องเป็นใฝในลูกตามันแน่นอน  ผมได้แค่ระอาใจล่ะครับงานนี้  หันไปหยิบแก้วพลาสติกสีชา มาสี่ใบ ใส่น้ำเหล่าและนมอย่างละใบแล้ววางลงในถาดไอ้เมศให้มันไปก่อน ก่อนจะทำอย่างเดียวกันใส่ถาดตัวเอง พอถือถาดหันออก ก็เกือบชนกับสาวออฟฟิซน่าตาน่ารักเหมือนนางแบบนิตยสารเข้า ผมถึงกับผงะ

“sumimasen”นึกอะไรไม่ออกพูดไว้ครับประโยคนี้

“that’s ok” อ้าวเวง พ่นประกิตใส่ซะงั้น  ผมแอบเสียเซล์ฟเล็กๆเลยได้แต่ส่งยิ้มสยามให้แทนแล้วรีบจ้วงไปที่โต๊ะเลยครับ ที่นั่นมี ไอ้เมศที่มองตรงมาที่ผม สองสาวสภาและเพื่อนๆที่มาด้วยกันอีก พอผมนั่งลงเท่านั้น ทุกคนมองกันเป็นตาเดียว

“อะไรวะ”

“เจ๊าะแจ๊ะกะสาว ไม่สนไอ้เมศแล้วน้อ~” ช่างหาเหามาใส่หัวจริงนะไอ้พวกนี้ ตัวนำเป็นใครไม่ต้องบอกนะครับ

“อ้าวเล้งกะเม้งทำไรอ่ะ”สาวสภาลักปิดลักเปิดเอากะเขามั่ง เพื่อนหนุ่มสองคน ที่ชื่อจริงเขามี แต่เธอสองคนก็เปลี่ยนให้ เป็นเล้งกับเม้งด้วยเหตุผลง่ายๆ จำชื่อมันไม่ได้  สองหนุ่มที่กำลังคีบอาหารจากจานของอีกคนชะงัก ท่าทางตกใจ อย่างว่าล่ะครับ มันไม่ค่อยคุ้นก็เงี้ย ผมส่งซอสปรุงรสหมาบลูด๊อก(เพราะที่ฉลายมีลายหมาบลูด๊อกเป็นพรีเซนเตอร์)ให้ไอ้เมศ มันแค่มองแต่ไม่แตะต้อง ผมมองอย่างสงสัย ปรกติมันชอบเติมซอสนั่นนิดนี่หน่อย แต่วันนี้มันไม่เติมอะไรเลย ปรากฏการทางธรรมชาติประหลาดแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อนครับ สิ่งที่ผมทำได้คือดูท่าที

“บรรยายกาศ....อึมได้อีก…เน๊อะ”

“อืม....สูทแว่นคนผมน้ำตาลน่ารัก”สองสาวกระซิบกันเบาๆ  ผมหันไปมองตัวที่คาดว่าเป็นต้นเหตุพลางแสยะยิ้มน่ารักให้ที มันเลยรีบกินกันใหญ่  หลังจากผมกับไอ้เมศเงียบอยู่นาน ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวครับ  ปรกติ ถึงมันจะเพิ่งตื่นแล้วหงุดหงิด  หรือยังง่วงอยู่ มันก็ยังพอจะชวนคุยบ้าง แต่นี่เงียบแอร์ดัง เงียบเป่าสากดีๆนี่เอง

“เอาซุปเพิ่มไหม?” มันวางตะเกียบลงเป็นสัญญาณว่าอิ่มและไม่ต้องการกินอะไรอีกแล้ว ผมมองหน้ามันแบบงงๆ พยายามมองตามันว่ามันคิดอะไร แต่มันหลบตานี่สิครับ

“เขารอเมิงอยู่แน่ะ” มันพูดเบาๆ เหมือนอยากให้ได้ยินแค่สองคน แล้วบุ้ยใบ้ไปที่มุมหนึ่งของคาเฟต สาวออฟฟิซน่ารักคนนั้น ยืนรีๆรอๆอยู่ที่โซนเก็บถาด ที่ทุกคนเมื่อกินอิ่มแล้ว ต้องไปเก็บ

“ไปสิ”ผมมองหน้ามันเหมือนคนไม่เข้าใจภาษา .....และมันยังคงไม่สบตาผมเหมือนเคย จากการกะระยะสายตาของมันแล้ว

“เมิงมองคอกรูทำไมนักหนา คอกรูมีเลขหวยหรือไง จะได้โทรกลับไปบอกแม่”

“haiyaku สายแล้วนะ”โคซากะเซนเซ อาจารย์ที่ตามมาดูแลเราในทริปนี้ เดินมาเร่ง เป็นผลให้ทั้งโต๊ะเริ่มกินรีบไปล่ะครับ เอิ่ม...วันนี้อาจารย์ก็ยังน่ารักครับ  หึหึหึหึ

“โคตรเห็นแก่กินเลย”ไอ้มเศหันไปกัดกับโม ญ และแชร์รี่ ที่กำลังพยายามม้วนขนมปังใส่ทิชชู่ เนื่องจากที่นี่ห้ามเอาของกินออกข้างนอกครับ มันเลยต้องกักตุนเสบียงแบบนี้

“เอาน่า ก็ตรูจะกินอ่ะ”

“สมน้ำหน้า แทนที่จะรีบกิน”

“ก็ชั้นไม่ได้มานั่งกินก่อนเหมือนแกนี่หว่า”ทั้งสามยังคงทะเลาะกันไม่อายญี่ปุ่นมอง เหมือนเด็กๆเลยครับ ผมเลยต้องทำหน้าที่พ่ออีกแล้ว

“เออๆ พอแล้ว รำคาญ”

      
         ผมไล่ไอ้ตัวป่วนสามตัวให้ไปเก็บกันล่วงหน้า มันบ่นกันกระปอดกระแปดว่าผมทำตัวเหมือนพ่อมันก็ไม่ปาน  บ่นว่าผมเข้าข้างอีกฝ่ายมั่งล่ะ ผมจะบ้าครับ ไอ้พวกนี้  ผมแยกขยะจะพวกทิชชูลงถังขยะ เก็บตะเกียบใช้แล้วลงในที่เสียบ ก่อนจะวางถาดลงในรางเลื่อนที่มีหนักงานทำหน้าที่เตรียมรับไว้แล้ว ก่อนจะเดินไปล้างมือทบ้วนปากที่อ่างใกล้ๆ เด็กอนาถ เอ้ย อนามัย ครับ  ผมบ้วนปวกด้วยน้ำอุ่นเรียบร้อย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นสาวออฟฟิซคนนั้น

“ohaiyogosaimasu” เธอทักมาผมเลยงึมงำตอบ  ผมเลือกจะเงียบไว้เพราะนึกไม่ออกว่าจะถามเขาอย่างไร

“What’s your name?” ภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นพอจับใจความได้ จะดีหรอครับถามชื่อกันแบบโต้งๆ ไม่กลัวไก่ตื่นกันเลย

“I’m Run And you are?” ผมหลิ่วตาลงเล็กน้อย ยกยิ้มจางๆให้เธอ พลางลอบสังเกตุฃกริยาและเห็นรอยซับสีเลือดจางๆบนดวงหน้าของเธอ

“I’m kurumi.Do you have any free time I want to ….”

“iee….jikanganai”(*ไม่....ไม่มีเวลา)น้ำเสียงไร้เยื่อใยสุดๆเสียงหนึ่งแทรกขึ้นจากข้างหลังเธอ ไอ้เมศก้าวอาดๆมาที่เรา

“nai nai nai….are you ok’bout that?” มันพูด แล้วมองผมด้วยสายตาที่ระบุไม่ได้ครับ มันมีหลายอารมณ์ปนกันจนแยกกันไม่ออก  (nai = ไม่มี)

“ถ้าเมิงจะป้อสาวตรงนี้ ก็ช่าง แต่ทั้งคันรถรอเมิงคนเดียว”มันพูดเสร็จแล้วสะบัดตรูดออกจากคาเฟตไปทันที  ผมกล่าวลาแล้วรีบแจ้นตามมันไป




ผมรีบตามมันกลับมาขึ้นรถบัสของทัวร์ มีพี่ไกค์ที่เป็นนักศึกษาไทยในญี่ปุ่น อาจารย์และเพื่อนร่วมการเดินทางของเรามารอพร้อมอยู่แล้วพร้อมกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวราวนกกระจอกเทกรังแตกทั้งตับลพร้อมกัน  ผมเดินผ่านทุกคนไปยังเบาะที่นั่งข้างไอ้เมศ  เห็นมันมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ เบาะข้างๆมันที่ควรเป็นของผม มีกระเป๋ามันวางกองไว้เหมือนไม่ใส่ใจ ผมเลยหยิบวางไว้บนชั้นวางของเหนือศรีษะก่อนจะนั่งลง...แล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น ได้ยินเสียงไกค์พูดแว่วๆว่า ภูเขาไฟฟูจิ


เส้นทางการไปฟูจิซัง หรือภูเขาไฟฟูจินั้น พวกเราจำได้น้อยมากครับ  เพราะเมื่อพี่ไกค์เริ่มพูด พวกเราก็เริ่มง่วง จากเดิมที่เสียงดังยิ่งกว่าโรงเรียนอนุบาลลูกเจี๊ยบศึกษาก็พลันเงียบแบบไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก  ผมเองก็หลับเช่นกันและอยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาเสียเฉยๆ ขณะที่คนทั้งคันรถหลับกันหมด  ผมก้มลงจัดท่าทางการนั่งเสียใหม่พลางเสียบหูฟังที่หลุดจากหูเพราะก้มตัวลง  เสียงอินโทรของเพลงหนึ่งดังขึ้น  ผมจำได้ว่าเพลงนี้ผมขโมยจากนังน้องปูของไอ้เมศมาครับ เสียงเกือบห้าวของนักร้องสาวเป็นสเน่ห์ที่ทำให้ผมและไอ้เมศชอบเธอ ผมดึงหูฟังข้างขวาออกจากหูตัวเอง แล้วค่อยใช้มือเปิดกลุ่มผมที่ปรกหูคนที่หลับพิงตัวกับกระจกรถเบาๆ แล้วเสียบหูฟังเข้าไปแล้วหกให้เล่นเพลงนั้นตั้งแต่ต้นอีกครั้ง   ผมเห็นคนนอนหลับสะดุ้งนิดหนึ่งทว่ากลับยังหลับในท่าเดิม  เสียงเพลงค่อยดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับเนื้อร้อง

One step too far
All at once I'm falling
Just like a star
I'm burning for you
Thought I could keep myself from feeling this way
I guess that was my first mistake

Cause suddenly I'm walking'
Down a dark street to your door
Wanting you is driving' me insane
And now my feet are standing
Where they've never stood before
Guided by a twist of fate

If I lose myself with you tonight
Fall apart or hold on tight
Wrong or right
I won't be afraid
Cause even if my heart should break
You'd be the best mistake I ever made
Joanna wang :The best mistake I ever made

และผมคิดว่า ผมเห็นคนหลับแอบยิ้มให้เงาสะท้อนรางๆในกระจก


“ว๊าวว~ หิมะใช่ไหม?” เสียงตื่นเต้นจากสองสาวสภาที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมกับเมศ ทำให้ตื่นขึ้นมามองรอบตัวเห็นต้นไม้เต็มไปหมด เสียงพี่ไกค์พูดทำให้เรารู้ว่าเรามาถึงฟูจิงัซังแล้ว และกำลังไต่อยู่ที่ชั้น3จากทั้งหมด5ชั้น หากวันไหนอากาศดี เราสามารถเอารถขึ้นไปถึงชั้น1ที่มองเห็นยอดฟูจิซังได้ชัดสุดๆ

“ซากุระๆๆๆ”ช่วงที่เราไปกันนั้น เป็นช่วงที่ซากุระโรยลงหมดแล้ว  แต่ที่ฟูจิซังยังพอมีให้เห็นอยู่เล็กน้อย เพราะอากาศบนนี้ยังเย็นอยู่มาก ชั้นสูงๆนี่ยังเห็นหิมะกองกันอยู่ใต้ต้นไม้อยู่เลย

“หยิบกล้องให้หน่อยเร็วๆๆ”ไอ้เมศหันมาบอกผมอย่างตื่นเต้นผมเลยรีบหยิบให้มัน ผมก็ตื่นเต้นด้วยครับ มันหายโกรธแล้ว ได้ยินเสียงมันกดชัตเตอร์กล้องมันอย่างตั้งใจ

“รันย์ๆ ยอดฟูจิ”มันยื่นมือมาเกาๆดึงๆให้ผมชะโงกหน้าไปดูกับมัน ผมก็ว่าง่ายครับ ชะโงกหน้าไปดูกับเขามั่ง

“ไหนๆ”

“แหมเมิง ปากเมิงจะติดหน้ามันแล้ว”โม ญ แซว ผมหันไปยักคิ้วให้มันที

“ถ่ายรูปให้เอาใหม่”มันถามพลางทำท่าตื่นเต้น ผมไม่ขัดศรัทธาหรอกครับ ยื่นกล้องตัวเองให้มัน รถบัสจอดริมทางให้ พวกเราลงไปถ่ายรูปกับยอดฟูจิในวันอากาศเปิดดินฟ้าเป็นใจ 

“ลงมาได้แระไอ้คู่ฝาระมีภรรยุงเนี่ย”

เรารีบลงไปถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน  ท้องฟ้าสีฟ้าตัวภูเขาสีดำตัดกับสีขาวของหิมะสวย อากาศที่ว่าหนาวไม่ทำให้เรารู้สึกเลยเพราะทุกคนกำลังเมามันส์กับการถ่ายรูป เราวิ่งข้ามไปอีกฟากถนนเพื่อถ่ายภาพให้ใกล้ขึ้น  หยิบหิมะมายัดเสื้อกันมั่ง  หกล้มหกลุกกันมั่งจนเสื้อกางเกงเปียกไปหมด

“เมิง ป้ายๆๆ”ป้ายเมิงก็ตื่นเต้นเร๊อะไอ้เมศ  ที่ป้ายมีที่พอนั่งได้ครับ มันวิ่งไปป้ายอยู่ๆมันก็หายไปจากหน้าจอผมเลยครับ

“อ้าวเฮ้ย!”

“ช่วยกรูด้วยยยยย กรูอยู่นี่”เอ....ผมได้ยินคนเดียวหรือเปล่าครับ อาจเป็นเสียงผีฟูจิพากย์ไทย ไม่ใช้ออริจิเน่าซาวแทรก

“ยืนอึ้งทำเปรี้ยวไร ดึงกุขึ้นไปดิวะ”ไม่ใช่ผีเผอที่ไหนอ่ะครับ ไอ้เมศนั่นแหล่ะมันลงไปนอนกองกะพื้น เพราะขาข้างนึงตกลงไปในหลุมใต้ป้าย หิมะมันบังหลอกตาอยู่เลยไม่เห็นว่าเป็นหลุมเลยก้าวพลาดลงไปหมอบกระแตอยู่บนหิมะ ผมหลุดหัวเราะ

“เร็วเดะกุอายเขานะเมิง”มันพยายามจะลุกครับทำท่ากระดึ๊บๆเหมือนหนอนเลย ผมเลยทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีครับ  ถ่ายรูปมันมาสามสี่ช็อตก่อนแล้วค่อยดึงมันขึ้น ปรากฏว่าขากางเกงยีนส์ข้างที่ลงไปอยู่ในหลุมกับเสื้อด้านหน้าทั้งหมดเปียกเป็นปื้นเลยครับ สภาพมันน่าอนาถมาก

“ยังจะหัวเราะอีก ไอ้เพื่อนเวง ไอ้ดอกจิก ไอ้จิ๊กโช่ว”

“ทำไมวะ ตัวกรูกลิ่นเปรี้ยวๆหรือไง”เรื่องไรมาหาว่าผมตัวกลิ่นเปรี้ยวเหมือนจิ๊กโช่ว  เดี๋ยวปั๊ดให้พิสูจน์กลิ่น

“ว่าไงวะ ไหนมาพิสูจน์ให้กรูหน่อยเด๊ะ”ผมดันหัวมันให้ดมเสื้อผมด้วยเจตนาโค-ต-ร บริสุทธิ์ คือจะแกล้งมันครับ มันทำตัวแข็ง นึกถึงหมากลัวน้ำเลยครับ น่าน..นั่นแหล่ะ ที่จินตนาการนั่นถูกแล้วครับ

“ไม่เอานะเมิง เล่นเอี้ยอะไรวะ”

“ต้องการที่รโหฐานอัญเชิญหลังโขดหินนะยะ ประเจิดมากนังคู่นี้”โม ญ โฉบผ่านมา ดึงคอเสื้อผมจากข้างหลังแล้วยัดหิมะเย็นเฉียบเข้ามาในเสื้อก้อนใหญ่ ซี๊ดดดดดดดดด~

“ไอ้เปด ยัดเข้ามาได้ ไอ้จิตป่วง”

“เมิงต้องขอบคุณกรูนะที่ไม่ยัดเข้ากางเกง”ว่าแล้วมันก็หัวเราะชอบใจก่อนจะไปรวมกับเพื่อนๆคนอื่น มันโฉดมากครับ ใครพบเห็นตัวมันอย่าเข้าใกล้นะครับ เป็นบุคคลอันตรายระดับซ๊าดเลย

“หึหึหึหึหึหึ”

“หัวเราะไรวะสาด”ผมพูดพลางกระโดดให้หิมะออกจากเสื้อ

“เมิงตลกดีว่ะ”ไอ้เมศพูดไอขาวๆเพราะอากาศหนาวพวยพุ่งออกจากริมฝีปากนั้น ดวงตานั้นสะท้อนเงาร่างของผม ไอ้เมศกลับไปคนเดิม คนที่น่ารักกับเพื่อนๆ คนที่ตลกโป้งชึ่ง คนที่...ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด

         
         
ค่ำของวันนั้นยังคงเป็นเวลาฟรีไทม์เช่นเคย  วันนี้เนื่องจากเรามาถึงที่พักเลทไปหนึ่งชั่วโมงเต็มแต่เคอร์ฟิวยังเท่าเดิม พวกเราส่วนใหญ่จึงตัดสินใจไปกันไม่ไกลนัก หลายกลุ่มไม่แค้ลวไปชินจุกุ หรือฮาราจุกุ แต่ผมขอผ่านทุกรายการครับ  แบบว่าอาการกำเริบครับ ...ไม่ใช่อาการอินเลิฟอินรักมันกำเริบนะครับ แต่เป็นอาการ เล็บขบ มันไม่ใช่อาการเล็บขบแบบทำมดานะครับ แต่เป็นเล็บขบระยะสุดท้าย  เคยไหมครับที่เล็บมันขบชนิดเจ็บสุดๆ แน่นอนครับสภาพอย่าให้บอกคือทั้งบวมและแดง(และอาจมีสีอื่นแซม ฮาๆฮือๆ)

“เน่าแน่เมิง” ไอ้เมศลงความเห็นด้วยน้ำเสียงตัดกำลังใจสุดๆ ขณะที่ผมนั่งทำหน้าน่าจะคลับคล้ายหนุ่มดัชชี่ภาคปลาตีนหนีน้ำอยู่บนเตียงไอ้เมศ

“กรูว่ามีตัดขาทิ้ง”โม ญ มันเสริม ดูมันดิครับ  เพื่อนผม ร๊ากกกกกผมทุกตัวตน

“เราว่า นะ...ไม่รอด”แชร์รี่เสริม  เอาเข้าไปไอ้พวกนี้

“เอาไงอ่ะ ทิ้งมันไว้ หรือว่าจะลากมันไปด้วย” พวกมันปรึกากันข้ามหัวผมเลยครับ เหมือนผมเป็นของอะไรสักอย่าง

“ถ้าลากมันไปด้วย แล้วพรุ่งนี้มันเดินไม่ไหวจะซวยนะ พรุ่งนี้ท่าทางจะเดินเยอะกว่าทุกๆวัน”

“งั้นเอาไงอ่ะ?”

“กรูมีกรรไกรตัดเล็บ ให้มันช่วยตัวเองไป แล้วเมิงไปกะพวกกรู”ไอ้เมศทำท่าคิดตาม

“มันยังไม่กินข้าวเลย  งั้นเอางี้ พวกแกไปเหอะ เดี๋ยวกรูอยู่กะมันเอง”ไอ้เมศว่า ผมมองมันอย่างโคตรรักมันเลยครับ

“เอางั้นหรอ จะเอาอะไรจากข้างนอกไหมล่ะ อยากกินไรป่ะ” โม ญ หันมาถามผม ผมเลยมองมันแบบโคตรซึ้งน้ำใจ

“เอาน้ำใจเธอ” โม ญ ทำหน้าคล้ายจะบอกว่า อ้อ หรอ ตบกะโหลกผมหนึ่งที

“ไปเหอะ ไม่ต้องกงไม่ต้องกินมันแระ ไปตามหาน้ำใจเอาเองเหอะ” โม ญ หายไปหยิบกรรไกรตัดเล็บมาให้ก่อนจะชักชวนเพื่อนสาวออกไปข้างนอกเหลือผมกับไอ้เมศแค่สองคน ห้องทั้งโซนของเราเงียบเหงา

“หิวไหม เดินไหวหรือเปล่า?”ไอ้เมศถามพลางยืนไว้อาลัยให้แม่โป้งขวาของผมไปด้วย

“หิวนิดหน่อย เมิงหิวยังล่ะ”

“หิว”มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“หิวมากด้วย”

“อืมไปเหอะ หาของกินกันในนี้แหล่ะ”

“ไม่เจ็บหรอ ซื้อมาฝากก็ได้นะ”

“ไปด้วยกันนี่แหล่ะ เมิงเคยกินข้าวคนเดียวโดยไม่มีกรูหรอ”ไอ้เมศอึ้ง แล้วคาดว่าน่าจะทึ่งเสียวปะปนกัน



สุดท้ายแล้วผมกับไอ้เมศก็ตกลงใจกันว่าจะกินในที่พักซึ่งมีภัตรคารอยู่สามสี่ที่ที่ยังไม่ปิด เราเลือกร้านที่อยู่บนตึกDชั้นเก้า เพราะคิดว่าท่าทางจะแปลกใหม่ดีแม้ราคาจะค่อนข้างแพง และสิ่งที่เราคาดไม่ถึงคือ ทุกคนในร้านแต่งกายค่อนข้างดีผิดกับเราที่มาแบบชิลๆ เมื่อเช้าแต่งยังไง ค่ำนี้ก็ยังอย่างนั้น ที่เลวร้ายสุดเห็นจะเป็นรองเท้าผมล่ะครับ ลากอีแตะช้างดาวสัญชาติไทยฃยขึ้นภัตรคาร  จากอาการเล็บขบที่ไม่ถึงั้นต้องเดินกระเผลกก็กลายเป็นว่า ต้องเดินประหนึ่งขาเสียกันเลยทีเดียว(เผื่อว่าจะลดคำครหาได้นิดหน่อยนะครับ คิดตื้นจริงๆ หึหึหึหึ) ดีนะครับที่คนไม่เยอะมาก เราเลือกนั่งโต๊ะติดริมหน้าต่าง  ไอ้เมศโชว์แสกเดี๋ยวด้วยการหลับหูหลับตาสั่งอาหาร ซึ่งทางร้านบอกว่า มีเฉพาะช่วงเช้า หน้าแหกหมอญี่ปุ่นไม่รับเย็บล่ะครับ สุดท้ายเลยจบที่พิซซาแบบมิกซ์ ....ไปญี่ปุ่นกินพิซซ่า ไม่น่าเวทนาตอนนี้ก็ไม่รู้จะเวทนาเมื่อไหร่ล่ะครับ  ผมได้แต่ สั่งตามมันล่ะครับ

“เมิงดูวิวดิ สวยชิบ”ผมหันไปมองตาม วิวตึกสูงในโตเกียวที่อยู่ถัดจากหมู่แมกไม้ในย่านอยู่อาศัย กำลังสะท้อนแสงสู้ไฟ

“น่าถ่ายรูปชะมัดเลย เสียดายถ่ายรูปไม่ได้”

“แล้วชอบไหมล่ะ?”

“อืม ชอบสิ สวยดี ไม่เหมือนบ้านเรานะ ที่นี่ถึงจะมีตึกสูงๆแล้วคนยั๊วะเยี๊ยะ แต่ทุกซอกทุกมุมของเขามีต้นไม้เยอะแยะ”

“ชอบก็ดีแล้ว”ผมพูดแล้วจิบน้ำเปล่าเย็นๆ อะไรสักอย่างมันดลใจให้ถามบางอย่างออกมา

“แล้วกรูล่ะ ชอบหรือเปล่า?” ผมแอบสะดุ้งกับคำถามของตัวเอง ผมถามคำถามนี้ออกมา ทั้งที่ตัวเองก็ไม่พร้อมกับผลที่จะตามมา ผมหวังและภาวนาให้ไอ้เมศต่อมุขอย่างที่เคยๆ

‘ตัวเมิง เมิงยังไม่รู้ แล้วมาถามกรูได้ไง ตอบไม่ได้เมิงม้วนตัวไปเรียนอนุบาลใหม่เลยปะ’


ทว่าคำตอบที่ผมได้รับ คือความเงียบที่ผิดแผกไปจากทุกที  ความเงียบ....ที่ยากจะคาดเดา


********************************

ลป.น้องคนแต่งคะ ชั้นได้ข่าวว่าแกมาโตเกียวตั้งเป็นชาติแล้ว นี่แสดงว่าดองจิงๆ นะเนี่ย  :m29:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-07-2008 23:53:14
อิอิ ของดอง นี้มันอร่อยจิงๆน่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 07-07-2008 00:23:24


ลป.น้องคนแต่งคะ ชั้นได้ข่าวว่าแกมาโตเกียวตั้งเป็นชาติแล้ว นี่แสดงว่าดองจิงๆ นะเนี่ย  :m29:






ฮ่าๆๆๆ .....ฮือๆๆๆ  ดองจริงค่ะขอสารภาพความผิดบาป เเบบว่า ติดภารกิจรักติดพันหัวใจ  เลย...เอิ่ม...อ่า....เพิ่งมาโผล่เอาป่านนี้ล่ะค่ะ
กลายเป็นนิยายรายสองเดือนไปเเหล่วววว :เตะ1:

ขอบคุณที่ยังอ่านนิยายดองเค็มกันนะคะ 

ปล.เห็นด้วยกะรีบนค่ะ ของดองอร่อยยยย o7  กินมากๆระวังท้องเสียนะคะ  ด้วยรักเเละปรารถนาดอง


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 07-07-2008 02:14:28
เอิ่มมมม อยากกินของหวานๆ แทนของดองได้ไหมคะ  :m1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 08-07-2008 01:13:43
ปุจฉา

ตอนหน้า จะใช้เวลาดองเท่าไหร่เอ่ย

ฮิ ฮิ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 08-07-2008 10:43:59

...ด้วยรักเเละปรารถนาดอง


ปราถนา + ดอง  = ตั้งใจดอง ซินะ

 :L2: ที่ส่งของดองมาในอายุขณะยังบริโภคได้
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 08-07-2008 12:25:05
พอมาเป็นมุมมองของรัณย์แล้วเมศโก๊ะได้อีก..ฮากลิ้งๆๆ  :m20:
อ่านไปอ่านมาทำให้รู้สึกว่ารัณย์ตั้งใจจริงนะ...ตั้งใจแต๊ะอั๋งทุกเวลาทุกสถานการณ์
แต่ถ้ามาจากมุมมองของเมศมันจะดูเหมือนทีเล่นทีจริง  สรุปไม่มีใครแน่ใจว่าอีกฝ่ายชอบตัวเอง
มีเพียงคนอ่านเท่านั้นที่ฟันธงไปแล้วว่า  มันร้ากกกกกกกกัน  :laugh:

นิยายรายปักษ์...ไม่ใช่ปักษ์เดือนนะ ปักษ์ปีกันเลยทีเดียว 
อ่ะ...ล้อเล่งงงง เด๋วจะงอนพาลดองเกินสองเดือนไป   :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 09-07-2008 13:44:40
 :m15:รอคอยมานานครับผม :m15:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551 (ก็ที่นี่มัน 7 แล้วอ่ะ ฮ่า
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 09-07-2008 15:30:34
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 12-07-2008 11:33:29
แย่แล้ว..แย่แน่ๆๆ   :o12:
หลงติดเรื่อง(ดองๆ)นี้ไปซะแล้ววว  o7
อย่าดองนานจนกลายเป็นฟอสซิลไปก่องน้า  :sad2:
แต่ถึงจะนานก็จะรอ o7

สนุกมากกกกกกกกค่า.. o13
ฮาสุดๆๆ อ่านไปขำไป น่ารักดีทั้งคู่.. :m1:

ปล.อ่านแระชอบ โม ญ.  (มีสีสันดี หุหุ..)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: madamkung ที่ 21-07-2008 14:35:31
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ ล่วงหน้า
เซ็งเป็ดอวอร์ดครั้งที่สอง
เริ่มให้โหวตกันเดือนสิงหาคมนี้
ยังไงช่วยกันเข้าไปดูรายละเอียดกันหน่อยค่ะ ตาม linkนี้เลยนะคะ

รายละเอียด และ ของรางวัล เซ็งเป็ดอวอร์ดครั้งที่ 2 จ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5282.0)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: life_fracture ที่ 30-07-2008 17:49:06
 :m32:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 30-07-2008 19:34:45
หึหึหึ....






 :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-07-2008 19:49:40
 ข้างบนน่ะ

o12................มาวิ่งเล่นแถวนี้ เดี่ยวเอามีดจิ้มมมมมมมมมมมมมมมมเลยนี้  :m31:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 07-08-2008 23:46:12
ตอนที่ 12 กลัว


         บางทีทุกคนอาจลืมไปแล้วนะครับว่าคนที่เริ่มเล่าเรื่องนี้คนแรกคือ ผม..ไอ้เมศ....ใช่สิครับ ผมมันคนไม่สำคัญ  คนเบื้องหลัง แค่เห็ดแค่รา แค่ดอกไม้ใบหญ้า เหมือนดอกลั่นทมที่เคยเด็ดดม ที่เคยเด็ดเล่น เด็ดเช้า...แล้วก็เด็ดเย็น ที่เคยเด็ดเล่น เด็ดอม เอ้ย เด็ดดมๆ  ซ้อมไว้ครับจะรับน้องแล้ว ก่อนเราจะรับน้อง สิ่งที่พวกผมและชาวคณะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนคือ ‘ค่ายรับเกียร์รุ่น’  ค่ายนี้เราจัดกันอย่างลับๆล่อๆ หลบๆซ่อนๆ ถึงขนาดต้องเอารถทัวร์ไปจอดที่ปั๊มน้ำมันแถบสถาบัน ผมเห็นเพื่อนๆเริ่มมารอกันแล้ว ยังไม่เห็นเงาร่างไอ้รันย์ เจอแต่มนุษย์ว.แดงครับ มันว.คุยกับแก๊งว.แดงของมันเหมือนว่าโลกนี้มีเพียงพวกมัน อยู่ใกล้กันแค่ไม่ถึง10ก้าว ไม่รู้จะว.หากันไปทำเปรี้ยวอะไร

“เป็นไงวะญี่ปุ่น?” เพื่อนต่างไถ่ถามอยากรู้เมื่อเจอหน้าผม

“อืม ก็ดี ไม่ดีอย่างเดียว เจ้าสำนักฯ” สำนักง้อไบ๊มั้งครับ  ขอข้ามไปเพื่อรักษาเงาหัวตัวเองไว้นะครับ บางอย่างเราต้องเบลอๆไว้ให้ลุ้นให้เดา...รู้สึกขนหัวลุกชันนิดๆน่ะครับ

“กลับมาตั้งกะเมื่อไหร่?”

“มะรืนนนน” ผมตอบพลางทำหน้าเบลอใส่พวกมัน ประมาณว่า ตรูพักผ่อนน้อย อย่าถามตรูเยอะ เพราะตั้งแต่กลับมา ผมก็ยังไม่ได้พักผ่อนอะไรเป็นกิจจะลักษณะสักเท่าไหร่

“ สาวญี่ปุ่นเป็นไงวะ?”ถามเข้าไปพวกเมิงเนี่ย ผมหันหน้าไปมองแต่ละคนที่รอคำตอบ  ประกายหื่นสนิทศิษย์ส่ายหน้ามันประกาศหราอยู่บนหน้าเลยครับ  ผมมองพวกมันอย่างมีชั้นเชิง พลางหลิ่วตา ก่อนจะ ชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างขึ้น เรียกเสียงอื้ออึงได้ไม่น้อย

“ขี้โม้แต่เช้านะเมิง” อ้าวไอ้เวง  เพื่อนเสียดครับ ไอ้นี่ก็เห็ดราอีกคน คาดว่าวิวัฒนาการน้อยกว่าใครเพื่อน ประหนึ่งตัวละครทิชชู ใช้แล้วทิ้งๆ

“มาแล้วหรอเพื่อนเสนียด”

“เสียดว้อยไปญี่ปุ่นทีเดียวลืมชื่อกันเลย เดี๋ยว อาตี๋ประเคนแข้ง”

“ไม่ต้องประเคน จัดบังสุกุลโลด” 

        ไอ้เสียดง้างตรีนมันเป็นสัญญาเตือน  พอดีกับรถยุโรปคันหรูจอดพรืดตรงหน้าเพื่อนๆ ไอ้รันย์สวมแว่นกันแดดทรงเท่ห์ก้าวลงจากตำแหน่งคนขับด้วยชุดแบบออนเดอะบีชกันเต็มที่ วิ่งอ้อมมาที่ประตูรถฝั่งตรงข้ามเปิดประตูพูดกับตุ๊กตาหน้ารถครู่หนึ่ง  ก่อนจะเปิดประตูหลังหยิบเป้ขึ้นสะพายบ่า สาวสวยคนนั้น ก้าวจากตำแหน่งนั่งคู่คนขับ  ส่งยิ้มชวนมองให้เพื่อนเราที่ยืนน้ำลายย้อยนิดนึงแล้วเปลี่ยนไปเป็นคนขับ ไอ้รันย์พูดอะไรกับสาวสวยคนนั้นอีกครู่หนึ่ง  ก่อนรถคันสวยจะขับออกไป

“ใครวะแม่ง เยสสสส.....สวยชิบ” ไอ้รันย์ถอดแว่นกันแดดออก แหมทำเป็นเท่ห์นะ

“พี่สาวกรูทำไมวะ?”

“พี่สาวสายไหนวะเมิง เอาให้แน่นาสาดด” เพื่อนแซวมันกันเกรียวล่ะครับ

“สายดำไอคิโด้ว่ะ”

“อู้ยยยย...ดุว่ะ”

“สวยดุกรูชอบบบบ  กร๊ากกก”ไอ้เสียดเสริม บทมันน้อย ต้องให้มันนะครับทุกคน อย่าเคืองๆ

“ไร้สาระแต่เช้าเลยนะพวกเมิงเนี่ย”

“แหม เมิง ไอ้โอเมก้าสาม ไอ้สไปรูผีบ้า ใครจะเหมือนเมิงครับ สารอาหารเต็มเปี่ยม ฉลาดล้ำคับโลก”

“ไอ้เมศศศศ.....เมิงทิ้งกรู(อู้ววววๆๆๆ...กรูณาอ่านเป็นเสียงแอคโคนะครับ)”

“อ้าวโม ญ มาได้ไงครับเนี่ย” ต้องพูดดีครับ ผมมันคนมีคดีติดตัว

“กุบอกให้รอออ”

“ก็คุณเพื่อนบอกว่ารถเมล์เสีย ให้ไปเลยนี่ครับ”

“อ้าว ไอ้นี่ กุพูดอยู่ว่าให้รออีกแป๊บนึง หูเมิงเนี่ยหัดแงะขี้เลื่อยออกๆซะมั่ง ใส่สมองไม่พอลามไปถึงหู”

“กัดกันอย่างกะหมาเลยว่ะ”เพื่อนเสนียด เอ้ย...เสียด อย่างมีส่วนร่วม

“เออ.....เรื่องของกรู” สองเสียงหันมาพูดใส่ไอ้ตี๋ มันถึงกับผงะเดินถอนหลังเข้าร้านสะดวกซื้อไป หลังจากนั้นไม่นาน พลพรรคชาวคณะก็ได้ฤกษ์เดินทางสู่ค่ายรับเกียร์รุ่น ที่จะทดสอบความ สามัคคี  ความอดทน  และความแข็ง(?) ...คิดกันไปไกลแล้วล่ะสิ  หึหึหึหึ




         ค่ายรับเกียร์รุ่นของเรา จัดกันที่ริมชายทะเล ในพื้นที่ของทางทหาร พอเท้าพวกเราแตะพื้นดินที่ค่ายก็เดินกันพล่านเลยครับ จับจองที่หลับที่นอน เป็นเตียงสองชั้นที่ชั้นบนแอ่นจนต้องแอบคิดในใจว่านอนๆอยู่มันจะถล่มลงมาทับพุงหรือเปล่าหว่า คิดกันทุกคนล่ะครับ  ผมนอนเตียงล่างเนื่องจากไม่อย่างเสี่ยงชีวิตผาดโผนขึ้นไป นอนสะดุ้งอยู่ชั้นบน ขนาบข้างซ้ายขวาด้วยไอ้เพื่อนเสนียด เอ้ยเสียด และไอ้คุณชายรันย์  เห็นหน้ามันแล้วหมั่นไส้ครับ เห็นแล้วมันคันยิบๆทางฝ่าเท้า เป็นที่น่าถีบขนาดหนัก

“อ้าว ไอ้เสียด เมิงนอนเตียงล่าง ขวางทางรักพวกมันทำไมเนี่ย”ปากมันมาก่อนตัวเลยครับ  สาวๆคณะเรานอนห้องตรงข้ามนี่ล่ะครับ  มันมาเกาะประตูมองประหนึ่งมองสัตว์สงวน

“ฮ่วย มาเกาะประตูกันทำไมเนี่ย  อ๊ะๆห้ามให้อาหารสัตว์นะคร๊าบ”

“เออ ไม่ให้หรอก ปล่อยแม่งอดตายห่านไปเลย กรูจะมาบอกว่า เขาเรียกรวมแล้ว”ผมพยักหน้าก่อนจะโยนๆข้าวของเครื่องใช้ที่แงะออกมาจากกระเป๋าในสภาพเดียวกับตอนไปโตเกียว กระเป๋ายังไม่ทันรื้อก็หยิบๆมาค่ายต่อเลย  ดีเหมือนกันครับ ไม่ต้องเตรียมเยอะ  แต่ข้อเสียคือ อาจต้องมีการอุปโภคกกน.แบบหน้าเอหน้าบีเป็นที่เสียวขี้กราก

“สวัสดีนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ทุกคน” ชาวคณะส่งเสียงตอบกลับเหมือนอนุบาลลูกเจี๊ยบว่า สวัสดีครับ/ค่ะ

“จุดมุ่งหมายของการมาฝึกครั้งนี้คือ เพื่อเสริมสร้างความรักสามัคคีกลมเกลียวในหมู่คณะ และให้เป็นแนวทางในการรับน้องอย่างสร้างสรรค์ต่อไป” แล้ววิทยากรหรือครูฝึกของเราก็เริ่มให้เราเล่นกิจกรรมต่างๆ ทั้งฝึกวินัย ให้เข็มแข็ง  เล่มเกมส์ต่างๆ


“เฮ้ย!!  อย่าเพิ่ง กรูกางเกงจะหลุด”ไอ้เสียดโวยวาย เมื่อ ถึงคิวมันถูกเพื่อนๆในแถวยก  เกมส์นี่วิธีเล่นคือ ตั้งเป็นสองแถวหันหน้าเข้าหากัน แล้วนั่งให้เข่าชนเข่าฝั่งตรงข้าม  จากนั้น เอาเพื่อนหัวแถวให้ลงนอนหงายในท่าสบายสุดๆ จากนั้นเพื่อนๆที่เหลือก็ช่วยกันยกจนกว่าจะสุดแถว ซึ่งแน่นอนครั้เมื่อมีการแข่งขันกัน ความเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เพื่อนๆผู้น่ารัก ไม่ใช่แค่จับยกส่งต่อแบบสามัคคี แต่เป็น ‘โยน’ อย่างสามัคคี

“เฮ้ย  ไอ้เอี้ยเดี๋ยวตก!!”มันยังโวยวายต่อไป เป็นที่สะใจของเพื่อนๆ  คิวต่อไปผมละครับ ฟิตตัวเตรียมพร้อมอยู่อีกด้านแล้ว  ในขณะที่ไอ้รันย์อยู่ท้ายแถว

“เร็วๆ นอนลงๆ”เอิ่ม ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ลองจินตนาการนะครับ  ผมซึ่งยืนอยู่หัวแถว ที่กำลังจะต้องล้มตัวลงนอนหงายให้เพื่อนๆช่วยกันแสดงพลังสามัคคีด้วยการยก(โยน)  นี่คือสถานะการตกเป็นเหยื่อหรือเปล่า???  เอ...  ไม่เป็นไร นอนคิดก่อนคงได้แหล่ะ ถึงปลายแถวเดี๋ยวรู้เอง

“เอ้ายก! นึงสอง...ซ่ำ”ตัวผมลอยจากพื้นอยู่บนรางมนุษย์ ที่มีเพื่อนๆผมเป็นเครื่องจักรมีชีวิตที่ส่งผมไปถึงปลายทาง ใครมันคิดครับว่าให้นอนในท่าสบายที่สุด  มันต้องเอาโป้งกีบขวาคิดแน่นอน

“โยนเลยๆ”เอาแล้วไง ผมได้แต่คิดเงียบๆครับ   สถานการณ์นี้ผมไม่มีปากมีเสียงพอจะคัดค้านเพื่อนๆผู้กำลังลุ่มหลงในการช่วงชิงชัยชนะอย่างมันส์ในอารมณ์ได้

“อ๊อบ~” ไม่ใช่เสียงใครครับ ไม่ใช่กบที่ไหนด้วย เสียงผมเอง เวลามันโยนให้เพื่อนกระจุกต่อไปรับ  ไส้กรูจะไหลออกมาไหมเนี่ย...เตี่ยคร๊าบบบบบบบผมอยากกลับบ้านนนนน เฮ้ย ทำไมมือมันหนุบหนับจังวะ

“เฮ้ย  จับตรงไหนวะไอ้พวกเอี้ย!”ผมร้องเสียงหลงดิครับ  มือปลาหมึกที่ไหนไม่รู้มันจับขาดๆเกินๆไปตามร่างกายเป็นที่สยึ๋มกึ๋ยขนาดหนัก  เพื่อนหัวเราะเป็นที่สนุกสนานครับ  ดีที่มันไม่รุ่มร่ามกับเพื่อนๆผู้หญิงนะครับ

“เมื่อไหร่จะถึงปลายแถววะแม่ง”

“เออ ถึงแล้ว  ยินดีด้วยนะเมิง ที่มีชีวิตรอดมาได้”เสียงไอ้เสียดเรียกสติกันกระเจิงของผมกลับมาครับ  ผมคลานไปหอบหายใจ อัดอ๊อกซิเจตเข้าปอด  ก่อนจะชะโงกตัวไปดูหนังหน้าคนในแถวว่า ไอ้มือปลาหมึกตัวไหน   เพื่อนส่วนใหญ่หันไปสนกับเหยื่อรายต่อไปที่ถูก ยก เอ...โยน มา  มีอยู่หนึ่งตัวล่ะครับ มันหันมาผมยกยิ้มทิ่ริมฝีปากอย่างผู้มีชัย พลางยักคิ้วให้ด้วยท่าทางชวนบาทาสโมสร

“ไอ้เอี้ยรันย์ จำไว้นะเมิง”




      
         หลังกิจกรรมช่วงแรกผ่านพ้น ผมรู้สึกถึงอาการปวดระบมตามร่ากายเล็กน้อย  เพราะนอกจากจะโดนเพื่อนจับโยนแล้ว ยังโดนปะแป้งเสียขาว เรียกว่าหงอกกันทันตาเห็น  ถ้าเป็นแป้งธรรมดาอาจไม่ซาดิสซ์สะใจ  นี่เลยครับ แป้งตางูเงี้ยวและเขี้ยวขอ  ปาดแถบๆลูกกะตานี้ ซาบซึ้งกันถึงทรวง ซาดิสซ์กันทั้งศิษย์อาจารย์  หลังจากนี้เป็นช่วงพักล่ะครับ  หน้าที่พักเรามีทะเลให้ลุยเล่น แต่เพราะไม่ใช่หาดทรายจึงไม่สวยสักเท่าไหร่  มีเปลือกหอยคมๆคอยบาดกันเต็มที่  แต่ผมไม่สนครับ สะพายกล้องเดินลุยออกจากฝั่งไปไกลเนื่องจากน้ำลดลงไปเยอะ   เห็นเพื่อนๆมาเดินเล่นกันอยู่ไกลๆ  ผมยกกล้องคู่บุญขึ้นถ่ายรูป พลางคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ  บางเวลาคนเราก็อยากอยู่เงียบๆ ในโลกส่วนตัว และคิดอะไรหลายๆอย่างนะครับ

“คิดอะไรอยู่? ท่าทางดูไม่ค่อยสเบย” ผมเหลียวหลังไปมองหน้าคนพูด  สาวสภาฯที่ใกล้ชิดผมที่สุด

“ผิดหวังหรอเมิงที่กรูไม่ใช่ไอ้รันย์” ลูกเด็กเล็กแดงพบเห็นอย่างเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ เป็นสาวเป็นนางใช้ภาษาพ่อขุนไม่ดีๆ (แต่เห็นพวกมันก็ไม่สำเนียกอะไร)

“เปล่า กรูยังไม่ทันพูดอะไรเลย”

“กรูล้อเล่นน่าเมิง” โม ญพูด  ก่อนจะงึมงำบ่นว่าหาดนี้ไม่ค่อยน่าเล่น

“ไอ้รันย์มันคงไปติดต่อให้แหล่ะ  หาดฝั่งโน้นสวยกว่านี้ เห็นมันว่างั้นนะ”

“อืมดี  กรูไม่เที่ยวทะเลมานานแล้ว เพราะกรูแพ้อาหารทะเล”

“เกี่ยวไรกันวะ”

“เห็นแล้วแดร๊กซ์ไม่ได้  สู้อย่าเห็นดีกว่า”  ผมพยักหน้า เออ อาจจะจริงของมัน พลางคิดเบาๆแบบเดาๆว่า เพื่อนผมอาจกินปูปลาแล้วเกิดนึกอยากกินแบบดิบๆ

“เฮ้ยไอ้เมศ  โม ญ ขึ้นสองแถวไปหาดนู้นกันเว้ย!!”

“เออ” โม ญตะโกนตอบ ก่อนที่เราจะเดินกลับเข้าฝุ่งอีกครั้ง

“เฮ้ย  เมิงมีไรบอกกรูได้นะเว้ย” โม ญพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ผมมองหน้ามันพลางคิด ....เพื่อน เมิงแมนได้อีก



         พวกผมตีกรองตีฉิ่งตีฉาบร้องเพลงไปเรื่อยเปื่อยขณะรอรถสองแถวไปปาดฝั่งตรงข้าม  สักพักใหญ่ๆ รถสองแถวบริการภายในค่ายก็มาจอดเทียบที่หน้าค่ายเรา  ชาวคณะจึงขึ้นรถกันอย่างเฮฮา เกาะโหนเบียดอัดกันเป็นที่สนุกสนาน  แน่นอนครับ แก๊งค์ว.แดงรับหน้าที่ประสานงานประจำรถทุกคัน พวกเรามีกันสามคันครับ  คันแรกผ่านด่านเก็บค่าเข้าชมไปแบบชิลๆ แต่พอมาถึงคันที่สองที่ผมนั่งดิครับ ดันเรียกเก็บค่าเข้าชม แต่ไม่มีใครพกเงินติดตัวกันเลยครับ  เลยต้องวอหาอาจารย์กันยกใหญ่ สุดท้าย  เหรัญญิกชาวคณะต้องรับหน้าไปก่อน 

         หลังจากผ่านด่านเก็บเงินมาได้  ก็ได้เวลาสนุกแล้วสิครับ  พี่โชเฟอร์ขับขึ้นเขาแบบซิ่งสุด ลมแรๆงพัดเข้าหน้าเราหอบกลิ่นทะเลชวนชื่นใจ  ผมสูดอาศเข้าเต็มปอด ยิ้มกับตัวเอง  พอดีกับหันไปสบตาไอ้รันย์ ผมแยกเขี้ยวให้มันทีก่อนจะเสพย์ความสดชื่นต่อไป  พอถึงหาด  หาดสะอาดสมค่าเข้าเขาละครับ ทราบสีขาวน้ำทะเลสีเขียวมรกต สะท้อนแสงอาทิตย์ยาวตะวันตกดิน ตัวหาดค่อนข้างสงบ  แต่ชักเริ่มไม่สงบเมื่อตัวก่อนกวนอย่างชาวคณะมาถึง  วิ่งกันให้พล่านยิ่งกว่าเทเลทับบี้ทับแบนอีกครับ  แต่ผมเลือกจะไม่ลงเล่นน้ำ เพราะกลัวกล้องเปียกเลย ได้แต่ถลกชายกางเกงขาสั้นขึ้นมาอีกหน่อยแล้วลุยลงไปในน้ำจนถึงระดับสูงเหนือเข่าเล็กน้อยจึงเลิกเดิน คลื่นลมที่บางครั้งก็ซัดแรง ซัดเบาเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้ผมถึงกับเซจะล้มเมื่อคลื่นลูกใหญ่โถม

“เฮ้ย ระวัง”เสียงคุ้นๆมันดังใกล้ๆหู  มือแข็งๆของมันช่วยจับต้นแขนผมไม่ให้ล้ม 

“เออ ขอบใจ เกือบลงไปว่ายน้ำเล่นแล้วไหมล่ะน้องฟูจิ”น้องฟูจิคือกล้องล่ะครับ ไม่ต้องถามยี่ห้อนะครับ

“ยืนดีๆ เดี๋ยวล้ม  ไปยืนตรงที่ทรายมันแน่นๆหน่อย”ผมว่าพลางยื้อต้นแขนผมให้เดินตามมันไปยืนตรงที่ทราบค่อนข้างแน่น ถัดไปอีกหน่อยเป็นสนามฟุตซอลชายหาด

“ไม่ไปเล่นน้ำหรอ” ผมถามเพราะอย่างมันไม่น่าพลาดโอกาส

“ก็เมิงไม่เล่น”

“เมิงตัวติดกะกรูหรอ ไปไกลๆเลยปะ”

“เปล่า”ไอ้รันย์ตอบหน้าเครียด คิ้วเข้มๆขมวดหากัน

“แต่หัวใจผูกกัน”  โอ๊กกกกก...ตรูแวะให้อาหารเต่าตรงนี้เลยดีไหมเนี่ย

“ช่างกล้านะเมิงนะ”

“แน่นอน ด้านไว้ก่อนพ่อสอนไว้”

“ช่างเมิงเหอะ”ผมพูดกลั้วหัวเราะ ปล่อยคนบ้าไปเถอะครับ ผมยกกล้องขึ้นถ่ายวิว แต่พอยกกล้องปั๊บ ไอ้รันย์โผล่หน้าเข้ามาทันที

“โผล่เข้ามาดูเอี้ยอะไร”

“อยากดูหัวใจเธอ”

“เมิงนี่ถ้าจะว่างนะŬ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 08-08-2008 00:07:32
“เมิงนี่ถ้าจะว่างนะเนี่ย  ไปหาดูในทะเลปะ  ออกอ่าวไทยไปเลยนะเมิง เสร็จแล้วเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเข้าแปซิฟิก เดี๋ยวกรูกลับไปรับมรดกบ้านเมิงเอง”ไอ้รันย์หัวเราะขำขันอยู่ใกล้ๆ เกือบปีแล้วครับที่ผมมีไอ้บ้าคนนี้อยู่ใกล้ตัว

“เมศ”

“หือ?”

“กรูชอบเมิงนะ” บางทีผมอาจลืมบอกไป ไอ้บ้าคนนั้น มันไม่ได้มีพิษมีภัยต่อสังคม แต่มันมีพิษมีภัยต่อหัวใจใครหลายคนนะครับ    ผมมองหน้ามันเฉยๆ เฉยมากจนผมเองยังตกใจ  และนี่เป็นอีกครั้งที่ผมเลือกจะเงียบ...เงียบเพราะตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก  ไอ้รันย์หัวเราะเบาๆ หัวเราะที่ฟังดูฝืดฝืน มันมองหน้าผม  พลางแย้มริมฝีปากยิ้ม  แต่ตาคู่นั้น มันไม่ยิ้มด้วยเลย

“ตะกี้เมิงบอกว่าให้เปิดไฟเลี้ยวออกแปซิฟิกใช่ไหม? กรูว่ากรูจะไปอ้อมแหลมกู๊ดโฮ๊ปก่อนดีกว่าว่ะ”  มันพูด ก่อนจะเดินหันหลังให้ผมมุ่งตรงไปสู่ทะเล ก่อนจะกระโจนลงน้ำ   ตอนนี้ผมพอจะนึกออกแล้วว่าทำไมผมเลือกที่จะเงียบอีกครั้ง

จะว่าอย่างไรดี ผมกลัว...กลัวอะไรบางอย่างที่ตัวเองยังไม่เคยรู้จัก




         ช่วงค่ำ หลังจากกิจกรรมสันทนาการเล็กๆน้อยๆจากครูฝึก ก็เริ่มประชุมงานรับน้องอย่างเคร่งเครียด  แบ่งงานแบ่งหน้าที่กันหน้าดำคร่ำเคร่ง หารือและถกเถียงกันจนได้งานเป็นรูปเป็นร่างน่าพอใจแล้วก็ถึงเวลาที่หลายๆคนรอคอย  เพราะพวกมันเตรียมตัวยกลังมาตั้งไว้ตั้งแต่หัวค่ำแล้วครับ  สารพัดสัตว์โลกบนกล่องกระดาษเริ่มออกมาอวดโฉม  พร้อมกับลุงจอห์นนี่ที่เริ่มออกมาเดินสวนสนามในยามค่ำคืน   ผมก็ช้างชนเสือ เสือชนสิงฆ์ สิงฆ์ชนเร้ดจนรู้สึกร้อนๆ  ได้ที่ก็เบรคกินข้าวต้มรอบดึกครับ  ผมเดินไปตักข้ามต้มทะเลทรงเครื่องมาหนึ่งชามกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ไปนั่งริมหาด ที่น้ำทะเลยามกลางคืนเป็นสีดำสนิท ขึ้นสูงขึ้นมามากจากเมื่อกลางวัน  พลางนึกในใจว่าเดี๋ยวต้องให้เพื่อนๆที่ยังมีสติครบช่วยกันดูแลแถวนี้ เพราะบางคนที่จิตหลุดไปแล้วอาจะลงไปให้อาหารเต่าเพลินและอาจหายไปกับทะเลได้  อันตรายครับ ต้องช่วยกันดูๆ  แต่เห็นทีผมจะต้องดูแลไอ้คนนั่งข้างๆนี่ก่อน

“เมาแล้วเมิง”ผมพูดพลางตักข้าวต้มเข้าปาก มองหน้าหล่อๆของไอ้รันย์ที่แดงได้ที่  จากตาหยาดเยิ้มของมัน บอกระดับความมึนเมาว่าเข้าขั้นมาก

“เอามานี่มา” ผมเอื้อมมือไปแย่งแก้วน้ำเปลี่ยนนิสัยมายกดื่มเองทีเดียวหมด  ขณะที่มันพยายามแย่งแก้วคืน

“เอามาๆ”

“หมดแล้วเมิง อ่ะเอาไป”ผมยื่นชามข้าวต้มให้มันแทน  มันรับไปแบบเอียงๆ ข้าวต้มร้อนๆเลยจะหกใส่มัน 

“ถือตรงๆ”ไอ้รันย์พูดตาม

“ตรงๆ” เสียงมันอ้อแอ้ ท่าจะเมาหนัก ปรกติมันไม่ใช่คนคอแข็งนะครับ เห็นมันเมาอย่างนี้แล้ว รู้สึกไม่ดี

“เมิงเป็นอะไร?” ผมถามมัน มันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ เลยถามมันอีกที แบบช้าๆ เหมือนคุยกับเด็กเล็กๆ

“เป็นอะไร”มันยังมีหน้ามาทวนคำถาม  ไม่ได้ตอบโจทย์อัตนัยวิชาสังคมนะเมิงนะ

“เออ ปรกติไม่กินเยอะนี่หว่า”ผมพูดพลางช่วยมันจับช้อน เหมือนสอนเด็กสักสี่ห้าขอบเลยครับ ตกลงมันเพื่อนหรือลูกนี่ก็ชักไม่แน่ใจ  สักพักมันก็พยายามจะตักเข้าปาก ผมเห็นแล้วรำคาญตา เลยแย่งชามกลับมาแล้วส่งน้ำเปล่าให้แทน

“ เมา....”ไอ้รันย์พูดอ้อแอ้นิดๆ

“กรูถามไปตั้งนาน เพิ่งตอบ ดีเลย์นะเมิงน่ะ” ผมหยุดพูด เมื่อไอ้รันย์มองผม ด้วยดวงตาเยิ้มๆด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดมันสูง  ดวงตาคู่นั้น มันฟ้องว่าพอมีสติ แม้จะชักลางๆ

“เมา.....เมารัก”  สิ้นคำนั้น ผมกลับเข้าโหมดบ้าใบ้แบบอัตโนมัติ  ผมเลี่ยงที่จะมองตามันครับ  ทั้งที่รู้ว่ามันรอคอยคำตอบด้วยใจจดจ่อขนาดไหน  ผมไม่ได้ตั้งใจจะทรมานอะไรมันนะครับ  เพียงแต่ผมกลัว



ในที่สุดผมก็รู้แล้วครับ ว่าสิ่งที่ผมกลัวคืออะไร





ใช่แล้วครับ....ต้องไม่มีใครทายถูกแน่ๆ




เพราะสิ่งที่ผมกลัว





คือ










‘ความรัก’


 


         

ในชีวิตใครหลายๆคน ส่วนใหญ่มักรู้จักรัก  แต่จะมีสักกี่คน ที่รู้จักความรัก
ผมเป็นคนหนึ่งที่อาจรู้จักรัก แต่ไม่เคยจับต้องความรักที่เนื้อแท้
มันเป็นของแปลกใหม่เกินไป ท่ามกลางการบอกเล่าของสรรพคุณของมันว่า มีพิษทางใจเข้าข่ายร้ายแรง
แล้วผมผิดหรือเปล่าที่กลัวความรัก?
[/i]






!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เเอบงงๆว่า editเเล้วมันหาย

ที่สำคัญพี่ป๋อมเเป๋มเข้าเล้าไม่ได้ สงสัยสวรรค์จะลงโทษ เหล่หนุ่มโอซาก้าไม่เผื่อน้องนุ่งเเละลุงป้า ทำไงดีอ่ะ  ถามใครดี

ขอบคุณสำหรับการเข้าอ่าน ทุกคอมเมนต์เช่นเคย  เเล้วพบกันเมื่อเลิกดอง ฮ๋าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m29:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: fc_uk ที่ 08-08-2008 13:40:19
มาหา จขกท  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 08-08-2008 17:02:13
 :m29:ตาคนข้างบนมาได้ไงเนี่ย


เมศกลัวความรักเหรอ อย่ากลัวเลยสงสารรันอ่ะ
สงสารคนอ่านด้วยลุ้นหลายรอบแระ
ตอนนอนฟังเสียงกัดฟัน ก็แอบลุ้นนึกว่าจะมีกัดกัน  :o8:


 :oni1: :oni1: :oni1:


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 15-08-2008 19:43:49
มาแบบยาวๆ ได้ใจ.. o13
แต่ไม่ต้องหายไปนานก็ได้น๊า รออ่านอยู่อ่ะ  :m13:
ไม่ผิดหรอก ความรักมันน่ากลัว แต่ก็น่าลองไม่ใช่เหรอ..
ยิ่งในเมื่อคนที่กำลังรอคอยคำตอบ แสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว..
เชียร์ให้รับรัก  :กอด1:
สู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 กรกฎาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 31-08-2008 00:29:28
มาหา จขกท  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

มาทำไม  ไม่รักก็ไม่ต้องมา
ฮิ้ววววววววววววววววววววววว


แต้งกิ้วน้องเมศที่รักที่มาลงเรื่องต่อให้
(คนโพสอะไรก็ไม่รู้ บีบบังคับให้คนแต่งเอาเรื่องมาลงต่อเอง)
แบบว่าข้าพเจ้าเพิ่งเข้าเล้าได้วันนี้นี่เอง สดๆ ร้อนๆ เลย ฮ่าๆ

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 สิงหาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: pantanakan ที่ 02-09-2008 03:08:39
ในที่สุด  พระเจ้า 

ขอบคุณสวรรค์ที่ดลใจให้พี่ท่านมาต่อ 

ไม่ต้องกลัวมันหรอกค่ะ  ดับเครื่องชนไปเลย 

อย่างมากก็แค่เจ็บ  ไม่ถึงตายหรอก   
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 สิงหาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 17-09-2008 17:55:13
โอ๊วววว กว่าจะมาได้

 :oni2:


อยากเป็นพี่เมศแทน

จะไปรักพี่รันย์ให้ดู :a11:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 สิงหาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 17-09-2008 20:26:13
 o13 o13 อืออ ดองเค็มไปนิด







         เปรี้ยวไปหน่อย







       สุดท้ายก็ ..............หวาน









  แถมอีกนิด ก็   เมา ........รัก


เมศกลัวความรักเหรอ :a5:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 สิงหาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: watermoonj ที่ 18-09-2008 09:23:45
ชอบเรื่องนี้นะ :man1:
เคยอ่านแล้วจากบอร์ดอื่น อยากให้อัพเดทเร็วๆจัง ขอบคุณผู้โพสต์ด้วยค่ะที่เอาความสนุกมาแบ่งปันที่นี่
กำลังถึงตอนลุ้นเลย อยากให้นายรันย์ได้สมหวังเร็ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 สิงหาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 22-09-2008 13:59:17
เอ่อน้องขา พี่ดูวันอัฟล่าสุด แล้วก็นะ  o7
เดี๋ยวส่งชื่อเข้าประกวดนิยายดองเปรี้ยวเลย :angry2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 สิงหาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: oa_ko ที่ 30-09-2008 03:17:55
 :jul1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 8 สิงหาคม 2551
เริ่มหัวข้อโดย: oa_ko ที่ 06-10-2008 00:16:52
 :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-10-2008 21:01:55
ตอน๑๓ หอยมือเสือ

ช่วงนี้พวกผมเปิดเทอมกันนานแล้วครับ หลังจากรับน้องที่ทำเอาผมน้ำหนักลดทีเดียวสามกิโล ไม่ใช่ว่าเรารับกันโหดนะครับ ดูเผินๆเราอาจจะเหมือนโหด แต่ไม่มาดูเองคงไม่รู้หรอกครับ เพราะ ‘ข้างบน’ อยากให้เรารับน้องอย่างสร้างสรรค์ ให้เป็นรูปแบบการรับน้องแบบใหม่ ผมว่าพวกผมทำได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จนะครับ แม้จะขรุขระไปบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง ถ้าพูดถึงน้องๆแล้ว ปีนี้เรามีน้องเพิ่มขึ้นมาถึงหลายร้อยคนเลยทีเดียว  จัดแบ่งสายรหัสกันปวดหัว ทำให้ปีสองอย่างพวกผมมีน้องรหัสกันอย่างต่ำสามคน  น้องบางคนก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากค่ายเมื่อปีที่แล้ว บางคนก็ไม่เคย...เริ่มแว๊บๆ นึกถึงอะไรแพลมๆแล้วใช่ไหมครับ....มันคือ...ไอ้เขียว 

“น้องกรีน.....ศุกร์นี้พี่พาสายรหัสไปเลี้ยง  ทำตัวให้ว่างไว้นะ” โม ญ พี่รหัสบังเกิดเกล้าบอกน้องเขียวของมันอย่างอารมณ์ดี

“อ้อ...ครับ ถ้าพี่เมศไปผมก็ไป”มันยิ้มตอบร่าเริงให้พี่รหัสมัน และยิ้มหวานปากหมาเน่าให้ผมด้วย

“อ้าวเกี่ยวไรกับกรูวะเนี่ย”ผมอุบอิบ ก่อนจะดูดเก๊กฮวย เดี๋ยวนี้พัฒนาแล้วครับ ชามะนาวมันแพงเก๊กฮวยดีกว่า

“แปลว่าเมิงต้องไปด้วยไงคะ”โม ญ บอกให้ด้วยใจกุศล..ขอบใจนะ

“แล้วไอ้เสียดอ่ะ”

“มันบอกจะไปเลี้ยงแถวบ้านมัน ติ่มซำเข่งละ15”ผมตอบพลางแอบนึกในใจ น่าไปกับมันครับ ผมอยากกินติ่มซำ

“อ่อดีๆ ว่างๆ อยากไปกินมั่งวะ ไม่กินนานแล้ว ไว้ว่างๆ จะขึ้นสาย7หน้าบ้านไป”

“นั่นสิครับไม่กินมานานแล้วเหมือนกัน”ไอ้เขียวรีบต่อ

“ไปด้วยกันไหมอ่ะ”โม ญ ยิ้มหวาน มันดูเป็นผู้หญิงก็คราวนี้ล่ะครับ

“ไปค๊าบบ แล้วพี่รหัสจะเลี้ยงผมเปล่าล่ะ”ผมนึกในใจ เมิงนี่ลิ่วล้อจริงๆ ไอ้เขียว

“ไม่  ยกเว้นแต่จะต้องใส่บาตรไปให้ค่อยว่ากัน” ไอ้เขียวยิ้มค้าง ในขณะที่พี่รหัสมันลุกไปเอาชีทที่ร้านซีรอกซ์ ทิ้งน้องมันให้ช๊อคคาที่

“พี่รันย์นี่ สาวตอมกันหึ่งเลยนะเนี่ย  วิชาดีไม่บอกต่อนี่หว่า” ผมหันไปมองตามไอ้น้องเขียวครับ ไอ้รันย์ เดินมาพร้อมกับสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนเคย คงเพิ่งลงจากลิฟท์มา

“คนนะไม่ใช่ขี้”ผมเล่นมุกแล้วฮาคนเดียวไม่แบ่งใคร .....ทั้งที่..รู้สึกแปลกๆ จนต้องรีบเบือนสายตา

“บ่ายสองแล้ว เรียนไรวะไอ้เขียว?”

“ชอปครับพี่ มาช่วยผมตะไบหน่อยดิ”ผมหัวเราะขึ้นจมูก ตบบ่ามันเหมือนให้กำลังใจแล้วบอกมันด้วยประโยคคลาสสิค

“ของอย่างงี้มันต้องทำเองจะได้เป็นไงไอ้น้อง”เรื่องอะไรตูจะต้องตะไบให้เหงื่อแตกเป็นท่อรั่ว ครั้งเดียวพอครับ แบบว่าเหนื่อย ใครไม่เคยไม่รู้หรอกครับ ยืนตะไบสองสามชั่วโมงติด มีสลบนะครับนั่น

“ไปล่ะ”

   


ผมขึ้นเรียนวิชาที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับเทอมนี้ วิชาอารยธรรมฯ ก่อนมิดเทอมเราเรียนอารยธรรมโลกแหล่งใหญ่ แต่หลังมิดเทอมมาเราเรียนเจาะจงที่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่นโดยเฉพาะญี่ปุ่นนี่เรียนเป็นการเป็นงานมากครับ อาจารย์ผู้สอนคือท่านเจ้าสำนักฯ ลงมือสอน(เคี่ยวเข็ญ)ด้วยตัวเอง  พวกผมก็ตั้งใจเรียนกันดีครับ  ผมกางหนังสือ... หนังสือเกมส์ลับสมองรอตั้งแต่เพิ่งเริ่มคาบได้สิบห้านาที  ห้องที่เรานั่งมีเสาร์แบ่งเป็นสองซีกพอดีกับที่เรียนรวมสองคณะ ส่วนใหญ่วิศวะจะนั่งฝั่งขวา ประกาศให้รู้ว่า ตรูไม่มีคู่ มีบ้างที่ข้ามฝั่งหากมีเพื่อนสนิท หรือ แฟนอยู่คณะอื่น  แน่นอนครับ กระผมนายภาณุเมศ นั่งฝั่งขวา เพราะเป็นคนไม่มีแควน  ผมเหลือบเห็นจากหางตาเห็นใครคนหนึ่งนั่งลงข้างๆผม

“สมองคมหรือยังเมิง?”ผมยกยิ้มให้หนังสือเกมส์ลับสมอง ดินสอ ปากกา ยางลบ อ้อ..วาเป๊กอีกขวด ก่อนจะรับคำเบาๆ

“ไม่นั่งฝั่งโน้นหรอ”

“ไม่อ่ะ เบื่อแล้ว”ผมพยักหน้ารับคำตอบมัน ก่อนจะใช้ดินสอวงลงบนแถวตัวอักษรที่สลับสับสน

“ไม่สบายหรอ?” มือมันคว้าขวดวาเป๊กไปเปิดๆ ดมๆ  ผมเลยแย่งกลับมา

“เดี๋ยวติดหวัด”  ผมว่าแล้วใช้ดินสอวงคำว่า endure ปลายดินสอของไอ้รันย์ยื่นมาช่วยวงคำว่าrelate

“ช่วงนี้รู้สึกเหมือนไม่ค่อยได้คุยกันเลย”มันเปรยเบาๆ ขณะที่สายตามันมองไปยังสไลด์ที่ค่อยเปลี่ยนไป

“หรอ”ผมตอบสั้น เงยหน้ามองสไลด์อารยธรรมญี่ปุ่นที่ผ่านสายตาไปช้าๆ

“ไม่ยักรู้สึกอย่างงั้น”ทันทีที่ผมพูดจบ ไอ้รันย์หันมามองหน้าผม แต่ผมยังทำคอแข็งไม่หันไปมองมัน  หลังจากนั้นไม่มีการสนทนาใดๆเกิดขึ้นจนถึงช่วงพัก



เคยรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในโลกไหมครับ ทั้งที่มีคนพลุกพล่านไปมา ทั้งที่มีเสียงสนทนาหยอกล้ออยู่รอบตัว แต่กลับรู้สึกเหงาๆ โหวงๆ อย่างน่าประหลาด ผมกำลังเป็นแบบนั้น รู้สึกเบื่อจนไม่อยากทำอะไร รู้สึกตัวเองใช้ไม่ได้สักอย่าง นี่คงเป็นอาการน้อยเนื้อต่ำใจระยะสุดท้าย มันอาจส่งผลให้ผมเย็นชาในอารมณ์ในระยะนี้  ผมหยิบใบเช็คชื่อที่เคยลักลอบซีรอกซ์ไว้มาเขียนว่าวันนี้เรียนอะไรไปบ้าง ฝากให้เพื่อนส่งให้ แล้วเก็บข้าวเก็บของยัดใส่กระเป๋าเดินออกไปทันสวนกับโม ญ พอดี ผมมองหน้ามันแล้วส่ายหน้าน้อยๆ  เป็นอันเข้าใจกันครับว่าผมไม่ต้องการจะตอบหรือถามอะไรใดๆ ทั้งสิ้น  ผมเดินไปหน้าลิฟท์เห็นคนเยอะเลยลงบันได แค่สี่ชั้นจริงๆ มันไม่เหนื่อยหรอกครับ แต่วันนี้ผมเหนื่อย พอผมเดินลงมาถึงชั้นสาม ผมเจอไอ้รันย์เดินสวนขึ้นมา

“อ้าว จะไปไหน?”

“กลับบ้านน่ะ”

“เพิ่งมาวันนี้เองไม่ใช่หรอ”มันถามอย่างแปลกใจ เพราะวันนี้มีเรียนบ่าย ผมเพิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง

“มีอะไรหรือเปล่า?”รันย์ขยับตัวเข้ามาใกล้ยืนบนขั้นบันไดที่ต่ำลงไปเพียงขั้นเดียว

“ไม่มี”ผมตอบพลางพยายามยิ้ม ทั้งที่รู้ตัวดี มันต้องออกเหมือนคนปวดฟันแก้มตุ่ยแน่นอน

“ไปส่งไหม?”นับแต่เปิดเรียนมา ไอ้รันย์ไปส่งผมน้อยมากครับ เพราะช่วงนี้มันไม่มีธุระกับบ้านอีกหลังของมันแถวนั้น จนผมชินชากับการกลับบ้านคนเดียวไปนานแล้ว

“ไม่ต้องหรอก เรียนเถอะ” ผมลงบันไดอีกขั้น..ขั้นเดียวกับที่ไอ้รันย์ยืน ก่อนจะก้าวลงอีกขั้น..ขั้นที่ต่ำกว่า มืออุ่นๆ ของมันจับแขนผมไว้แน่น ผมหันไปมองมันอย่างตกใจ 

“มีอะไร ใช่ไหม?”ผมไม่ตอบ แค่ยิ้มเป็นโมนาลิซ่า ให้มันคันยิบๆ ในหัวใจว่ายิ้มแบบนั้นทำไม

“กลับไปร้องเพลงลูกเสือที่บ้าน..ละมั้ง ต๋งหม่งเหมียวขื่อ ไม่รู้จักอะดิ”ผมตอบแบบขอไปทีแล้วทิ้งไอ้รันย์ไว้เบื้องหลัง บทจะทิ้งเมิง กรูจะทิ้งแม่มให้เหมือนทิชชู่ สั่งขี้มูกเสร็จขยำโยนทิ้ง!



ผมเดินลงมาถึงชั้นล่าง ผ่านชอปที่คนค่อนข้างพลุกพล่านเพราะปีหนึ่งกำลังใช้เรียนปฎิบัติการ และเออีโซนที่ปีสองกำลังไปนั่งกองรวมกันเมื่อมีเวลาว่าง ขออธิบายมุมนี้หน่อยนะครับ เป็นมุมที่น่าสนใจมาก แต่ก่อนตรงนี้ไม่มีอะไรเลยครับ มีแค่ป้อมยามที่พัฒนามาเป็นห้องพักอาจารย์สอนปฎิบัติการ ต่อมามีคนเอาคอมมาตั้งสองเครื่องสภาพในคณะเราขณะนี้ มีช่างคอมมากกว่าช่างเครื่องนะครับ ดังนั้นคอมสองเครื่องนี้จึงมีทุกอย่างให้เลือกสรร โปรแกรคาเตี่ย อินเตอร์เน็ตความเร็วเต่า คาราโอเกะ ลำโพงโฮมเทียร์เตอร์ และอีกมากมาย เหมาะเป็นที่สิงสู่ของปีแก่ๆ(สุดแล้วของสถาบันนะเออ) และปัจจุบัน มีกล้วยมาแขวนไว้ทั้งเครือ! ประกอบการนั่งเล่น ประชุม ปริ๊นงาน ฯลฯ ผมพิสูจน์แล้วครับว่าเป็นกล้วยจริงกินได้ หวานอร่อยดีครับ

“อ้าว มีเรียนไม่ใช่หรอพี่”ไอ้เขียวมันวิ่งโย่งๆ มาทักครับ มันทำท่ากระดี้กระด้าจะเข้ามาหา นึกถึงหมาแถวบ้านนะครับ นั่นล่ะครับ...ถูกต้อง

“ไม่เรียนละ”

“อ้าว ใจโฉดนี่ครับพี่”ด่ากรูอีก น้องรหัสใครวะ มาเอามันไปเด๊ะ

“ไปไหนอ่ะพี่ เดี๋ยวไปส่ง”

“กลับบ้าน”ไอ้เขียวทำท่าถึงบางอ้อ

“เดี๋ยวไปส่งเอาป่ะพี่”

“เออดี”ผมตอบพลางนึกในใจ บ้านตรูอยู่อีกซีกเมือง ดูซิว่าจะมีปัญญาไปส่งไหม

“เดี๋ยวนะพี่” ไอ้เขียววิ่งหายไป สักพักมันกลับมาพร้อมจักรยาน นี่ใจคอจะไปส่งพี่มันด้วยจักรยานว่างั้น....เดี๋ยวคงต้องโทรบอกแม่ก่อนว่า อาจจะถึงบ้านสักเที่ยงคืน เตรียมรถพยาบาลรอไว้ได้เลย เพราะกว่าจะถึงคงแทบดิ้นตายกลางทาง มันไม่ใช่ระยะแค่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกับบีทีเอสชิดลมนะครับ

“ขึ้นเลยเฮีย” มันทำท่าจะประคองผมขึ้นซ้อนจักรยาน เฮ้ย ...ไม่ใช่หญิงท้องแก่ ไม่ต้องประคอง มดลูกตรูไม่เคลื่อน แล้วไอ้เขียวมันก็จับไหล่ผมสองข้าง พอดีผมเหลือบมองมือมันแล้วถึงกับอุทาน

“ไอ้เอี้ย เอามืออกไป!”

“แหม...ทำเป็นหวงตัวนะเฮีย” มันทำท่าเขินอายบิดไปบิดมาเหมือนมีพยาธิไชขามัน น่ารักน่าถีบมากไอ้เขียววววว...

“เฮียเฮอ ห่านอะไรมือเมิงเนี่ย ไปตะไบเหล็กมาล้างยัง มาจับเสื้อนศ.กรูเนี่ย”ไอ้เขียวมันยิ้มเผล่ เจอมุขนี้ก็ได้แต่ถอนใจล่ะครับ ตั้งแต่รู้จักมันมา ลองมันยิ้มอย่างงี้ เป็นใครก็ต้องใจอ่อนในความอ้อนตรีนของมัน  คลับคล้ายมนุษย์ คนนี้นั้นโน้นนน ...นั่นล่ะครับ(คนไหนไปคิดเอาเองแล้วกัน)

“ส่งก่อนค่อยล้าง ไปไป โดดขึ้นมาเลยเพ่ บิดโลด” เซียนเทพเด็กแว้นประทับร่างอีก..เอาเข้าไป

“เอ็งอ่ะดิเป็นโรคบิด” ผมบอกมันอย่างปลงก่อนจะซ้อยท้ายมัน



ไอ้เขียวพาผมไปอ้อมหน้าโรงอาหารใหม่และลานจอดรถก่อนหนึ่งรอบ เป็นการวอร์มร่างกาย ตามด้วยไปวนลานดำอีกหนึ่งรอบให้เฉี่ยวกับรถ(ที่จอดนิ่งๆ)อีกทีหนึ่ง ก่อนพาผมไปวนรอบวงเวียนทักทายมอมมี่และลุงยามเสียทีหนึ่ง ก่อนจะออกสู่ถนนหน้าสถาบันที่ปลูกต้นโมกข์ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยออกดอก สงสัยจะร้อนจนออกดอกไม่ไหว

“อ่ะ ถึงและ ลงซะที”ไอ้เขียวเบรคจักรยานจอดสงบนิ่งที่ป้อมลุงยามหน้าสถาบัน แล้วไล่ผู้โดยสารอย่างผมลงทันที

“หน้าม. เนี่ยนะ”ไอ้เขียวพยักหน้า ผมเลยพยักหน้าตาม

“ไปละ จะรีบไปล้างมือ”แล้วไอ้เขียวก็ถีบจักรยานเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดลอยชายกลับเข้าถาบันไป ทิ้งผมยืนงงๆ ปลงๆ ต่อไป




เช้าวันศุกร์สุดหรรษาผมมาเรียนแบบเบลอๆ เล็กน้อย เพราะวันศุกร์เป็นอีกวันที่มีคาบเรียนตั้งแต่แปดโมงเช้า และแน่นอนครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยมาทันเคารพธงชาติ จนอาจารย์ผู้มีเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขาได้เลื่อนเวลาเรียนออกไปให้เป็นเก้าโมง ..ซึ่งก็ยังสายกันอยู่ดี อันที่จริงแล้ว ผลของความใจดีของอาจารย์มันยังไม่สำแดงเดชตอนนี้หรอกครับ มันสำแดงเดชใน ‘ห้องสอบ’ที่พวกเราแทบจะคลานออกจากห้องสอบ 

เช้านี้ทุกอย่างดูเป็นปรกติดีครับ ยกเว้นอย่างเดียวหน้าไอ้คุณศรันย์ ทุกๆ สามวิสีหน้าจะเปลี่ยนทีหนึ่ง เดี๋ยวหงิก เดี๋ยวคิ้วขมวด เดี๋ยวขำ(แบบอนาถๆ) เดี๋ยวก็ทำหน้าฉงนสงสัย มันมองหน้าผม แล้วผมก็มองหน้ามัน เล่นเกมส์ใครกระพริบตาก่อนแพ้ จนสุดท้ายเมื่ออาจารย์ปล่อยพัก มันก็เลยออกปาก

“ไปด้วยกันหน่อยดิ”เช้านี้ผมว่าง่ายครับ ตามมันไปแบบไม่คิดอะไร....(จริงๆก็เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรอยู่แล้ว) ไอ้รันย์พาเดินไปสุดระเบียง ทำท่าจะผลักประตูบันไดหนีไฟ มันจะไปไหนวะ อย่าบอกนะว่าจะมาดักปล้น

“เอาตรงนี้แหล่ะ” ผมรีบบอกก่อนมันจะพาเข้าหลืบลับหูลับตาคน เผื่อไอ้รันย์เกิดบ้าโดดงับหูผมจะได้ร้องให้คนช่วยได้...รอบคอบจริงๆผม

“มีอะไร?”ไอ้รันย์พยายามจ้องตากับผมต่อไป มีใครบอกเมิงไหมนี่ว่าอย่าจ้องกรูเยอะ เดี๋ยวกรูกลายร่างเป็นเหานะเว้ยเฮ้ย  ไอ้รันย์ทำหน้าปุเลี่ยนก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“ที่ว่า...เป็นแฟนโม ญ เรื่องจริงหรือเปล่า?” 

“เอิ่ม ทำไมหรอ?”ผมถามกลับทั้งที่จริงๆ แล้วในหัวผมมันร้องอ๊ากกกกกกกกกกก~

อย่าเพิ่งลุกขึ้นมากรีดร้อง ทึ้งเส้นผมกันนะครับทุกคน(รวมถึงไอ้รันย์ด้วย)...ผมร้องนำให้ก่อนแล้ว จบตอนค่อยคอรัสรัดคอ  คือเรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปอย่างนี้ครับ





เมื่อวานนี้สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ เลือกจะเดินกลับมานอนหอมากกว่า เห็นรถแล้วเซ็งในอารมณ์ น้ำมันก็แพงนะครับ แต่รถก็ยังติด สรุปแล้ว ในน้ำมันหนึ่งถังพวกเราเผาน้ำมันไปกับการติดเครื่องจอดรอไฟเขียวมากกว่า การขับรถถึงบ้านนะครับ  แน่นอนครับเมื่อกลับถึงหอ ผมต้องรีบเผ่นไปบอกรักหมอนผ้าห่มก่อนเป็นอย่างแรง เปลี่ยนชุดให้พอดีสะดวกแก่การขยับร่างกาย แล้วอยู่ในท่าเตรียมก่อนจะ โดดลงเตียง...เตียงจ๋าฉันรักเธอ  ผมนอนไปตื่นใหญ่โทรศัพท์เจ้ากรรมในห้องก็ดังขึ้น ผมคลานลงจากเตียงเตะขวดแก้วใส่น้ำกินเสียงดังโคร้งเคร้งก่อนจะรับโทรศัพท์ มันจะได้หยุดกรีดเสียงร้องเสียที

“โหลๆ หอยแครงหอยแมลงภู่ปลาทูนึ่งแม่กรอง”ผมข้องใจนะครับว่าทำไมของกินสามอย่างนี่ต้องขายด้วยกัน ผ่านแถวหอทุกแปดโมงครึ่งตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ อาจจะเว้นวันหยุดราชการ

“ว่าแล้วว่าต้องอยู่หอ”เสียงเพื่อนข้างห้อง แสดงว่าโม ญ กลับมาแล้ว ทำให้ผมเหลือบมองนาฬิกา เลยเวลาเลิกเรียนมาโข

“รู้ได้ไงว่ากรูอยู่นี่”ผมเริ่มคำถามเหมือนพวกสายลับ

“เสียงเล่นโบลิ่งอยู่ห้องข้างๆ นี่ไม่ใช่เมิงก็ไม่รู้หมาแมวที่ไหนแล้ว” เสียงที่มันว่าคือเสียงของบนเตียงผมหล่น เช่นเสียงขวดน้ำกลิ้งเมื่อกี้ หรืออาจเป็นเสียงหนังสือหล่นจากเตียง เพราะผมวางของทุกอย่างไว้บนเตียงครับ ขอสารภาพ

“เมิงตั้งใจฟังนะ”น้ำเสียงเพื่อนข้างห้องจริงจังประหนึ่งว่ากำลังจะพูดเรื่องถึงเป็นถึงตาย

“จัดไป”

“เมื่อเย็น ไอ้รันย์มาถามกรูว่าเมิงเป็นอะไร”

“แล้วไง”

“กรูก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร เลยตัดรำคาญบอกว่าเมิงทะเลาะกับกรู แต่พอดีสภาครบองค์ พูดไปพูดมา กลายเป็นเรื่องปัญหาครอบครัว”ผมนึกภาพตามเห็นเป็นหลายๆ ปากพูดน้ำไหลไฟดับใส่หน้าไอ้รันย์

“ยังไงวะ?”

“เอาเหอะ เอาเป็นว่า ไอ้รันย์เข้าใจว่ากรูกะเมิงเป็นแฟนกัน...มันเข้าใจเองนะ ฮ่าๆ”ผมได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากปลายสายครับ เป็นการหัวเราะคีย์สูงแสดงว่าสะใจนางอยู่มิใช่น้อย…ผมช๊อคพูดไม่ออกครับ

“ตั้งแต่เปิดเรียนมากรูเห็นเมิงพ่อแง่แม่งอนกับไอ้รันย์ กรูเลยถูกโอกาสนี้ช่วยไกล่เกลี่ย”อย่างงี้เขาไม่เรียกไกล่เกลี่ยครับไอ้คุณโม ญ  อย่างงี้เขาเรียกเอาตรีนเขี่ยแล้วครับพี่ครับ

“สรุปคือ เมิงทำเป็นรับมุขเข้าไว้ แล้วเดี๋ยวจะดีเอง”อะไรดีค๊าบบพี่น้องงง...ช่วยบอกผมที



ผมแจกยิ้มกะเรี่ยกะราดให้ไอ้รันย์ แต่ไอ้รันย์มันอาจจะสายตาสั้นมองไม่เห็นครับ เลยต้องเขม้นมอง ริมฝีปากบิด หน้าหล่อล้ำค้ำโลกที่มันแสนภาคภูมิกลายเป็นหอยมือเสือไปในพริบตา มันพยายามมองสบตาผมต่อไป

“อ้าวมาอยู่นี่เอง” เสียงที่สูงกว่าคีย์ปรกติทำให้ทั้งผมและไอ้รันย์หันกันขวับ คอแทบเคร็ด โม ญ เดินยิ้มหน้าระรื่นมาแต่ไกล

“เมศ ไปหาไรกินกันนะ” จากการวิเคราะห์ทางความถี่คลื่นเสียงแล้ว ลงท้ายประโยคด้วยเสียงความถี่สูง  จากเคิร์ฟมีลักษณะเป็นยอดแหลมถี่ๆ แสดงว่า ประโยคนี้มีใจความเป็นเชิง ‘ภาคบังคับ’

“ไปสิ ไปด้วย”หอยมือเสือ เอ้ย ไอ้รันย์บอก 



สถานการณ์คงไม่เลวร้ายนักหรอกครับ ถ้าไม่นั่งเผชิญหน้ากัน ไม่ใช่แค่ผมกับไอ้รันย์และโม ญ มีลิ่วล้ออย่างไอ้น้องเขียวมาประกอบฉากอีกหนึ่ง เพราะมันอยู่ในระยะไม่มีเรียน  เรียกว่าครบองค์เลยทีเดียว ผมแอบเห็นไอ้เขียวขมวดคิ้ว  แต่ที่แน่ๆ เห็นโม ญ ยิ้มพิลึกๆ อยู่ตลอด

“พี่ๆ เจ็บคอกันหรอครับ ผมวิ่งไปซื้อยาอมให้ไหม” น้ำใจงามมากไอ้น้อง

“ไม่ต้อง......หรอก” หอยมือเสือบอกน้องเขียวด้วยเสียงแข็งๆ ครับ ทุกท่านอ่านถูกแล้วครับ การมีไอ้น้องเขียวมาร่วมวงเพิ่มดีกรีความหงิกของมันเข้าไปอีก

“ตะกี้คุยอะไรกันหรอ”โม ญ เปิดประเด็นขึ้นหลังจากเงียบดูเชิงกันมาพักใหญ่ หอยมือเสือส่งสายตาเฉียบขาดให้คนพูด โม ญ เหยียดยิ้มนิดหนึ่งให้พอดูมีชั้นเชิง

“กำลังคุยกันอยู่ว่าเป็นแฟนกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อไหร่นะ?”โม ญ หันมาถามผม ...ใบ้สิครับงานนี้  แล้วผมจะเอาอะไรมาตอบวะครับ

“เอิ่ม..อืม...เอ่อ” ระหว่างผมกำลังพยายามเค้นสมองหาคำตอบ ไอ้เขียวขยับตัวอย่างอึดอัด  ขณะเดียวกันไอ้รันย์ก็ทำท่าคล้ายจะทนฟังไม่ได้

“ไม่รู้สิ... เท่าที่จำได้” โม ญ พูด แล้วดูดไวตามิลล์อึกหนึ่งอย่างใจเย็น

“ไม่เคยนะ” ไอ้รันย์กับไอ้น้องเขียวหยุดนิ่งอึ้งเหมือนกดปุ่มพอซ

“ถ้าหวั่นไหวแม้กับเรื่องไม่มีมูลอย่างนี้ ไอ้รันย์ ฉันพูดได้คำเดียวว่าแก...เหนื่อยแน่ๆ”

“หมายความว่า...”ไอ้รันย์ยังงงๆ

“หมายความว่า ถ้าแกเชื่อว่าฉันกับไอ้เมศเป็นแฟนกัน แกก็โง่มากๆ ไงล่ะ”  หอยมือเสือหายหงิกขึ้นมาทันตาเห็น ลูกกะตาวับๆ ขึ้นมาทันที พอดีกับเพื่อนสาวสภาคนอื่นเดินมาบอกว่าหมดเวลาพักแล้ว

“เรียนแล้วงั้นขึ้นเรียนเถอะ”ผมพยักหน้าตามที่ไอ้รันย์บอก  ลุกขึ้นเดินเอาขวดแก้วไปวางตรงจุดเก็บจาน ไอ้รันย์ที่อาการหน้าหงิกเป็หอยมือเสือเมื่อครู่หาย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ยิ้มอะไร?”

“ตลกหอยมือเสือ”ไอ้รันย์ทวนคำ อย่างงงๆ

“หอยมือเสืออะไรวะ”ผมไม่ได้ตอบมันหรอกครับ เพราะเอาแต่ขำ เพราะคิดว่า ดูๆ ไปหอยมือเสือเวลาอารมณ์ดีๆ ปากมันก็เหมือน Angelina Jolie เหมือนกันนะครับ

“โม ญ ยังไม่ขึ้นหรอ?”ผมถามสาวสภาฯ(ตัวจี๊ด)เพราะเห็นมันยังนั่งอยู่ที่โต๊ะเดิมกับน้องรหัสของมัน

“ยังไม่หมด”มันพูดพลางชี้ขวดไวตามิลค์ที่เหลือกว่าครึ่ง ผมเลยส่งสัญญาณมือว่าผมจะขึ้นไปเรียนก่อน

“เข้าใจแล้วใช่ไหม” รุ่นพี่สาวพูดแล้ว มองหน้าน้องรหัส

“แจ่มแจ้งแดงแจ๋...ยิ่งกว่าไฟแดงแยกอโศก”

“ยังจะลอง?”

“น่าสนุกดีไม่ใช่หรอครับ..พี่รหัส”โม ญ หัวเราะชอบใจ

“เออ สนุกก็สนุกวะ ไอ้เด็กเวลล์”

*************************

ดองไม่นานเท่าไรนะ...แค่สองเดือนกว่าๆ เอง  :oni1: :m28:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 14-10-2008 21:36:21
ในที่สุดก็กลับมาต่อจนได้นะครับ :oni2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 14-10-2008 21:40:41
อัพแล้วววววววว ดีใจเปนที่สุด -*-

ดีนะที่คนเขียนไม่คิดได้ว่าต้องเขียนนิยายตอนเกรดออก ไม่งั้นไม่มีนิยายให้อ่านเป็นแน่แท้ 55+

แล้วตอนหน้าล่ะ จบปีสองแล้วค่อยมาว่ากันใช่ปร่ะ -*-  o7
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-10-2008 01:13:37
ในที่สุดก็มาแล้ววววววววววววววววว แต่ผมยังข้องใจกับไอ้น้องเขียว

แต่รันนี้ชัวร์ว่าหึงแน่ๆ งานี้มีลุ้นโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

แต่กลัวลุ้นว่าจะได้อ่านตอนสิ้นปีเนี่ย สิ 555
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 15-10-2008 11:10:32
 :m4:
เย้ๆๆ มาต่อแล้ว...
ช่วยรันลุ้นต่อ..
ยิ่งมีน้องกรีน (เขียวววว) มาแจมแบบนี้..
น่าสนุกดี หุหุหุ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: watermoonj ที่ 15-10-2008 12:19:59
โอ๊กส์ ดีจายจังได้อ่านต่อแล้ว  :m4:

เฮ่อ แต่ที่ความสัมพันธ์มันไม่คืบหน้านี่ เป็นเพราะเมศนี่นา โดนสารภาพแล้วไม่ยอมรับรักแล้วเมื่อไหร่จะสมหวัง  :serius2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 16-10-2008 23:37:32
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

สูดดดดด ยอดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-10-2008 21:01:17
ไล่ตามอ่านจนทันซะที  เรื่องฮามากมาย อ่านแล้วอารมณ์ดี

แล้วตอนหน้ามาไวๆ นะคะ   :oni3:  รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 22-10-2008 22:00:31
รัณย์เอ๊ยรุกหน่อยซิน้อง เมศของพี่รอคนมาสารภาพอยู่นะ :o8:


ปล.ถ้ายังดองอีก จะสวดมนต์ให้คนเขียนอ้วนๆๆๆๆๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: madamkung ที่ 28-10-2008 20:02:11
 :m32:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: NT llSJs ที่ 16-11-2008 18:08:26
มาดันๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นุ้งเมศ
เห็นวิ่งเล่นอยู่ในเล้าแว้บๆๆ ทำไมไม่มาต่อเรื่องของตัวเองบ้างล่ะคะ
คิดถึงรันย์กะนุ้งเมศนะ


หมายเหตุ
เราจะเดินชนกันที่อาซากุสะมั๊ยน้ออออออ
แบบว่าไปโตเกียวหลังพายุแอนด์แผ่นดินไหวสักอาทิตย์นึงเหมือนกัลลล์
แถมยังเดินเที่ยวแถบๆ เดียวกันได้อีก ชินจูกุ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย


 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: oa_ko ที่ 25-12-2008 00:06:04
 :z10:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 14 ตุลาคม 2551 (ดองแค่สองเดือนกว่าๆ เอ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: oa_ko ที่ 27-12-2008 02:36:13
 :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 10-01-2009 11:23:34
ตอน๑๔ ปีใหม่อารมณ์ใหม่ใหม่
 
ปิดปีใหม่ที่หลายคนถวิลหามาถึงแล้วครับ หลังการสอบมิดเทอมที่ทรมาณต่อเครื่องในและหัวจิตหัวใจผ่านไป วันหยุดเล็กๆนี้ผม...นายเมศ  มีเป้าหมายชีวิตแล้วครับพี่น้อง หลังนอนกลิ้งให้แม่เกาคางมาหลายวัน  ผมจะขับรถให้คล่องให้ได้ จริงๆ ผมตัดสินใจไปโรงเรียนสอบขับรถที่อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามบ้านตั้งแต่ปิดเทอมที่แล้วนะครับ แต่ได้ขับบ้างไม่ขับบ้างเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์มันเลยเป็นบ้างไม่ป็นบ้างนี่สิครับ การเรียนการสอนดูเป็นปรกติสุขดีหรอกครับ แม้ผมจะมือใหม่หัดดับ ขับเกียร์ธรรมดามาหลายครั้งหลายคราวจนได้ใบขับขี่จากการลากเกียร์1ตลอดสนามสอบ ปัญหามันมีอยู่ตรงที่ ไอ้ ‘ครูสอนพิเศษ’ที่หม่อมแม่ของผมฝากฝัง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน(ทองฝังเพชร)ให้ช่วยติวเข้ม
 
“เปิดประตูเร็วๆ หิวแล้ว” ไอ้คุณชายรันย์ ติวเตอร์ หรือออกเสียงอีกทีให้เป็นฝรั่งแถบตะวันออก(ถีบไป)ไกล ว่า ติวตู้ว
 
“ครับๆ” ผมเดินงัวเงีย หัวฟูหน้ายับ มาพร้อมกับคอสตูมตู้มต้ามคอลเลคชั่นเน่าๆ ในตู้ ด้วยเสื้อยืดตัวหลวมย้วย กับกางเกงเลลายปลาดาวสีเหลืองแปร๋น ไม่ต้องขำครับชุดนอน ใส่อะไรนอนที่นอนหมอนมุ้งคงไม่เข้าฝันมาว่ากันได้หรอกครับ
 
“มีอะไรกินมั่ง” มันถามพลางช่วยผมเลื่อนประตูบ้านเปิดให้เอารถเข้าได้ ก่อนจะวิ่งไปขับรถเข้ามาในบ้านผมครับ รถมัสแตงสีแดงเข้ม แล่นเข้ามาจอดที่สนามวอลเล่ย์ที่ไม่มีใครเล่นนอกจาก ไอ้คุณหมาที่บ้านวิ่งเล่นอย่างสง่างาม…บ้านอยู่บ้านนอกก็อย่างนี้ล่ะครับ ที่เยอะ
 
“ไม่มีมั้ง เขาไปทำงานกันหมดทั้งบ้าน” ผมพูดพลางเกาพุงแล้วหาวหวอดไปด้วยเป็นเจ้าบ้านที่ดีครับ ปล่อยแขกเปิดตู้เย็นรื้อได้ตามสะดวก ยืนมองไอ้รันย์เดินเข้าครัวเปิดไมโครเวฟใช้เหมือนเป็นบ้านมันเอง
 
“ไปอาบน้ำดิวะ ต้องให้อาบให้หรือไง?” มันพูดพลางเอาซาลาเปาอุ่นในไมโครเวฟ ผมเลยได้แต่พยักหน้า ไปอาบน้ำตามที่มันบอก ว่าง่ายครับ นอนเต็มอิ่มก็อย่างนี้
 
“ไปชุดนี้?” ไอ้คุณชายรันย์ทักทันทีที่ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเหมือนก่อนเข้าไป เพียงแต่หัวเปียกซกเหมือนตกน้ำมาหมาดๆ กับกลิ่นที่ดีขึ้นมาอีกนิด ผมพยักหน้าให้มันว่าเรื่องจริงแท้เน่นอน
 
“ไปหัดขับรถ ไม่ใช่เดินแฟชั่นโชว์ ไม่เหมือนเมิงหรอก ขับรถข้ามเมืองแค่นี้ อย่างกะเด้งออกมาจากนิตยสาร”
 
“นิตยสารอะไร”
 
“โป๊เกย์มั้งเมิงนิ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว มองไอ้คนเรื่องมาก มันแต่งตัวเหมือนตามนิตยสารวัยรุ่นเด๊ะๆ
 
“ผ้าพันคอพันมาทำสากอะไร หนาวชิบหายเลยเน๊อะเนี่ย เช้าแดดออกตอแหลบ่ายหน่อยฝนตก”
 
“อ้าวไอ้นี่ มาด่ากรูอีกโทรมคนเดียวไม่มั่นใจอ่ะดิ พี่สาวกรูจัดให้ว่ะ นางว่าอยากเห็น เลยใส่ๆ มาให้นางเห็นสักหน่อยรำคาญเหมือนกัน” ไอ้รันย์ว่า พลางแกะผ้าพันคอออก จริงๆ มันก็เท่ห์ดีนะครับ ถ้ามันถูกที่ถูกเวลาถูกอากาศกว่านี้
 
“กินซะ จะได้รีบออก เดี๋ยวบ่ายกว่านี้รถเยอะจะขับลำบาก” ผมพยักหน้า รับซาลาเปามาหนึ่งลูก พลางพิจารณาไอ้รันย์ที่เนี๊ยบตั้งแต่ผมถึงตาตุ่ม ผมเลยไปเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นอย่าให้ขัดศรัทธามัน   ผมเหลือบไปเห็นรองเท้าไม่คุ้นตาจอดเกยประตูอยู่....ช้างดาวของแท้แบรนด์ไทย...หล่อนิ้งตั้งแต่หัว หน้า ตัว ขา ยกเว้นอย่างเดียว อะโธ่ ที่แท้คุณชายแตะคีบนี่หว่า
 
 

หลายๆ คนคงพอจำได้นะครับ ไอ้รันย์อะไรๆ มันก็ดีหมด หน้าตาดี ผลการเรียนดี ฐานะทางบ้านดี สติปัญญาดี รถสวยดี พี่สาวก็สวยดี  มันยังมีอีกอย่างที่ดีครับ.....เป็นอวัยวะส่วนสำคัญของมัน ...อย่าคิดต่ำไปกว่าคอครับทุกคน อวัยวะที่ว่า คือ....ปาก  ผมได้ซาบซึ้งถึงทรวงในเมื่อผมโดดขึ้นรถประจำตำแหน่งของผม ขออธิบายโดยสังเขปเกี่ยวกับรถของผมสักหน่อยนะครับ รถคันนี้ผมได้มาโดยไม่ตั้งใจครับ มันเคยเป็นของพี่ ซึ่งปัจจุบันมันหนีไปต่างประเทศแล้ว อ๊ะๆ ไม่ได้หนีคุกไปอังกฤษนะครับ ไม่ต้องโฟนอินสร้างกระแสให้แก๊งค์ลูกเจี๊ยบเอามือตบไล่   

ต่อครับ(นอกเรื่องละ)..รถคันนี้ก่อนเป็นของพี่ผมเคยเป็นของแม่ ซึ่งเตี่ยยกให้แม่ขับเผื่อว่าจะขับไปไหนๆ ได้ ปรากฏว่านางไปประสบเหตุให้กลัวการขับรถขึ้นมา คือขับชนประตูบ้านครับ นี่เองจึงส่งต่อตกทอดกันต่อไป สภาพรถหรอครับ สีแดงมุขสวยปริ้งค์(ต้องออกเสียงให้ดูอินเตอร์ประกอบการอ่านนะครับ) กระจกหน้าซ้ายสีขาวเพราะไปจอดไว้ใกล้ของหนักแล้วมันหล่นใส่จนหักไป แก้มหน้าซ้ายบุบเป็นแถบเพราะเคยเอาไปไถต้นไม้ หนูเข้าไปราตรีสโมสรใต้ฝากระโปรง กัดสายหัวเทียนแหว่งไปครึ่ง แทะฝาน้ำยาฉีดกระจกจนเหลือแต่ฝาเปล่า แทะฉนวนกันความร้อนกระจุย ว่าง่ายๆ คือ แทบหมดสวย แต่ตอนนี้กลับมาเกือบสวยงามเหมือนเดิมแล้วล่ะครับด้วยฝีมือเตี่ยและเดอะทีม เหลือแต่เรื่องตัวถังที่บุบและกระจกข้างสีไม่เข้ากัน(อย่างแรง) เตี่ยให้เหตุผลว่า ไว้รอผมขับไปไถกับชาวบบ้านให้หนำใจก่อนค่อยซ่อมทีเดียว....ขอบคุณครับเตี่ย
 
“ไหน สุริเยนทรา ก็สภาพไม่จัดว่าแย่มากนะ” นั่นชื่อรถครับไม่ใช่พระเอกยี่เกที่ไหน ผมไม่ได้ตั้งนะ เจ้าของคนก่อนตั้งมา
 
“เตี่ยเอาไปซ่อมมาแล้ว เหลือเรื่องสีกับตัวถังยังไม่ได้ทำ”ผมพูดพลางนั่งลงในตำแหน่งคนขับ ปรับเบาะที่นั่งได้ระยะเรียบร้อย โดยไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัย...แน่ล่ะครับ ผมไม่ไว้ใจตัวเอง เริ่มเหงื่อซึมๆ ตั้งแต่ยังไม่พ้นรั้วบ้าน
 
“ไปดิ รอหาควายมาลากหรือไง” มันมาละครับอาการปากหมาพาชน ผมค่อยๆ เคลื่อนน้องสุริเยนทราคันสวย ตีโค้งกว้างหน่อยออกจากสนามวอลเล่ย์ ถึงทางลงหน้าบ้านเป็นได้เรื่องครับ บ้านหลายคนอาจเป็นซอยเล็กๆ ไม่มีรถใหญ่น้อยมากดดัน แต่บ้านผม ออกจากบ้านก็ถนนใหญ่เลยครับ
 
“เบรคคคค” ไอ้รันย์พูดเสียงเข้มพลางดึงเบรคมือช่วยดังสนั่น
 
“เบรคสิวะ จะรอให้วิ่งไปถึงเกาะกลางก่อนหรือไง กรูต้องโทรหาประกันไว้ก่อนเลยไหม” มันพูดเสร็จก็วิ่งลงไปปิดประตูบ้านให้ โดยกำชับว่า ห้ามผมทำอะไรทั้งสิ้นระหว่างมันไม่ได้นั่งด้วย
 
“ดูรถก่อน มือใหม่ๆ รอทางตรงติดไฟแดงแล้วค่อยไปก็ได้ ไม่ต้องรีบ กรูยังไม่อยากตาย” ผมพยักหน้ารอจนรถว่างไอ้รันย์ก็ปลดเบรคมือ ผมค่อยไหลรถให้ลงไปบนถนน

เอาแบบรวบรัดตัดความคือ กว่าผมจะ ‘คลาน’มาถึงถนนรอบนอกได้ เหงื่อแตกซิก แต่ถึงรถจะน้อยแล้ว ผมก็ยังแอบเครียดครับ มีแต่ไอ้คนนั่งข้างๆ นี่แหล่ะที่มันดูอารมณ์ดีเหลือเกิน หยิบแว่นกันแดดมาใส่ ยิ้มกระชากใจให้กระจกมองหลัง รื้อคุ้ยแคะแกะเกาไปทั่ว
 
“นั่งนิ่งๆ ไม่ได้หรอวะ กรูเสียสมาธิ” ไอ้รันย์หยุดยุกยิก วางมือขวาบนเบรคมือในท่าเตรียมเหมือนเดิมได้ไม่นาน มันมามุขใหม่
 
“ฉันจะเป็นตุ๊กตาหน้ารก ตอนเธอขับรถฉันกลัวเธอจะเหงา ถนนก็ยังอีกยาว จะปล่อยเธอเหงาไปคนเดียวได้งาย...” แม่เจ้า~….พี่เขามาอารมณ์ไหนวะครับนั่น
 
“นี่คือสาเหตุที่ห้ามกุเปิดวิทยุใช่ป่ะ?” ผมพยายามหาสาเหตุให้ตัวเองครับ เพราะไอ้รันย์และเตี่ยผมต่างลงความเห็นว่า ไม่ควรเปิดวิทยุขณะขับในระยะที่ยังเป็นมือใหม่เช่นนี้
 
“เดี๋ยวเสียสมาธิ ขับไปเงียบๆ อย่าขี้บ่น” ผมหุบปากแล้วคลานต่อไป เดี๋ยวจะโดนอีกดอกครับต้องทนฟังไอ้รันย์แหกปากร้องเพลงกันต่อไป
 
“จะเป็นตุ๊กตาหน้ารกบนถนนแห่งความรัก อยากให้รู้จะอยู่เคียงข้างเธอไม่ว่าทางจะไกลแค่ไหน จะเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเธอแค่เพียงคนเดียวรู้ไหม แค่เธอสัญญาว่าจะไม่ให้ใครมา... ไอ้เอี้ย เอากระจกข้างกรูไปด้วยเลยไหม!” ผมสะดุ้งเหยงกับเพลงตุ๊กตาหน้ารก ของศิลปินรุ่มร่าม เวอร์ชั่นท่อนสร้อยใหม่ พอๆ กับที่มีมอเตอร์ไซค์แซงขวาแล้วปาดหน้าไปอย่างเร็ว
 
“มอไซค์ขับขวา เดี๋ยวพ่อก็กวาดเสียนิ….แค่เธอสัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาแทนที่ฉัน” โอ้...แม่เจ้า....มันเปลี่ยนอารมณ์เร็วจริงๆ ความสุนทรีย์ไม่มีสะดุด ยังไงก็ขอจบท่อนอย่างสวยงาม ผมละเชื่อมันเลย เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น ผมเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก  เพราะมือถือมันซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงนี่สิครับ
 
“โทรศัพท์ เอามานี่เดี๋ยวรับให้ คุยไปขับไปเดี๋ยวหัวปิงปองเรียกไปคุยข้างทาง”
 
“อยู่ในกระเป๋ากางเกง” ผมชำเลืองเห็นแววตาพึงใจจากไอ้รันย์ครับ ผมตงิดได้ด้วยตัวเองครับ
 
“งั้นกรูหยิบให้” ว่าแล้วมันก็ เอื้อมมือมา พลางทำมือยุกยิกเป็นปูไต่ไปด้วย ผมเลยรีบละมือจากซ้ายจากพวงมาลัย ล้วงหยิบมือถือโยนให้มันอย่างไวครับ ผมเกรงว่าถ้าให้มันหยิบให้จริงอย่างมันว่า ไม่แคล้วจะมีปีนเกาะกลางโชว์กันมั่งล่ะครับ
 
“หึหึ” ผมมองหน้าไอ้รันย์แว๊บหนึ่ง ว่ามันหัวเราะอะไรของมัน  ไอ้รันย์ถือวิสาสะรับโทรศัพท์ให้เลยครับ
 
“ว่าไงวะไอ้เขียว” ผมได้ยินเสียงน้องเขียวพูดอะไรสักอย่าง
 
“อ้อ ไอ้เมศหรอ มันว่ามันไม่อยากคุยว่ะ เออๆ หา! เมิงว่าไงนะ....โอ๊ะๆ สัญญาณไม่ดีเลย โหลๆ ได้ยินไหม ไหม ไหม  ครอกแครกๆ ...โอ้ยๆ สายจะหลุดแล้ว บ้านนอกสัญญาณไม่ดี ....โอ๊ะๆ  และ....และ....หลุดแล้ว ตู๊ดๆ ๆ ๆ” เป็นการตัดสายที่นอยด์มากครับ ไอ้รันย์ หันมายักคิ้วให้แผลบ ก่อนจะปิดมือถือให้ด้วยเลยเป็นโปรโมชั่นพิเศษ
 
“แล้วนี่จะให้ขับไปไหน?” ผมเสียงถามขัดอารมณ์สุนทรีย์ของไอ้รันย์ ขณะมันยื่นหน้าขึ้นไปส่องกับกระจกมองหลัง ดูหนวดรำไรเหมือนลืมโกนก่อนออกจากบ้านของมัน
 
“ไปปีนห้าง” แค่มันบอกว่าจะไปไหน ผมก็เริ่มเหงื่อแตกอีกแล้วครับ
 
   

ผมพาตัวเองคลานมาถึงห้างแถวบ้าน ด้วยอาการงงเบลอในชีวิต ด้วยการขับเลยทางเข้าห้างไปเลยเพราะจำไม่ได้ว่าทางขึ้นมันอยู่ตรงไหน รู้อีกทีก็เลยมาหลายช่วงตัว เลยต้องไปวนมาใหม่ พอเข้าห้าง ก็รับบัตรจอดมาแบบเบลอๆ เวลาสำคัญมาถึงครับ มือใหม่ ปีนห้าง
 
“อย่าใช้เกียร์ต่ำมากเดี๋ยวไต่ไม่ไหว คันเร่งด้วย ค่อยวาดพวงมาลัยไป อืม....ดี” ไอ้รันย์เป็นติวเตอร์ ปีนมาได้หนึ่งชั้น ขับหลงเลนเล็กน้อย ดีที่ไม่มีรถสวนมาเสยพอดี  เกิดภูมิใจในผลงาน ปีนต่อครับ รู้ตัวอีกที โผล่มาชั้นห้า
 
“ปีนสูงไปไหมนี่”
 
“ไม่หรอก ไปจอดที่กว้างๆ โน่น” ผมเลือกที่จอดกว้างจริงๆ ครับ คือไม่มีรถจอดเลยทั้งฝั่งซ้ายและขวา ลอคหนึ่งจอดได้ฝั่งละสาม ว่างตลอดโปร่งสบาย
 
“ไม่เอาไปจอดกลางทุ่งนาเลยล่ะ” โดนอีกดอก
 
“เอาน่ะ…จะถอยละนะ” ผมเริ่มถอยตัวรถมา กะว่าจะจอดมันช่องกลางลอคฝั่งซ้ายเลยครับ ปรากฏว่าถอยพลาดไปเยอะ เกือบเอาก้นเสยเสา...เสามันก็อยู่เฉยๆ ของมันดีๆ นะครับ ฮาๆฮือๆ  มีเสียงไอ้รันย์หัวเราะประกอบการถอยเล็กน้อย
 
“ถอยพลาดแล้ว เอาไง” ผมทำเป็นไม่พูดจาครับ ใส่เกียร์เดินหน้าเอาหน้าปักช่องกลางเข้าฝั่งขวาแทน ทีนี้จอดตรงแล้วครับ
 
“จะลงยัง?” ไอ้รันย์ถามพลางปลดเข็มขัดนิรภัยเตรียมจะลง แต่ผมยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจครับ จอดเอาหน้าเข้ามันไม่เท่ห์ครับทุกคนผมเลยเข้าเกียร์ถอยตรงกลับไปจอดฝั่งซ้ายมันดื้อๆ เลย
 
“เออ ไอ้เข้ขวางคลองชิบ” ไอ้รันย์ว่าพลางหัวเราะก๊าก ขำนะเมิง ไม่เคยเป็นมือใหม่มั่งให้มันรู้ไป มันคงเห็นว่าผมเริ่มตาขวาง วิญญาณเริ่มอาฆาตแค้น มันจึงยิ้มเผล่
 
“ลงมาน่า ไปเดินเล่นก่อน ค่อยกลับ”
 
      

ห้างวันเสาร์อาทิตย์คนยั้วเยี้ย ผมเห็นแล้วเบลอๆ งงๆ ในชีวิต ผมเห็นคนต่อแถวเข้าภัตคารอาหารญี่ปุ่น ‘เซ็ง’ ผมก็เซ็งด้วยครับ ล้มเลิกความคิดที่จะกิน ด้วยเหตุผลว่าคนเยอะหนึ่งล่ะ สองคือความอนาถในชีวิต ผมกับไอ้รันย์ สองคนรวมตังค์กัน หนึ่งร้อยบาท ยี่สิบห้าสตางค์พอดีพอดิบ พอดิบพอดี เราเลยเป็นอันว่า เดินดูอาหารตาแทน พอเดินจนทั่วถึงบ่ายสองเวลาดี ก็เตรียมจะกลับ ไอ้รันย์เอามือมาตบไหล่สองที
 
“ไปดีมาดีนะเมิงนะ” ผมงงครับ อะไรของมัน
 
“ทำไมวะ?”
 
“มีเข้าก็ต้องมีออก  เดี๋ยวกุไปรอหน้าห้าง อ่ะ” มันยื่นกุญแจรถของผมที่ห้อยพวงกุญแจรูปลิงกุมหัว แล้วยัดใส่มือผม
 
“เอาจริง?” ไอ้รันย์พยักหน้า ก่อนจะตบบ่าผมอีกสองทีแล้วว...เดินหายไป...ออกจากชีวิตเพื่อนมันไป ผมล่ะอยากเอามือกุมหัวเหมือนพวงกุญแจลิง
 
 

ในเมื่อมันให้ผมไต่ลงจากห้างเอง ผมก็ต้องพยายามทำให้ได้ครับ เริ่มจากคลำทางออกไปลานจอดรถให้ได้ ถึงห้างนี้ผมจะเดินมาตั้งแต่มัธยม ประถมด้วยเอ้า...แต่ผมก็จำทางไม่ค่อยได้ครับ จิตติดๆ ดับๆ ก็อย่างนี้ล่ะครับ 

ผมคลำทางมาจนเจอน้องสุริเยนทราแล้ว ได้เวลาคลำหาทางออกครับ  ไม่รู้เคยเป็นกันไหมเวลาไปห้างแล้วหาทางออกไม่ค่อยจะเจอเหมือนเล่นเกมส์เขาวงกตย่อมๆ ผมขับตามลูกศรชี้ว่าทางออกไปทางไหน  วนลงไปจนถึงชั้นล่าง ปรากฏว่า ผิดชั้น ทางออกต้องอยู่ชั้นใต้ดิน ขับไปวนใหม่ ฮาๆฮือๆ ดีนะครับที่ช่วงนี้น้ำมันถูกหน่อย  ขับตามรถคันหน้าไปครับ รถคันหน้าไฟเบรคขึ้นผมอินเทรนด์เบรคตามเขาด้วย หลังจากหลงทางในห้างจนมาถึงทางออก ผมหยิบบัตรจอดรถที่เป็นกระดาษสีฟ้าแผ่นบางๆ มาถือไว้เตรียมพร้อม รถว่างมากครับวันนี้ แต่คนในห้างเยอะแยะ ผมหลงไปหลงมา มาเจอะทางออก เห็นพี่ยามแล้ว เตรียมกดกระจดให้เลื่อนลง พี่ยามโผล่มาจากหลังเสา ทำหน้าเบลอๆ เกาหัวงงๆ ก่อนจะจากไป....อ้าว...แล้วบัตรจอดรถตรูจะคืนใครวะครับ
 
สรุปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ขับรถปีนห้าง และคงเป็นครั้งแรกและคิดว่าคงเป็นครั้งเดียว ที่ผมจะได้เอาบัตรจอดรถกลับบ้านครับ
 
 
         
 
ฤกษ์งามยามดีปีใหม่ปีนี้คนหล่ออย่างผมต้องขอแทคมือมาเป็นผู้เล่าต่อจากภาคเช้านะครับ  หล่อไหน?....มีหล่อเดียวครับเรื่องนี้ ไอ้รันย์ของทุกท่านยินดีรับใช้อารมณ์ขันของทุกคน หึหึหึ ปีใหม่ปีนี้ไปไหนกันมาบ้างหรือเปล่าครับ  ขอโทษที่ถามช้าไปสักหน่อยนะครับ แบบว่าภารกิจหัวใจมันรัดถึงตับ  ปีใหม่นี้ผมเป็นอีกคนที่ไม่มีที่ไปครับ เพราะบ้านสวนก็ไม่มีใครอยู่ เหลือผมอยู่ในประเทศคนเดียวเลยต้องขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกบ้านคนอื่นเขาสักสองสามวัน แม้คนแถวนี้จะไม่เต็มใจ
 
“เมิงอ่ะ มาอยู่บ้านกรู กรูเป็นลูกไม่มีใครรักแล้วเนี่ย” เสียงลูกบ้านนี้บ่นขณะเรากำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่หน้าโทรทัศน์ในคืนวันปีใหม่  แม่และเตี่ยของเมศขอไปเค้าท์ดาวน์ในฝันกันแล้ว
 
“ทำไม  อิจฉาล่ะสิ” ไอ้เมศทำย่นจมูกก่อนจะส่งคุ้กกี้บัตเตอร์สไลด์เข้าปาก พลางหันกลับไปสนใจรายการโทรทัศน์อีกครั้ง
 
“แล้วจะกลับเมื่อไหร่?”
 
“ถามทำไม หรือว่าอยากให้กลับ” ผมถามหยั่งเชิง ไอ้เมศรีบหันมาบอก
 
“เปล่าก็แค่ถามเฉยๆ” เราต่างเงียบไปพักใหญ่ ผมไม่รู้ว่าคนที่นั่งข้างๆ เคี้ยวขนมหงุบหงับนี้คิดอะไร ถ้าผมรู้ มันคงจะดีมากๆ เลยล่ะครับ  แต่น่าเสียดายครับ ที่ผมไม่มีความสามารถอย่างนั้น เพราะผมยังไม่ใช่ยอดมนุษย์หรืออะไรแบบนั้น
 
“จำได้ไหม ปีที่แล้ว ที่กรูอยู่บ้านสวน ส่วนเมิง...”
 
“อยู่ในส้วม” ไอ้เมศตอบแบบไม่ลังเลพลางพยักหน้าประกอบ
 
“วันนั้นกรูดีใจ....” เป็นอีกครั้งที่เราเงียบ  เป็นความเงียบที่ไม่ใช่เพราะเสียงครับ แต่เป็นเพราะหัวใจเราเอง
 


หลายๆคนอาจพอจะจำได้ว่า ผมเป็นคนเปิดเผยต่อความรู้สึกตัวเองเสมอนะครับ  แต่ขณะเดียวกันคนที่ผม ‘สนใจ’ กลับให้ความเงียบเป็นคำตอบของทุกอย่าง ผมไม่รู้ว่าเมศคิดอะไรในหัวนั้น ผมรู้แต่มันยังไม่ถึงเวลา  แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจนะครับว่า  การรอคอยอย่างไม่มีกำหนด มันทรมาน...มากครับ ผมจะลองยกตัวอย่างอย่างง่ายๆ ที่เห็นชัดนะครับ เช่น เมื่อเราปวดท้องมาก   แต่พอไปถึงห้องน้ำ กลายเป็นว่าห้องน้ำห้องนั้นมันไม่ว่างสิครับ หากเป็นชีวิตจริง เราก็แค่ หาห้องใหม่ถูกไหมครับ แต่ถ้ามันมีห้องเดียวที่เราคลิกด้วยในโลกนี้ล่ะ ? ต้องรออีกนานเท่าไหร่? เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองมาสักพันรอบได้แล้วครับ ขอสารภาพตรงนี้เลยครับว่าผม ชักจะถอดใจเล็กๆ แล้ว ยกตัวอย่างแบบนี้อาจจะเห็นภาพมากไป อ่านไม่เข้าใจให้ข้ามไปเลยครับ หึหึหึ
 
“อืม” จริงๆ ผมก็เคยนึกอยากโกรธไอ้เมศมันนะครับ ที่มันมักตอบผมด้วยความเงียบ หรือ เพียงงึมงำในคอว่า ‘อืม’ แต่ก็โกรธไม่ลง
 
“แล้วปีนี้เตรียมอะไรไว้สำหรับปีใหม่ มุขเดิมไม่เอาแล้วนะ” ไม่เอา เพราะมันทำร้ายจิตใจผมครับ
 
“ปีนี้ยังนึกไม่ออก  แต่ซื้อมาม่าให้น้องรหัส คนละสามรสสามซอง”
 
“ต้องแจกถุงยังชีพเลยไหม?”
 
“ไม่มีงบว่ะ”
 
“สงสัยกรูคงต้องขอต่อแถวรับด้วย....ประสบอุทกภัยทางอารมณ์” ผมพูดแล้วหัวเราะแห้งๆ เสียงไอ้คุณหมาที่ประจำบ้านเห่าขึ้น ประกอบกับเสียงตะกายกรง ไอ้เมศจึงลุกเดินไปชะโงกหน้าต่างดูที่กรงใหญ่ด้านนอก
 
“เห่าไรวะ  วันก่อนเห่ารถหาเสียงซะกรูฝันร้ายเลย”

จากการที่ผมมาอาศัยนอนบ้านนี้วันนี้เข้าคืนที่สามผมได้ข้อสรุปสำหรับหมาบ้านนี้มีคุณสมบัติสามประการคือ รับแขก เห่าแหลก ตอแหล ตั้งแต่ผมมาบ้านนี้ครั้งแรก ไอ้หมาตัวนี้มันพันแข้งพันขาราวกับผมเป็นหนึ่งในเจ้าของมันที่พลัดพรากกันไปนาน เห่าแหลก ก็อย่างที่บอกครับ สากกะเบือยันเรือรบ แถมรถหาเสียงให้ด้วย ตอแหลนี้ไม่ต้องพูดถึง ทำได้ทุกอย่างเพื่อขนมในมือท่าน แต่มันทำแล้วต้องยอมรับครับว่าได้ผล เห็นแล้วเป็นต้องใจอ่อนในความพยายามของมัน
 
เอาละครับ กลับมาที่เรื่องคน...
 
“จะออกไปดูมันหน่อย ไปไหม?” ผมส่ายหน้าช้าๆ ไอ้เมศทำตาใส สะกิดยิกๆ
 
“ไปหน่อยดิ นะๆ” ผมเริ่มพอรู้แล้วครับ ว่าที่เคยได้ยินมา เรื่องเจ้าของเป็นอย่างไรหมาของท่านก็จะเป็นอย่างนั้น เห็นท่าจะจริงครับ ผมเลยต้องใจอ่อนตามมันไป
 

กรงสุนัขบ้านนี้ผมว่าสร้างหรูนะครับ เป็นบ้านใหญ่มีจั่วให้ด้วย ข้างในมีกรงเล็กอีกกรงอยู่ข้างสนามวอลเล่ย์ใต้ต้นมะม่วงครึ้มที่ตอนนี้ออกดอกมะม่วงทั้งต้น ไม่รู้เหมือนกันว่าผิดฤดูหรือเปล่า ไอ้เมศให้ผมเปิดกรงฝ่าความมือเข้าไปก่อน ได้ยินเสียงไอ้หมาครางงี๊ดง๊าดกับเสียงฟาดหางกับกรง อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรตกใส่ไหล่ครับ
 
“เฮ้ย จิ้งจก!!” ไอ้เมศร้องเสียงหลง
 
“เฮ้ย!!” จิ้งจกตกใส่ไหล่ผม พอปัดมันแบบตกใจมันดันหนีมาเกาะบนอกเสื้อเสียเลย
 
“อย่ามาใกล้กรู” เสียงไอ้เมศไปไกลแล้วครับ...ไกลจากผมคนละฝั่งสนามเรียบร้อยแล้ว...ขอบใจมาก...ซาบซึ้งเลยนะเนี่ย  ผมปัดจิ้งจกผู้โชคร้ายออกไปเรียบร้อย เห็นไอ้เมศหนีไปเกาะอยู่แถวต้นโมกข์อีกฝั่งสนาม
 
“ไม่มีแล้ว อะไรจะตกใจขนาดนั้น”
 
“เมิงก็ตกใจ”
 
“ไม่เท่าเมิงว้อย เพราะงี้ถึงให้กรูเข้ามาก่อนใช่ไหม ไอ้หมา ดูเจ้านายแกไว้เลย ดูมันทำ..” ไอ้หมาในกรงมันทำหน้าไม่รู้เรื่องด้วยครับ ผมเลยถอนหายใจ ผมยังไม่สามารถถึงขนาดคุยกับสัตว์รู้เรื่องนะครับ
 
“เอาเหอะ...มันคงไม่เป็นไรแหละ เข้าบ้านดีกว่า” ผมว่าพลางปิดประตูกรงลอคไว้ตามเดิม  ไอ้เมศค่อนด้อมๆ มองๆ มาสำรวจว่าไม่มีแล้วถึงยอมเดินใกล้ๆ
 
“จิ้งจกตัวแค่นั้นกลัวหรอวะ?” ผมหัวเราะ เยาะมันครับ
 
“ไม่กลัวเว้ย”

ครับ...ไม่กลัว ผมจะพยายามเชื่อมัน
 
“เมิงไม่เห็นหรอ ว่าแม่งตัวใสๆ เห็นไส้เขียวๆ แหยะ ถ้ามันเกาะบนกำแพงเฉยๆ ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้พวกชอบโดดใส่นี้กรูขอบาย...ตายดีกว่า”

ถ้ากอดปลอบใจมันสักที เตี่ยมันจะยิงผมไหมครับ ก่อนจิตผมจะฟุ้งไปกว่านี้ เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาจะปลอดภัยต่อหัวจิตหัวใจผมกว่าครับ
 
“ลมเย็นดีนะ” ผมนึกชม บ้านริมถนนใหญ่ แต่กลับลมเย็นได้ถึงขนาดนี้ทั้งกลางวันกลางคืน
 
“นั่งเล่นก่อนก็ได้ ถ้าไม่กลัวยุง วันนี้เห็นดาวชัดดี” ไอ้เมศเปิดประตูกระจกหน้าบ้านปิดสวิชไฟให้ทั่วบริเวณนั้นมืดสนิท ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม และเราต่างเงียบกันอยู่นาน
 
“จริงๆ กรูมีความไม่ลับจะมาบอก แต่เมิงรู้แล้วอย่าโกรธกรูนะ” ผมฟังไอ้เมศหูผึ่ง แต่วางฟอร์มนิ่งขรึม ไม่หือไม่อือกับมัน แต่จริงๆ อยากรู้จะแย่แล้วครับ ว่าไอ้ความไม่ลับของมันคืออะไร
 
“คือปิดเทอมใหญ่นี้ กุจะไปเวิร์ค”
 
“ไม่เห็นบอกกรูสักคำ” ผมท้วง
 
“ก็บอกอยู่ นี้ไง ความไม่ลับ” ยอมก็ได้ครับ
 
“สามเดือน?”
 
“ประมาณนั้น....ไม่โกรธใช่ไหมที่ไม่บอกให้เร็วกว่านี้?” มันจ้องหน้าผมด้วยแววตาน่าสงสาร  มีหรือครับที่ผมจะ...
 
“โกรธ”
 
“ทีตัวเองยังสมัครทุนไปญี่ปุ่นเลย...ด๋อย”

ด๋อยมันแปลว่าอะไรครับพี่น้อง ใครทราบช่วยแปลให้ผมที ว่าแต่มันรู้ได้ยังไงครับ ว่าผมเตรียมจะส่งใบสมัครขอทุนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
 
“รู้ได้ยังไง?”
 
“แหม..สอดใบสมัครไว้แผ่นแรกของแฟ้ม แฟ้มแจกฟรีอีกต่างหาก ไม่เห็นก็ตาถั่วคอตๆ”
 
“งั้นเอาเป็นว่าเราเจ๊ากัน” 
 
         
เป็นอีกครั้งที่เราต่างเงียบ นิ่งฟังเสียงรอบตัว เสียงลมพัดเบาๆ ให้ใบของต้นไม้ใหญ่น้อยเสียดสีซัดซ่า ผมไม่รู้ว่าคนนั่งข้างๆ ผมนี้คิดอะไร แต่ผมกำลังคิดถึงช่วงเวลานับแต่วันที่ผมรู้จักคนๆ นี้ ตอนเป็นเด็กใหม่ปี1 ตอนเราเริ่มสนิท ช่วยกันเล่นช่วยกันเรียน กว่าปีหนึ่งแล้วนะครับที่ผมรู้จักคนๆ นี้มา จากคนแปลกหน้า กลายเป็นเพื่อน จนเป็นเพื่อนสนิท และจากเพื่อนสนิท กลายเป็นเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อ เวลาที่ผ่านมาผูกหัวใจผมให้ติดอยู่กลับใครคนหนึ่งโดยที่มันรู้แต่แกล้งไม่รู้ว่าผมคิดอย่างไรมาตลอด
 
“เมศ กรูชอบเมิงนะ” ผมพูดพลางมองดวงหน้านั้นอย่างจริงจัง ...และเช่นเคยครับ ความเงียบยังคงเป็นคำตอบของทุกสิ่ง แววตาฉายประกายว้าวุ่นลำบากใจนั้นทำให้ผมเหยียดริมฝีปากออกและหัวเราะเบาๆ เป็นหัวเราะที่ไร้อารมณ์ขันโดยสิ้นเชิง
 
“นี่คงเป็น....ครั้งสุดท้ายที่กรูจะพูดแบบนี้ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ” ผมพูดเสียงเบา แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นแหบแห้งจนน่าประหลาดใจ ไอ้เมศเม้มริมฝีปากพลางก้มหน้าลง ผมทำได้เพียงถอนใจเบาๆ ทิ้งมือทั้งสองข้างลงข้างกาย...ใช่ครับ...ผมยอมรับความพ่ายแพ้ของความรักครั้งนี้ แม้หลายคนอยากจะให้ผมสู้ต่ออีกหน่อย แต่มันเหนื่อยครับ เหนื่อยมากที่จะต้องรอทั้งที่ไม่มีสัญญาณใดบ่งบอก ว่าความทรมานของเวลาที่ยาวนานนี้จะจบลงเมื่อไหร่
 
 
 
ระหว่างที่ผมนึกหาคำปลอบใจดีๆ ให้ตัวเองสักอย่าง ระหว่างที่ความหวังของผมค่อยๆ ดับวูบลง  มืออุ่นๆ กลับวางทาบบนมือผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมหันกลับไปมองคนนั่งข้าง  และเราได้สบตากันนิ่งนาน  แววตาคู่นั้นฉายประกายไม่มั่นใจและกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ อย่างเขินอาย ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม เพราะรอยยิ้มเล็กๆ นั้นจุดประกายให้หัวใจของผมพองคับอก ผมจับมือนั้นแน่นขึ้น ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นระส่ำ   ผมครุ่นคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตัดสินใจค่อยโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้านั้น ไอ้เมศหลับตาปี๋ทำคอแข็ง  ผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่หายใจตัดขัดบนผิวแก้มแต่ผมก็ยังคือนายรันย์ของทุกคน คนเดิม คนนี้
 
“ลืมตาสิ” บางทีเสียงกระซิบของผมอาจจะเซ็กซี่ไปสักหน่อย ไอ้เมศยิ่งหลับตาปี๋  ทำคอหดหนักกว่าเดิม
 
“ไม่ลืมตาเดี๋ยวจิ้งจกเกาะไม่รู้ตัวนะ” ได้ผลครับ  ไอ้เมศลืมตาโพล่ง  มันถึงกับผงะไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหน้าเราห่างกันเพียงระยะไม่กี่เซนต์หรืออาจจะไม่ถึงเซนต์ จมูกของผมเริ่มถูกไถกับจมูกน่าเอ็นดูบนหน้านั้นให้พอใจสั่น และในหัวผมกำลังคำนวณหาองศาที่พอดีที่สุด และเมื่อผมหาตำแหน่งเหมาะได้แล้วและอีกนิดเดียวที่ผมจะได้สัมผัสริมฝีปากคู่นั้น โดยที่ตัวผมไร้ความมึนเมาจากแอลกอฮอล์ใดๆ
 
 
 
 
อีกนิดเดียว....
 
 
 
 
 
 
อีกนิดสิน่า...
 
 
 
 



















 
 
 
“โบร๋วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว~”

 
ยังครับ ผมกับไอ้เมศยังไม่มีใครแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่า แต่หมาบ้านแถวนี้มันหอนสิครับ ผมตกใจเสียงหอน เลยผงะกลับมานั่งงงอยู่ที่เดิมพลางเกาจมูกด้วยมือข้างหนึ่งอย่างไม่รู้จะเอามือไปเอาไม้ไปไว้ไหน ในขณะที่ไอ้เมศขยับแทบตกม้านั่งพลางใช้มือข้างหนึ่งปิดกึ่งปากกึ่งจมูก ทำไมถึงใช้ข้างเดียวนะหรือครับ
 
เพราะมือข้างที่เหลือของเรา ยังกุมกันไว้น่ะสิครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
 
 
 
อิจฉาล่ะสิครับทุกคน ฮ่าๆๆๆๆ

*************************

ทุบโหลดองออกมาคนแรกเลย
ดีใจจริงๆ
อย่างน้อย thai y studio ก็มีเรื่องมาต่อรับปีใหม่แล้ว
 :m23:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-01-2009 11:49:18
^
^
^

จิ้มป๋อมแป๋ม เย้ๆตอนใหม่มาแล้ว

อร๊ายย์ หมาแถวบ้านเมศหอนได้ขัดจังหวะจริงๆ หมูจะหามเอาหมาเข้ามาสอดจริงๆเลย (<--แบบอย่างการใช้สำนวนวิบัติ ใครอย่าจำไปใช้นะ อิๆ)
ว่าแต่ พระเอกของเราเปรียบความรักกับส้วมเลยเหรอนี่ o_O  :m20:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 10-01-2009 12:00:24
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-01-2009 12:05:47
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไหแตกแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 10-01-2009 12:23:41
ดีใจด้วยนะรันย์ ความรักสมหวังแล้ว

ชิ ขัดใจหมาชะมัด ไมต้องมาหอนตอนนี้ด้วยนะ ไม่น่าเล้ย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 14-01-2009 14:34:21
ลุ้นมาหลายเดือนพอจะเข้าที่ทางที่ควรจะเป็น น้องหมามาทำให้เสียเรื่องอีก :angry2:
มันน่าเอาไปทำลูกชิ้นจริงๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-01-2009 22:03:01
น้องหมามีปัญหาชีวิตมากเหรอค่ะ มาหอนทำไมเวลาแบบนี้ อ๊ายยยย  มันน่าจริงๆๆ :m16:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: noki ที่ 27-01-2009 15:36:27
แล้วเมื่อไหร่จะมาต่ออีกอ่ะ
กำลังลุ้นเลยอ่ะ ว่าจะเป็นไงต่อไป
รอ ร้อ รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: jpkoko ที่ 18-02-2009 00:05:32
แล้วจามาอัพอีกเมื่อไหร่หล่ะเนี่ย

รอตั้งนาน ตามมาจากเด็กดีเลยอ่ะ

นานเกินไปแล้ว


มาอัอีกไวๆๆน้า  จารอคับผม :sad4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 06-03-2009 23:27:59
โหยยยยยยยยยย

ไม่ได้มาขุดนานมากกกกกกกกกกก


ขุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


พี่ป๋อมมมมมมมมมมม   อยากอ่านแล้วววววววววว  จะมาขุดทุกวัน ฮ่าๆๆ

 :z10:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 07-03-2009 08:51:38
เรื่องนี้ก็อมตะดองนิรันดร์กาล  :laugh:
มาแซวน้องเมศด้วยความรัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: 133113 ที่ 07-03-2009 12:07:15
ตามอ่านอยู่ค่ะ  :z10:
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
+1ให้
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 07-03-2009 17:37:38
ตามที่บอกก...


ขุดทุกวัน  :z1:


เมื่อไหร่พี่เมศจะเสร็จพี่รันย์ซะที

 :serius2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 14-03-2009 22:07:41
ขุดให้พี่เมศเห็น
ฮ่าๆๆๆ

รู้นะว่าออนอยู่

 :z1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-03-2009 23:09:11

เข้ามาช่วยขุดด้วยคน

เมื่อไหร่จะมาต่อเนี้ย?

จะอยากอ่านเต็มทีแล้วคะ แม่คุณ!
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 25-03-2009 18:02:32
ขุดๆๆๆ

กดดันพี่แป๋ม พี่เมศ

 :z10:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 26-03-2009 12:18:57
ขุดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

รอพี่เมศศศศศศศศศศศศส

 o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 27-03-2009 16:02:11
 :z10:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 27-03-2009 17:46:25
:oo1: :oo1: อึ๊บ ๆ ๆ

อ้าว อีโมผิดเหรอ   :laugh: :laugh:


 :z10: :z10: :z10: :z10:
เอาใหม่ก็ได้ว่ะ เอ๊า อึ๊บ ๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 27-03-2009 17:49:05
^
^
^
ดูเหมือนจะฟิตเป็นพิเศษนะ ไอ้  :oo1: เนี่ยะ

 :haun4:

แบบว่า... อยากรู้ แต่ไม่อยากลอง  ไม่อยากฟันดาบ

555555555555+
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-03-2009 21:12:21
ได้ข่าวว่าตอนนี้คนแต่งโกอินเตอร์
อีกสามเดือนจะกลับมา
ไม่รู้ว่าช่วงสามเดือนนี้คุณเธอจะแต่งตอนต่อให้รึป่าว
ยังไงก็ลุ้นกันต่อไปละกันนะ
คนโป๊ดก็ลุ้นด้วยเหมือนกัน
แหะๆ
 :m23:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-03-2009 11:14:15
^
^
^
บบ มาจิ้ม ปป อิๆ

ลุ้นด้วยคน เพราะรออ่านอยู่   :z1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 28-03-2009 12:27:04
 :z10: :z10: :z10:

ลุ่นต่ออออ โหยยย

อยากโกออินตะเรอร์มั่้ง

 :a14:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 01-04-2009 12:47:40
ส่งข่าวๆๆๆ

ว่ายังคิดถึงเหมือนเดิม  มานั่งรอ รออีก 3 เดือน

พระเจ้า!!!!
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai ที่ 01-04-2009 14:39:31
งุงิตามจากเด็กดีอ่านตั้งนานเมื่อไรพี่จะอัพอ่ะรออยู่ค่ะ :z3:

ดันๆอีกคน


3เดือนอีกนานเเต่รอ  :pig2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: kunpoo ที่ 05-04-2009 00:41:06
 :a5:

สามเดือน !!!!!!!!!!!!!


...
...
...
 :z3:

พระพุทธเจ้าช่วย กล้วยทอด
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai ที่ 16-04-2009 11:36:57
รอรออีก2เดือนจะได้อ่านเเล้ว
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 17-04-2009 17:56:39
ละลา ละลา
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 17-04-2009 21:30:19
ได้ข่าวว่าอีกนานกว่าจะกลับก็ได้แต่คิดถึงคนแต่งกันไปนะคะ
 ปูเสื่อนอนรอได้เลย :t3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai ที่ 01-06-2009 18:51:13
พี่ยังไม่กลับมาอีกเหรอ :serius2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 24-06-2009 03:14:03
หึหึ กลับมาอ่านใหม่ ก็ยังฮาเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 27-06-2009 01:31:23
 :m31: อ๊ากกกกกก จะนานไปไหนเนี่่ยยยยยย  :z3: :z3: :z3:

กลับมาต่อเถอะ ได้โปรดดดด :sad4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 27-06-2009 10:05:03
ตอน๑๕ เวิร์คแอนด์ตระเวน ส่วนที่หนึ่ง

      สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายนะครับ  กลับมารายงานตัวอีกครั้ง เป็นการตอกย้ำและย้ำเตือนว่า กระผมยังไม่ตายจากทุกท่านไปไหน  เอาล่ะ....จากความเดิมตอนที่แล้วทำให้ใจสั่นควานหายาดมยาอมยาลมยาหม่องกันแทบไม่ทันไปแล้ว จะมีสักกี่คนครับที่รู้ว่า  ณ วินาทีนั้น หัวใจมันเต้นแรงขนาดไหน แรงจนผมนึกว่า จะกระดอนเด้งออกมาจากอกเสียแล้ว ดีที่ลูกน้องของผมขัดตาทัพไว้ก่อน  แต่หลังจากนั้นเราก็ยังเป็นเราครับ ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันทั้งในที่ลับและที่แจ้ง...งงล่ะสิ ว่าไอ้ลับๆแจ้งๆนี่มันคืออะไร

“ไอ้รันย์ กุปวดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”ผมพูดเสียงอู้อี้ พลางเอามือขวาโปะถุงใส่น้ำแข็งไว้ที่แก้มขวา มือซ้ายถือโทรศัพท์แนบหูซ้าย

“เพิ่งผ่าฟันคุดมายังโทรศัพท์อีก”

“กุปวดจริงๆนะ”

“เออ รู้แล้ว กินยาดิวะ กินยาแล้วนอน เหมือนวีต้าพุงอ่ะเมิงรู้จักป่ะ กินยาแล้วไปนอนซะ”มันบีบเสียงให้เหมือนพรีเซนต์เตอร์โฆษณาตบท้าย  นอกจากเสียงแบนๆของไอ้รันย์แล้ว ผมได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวของเครื่องกรึงกัดไสทั้งหลายแหล่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ไอ้รันย์ทำงานอยู่ในชอปแน่นอน

“อย่าให้กุขำได้ป่ะ กุเจ็บแผลผ่านะเมิง”โอย...นอกจากเจ็บแล้ว น้ำหมาก..เอ้ย น้ำลายเหมือนจะไหลประกอบกัน

“แค่นี้ทำเป็นไม่เคย แล้วเลือดหยุดยัง?”

“หยุดแล้ว ...ก็ไม่เคยผ่าฟันนี่หว่า”

“เออ เลือดหยุดก็ดีแล้ว กินยาแล้วรีบนอนซะ เดี๋ยวค่ำๆไปหา”

“จะมาทำไม?”

“อ้าวไอ้นี่....ที่โทรมานี่ไม่ได้อยากให้ไปหาหรอวะ”

“ป่าวอ่ะ...แค่อยากระบาย”

“เหอะ” ผมได้ยินมันร้องออกมาคำนึง แล้ววางสายไปเลย เหอะ....

         ผมวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วหันไปมองกองสัมภาระที่กระจัดกระจายไม่เอาเข้ากระเป๋าสักที แม้จะจวนเจียนวันเดินทางเข้ามาทุกที พลางคิดไปว่า บ้านไอ้รันย์ตอนนี้ก็อาจจะรกอย่างนี้ เพราะตัวมันเอง ได้ทุนไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นตามเป้าประสงค์ โชคดีที่ไปแค่ระยะสั้นๆ ถ้าไปเป็นปี ผมคง......ผมคง...เศร้าพิลึก

“ใกล้จะไปแล้ว ถึงแล้วโทรหาแม่ด้วยนะ  เอาของไปฝากพี่ด้วย แม่วางไว้ใกล้ๆกระเป๋าอย่าลืมเอาใส่กระเป๋านะ แล้วนี่ยังปวดอยู่ไหม?”ผมส่ายหน้าพลางร้องครางด้วยความปวดจากยาชาที่กำลังสิ้นฤทธิ์ตอบคุณนายแม่

“กินอะไรล่ะ ข้าวต้มไหม?”ผมส่ายหน้ายิกๆ แต่คุณนายตุ้มเธอน่าจะเบลอๆ

“ข้าวต้มหมูนะ”นางพูดแล้วยักย้ายออกไปซื้อข้าว แม่ผมเป็นแม่บ้านอาหารถุงครับ ไม่ค่อยจะทำให้กิน ยกเว้นเมนูรีเควส ต้มย้ำกุ้งปรุงรสเด็ด แซบจี๊ดดดดดดดถึงไต (หมายถึง นอกจากเปรี้ยวเผ็ด แถมเค็มให้ด้วย) ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

         บอกตรงๆครับว่า ไม่ได้มีความตื่นเต้นในชีวิตกันเลย แม้จะจวนเจียนวันเดินทาง แม้คนรอบกายจะบิ้วท์อย่างหนัก ว่าจะไปแล้วๆ....แต่ผมกลับรู้สึกเฉยๆมากครับ อาจเพราะช่วงนี้เราชาวคณะวุ่นๆกับการทำรถเพื่อเตรียมไปแข่ง หรืออาจะเป็นเพราะผมวุ่นๆ กังวนกับการผ่าฟันเสียมากกว่าก็ไม่แน่ใจ หรืออาจะเป็นเพราะใจห่วงใครบางคนที่จะไปใกล้กว่า แต่ก็ไกลกันอยู่ดีอย่าง..เอิ่ม....คนที่คุณก็รู้ว่าใคร…นั่นแหล่ะครับ

“มาแล้วเปิดประตูด้วย” เสียงเนือยๆแบบเหนื่อยๆของไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครดังมาตามสาย หลังจากฟ้าเมืองไทยมืดสนิทไปได้สักพักแล้ว

“ก็บอกว่าไม่ต้องมา”

“อะ ....งั้นกลับ”

“เฮ้ย! มาแล้วก็เข้ามาดิ”

“นึกว่าจะใจร้าย”ไอ้รันย์ทำเสียงสลดน้อยๆให้พอหมั่นไส้

         มันยังคงขับรถมัสแตงค์คันเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ หน้ามันครับหน้ามันโทรมเหมือนเพิ่งรอดจากการโดนรุมตื๊บมาหมาดๆ  หนวดเคราไม่มีคิดจะโกน อารมณ์ชีวิตแค่โดนทำร้าย

“หิวแล้ว แม่ค๊าบ~วันนี้มีอะไรกินบ้าง”ตกลงมันเป็นลูกบ้านไหนครับพี่น้องครับ ผมได้ยินเสียงคุณนายแม่ตอบแจ้วๆ พลางลูบหัวลูบหลังมันอย่างเอ็นดู โธ่...รัก(หน้า)โจรมากกว่าลูก

“คืนนี้จะนอนค้างไหมละ?”สิ้นเสียงคุณหญิงแม่ถาม ไอ้รันย์เหลือบมามองผมที่นั่งอยู่หน้าคอมแวบหนึ่ง

“ดีครับ เหนื่อยไม่อยากขับรถกลับกลัวหลับในเดี๋ยวได้นอนอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่รู้คนแถวนี้จะเห็นใจไหม ” กรรม...มันโยงหาผมได้ตลอดเลยรู้สึกไหมครับทุกคน


         คืนนี้เรานอนคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ส่วนใหญ่ผมนอนฟังกับครางอือออ ให้พอรู้ว่ายังฟังอยู่ เพราะเพิ่งผ่าฟันคุดมาหมาดๆ แค่อ้าปากยังน้ำตาจะร่วง เลยพยายามเป็นผู้ฟังที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะครับ

“ขอจับมือหน่อย”ไอ้รันย์ว่า พลางเอามือใหญ่ๆของมันคลำไปคลำมาแถวแขนผม

“อาอับอามอัย”(จะจับทำไม)

“อ้าว เดี๋ยวจะไม่ได้จับไปสามเดือนเลยนะ” ไอ้รันย์จับมือผมกุมไว้เบาๆ ก่อนจะลากนิ้วมือของมันไปบนหลังมือของผมเบาๆ ...แน่ะ..ลวมลามมือกรูอีก

“หรือบางที หลังจากสามเดือนไปแล้ว อาจจะไม่ได้จับอีกแล้ว”

“ทำไมล่ะ”ผมถามเสียงเบา พูดชัดขึ้นมาทันใด

“เมศ สัญญากับไอ้รันย์สักเรื่องได้ไหม?” ไอ้รันย์ลุกขึ้นนั่งบนฟูกนอกของมัน ผมนอนหันมาสบตากับมัน อย่างสับสน

“ถ้าในสามเดือนนี้ เกิดเจอคนที่คิดว่าใช่กว่า สัญญาได้หรือเปล่าว่าจะไม่ลังเลใจ....”

“ที่จะทิ้งเมิงนะหรอ”ผมพูดแทรกแล้วขำกลบเกลื่อน จริงๆคือกลัวนะครับ อยู่ๆไอ้รันย์ผีเข้าพูดเรื่องเข้าใจยากแบบนี้

“ใช่”ผมอ้าปากค้าง ลืมอาการปวดหลังผ่าฟันคุด ไปสนิท

“เพราะกรูก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน” ณ วินาทีนั้น ผม คิดอยู่อย่างเดียว ....เยสเข้..มันกล้ามาก

         หลังจากคืนแห่งคำสัญญา ฟังดูดีนะครับ เราต่างวุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง ได้คุยกันบ้างตามโอกาส จนในที่สุดก็ถึงวันเดินทางหนีออกนอกประเทศ เอ้ย เดินทางไปโครงการเวิร์คแอนด์ตระเวนก็มาถึง  โดยที่ผมกับไอ้รันย์ได้คุยกันเพียงน้อยนิด มีเพียงข้อความสั้นๆ ส่งมาตอนที่ผมกำลังจะขึ้นเครื่อง ว่า ‘ขอให้โชคดี’ สี่พยางค์สั้นง่ายได้ใจความจากไอ้คุณรันย์  แต่ครั้นจะให้ผมใจน้อย งอนแก้มพองเป็นลิงลมดมกระปิก็เห็นจะไม่ใช่เรื่อง  อย่าลืมนะครับ ว่าผมกับไอ้รันย์ ยังไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า ‘เพื่อนสนิทคิดไม่ค่อยซื่อ’   


         เอาละครับ สำหรับท่านไหนที่ไม่ค่อยอยากทราบว่าชีวิตความเป็นอยู่กะเหรี่ยงเมศเป็นอย่างไรบ้าง ทำให้ทำเบลอๆข้ามย่อหน้าที่ไม่มีเครื่องหมายคำพูดตรงนี้ไปได้ตามสะดวกโยธิน......หลังจากนั่งขดอยู่บนเครื่องบินเกือบๆยี่สิบชั่วโมง กินอาหารจืดๆที่พี่แอร์โฮสเตสคนสวยเสิร์ฟ หลับสัประหงกพลางกอดหมอนที่กว่าจะได้มาเกือบโดนพี่แอร์สาวคนสวยตบกระโหลกแตก ในที่สุดก็ถึง ประเทศที่เขาว่าเป็นมหาอำนาจของโลกอย่าง อเมริกา  ที่ๆเขาว่าเจริญนักหนา...เจริญจริงครับ สนามบินน้ำท่วม... หลังผ่านตม.(แปลว่าตรวจคนเข้าเมือง ไม่ใช่ ตม) เหล่าเด็กเวิร์คฯทั้งหลายก็เป็นกะเหรี่ยงเข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฏหมาย  ขอเล่าข้ามๆไป ถึงชีวิตความเป็นอยู่และการทำงานนะครับ

         ผมเลือกทำงานสวนสนุกแห่งหนึ่งในฝั่ง west ของอเมริกานะครับ (สวนสนุกที่มีตัวเลข) ในรัฐที่เป็นเมืองหลวงของความบรรเทิงโลก....ให้ไปเดาเอาละกัน ฮ่าๆๆ หลังจากทางบริษัทรับเด็กกะเหรี่ยงอย่างชาวเวิร์คเข้าทำงานเรียบร้อยทำเอกสารเซนต์สัญญาทุกอย่างถูกต้อง เราจะได้รับการ train โดยแบ่งไปตามแผนกต่างๆตามความสมัครใจ เช่น ทำfood service , merchandise,game หรืออย่างที่ผมเลือกทำคือ ride operators
ของแผนกอื่นผมไม่ทราบเหมือนกันว่าเทรนกันยังไงบ้าง แต่สำหรับ ride ops  จะเทรนเรื่องความปลอดภัย สัญญาณมือต่างๆที่ควรรู้ ก่อนจะให้เลือกพื้นที่ และในวันรุ่งขึ้น จะถูกพาไปปล่อยตามเครื่องเล่นต่างๆในแอร์เรียที่ได้เลือกไว้  ซึ่งเครื่องคู่บุญที่ผมเลือก คือ Batman the ride เป็นรถไฟเหาะตีลังกา ที่ไม่เน้นที่การดิ่งจากที่สูง แต่เราเน้นการเหวี่ยง ตีลังกา up side down 2ครั้ง screw อีก3-4 รับรองว่าลงมาแล้วเดินไม่ตรงทางแน่นอนครับ ซึ่งบนเครื่องเล่นแบบนี้จำเป็นต้องมี operators จำนวนหนึ่งถึงจะเปิดเครื่องได้ สำหรับที่ถ้ำค้างคาวที่ผมประจำอยู่ ต้องมีสามคนขึ้นไปถึงจะเปิดได้นะครับ ซึ่งจะมีการแบ่งยศศักดิ์กันตามความสามารถเป็นปิรามิต คือ attendantธรรมดา สูงมาหน่อยเป็น leadป้ายส้มๆ สูงขึ้นไปจะเป็น superviser ซึ่งเขาจะไปแบ่งกันอีกหลายขั้นให้ปวดตับ แน่นอนครับ สำหรับกะเหรียงเมศอย่างผม....อยู่ที่ฐานปิรามิด

“boring!!” กะเหรี่ยงเมศสุดน่ารักสะดุ้งเหยง หันไปมองหรีด(lead) ที่ยืนอยู่บนยกพื้นที่มีแผงควบคุมรถไฟ(เหาะ) เคลื่อนเข้าออกจากสถานีติดตั้ง ขณะที่เรารอเวลาจนกว่าสวนสนุกจะเปิด ผมหันไปยิ้มแห้งๆ กลืนน้ำลายเอื๊อก! กุก็เบื่อ...แต่กุไม่มีอะไรจะคุยกะเมิง okๆ

ปล.ต่อไปนี้ขอนำเสนอบทสนทนาเป็นภาษาไทย เพื่อความเมามันส์ทางภาษา และรักษาอรรถรสสำหรับผู้ไม่สันทัดทางภาษาอังกฤษเช่นผู้เขียน

“เอ่อ....ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่ทำไมยังหนาว...อ่ะครับ” ผมถามแบบไม่ค่อยมั่นใจ

“อ้อ ปีนี้ฤดูมันเลทไปเดือน” ไมเคิล ดูบอน  หรือที่ผมมักแอบเรียกว่า ไมเคิล ดู(ใบ)บอนตอบพลางถอดแว่นกันแดดออก ให้เห็นหน้าแบบแม็กซิกันขาวชัดเจน คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาไปเครื่องเล่นอื่นคนมักถามว่าผมมาจากเครื่องไหน พอบอกว่าแบทแมนทีไรต้องถามทุกทีว่า ไมเคิลดูใบบอนอยู่ไหม พอบอกว่าอยู่ คนถามมักทำหน้าชื่นอกชื่นใจกันเป็นทิวแถว(ส่วนใหญ่จะผู้หญิงเสียด้วย)

“อ่อ...ครับ”

“อายุเท่าไหร่?”

“คุณเดาสิ”ผมพยายามต่อมุกให้มีอะไรคุย

“16-17”  โธ่ เกิดมาหน้าเด็กเนี่ยมีกรรมนะครับ จริงๆแล้วฝรั่งเขาเป็นเอเชี่ยนอย่างเราๆดูอายุน้อยมาก

“ไม่ใช่ละ ยี่สิบตะหาก”ไมเคิลดูใบบอน ทำหน้าไม่เชื่อผมเลยชูนิ้วประกอบ

“แล้วคุณละ?”

“เดาสิ”แน่ะมันเล่นแง่

“ยี่ห้า”ผมทำมือสองห้าประกอบอีกที มันส่ายหัวดิก

“ผิดละ ผมดูแก่ขนาดนั้นเชียว” เอาไงดี จะตอบ yes or noดีครับทุกคน ถ้าตอบเยส จะตกงานไหมครับ....โจทย์ยาก คิดด่วนๆ

“ไทยสแตนดาร์ทไง แล้วคุณละ”ไอ้คุณหรีดทำหน้าเข้าใจ ไอ้เมศรอดไปอีกงานแต่มันไม่ยอมตอบคำถาม

“น้ำหนักเท่าไหร่? ดูแล้วไม่น่าถึงสองร้อยปอนด์นะ”

“ห้าสิบห้ากิโล ไม่รู้ว่ากี่ปอนด์”ไมเคิลดูใบบอนพยักหน้า กดเครื่องคิดเลขที่ใช้สำหรับคิดหลังจากอ่านตัวเลขที่เครื่องนับจำนวนคนเข้าออกจากstation มาจิ้มๆกดๆ

“ร้อยยี่สิบปอนด์ได้  ผอมไป ต้องอย่าผมสิถึงจะดูดี” เออ...เมิงหล่อ ตัวเป็นหมีแมกซิกันแล้วเมิงน่ะ ผมคิดเบาๆครับ คิดดังไม่ได้เดี๋ยวมันรู้ ถ้าเทียบไซส์ตัวแล้วผมสูงแค่คางมันเองครับ

“แล้วตกลงคุณอายุเท่าไหร่??”

“ไม่บอก มันเป็นความลับของผม เอาไว้จะพาไปกินทาโก้” ไมเคิลดูใบบอน บอก ก่อนจะเตะส่งผมลงไปยืนตากแดดที่ตำแหน่งlocker attendant อยู่ทั้งวัน...พูดอังกฤษคล่องขึ้นเยอะเพราะทำตำแหน่งนี้ละครับ ตำแหน่งที่จะทำให้คุณตากแดดหัวแดง ผิวแทนทั้งวัน เม้าท์กันเมามัน  (targo อาหารแม็กซิกันประเภทหนึ่งห่อเนื้อสัตว์และผักไว้ในแผ่นแป้ง)


         วงจรชีวิตหลักๆของกะเหรี่ยงเมศไม่ยากครับ อธิบายสั้นๆ ตื่นเช้า ไปทำงาน กลับบ้าน นอน ทำอย่างนี้อิทตย์ละหกวัน ทำงานวันละแปดชั่วโฒงโดยประมาณ โดยห้ามใช่โทรศัพท์มือถือในปาร์ค และ ห้ามนั่ง อย่างหลังนี่ทรมานมากในวันแรกๆ แต่หลังๆเริ่มเฉยๆไปเอง เมศทนได้....หึหึหึหึ  เช้านี้ก็ไม่ต่างจากเช้าวันทำงานวันอื่นๆหรอกครับ ขึ้นรถเมล์สายหกตอนแปดโมงแปดนาที บางทีรถสายนี้ก็เลท ทำให้ตกรถอีกต่อหนึ่ง ไม่เป็นไรครับ มีเวลาอีกสี่นาทีให้วิ่งจากหน้าปาร์คไปหลังปาร์คเพื่อclock in เหมือนตอกบัตรเข้าทำงานนั่นล่ะครับ ผมกำลังมองถนนสายยาวที่ทอดไปสู่ที่หมายอย่างกึ่งหลับกึ่งตื่น  รู้สึกเหมือนมีใครเลย เลยหันไปพบไอ้หนุ่มเมกันท่าทางมีเชื้อแม็กซิกัน(อีกแล้ว)หน่อยๆมันจดๆจ้องๆ

“เป็นพนักงานบริษัทXXXหรือ?”

“ใช่ครับ” ผมนึกในใจเห็นเสื้อสีเหมือนปากกาไฮไลท์แสบตาขนาดนี้ คนเมืองนั้นรู้กันครับว่าพนักงานบริษัทไหน หลังจากลงรถบัสที่หน้าปาร์คเรียบร้อย ผมเตรียมใส่เกียร์หมาวิ่งไปหลังปาร์คอย่างที่วางแผนไว้ ไอ้หนุ่มคนเดิมก็ทักเสียก่อน

“คุณรู้ไหมว่าESOไปทางไหน”  ย่อมาจาก employee service office

“ผมกำลังจะไปที่ESOพอดี ไปด้วยกันสิครับ”เห็นไหมครับ ไอ้เมศของทุกคนใจดีขนาดไหน ไอ้หนุ่มยิ้มฟันสวย ยื่นมือมาให้ เวลามันยิ้มแล้วน่าเอ็นดูดีว่ะครับ ดีครับได้เพื่อนใหม่อีกคน

“ผมชื่อไมเคิล..”ไมเคิลอีกแล้ว ชื่อโหลสุดๆ ผมทำตามทำเนียมยิ้มเหนียมอายหนึ่งทีแล้วเชคแฮนด์พร้อมแนะนำตัว แอมฟายแทงคิ้วแอนด์ยู้ววว~


   
      หลังไอ้หนุ่มไมเคิลฟันสวยถึงที่หมายเรียบร้อยดี ผมก็ไปทำงานตามปรกติ ไปสอบเลื่อนระดับให้สามารถทำได้ทุกตำแหน่งในเครื่องเล่นที่ผมประจำเรียบร้อยผ่านฉลุย หลังจากเทรนมานานนมนมนาน การทำงานในเดือนหลังๆจะสนุกปนเบื่อบางอารมณ์ เวลาเจอคนเยอะๆก็เหนื่อยก็เบื่อนะครับ แต่เพื่อนร่วมงานทุกคนก็ดี แหย่เล่นกันพูดหยอกเล่นหัวกันมีความสุข พอเครื่องใกล้จะปิดแล้ว หน้าที่อีกอย่างหนึ่งที่คนแย่งกันทำคือ (ผมเดาว่าไม่มีใครเดาถูก) เปลี่ยนถุงขยะกับกวาดพื้นครับ! เพราะเป็นหน้าที่ที่ได้เดินลั้นลา ชิลๆ อู้กระจาย(อย่าลืมนะครับ พวกเรานั่งกันไม่ได้เลย ดังนั้นการได้เดินไปที่อื่นบ้าง แอบนั่งบ้างย่อมต้องดีกว่าอยู่แล้ว) ดังนั้นหรีดไม่หรีดก็แย่งกันทำตำแหน่งนี้

“Mezz come here”ผมทำหน้าเหรอหราเดินมาหาหลีดไมเคิลดูใบบอน

“ไปกวาดคิวไลน์”โอ้เยส~ ไมเคิลดูใบบอนหล่อขึ้นสามสิบเปอร์เซนต์

“แล้วใครจะเปลี่ยนถุงขยะ”

“ผมทำเอง รีบไปกวาดเร็วเข้า” ผมรีบคว้าไม้กวาดที่โกยไปทำตามคำสั่งพ่อใบบอนทันที

      กว่าจะกวาดหมดทั้งเครื่อง เล่นเอาเหนื่อยนะครับหลังเวลาปาร์คปิดได้สักห้านาทีผมก็ได้ยินเสียงว่าบนstation เคลียร์คนทั้งหมดออกไปแล้ว และกำลัง power off เครื่อง แปลว่าใกล้ได้กลับบ้านแล้วครับ ผมรีบกวาดลวกๆให้พอสะอาดแล้วเสนอหน้าขึ้นไปบนstation  เผื่อคุณไมเคิลดูใบบอนแกจะนึกจิตคิดกุศลปล่อยกะเหรี่ยงเมศกลับบ้าน(เวลาไปclock inจะได้ กระดาษมาหนึ่งใบ ในนั้นจะเขียนว่าเข้าทำงานกี่โมง เบรคครั้งที่หนึ่งสอง ทานกลางวันกี่โมงถึงกี่โมง และต้องคืนเวลาไปclock outเมื่อเลิกงาน) ปรากฏว่า เหลือแต่ผมกับหลีดที่ยังไม่ได้clock out

“ช่วยขนถุงดำลงไปทิ้งหน่อย”ไมเคิลดูบอนสั่งการพลางก้มๆ เงยๆ รวบรวมถุงดำเตรียมลากไปทิ้ง ผมจึงช่วยรวบปากถุงก้มๆเงยๆตามไปอีกคน

“อายุยี่สิบแล้วจริงๆนะหรอ?”ผมเงยหน้ามามองมันงงๆ นี่ไอ้เมศไม่มีเครดิตขนาดนั้นเชียว พูดไปบ่มีใครเซื่อ

“ใช่สิ แล้วตกลงคุณอายุเท่าไหร่?”

“ไม่บอก!” ไอ้คุณไมเคิลดูใบบอนมันยักคิ้วหลิ่วตาพลางใส่แว่นกันแดดแล้วเปิดประตูทางหนีไฟ แล้วทิ้งถุงขยะจากระเบียงชั้นสองลงไปที่ชั้นหนึ่ง ก่อนจะเดินตามลงไปเพื่อลากไปทิ้ง(เรามักทำอย่างนี้เพราะขี้เกียจลากถุกขยะใบใหญ่ยักษ์เกือบสิบใบลงไป) ตรูไม่ตกหลุมเอ็งหรอกครับ ไปยักคิ้วใส่สาวๆเครื่องอื่นดีกว่า

“อยากรู้!” ผมพูดพลางทิ้งถุงขยะลงไปชั้นล่าง เฉี่ยวหัวหลีดของผมไปนิดเดียว มันหันมามองแบบอาฆาต

“ประทุษร้ายร่างกายเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะนะเมศ!”

“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แปลว่านี่ยังไม่ถึงยี่สิบเอ็ดใช่ไหม?”

“ยังไม่ถึง” มันว่า พลางรวมขยะทิ้งลงถังเรียบร้อย ก่อนจะเดินกลับขึ้นมา  ผมมองมันแบบยังอยากรู้

“รู้จัก culture shock หรือเปล่า?”ผมส่ายหน้า ตอนปฐมนิเทศน์ผมหลับครับ ความรู้ไม่ครบถ้วน ไมเคิลดูใบบอนมันย่างสามขุมมาหาผมสีหน้าสีตามันดูหื่นๆพิกลทำให้ต้องถอยไปจนหลังชนราวระเบียง

“มันคือการกระทำที่แตกต่างกันในแต่ละวัฒนธรรม ที่อาจจะทำให้คนต่างที่มาต่างวัฒนธรรมตกใจ”ไมเคิลดูบอน อธิบายเสียงเบา ผมเผลอเกาะราวระเบียงแป๊บเดียว ริมฝีปากคู่นั้นก็ประทับบนริมฝีปากของผมเรียบร้อย

“แบบนี้ไง” มันว่าผมรีบดันมันออก

“นี่มันลวนลามแล้วเดี๋ยวจะไปแจ้ง security ”ชายอเมริกันผู้ฉกชิงจูบแรกในชีวิตชายหนุ่มของไอ้เมศยักไหล่ไม่ใส่ใจ   

“เขาไม่ใส่ใจหรอก กะอีแค่โดนเด็กสิบแปดแตะนิดแตะหน่อยทำอย่างกับไม่เคย kiss” ไม่เคยว้อย ไม่เคยโดนผู้ชายkiss เด็กเปรตตตตตต…..โธ่ ชีวิตไอ้เมศ โดนเด็กอายุสิบแปดกดขี่ข่มเหง เรียนคุณปวีณาครับ ช่วยมาประคับประคองสิทธิบุรุษใกล้ถึงบ้านนี้เมืองนี้ทีเถอะครับ

นึกๆไปแล้ว ผมจะบอกคนที่ไปญี่ปุ่นยังไงดีครับ ว่าผมเสียจูบแรกให้ไอ้หนุ่มแม็กซิกันชื่อโหลนามสกุลประหลาดไปเสียแล้วละครับ...โจทย์ยากครับทุกท่าน วอนทุกท่านช่วยคิดที....ท่าทางจะอีกหลายเดือนกว่าจะคิดออก









******************************************************************************
กลับมาเเล้วค่ะ อัพเรื่องนี้ในเด็กดีไปสัปดาห์นึงได้เเล้ว...ลืมอัพในเล้า o22 (ปรกติในเล้ามีพี่เเป๋มกรุณาอัพให้...คราวนี้เราหากันไม่เจอ   เลยเเปะเอง... พี่ขาน้องคิดถึง)

ขอโทษสำหรับความล้าช้า ที่มีเเนวโน้มว่าจะช้าต่อไป  :z10:

จะพยายามนะคะ ....หลายท่านอาจจะอ่านตอนนี้เเล้วมันขัดใจ ....อย่าดักตีหัวเมศนะ :o12:

ด้วยใจรัก :กอด1:


ปล.จำไม่ได้ว่าจะบอกอะไร(ช่วงนี้ความจำสั้นขาดสมาธิ อาจต้องกิน ซอยเป๊บไทน์  ให้ขนลุกเกรียววันละ3เวลา ...ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 27-06-2009 15:36:05
^
^
^
จิ้มๆๆๆ ครับ


เพิ่งมาอ่านที่นี่ครับ เคยอ่านที่เด็กดีเหมือนกัน แต่ยังไม่จบ มาอ่านที่นี่อีกทีก็ยังไม่จบเหมือนเดิม หุ หุ หุ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 28-06-2009 03:12:04
คิดถึงพี่เมศศศศศศศ

อ๊ากกกกกกกกกก

 :z1:

ไอ้อ่านซะที

นานมากกกกกกกก

 :beat:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 28-06-2009 10:10:53
 o22b โดนฝรั่งขโมยจุฟไปแล้ว....ตายๆๆๆทำไงล่ะรันย์เอ๊ยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 10 มกราคม 2552 (ดองกลิ่นกำลังได้ที่)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-06-2009 11:02:08
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสน้องเมศมาแล้ว
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 28-06-2009 21:59:16
โหยน้องเมศมาลงเองเลยวุ้ย
แบบว่าคนโพสมันอู้งานนี่เอง  :laugh:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 28-06-2009 23:21:00
^
^
^

 :z13:


คิดถุงคิดถังคิดกะละมังคิดหม้อ


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 29-06-2009 01:09:58
ฮ่าๆๆ  นานจนลืมเนื้อเรื่องก่อนหน้า  :m20:
ว่าแต่ฝั่งคนไปญี่ปุ่นเหอะจะเจอแบบนี้บ้างป่าว...
โอ๊ย!!  เดะอายุสิบแปดคิดแล้วน้ำลายไหล   :impress2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 03-07-2009 10:50:33
แล่นแต้มากันด่อ


อร๊ายยยยย

คิอถึงพี่รัน

เนื่องจากเมื่อวานเจอครชื่อ รัน ที่คณะ

โอ้โหหหหหหหหหหหหหหหห

เจ้าชายในฝัน

 :man1:

หล่อมากกกกก ไม่ไหวจะเคลีย เอามาจิ้นก่อนนนน

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 06-07-2009 12:49:17
 :oni1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 07-07-2009 13:02:13
 :beat:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 08-07-2009 18:37:31
ในที่สุดก็ได้อ่าน โว้วๆ

แล้วก็รอตอนต่อไป

สู้ๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 08-07-2009 18:45:03
ลง ชื่อไว้หลังจากอ่านจนทันครับ  :mc4:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: crazy Y ที่ 16-08-2009 08:56:32


 :เฮ้อ:

มาไม่มา

 :z3:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 18-08-2009 13:35:25
ลุ้นทุกตอนว่าเมื่อไหร่มันจะได้กัน...เอ้ยลงเอยกันซักที

สรุปบอกว่า...ถ้าเจอคนใหม่อย่าลังเลที่จะทิ้งกันไป อ่านแล้วแซดสุดๆ  :serius2:

อ่ะ มาลงชื่อรอด้วยคน  o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 07-09-2009 07:36:48
ชั้นจะสาบบบ ให้เธอ เสียใจไม่ต่างกับชั้น!!!

ถ้าพี่เมศไม่เอามาต่อีก

จะสาบให้เป็นเกย์ในชาติหน้า สามี หรือ แฟน ไม่มี

อยู่คนเดียวเหมือน นังกิฟ๊ตอนนี้

 :laugh: :laugh: :laugh:


ล้อเล่นนะคะ พี่ข๋าาา

อิอิ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 07-09-2009 22:57:14
^

^

แก๊
ยัยกิ๊ฟซี่
ชี้ให้ชัดๆ ว่าจะแช่งใคร
แบบว่าแค่นี้ก็แทบจะขายไม่ออกอยู่แล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-09-2009 08:12:43
ต่อๆๆๆ

ต่อเร็วๆๆๆๆ

ใจจะขาดละๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 10-09-2009 14:11:18
^

^

แก๊
ยัยกิ๊ฟซี่
ชี้ให้ชัดๆ ว่าจะแช่งใคร
แบบว่าแค่นี้ก็แทบจะขายไม่ออกอยู่แล้ว :serius2:

ขึ้นมาบนคานกันก่อนเจ้

อย่างอื่นค่อยว่ากัน

555555555555555555555555+

ลงไม่ได้อ่ะ หาบันไดไม่เจอ จะโดดก้ไม่ได้ กลัวขาหักแล้วไม่มีรับเลี้ยงง

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 11-09-2009 12:45:47
 :laugh: :laugh: :laugh:

ชาติหน้าเป็นเกย์ ไม่มีเมีย ไม่มีสามี

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 12-09-2009 14:57:23
มิถุนา กรกฏา สิงหา กันยาาาาาาาาาา
 o18

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 12-09-2009 19:31:08
ตุลาลาลาลาลาลาลาลาลาลาลา~ :a5:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 12-09-2009 20:32:47
ตุลาลาลาลาลาลาลาลาลาลาลา~ :a5:
กำของเวร พี่สาวจะทำอย่างนี้จริงๆหรอ  o22 o22
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 07-10-2009 18:41:44
ช่ายเเล้ว....ขยี้ตาหลายทีก็เห็นเหมือนเดิมเเหล่ะค่ะ(เดี๋ยวเป็นตาเเดงนะเออ)

อัพเเล้วววววว~ ต้องขออัพเอง เพราะว่า ท่าทางพี่เเป๋มจะไม่ค่อยว่าง อัพเองดีก่าเน๊อะ :L2:





ตอนที่ ๑๖ เวิร์คแอนด์ตระเวน (๒) LOVE SIGN

      เกือบสามเดือนแล้วครับที่ผมใช้ชีวิตเป็นกะเหรี่ยงเมศ โดยมีมนุษย์ชื่อโหลไมเคิลสองคนคอยวนเวียน คนหนึ่งเป็นหลีดของผม ส่วนอีกหนึ่งเป็นผู้ชายที่ผ่านไปผ่านมา ใช่แล้วครับ มาผ่านไปมาให้พอเห็นอาทิตย์ละวัน แต่มันยิ้มน่ารัก ถ้าผมเป็นสาวๆไม่แคล้วจะเขวี้ยงเบอร์ใส่ (เอางั้นเลย)

“ใกล้เวลากลับบ้านแล้ว”ผมพูดใส่โทรศัพท์สายในจากหลังเครื่องเล่นไปที่แผงควบคุม คุยกับอิตาไมเคิลดูใบบอน

“ทำไมไม่อยู่ให้นานขึ้นอีกนิดล่ะ?”

“ต้องกลับบ้านสิ กลับไปเรียนหนังสือหนังหา” ผมพูดพลางเอาคอเหน็บโทรศัพท์ไว้กับหู มือซ้ายกดปุ่มเขียว มือขวาชูสัญญาณมือ

“ลาออกเสียสิ” โอ้โห....ไอ้เด็กไม่มีอนาคต ยังกล้ามาบอกให้คนอื่นเสียผู้เสียคนตามๆมันไป พนักงานกะค่ำโผล่มาทางประตูทางออก

“อยากกลับบ้านยัง?”ผมงึมงัมตอบไปว่า อยาก(แต่ในใจนี่ อยากกลับโค-ตรๆแล้วครับ)

“MEZZ cross over!!” เสียงประกาศผ่านไมโครโฟน เป็นสัญญาณอณุญาตให้ผมไป clock out ออกงานได้เสียที

      วันนี้ เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของผมแล้วครับ  โชคดีที่เป็นวันศุกร์ ของฝากเล็กๆน้อยๆที่ผมหิ้วไปจากเมืองไทย จะได้แจกหมด เพราะวันศุกร์ที่สวนสนุกเปิดถึงดึกดื่นเที่ยงคืน กะค่ำจะมารับช่วงต่อ ซึ่งรอยต่อระหว่างกะนี่แหล่ะ เพื่อนๆจะพร้อมหน้ากันครับ  ผมร่ำลาเพื่อนๆบางคนเข้ามากอดผมและทำท่าจะร้องไห้ ซูเปอร์ไวเซอร์ของผมเข้ามากอดแล้วตบบ่า ต่อไปนี้ ไม่มีควายเมศให้ใช้แรงงาน ได่กระไดขึ้นไป100ฟุตขึ้นไปกดปุ่มรีเซตเวลาตัวรถไฟเหาะค้าง(ค้างเพื่อความปลอดภัยนะครับไม่ใช่เสีย)แล้วล่ะครับ ผมค้นพบข้อดีของเด็กไทยนะครับ ว่าการเป็นเด็กไทย เจ้านายมักมองว่าเราสู้งาน ซึ่งจริงครับเราสู้งาน ทั้งในกรณีพูดปฎิเสธงานไม่ได้ หรือในกรณีที่เราเห็นว่าไม่หนักหนา แต่จริงๆแล้วมันหนักหนาสำหรับคนอื่น  เพื่อไม่ให้บรรยากาศซึ้งเกินไป หลังจากผมคุยเล่นแลกเมลล์กันเรียบร้อย จึงไปทำเรื่องออกจากงานรับค่าจ้าง คืนเครื่องแบบ  ที่นี่คืนหมดทุกอย่างนะครับ เครื่องแบบทั้งหมด รวมถึง name tagไม่รู้มันจะเอาไปทำไม แต่ผมใช้วิชามาร ออดอ้อน เว้าวอนให้พี่สาวห้องเสื้อที่รับเครื่องแบบคืนยอมให้ผมเอากลับบ้านได้แบบฟรีๆ แม้เราจะต้องลับลอบกันเล็กน้อย  ระหว่างที่ผมกำลังจะกลับครับ ฟ้าก็ประทานไมเคิลน่ารักมาให้เจอ...แหมเป็นครั้งสุดท้าย

“อ้าว...จะกลับแล้วหรอ” ผมรีบตอบว่าใช่ เผื่อได้ติดรถกลับบ้าน ลมๆแล้งๆมากครับ แต่กลับรถเมล์นี่นานจริงๆ

“วันนี้มาทำงานวันสุดท้ายแล้ว”

“จริงดิ!!”ไมเคิลที่ไม่ได้ดูใบบอนทำหน้าเศร้า

“อืม  ดีใจที่ได้เจอนายนะ”

“เช่นกัน ขอกอดสักที ขอบใจมากที่วันนั้นพามาESO” มาขอก่งขอกอดกันด้วย  เต็มใจให้ครับผ๊ม!!

      ผมว่านะครับการที่ผมติดใจไมเคิลน่ารักนี่เพราะว่ามันเป็นคนที่มีบรรยากาศน่าเข้าหา เอ้ย น่าเข้าใกล้ครับ ไม่รวมที่มันหน้าตาดีนะครับ คุยสนุกเสียด้วย เราเลยแลกเมลล์กัน ขอเล่าความน่าอนาถหน่อย ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีกระดาษแผ่นเดียว จดอีเมลล์เพื่อนสิบกว่าชีวิต ถ้าหายไปคงฝันร้ายสุดๆ  เอาล่ะ....หลังจากผมร่ำลาเพื่อนคนนี้เสร็จแล้ว ถึงเวลาบอกลาที่ทำงานกันแล้วครับ ผมมองที่ทำงานของผมที่ทำมาแม้ไม่นาน แต่มันก็แอบผูกพันธ์ลึกๆครับ เครื่องเล่นไหน เคยไปเหวี่ยงพลิกคว่ำพลิกหงายมาอย่างไร เครื่องไหนเล่นแล้วน้ำลายไหลบ้าง น้ำลายไหลเพราะทนความหวาดเสียวไม่ไหวจนต้องร้องออกมา หวังว่าจะไม่ไปโดนหัวใครเขา วะฮ่าๆๆ

ผมกวาดสายตามองดูผู้คน ดูเครื่องเล่น ร้านรวง ต้นไม้และป้ายรถเมลล์ที่ผมอยู่กับมันมาสามเดือน เก็บไว้ครับ...เป็นประสบการณ์ เป็นความรู้สึกที่ดี ของช่วงหนึ่งในชีวิตที่มีความสุขที่สุด


“อย่าลืมเมลล์มานะ!!” เสียงหนึ่งตะโกนไล่หลัง ผมหันกลับไปมอง ไอ้คุณไมเคิลดูใบบอนโบกมือให้ไหวๆ ผมยิ้มแล้วโบกมือตอบ มันเป็นเพื่อนที่ดีนะครับ แม้มันจะแกล้งแรงไปหน่อย แต่ให้ตาย....ผมไม่เอามันเป็นแฟนแน่ๆ กวนซ่งติงเกินไปครับรับไม่ไหว  



      ช่วงใกล้ๆจะกลับอารมณ์พระเอกมิวสิคมักเกิดกับผมบ่อยๆครับ  วันนี้ผมกลับบ้านคนเดียวอีกแล้ว  เพราะเพื่อนคนอื่น บ้างทยอยกลับไปแล้ว บ้างยังไม่เลิกงาน ผมเลยได้นั่งเล่นเอ็มวีไปตลอดทาง พอเปิดประตูบ้าน เห็นบ้านกระจุยกระจายสภาพเหมือนโดนยกเค้า แต่ไม่ใช่ครับ เพื่อนร่วมบ้านของผมแพคของกลับบ้านกันแล้ว รู้สึกโหรงเหรงบอกไม่ถูกสะเทือนใจเล็กๆ บอกแล้วพระเอกมิวสิค แต่ผมเองก็แพคกระเป๋าเตรียมออกจากบ้านเอเอฟเช่นกันครับ วันกลับของผมคืออีกสองอาทิตย์หน้า ช่วงนี้ผมจะไปอยู่กับพี่คนหนึ่งของผมที่สนิทกันมาก

      ขอเล่าข้ามไปถึงวันกลับนะครับ เครื่องขึ้นสี่ทุ่มห้าทุ่มผมออกจากบ้านพี่กันตั้งแต่บ่ายสอง พี่ผมไปทำงานเสิร์ฟครับ ผมเลยตามไปเป็นวอลเปเปอร์เพราะร้านที่ไปทำมันใกล้สนามบินมาก นอกจากได้นั่งดูเขาทำงานแล้วได้ช่วยทำงานเล็กน้อยด้วย สนุกไปอีกแบบ ผมกับพี่ยังรื่นเริงกันดีครับ จนถึงใกล้เวลาขึ้นเครื่องกลับ ส่งกันที่น่าเกตนี่สิครับ อารมณ์พระเอกมิวสิคก็ดราม่าหนัก  ถ้าได้ไปส่งใครสักคนให้เดินทางไปไกลโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม ถึงวินาทีนั้น น้ำตาจะไหลกันทุกรายการแหล่ะครับผมว่า  ผมอุตส่าห์พร้อมเก๊กท่ารวบรวมลมปราณ ไม่อยากหน้าเละขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยอายคนเขานะครับ  แถมเดินทางคนเดียวด้วยสิครับ เวลาเดินทางคนเดียวต้องพกสติก่อนสตาร์ทตัวนะครับ   ผมเดินเข้าเกตหลังจากร่ำลาพี่ที่ผมเคารพรักมากพยายามบังคับตัวเองว่าอย่างหันไปมอง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ครับ แอบหันไปดู พี่ผมร้องไห้หน้าเละ .....ไอ้เมศสุดจะทานทน น้ำตาไหลตายตามกันไป พระเอกมิวสิค.....ดราม่าได้อีก ทั้งพี่ทั้งน้อง

     ดราม่าไม่ได้นานครับ ความทรมานจาก13ชั่วโมงนรกที่ต้องทำตัวเป็นเกี้ยมฉ่ายอัดกระป๋องอยู่บนเครื่องบินนี่ทรมานเอาการครับ ยังการระแวงว่าตัวเองจะมีไข้หรือเปล่า ช่วงนั้น ไข้หวัดหมูหมากาไก่กำลังระบาดหนัก และวันก่อนเดินทางมีไข้ไม่ยอมลดเสียที เลยต้องซัดไทลินอลอย่างกับโบตันมิ้ลท์บอลจนถึงสุวรรณภูมิ สนามบินที่ชาวไทยภาคภูมิ(?) แต่ก็ผ่านมาได้เรียบร้อยดีครับ  

   ผมออกจากด่านตรวจเข้าไปรับกระเป๋าด้วยอาการเบลอเต็มที่เนื่องจากนอนไม่ได้เลยบนเครื่องทรมานมากครับ เป็นไข้และแสบตา(ผมเป็นไข้แล้วชอบแสบตาด้วยครับไม่รู้มันเพราะอะไร) แล้วงงอีกต่างหาก เนื่องจากบินออกจากอเมริกาคืนวันอาทิตย์ ถึงเมืองไทยวันอังคาร....แล้ววันจันทร์กรูไปไหนหว่า? ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ ต้องออกจากสนามบินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ครับเพื่อไปเข้าเรียนคาบบ่ายให้ได้ กลับมาช้าไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆหลังจากเปิดเรียน กระเป๋าก็มาตามสายพานช้าเหลือเกิน ผมเริ่มลากสังขารไม่ไหวครับ เอารถเข็นๆกระเป๋ามานั่งรอกระเป๋าตัวเอง  เปิดโทรศัพท์มือถือรอคุณเตี่ยมารับไปหย่อนที่คณะ เสียงโทรศัพท์ผมร้องเรียกสติผมกลับมาครับ เคยรับโทรศัพท์แล้วได้ยินเสียงที่ปลายสายแล้วมันเปิดอาการ ‘อื๊มมมม’ ไหมครับ

“เครื่องลงแล้วใช่ไหม?”เสียงนุ่มๆของไอ้รันย์นั้นถาม  เหมือนน้ำเสียงนั้นมันกำลังบอกว่า เป็นห่วงนะๆ  นี่ละครับอาการอื๊มมม~

“เฮ่ย!! แคนยู hereมี” กรุณาเติมไม้โทให้ด้วยครับ หมดครับ...หมดกัน มู๊ดอื้ม สร้างมากับมือ

“เออ กุรอกระเป๋าอยู่เนี่ย โคตรนานเลย กรูจะนอนตามสายพานอยู่แล้วเนี่ย” ไอ้รันย์หัวเราะ พลางว่าใจเย็น

“แล้วนี่ให้ไปรับไหม? มีคนมารับหรือยัง” ผมบอกมันว่าเดี๋ยวเตี่ยมารับ จากคณะมาสนามบินแป๊บเดียวครับไม่เกินยี่สิบนาทีหรือสิบห้านาที

“อืม เดี๋ยวจะเข้าเรียนบ่าย”

“เฮ้ย กลับบ้านนอนไม่ดีกว่าหรอวะ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆเรียนรู้เรื่องหรอ เจตเลกหรือเปล่า”

“ขาดหลายคาบแล้วเข้าดีกว่า ไปหลับก็ยังดี”ปลายสายร้องอ้าว  

“เป๋ามาแล้ว วางก่อนนะ” ผมรีบวางสาย ก่อนจะทำตัวเป็นนักยกทีมชาติ กระเป๋าสองใบ ไม่ใช่เบาๆนะครับ กว่าจะได้กระเป๋า รอจนคนอื่นๆที่มาไฟลท์เดียวกันทั้งอากงอาม่าเหล่าเจ็กเหล่าโกวเขาไปทัวร์อาม่ากันหมดแล้ว  



      หลังได้ของครับถ้วน ผมก็โทรหาเตี่ยครับ  นัดแนะกันว่าจะออกตรงไหน ให้นัดกันง่ายๆครับ  หลังจากเถียงกันอยู่นาน พลางพยายามบังคับรถเข็นเป๋ๆให้มันยอมไปตรงๆไม่เบ้ซ้ายก็เหนื่อยเอาการ

“เนี่ยๆแด๊ดดี้ยืนรออยู่เนี่ย ตรงที่คนเยอะๆ” วันนี้มาอารมณ์ไหนครับเตี่ย ปรกติไม่เคยแทนตัวอินเตอร์ขนาดนี้มาก่อน

“ตรงไหนอ่ะเตี่ย มองไปตรงไหนก็หัวคนเต็มไปหมด”

“เนี่ยที่มีพระเดินผ่านไป” พระเดินผ่าน.... เห็นสีจีวรพระท่านเป็นตัวบอกพิกัดจะบาปไหมครับ
“เตี่ย พระท่านมารูปเดียวหรือหลายรูป”

“เออ หลายว่ะ เดินตามพระมา ตามมาๆ” ผมรีบเข็นรถตามจีวรพระไปครับ  ในที่สุดก็เห็นเตี่ยยืนโป๊งเหน่ง อยู่  คิดถึงเตี่ยครับ แต่เขิน ไม่กล้ากอด มันอายๆไงไม่รู้  ได้แต่ยกมือไหว้เตี่ย

“สนุกไหม?”ผมรีบพยักหน้าเร็วๆ

“แล้วทำไมต้องเรียกตัวเองว่าแด๊ดดี้อ่ะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียก”

“อ้าวก็คนมันอินเตอร์” โอ้โห...เตี่ยครับนับถือๆๆ ข้อน้อยขอเคารวะ


      หลังจากเราพ่อลูกวอล์คแรลลี่หารถ เพราะจำไม่ได้ว่าจอดชั้นไหนกันเรียบร้อย  เตี่ยก็เอาผมมาหย่อนที่คณะครับ  ข้อดีของการเรียนวิศวะเพิ่งได้เห็นวันนี้ละครับ ใส่เสื้อชอปเข้าเรียนได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนเสื้ออีกทีให้เสียเวลา หลังจากผมทำหน้ามึนๆเดินชมตึกใหม่ ให้พอสูดกลิ่นใหม่เต็มปอด ก็ไปนั่งรอในห้องเรียนคาบต่อไป รอซะเกือบหลับ ไอ้รันย์ก็โทรมา

“อยู่ไหนแล้ววะ”

“อยู่ห้องเรียนคาบต่อไปแล้ว….”ผมยังไม่ทันพูดจบพยางค์มันก็ชิงตัดสายก่อนเลย ไอ้เลวนิ....ชิชิ ผมฟุบลงกับโต๊ะมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นรถไฟฟ้าที่กำลังทดลองวิ่งผ่านไป ภายในห้องเงียบจนได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่านไปเร็วๆ ได้ยินเสียงลิฟท์ที่หน้าห้องบอกชั้น  ได้ยินเสียงฝีเท้า ก้าวเร็วๆอยู่หน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตู

“ไม่หิ้วแฟนกลับมาใช่ไหม?” เสียงไอ้รันย์ถามพลางเดินลงมายืนตรงหน้าผมที่หมอบกระแตอยู่กับโต๊ะ ห้องนี้เป็นห้องสโลปครับ แต่ไม่สโลปเป็นทางลาดเสียทีเดียว   แต่เป็นชั้นๆ คล้ายคั่นบันได ผมจึงนั่งห้อยขาได้

“แล้วถ้าหิ้วกลับมาแล้วทำไง” ผมถามบ้าง เห็นไอ้รันย์แอบทำปากยื่น ไปญี่ปุ่นกลับมามันขาวขึ้นหน่อยนึงนะครับ แอบตัดผมมาด้วย ลุคผมสั้นรับหน้าร้อน  ผมยิ้มจางพลางมองลุคใหม่ของมัน ...ก็น่าเอ็นดูดีนะครับผมว่า

“ก็ไม่ทำไง”

“มาถามเขาน่ะ ตัวเองหิ้วกลับมาบ้านหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่มี!”

“จริงดิ”

“จริง”เอารันย์ตอบน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่มีใครจีบเลยหรอ น่าสงสารว่ะ”

“ไม่มีใครจีบแล้วก็ไม่ได้จีบใคร”  มันพูดแล้วเกาแก้มเขินๆ เฮ้ยๆๆๆๆๆ ไอ้รันย์มันได้ฝึกโมเอะ* มาจากญี่ปุ่นใช่ไหมเนี่ย

“ไม่เจอคนที่ใช่ ?”

“เจอไปแล้ว จะเจออะไรกันนักกันหนา” ผมร้องหา?

“แล้วเจอคนที่ใช่กว่าบ้างหรือเปล่า?” แล้วผมเจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ล่ะครับ ไม่งั้นจะเทียบ ‘ใช่’ หรือ ‘ใช่กว่า’ ได้อย่างไร จริงไหม?

“ไม่มี แต่รู้จักเพื่อนเยอะเลย”

“ผู้ชายผู้หญิง”

“มีหมดนั่นแหล่ะ เก้งกวางบ่างชะนีสมเสร็จละมั่ง พังพอนงูเห่า ช่วงๆหลินฮุ่ย”

“อย่าให้รู้เชียว” รู้อะไรครับพี่ ผมจริงใจโปร่งใสขนาดนี้ เราเงียบกันไปอึดใจหนึ่ง


      เคยเกิดอาการคิดถึงแบบไม่รู้ตัวกันมาก่อนไหมครับ?  คืออาการแบบ ห่างกันแต่รู้สึกไม่ได้คิดถึง หรือหลอกตัวเองว่าไม่คิดถึงก็ไม่รู้ แต่พอได้กลับมาเจอหน้ากันแล้ว มันรู้สึกตื้อๆบอกไม่ถูก  มันรู้แต่ว่า คิดถึงใครคนหนึ่งมาก แต่เพิ่งจะมารู้เอาก็ตอนนี้เอง  ทีนี้ผมเชื่อแล้วครับว่ามนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน

“ไอ้รันย์  กูน่ะ....” ไอ้รันย์หันมาสบตา นัยน์ตาคมๆคู่นั้น จ้องมองผมอย่างรอคอย ในสายตาคู่นั้นกำลังบอกอะไรบางอย่าง ผมกลั้นหายใจก่อนจะพยายามเปร่งเสียง

“กูน่ะ….”
.
.
.
.
.


.
.

.
.
.
.
.
.
.
.


“โอ้โหเฮ้ย ไอ้เมศกลับมาแล้วว้อยยยย  ไม่อ้วนขึ้นเลยนี่หว่า ดำเชียวเมิง ค้าแรงงานสนุกไหมล่ะนั่น?” ครับ....ขอบคุณมากครับเพื่อนเสียด  เสียครับ เสีย.... ผมเสียฟีล ไอ้รันย์เสียเหมือนกันครับ พื้นเสีย

“พวกเมิงเนี่ยพูดกันเบาๆไม่ได้หรอว่ะไอ้ห่ าน”

“หูยย ดุว่ะ ไอ้เมศ เมิงเอาไม้แหย่มันหรอวะ” ผมรีบร้อง กุป่าววว ห้องเรียนเริ่มเอะอะเสียงดัง เนื่องจากใกล้เวลาเริ่มเรียน  แก๊งค์สาวสภาขึ้นนั่งเรียงตัวกัน ไอ้โม ญ หันมายักคิ้วให้หนึ่งที  ผมไม่เข้าใจนะครับ ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรมาก ทำไมถึงต้องดูมีลับลมคมนัยตลอด ทั้งๆที่จริงๆก็ไม่มีอะไร(หวังว่านะครับ)


“เอ้าๆ นั่งที่เริ่มเรียนได้แล้ว”เสียงอาจารย์เอ็ดมาแต่ไกล ความสงบถึงกลับมาเยือนห้องเรียนได้อีกครั้ง



      หมดคาบเรียนไปนานแล้ว เสียงคุยเล่นกันวุ่นวายเงียบหายไปแล้วเช่นกัน เหลือผมกับไอ้รันย์นั่งกันอยู่สองคน ในห้องเรียนกว้างที่แม้ปิดแอร์ไปแล้วแต่ยังเย็นฉ่ำ.....ยังครับ....เรายังไม่ได้ทำอะไรผิดผี  แต่ผมกำลังรับกรรมครับ  กรรมจากการขาดเรียนหลายคาบจากสัปดาห์แรก ทำให้ผมเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่มีอะไรอยู่ในหัวกลวงๆนี่เลย ไอ้รันย์จึงรับกรรมเหมือนกัน นั่งสอนให้ผม  เพราะวันนี้โจทย์ที่อาจารย์ให้ทำในห้อง ผมถึงกับอี่กิมกึ่งอึ้งกิมกี่

“เมิงรู้ป่าว เขาว่าตึกนี้มี ผอสระอี ด้วยนะเว้ย” ไอ้รันย์พูด เมิงผสมคำไม่เป็นหรือไงวะ สะกดให้ตรูทำไม

“ตึกใหม่ขนาดนี้เนี่ยนะ ว่าแต่ไอ้สมการล้านตัวแปลนี่มันมาจากไหนวะ?”

“เออ ดิ วันก่อนนะเว้ย..”

“มันมาจากไหน!”ผมเอาเสียงดังเข้าข่มครับ ไอ้รันย์เลยชะลอการเล่าเรื่องเดอะชอคไว้ก่อน

“เขาเล่ากันว่า มีพี่ออฟฟิซขึ้นมาแปะสติกเกอร์หน้าห้อง….”

“เอ้ย!!ทำไมกดแล้วได้ไม่เท่าเมิงวะ”กดเครื่องคิดเลขแล้วคำตอบได้ไม่เท่าชาวบ้านเขาก็โวยวายครับผมเนี่ย

“ กดใหม่สิวะ แล้วก็นะ พี่เขาก็แปะไปทีละห้องทีละห้อง จนมาถึงห้องนึง”

“โอ้ว  ได้แล้วว้อยยยย  กลับบ้านๆๆ” ผมพูดพลางโกยของใส่กระเป๋าเตครียมเผ่น มันอยากเล่าเรื่องผีก็เล่าไปคนเดียวเหอะ

“กลัวสิเมิงน่ะ” ไอ้รันย์พูดพลางยิ้มแอบเยาะ ก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋า

“เปล่า”

“ให้จริง” มันว่าแล้วหัวเราะเบาๆ ผมละอยากจะทุบมัน

      เราไล่ปิดไฟในห้องจนหมด ทั้งห้องเงียบจนได้ยินเสียงรถไฟที่กำลังทดสอบวิ่งผ่านไป นอกหน้าต่างนั่น ดวงอาทิตย์ยังคงให้แสแม้จะค่อยๆอ่อนแสงลงตามเวลา  ผมมองแผ่นหลังของไอ้รันย์ที่ยืนสูงกว่าอยู่หนึ่งขั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก

“ไอ้รันย์  กูน่ะ”ไอ้รันย์หันมามองผมดวงท่าทางทีเล่นทีจริง เมื่อเห็นบางอย่างในดวงตาผม มันจริงนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

“กูน่ะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

      ไอ้รันย์ยิ้ม มันเอามือมาเชยคางผมขึ้น ก่อนจะก้มตัวลงจนหน้าเราใกล้กัน ผมรีบหลับตาปี๋  ได้ยินเสียงไอ้รันย์หัวเราะเบาๆ และยิ่งหัวเราะได้ใจใหญ่เมื่อมันเอาจมูกมันมาถูกับจมูกผม เหมือนวันนั้น  หัวใจเต้นแรงแทบจะกระดอนออกมานอกอก  มันจะแกล้งทรมานผมไปทำไมกันครับเนี่ย  จะทำอะไรก็รีบทำ กุจะขาดอากาศหายใจตาย   สัมผัสอุ่นๆแตะลงแผ่วเบาลงบนริมฝีปากผมเพียงครู่เดียว ก่อนจะประทับลงบนหน้าผากอีกที

“ยังเล่าไม่จบเลย...”เสียงนุ่มนั้นกล่าวเบาๆแทบเป็นกระซิบ  ก่อนริมฝีปากจะประทับลงกึ่งปากกึ่งจมูก  ตอนนี้ผมชักไม่มีอารมณ์มาโรมานซ์ด้วยแล้ว

“หยุดเล่าเลยนะ”

“พี่เขาติดสติกเกอร์ไปจนถึงห้องนึง แล้วก็เจอ.....โอ้ยยยยยยย!!!”



“เฮ้ย! เมิงไปทำอะไรมาวะไอ้รันย์ ตะกี้ยังหน้าหล่อกิ๊งอยู่เลยทำไมเอาเลือดกลบปากเสียล่ะ”ไอ้เสียดทักขึ้นที่หน้าห้องสโมฯ ที่ปัจจุบันวิศวะปีสามได้ยึดไว้เป็นห้องนั่งเล่นกันแล้ว

“อ่อ....จูบเท็กซ์สันดาปฯเข้าไปน่ะสิ อร่อยไหมล่ะ1000หน้าน่ะ”ผมพูดเสียงเย็น

“อร่อยดี นุ่มๆ”

“เอาไปอีกสักพันหน้าดีไหมล่ะ....เมศ”โม ญ ที่เดินผ่านมายิ้มน้อยๆพลางชูเท็กซ์ไว้ในมือ

“ไม่เป็นไรครับโม ญ” โอ้รันย์รีบบอก

      ผมกลับบ้านโดยมีสารถีรันย์ไปส่งเป็นที่กิ้วก้าวของเหล่าสภาฯเช่นเคย   คือผมอยากจะบอกครับว่า มีได้โรคประจำตัวกลับมาด้วยหนึ่งโรค เรียกว่าโรคจิตป่วยครับ คือจะระแวงว่าของหายไปจากกระเป๋าหรือเปล่า เลยต้องคุ้ยบ่อยๆ  ซึ่งผมก็จิตป่วยอยู่บนรถไอ้รันย์

“เมิงเห็นกระดาษใบเหลืองๆของกุไหมวะ ที่จดอีเมลล์ไว้เยอะๆอ่ะ” ผมถามไอ้รันย์พลางคุ้ยของในกระเป่าอย่างร้อนใจ

“ไม่อ่ะ  เมลล์ใครหรอ?”

“เมลล์เพื่อนที่โน่นน่ะสิ ทุกคนเลย”

“ที่มีเขียนไมค่งไม่เคิลอะไรนั่นป่าว”ผมรับคำในคอ ไอ้รันย์หันมาทำหน้าตกใจ

“จริงเด่ะ ตะกี้ก่อนกลับเห็นหล่นบนเก้าอี้ เลยคายหมากฝรั่งทิ้งไปแล้ว”


ผมถึงบอกไงครับ ว่าผมอยากจะทุบมัน  ทุบมันให้ตายยยยยยยยยยยยยย....คามือ หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ





******************************************************************************
จบเสียทีจะดีไหม?    สามปีเเล้วน้อ...เร๊วววเร็ว (ยังมีหน้ามาพูดอีก) :z6:

มาEdit คำผิด(หวังว่าจะไม่ผิดเเล้วเเป่ว) +เเจ้งข่าว



ไปพบกันได้(ทวงกันได้ ตื๊บกันได้ วิ่งเล่นกันได้ เลี้ยงข้าวก็ได้ เลี้ยงหนมยิ่งดี) ที่ลิโด้ วันชมภาพยนต์เซ็งเป็ดนะคะ :o8:
ปล.จะพกเสื้อเกราะไปด้วย  o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2552 (คนแต่งอัพเองเพราะคนโพส
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 07-10-2009 21:22:50
^
^
อ๊ากกกกก   โว้วววๆๆๆ  ตอนใหม่มาแล้วววววววว



จบตอนมีหึงส่งท้ายด้วย อิอิ  :z1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 09-10-2009 23:53:47
คนแต่งลงเองอีกแล้ว แหะๆ
ทีนี้คนอ่านเขาไ้ด้รู้กันว่าคนโพสมันอู้ขนาดไหน
 :z10:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-10-2009 00:27:21
กรีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: bank_book ที่ 10-10-2009 15:26:09
การ รอ คอย ก็ มะ เสีย เป่า เป่า

คุ้ม ค่า กับ การ รอ คอย จิง จิง

ไง ก็ มา ต่อ เร็ว เร็ว นะ ครับบบบ   o13  o13  o13  o13  o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 10-10-2009 15:48:37
 :o8: ลุ้นจนเหงื่อตก กูน่ะ กูน่ะ...กูเป็นไรไม่รู้แต่...ตรูลุ้นเหนื่อย
ฮ่วย...ไปปท.นอกกลับมา ไม่บอกรักกันซักทีว้า :z3:




ปล.จะไปเอาชื่อออกจากนิยายดองดีมั้ย ได้ข่าวว่าดองมาสูสีกับของคุณว่างวน
กร๊ากกกกกกก 3ปีแล้วหรือทำไปได้นะน้อง :z10:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 10-10-2009 21:29:42
จะ...จะ...จะบอกรักกันแล้วใช่มั้ยคะ  :m11:
รอมานานแสนนานเหลือเกิน...ดีนะที่ยังจำตอนก่อนหน้านี้ได้ลางๆ
ว่าแต่ไมเคิลดูใบบอนนี่มันใครเรอะ???  กร๊ากกก!! ยังมีหน้าไปบอกเขาว่าพอจำได้ลางๆ
แต่ตอนนี้เขากุ๊กกิ๊กกันน่ารักจังเลย ขอบคุณที่มาต่อนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-10-2009 14:49:44
ไม่อยากเชื่อสายตาว่าเรื่องนี้มาต่อแล้ว  :call:

อ่านคู่นี้แล้วก็ยังสนุกน่ารักเหมือนเดิม ว่าแต่จะมีหวานๆ แบบไม่มีเท็กซ์เล่มหนามาเกี่ยวมั้งมั้ยค่ะ  :laugh:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 12-10-2009 22:10:27
ถ้าพี่เมศเขียนเรื่องนี้ไม่จบ



อิกิฟ๊จะฆ่าตัวตาย ถ้าตายไม่ได้ก็จะไม่มีผ+อัว ไปตลอดชาติ

 :o12: :o12: :o12:

พี่มศจะแกล้งกิฟีได้ลงคอหร๋อออ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 13-10-2009 21:59:57
หึหึหึ

 o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 13-10-2009 22:10:18
ถ้าพี่เมศเขียนเรื่องนี้ไม่จบ



อิกิฟ๊จะฆ่าตัวตาย ถ้าตายไม่ได้ก็จะไม่มีผ+อัว ไปตลอดชาติ

 :o12: :o12: :o12:

พี่มศจะแกล้งกิฟีได้ลงคอหร๋อออ

 :sad4:

เฮ้ย
เกิดเมศมันหมั่นไส้ไม่อยากให้กิฟปั๋ว
แล้วแต่งเรื่องนี้ไม่จบขึ้นมาทำไงล่ะ
 :jul3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 14-10-2009 12:07:46
ฉิบหายสิพี่แป๋ม

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย

อย่าน๊าาา

 :sad4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-10-2009 13:23:33
^
^
ขึ้นคานกันถ้วนหน้าแน่
 :jul3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 15-10-2009 16:35:13
อยากได้ตอนต่อไปปปปปปปปปปปปปปปป    :serius2:


 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 19-10-2009 02:31:15
 o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 19-10-2009 13:25:58
ชอบครับบบบ

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 19-10-2009 13:59:49
^
^
เจาะไข่คนเน้
 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 19-10-2009 20:00:53
ถ้าพี่เมศเขียนเรื่องนี้ไม่จบ



อิกิฟ๊จะฆ่าตัวตาย ถ้าตายไม่ได้ก็จะไม่มีผ+อัว ไปตลอดชาติ

 :o12: :o12: :o12:

พี่มศจะแกล้งกิฟีได้ลงคอหร๋อออ

 :sad4:

เฮ้ย
เกิดเมศมันหมั่นไส้ไม่อยากให้กิฟปั๋ว
แล้วแต่งเรื่องนี้ไม่จบขึ้นมาทำไงล่ะ
 :jul3:


^
^
^
^
ไอ้จบไหมคงจบเเหล่ะ

เเต่เมื่อไหร่นี่ไม่รู้ไง  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 20-10-2009 13:13:14
^
^
ร้ายแรงที่สุด

แว๊กกกกกกกกกกกกกก
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 28-10-2009 18:20:44
^
^
เจาะไข่คนเน้
 :laugh:
^
^
^  :z13:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 07-11-2009 22:03:48
จิ้มบ้างงงง

หึหึหึ
 o18


รออยู่น๊าาา คร๊าาา
 o18

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 09-11-2009 09:31:05
กรี้สสสสสสสสสส

มาต่อแล้ว เกือบพลาดนะเนี่ยะ 


 แบบว่าต้องกลับไปอ่านตอนที่แล้วก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านตอนนี้  555

เฮียเมศ   อ่ะน่ารัก คงไม่ใจร้ายให้จบหรอกมั้ง หุหุ

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: gypsy ที่ 10-11-2009 15:25:10
สนุกดี มากเลยอ่ะเรื่องนี้

อ่านเพลินดี

น่ารักทั้งเมศ ทั้งรันย์เลย

แต่ได้ข่าวว่าคนแต่งดองมาก

หลงผิดไหมเนี่ยเรา  :m20:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 13-11-2009 10:12:20
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 18-11-2009 21:41:02
 :really2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 19-11-2009 23:48:24
 o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 21-11-2009 15:25:20
^
^
^
 จิ้มรีบน  หนึ่งที :o8:

รอครับ :m15:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 22-11-2009 19:10:02
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 24-11-2009 18:43:43
 :m15:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 25-11-2009 10:50:12
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 25-11-2009 22:12:49
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 25-11-2009 22:18:41
เห็นคุณ Carol มารอทุกวันเลย เกรงใจจัง

เเต่ไม่มีเวลาเลยค่ะ งานยุ่งเครียดเยอะ วุ่นวายเป็นยุงตีกัน :serius2:

ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันนะคะ ไว้งานพอจะคลายตัวให้หายใจหายคอได้เมื่อไหร่จะรีบปั่นมาเเปะให้ได้อ่านกันค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม การอดทนรอนะคะ

(เมศก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน :เฮ้อ:)

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 25-11-2009 22:40:52
^
^
^ :z13:


อย่าเกรงใจไปเลยครับ ผมเต็มใจรอนะ

คือ ผม รอ ไป พร้อม กดดัน ว่ะฮ่ะฮ่ะ

เปล่าครับคิดถึงนะเลยไม่รู้จะทำไง

ขอบคุณคุณมากครับ :L2:

คือ ผมทนได้ครับ แต่อย่าให้ อด แล้วกันนะ

อย่าหักโหมรักษาสุขภาพด้วยครับ หน้าหนาวแล้วนะ

เอ่อ
ผมลืมบอกไปเลย
ที่มาทุกวันเพราะผมว่างครับ

ฝันดีครับ

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 26-11-2009 00:29:33
^
^
เอาไปหนึ่งบวกเลย
โทษฐานมากดดันทุกวัน
 :laugh:

ลป.พี่ก็งานเ้ข้าเหมือนกันว่ะเมศ ช่วงนี้อ่ะ มีแต่เด็กๆ ทั้งนั้นเลย  :z1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 26-11-2009 09:50:47
^
^
^ :z13:
ขอบคุณครับ krappom  :L2:
โหลงโทษผมหรือ หึหึหึ
เปล่ากดดันครับ ผมล้อเล่นไง ให้รู้ไว้มีคนรออยู่ ห้าห้าห้า
งานเยอะหรือครับ  อย่าหักโหมครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ รักษาสุขภาพด้วยครับ อากาศเปลี่ยนแล้ว

สวัสดิ์ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 27-11-2009 01:07:33
 :n1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 27-11-2009 09:58:58
หง่า... แวะมาทักทายเฉยๆเหรอครับ นึกว่ามีตอนใหม่มาแปะซะอีก

รออ่านอยู่นะคร้าบบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 28-11-2009 02:06:09
 :really2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: porpeppe ที่ 28-11-2009 14:47:40
หวัดดีฮับป๋ม

มาแสดงตัวแว้ว

พอดีเพื่อนมันแนะนำมา

อิอิ

เม้นก่อน

แล้ว....ลุย!!
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 29-11-2009 01:52:45
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 30-11-2009 01:01:26
ราตรีสวัสดิ์ครับผม อิอิอิ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 03-12-2009 00:32:26
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 04-12-2009 23:29:32
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 06-12-2009 04:13:40
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 08-12-2009 02:32:57
ฝันดีครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 10-12-2009 01:24:54
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 11-12-2009 01:28:55
ตอน ๑๗  Please send me somebody to love

   เข้าฤดูหนาวของชีวิตการศึกษาในรั้วคณะวิศวะแห่งนี้เป็นปีที่สามแล้วครับ  ช่วงนี้เห็นน้องๆนักเรียนม.ปลายเดินกันขวักไขว่แล้ว มันอดคิดถึงวันเวลาที่ผันผ่านของตัวเองไม่ได้  ว่าสมัยละอ่อนน้อยเราจะน่ารักแบบน้องๆวัยขบเผาะอย่างนี้หรือเปล่า ใครที่มีอาการแบบนี้ แปลว่าเริ่มเป็นสว.ได้แล้วครับ สว....สูงวัย   เสียงเลคเชอร์งึมงำเป็นภาษาอักฤษของอาจารย์ชาวอาทิตย์อุทัย ไม่สามารถเรียกความสนใจให้นักศึกษาปีสามอย่างพวกผมได้เลยสักนิด บ้างก็หลับ บ้างก็ลอกการบ้าน กันไปตามเรื่อง  ผมละสายตาจากเท็กซ์วิชาไวเบรเตอร์ เอ้ย ไวเบรชั่น เนื่องจากเสียงกรนไม่อายฟ้าดินของไอ้เสียดที่ผิวเคยขาว ตอนนี้ออกจะคล้ำไปถนัดตา จากการไปอาบแดดที่สระบุรี ไม่ได้ไปเที่ยวหรอกครับ เอารถไปที่ชาวคณะทำไปแข่ง มันกำลังหลับแบบหงายเงิบ  หงายเงิบเป็นกริยาการหลับครับ หลับแบบนั่งหลับ แล้วเงยหน้าชมเพดาลพลางอ้าปาก กริยาที่หนุ่มหล่อไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง แต่จะหล่อยิ่งกว่า ถ้าทำแล้วดูดีครับขอบอก   

“ไอ้รันย์เอายาดมมาดิ๊”  ผมกระซิบบอกไอ้รันย์เป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะคว้ายาดมโป๊ยก่ายจากโต๊ะมันมา เปิดฝาแล้วพยายามยัดเข้าไปในจมูกไอ้เสียด โดยที่เจ้าของยังอ่านเท็กซ์บุ๊คต่อไปอย่างตั้งใจ

“ทำไมเลวงี้วะ ฮ่าๆๆ” โม ญ ที่นั่งแถวหลังสุด หัวเราะพลางร่วมเป็นผู้ก่อการ เอามือถือถ่ายไว้บลัฟกันขำๆ

“เฮ้ย เบาๆ เดี๋ยวมันตื่น” ไอ้รันย์คงรำคาญเสียงเราหัวเราะ มันเลยเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้ว  หน้าตาแปลกแหวกแนวกว่าทุกวัน เพราะมันสายตาสั้นระยะแรกเริ่ม แต่ดันทะลึ่งอยากใส่แว่นให้เป็นภาระ เลยได้ลุคใหม่ หนุ่มแว่น เป็นที่ถูกอกถูกใจสาวสภาฯบางคนเป็นอย่างยิ่ง

“หัวเราะไรกันวะ กรูรำคาญ”

“กิ๊ซ หนุ่มแว่นรำคาญ” คลื่นแทรกครับ

“แล้วเอายาดมไปทำไร”

“เมะใส่แว่น  เมะแว่นๆๆๆ” อัลตร้าไวโอเลตแรงมากกว่าเดิมครับ เอากะมันสิเอา

“อะไรอีกครับเจ๊”ไอ้รันย์ทำหน้าเอือมแจก

“เลิกกะคนนี้เมื่อไหร่ สาววายใส่แว่นรอต่อขบวนนะเค๊อะ ผช.ใส่แว่นเขอ~” ‘คนนี้’ นี่ใครครับ  ไอ้รันย์มันหันมายิ้มขำ

“รอต่อไปเถอะ.....เน๊อะ”มาน๊งมาเน๊อะอะไรของเมิงครับไอ้คุณรันย์

“สวีทวี๊ดวิ้วปี๊ดปิ้วกิ๊วก๊าว อิจฉาว้อย โปรดส่งใครมาร๊ากกกช๊านที” โม ญ เริ่มครวญเพลงด้วยเสียงที่คลับคล้ายมนุษย์ต่างดาว

“ยาดมกุอยู่ไหนเนี่ย” ไอ้รันย์ยังหายาดมไม่เจอ

“แน่ใจนา...ว่าอยากได้คืน”ผมว่า พลางเอาตัวบังไอ้เสียดไว้

“กุจะดม” มันว่าพลางชะโงกตัวข้ามโต๊ะเลคเชอร์ ใช้แขนยาวๆของมันเอื้อมอ้อมหลังผมไปด้วย นี่หลอกแต๊ะอั๋งป่าวฟะ

“ไอ้เมศ เมิงทำอะไรยาดมกุ เดี๋ยวจะโดนหนัก” มันว่าพลางดึงยาดมมาจากไอ้เสียด ทำเอาสะดุ้งเหยงตื่นหายหงายเงิบ แต่ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคการนอนของมันได้ครับ มันเปลี่ยนท่าเป็นฟุบกันโต๊ะแทน

“โม ญ ตะหาก”

“เพื่อนทำการบ้านอยู่เหอะ” โม ญ บอกพลางโบกการบ้านในมือไปมาเบาๆ

“แล้วทีนี้จะดมอะไร คัดจมูก” ไอ้รันย์เอามือซ้ายวางบนหัวผม ก่อนจะใช้มืออีกข้างตบป๊าบลงบนมือซ้ายนั้น  เสียงดังเพี๊ยะดังไปถึงหน้าห้องจนอาจารย์หยุดมองหาต้นเสียงอึดใจหนึ่ง ก่อนจะสอนต่อไป   อาศัยจังหวะสงัดเอายาดมเช็ดเสื้อชอปผมเฉย เลยเกิดศึกเอาคืนอยู่ครู่ใหญ่ หลังสถานการณ์สงบโม ญ ชะโงกตัวมากระซิบถาม

“นี่ตกลง มีอะไรในกอไผ่ยัง?”

“ไผ่ไหน?”

“ก็ ตกลง...เป็นอะไรกันยัง? ห๊ะห๊ะห๊ะ อยากรู้”

“ไม่รู้ว่ะ”

“ไม่พูดอะไรเลยหรอวะห๊ะ?” ผมส่ายหน้า ไอ้โม ญ ถึงกันอุทาน เอาจริงดิ!

“ก็เป็นเพื่อนกันจะพูดอะไรล่ะ”โม ญ เบ้ปากแบบเซ็งๆนอยด์ๆ

“เออ วันนี้เลิกเรียนแล้วแวะคีย์กันก่อนค่อยกลับนะเว้ย” ไอ้รันย์พูดโดยไม่มองหน้า มือมันยังเขียนการบ้านยิกๆ


   ช่วงนี้นอกจากมีน้องๆม.ปลายเดินกันขวักไขว่แล้ว ช่วงเย็นๆเรามีแข่งกีฬากันภายในให้พอกระชุ่มกระชวนสนุกสนานนะครับ ห้องสโมสรนักศึกษาที่ต่อเพิ่มขึ้นมาจากของเดิม เป็นแหล่งสุมหัวของวิศวะปีสามเนื่องจากนายกสโมและพรรคพวกได้ใช้ห้องนี้เป็นที่ทำงานบางเวลาเพื่อนๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลยเข้าเทคโอเวอร์กันตามโอกาส  เพราะความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีหมดตั้งแต่ที่นอนหมอน เสื่อ แม้แต่ขนมของกินกับข้าว  คอมพิวเตอร์ เกมส์ การ์ตูน นวม เฮด สารพัดลูกบอล ฯลฯ  มีทุกอย่างครบครัน ขาดอยู่สองอย่างเท่านั้นครับที่ห้องสโมฯไม่มี  น้ำเปล่า กับความสะอาดนี่สิครับ  ยามว่างอาจเห็นคนในห้องนั่งล้อมโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีคอมคนละเครียดข้างหน้า  เปล่าครับ.....เขาไม่ได้ทำงาน พวกเขากำลังคีย์ครับ แปลว่า กำลังเล่น เกมส์เคาท์เตอร์สไตรค์กันเป็นหมู่คณะ ดูๆแล้วเหมือนร้านเน็ตยังไงอย่างงั้น วันนี้เนื่องจากข้างนอกมีกิจกรรมและเริ่มค่ำ ในห้องสโมจึงมีสมาชิกชมรมคีย์กันอยู่ไม่กี่คน ส่วนมากจะสนใจออกไปดูกีฬา(ไปดูสาวๆคณะบริหารซ้อมกีฬา) เสียมาก

“โล่ห์กุมาแล้วว้อยยย” ไอ้เสียดป่าวร้อง

“เอาระเบิกไปแหลก”ไอ้รันย์ว่าเสียงเย็น

“ไอ้เอี้ย นั่นกรูค๊าบ”ผมโวยเนื่องจากคนที่ทำร้ายในเกมส์ ตายอนาถด้วยฝีมือพวกเดียวกัน

“อ้าวหรอ โทดที” ไอ้แว่นวันนี้ มันว่าพลางแอบยิ้มสะใจ ไอ้เสียหัวเราะเยาะสำทับก่อนจะงานเข้า ช่วยเพื่อนยกอุปกรณ์ไปให้พวกสโมฯข้างนอก

“เฮ้ย เดี๋ยวกุเอาปลั๊กไฟไปหนามบอลก่อน” ไอ้เสียดว่า พลางเอาม้วนสายไฟหิ้วตัวเอียงออกไป  ทั้งห้องจึงเหลือเพียงผมกับไอ้แว่นครับ

“ไม่มันส์เลยเหลือแค่สองคน”ผมว่าเปิดเพลงในโน้ตบุ๊ค เพลงแทงใจคนโสด

“ส่งการ์ตูนมาดิ๊” ไอ้รันย์แว่นว่า พลางกระดิกนิ้วเรียกกองหนังสือการ์ตูน เรียกไปเหอะ มีแขนเมิงหยิบเอง ชิชะ

      เสียงเพลงดังเวอร์ชั่นแจ๊สฟังสบาย เข้ากับบรรยากาศอาการเย็นๆ ผมอารมณ์ดีพอที่จำฮัมเพลงตามพลางเปิดไฟล์ในคอมคนอื่นเขาอย่างเพลิดเพลิน จะว่าไปแล้ว นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนะครับ หากจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้คุณชายรันย์เนี่ยสามวันอาจจะไม่จบ ไอ้ผมก็ขี้เกียจ เอาเป็นว่าขอยกหน้าที่นี้ให้สภาฯเขาไป เพราะเราเป็นเพื่อนที่มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ไกลเกินกว่าเพื่อน ฟังแล้วสับขาหลอกหน่อยๆ แต่มันเป็นเรื่องจริงครับ  เรายังดำรงชีวิตกันอย่างเพื่อน กิน เล่น เรียน เที่ยว ทำทุกอย่างเหมือนกว่าสองปีที่ผ่านมา ถ้าถามว่าอะไรที่ไม่เหมือนเดิม  คงจะเป็นแววตาละมั้งครับ แววตาที่มันชอบใช้มองผม...อย่างเช่นตอนนี้

“มองอะไร?” ผมถามไอ้แว่นที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“เปล่า”

“อ่านการ์ตูนไปเลยปะ” ผมพูดผลักกองการ์ตูนใกล้ๆ ให้มันอ่าน จะได้เลิกมอง....ด้วยสายตาอย่างนั้นสักที

จะต้องเหงากันอีกนานไหม ต้องนั่งถอนในอีกกี่ครั้ง
จะต้องพบเจอกับรักที่ผิดหวัง กี่ครั้งถึงพอใจ
เปิดเพลงรักฟังอยู่คนเดียว มีรักข้างเดียวมันเปลี่ยวหัวใจ
มองไปรอบตัวก็ยังไม่เห็นใคร ทำไมต้องเป็นเรา


   ไอ้รันย์หยิบการ์ตูนอ่านไปเรื่อย  ผมกดเปลี่ยนเพลงไปเพลงอื่นๆในลิสต์ แต่ก็ยังไม่มีเพลงไหนโดนใจ  บางทีการอยู่กันเงียบๆ น่าจะดีกว่า  ผมคิดได้อย่างนั้นจึงปิดเพลงไปเสียเฉยๆ  ภายในห้องเล็กๆ ที่ไม่มีใครเคลื่อนไหวอะไร ขณะที่นอกห้องมีกิจกรรมต่างๆวุ่นวาย ทำให้ผมนึกถึงเวลาที่หยุดลง ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของไอ้รันย์ มองดวงตาที่ตอนนี้กำลังจับจ้องที่ตัวอักษร  เมื่อกี้มันเป็นประกายแบบไหนนะ?  มองริมฝีกปากหยักสวย ที่รับกับสันจมูก ริมฝีปากคู่นั้น

“เปิดเพลงเถอะ เงียบเกินไป” ไอ้รันย์ว่าพลางพลิกอ่านหน้าต่อไป

 คอยปลอบตัวเองว่ามีสักวัน ที่เจอคนที่เขาจริงใจ
ยังคอยบอกตัวเอง ว่าต้องมีสักวัน แต่ว่ามันก็ไม่รู้เมื่อไหร่

โปรดส่งใครมารักฉันที อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป
อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม
โปรดส่งใครมาเป็นคู่กัน ที่ไม่ทำให้ฉันเดียวดาย
ช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ และได้รักใครกับเขาสักครั้ง


   เคยรู้สึกอยู่ๆก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาหรือเปล่าครับ เหมือนว่า มันไม่รู้จะหยิบจะจับอะไรขึ้นมาทำดี มือไม้ไม่รู้จะเอาไว้ไหน ทั้งที่ไม่ได้มีใครทำให้ขัดๆเขินๆเลย ผมได้แต่หยิบหนังสือพิมพ์ซีกข่าวกีฬาขึ้นมาอ่าน ทั้งที่ไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือพิมพ์ซีกข่าวกีฬา แต่ซีกแรกมักไม่มีให้อ่านเวลาต้องการน่ะสิครับ พลิกมาพลิกไปไม่ได้อ่านอะไรเป็นเรื่องเป็นราว พลางแอบมองคนนั่งตรงข้ามไปด้วย อยู่ๆเสียงนุ่มๆนั้นก็ครวญเพลงตามเสียงเฉยๆ

มันอ้างว้างจนทนไม่ไหว พยายามห้ามใจ ไม่ได้สักวัน
อยากจะรู้จริงก่อนคนเขารักกันมันเป็นเช่นไร

คอยปลอบตัวเองว่ามีสักวัน ที่เจอคนที่เขาจริงใจ
ยังคอยบอกตัวเอง ว่าต้องมีสักวัน แต่ต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่


   ผมลดหนังสือพิมพ์ลงนิดหนึ่ง ลอบมองคนนั่งตรงข้าม ที่กำลังร้องเพลงหงุงหงิง รันย์วางหนังสือการ์ตูนกลับคืนกอง พลางเท้าโต๊ะ ดวงตาหลังกรอบแว่นนั้นมองตรงจนเผลอสบตาเข้าจนได้  ตาวาวๆคู่นั้น สื่อความหมายบางอย่างออกมาอย่างเปิดเผย ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้พูดออกมา ทำเพียงร้องเพลงคลอไปเท่านั้น

โปรดส่งใครมารักฉันที อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป
อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม
โปรดส่งใครมาเป็นคู่กัน ที่ไม่ทำให้ฉันเดียวดาย
ช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ และได้รักใครกับเขาสักครั้ง....กับเขาสักครั้ง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง”  เสียงแปลกหูของตัวผมเอง ทำให้ผมนึกประหลาดใจ ทว่ารอยยิ้มกว้างขวางบนดวงหน้าคนฟังนั้น ทำให้โลกของผมสว่างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว บางที....โลกของผม มันอาจจะสว่างมาตลอด และอาจจะสว่างสดใสไปอีกพักใหญ่ๆ  ตราบใดที่ผู้ชายยิ้มสวยคนนี้ยังคลอเคลียนัวเนียวนเวียนอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้



๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗

ปรกติไม่มีนโยบายอัพครึ่งตอน เเต่เห็นท่าทางจะดองนานกว่าปรกติเเน่ๆ เลยเอามาลงเท่าที่มีก่อนค่ะ
อีกอย่างทัมป์ไดร์ฟหายไปกับลมหนาวเเสงดาวเเละหลุมดำภายในห้องของเมศ  ในนั้นก็มีนิยายทุกเรื่องทุกตอนที่เมศเขียน กับไฟล์บ้าบอคอเเตกมากมาย เเต่ที่โชคดีคือ ไม่มีนิยายตอนที่ไม่เคยลงเวบไหน (เพราะดองหนักจนไม่มีจะลง เเป่ว)  :z6:

เอาล่ะไปวิ่งเล่นได้ :กอด1:


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 11-12-2009 09:34:11
 :m3: ตกลงนี่ยอมรับกับตัวเองแล้วใช่ไหมว่า...เป็นรันย์
แอร๊ยยยย อยากได้แบบนี้มั่งอะ  :serius2:

บางที....โลกของผม มันอาจจะสว่างมาตลอด และอาจจะสว่างสดใสไปอีกพักใหญ่ๆ  ตราบใดที่ผู้ชายยิ้มสวยคนนี้ยังคลอเคลียนัวเนียวนเวียนอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 7 ตุลาคม 2552 (คนแต่งอัพเองอีกแล้ว แหะๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 11-12-2009 11:06:21

“รอต่อไปเถอะ.....เน๊อะ”มาน๊งมาเน๊อะอะไรของเมิงครับไอ้คุณรันย์


ตายไปเรยยยยยยยยยยยยยย
 :impress2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 11-12-2009 11:25:49
knocked me down   :m25:

 :กอด1: >>> big hug ภาณุเมศพลัง <<<  :กอด1:

ดีใจครับโอ๊ยยยยๆๆๆๆ o13

รอต่อไปเพราะกำลังใจมันล้นหลาม(ยิ้ม)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: ๐DoNuT๐ ที่ 11-12-2009 12:38:53
อ๊ากกกกกก

“ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง” 

วู้ววน้องเมศพูดอาไรออกไป 5555+
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-12-2009 16:22:08
อ่านถึงท่อนสุดท้ายปุ๊บ ฉีกยิ้มแข่งกะหนุ่มแว่นคนนั้นเลย

น่ารักมากกกกกกกกกก  :m3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 11-12-2009 17:24:26
อัพแล้วๆ ว้าวววววว
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 11-12-2009 19:48:15
กรี๊ดดดดดด!!!!! :m25:
เขายอมรับกันแล้ว ดีใจยิ่งกว่าสอบเสร็จ
อ่านไปลุ้นไป พูดให้ชัดเจนกันไปเลยสิจ๊ะ เด็กๆ

รออ่านตอนต่อไปค่ะ อุอุ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: lunarypop ที่ 11-12-2009 22:07:27
หนุ่มแว่น ...

ก..ก..กรี๊ดดดดด
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 12-12-2009 01:32:39
 :a5: อัพแล้ว  :กอด1:
เมศยอมรับแล้วอ่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 12-12-2009 01:49:50

“ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตายไปเลยค่าาาาาา

โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เมศน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พี่รันย์แปลงโฉมเป็นหนุ่มแว่น  สาวสภาฯ(สมัครเอง) อย่างอิฉันก็หวั่นไหววววว
โฮๆๆๆๆๆๆ

หัวใจจะ ”Y”
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 12-12-2009 02:02:36
คืนนี้ผมคงนอนฝันดีแน่ครับ

ฝันดีครับคุณเมศ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 12-12-2009 14:28:48
ตอนใหม่มาแล้ววววววว

พร้อมกับประโยคเด็ด "ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง" เอิ๊กกกกกก



น่ารักซะจริงๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 12-12-2009 17:01:02
 :a5:

อัพแบบไ่ม่บอกไม่กล่าวจริงๆด้วยๆๆๆ


“ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง”>>> คิดด้ายยยยยยยย


ขอมุมโรแมนติกกว่านี้อีกนอกจากห้องสโมฯ ได้ปะ -*-..............
ปูเสื้อกลิ้งกะน้องหมาก็ได้  ห้องสมุดก็ได้ อะไรก็ได้ ห้องนี้มันสกปรกเกิน จิ้นแล้วอนาถ 55+


ปล.รอคอยอีกครึ่งตอน เว้วๆๆๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 14-12-2009 00:20:43
วันนี้มีความสุขจังครับ

ฝันดีครับ  :man1:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 14-12-2009 01:24:22
อ๊ากกกกกกกก
ทั้ง หลายประโยคในตอนนี้ทำเพ้ออ
ทั้ง รอไปเถอะเน๊อะ และ ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง
อร๊ายยย เขิินค่ะ  :-[
ที่จริงคบกันไปยังงี้ก็่ารักดีนะ แค่รู้ว่ามีกันและกันอยู่เสมอ ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 16-12-2009 02:23:36
ราตรีสวัสดิ์ครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 16-12-2009 14:48:51
โปรดส่งใครมาร๊ากกกกก ดิช๊านนนน ที

อยู่อย่างงี้มัน รกร้าง เกินไป

กรี๊ตตตตตต

 :impress3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 17-12-2009 01:23:57
ฝันดีครับ  :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 18-12-2009 02:54:08
ฝันดีครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-12-2009 20:11:30
อบอุ๊น อบอุ่น อิอิ

อิจฉาเมศอ่ะ  อยากเจอคนนั้นบ้างจัง :impress2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 19-12-2009 02:39:52
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 20-12-2009 01:54:11
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 21-12-2009 01:17:45
จะปีใหม่แล้วนะครับ

ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 21-12-2009 22:31:44
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 22-12-2009 00:52:20
ฝันดีครับ  :man1:


คิดถึงจังครับ :man1:

ปล. คริสมาสกับปีใหม่จะมีตอนพิเศษไหมครับผม
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 22-12-2009 23:51:26
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 23-12-2009 03:18:36
ตามมารอแบบรีบน

 :laugh:

พี่เมฆคร่ะ

น้องต้องท้องไม่มีพ่อ จน กว่าพี่เมศจะลงนิยายเรื่องนี้ จบ!! นะคะ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 24-12-2009 01:11:06
^
^
^
 :z13:จิ้มรีบนครับ

ฝันดีครับ

อรุนสวัสดิ์ครับ

วันนี้ Christmas eve แล้วนะครับ ใกล้จะคริสต์มาสแล้ววววว  จะมีของขวัญไรให้ไหมครับ :man1:

Merry Christmas eve ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 24-12-2009 02:13:58
เค้ารออยู่นะตัวเอง
 :impress2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 25-12-2009 02:09:53
Merry Christmas !!! :L2:

have a good dream :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 26-12-2009 01:45:17
ฝันดีนะครับ :man1:
ปล.คิดถึง :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 26-12-2009 09:48:16
Merry Christmas + สวัสดีปีใหม่ ทุกท่านเช่นกันค่ะ

ยังไม่มีอะไรจะมอบให้ เหอๆ  :เฮ้อ:

ขอบคุณสำหรับการติดตามผลงานอันยาวนานของเมศนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 26-12-2009 12:53:17
^
^

เข้ามาจิ้มคนแต่ง

พร้อมบอกว่า สวัสดีปีใหม่ครับ ทุกๆคน  :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 27-12-2009 23:51:43
Merry Christmas + สวัสดีปีใหม่ ทุกท่านเช่นกันค่ะ

ยังไม่มีอะไรจะมอบให้ เหอๆ  :เฮ้อ:

ขอบคุณสำหรับการติดตามผลงานอันยาวนานของเมศนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มาตอนไหนครับเนี่ยโทษที่ไม่ทันสังเกตครับ เมื่อวานเน็ตเข้าไม่ได้ตอนตีหนึ่งกว่าๆ
เลยไม่ได้มากล่าวราตรีสวัสดิ์
ไม่เป็นไรครับ อย่าหักโหมครับ
จะติดตามตลอดไปครับ
เป็นกำลังใจให้เสมอนะครับผม
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ :man1:

ฝันดีครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 28-12-2009 23:02:35
Happy New Year(ล่วงหน้า)คร้าบบบบบบบบบ :mc4:
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงจ้าาา
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 29-12-2009 02:29:26
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 29-12-2009 14:27:05
วันนี้ไม่ได้บอกฝันดีนะครับ

ต้องเดินทาง

เป็นกำลังใจให้เสมอครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 31-12-2009 12:56:53
เป็นกำลังใจให้ครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 31-12-2009 19:30:04
ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับ ปีใหม่
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 01-01-2010 00:21:47
ตอน ๑๗ (part B)  sex therapy
      

   เอาละครับ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ชีวิตที่มีผู้ชายยิ้มสวยสยองโลกันต์ร่วมกันทั้งวันทั้งคืนนั้นเป็นอย่างไร ใช่ครับ.....เขานุ่มนวล อ่อนหวาน สุขุม สุภาพ  เป็นที่พึ่งในยามยาก ....อะไรก็ตามที่กล่าวมา ไม่จริงสักอย่างเลยครับ ไอ้เมศอยากจะร้องไห้น้ำลายไหลย้อยถึงตาตุ่ม  เป็นความหลงผิดอย่างยิ่ง ที่ผมดันไปออกปากโฆษณาชักชวนไอ้คุณรันย์มาสิงห้องผมในระยะที่มีการสอบกลางภาค ไม่ทราบว่าปีนี้เกิดจิตป่วยอะไรกันขึ้นมาวิศวะทุกชั้นปีถึงสอบสี่วัน ทั้งที่เรียนเยอะกว่าใครเพื่อน ในขณะที่คณะข้างเคียงแทบจะสอบวันเว้นวัน ชิลๆวิ่งเล่นหลั่นล้า แต่พวกผมเป็นซอมบี้มาสอบเช้าทุกวัน นี่ยังไม่รวมพวกน้องๆโปรแกรมโทสั่งพิเศษที่สอบเช้าบ่ายห้าวันติดนะครับ ไม่ทราบว่าน้องเหล่านี้ยังหายใจกันอยู่ไหมหลังสอบนะครับ เหอๆๆ

“ฟังเพลงเอี้ยไรเนี่ย หนวกหู” ว่าแต่คุณเอี้ยเนี่ย เขามีเสียงร้องยังไงผมยังไม่ทราบเลย

“ฟังฮิปฮอปครับพี่”ผมตอบพลางม้วนตัวเป็นแยมโรลอยู่ในผ้าห่ม

“ทำไมช่วงนี้ฮิปจังวะ” ไอ้รันย์ถามพลางใช้นังพจมานคนสวยหาเพลงอื่นๆฟัง เม้าส์ของผมเองครับ ถ้าทุกคนยังพอจำกันได้ นังพจมานฯนี้มาสามารถกระพริบเปลี่ยนสีไปได้ถึงเจ็ดสีด้วยจังหวะเร็วช้าแล้วแต่อารมณ์ชี(เม้าส์)

“นี่ มันต้องเพลงนี้” เสียงเพลงอัลเทอเนทีฟร๊อคดังสนั่นออกมาจากลำโพงน้องปู(คอมคุงของผม) อย่างไม่มีความสงสารเมตตาใดๆทั้งสิ้น พร้อมกับเสียงไอ้รันย์แหกปากตะเบ็งเสียงป่วยๆของมันออกมาประหนึ่งเป็นนักร้องเสียเอง

“พอแล้ว! เอี้ยรันย์ เดี๋ยวข้างๆห้องโทรมาด่ากรู”

“เขากลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือเมิงเนี่ยแหล่ะไม่กลับบ้านสักที”

“คุณชายแหล่ะครับที่ควรจะกลับ สอบเสร็จแล้วครับ แม่จำหน้าไม่ได้แล้วมั้งเนี่ย”

“กลับไปก็ไม่เจอใครอยู่ดี มีแต่ปลาคาร์ฟ เขาไปเที่ยวกันหมด”

“อ้าวอย่างนี้ปีใหม่ก็อยู่คนเดียวสิ” ผมกระดึ๊บตัวแบบแยมโรลมาขอบเตียง มองไอ้รันย์ที่นั่งกับพื้นที่โต๊ะเขียนหนังสือ

“ป๊าว ไม่ได้อยู่คนเดียว” ไอ้รันย์ทำเสียงสูง ก่อนจะทันมาเท้าคางกับเตียง  ทำให้หน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน

“มีแฟนก็อยู่กับแฟนสิวะ” คนไหนหว่า?...ผมอยากรู้แต่ไม่อยากถามครับ  แล้วทำไมต้องทำยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย

“หรอ ตามสบายๆ” ผมว่าพลางกลิ้งตัวแบบแยมโรลไปนอนหันหลังให้อีกฝั่งของเตียง เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงชอบกล....ที่ว่าไม่ปลอดภัยเนี่ย  เพราะไอ้ลูกกระตายิบๆที่จ้องมองผมอยู่นี่สิครับ เวลาสบกันแล้ว มันรู้สึกหัวใจไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้

“ตามสบายนี่ชวนหรือเปล่า?” เสียงนุ่มๆถามก่อนที่เตียงด้านที่ว่างจะยวบลงตามน้ำหนักตัวใครอีกคน

“ฮือม์ ว่าไง?” เสียงนุ่มๆนั้น พูดใกล้ๆหู จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ  ผมต้องทำคอย่นทำตัวหดม้วนกลมอยู่ในผ้าห่มยิ่งกว่าเดิม ผมได้ยินเสียงไอ้รันย์หัวเราะหึหึ  ก่อนจะสะดุ้งเหยงสุดตัวจากสัมผัสเย็นๆ ที่เท้า

“ไม่ตอบหนึ่ง” มือเย็นๆนั้นไล้ไปตามฝ่าเท้า สัมผัสนั้นแผ่วเบาชวนจั๊กกะจี้ นิ้วมือนั้นไล้จากหลังเท้า ผ่านไปยังสันเท้า จนถึงส้นเท้า ก่อนจะแวะไล้นิ้วโป้งลงบนตาตุ่มอยู่หลายอึดใจ

“ไม่ตอบสอง” เสียงที่เคยนุ่มๆติดจะแปร่งพร่ากว่าเก่าเล็กน้อย  ก่อนสัมผัสเย็นๆนั้นจะไล้ขึ้นมาถึงน่อง เป้าหมายต่อไปคือที่ตรงไหนหนอ?

“ดื้อจริงๆ” ผมซุกหน้าลงในกองผ้าห่มยิ่งกว่าเดิมพลางเม้มปากแน่น สัมผัสจากมือเย็นๆนั้นหายไปแล้ว เปลี่ยนเป็นสัมผัสอุ่นชื้น ลากไล้แถวๆหัวเข่า

“โอ้ย!” ผมร้องออกมาเพราะฟันคมๆนั้นขบเบาๆลงบนหัวเข่าผม  ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากมาย แต่ใจมันเบาหวิวอย่างประหลาด

“เมศครับ เมศ” เสียงเรียกนั้นแหบพร่าทรงเสน่ห์กว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยได้ยินมา  ผมลอบมองดวงหน้าใครอีกคน ดวงตาคู่สวยนั้นแวววาวด้วยประกายบางอย่าง หัวใจข้างในอกนี้กำลังเต้นหนักๆอย่าไม่อาจห้าม  สัมผัสที่เคยเย็นกลับกลายเป็นร้อนผ่าวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ผมนึกโทษตัวเองที่ไม่น่าใส่กางเกงขาสั้นบานย้วยตัวนี้เลย   มือแข็งแรงนั้นฟอนเฟ้นไปตามผิวเนื้อที่ต้นขาข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งกำลังถูกริมฝีปากหยักสวยขบเม้มค่อยเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ

“อ๊ะ!”  ผมรีบเอามือปิดปากอย่างตกใจกับเสียงของตัวเอง  แววตาคมสวยที่เอิบอาบไปด้วยประกายปรารถนาคู่หนึ่งมองมาอย่างสมใจ

“อยากให้นับสามหรือเปล่า?”

คนพูดหัวเราะด้วยเสียงทุ้มลึกทรงเสน่ห์ ชวนให้หัวใจวิบไหวหนักกว่าเก่า อากาศรอบกายเหมือนถูกบีบให้เล็กลงเรื่อยๆจนต้องเร่งอัดอากาศเข้าปอด หัวสมองหมุนติ้วจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ว่าสัมผัสนั้นจะแตะลงบนผิวกาย แม้เพียงแผ่วเผินกลับสร้างความร้อนราวกับถูกเผา หัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาเสียนอกอก หรือชีวิต21ปีของไอ้เมศ จะต้องเสียเอกราชในวันนี้กันนี่?... คิดเข้าไอ้เมศ ทำอย่างไรดี คิดเข้าๆ!!

“ตอบสาม!!!” ผมตะเบ็งเสียงออกมาไม่รู้ว่าตัวผมหลุดออกจากแยมโรลผ้าห่มเมื่อไหร่อย่างไร แต่ผมยันอกไอ้รันย์ไว้ห่างตัว

“ห๊ะ ว่าไรนะ” ไอ้รันย์ทำมึน

“เกมส์โชว์หรือเปล่า?”คนพูดยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะจูบต้นขาด้านในอีกครั้ง คราวนี้เสียงของความเปียกชื้นชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ

“หยุดๆ สต๊อปปุๆๆๆ!!”  ผมร้องพลางนั่งหดขากอดเข่าตัวเอง  ไอ้รันย์นิ่งข้าง ก่อนจะเลื่อนกายเข้ามาใกล้

“ทำไมล่ะ? ไม่ดีหรือ?”

“เปล่า.....”ผมพูดพลางซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง  รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนรดใบหู จมูกได้กลิ่นกายของใครบางคน เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด

“...แต่ดูเหมือน...หัวใจจะรับไม่ไหว” ไอ้รันย์ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะจับหัวผมโยกเบาๆสองสามทีก่อนจะลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ 

ผมเห็นไอ้รันย์ลุกจากไปแล้ว เลยเงยหน้าเอามือทาบแก้ม รู้สึกแก้มร้อนเหมือนเป็นไข้  ไข้นี้อาจจะเป็นไข้ใจหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบแน่ชัดครับ  ทว่าความคิดของผมฟุ้งกระจายหนักกว่าเก่า เมื่อได้ยินเสียงครางเบาๆ มาจากในห้องน้ำ คราวนี้ไม่ใช่แค่หน้าผมที่ร้อนเหมือนเป็นไข้ แต่ผมว่าผมกำลังเป็นไข้แน่ๆแล้ว ผมเอามืออุดหู เสียงครางต่ำนั้นยังคงดังขึ้นในความเงียบ สมองผมคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้วนอกจากหนีออกไปจากห้องนี้ครับ  ผมรีบพุ่งตัวออกจากห้องตัวเองไปรัวกำปั้นเคาะลงที่ประตูห้องข้างๆ

“อะไร เคาะหาพระแสงอะไร คนจะหลับจะนอน”โม ญ แง้มประตูทั้งที่ยังติดโซ่จากภายในห้อง หน้าตาและสภาพยับๆเหมือนถูกลากมาจากที่นอน เวลาบ่ายคล้อยเย็นเป็นเวลาอันตรายสำหรับเพื่อนๆโม ญ นะครับ เป็นเวลานอนจำศีลของสาวสภานางนี้ ดังนั้น หากใครคิดจะรบกวน ควรคิดไตร่ตรองให้ดีก่อน

“ช่วยด้วย!”  ผมร้องออกมาเสียงดัง โม ญขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า

“ช่วยด้วยกรูนับสาม!!”  โม ญ กรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด

“เมิงบ้าป่ะเนี่ย” โม ญอวยให้ทีหนึ่งก่อนจะปิดประตูห้องดังโครมใหญ่ตามด้วยเสียงลอคประตู

ใครก็ได้....ช่วยไอ้เมศด้วยยย~ o22




*******************************


สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะคะ
ปีหนึ่งๆนี่ผ่านไปเร็วมากเลยนะคะ  :เฮ้อ:   เป็นอีกปีที่เมศไม่ได้ไปเที่ยวไหน เกิดอาการห่อเหี่ยวหัวใจเพราะทีวีเสีย เพื่อนไปเที่ยวกันเกือบหมด ที่บ้านเข้านอนกันหมดเเล้ว  เเถมคะเเนนกลางภาคออกให้ห่อเหี่ยวหนักหนาอีกต่างหาก   :เฮ้อ:

เลยส่งท้ายปี+ต้อนรับปีใหม่ ด้วยการเขียนเเบบเเอบติด NC (เอ๊ะหรือไม่เเอบ) ซึ่งไม่เคยเขียนมาก่อนเลยค่ะ


ปีใหม่ อารมณ์ใหม่ใหม่ใหม่
ขอให้สวย/หล่อ ขอให้รวย ขอให้เก่ง ขอให้เเฮปปี้ดี้ด้ากันตลอดทั้งปีกันถ้วนหน้านะคะ ฮี๊วววว~
[/color][/size]


ปล.เพิ่งเขียนเสร็จสดๆร้อนๆเลยนะคะนี่5+ เข้าคอนเซป กินร้อนช้อนกลางล้างมือ(ไม่ใช่ละ...)


 



      


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 01-01-2010 12:44:09
^
^
^ :z13:
สุขสันต์ปีใหม่ครับ :man1:
ขอจิ้มก่อนอ่านดีใจจังครับ ไปอ่านก่อน 555+
ขอบคุณครับ คุณภาณุเมศพลัง
ขออ่านก่อนแล้วจะมาเม้มนะครับผม :man1:


...........

อ่านเสร็จแล้วแบบว่า :m25: :o8:
ดีใจมากครับ
จริงด้วยครับไม่เคยเห็นเขียนออกแนวNC  :o8:
สวัสดีปีใหม่ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
คิดสิ่งใดสมใจปรารถนา
ดีใจมากมายครับ
ขอบคุณ
ขอบคุณครับเรื่องดีดี
มาต่อบ่อยนะครับ
จะรอเสมอครับ
ผมขอคุณเมศอย่างครับ
ขอเป็นแฟนคลับคุณเมศนะครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-01-2010 15:47:26
นับสามแล้วหนีออกไปเคาะห้องข้างๆ ทำไมอะ น้องเมศ  ต้องเคาะห้องน้ำดิ  :laugh:  :laugh:

สวัสดีปีใหม่ค่า มีความสุขมากๆ นะ :mc4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 02-01-2010 00:12:57
อ่านจบแล้วรู้สึกว่า
.
.
...
......หื่นวะ   :m25:


แต่น่ารักดีนะ คิดตามแล้วแม่งสยิวๆเลย แอบก้าวกระโดดมากมาย ถึง "ต้นขาด้านใน" เลยนะเนี่ย -*-  


นับสาม
....ถ้าต่อให้นับจนเสร็จก็ดีนะ คริๆๆ  :z2:


 o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 02-01-2010 18:54:39
 :m26: พี่อยากรู้แค่ว่า...น้องรันย์เค้าเข้าไปทำไรในห้องน้ำอะ
มาเล่าต่อมามะ :laugh3:

Happy new year ค่ะ ไม่ดีเลยเนอะ แก่ไปอีกปีได้อีก :z3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 03-01-2010 05:24:29
ไม่จริงๆๆๆๆๆ รันย์ปล่อยให้หลุดมือไปได้ไงเนี่ย รึว่าแต่ลองใจก่อนเพื่อสร้างความระทึกใจ







สวัสดีปีใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 03-01-2010 12:35:52
ผมกลับมาแล้วครับช่วงเทศกาลรถติดจริงๆ

มารอ

ว่าเมศจะรอดไหมอิอิอิ :man1:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 04-01-2010 02:30:55
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 04-01-2010 15:41:11
สวัสดีปีใหม่น้องเมศและคนอ่านทุกท่าน
มีความสุขตลอดปี และสุขภาพดีตลอดไป
ร่ำรวยๆ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-01-2010 16:55:08
กีสสสส  เมศน่า๊ร๊ากกกก  เกินไปแระอ่า
รันย์ยอมหยุดทำม๊ายย :haun4:
+1 ขอบคุณที่มาต่อนะคร้า
ปีใหม่แล้วขอใ้ห้มีความสุขมากๆเน้อ
(รู้สึกจะผ่านมาหลายวันแระ :o8:)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 04-01-2010 20:16:03
เมศรั่วได้ใจจริงๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ
รันย์เข้าไปทำอะไรในห้องน้ำคะ เราไม่เข้าใจ  :o8:
สวัสดีปีใหม่ค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 04-01-2010 22:37:40
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 05-01-2010 20:08:37
ชื่อตอนนี้
แบบว่า 

สุโค่ย  มาก
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: premkoe ที่ 05-01-2010 21:24:57
ติดตามต่อ

สนุกมากมายอ่า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 05-01-2010 21:38:51
สุดแมน ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า
เมศคงยังรักษา(เวอร์)จิ้นได้อีกนาน(รึเปล่า?)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 06-01-2010 01:39:49
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: sai_zai ที่ 06-01-2010 19:46:04
 :-[

โอ้ยยยยยยยยยย  อ่านตอนที่แล้วต้องกรี๊ดเลย

เอาใจไปเลยพี่น้อง!!!

ยังไงก็รีบมาต่อน้า  รออยู่จร้า

^^
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 07-01-2010 02:21:22
ฝันดีครับ

เป็นกำลังใจให้เสมอ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 07-01-2010 11:18:21
รอดไปอีกวันนะเมศน๊า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 10-01-2010 17:54:19
มาแล้วครับ

พอดีติดธุระเพิ่งกลับมา

เป็นกำลังใจให้ครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 10-01-2010 19:52:16
อ๋าาาา ต่อ ๆๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 11-01-2010 00:33:31
“...แต่ดูเหมือน...หัวใจจะรับไม่ไหว”
 :-[ แหมมม   เมศก็หวานกะเค้าเป็นเหมือนกันนะเนี่ย

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 11-01-2010 01:07:33
รอได้และเป็นกำลังใจให้เสมอ
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: gypsy ที่ 11-01-2010 14:52:33
ฮ่ะๆ หยอกกันแรงน่าดู

แอบใจสั่นไปกับเมศ

 :กอด1: คุณเมศ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 12-01-2010 02:05:32
รอได้และเป็นกำลังใจให้เสมอ

ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 13-01-2010 03:48:26
สวัสดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 14-01-2010 02:02:27
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 15-01-2010 03:24:19
ฝันดีครับ

เป็นกำลังใจให้เสมอ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 11 ธันวาคม 2552 (อัพแบบไม่บอกไม่กล่าว แห
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 15-01-2010 13:21:47
:m26: พี่อยากรู้แค่ว่า...น้องรันย์เค้าเข้าไปทำไรในห้องน้ำอะ
มาเล่าต่อมามะ :laugh3:

Happy new year ค่ะ ไม่ดีเลยเนอะ แก่ไปอีกปีได้อีก :z3:

อยากรู้เหมือน รีนี้อ่ะ

 :laugh:


พี่เมศคร่ะ

ถ้าพี่เมศต่อช้า

อิชั้นจะคัดนายเอกออก แล้วอิชั้นจะเล่นเอง แล้วนะคะ
 o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 16-01-2010 01:38:22
^
^
^  :z13: จื้มรีบน
เป็นกำลังใจใหัเสมอครับ
ฝันดีนะครับ
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 16-01-2010 15:59:29
จิ้มต่อออ

อิอิ


มาคิดถึงพี่เมศศศศศศศศศศศศศศศศศศศ

รอด้วย มีด ที่แหลม คม  ห๊ะ!!!~

ิอิอิ
 o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 17-01-2010 00:44:31
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 18-01-2010 01:46:05
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 18-01-2010 13:22:56
มารอเป็นเืพ่อนคุณ carol

อิอิ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 19-01-2010 00:47:27
มารอด้วยกันครับ คุณกิ๊บซ่า เรียกแบบนี้ได้หรือป่าวครับ :man1:

ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 20-01-2010 00:21:17
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 20-01-2010 21:44:28
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 22-01-2010 01:51:20
เป็นกำลังใจให้เสมอ
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 23-01-2010 01:35:20
ราตรีสวัสดิ์ครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 24-01-2010 02:14:42
เป็นกำลังใจให้ครับ ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 25-01-2010 03:34:35
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 26-01-2010 00:49:40
เป็นกำลังใจให้เสมอ
ฝันดีครับ   :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 27-01-2010 02:34:57
ราตรีสวัสดิ์ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 28-01-2010 02:03:01
ราตรีสวัสดิ์  :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 29-01-2010 00:37:18
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: badmanners ที่ 29-01-2010 00:38:17
carol

มึงจะปั่นเมนท์ไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 29-01-2010 15:12:40
เย้ๆ เพิ่งมาอ่านคับ อ่านทันจนได้

มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 30-01-2010 03:29:20
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 02-02-2010 01:54:28
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 03-02-2010 01:40:36
เป็นกำลังใจให้เสมอ
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 03-02-2010 04:05:36
เป็นแฟนคลับเงียบ ๆ ครับ  ยังอ่านไม่ทัน


แต่



สุดยอดจริง ๆ ครับ



โคตรชอบ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 04-02-2010 01:40:50
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 05-02-2010 00:39:22
คิดถึงนะครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 07-02-2010 23:11:44
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 09-02-2010 02:52:48
 คิดถึงคนแต่ง :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 16-02-2010 11:26:33
สุขสันต์วันแห่งความรัก
และวันตรุษจีน
ขอให้คุณเมศมีความสุขมีรักอบอวลตลอดไป
และขอให้เฮงๆรวยๆครับ
คิดถึงนะครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: noki ที่ 17-02-2010 16:07:53
คู่นี้ นี่ เค้า ฮา ดีอ่ะ
น่ารักไปอีกแบบนึง
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 17-02-2010 23:14:24
ไรท์เตอร์หายปายหนายยยยยยยยยยยย :m31: // ทุ่มโต๊ะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: เกตาเฌอ ที่ 18-02-2010 00:00:32
อ่านตอนล่าสุดแล้วกรี๊ดดด  :o8:  ชอบบบ 

มาต่อไวๆนะค้า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 21-02-2010 12:17:09
 :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 23-02-2010 22:32:12
 :angry2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 23-02-2010 22:38:32
 :m2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 23-02-2010 23:00:22
 ^
 ^:z13: :z13:
จะไปไหนล่ะนั่นคุณเมศ มาต่อก๊อนนน
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 23-02-2010 23:31:23
:m2:

คุณเมศ ห้าห้าห้า  :jul3: มาทักทายกันบ่อยๆนะครับ ไม่ลงเรื่องไม่เป็นไร  อย่างน้อยช่วยให้หายคิดถึง ก็ยังดี :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-02-2010 01:20:54
น้องเมศวิญญาณออกจากร่างไปเพราะข้อสอบแล้ว
 :call:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 25-02-2010 23:36:59
 :z13: จิ้มรีบน ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 02-03-2010 01:06:10
ฝันดีครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 02-03-2010 02:03:06
อยากปิดเทอมจะเเย่เเล้ว






อ๊อค...






 :jul1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 07-03-2010 10:05:07
อยากปิดเทอมจะเเย่เเล้ว






อ๊อค...






 :jul1:

สู้สู้ครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 11-03-2010 19:24:27
คิดถึง :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 1 มกราคม 2553 (อัพรับปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 24-03-2010 02:01:06
ตอน ๑๘ บันไดรัก บันไซบันไซ~

   มีใครเคยมีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับยากไหมครับ ไอ้เมศขอยกมือแขนชิดหูเลยครับ  ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร หลับยากหลับเย็นเหลือเกิน  หรือเพราะนาฬิกาในตัวผมมันรวนๆก็เป็นได้ครับ กว่าจะหลับได้ เข้าวันใหม่ไปแล้วหลายชั่วยาม  ผมนอนเหยียดแขนเหยียดขาเป็นปลาดาว ก่อนจะพยายามชอนไชไปตามซอกหลืบหมอน หาตำแหน่งที่ปิ๊งสุด เพื่อให้หลับได้เสียที แต่ก็ยังไม่สำเร็จครับ  ผมลองค้นดูจากพี่กุ๊ก กรูรู้ทุกอย่าง(กรูเกิ้ลนั่นเอง) ว่า มีวิธีอะไรบ้างที่แก้อาการนอนไม่หลับ  เช่นพยายามเข้านอน และตื่นให้เป็นเวลา  ไม่เข้านอนตอนอิ่มหรือหิวเกินไป สารพัดสมุนไพรช่วยให้หลับ หรือ ออกกำลังกาย ไอ้อันหลังสุดนี่ ได้แก่พวกโยคะอย่างง่ายๆ  ไปจนถึง เซ็กซ์ ใช่แล้วครับ  ซ.โซ่ สระเอะ ก.ไก่  ตอนแรกผมมองคำนี้อยู่นานมาก เหมือนคนอ่านหนังสือยังไม่แข็ง    ว่าถึงตรงนี้แล้วก็นอยด์ในอารมณ์ครับ  โทรศัพท์มือถือสั่นเบาๆบนเตียงที่ข้างตัวเตือนว่ามีข้อความเข้า

“นอนน้อย” ข้อความสั้นๆสองพยางค์จากไอ้รันย์ทำเอาผมงง ช่วยมีประธาน กริยา กรรม ของประโยคให้ตรูเข้าใจหน่อยได้ไหมเนี่ยว่าต้องการสื่ออะไร ผมเลยพิมพ์ข้อความตอบกลับไปสั้นๆสองพยางค์

“โดนแบน”  สักพักไอ้คุณรันย์ส่งกลับมาเป็นหน้าร้องให้ครับ  ช่วงนี้ผมแบนผู้ชายชื่อศรันย์ออกจากชีวิตบางส่วนของผมครับ เนื่องจากคดีติดเรทฉ. ที่มันทำไว้ แถมยังรูดแยม ในส้วมห้องคนอื่นอีกตะหาก  เกินจะให้อภัยครับ สรุปคือขอแบน  X!!

“ของงี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ” เจ้าตัวแก้ต่างให้ตัวเองพลางดูดโกโก้ปั่นราดผงไมโล

“มันอร่อยหรอวะ เห็นพวกเมิงสั่งกันจังไอ้โกโก้ปั่นราดผงไมโลเนี่ย”

“อะ ชิมสิวะ” ไอ้รันย์ยื่นแก้วใก้ ผมชิมแบบกล้าๆกลัวๆ มันก็อร่อยเหมือนโกโก้ทั่วไปไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น  พอผมถอดหายใจเท่านั้นละครับ ผงไมโลปลิวว่อน

“นี่ล่ะความแตกต่าง” ไอ้คุณชายรันย์มันว่า แล้วดึงแก้วกลับไป  พอมันดูดโกโก้จากหลอดเท่านั้นล่ะครับ สำลักกระอักกระไอ

“กูบอกแล้ว อย่าสันแดกพิศดาร” ผมได้แต่บอกมันเอื้อมๆ อ้อ..เครื่องดื่มอันตรายนี้พบเห็นได้ทั่วไปตามโรงอาหารนะครับ หรือลองทำกินเองเล่นๆน่าจะได้ถ้าอุปกรณ์อำนวย

“ถึงกับกระอักความร๊ากกกก เลยหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม”  แขกสภาฯไม่ได้รับเชิญ นั่งลงร่วมโต๊ะ

“เออ วันนั้นมาเคาะห้องกรูทำไมวะ” โม ญ  

“ก็ไม่มีไร  ก๊อกน้ำมันรั่ว” เจ้าของก๊อกชะงักกึก

“โทรเรียกพี่เขาขึ้นมาเปลี่ยนสิวะ รอน้ำท่วมห้องหรือไง” โม ญ พูดไปก็พลิกๆหนังสือที่วางกองไว้บนโต๊ะผ่านๆ เหมือนไม่ค่อยใส่ใจ

“กูว่ามันก็ยังดีอยู่ แค่น้ำซึมเป็นบางเวลา” ไอ้รันย์พูดพลางส่งสายตายิบๆมาให้  

“เงียบไปเลยเมิง” ผมหันไปกัดไอ้รันย์

“นี่กรูพลาดอะไรไปป่าววะ?” โม ญ ว่า พลางมองเราสองคนก่อนจะวางหนังสือคืนที่

“ไม่หรอก”







“เหม่อๆ ไอ้นี่”เกิดมาเป็นคนที่เพื่อนๆรักนี่ก็น่าหนักใจนะครับ หนักใจว่าหัวจะล้านเพราะพวกมันตบเล่นนี่ล่ะครับ

“เออ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นไอรันย์เลยว่ะ มันหายหัวไปไหนเนี่ย” ไอ้เสียดเพื่อนรักตั้งข้อสังเกต ก่อนจะนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนๆ บ้างกินข้าวเย็น บ้างนั่งเป็นกำลังใจให้เพื่อนกินข้าวเย็น

“ติวน้องมั้ง”  กิจกรรมติวน้องตามภารกิจเด็กทุน รับงานเก็บชั่วโมงใช้กรรมกันไปตามระเบียบ

“ติวน้องหรือติดน้องวะ”

“เดี๋ยวนี้มันไม่กิ๊กเด็กแล้วว่ะ กรูล่ะอุตส่าห์เชียร์มันกับน้องคนนั้นอ่ะ คนที่ขาวๆหุ่นนางแบบๆ” เพื่อนๆพยักหน้าเห็นด้วย  

“กรูว่านะ มันต้องมีตัวจริงว่ะ” ผมฟังแล้วก็พยักหน้าตาม อาจจะจริงของมัน ฟังพลางดูดน้ำเขียวปั่น

“เมิงว่าเป็นคนในป่าววะ?”  ผมเงยหน้าขึ้น ทุกสายตาในโต๊ะหันมามองที่ผมหมด งานเข้าสิครับ

“ทำไมมาถามกรูวะ?”

“ก็เมิงสนิทกับมันสุดนี่หว่า” เพื่อนๆยังถามด้วยสายตาคาดหวัง

“ไม่รู้ว่ะ” พอได้ฟังคำตอบ เพื่อนๆ ถอนหายใจแบบเซ็งๆ  ทำท่าจะแยกย้าย

“อะไรวะสนิทกันภาษาอะไร”

“ไม่รู้ว่ะ คนในมั้ง ไม่เห็นมันจะไปไหนหลังเลิกเรียน”

“เมิงว่าคนในนี่ในระดับไหนวะ?” ไอ้เสียดตั้งข้อสงสัย กลายเป็นว่าทุกคนเข้ามาสุมหัวกันชนิดเหากระโดดกันเลย

“คนใน....หรือคนนอก” ผมมองตามปลายหลอดไอ้เสียดที่ไปซ้ายที....ขวาที

“คนนอกกรูไม่เห็นมันจะคุยกับใครจริงจัง หรือว่าคนใน…?”

“ผู้หญิงในคณะ มันจะมีสักกี่คน” เพื่อนๆเริ่มสุมหัวนับจำนวนผู้มีโครโมโซมเพศหญิงอย่างจริงจัง

“เจ๊ๆสภาฯ?” บางคนส่งเสียงหึ้ย~ อย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ไม่แน่นะเว้ย  เมิงไม่เคยได้ยินหรอวะ อยู่ด้วยกันมากๆแล้วจิตมันผูกพันผูกกัน จากไม่สวย ไม่เข้าตา กลายเป็นน่ารักแปลกๆ” เอาเข้าไปครับ ไอ้เสียด เมิงนี่ใส่เชื้อไฟเก่งอิ๊บอ๋ายเลยครับ เพื่อนๆก็ฮือฮากันใหญ่สิครับ ผมได้แต่ฟังเงียบๆต่อไปครับ

“โม ญ หรือเปล่า วันก่อนนะเว้ย  เห็นงุบงิบส่งอะไรให้กันไม่รู้  มีลับลมนะเมิง”

“ชิบหายแล้ว”อืมมม...เรื่องนี้ต้องสอบสวนสิครับ

“กูต้องเอามะพร้าวล้างหน้าไหมวะเนี่ย”

“นั่นมันคนตาย”

“ใครจะเอามะพร้าวล้างหน้า เดี๋ยวโม ญ ช่วยขัดให้ด้วยรองเท้าเบอร์สามสิบแปด”เจ้าตัวส่งเสียงเย็นๆ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้

“ป่าวค๊าบบบ”

“จะขึ้นไปหารันย์หรือเปล่า ฝากเท็กซ์ให้น้องกรีนหน่อยสิ” โม ญ ว่าพลางวางถุงใส่เท็กซบุ๊กค์เล่มหนาบนโต๊ะ

“ขึ้นไปด้วยกันดีกว่ามั้ง”

“ทำไมอ่ะ อยากคุยกับเราหรอ?” โม ญ ถามเสียงหวาน ยิ้มหวานให้ด้วย  ก่อนเดินออกมาทิ้งเพื่อนคนอื่นๆให้ตั้งวงเสวนากันต่อไป

“หรือว่ากรูจับคู่อะไรผิดไป?” เสียงไอ้เสียดยังเปิดหัวข้อต่อดังแว่วมาให้ได้ยิน


   ทางเดินเชื่อมไปตึกที่ไอ้รันย์ติวหนังสือน้อง ไม่ได้ไกลจากโรงอาหารมากมายนะครับ แค่เดินไปไม่ถึงสามนาทีก็ถึง แต่เราค่อยๆเดินช้าๆ เลียบสนามบาสที่คนเล่นกันมากมาย เดินสวนกับเหล่ามนุษย์ลดพุงวิ่งจ๊อกกิ้งยามเย็น   ผมเดินนับอิฐบลอคปูถนน ทั้งที่รู้ว่า โม ญ รอให้ผมเป็นฝ่ายเปิดปากก่อน

“เมิงจะถามเรื่องไอ้รันย์ หรือจะสารภาพรักกรูวะ  แค่นี้พูดยากพูดเย็น” โม ญ ชักจะทนไม่ไหว

“ค...ครั๊บบ!” สุภาพเลยครับ เจอมุขนี้ แบบว่าตกใจ

“มีอะไรจะถามใช่ไหมล่ะ ถามสิ ถามมม~” ผมว่า ถ้ากระชากคอเสื้อได้มันทำแล้วอ่ะครับ

“ครับๆ  ถามก็ถาม” ผมพยายามจะเรียบเรียงคำถามขณะอยู่ที่โถงลิฟท์  จนลิฟท์มาแล้วก็ยังไม่ได้ถาม จนเข้าไปในลิฟท์ก็ยังไม่ได้ถามอีก โม ญ กดหมายเลขชั้น

“คือ....เห็นพวกมัน เล่าว่า…..” ประตูลิฟท์ที่กำลังจะปิดลงกลับเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเซนเซย์(*อาจารย์) ท่านหนึ่งก้าวเข้ามา นักศึกษาที่ดีควรจะกล่าวคำทักทาย ก่อนทั้งลิทฟ์จะเคลื่อนตัว ไปพร้อมกับบรรยากาศมาคุภายใน

   ผมละอยากจะร้องไห้ จนมาถึงห้องติวของไอ้รันย์แล้วก็ยังไม่ได้ถาม เราเปิดประตูเข้าทางหลังห้อง เนื่องจากเดี๋ยวจะรบกวนการเรียนของน้องๆปีหนึ่ง หน้ากระดาน ไอ้น้องเขียวกำลังติววิชาสแตติกให้น้องชั้นปีที่หนึ่งอย่างมีสมาธิ ผมแอบยิ้มให้ลายมือเป็นระเบียบคุ้นตา ที่เจ้าตัวนั่งที่โต๊ะคอมหน้าห้อง  ส่งยิ้มกว้างขวางมาให้ผมที่หลังห้องทันทีที่เห็น

“หน้าบานเชียว หมั่นไส้จริงๆ” โม ญ ทำเสียงหงุงหงิง

“มีน้ำไหม หิวน้ำ”ไอ้รันย์ที่เดินเลียบจากหน้าห้องมาหลังห้องถามขึ้นทันที  เสียงมันเริ่มแหบๆ เหมือนคนจะเป็นหวัด

“มีน้ำแข็งละลายแล้ว” ผมยกแก้วน้ำเขียวปั่นที่ผมดูดไปจนเหลือแต่น้ำแข็งให้ละลายต่อให้มันดู  มันจับมือผมแล้วดูดน้ำแบบไม่ต้องคิด

“อุ้ย! ไฟช๊อต” เสียงทีมพากษ์มันแทรกอ่ะครับ

“อุ้ยไฟดูด” ไอ้รันย์หันไปจับบ่าโม ญ เขย่าๆให้หัวสั่นหัวคลอน

“ทำไมขึ้นมาเร็ว เดี๋ยวเลิกแล้วไปกินข้าวกัน”

“อืม” ผมพยักหน้ารับ

“พี่เมศครับ เขียวหิวน้ำ” ไอ้เขียวยื่นปากมาขอมีส่วนร่วม สายตาน้องๆราวๆยี่สิบคู่จับจ้องที่ผมทันที

“เอาน้ำใต้ศอกพี่ไปก่อนไหมจ๊ะน้องเขียว” โม ญ คันปากอดไม่ได้

“ถ้าเป็นพี่ ผมให้พี่ฝันศอกใส่เลยดีกว่าครับ”

“เดี๋ยวจะโดน เท็กซ์เมิงไม่ต้องเอา” ดูพี่น้องตีกัน มันสนุกดีนะครับ

“อีกสักชม. รอไหวไหม?” ผมพยักหน้า ก่อนจะนั่งเก้าอี้ตัวที่หลบหลังเสา ไอ้รันย์มันพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะแกะเข็มขัดตัวเอง  ถอดกางเกงยีนส์ออกหน้าตาเฉย

“เฮ้ยทำไร!”  ผมอุทาน แทบจะเป็นเสียงเดียวกับโม ญ

“อุ้ย ผู้ชายแก้ผ้า” โม ญมันว่าแล้วหัวเราะชอบใจ

“ร้อน” ไอ้คุณชายรันย์มันว่า ดีนะครับว่าใส่บอกเซอร์ลายโดราเอม่อนเป่ายิงฉุบ ถ้าใส่อย่างอื่นหรือไม่ใส่นี่หนาวกันทั้งห้องแน่นอน  มันว่าแล้วถอดรองเท้าด้วย เดินไปสอนน้องต่อที่หน้าห้อง  


   


   กว่าไอ้รันย์จะติวเสร็จ ฟ้าก็มืดแล้วครับ  ผมหลับจนตื่น จนหลับอีกรอบก็ยังไม่เสร็จ จนในที่สุด ท้องผมมันก็เริ่มร้องทุกข์อุธรณ์เสียงดังโครกคราก จนผมเกือบทนไม่ไหว พี่ติวเตอร์ทั้งสองก็ปล่อยน้องๆกลับบ้านพอดี ไม่ต้องถามถึงโม ญ นะครับ รายนั้นวางหนังสือแหมะไว้แล้วหายลับไปนานแล้ว  ผมเอาคางเกยโต๊ะมองไอ้รันย์กับน้องเขียวปรึกษากันเรื่องนัดต่อไปสำหรับการติวอยู่เงียบๆ   เห็นน้องคนนึง ยื่นพิงหลังกับกระจกนอกห้องเหมือนคอยใครอยู่  ไอ้เขียวหันมาร่ำลาก่อนจะเดินออกไป คุยกับน้องคนนั้น แล้วเดินไปด้วยกัน  ผมเอียงคอมองแบบหมาสงสัยจนไอ้รันย์ถาม

“มองเข้า อิจฉาเขาหรือไง” มีงอนๆ

“เปล่า แค่สงสัยว่าน้องคนนั้นเป็นใคร”

“อยากรู้อ่ะดิ” ผมพยักหน้าอยากรู้

“ไหนค่าจ้าง?” ไอ้รันย์แบมือ

“ไม่สิ ต้องแบบนี้” ไอ้รันย์ทำแก้มป่องหันใส่  ผมคว้าปากกาที่เหน็บเสื้อ มาทำท่าจะจิ้ม

“หูย ขอค่าจ้างนิดหน่อยเอง”

“ไม่อยากรู้แล้ว” ผมรีบเดินออกจากห้องครับ แบบว่า บรรยากาศเดี๋ยวมันจะเป็นใจไป  เดี๋ยวอาจจะเป็นอันตรายต่อเอกราชได้

“เอากางเกงคืนมา  ไม่อยากให้ใส่ก็ไม่บอก” ผมรีบเขวี้ยงทิ้งเลยครับ แท๊กยีนส์ตัวเก่งของมันเนี่ย

“รีบไปไหนอ่ะ หิวมากหรอ” ไอ้รันย์รีบวิ่งตามผมมาที่บันได เพราะจริงๆชั้นที่มันติวกันไม่ได้สูงมากจนลงกระไดไม่ไหว  มือมันจับบ่าผมไว้ทั้งสองข้าง ผมรีบเบี่ยงตัวหลบ

“เมิงลงไปก่อนเลย” ไอ้รันย์ทำตาโศกน่าสงสารขึ้นมาทันที  มันยอมเดินลงกระไดเงียบๆล่วงหน้าไปก่อนจนถึงเชิงพัก แล้วเงยหน้ามองผมด้วยนัยน์ตาเรียกคะแนนสงสารสุดๆ

“เมศโกรธรันย์หรอ”

“เปล่า?”
 
“ได้ไง เห็นๆอยู่ โกรธเรื่องอะไร?” น้ำเสียงอ่อนๆนั้นทำเอาใจอ่อนยวบตามไปด้วย ไอ้รันย์ทำหน้างอปากบิดเป็นหอยมือเสือขึ้นมาทันที

“เปล่าไม่ได้โกรธ”

“งั้น...งั้นเรามาเล่นเกมส์กัน  รันย์จะพูดเกี่ยวกับเมศ ถ้าใช่ให้เมศเดินลงมาหนึ่งขั้น ถ้าไม่ใช่ที่ถอยกลับขึ้นไปหนึ่งขั้น”

“แล้วไง?”

“ถ้าเมศถอยไปถึงกำแพง รันย์จะยอมทำตามใจเมศหนึ่งอย่าง  แต่ถ้าเมศลงมาถึงตรงรันย์ยืน เมศต้องทำตามใจรันย์หนึ่งอย่างเหมือนกัน”  ท่าทางผมจะทำหน้าคิดตามอยู่นาน มันเลยถามเร่งเร้า

“ว่าไงครับเล่นไหม?”

“เล่นก็ได้” ไอ้รันย์ทำท่านับขั้นบันได

“เริ่มละนะ”

“เมศเกิดวันที่สอง เดือนXX” ขี้โกงนี่หว่าถามแบบนี้ แต่ในเมื่อมันถูก ก็ต้องทำตามกติกาครับ  ผม ก้าวลงมาหนึ่งขึ้น

“เมศร้องเพลงชาติไทยได้” ดูมันเดา ไม่ได้มั้งเนี่ย ผมก้าวลงมาหนึ่งขั้น

“เมศชอบกินปลาทูกับชะอมชุบไข่” เอา..ถูก

“เมศไม่กินขนมปังลูกเกด” ถูกอีก

“เมศชอบกินนมรสสตรอเบอร์รี่”

“ทำไมเดาแต่เรื่องกิน”

“เอาน่ะ มันถูกใช่ไหมล่ะ”  จริงของมันครับ ผมก็เลยต้องก้าวลงมาหนึ่งก้าว ครึ่งทางแล้วครับ

“สีโปรดคือสีม่วง”

“ผิด!” ผมละอยากจะตะโกนดังๆ แล้วกระโดดกลับขึ้นไปขั้นเดิม

“อ้อลืมไป เดี๋ยวนี้สีเขียวมาแรงกว่า”

“เมศมีตุ๊กตาม้าขาวชื่อมอลลี่ได้ฟรีมาจากธนาคาร ตอนนี้มอมแมมแล้วเพราะฟัดบ่อย” ผมหรี่ตาอย่างชักเคืองๆ ก่อนจะก้าวลงหนึ่งก้าว  คนถามยิ้มกว้างนัยน์ตาพราว

“เมศเป็นเพื่อนกับรันย์มาหลายปี”  ผมทำท่ายกนิ้วขึ้นนับบ้างก่อนจะเอียงหัวแบบพอหยวนๆ แล้วก้าวลงหนึ่งก้าว

“แอบรู้สึกดีเวลาไอ้รันย์กวนตรีนใกล้ๆ” อืม...ก็ท่าจะจริง ผมก้าวลงอีกหนึ่งก้าว

“เมศรู้ตัวว่าไอ้รันย์คิดมากกว่าเพื่อน” เอาแล้วไง  ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่อยากจะโกหก เลยก้าวลงมาอีกหนึ่งขั้น

“เมศทนไม่ได้ถ้าเห็นรันย์ไปยุ่งกับคนอื่น ....แบบมีก๊งมีกิ๊ก” เซลล์สมองผมเล่นกีฬาสีแบ่งพวกกันอยู่ในหัว

“ยอมรับความจริงเหอะนา”เสียงหนึ่งในหัวมันบอก

“ยอมง่ายๆได้ไง๊” อีกเสียงมันค้าน  ผมเชื่อเสียงนี้เสียด้วยสิครับ เลยก้าวขึ้นหนึ่งก้าว

“อ้าวกรรม”ไอ้รันย์อุทาน

“เมศแกล้งรันย์”ผมก้าวลงมาหนึ่งก้าว ระหว่างผมกับมันเหลือแค่ขั้นเดียวเท่านั้น ผมมองเข้าไปในดวงตาคู่คม มันกำลังเป็นกระกายยิบๆที่เวลามองสบแล้วมันรู้สึกจักกระเดียมบอกไม่ถูก

“คุณเมศพร้อมสำหรับคำถามสุดท้ายหรือยังครับ? ล้านจะแตกแล้วนะครับ” ไอ้รันย์ทำเสียงเป็นพิธีกรเกมส์โชว์

“ล้านนี้สิจะแตก” ผมชี้ไปที่หัวล้านแทน ไอ้รันย์หัวเราะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“เมศรักไอ้รันย์”ผู้รู้สึกเหมือนเจอข้อสอบเอ็นทรานซ์ครับ  หัวใจมันเต้นแรงๆ หน้าร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก จะตอบว่ายังไงดีครับ จะก้าวขึ้นก้าวลง ต้องคิดถึงสีผ้าปูโต๊ะ หรือน้องนกหรือเปล่า
.
.
.
.
.
.
.

.
.
.
.
.
.
“มีเวลาคิดนะครับ คิดให้ดีนะครับ” เสียงไอ้รันย์บอกเบาๆ  สายตามันคาดหวัง และตื่นเต้น
.
.
.
.
.
.
.
.
.

.
.

.
.
.
.
.
.

   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกระเบิด มันร้อนไปหมด แต่นี่คงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดแล้วครับ ที่ผมจะได้บอกความจริงกันมันสักที   ผมยื่นเท้าออกไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้าวลงมาขั้นต่ำกว่าอย่างมั่นคง  ผมได้ยินเสียงไอ้รันย์หัวเราะเสียงดัง เป็นเสียงหัวเราะของความยินดีที่เก็บไว้ไม่อยู่   เราต่างยิ้มกว้างให้กันทั้งที่ต่างเขินๆบอกไม่ถูก  

“รันย์ชนะแล้ว ถ้างั้นต้องทำตามสัญญานะ” ผมพยักหน้า ทำก็ทำครับแต่...

“ขอพิจารณาก่อนว่าที่ขอนี่รับได้ไหม?”

“หูย ขี้โกง~”

“จะขออะไรล่ะ?” ไอ้รันย์ทำท่าให้เอียงหูมา  ริมฝีปากหยักสวยกระซิบคำขอนั้นอยู่ที่ริมหู  ก่อนจะถอนกลับไปก้าวหนึ่ง เม้มปากรอการพิจารณาคำขอ

“อืม ได้สิ แต่จนกว่าจะหมดอายุนะ” รันย์ทำหน้างง

“เราจะคบกันจนกว่าจะหมดอายุขัยความรักไง  แต่หมดเร็วหมดช้านี่อีกเรื่องนึง”

“อย.รับประกันว่าหมดอายุช้าแน่นอน”

“แล้วอย.เกี่ยวอะร?”

“อาหารตาและยาใจไง” มันว่าแล้วหัวเราะเสียงดังๆ ท่าทางดีใจออกนอกหน้า

“คุณพระ มุขรุ่นพ่อหรือเปล่าเนี่ย”

“น่ายืมๆกันมาก่อน”



   ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ขอบรั้วสถาบันเริ่มเงียบเหงานักศึกษาบางตากว่าตอนกลางวันมากแล้ว สายลมเย็นๆพัดผ่านชวนให้สดชื่น  ผมสูดกลิ่นอายความสดชื่นไว้เต็มปอด มองแผ่นหลังไอ้รันย์ที่เดินนำหน้าด้วยความรู้สึกยินดี  ด้วยความหวัง ว่าอายุขัยความรักของเราจะยาวนานไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานช้า ไม่ว่ามืดหรือสว่าง ให้เราก้าวไปด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน ให้ความรักส่องนำหัวใจให้สว่างสดใสเช่นนี้ไปอีกยาวนาน



********************

อัพไม่บอกกล่าวอีกเเล้ว ฮ่าๆ

ปล.น้ำยังไม่อาบเลยทำไงดี อุวะฮ่าๆๆๆ :m20:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-03-2010 02:10:34
^
^
จิ้มๆ
อ้าว เฮ้ย ก็ว่าเหม็นๆ ยังไม่ได้อาบน้ำนี่หว่า
 :z10:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 24-03-2010 16:46:34
กรี๊ดด ในที่สุด :impress2:

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 24-03-2010 16:55:52
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย รอนานมาก~~~~~~~~~!!
 
คาดว่าเมศจะตัดสินใจนานมาก เอิ๊กๆ  >,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,<   :กอด1: กอดกันนะ คิดถึง
 
 
รอตอนต่อไป คร๊า~~~~~~!!~ น่ารัก ง่าส์
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinkle ที่ 24-03-2010 18:14:51
 :L2:

 :z3:เนื้อเรื่องใกล้จบ     :z3: :z3:กว่าจะจบคาดว่าจะเป็นไตรมาสหน้า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 24-03-2010 20:17:27
จำไม่ได้แล้วเนี่ยว่าตอนก่อนเกี่ยวกับอะไร ขอกลับไปอ่านก่อน แต่ดีใจมากๆ ที่เมศยอมรับรันย์ซะที
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: wing ที่ 25-03-2010 11:46:20
ตอนนี้แอบหวานในที่สุดเมศก็ยอมรับรันย์ซักที แม้จะนานไปหน่อยก็เถอะ
รออ่านต่อครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ppgf ที่ 25-03-2010 12:16:54
 :o8: :o8: :o8:
น่ารักจัง อย่าบอกนะว่าจะจบแล้ว ไม่ ไม่ ไม่ :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 25-03-2010 12:37:18
  :-[  น่ารักอะ พอมีบทน่ารักน่าหยิก อย่างนี้ก็จะจบ

แอบงอนคนเขียน :z3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-03-2010 12:55:53
คู่นี้ รู้ใจกันแล้ว  :mc4:  :mc4:  :mc4:
อย่าเพิ่งรีบจบสิค่ะ ขอหวานๆ กันก่อน
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 25-03-2010 13:27:25
กรี๊ดดด ในที่สุด ><
'อายุขัยความรัก' 'อาหารตาและยาใจ' 5555
พอกันเลยทั้งคู่ น่ารักกๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 25-03-2010 13:50:43
 :กอด1: :กอด1:

พี่รันย์น่ารักไม่ทนนะ
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โฮๆๆๆๆๆ

เมศด้วย
ชอบเกมส์ที่เล่นกันอ่ะ
ซื่อสัตย์ดีชะมัดเลย
งื้อออออ

ไม่มีหมดอายุแน่ๆล่ะค่ะ
คิดว่านะ  อย. รับประกันซะขนาดนั้นแล้ว
ฮ่าๆๆๆๆ
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 25-03-2010 15:28:10
ไอเดียเกมส์นี้ ส่งตรงจากหนังเรื่องซิกส์เซนส์เลยนะคะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ปล. เเล้วหนังผีเกี่ยวอะไร  เเต่มันเกี่ยวจริงๆนะ :jul3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 25-03-2010 17:08:41
อืม ในที่สุดก็บอกความในใจกันซะทีเนอะ

ลุ้นกันต่อไปว่าเมศจะเสียจิ้นเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-03-2010 19:44:11
ฉากหวานๆก็ได้อ่านกันแระ แล้วเอ็นซีนี่พอจะมีหวังมั้ยคะ :haun4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 25-03-2010 20:29:46
แหมๆ เล่นกันงี้เลย แหมๆ
หวานได้อีก ระวังตกบันได
ไปจ๊ะเอ๋สาวๆสภาที่ใต้ถุนบันไดนะ
พวกเจ๊แกนี่น่าจะมีสปายอยู่ทุกที
สาววายเด๋วนี้เค้าแรงจริงๆ 555+
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 25-03-2010 20:35:25
หูย... น่ารักมากๆอะ

มุขถามคำถามตรงบันไดนี่ สุดยอด คิดได้ไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: wickedwoman ที่ 25-03-2010 23:43:48
ตื่นเต้นค่า

อัพแล้วๆ อ่านเรื่องนี้มาตลอดเลย :-[

ชอบคู่นี้จัง :L2: อ่านทีไรมีมุขตลกๆ

มีบทน่ารักๆมาให้ยิ้มได้ตลอด

แอบอยากรู้ กระซิบไรกัน2คนเนี่ย :m31:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: •JaJuJing• ที่ 26-03-2010 01:13:40
มองวันที่ที่มาต่อด้วยความตะลึง

พระเจ้า มาต่อให้อ่านแล้ว   :o12:

น่ารักมากๆเลย ทั้งคู่ 

ว่าแต่ เกมแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ น่าเอาไปใช้บ้าง 

 :z1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 26-03-2010 01:32:24
ผมชอบคู่นี้จัง :man1:

จะจบแล้วหรือครับ  คุณเมศใจร้าย :sad4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 26-03-2010 02:04:28
บอกรักตรงบันได
ก็น่ารักไปอีกแบบเนอะ :o8:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Maria_safe ที่ 26-03-2010 02:15:21
อย.=อาหารตาและยาใจ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดลั่นบ้าน

รันกล้าเล่นนะลูก มุขเสี่ยวแต่โดนอย่างแรง

อ่านแล้วเขินจริงๆ

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 27-03-2010 17:09:00
บทส่งท้าย

   ผมกับไอ้รันย์ที่หิวไส้กิ่ว สุดท้ายก็ได้ขับรถออกไปกินข้างนอกกันจนได้ครับ เพราะว่า ร้านอาหารทั้งหมดปิดแล้ว จะกินข้างสถาบัน คุณชายกินแล้วปวดท้องทุกทีอีกต่างหาก เลยตัดสินใจออกไปกินข้างนอกให้สิ้นเรื่อง  แต่ตอนขับรถออกไปนี่สิครับ ไอ้รันย์ มันอยู่ๆ จอดรถปักหัวเข้าแอบข้างทาง ก่อนจะรีบเดินไปที่ป้อมยามด้วยเสื้อยืดกางเกงบอกเซอร์ลายโดราเอม่อนเป่ายิงฉุบและรองเท้าผ้าใบเน่าๆ ทิ้งผมไว้บนรถ


“พี่ยามครับ คือว่าผมมีอะไรจะบอก”  ไอ้รันย์เดินหน้าเครียดไปบอกพี่ยามหน้าถาบัน

“พี่ครับ ผม....ผม”พี่ยามทำหน้าลุ้นตาม

“ผม.....ผมมีแฟนแล้วคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบ” ไอ้รันย์ตะโกนเสียงดังหมาประจำถาบันถึงกับสะดุ้งลุกเดินหนีกันเลย

“เท่านี้ล่ะครับ ลาละครับ” นายศรันย์นามสมมุติครับทุกคน จำหน้ามันไว้นะครับ มันเพี้ยนๆจิตไม่ค่อยปรกติ ใครพบใครเห็นอย่าได้เข้าใกล้มันนะครับ

“อย่าหัวเราะสิวะ” ไอ้รันย์มันว่าพลางปิดประตูรถคาดเข็มขัดเตรียมขับออกไป

“ก็เมิงไม่เต็มอ่ะ” ผมขำจนน้ำตาไหล

“ก็ดีใจได้ป่ะล่ะ”

“เออๆ ไปเหอะ หิวไส้จะบิดเป็นเงื่อนพิรอดแล้ว” ไอ้รันย์ขับรถต่อไป ขณะที่ผมพยายามขยับขยายพื้นที่นั่งให้พอดีช่วงขา  แต่พอดีไปเตะถูกอะไรเข้า ล้วงๆหยิบขึ้นมาดู เอ...ไอ้ถุงผ้าใบนี้มันคุ้นๆว่ะครับทุกคน

“อะไรวะ?”

“ของโม ญ ให้ยืมมา” ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเปิดถุงผ้าใบใหญ่ดู









   โอ้คุณพระ! ผมละอยากจะเอามือทาบอกสามศอกของตัวเองแล้วร้องโอ๊ะโอ๊ะโอ้ว โนวโนว เป็นพี่ตูนบอดีสลัม  คุณพระ!ขออุทานอีกที  การ์ตูนวาย หรือภาษาชาวบ้านเรียกการ์ตูนเกย์ เป็นสิบเล่ม นอนยิ้มอยู่ในถุง  หน้าป่งหน้าปกนี่ไม่ต้องพูดถึง  ผมหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มพลางกลืนน้ำลายเอื้อก  พลิกผ่านๆ  โอ้มายกอชคุณพระช่วย  มาหมดทุกท่วงท่าแม่เจ้า นี่กรูดูหนังโป๊บนกระดาษหรือนี่  โอ้ว...มันสะเทือนอารมณ์กรูขนาดนี้เชียวหรือนี่

“เอามาทำไมเนี่ย”

“โม ญ ให้ยืมมา มันว่าด้วยความรักและปรารถนาดีเชียวว่ะ”

“แล้วนี่....”ผมกลืนน้ำลายอีกเอื๊อก !

“อ่านแล้วยัง?”

“อืม”  ไอ้รันย์รับคำหน้าตาเฉย  ตายังมองถนนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“แต่กรูว่ามันง่ายไปนิดว่ะ อะไรวะจับกดทีเดียวเสร็จแล้ว ไม่ขัดขืนซะหน่อยวะ” เมิงยังมีหน้าออกความเห็นอีกเร๊อะ


“แล้วมันจะไม่รู้สึกแปลกๆหรอวะ แบบว่า....แบบว่า จับของที่มีเหมือนๆกัน”

“ก็คงไม่มั้ง ถ้ากับคนที่เราชอบอ่ะ” ผมได้ยินเสียงตัวเองระเบิดหัวเราะแบบเสียจริต

“เอาเป็นว่า ถึงเวลาจริงช่วยเล่นตัวหน่อยแล้วกันนะ จะได้เร้าใจ” คนพูดหันมาขยิบตาให้ทีหนึ่ง ก่อนจะเล่าเรื่องแฟนสาวไอ้น้องเขียวต่อไปอย่างหน้าตาเฉย  พอมันเห็นผมเงียบไปนานมันก็ถามขึ้น

“เป่าสากเลย ช่วยหือช่วยอือ ให้กรูรับรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่หน่อยได้ไหม”

“อือ”

“ที่เงียบนี่หรือว่าคิดเรื่องคืนนี้” ผมรีบส่ายหน้าสิครับ กลัวงานเข้า

“ไอ้เมศ   รันย์ไม่รีบหรอกนะครับ ไว้พร้อมค่อยว่ากัน ดีไหม? หือม์” ผมไม่รู้จะตอบมันว่ายังไงครับ ทำได้แค่ดับเบิ้ลพาร์มเฟซ เอามือสองข้างปิดหน้ากันอายเท่านั้น

“เอ๊ะ หรือว่ารีบ!” ไอ้รันย์ทำเสียงตื่นเต้น  ผมรีบส่ายหน้า ฮือๆ อย่าแกล้งกูได้ไหมครับ

“ขอดูหน้าหน่อย  อย่าเอาแต่ปิดหน้าดิ” ไอ้รันย์พูดแล้วหัวเราะ ณ วินาทีนี้ ส่ายหัวเป็นอย่างเดียวละครับ

“ทำเขินๆ” ไอ้รันย์ว่า ก่อนผมจะได้ยินเสียงมันดึงเบรกมือ แล้วดับเครื่องยนต์ลง   ทุกอย่างรอบกายเงียบลงภายในอึดใจ เงียบจนผมได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองชัด ผมจึงค่อยเลื่อนมือลง โผล่มาแต่ลูกกะตา  ไอ้รันย์หัวเราะในคอเบาๆๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้  ริมฝีกปากนั้นแตะลงข้างขมับผมเบาๆหนึ่งที ไม่อายคนเลยนะเมิงเนี่ย

“รันย์ไม่รีบนะ แต่ไม่มีเลยคงจะไม่ได้   รันย์ไม่ยอมนะ…นี่ๆ สัญญาณแล้วเห็นป่าว”  เอานิ้วก้อยมันมาเกี่ยวนิ้วก้อยผมหมับ พร้อมกับทำเสียงอ้อน กับนัยน์ตากรุ้มกริ่มแบบที่ผมเจอทีไร ไม่กล้าสบตามันทุกที นี่ตกลงเมิงจะไม่ให้กรูต่อรองเลยใช่ไหม

“ไปเถอะ หิวข้าวจะแย่แล้ว”



   โอยตาย...หัวใจจะวายตาย (เอ๊ะ คือ Y นี้)  กลับบ้านเมื่อไหร่ผมคงต้องไปอ่านรายละเอียดกรมธรรม์ประกันของผม ว่าครอบคลุมถึงกรณีเสียเอกราชด้วยหรือเปล่าครับ  ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ใครก็ได้ พาไอ้เมศเข้าโรงพยาบาลบ้าไปเลยดีกว่าครับ ฮือ... แบบว่า อีกหน่อยถ้าไม่บ้าจริง ก็คง บ้ารักอ่ะครับ ฮือๆ

END









๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

Talk จบแล้วอ่ะ จบแย๊ววววว ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี  ปีนี้พศ.อะไรคะ  โอ้ยๆงงๆ  เสียจริตตามกันไปติดๆ

ดีใจจังที่เรื่องนี้จบได้ กลัวจะเขียนไม่จบมากเลยเพราะสัญญาไว้กับผู้อ่านหลายๆท่านว่า จะเขียนให้จบ  ดีใจที่รักษาสัญญาได้  แต่ก็แอบเซ็ง ที่ลูกร๊ากกกสองคนต้องจบลง :m15:

ขอออกตัวไว้ก่อนว่า อาจมีพิเศษ หรืออาจจะไม่มีไม่รับปากนะคะ เหอๆๆ กลัวผิดสัญญาค่ะ  สมมุติว่าถ้ามีภาคต่อ (สมมุตินะคะสมมุติ) คงอาจจะเปลี่ยนแนวไปจากเดิมเลยค่ะ คิดว่านะคะ


ขอบคุณสำหรับการติดตามที่ยาวนานมากๆ ประมาณเกือบสามปีได้ ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับกำลังใจ คอมเม้นต์ ทั้งการทวง ถาม โปรเจคนี้ในส่วนของเมศจบลงได้ด้วยดี(?) แม้ว่าจ้าวโปรเจคตัวจริงวายไทย(ดอง)ไปวายโลก ห่างหายไปไหนแล้วไม่รู้ คาดว่าออกอันดามันไปโผล่อ่าวเปอร์เซียร์ไปแล้ว


ยังคงยินดีรับฟังทุกคอมเมนต์เช่นเดิมนะคะ  เมศจะยังคงพยายามเขียนผลงานอื่น ฝึกฝีมือเรื่อยๆนะคะ โดยเฉพาะเรื่องสั้น (เรื่องสั้น ๒๔ชม.) อาจจะมาๆหายๆไปบ้างนะคะ เพราะว่า ติดภารกิจ "ปาท่องโก๋กระทะเเรก" เข้ากรมรับใช้ชาติ เอ้ยม่ายช่ายยย ฝึกงานๆ รวมถึงโปรเจคที่กำลังคืบคลาน กระดึ๊บๆ มาใกล้เข้าไปทุกที :z10:

ขอบคุณอีกครั้งจริงๆค่ะสำหรับการติดตามผลงาน (ที่ดองขนาดไฟล์ต้นฉบับที่เขียนรวมกันไว้ หายไปเเล้ว55+)
เเล้วพบกันโอกาสต่อไปค่ะ


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: wickedwoman ที่ 27-03-2010 17:29:50
กรี๊ด...
จบแล้วหรอค้า ยังไม่อยากให้จบเลยอ่า

ยังสนุก อ่านแล้วยิ้มได้เหมือนเดิมเลย :impress2:
ขอให้มีภาคต่อนะค้า
อยากอ่านต่ออีกเยอะๆเลย ฮ่าๆ
และรอได้แม้ว่าจะช้าแค่ไหนก็ตาม

เป็นกำลังใจให้อยู่นะค้า :L2:

รักเมศรันย์ตลอดไปน้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 24 มีนาคม 2553 (ใกล้จบแย้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 27-03-2010 21:27:21
จบแบบเงียบๆ เอวัง

ตอนบทส่งท้าย ก็สั้น เพราะคนเขียนสิ้นคิด หมดมุกแล้วใช่ปะเนี่ย  :z3:


แต่ก็ขอบคุณนะคะที่คุณเมศ*กัดฟัน*อุตส่าห์เขียนจนจบได้ -*-....  :z2:


ยังไงก็ตั้งตารอคอยสักวันคงมีตอนพิเศษ (มีอะไรดีๆโผล่มาบ้าง 5+ :m25:)


 o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: เกตาเฌอ ที่ 27-03-2010 23:37:19
โอ๊ยๆๆๆ รีเควสตอนพิเศษเลยค่า ภาคต่อได้ยิ่งดี
นานแค่ไหนก็ได้ได้  แต่อยากให้มา นะคะๆๆ

ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 27-03-2010 23:41:37
หอบ... :L2: 

มาให้กำลังใจ คนเขียนค่ะ

จบเร็วจัง... :sad4:

แต่จบแบบน่ารัก ใสๆ ดีค่ะ
เรื่องราวน่ารักได้อีก...

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 27-03-2010 23:51:19
รันย์ทำเราเขินจนถึงตอนสุดท้าย!
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆค่ะ
อ่านเรื่องนี้ทีไรยิ้มออกทุกที
อยากอ่านภาคต่อ ถ้าจะเปี่ยนแนวขอแบบไม่เศร้าน้า แฮะๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 28-03-2010 01:14:44
เเอบอ่านมานาน ในที่สุด   :-[  ส่งตอนพิเศษมากำนันหน่อยนะคะ
ปล. เรื่องนี้น่ารักมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 28-03-2010 01:33:49
 :mc4: ไม่คิดว่าจะได้อ่านบทส่งท้ายเร็วขนาดนี้
หวังว่าคงได้ติดตามผลงานไปเรื่อยๆเนาะ

ส่วนเจ้าของโปรเจคที่ว่า คงไม่ใช่แค่่อ่าวเปอร์เซียแล้วค่ะ
คงรอบโลกไป3รอบแล้วมั้งคะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 28-03-2010 01:43:27
ขอตอนพิเศษต่ออีกได้มั้ยอ่ะ



 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 28-03-2010 02:17:00
อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนๆจัง
พระนายก็น่ารักสมวัย
 o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunaeve ที่ 28-03-2010 15:36:42
อ่านแล้วคิดถึงเพื่อน :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-03-2010 18:48:50
แว๊!!! ผิดหวังหน่อยเดียวที่ไม่ใช่เอ็นซีปิดท้าย :haun4: :haun4:
น่ารักอ่า น่ารักมากๆเลย ถึงต้องฝึกงาน&โปรเจค ก็อย่าลืมแวบมาลงตอนพิเศษบ้างนะคร้า
ขอบคุณคร้าที่แต่งนิยายน่ารักๆแบบนี้ให้อ่าน เป็นกำลังใจให้นะคร้า :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 28-03-2010 19:02:30
ว้าจบซะแล้ว จบได้ไงกันอุตส่าห์ค้างมาได้ตั้ง3ปี  :jul3: มาต่อเลยให้ไวค่ะ
ขอตอนพิเศษหน่อยน่า ทิ้งไว้ค้างๆคาๆแบบนี้ เดี๋ยวยกนิ้วโป้งให้เลย o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 01-04-2010 11:54:13
 :sad4: :sad4: :sad4:

ไม่อยากให้จบเลยครับ 

ผมขอภาคสองและตอนพิเศษ :กอด1:

ด้วยนะครับ

ขอบคุณคุณเมศมากครับที่เขียนเรื่องนี้

ขอบคุณครับ

จะรอและเป็นแฟนครับพร้อมกับกำลังใจที่มีให้เสมอ

ขอบคุณครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: •JaJuJing• ที่ 01-04-2010 14:52:30
จบแล้วหรอเนี่ย  :sad4:
ตกใจเลย ไม่ทันตั้งตัว
อยากได้ตอนพิเศษอ่ะ
มาต่อตอนพิเศษ เถอะนะคะ  :monkeysad:

เรื่องนี้ น่ารักอ่ะ ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-04-2010 15:36:46
น่ารักมากเลย จบแล้วคงคิดถึงคู่นี้มากๆๆๆ อยู่กันมาตั้งนาน

ขอบคุณมากค่ะ เรื่องนี้น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: tvemmyxq ที่ 01-04-2010 21:17:41
ถ้าสิบกว่าเล่มไม่พอ
เอาของป้าไปเพิ่มก็ได้น่าลูก อิอิ


รักน้องเมศ น้องรันย์ค่า >//<
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 02-04-2010 12:13:47
พึ่งจะได้มาอ่านค่ะ ชอบ มา ต่อ แบบไม่ให้สุ่มให้เสียงง~~~~~~++
 
 
จบได้น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มากค่ะ
 
 
น้องเมศ ยอมๆ ไปเถอะ  เจ็บก็แค่ครั้งแรกๆ บ่อยๆ เด๋ว ชิน   :z1:
 
รอตอนพิเศษแล้วกันเน๊อะ เพราะ ภาค 2 นี่คง น๊านนนนนน นานนนน
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: jpkoko ที่ 06-04-2010 23:06:30
ตอนพิเศษ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ (แอบเรียกร้อง)  :call:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 06-04-2010 23:21:30
น่ารักมากๆ ค่ะ ตามอ่านเรื่องนี้มานานมากๆ ดีใจจังที่แฮปปี้กันเสียที
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 07-04-2010 01:25:23
นานนะเนี๊ยะนิยายเรื่องนี้ แต่ไม่แคล้วดองเสียเป็นส่วนใหญ่ :laugh:
ชอบตอนจบนะคะ น่ารักดี แต่แอบเสียดายนิดหน่อย :z1:

แอบหวังตอนพิเศษ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: porlyme ที่ 08-04-2010 14:38:23
น่ารักมากอ่ะ ทั้งเมศ ทั้งรันย์
สาวๆสภาวายนี่ เค้าขอสมัครเข้าร่วมด้วยนะ ชอบเหมือนกันเลย
จบแล้วเค้าขอตอนพิเศษด้วยนะ :bye2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: pollapat ที่ 09-04-2010 06:48:24
โอยยย กว่าจะจบได้ แทบลืมไปแล้วว่าตามนิยายเรื่องนี้อยู่ ตามอ่านมาจากเด็กดีจนท้อซะแระ ว่านานนนนนนน เหลือเกิน  :serius2:  ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆ มากๆ มาให้อ่าน สนุกจริงๆ อ่านไปยิ้มไป  :L2: :L1: :L1: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 21-04-2010 10:08:38
เป็นอีกเรื่องของคุณเมศที่เหมือนเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว...
จบเรื่องราวของเมศกับรันย์จริง ๆ แล้วเหรอ...(อันนี้ถามตัวเอง :m28:)
ขอบคุณค่ะที่เขียนเรื่องน่ารักแบบนี้ให้ได้อ่านกัน
ยังหวังตอนพิเศษและภาคสองท่ี่ไม่มีเค้าเดิมเหลือเลย
อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาด้านอารมณ์ของตัวละคร
เชื่อมือคุณเมศค่ะ!!!!
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 05-05-2010 07:38:04
มารอตอนพิเศษครับ  :man1:
คิดถึง :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: kboom ที่ 08-05-2010 06:22:36
สนุกดีครับ

บวกหนึ่งให้
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: FRODO ที่ 08-05-2010 09:28:16
 :-[  ตามมานานค่ะเรื่องนี้  ในที่สุดก็จบแล้ว  ลุ้นนนนมาก  รอตอนพิเศษ (ถ้ามี)   :call:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 09-05-2010 22:11:17
รันน่ารักมากเลย อยากอ่านตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 10-05-2010 11:41:30

ต๊าย  ลงตอนจบตั้งกะเมื่อไหร่กันคะเนี้ย

แต่ก็ขอบคุณนะคะ

สนุกเช่นเคย

เจ้สอง  :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 10-05-2010 12:06:17
แบบว่าคุณเมศครับ
ไม่ต้องรีบนะครับ
แต่...
ผมรอตอนพิเศษอยู่ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 10-05-2010 23:02:42
เคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เอ...ทำไมเรื่องเราจบเเล้ว ไม่เห็นย้ายไปห้องนิยายจบเเล้วเลย 

สงสัยเพราะเราจบเงียบๆอยู่ในซอกใจ อิอิ

ตอนพิเศษ ยังไร้วี่เเววอยู่เลยค่ะ ฮาๆฮือๆ ก็ไม่อยากให้ความหวังนะคะ กลัวรักษาสัญญาไม่ได้ เหอๆๆ เเต่จะพยายามค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น ยังติชมกันได้เสมอนะคะ ยินดีรับฟัง
เมศยังคงเเวะเวียนมาเยี่ยมชมอ่านคอมเม้นต์เรื่อยๆค่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: dekba428 ที่ 12-05-2010 15:23:32
^
^
^
ขอจิ้มทีนะครับ
ครั้งแรกเลยนะเนี้ย
 :-[

ชอบมากครับสนุกมากๆ
ฮากระจายเลย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 12-05-2010 21:27:20
ตามอยู่นานเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 13-05-2010 04:13:27
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบเลยค่า
สนุกมาก
อยากให้มีตอนพิเศษเลย ไม่สนใจจะเขียนเหรอค๊า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 14-05-2010 09:54:49
จริงๆจะว่าผมเพ้อหรือป่าวก็ครับ ถ้าอยากจะบอกว่า อย่ากอ่านมากกว่าตอนพิเศษ อยากอ่าน
ภาคต่ออ่ะคับๆๆๆๆ เปลี่ยนแนวก็ไม่เป็นไรครับ
เหมือนคุณเมศจะลืมนะ อิอิอิอิ
เป็นกำลังใจให้กับการฝึกงานนะครับผม
รอต่อไป :man1:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 14-05-2010 21:30:31
เคยอ่านมาจากเด็กดี
...ใน ในที่สุดก้ได้อ่านจนจบ 555 :impress2:

สนุกค๊า ชอบมากกกเลย มามะจีวฟฟฟ
แอบรอตอนพิเศษ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: sundaysundae ที่ 16-05-2010 14:54:46
น่ารักอ่ะ ตอนแรกแอบว่ารันย์จะได้เลยไม่เชียร์สุดตัวแล้วนะเนี่ย
แต่เมศก็เขินดีได้ใจเลย
เรื่องฮาดีจังชอบตอน เป็นดอกลั่นทม ฉันเคยเด็ดดม ฉันเคยเด็ดเล่นฯ
ฮามาก อ่านแล้วก็นึกถึงมุกนี้ตลอด
เมศก็ฮาดีอ่ะ มีมุกเด็กแอดรุ่นผ้าปูโต๊ะด้วย
ขอบคุณมากค่ะทั้งคนโพสและคนแต่งด้วยงัฟ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 16-05-2010 22:55:11
อ่านจบแล้วครับ
เรื่องน่ารักๆๆ

ชอบโม ญ มาก ญวายของเเท้ :call:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 18-05-2010 20:47:02
มารอ ครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: unnoname ที่ 26-05-2010 16:55:20
จบแล้วหรอคะ ชอบเรื่องนี้มากๆ อ่านแล้วมีความสุข
ยิ้มตลอดเลย รันย์กับเมศน่ารักจิงจัง
อยากอ่านตอนพิเศษมากๆเลยคะ อ้อนๆๆๆ
ภาคต่อก็อยากอ่านนะคะ แต่ว่าแหวกแนวยังไงอย่าให้จบเศร้าก็พอคะ แหะๆ
ยังไงก็จะติดตามเรื่องต่อไปของเมศอีกคะ เป็นกำลังใจให้ สุ้ๆนะคะ V^_^V
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: nbom_pkai ที่ 27-05-2010 23:43:01
อ๊ากกกกกกกกกกก

ทำไมตัดจบอย่างงี้ๆๆๆๆๆ

ขอ NC ให้มันกระชุ่มกระชวยหน่อยคร้าบบบบบบบบบบ

อิอิ

แต่น่ารักดีครับ

เฮ้อ  อยากมีแบบนี้บ้าง

รถไฟฟ้า ช่วยมาหาผมที!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 01-06-2010 13:07:49
แอร๊ยยยยยยยยยยย จบแล้วเหรอเนี่ยย
ขอกรี๊ดดังๆหนึ่งที ฮ่าๆ
เรื่องน่ารักสดใส ชอบจัง
ขอบคุณฮะ
ปล.อยากให้มีตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่ที่รัก ที่ 05-06-2010 12:49:16
ตอนจบน่ารัก
 o18
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 26-06-2010 14:08:57
ระวัง!

มันกำลังจะมา~

:laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 26-06-2010 21:29:16
 :m32:


:m7:



ไม่ต้องห่วง

จะรอรับเต็มที่
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มีนาคม 2553 (บทส่งท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 27-06-2010 01:17:56
ตอนพิเศษ Safari love
     

   อาห์.....ผมได้ยินเสียง....อาห์ ใช้แล้ว เสียงแอร์ดังหึ่งๆในห้องที่บ้านของผมเอง เสียงหมาที่บ้านมันเห่าอยู่ไกลๆ ตุบ! เสียงมะพร้าวหล่นจากต้นใช่ไหม  ผมงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นครับ  มองออกไปนอกหน้าต่าง ช่างเป็นเช้าที่ขะมุกขะมัวเสียไม่มี  มีใครเป็นมนุษย์อารมณ์ตามสภาพอากาศมั่งครับ ผมเป็นนะครับ วันไหนแดดออกจะสดใสซาบซ่านกะชีวิตมาก วันไหนฟ้าหลัวๆก็สติหลัวๆตามไปด้วย เช่นเดียวกับวันนี้ครับ   

“จะตกก็ตกเลย อย่ามัวอมพะนำ” ผมพูดจาหาเรื่องกับดินฟ้าอากาศพลางเปิดทีวี หาข้าวเช้ากิน

“ตื่นแล้วหรือ?” เสียงทุ้มคุ้นๆหูพูด ขณะมืออุ่นจับมือผมที่ถือช้อน ตักอาหารจะเข้าปาก  ผมออกแรงยื้อไว้ไม่ให้มันทำสำเร็จ

“คำเดียวเอง” ไอ้รันย์มองด้วยสายตาออดอ้อน มีหรือผมจะตกหลุมมัน

“คำเดียวก็ไม่ให้”

“นะ...น๊า~”

“มาอะไรนักหนา ตื่นก่อนก็กินข้าวแล้วนี่” กฎของบ้านผมล่ะครับ ใครตื่นก่อนคนนั้นกินก่อนได้เลย ไม่ต้องรอให้เสียเวลา  แต่ไอ้รันย์ออกแนวมาก่อนผมตื่นมันเลยกินก่อน เป็นข้อยกเว้นด้วยแรงพิศวาส

“อย่าหงุดหงิดดิค๊าบบ~  มันไม่เหมือนกันนะขอบอก”  ผมขมวดคิ้ว มันจะไม่เหมือนกันได้ยังไงครับ โจ๊กสำเร็จรูป ตราไก่กุ๊กกิ๊ก ใส่ไข่หนึ่งฟองเหมือนกันเป๊ะๆ

“จะเหมือนกันได้ไง  ในเมื่อชามนี้ มีเมศจับช้อนป้อนใส่ปาก” โอ้โห....น้ำเน่ายุงชุมแต่เช้า

“จับมือกรูแน่นขนาดนี้ ถามกรูยังว่าเต็มใจป่าว”

“เต็มใจสิ....เน๊อะ” ยอมก็ได้วะครับ ไอ้คุณรันย์  ผมบรรจงป้อนโจ๊กร้อนๆ(มากด้วย) โดยไม่มีการช่วยเป่า พอเห็นไอ้รันย์ทำแก้มพองเป็นลิงอมเผือก ก็คว้าแก้วน้ำตัวเองขึ้นจิบหน้าตาเฉย  ปล่อยให้มันวิ่งเข้าครัวไปหาน้ำเอาเอง

   จนสายแล้ว เมฆบนฟ้ายังไม่ยอมสลายการชุมนุม  อัดแน่นบนท้องฟ้ามากกว่าเดิม  อ้อ...ผมอาจจะยังไม่ได้บอกนะครับ ว่าวันนี้ผมกับไอ้รันย์มีแผนจะไปเที่ยวกันครับ เป็นการหลบร้อน ไปดอมดม กลิ่นมูลกัน  ไอ้คุณรันย์อาบน้ำตัวหอมฉุย ใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อต ที่ผมค่อนขอดมันว่าดูไกลๆเหมือนผ้าขาวม้า กับกางเกงขาสี่ส่วนพับชายขึ้นและรองเท้าแบบสลิปออน พร้อมกับเหน็บแว่นตากันแดดไว้กับอกเสื้อ...จะหล่อไปไหน  แล้วดูผมสิครับ  เสื้อคอปกลายดินสอสี กับกางเกงขาก้วย เข้าคู่กับน้องช้างดาว แต่ลงมาแล้วแม่ด่า เลยเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบเน่าๆหนึ่งคู่ หัวหูเซ็ตทรงมาอย่างดีจากที่นอนหมอนและผ้าห่ม

“น้ำก็ไม่อาบ” ไอ้รันย์บ่น เมื่อเราขับรถไปตามถนน

“อาบแล้ว”

“แน่ใจ?”

“อาบแล้ว”ผมยืนยันหนักแน่น โดยละประโยคท้ายไว้ว่า....หรือเปล่า

   ไม่นานก้อนเมฆที่ทำอมพะนำอยู่นั้น ก็ตกลงมากลายเป็นฝนเม็ดใหญ่ที่กระทบกระจกทีดัง ปะ! ปะเป็นคำวิเศษแทนเสียงฝน(ดูมีหลักการแบบเมศๆ = ไถเถือกแบบเมศๆ) ด้วยขนาดใหญ่น้ำหนักน้ำเยอะ เวลามันกระทบกระจก มันจึงไม่ดังแปะ แต่ดังปะแทนครับ  ท่ามกลางเสียงสรรเสริญเยินยอจากพลขับหน้าหล่อของเหล่าแม่ยก มาถึงตอนนี้ผมก็แอบนึกเสียใจหน่อยๆหลังจากคิดได้ว่าวันนี้มีปลายทางอยู่ที่ไหน ที่ไม่หาเสื้อลายเสือดาว มาใส่ให้เข้าบรรยากาศ

“ตกเข้าไป ตกเลย ตกเข้า อย่าตามกรูไปซาฟารีเวิล์ดนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”

“แล้วเมิงจะทำไงวะ ถ้ามันตามไป”

“หึหึ” ไอ้รันย์หัวเราะในคออย่างมีชั้นเชิง

“ถ้ามันตามไป.................กรูก็จะ”

“กางร่ม” โอ้ว้าวววว....แมนสุดๆฉุดไม่อยู่  ถ้าผมเป็นเทวดาประจำก้อนเมฆ จะกลัวมันม๊ากกกมากกก 

   การเป็นโคไพรอต เอิ่ม คือ คนที่นั่นคู่กับคนขับน่ะครับ ที่ดีสำหรับเดินทางนานๆของคู่รัก อาจจะเป็นการป้อนข้าว ป้อนน้ำ แต่ของผม...ขอสารภาพอย่างเขินอายว่า ผม.........หลับครับ หลับอย่างเดียวไม่รู้เหนือรู้ใต้ เอาเป็นว่าจะพาไปไหนไปเลย สมยอมในยามหลับ มาตื่นอีกทีตอนไอ้รันย์มันสะกิดยิกๆ

“หลง!” พลขับท่านว่า

“อ้าว ไหนบอกรู้ทาง”

“หลง...หลงทางรัก” ไอ้รันย์พูดแล้วยิ้มเห็นฟันขาวเรียง ดีที่มันใส่แว่นดำลับลวงพลางลูกกะตามันไว้

“อ้อดี” ผมว่าแล้วจัดที่จัดทางใหม่ เตรียมจะนอนต่อ

“ไม่ต้องนอนแล้ว อยู่หน้าทางเข้าแล้ว”

   ผมขอยืนยันอีกทีอย่างแน่นหนักหนักแน่นว่า วันนี้พวกเรามาเที่ยวซาฟารีเวิล์ดกันครับ เพื่อนร่วมอุดมการณ์ปล่อยแก่ คือ นศ.วิศวกรรมศาสตร์ปีสี่ 8ชีวิต ที่เลือกแผนการเรียนฝึกงาน ทำให้ช่วงเปิดเทอมเรากลับมาเรียนที่คณะ  ขณะที่เพื่อนอีกราวๆหกสิบชีวิตออกไปฝึกงานแทน เก๋ไก๋สไลเดอร์ที่สุด ไอ้รันย์ตัดสินใจรอเพื่อนก่อนโดยการจอดแอบข้างทางเข้า โทรล้งเล้งกับผู้ร่วมอุดมการณ์อีกครู่หนึ่ง ก็มีรถอีกคันมาจอดต่อท้าย

“อิจฉาว่ะค่ะ อยากมีคนไปรับถึงบ้านมั่ง” เจ้าของเสียงปริศนาผู้มาพร้อมรถคันดังกล่าวเปรยยิ้มๆ  ผมไม่แน่ใจว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกฝึกงานเหมือนโม ญมันเนี่ย เหมือนเราไม่สิ้นเวรต่อกันยังไงไม่รู้

“หากิ๊กมีรถสักคนสิ หรือว่า หาไม่ได้...” ไอ้รันย์เรียกร้องหายาแก้คันปากมั่ง โม ญ นิ่งคิดอยู่อึดใจ

“อืม จริงว่ะ  เพราะผู้ชายที่กรูสนใจ แม่งเป็นเกย์กันหมดเลย” เจอมุกนี้เข้าไป ชายรันย์ถึงกับหงายเงิบกันเลยทีเดียว

“เอิ่ม...กรูไปส้วมก่อนนะ”  ไปไหนไม่ถูก ไปส้วมแล้วกันครับ

“ไปด้วย”

   จริงๆส้วมหน้าทางเข้าเนี่ย สมควรแก่การแวะเยี่ยมเยียนมากครับ เพราะว่า สภาพสวยงามใหม่กิ๊ก ทางเข้ามีทิวไม้เป็นซุ้มโค้ง เขียวร่มรื่น ห้องน้ำห้องท่าสะอาดสะอ้าน แม้จะเดินเข้าไปแล้วแอบผงะ กับหน้าลุงอินเดียแดงหน้าเบ้อเริ่ม แต่หลังทักทายเซย์ฮัลโหลกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรครับ  แต่ด้วยความว่ามันร่มรื่นครึ้มด้วยต้นไม้แบบนี้ ห้องน้ำชายที่อยู่ลึกเข้าไปแทบแอบในพงไม้ทำให้ไอ้รันย์ถึงกับออกปาก

“เข้าส้วมแล้วเกิดเสือออกมาตะปบทำไงอ่ะ” เอ..มันก็ช่างจินตนาการดีนะครับว่าไหม

“เสืออะไรๆ  เสือไบชิมิ”  โอ้...คุณพระ ผู้หญิงนาม โม ญ คนนี้ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน


   สงสัยว่าคำขู่ไอ้รันย์จะได้ผลนะครับ วันนี้แดดไม่ค่อยออกจัด แต่กลับฝนก็ไม่ตก หลังจากเราเสียค่าผ่านประตูเรียบร้อย ก็ตัดสินใจไปดูโชว์ต่างๆก่อน ค่อยขับซาฟารีกันทีหลัง  จริงๆแล้ววันนี้เหมือนมากับชมรมถ่ายภาพยังไงไม่ทราบนะครับ เพราะแต่ละก็พกกล้องของตัวเองมา จะกล้อง DSLRหรือมือถือก็ตามแต่  ผมเองก็มีลูกป๋าพามาด้วย ตั้งชื่อว่า น้องสู้ ย่อมาจาก สู้ไพรินทร์ ชื่อเพราะน่าเกรงขามเป็นที่สุด  แม้จะเล็กกว่ารุ่นอื่นๆของเพื่อนๆก็ตาม

   เนื่องจากวันนี้มีโชว์แค่อย่างละรอบเท่านั้น เราจึงพยายามไปดูโชว์ให้ตรงตามเวลาที่สุดเท่าที่จะทำได้  โดยแวะว๊อบแว๊บกับเหล่านกแก้วที่เกาะกันสลอนหลากสี  แวะส่องจระเข้ ที่นอนนิ่งจนนึกว่าตัวปลอม แต่ที่ล้มเหลวที่สุดคือปลาทองจัมโบ้ที่เพื่อนร่วมทริปของผมเกิดอยากดูขึ้นมา   ป้ายมันอลังการมากครับ ใหญ่เท่าฝาบ้าน ชวนให้ตื่นเต้นสุดๆ  หลังจากเราเดินขบวนกันเข้าไปในซอกเล็กๆ ก็ถึงกับรู้สึกแอบเฟลนิดๆไม่ได้ เพราะว่าในบ่อคือปลาทองจัมโบ้ ตัวยาวหนึ่งฝ่ามือ ใหญ่เป็นที่สุด(ประชด)  ตัวลายเหมือนปลาคาร์ฟ แต่หางยาวเหมือนปลาทอง

“นี่จัมโบ้แล้ว?” ผมถึงกับอุทาน

“คงงั้น” ไอ้รันย์สรุป

“กรูว่านะ มันต้องเกิดจาก ปลาคาร์ฟโดดข้ามสระมาปั่มปั้มกะปลาทอง มันเลยได้ออกมาเป็นปลาทองจัมโบ้” ผมทำตัวเป็นนักพันธุกรรมสัตว์ กลับไปจะลองตั้งทฤษฎีโดดบ่อดูบ้าง   สุดท้ายผมก็ไม่แชะภาพกับปลาทองจัมโบ้เพราะแอบรู้สึกผิดหวังหน่อยๆกะปลาคาร์ฟหางยาว

“ไปเถอะ เดี๋ยวจะคลาดกัน” ไอ้รันย์เร่งเมื่อเราเป็นสองคนสุดท้ายของกลุ่ม

   ไม่รู้ว่าวันนี้ไอ้รันย์มันเป็นอะไรของมันนะครับ มันเร่งให้ผมเดินเร็วๆ แต่กลายเป็นว่า พอผมขึ้นไปเดินเคียงกับเพื่อนในกลุ่ม มันก็มาแตะแขนให้มาเดินรั้งท้ายกับมัน เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มไปดูโชว์  จนเดินไปดูปลาคาร์ฟตัวเท่าแขน จนเลยไปถึงโซนนก

“เดินกับรันย์หน่อยไม่ได้หรอ?” ไอ้รันย์ทำเสียงงุ้งงิ้งน้อยอกน้อยใจ ขณะที่ผมใจอยู่กับการถ่ายภาพเสียมากกว่า

“ถ่ายนกก่อนไม่ได้หรอ” เรื่องเที่ยวเรื่องใหญ่นะครับ เรื่องถ่ายรูปก็เรื่องใหญ่ ไอ้รันย์เลยได้แต่เดินจ๋อยคอยสะพายกระเป๋ากล้องให้ในขณะที่ผมไล่ถ่ายรูปนกอย่างมีความสุข  จนมาพบนกกระตั้ว ผมหันไปทำตาโตใส่ไอ้รันย์ 

   ผมพบว่านกชนิดนี้ขี้โวยวายที่สุดในเพื่อนนกด้วยกัน  บินตีปีกฉวัดเฉวียนอยู่ในกรงนอกจากสีขาวแล้ว มีสีชมพูอ่อนด้วยครับน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด ถ้ามันไม่โวยวายร้องเสียงดัง  ไอ้รันย์สะกิดยิกๆ ให้ไปดูนกกระตั้วขาวกรงข้างๆกัน

“มันโหดว่ะ” ไอ้รันย์มันหันมาทำตาโตอย่างตื่นเต้นกับผมบ้าง บทมันจะเป็นเด็กชายศรันย์ก็เล่นเอาผมตั้งตัวไม่ติดเหมือนกันนะครับ  จนผมต้องหันไปลอบยิ้มกับตัวเองอีกทางก่อน

“ดูนะ” คุณชายท่านว่า พลางเอามือถือในมือยื่นไปใกล้ๆ กระตั้วโหดตัวนั้น มันคว้าหมับทำท่าจะดึงเข้ากรงทันที ไอ้รันย์หัวเราะชอบใจใหญ่   มือถือคุณชายท่านไม่ได้ถูกๆเหมือนมือถือสากเบือของผมนะครับ ท่านกล้าให้นกเอาเล็บแหลมๆจิกเล่นแล้วทำสีหน้ามีความสุขขนาดหนักได้ โอ้ มาย บุดด้าเบลส

“ถ่ายรูปให้หน่อย” ไอ้เมศเลยต้องเป็นตากล้องถ่ายนายแบบและนกตัวเขื่องที่พอดีทำหัวตั้งขึ้นมา ดูแล้วคล้ายๆกันยังไงพิกล

   โซนต่อไปที่ไปดูกันคือโซนเหล่าสัตว์ขั้วโลก ตัวขาวจั๊ว น่าฟัดน่ากอด ได้แก่หมีขาวและเสือขาว  หมีขาวตัวที่ผมชอบใจมันหน้ายู่ๆ หน้าตามึนๆเหมือนเพิ่งสร่างเมา  มันเดินมายืนริมน้ำก่อนจะเอาหัวจุ่มลงไปในน้ำสองสามทีเหมือนล้างหน้า

“เมาค้างว่ะกรูว่า” เพื่อนร่วมทริปออกความเห็น ทุกคนหัวเราะตาม เพราะท่าทางมันเหมือนเราสภาพตอนเมาค้างล่ะครับ  เราเลยลุ้นกันว่า มันจะโดดตูมลงน้ำเมื่อไหร่ 

“โดดเลยๆ”  แต่แล้วไอ้หมีคงจะเดาทางได้ ไม่ยอมโดด ปล่อยให้ลุ้น  เราเลยแวะไปดูเสือขาวที่กรงข้างๆก่อน  ผมเห็นแล้วชอบมากเลยครับ นั่งอย่างสง่างาม ตัวปุกปุย ทำตาหยีเหมือนแมว(แต่ตัวใหญ่กว่าและตะปบตาย)

“รันย์ เมศจะเอากลับบ้านอ่ะ” ไอ้รันย์หัวเราะ เอามือมันมาลูบหัวผมเหมือนเด็ก

“อย่าเลย เดี๋ยวกระดูกทิ่มเหงือกเสือ” ระหว่างผมกำลังประมวนผลอยู่ โม ญ ก็โวยวายขึ้นมา

“โดดแล้วๆ!”เสียงโม ญ โวยวายมาจากหน้าตู้หมี  คือตู้หมีขาวจะเป็นกระจกใสกั้นนะครับ มีบ่อน้ำเย็นไม่ทราบว่าหมุนวนหรือไม่ ยังไม่กล้าลงอ่างกับหมี  มันลงไปว่าย แถมมาว่ายโชว์ใกล้ๆเสียด้วยครับ ผมเลยรีบชักภาพเก็บไว้อย่างเร็ว พอเอาภาพมาดูแล้วหมีทำหน้าเคลิ้มด้วยครับ เห็นแล้วแอบอิจฉาหน่อยๆ

   แต่ที่เห็นแล้วผมประทับใจที่สุด คือลิงครับ ไม่ใช่ลิงอุรังอุตัง แต่เป็นลิงตัวเล็กกว่านั้นชื่อลีเมอร์หางปล้องครับ  มีขนปุกปุยและหางยาวๆสีสลับดำเขา มีหูเป็นสามเหลี่ยมกับตาโตสีน้ำตาลเหลืองแอ๊บแบ๊วธรรมชาติมากครับ  มันสู้กล้องยิบตาเลยทีเดียว โพสท่าประหนึ่งนายแบบและนางแบบ ผมถ่ายรูปนายแบบนางแบบหางยาวอยู่พักใหญ่ จนไอ้รันย์เรียก จากกรงข้างๆกัน กวักมือเรียกให้ไปหา

“มาดูนี่เร็ว”  ไอ้รันย์จูงมือผมมายืนข้างกรงลิงน้อยชนิดเดียวกับที่ผมเพิ่งเก็บภาพไป  มันนั่งซ้อนหลังกันอยู่บนกิ่งไม้ น่าเอ็นดูมากครับ

“ลิงมันกอดกัน” ไอ้รันย์ที่ยืนซ้อนหลังผมกระซิบข้างหู  อาศัยจังหวะผมเก็บภาพมาเกาะแกะแถวเอวผม

“เห็นนะๆ สวีทกันไม่อายลิง” ไอ้รันย์สะดุ้ง เพราะโม ญ ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ ยื่นหน้าออกมาจากข้างกรงแรก ก่อนจะวิ่งไปรวมกับเพื่อนคนอื่นที่ที่ย้ายไปดูกรงเหยี่ยวกันหมดแล้ว  ผมบังเอิญสบตากับไอ้รันย์เข้า หน้าหล่อที่ผมเคยคิดว่ามันหนากว่ากระเบื้องตราช้าง กำลังแดงจัด ทว่าดวงตาเป็นประกายวิบวับจนผมชักใจหวิวๆ

“ไปเถอะ ไปให้อาหารยีราฟกัน” ไอ้รันย์ชวนแก้ขวย

   
   ไอ้รันย์ไม่ยอมปล่อยมือผมจนเกือบถึงทางเข้าส่วนให้อาหารยีราฟ โดยเดินอ้อยอิ่งรั้งท้ายเหมือนเตะถ่วง  แต่ในที่สุดก็ยอมปล่อยจนได้ เมื่อผมทำท่าจะแกะมือออกเมื่อเข้าใกล้กลุ่มเพื่อนของเราที่ชุลมุนถ่ายรูปกับตุ๊กตาคนแอฟริกันที่ทำปากเหวอๆ ผมหันไปสบตาไอ้รันย์เข้าโดยบังเอิญ เห็นสายตามันมองมาอย่างเว้าวอน ทว่าไม่ปริปากพูดอะไร ผมเลยทำเป็นไม่เห็นเสีย 

   โซนให้อาหารยีราฟเป็นระเบียงสูงๆที่มียีราฟคอยาวยื่นคอรอคอยอยู่เต็มระเบียง ไอ้รันย์ควักกระเป๋าค่าอาหารยีราฟไปเรียบร้อย หน้าตาเหมือนหญ้าอะไรสักอย่าง ผมเห็นยีราฟส่งสายตาหวานมาให้คุณชายท่านกันใหญ่เลยครับ แม้ไอ้รันย์มันจะชวนให้ผมเป็นคนให้อาหารยีราฟ แต่ผมต้องส่ายหน้า เพราะอยากเก็บภาพยีราฟเป็นสิบ ส่งตาหวานให้ไอ้รันย์มากกว่า

“สงสัยมันหล่อมากว่ะฮอตจริงไรจริง แม้แต่ยีราฟยังส่งตาซึ้งให้เนี่ย” โม ญ มากระซิบ ผมหัวเราะก๊าก เพราะนอกจากมันจะหล่อจนยีราฟทำตาเยิ้มแล้ว ยังน้ำลายยืดใส่มันด้วย ผมถ่ายรูปไอ้รันย์ยื่นหญ้าในถังให้ยีราฟที่แลบลิ้นยาวอย่างกล้าๆกลัวๆ กะเก็บไว้ฮาคนเดียว

“อย่าขี้โกงสิวะ” ไอ้รันย์กำลังทะเลาะกับยีราฟครับ เพราะมันยื่นคอยาวพร้อมกับลิ้นยาวๆเกี่ยวหญ้าในถังไปเคี้ยวหน้าตาเฉยเล่นเอาหายไปครึ่งถังเลยครับ   ถึงตอนนี้พวกเราแปดชีวิตก็เริ่มสติแตก โวยวายตื่นเต้นเหมือนเด็กๆเลยครับ

“เมศให้มั่งสิ” ไอ้รันย์เอาหญ้าในมือมันยัดใส่มือผม เห็นผมทำหน้าเจื่อนๆเลย จับมือผมยื่นให้ยีราฟที่แลบลิ้นยาวรออยู่แล้ว

“ลิ้นโคตรน่ากลัวเลย กรูว่ายีราฟเนี่ยแหล่ะน่ากลัวสุดในสวนสัตว์ละ” ในที่สุดอาหารยีราฟก็หมดครับ  ผมแชะรูปยีราฟมาอีกหลายรูป ก่อนจะโวยวายบ้าง

“อย่าถอนใจใส่สิ” ไอ้รันย์หัวเราะ เมื่อเห็นผมเริ่มตีกับยีราฟบ้าง เพราะมันถอนหายใจใส่ด้วยรูจมูกอันเบ้อเริ่มของมัน มาเลยครับ...พร้อมกลิ่นหญ้า

   โชว์สุดท้ายที่เราไปดูคือโชว์ปลาโลมาครับ แต่ผมไม่ค่อยตื่นเต้น   มาตื่นเต้นตอนขับรถซาฟารีกันครับ  เรากระจายคนมานั่งสองคันให้นั่งกันหลวมๆดูสัตว์กันสบายๆ  แค่ขับพ้นหัวโค้ง ก็เจอสารพัดนกครับ มีตัวเล็กตัวน้อย หรือที่สวยๆก็พวกนกกระเรียนที่มีหงอนบนหัวแบบภาพวาดญี่ปุ่นเป๊ะๆเลย นอกจากเกาะกันสลอนแล้ว บางตัวก็เดินเตาะแตะอยู่ใกล้ๆก็มีครับ เลยเก็บภาพดูเล่น  แต่สัตว์ที่โม ญ เห็นแล้วถึงกับกรี๊ด

“แร๊ด~” แรด...จริงๆครับ ตัวอย่างกับรถถัง ยืนสายตาสั้นอยู่ไกลๆ

“แก ถ่ายเร็ว อัพเฟสบุ๊คแทคหาชั้นด้วย” มันเป็นอะไรมากกับแรดไม่ทราบนะครับ ดูมันชอบอกชอบใจอะไรจะขนาดนั้น

“ต่อไปเป็นอะไร?”ไอ้รันย์ถาม  ให้ผมเปิดแผนที่ดู

“หมวดกวาง”  ถ้าใครคิดว่าชีวิตนี้อยากลองตกเป็นเป้าสายตาดูบ้างผมแนะนำเลยครับ เขตกวาง  เพียงแค่ขับรถเข้ามา จะรู้สึกว่าตัวเองเด่นมาก เพราะกวางทั้งฝูง หลายสิบตัวจะหันมามองท่านพรึบพรับเลยทีเดียว

“กรูรู้ กรูหล่อ กวางมองกรูเหลียวหลัง” ผมหันไปอวดไอ้รันย์  แค่นี้ชีวิตคนไม่เคยตกเป็นเป้าสายตาใครก็มีความสุขละครับ   ได้รับความสนใจจากกวางอย่างล้นหลามขนาดนี้  บางตัวถึงกับเดินมาดูใกล้ๆเลยครับ  หรือยืนขวางหน้ารถชิลๆ พอยต์เท้ารอลั่นชัตเตอร์ก็เยอะ

“ลูกกวาง” ไอ้รันย์สะกิดยิกๆให้ชะโงกไปดูฝั่งคนขับ ลูกกวางตัวน้อยน่ารักน่าชังดูท่าทางอ่อนต่อโลกยืนตาใสอยู่กลางทุ่ง

“เห็นแล้วอยากจะเป็นเสือหนุ่มโดดเข้าขย้ำ”  แล้วทำไมต้องทำเสียงต่ำมากระซิบสวาทข้างหูล่ะวะครับ ไอ้เสือหนุ่ม กรูไม่ใช่กวางงง~

“ว๊ายๆ ติดเรท ทะลึ่งที่สุด เสือหนุ่มกับลูกกวางน้อย” คลื่นอัลตราไวโอเลตจากเบาะหลังแรงมากครับ

“แล้วเจ๊เป็นไรดีครับ?” ผมละคันปาก

“เป็นนกเอี้ยงว่ะ เกาะหลังม้าลายไม่ใช่ควายเฒ่า  คอยสังเกตการ” ผมถอนหายใจ อย่าไปต่อปากต่อคำกับ ชาวสภาฯเลย

   โซนถัดไป ข้างในมีประตูเหล็กเลื่อนสองชั้น เป็นส่วนของสัตว์นักล่า ป้ายแรกที่เราเห็นคือสิงโตครับ แต่เราขับมาสักระยะ ยังไม่เห็นสักกะตัวหนึ่ง เลยเริ่มบ่นๆกันละครับว่าอยู่ที่ไหน  จนในที่สุดก็เห็นสิงโตนอนใต้ต้นไม้ฝูงหนึ่ง ผมเห็นแล้วแอบนึกอิจฉาเลยครับ  สภาพเหมือนฮาเร็มสิงโต เพราะมีตัวผู้หัวฟูยุ่งผึ่งแดดอยู่ไกลๆ นอกนั้นเป็นตัวเมียหมด

“โคตรน่าอิจฉาเลย” ไอ้รันย์เปรย

“อิจฉาก็ลงไปเลยปะ” ผมว่า พลางยกกล้องถ่ายรูปขึ้นถ่าย

“งอนๆ” คลื่นแทรกจากเบาะหลังยังไม่ลดละ

“อ้อ...ก่อนไปเอากุญแจรถมาด้วย”  ผมแกล้งทำเสียงเย็นใส่

“ไม่อิจฉาละครับ ไปดูเสือๆ” ไอ้รันย์ว่าพลางรีบออกตัว ขับต่อไปตามเส้นทาง

“เสือเบงกอลๆ” มันยังพยายามชักชวนเมื่อเห็นป้าย

“เสือเบงกอลๆ” ไอ้โม ญ พูดตาม ไม่รู้มันนอยด์หรืออยากจะช่วยไอ้รันย์

   พวกเสือเนี่ย ชอบอยู่กันเป็นหมู่คณะนะครับ ด้วยความว่าเป็นนักล่ากลางคืน กลางวันมันเลยนอนอุตุ หรือบางตัวทนร้อนไม่ไหว ก็โดดลงบึงไปเลย บางตัวก็ปีนต้นไม้เล่น ดูน่ารักมากเลยครับ จะไม่น่ารักตรงที่มันเริ่มเข้ามาใกล้เราเกินไป หรือตอนมันฟ้อนเล็บแบบเสือๆใส่กันนี่ละครับ ลองนึกภาพเป็นกรรมการเข้าแยกสิครับ เห็นจะจบไม่สวยนะครับแบบนี้  ผมเก็บภาพเสือเป็นที่พอใจแล้ว โม ญ ก็โวยขึ้น

“เอ...ทำไมเสือตัวตรงนั้นมันแปลกๆ” ก่อนจะชี้ไปที่เสือตัวหนึ่งนอนกลางวันอยู่กับเพื่อนเสือตัวอื่นๆ แปลกจริงครับ เพราะมันไม่มีลาย

“เออ จริงว่ะ เหมือนจะเข้าพวกแต่ไม่เข้าพวก” ผมร่วมพิจารณาบ้าง

“กรูว่ามันเป็นสือสิ้นลายว่ะ” ไอ้รันย์ออกความเห็น  ทุกคนเงียบไปอึดใจ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา มันสิ้นลายจริงครับ เพราะมันไม่ใช่เสือ แต่เป็นสิงโตต่างหาก เนียนมาอยู่กับพี่เสือได้ไงไม่ทราบ

“คิดนานไหมเนี่ย เสือสิ้นลาย”

“ไม่นานหรอก แต่นานพอให้บางคนหายงอนนะ” ไอ้รันย์หันมาทำตาเยิ้มใส่ 

“โอ้ยๆ มดกัด  ซาฟารีเวิล์ดมดดุ๊ดุเน๊อะ” แทรกตลอด ใครก็ได้เอา โม ญ ไปเก็บทีเถอะครับ ผมไหว้ล่ะ


   หลังจากเราวนรถหมดช่วงซาฟารีกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาแยกย้ายครับ  เรากระจายคนกลับเหมือนเดิม เพราะเพื่อนๆของผมที่นั่งอีกคันมีจุดหมายปลายทางคือกลับไปที่คณะ ในขณะที่ผมจะกลับบ้าน แน่นอนครับไอ้รันย์ต้องเป็นสารถี เพราะผมไม่ขับรถเอง ฮี่ๆ

“โม ญ ไม่กลับบ้านหรอ?” ผมกับโม ญ บ้านไปทางเดียวกันครับ ดังนั้น ถ้ามันจะกลับก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรถ้าจะติดรถไปด้วย

“ยังหรอก กลับศุกร์ แหล่ะ” โม ญ ยังยืนยันเหมือนเดิม ก่อนจะย้ายกลับไปนั่งรถเพื่อนอีกคัน เหลือผมกับไอ้รันย์แค่สอนคนสิครับ

“ไอ้รันย์  อย่าเข้าขย้ำน้องลูกกวางระหว่างทางนะเว้ย เอากลับไปคืนแม่กะเตี่ยมันให้ครบๆด้วย” โม ญ ลงกระจกทิ้งทายก่อนรถจะเคลื่อนออกไป ท่ามกลางความงงงันของเหล่าเพื่อนฝูง ไอ้รันย์หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะสวมแว่นกันแดดสุดเท่ห์ของมันอีกครั้ง

“ปะ” 
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถันายน2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 27-06-2010 01:23:17
หลังจากแยกย้ายกันแล้ว ผมหยิบกล้องขึ้นมาดูภาพที่ถ่ายไว้อยู่อีกรอบหนึ่ง ก่อนจะเก็บน้องสู้(กล้องคุง) ของผมใส่กระเป๋า ถอดฮู้ด ปิดหน้ากล้องให้เรียบร้อย ผมเอนศีรษะพิงพนัก เนื่องจากแอร์ในรถเย็นกำลังสบาย เพลงที่ไอ้รันย์เปิดก็เพราะฟังเพลินๆดี   ไอ้รันย์หันมองมาแว๊บนึง คงจะเห็นผมกำลังเคลิ้ม

“เหนื่อยหรอ?”

“อืม  รันย์ไม่เหนื่อยหรอ”

“นิดนึง อย่าหลับนะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”  

“ห้ามคนไม่ให้หลับได้หรอ?”

“ไม่เอา ไม่ให้หลับ เดี๋ยวชวนกันลงข้างทาง” เอ...จริงของมันครับ ถ้าลงข้างทางขึ้นมาละแย่เลย เพราะว่า ตอนนี้อยู่บนทางด่วนใช้ความเร็วค่อนข้างสูงเสียด้วย ผมเลยนั่งมองหน้ามันแทนครับ ในเมื่อมันไม่ยอมให้ผมหลับ

“แล้วจะจ้องหน้าอย่างนี้ตลอดทาง?”ไอ้รันย์พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะยกริมฝีปากหยักสวยยิ้ม

“ขอมือหน่อย” ไอ้รันย์แบมือข้างที่ว่างจากพวงมาลัยมาหาผม จะให้ก็ลังเลครับ

“ไม่ใช่หมา”

“ไม่ใช้หมาแต่อยากจับมือ  ไม่ได้หรอ?”   เอาละครับ ผมไอ้รันย์ทำเสียงเว้าวอนอย่างนี้  ใจนึงมันก็อยากจะรีบยื่นมือให้  แต่อีกใจก็อิดออด ถึงกับเหงื่อแตกเลยทีเดียว

“จับมือหน่อยๆ”  มือแข็งแรงนั้น แบรอท่าอยู่ แต่พออีกคนยึกยัก จึงเอาศอกสะกิด ก่อนจะเข้าเกียร์ต่อไป

“ขับรถยังจะมาขอจับมืออีก”

ผมพูดอุบอิบกับตัวเอง แต่ก็ใจอ่อนวางมือลงในมือมัน มืออุ่นๆแล้วกุมไว้หลวมๆ   ขอแอบยอมรับเบาๆกับตัวเองว่า รู้สึกดี(ค่อนข้างมาก)ครับ มันไล้นิ้วโป้งลงบนหลังมือผมเบาๆ จนแทบไม่รู้สึก แต่กลับทำให้ผมจักกะจี้มากเลยครับ  นี่มันคิดจะลวนลามมือผมหรืออย่างไร ใครก็ได้ช่วยบอกที

“ฝากวางไว้ก่อน” มันว่าพลางวางมือผมลงบนหน้าตักมันเพื่อเปลี่ยนเกียร์ บริเวณหมิ่นเหม่จนชัก...เอิ่ม  กลัวใจตัวเอง

“ทะลึ่งและๆ”

“อะไร เปล่านะ  คิดอะไรทะลึ่งคนเดียวอ่ะดิ” มันว่าแล้วยิ้มล้อเลียนด้วยครับ ผมชักอยากจะตุ๊บตั๊บมันขึ้นมาซะแล้ว เลยดึงมือตัวเองกลับ แต่ไอ้รันย์ไม่ยอม เอามือมาคว้าไว้

“เอางี้ พบกันครึ่งทาง วางตรงนี้” ไอ้รันย์ตัดสิน ก่อนจะวางมือผมลงบนกระปุกเกียร์ แล้วเอามือมันทาบทับอีกที

“รู้สึกดีนะ ไปปล่อยแก่แบบนี้” ไอ้รันย์ชวนคุยแก้บรรยากาศม้วนต้วน ให้ผ่อนคลายลง

“อืม” รู้สึกอุ่นๆดีด้วยครับตอนนี้

“ไปฝึกงานสามเดือน เมศคิดถึงรันย์มั่งไหม?”  ช่วงฝึกงานเราแยกกันไปคนละที่ครับ เลยแทบไม่ได้เจอกันเลย พอถึงวันหยุด บางทีไอ้รันย์ก็ยังต้องไปฝึกงาน หรือเหนื่อยจนไม่อยากจะออกไปไหนแล้ว เลยได้แต่แอบส่งแมสเซสหากันบ้าง โทรคุยกันบ้าง ให้ไม่เงียบเหงาจนเกินไปนัก

“เมศไม่คิดถึง แต่รันย์คิดถึง อยากเจอทุกวัน....อยากได้ยินเสียง” ถึงตอนนี้ผมพูดไม่ออกแล้วครับ หน้ามันร้อนจนทำอะไรไม่ถูก เลยได้แต่เอามือข้างที่ยังอิสระปิดหน้ากันอาย อยากจะกลายร่างเป็นหอยทากม้วนต้วนกลับเข้าเปลือกจริงๆ

“ไม่คิดถึงกันจริงๆนะหรือ?”

ผมทำอะไรไม่ถูกครับเลยได้แต่ส่ายหน้า   ก่อนจะรีบหันหน้าออกหน้าต่าง   ดูรถวิ่งฉิวๆผ่านไป  หูได้ยินเสียงหัวเราะในคอเบาๆ ก่อนมือนั้นที่กุมมือผมจะยกขึ้น  ก่อนสัมผัสอุ่นนุ่มจะกระทับลงหลังมือผมฉาบฉวย และพละจาก   ผมว่าผมกำลังเป็นโรคหัวใจ เพราะมันเต้นเร็วมากจนน่ากลัว และผมคิดว่าผมมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทที่มือ  เพราะสัมผัสอุ่นร้อนเมื่อครู่ ที่แม้ฉาบฉวยแต่ตอนนี้มันไม่จางหาย

“ปีนี้ ปีสุดท้ายแล้วนะ  ที่เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้”  ที่ไอ้รันย์พูดก็มีเหตุผลครับ ในขณะที่เรายังเป็นนักเรียนนักศึกษา เราเจอกันทุกวัน เรียนด้วยกัน กินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน  แล้วต่อไปล่ะ?....คิดแล้วก็ใจหายครับ

“ยกเว้นแต่ไม่จบ” ไอ้รันย์ฟังผมแล้วหัวเราะ พลางว่า จบสิ

“ถ้าฝึกงานเป็นการลองสนามของชีวิตทำงานละก็  ต่อไปมันคงทรมานน่าดูเลยนะว่าไหม”

“นั่นสินะ”  มองหน้าไอ้รันย์ ก่อนจะเป็นฝ่ายทาบมือทับเสียเอง  มืออุ่นๆข้างนั้นจึงกลับมากอบกุมกันอีกครั้ง


   กว่าจะถึงบ้านผมก็เริ่มค่ำเสียแล้ว เพราะรถติดเหลือเกิน  ผมจึงเสนอให้ไอ้รันย์นอนค้างที่บ้านผมเสียเลยเพราะว่า ท่าทางมันจะเหนื่อยไม่อยากให้ขับรถข้ามซีกเมืองไปๆกลับๆทั้งอย่างนั้น หลังอาหารเย็นผ่านไปแล้ว ระหว่างที่เราดูบอลคู่หัวค่ำไปได้แค่ครึ่งแรก ก็ทนไม่ไหวจะหลับเสียให้ได้  ขึ้นห้องนอนคุยกันดีกว่า

“อังกฤษจะไปได้ถึงรอบท้ายๆหรือเปล่า” ผมเปรยขึ้นขณะที่มองจ้องเพดานห้องตัวเอง

“จะรู้ไหมเนี่ย ไม่ใช่เจอร์ราด” ไอ้รันย์พูดพลางขำ หมอนข้างที่กั้นเราสองคนไว้สะเทือนตามเสียงหัวเราะของคุณชายท่าน ก่อเราจะเงียบกันไปครู่ใหญ่

“ เคยคิดไหม ว่าอยากเป็นเด็กไปตลอด”

“โธ่เอ้ย มีใครไม่คิดบ้าง แต่ก็ไม่มีใครทำได้ จริงไหม?” ไอ้รันย์ยื่นมือมายีหัวผมเลยเฉยเลยครับ ผมเลยดึงแขนมันมาหนุนเสียเลย

“เฮ้อ....อยากอยู่อย่างนี้นานๆจัง”

“อยู่สิ” น้ำเสียงไอ้รันย์จริงจัง  ผมเลยพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าหามัน

“อยู่ให้นานที่สุด เท่าที่จะทำได้ ให้รักน้อยๆ  แต่นานๆ ดีไหม?”  ไอ้รันย์พูดแล้วยิ้มกว้างขวาง เห็นฟันขาวลอยอยู่สลัวๆ

“ผีน้ำเน่าเข้าสิงซะแล้ว”  

ต้องขอขอบคุณเวลาประเทศไทยครับที่ทำให้กลางคืนมันมืด ผมจะได้ซ่อนรอยยิ้มกับหน้าแดงๆของตัวเองได้มิดหน่อย แบบว่า...รู้ตัว  เราเงียบไปอีกครู่ใหญ่ จนผมได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอ เดาว่าไอ้รันย์คงหลับไปแล้ว เพราะมันเองก็เที่ยวจนเหนื่อย แถมยังขับรถไปรับไปส่งตั้งไกล  ผมนอนมองโครงหน้าที่ใครๆต่างชอบในความเหมาะเจาะของเครื่องหน้า  แต่ผมแน่ใจครับว่า ผมชอบมันไม่ใช่ที่หน้าตา  แต่เป็นตัวมันครับ มันเป็นทั้งเพื่อน และเป็นคนที่ผมรู้สึกดีๆด้วย  ถึงมันจะปากหมา แต่ปากหมาๆของมันเนี่ยแหล่ะ ทำเอาผมแทบละลายมากี่ครั้งแล้ว ชอบสัมผัสอุ่นๆที่อยู่เคียงกัน ชอบสายตาที่มองมาส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นในอก

“ขอโทษนะที่เมศขี้ขลาด ไม่กล้าบอก...อย่างน้อยก็ไม่บอกบ่อยๆ” ผมพูดงึมงัมกับตัวเอง

“ว่าตอนนี้รักรันย์มากๆเลย” ผมรวบรวมความกล้าพูดออกมา ก่อนจะถอนหายใจไว้อาลัยให้ความขี้ป๊อดของตัวเอง  ผมหลับตานิ่งรอในความเงียบเตรียมเข้าสู่ความฝัน ในขณะที่ผมกำลังจะข้ามพรมแดนระหว่างฝันกับจริง กลับได้ยินเสียงกระซิบที่เหมือนมาจากที่ไกลๆ พร้อมกับเสียงจุ๊บเบาๆ

“รันย์ก็เหมือนกัน ตอนนี้รักเมศมากๆเลย”  ผมว่าผมฝันครับ  เป็นฝันที่ดีมากๆเลยครับ....ขอบอก


จบตอนพิเศษ

มาเเปะเอาป่านนี้ก็ไม่เเน่ใจว่า จะยังมีใครเเวะเวียนมาหรือไม่นะคะ (หลังจากจบมาได้หลายเดือน)
เเบบว่าหนีไปเที่ยวมาเเล้วชอบใจกี๊สก๊าสไปกับเหล่าสัตว์นานาชนิดมาเลยอยากเเบ่งปันน่ะค่ะ
ที่สำคัญคือ ทำใจหักดิบเปลี่ยนเเนวรันย์เมศไม่ได้อ่ะค่ะ เเบบว่า ชีวิตมันมีอะไรให้ดราม่ามาเยอะเเล้ว ขอขำๆกะรันย์เมศเเล้วกันนะคะ

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามผลงาน มา ณ ที่นี้ค๊า


EDIT:ซี๊ดดดด  โดนบอร์ดลับลวงพลางเข้าให้เเล้ว ตอนลงเที่ยวเเรก เเปะไม่ได้อยู่สองสามที เลยปลุกปล้ำกันอยู่นาน  ที่ไหนได้  ลงบางช่วงซ้ำไป

ขอโทษจริงๆค่ะ  ก็ว่าทำไมมันเยอะจัง
 :o12:

เเถมท้าย  

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs049.ash2/35816_104435326275517_100001271494961_26316_4992671_n.jpg)

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-06-2010 02:28:08
 :mc4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 27-06-2010 02:36:02
มาแว้วววววว
หวานชื่นรื่นรมย์สมอุรา
แอบฮาโม ญ ยังคงความแรง
และรักสัตว์(esp. แรด)เหมือนเดิม
เมศน่ารักจริงนะพ่อกวางน้อย
พ่อเสือหนุ่มดูแลดีๆนะเออ
เอิ้กๆ
ปล ขอบคุณมากคร้าบสำหรับตอนพิเศษ
^_________^
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-06-2010 03:33:53
น่ารักดีอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 27-06-2010 10:04:31
มาอ่านทันตอนพิเศษ :m3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 27-06-2010 12:36:01
หวานกันซ้า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 27-06-2010 13:10:49

ได้ที่สุดก็อุตส่าห์มีตอนพิเศษด้วย  :mc4: :mc4: ดีใจกันแปดบ้าน


ทำไมมันหวานจังอะ หวานมากหวานอย่างแรง หวานไปไหน
กูมึงนี่ไม่มีแล้วอะ เรียกชื่อกันตลอด แหววมาก

รู้สึกนังเมศนี่แอบสาวแตกขึ้นนะ 5+   :a5:



ปล.ทำไมไม่ีมีอาเฮียวอลรัทล่ะ ตัวพ่อแห่งซาฟารี 
ปลล.ไม่เห็นแปะรูปประกอบเลย   :z2:
 


หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 27-06-2010 23:00:16
เนื่องจากเมศถามรันย์ไว้ว่า อังกฤษจะไปถึงรอบท้ายๆไหม

ตอนนี้รันย์น่าจะได้คำตอบเเล้ววววว

ว่า

อังกฤษได้ไปสบายเเล้ว  อย่าได้มีห่วงกังวลใดๆ   :laugh:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: ppgf ที่ 28-06-2010 14:54:56
ยังน่ารักได้ใจทั้งคู่ ชอบหวานนนนนนนจัง
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 29-06-2010 18:35:39
ไร้คำบรรยายมาก

ชอบบบบบบบบบบ!

มีปุ่ม Like มั๊ยอ่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: InKMoNsTeR ที่ 29-06-2010 18:45:06
อ๊ากกกกกก เสือหนุ่ม!!!

อยากได้ NC ค๊าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 30-06-2010 00:09:40
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น่ารักได้อีกกกกกกกก
แล้วเอาตอนพิเศษมาลงอีกน๊าาาาาาาาา

ปล.ยังติดตามอยู่เรื่อยๆจ้าาาา
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 30-06-2010 18:01:38
แอบหวานกันตลอดเว...จนสิงสาราสัตว์ป่านนี้น้ำตาลขึ้นกันเป็นแถว ติดที่ว่าน้องโม..หนูคอยสอดแนมตลอดเลยนะจ๊ะ ทำอย่างกับเป็นชาวเล้าที่แอบไปดูเค้าสวีทวิ้ดวิ่วกัน
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 02-07-2010 23:49:27
ไร้คำบรรยายมาก

ชอบบบบบบบบบบ!

มีปุ่ม Like มั๊ยอ่ะ ^^

มากดที่หัวใจเมศมา ฮี๊ววว~
(เป็นคนอื่นนี่ไม่กล้าเล่นนะเนี่ย55+)


ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น เเละทุกความคิดถุง คิดถัง คิดกะละมัง คิดหม้อ ค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 03-07-2010 01:04:20
กรี๊ดดดดดดดดดดดด เพิ่งเข้ามาเห็นค่ะ
น่ารักไม่ไหวแล้ว
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวซาฟารีบ้างเลย
อ่านคู่นี้แล้วมีความสุข
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 08-07-2010 05:09:45
อ่านรวดเดียวจบเลย น่าร้ากกกอ่ะ ชอบเวลาน้องเมศปากแข็งเนอะ แต่ก็อดใจอ่อนในรัณย์ไม่ได้ใช่มะล่ะ  :o8:

ไม่รู้ว่าจะมีโอกาศได้อ่านตอนพิเศษ ชีวิตทำงานไหม แต่ถ้ามีอีกก็อย่าลืมเอามาลงนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: nunam ที่ 08-07-2010 09:26:47
หนุกอ่า  :-[
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 08-07-2010 13:11:01
wow sweet so much
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: nunam ที่ 08-07-2010 13:26:23
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: noki ที่ 08-07-2010 15:29:31
ชอบตอนพิเศษมากๆ ไว้มาลงให้ได้อ่านอีกนะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 09-07-2010 06:52:49
ตามอ่านมาจนจบ

ตอนจบเจ๋งมากอ่ะ นับถือจบแบบไม่ค้างคา

แต่ลืมไรไปป่าว  NC อ่ะคะ NC  นี้มันฉากคัญมากๆเรยนะคะ

ปล.ตอนพิเศษอ่ะ  พออ่านมาจน 3-4 บรรทัดสุดท้าย  อีบรรทัดแรกๆหายไปในบันดล  มันซึ้งอ่ะ

อยากให้คัยมาพูดอย่างงี้ให้ฟังบ้างจัง  เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 11-07-2010 00:30:17
คาดหวังอย่างแรงว่าจะต้องได้อ่าน nc คู่นี้ในตอนพิเศษ
แต่มันก็หวานในแบบเมศกับรันย์อ่ะเนอะ
สรุปก็.....
ยังน่าร๊ากกกกกกกกกกเหมือนเดิม
ขอบคุณค่ะคุณเมศ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-07-2010 00:55:29
อ่านไปยิ้มไปเหมือนที่เคยเป็นมา หวานนิดๆ ฮาหน่อยๆ น่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: yukiya ที่ 11-07-2010 22:33:03
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตามอ่านทันสักที น่ารักมากๆ เลยค่ะคู่นี้ รันย์xเมศ คริๆๆ (เพ้อใหญ่แระ)
ขอบคุณพี่เมศนะคะพี่แต่งเรื่องน่ารักๆ + ฮาๆ มาให้อ่าน (_ _)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 14-07-2010 17:37:30
น่ารัก

รักเมศกะรัน มากๆๆๆเลย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: fernnakab ที่ 14-07-2010 18:52:40
ตอนพิเศษน่ารักมากๆเลยค่ะ...^^
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: aoikl ที่ 21-07-2010 16:48:33
คุณพระ
กุ๊ก กิ๊ก กลุ้มกลิ่ม ได้อีก
 :-[
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-07-2010 21:37:57
ทำไมเพิ่งเห็นน้อ ไปอยู่ไหนฟระเรา :z3:
โมหญิงตลกอ่ะ นิสัยคล้ายๆเพื่อนคนหนึ่งเลย 555
แต่น่ารักสุดใจขาดดิ้นเลยนะรันย์กะเมศอ่ะ
อ่านแล้วมีความสุขจังค่ะ จิ้มบวกเลย อิอิ
ขอบคุณนะคะ เรื่องใหม่ก็แปะไว้หลายตอนแระ ต้องตามไปอ่านก่อน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 25-07-2010 13:08:50
หรือเราต้องตั้ง FC โม ญ กันคะ 555+

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 28-07-2010 12:59:04
โอ้ยยยยยยย

ดีใจครับ

หายไปนาน

กลับมาแล้วได้อ่าน


ยังน่ารักทั้งคู่

ขอบคุณเมศครับสำหรับเรื่องราวดีดี

ปล.ยังไงก็จะรอตอนพิเศษไปเรื่อยนะครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: wickedwoman ที่ 03-08-2010 23:14:12
ตอนนี้ซึ้งมากค่า
ทั้งคู่น่ารักมากๆเลย
ญ โม นี่ก็ช่างสังเกตไปไหนเนี่ย
แซวได้ทุกสถานการณ์เลยทีเดียว
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆไม่อยากให้จบเลยค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 07-08-2010 10:27:40
อ่านจบแล้ว หวานมากมายยย ขอตอนพิเศษ NC ซักตอนนึงนะ ^^
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 10-08-2010 20:23:55
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ

น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 11-08-2010 13:14:47
 :m11:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: *~PlaTonG~* ที่ 11-08-2010 17:18:10
สนุกมากค่ะ >_<

ชอบเมศ  ชอบรันย์ ชอบโม ญ ชอบๆๆๆๆๆๆ น่ารักทุกคนเลยค่ะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 12-08-2010 20:57:30
 o13 สนุกมากมาย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 12-08-2010 23:04:22
โม ญ สุดยอด o13
555555555555
เกาะติดไม่พลาด
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 13-08-2010 09:58:39
 :z2: แล้วจะได้เป็นมากกว่าเพื่อนซาหนิดคิดไม่ซื่อไหมนี่
แต่ไม่เป็นไรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็ฮาดี55555555555
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 13-08-2010 13:00:16
 :laugh3: เหอ ๆ พ่อกวางน้อยปล่อยในความรักเติบโตตามกาลเวลาก็ดีนะ
เรียนรู้และก้าวเดินไปพร้อม ๆ กัน

:กอด1:อ่านจบแล้ว  แทงคิวหลาย ๆ สนุกสนานอย่างมากมาย :กอด1:
                                                          o13  o13 o13
                                                                 :L1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: N A T ที่ 14-08-2010 23:02:01
โม ญ น่าร้ากกกกกกกก เหมือเราได้อีกกกกกกก
แต่ถึงจะทำเหมือนโม ญ ไอ้เพื่อนตัวดีมันก็ไม่ยอมรักกัน
ชอบแต่จะทำให้จิ้นอยู่ได้  :o12:
ทำไมไม่เป็นเมศน้อยว้า...
ชอบเมศมากๆ ๆๆ ตลกได้อีก
ถึงเนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไร เพราะเหมือนบันทึกไดอารี่มากกว่า
แต่สำนวนแบบว่าอ่านได้เรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อ  o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 15-08-2010 19:16:13
งง ตัวเองว่า ทำไมไม่ได้อ่านตอนจบ
งื้อออออออออออออ
ตามมาแล้วนะคะ ........

เมศน่ารักจริงๆเลย
ยังคงคอนเซปเดิมตั้งแต่เป็นเพื่อนยันเป็นแฟน
ฮ่าๆๆ น่ารักจังเลยยยยย
ตอนนี้ก็ช่วยรักกันไปนานๆเลยนะคะ
รันย์เมศ

อ่าาาาา เพิ่งรู้ตัวว่า ตามเรื่องนี้มา ๓ ปีแล้วเหมือนกัน (ตามในเด็กดี)
ใจหายจังเลยอ่ะ พอจบแล้ว
คิดถึงไรเตอร์มากนะคะ  ^^
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: unnoname ที่ 18-08-2010 22:18:40
แหะๆ แบบว่าคิดถึงเลยแวะมาอ่าน เมศ-รันย์ พึ่งเห็นว่ามีตอนพิเศษมาลงงง
คู่นี้น่ารักจริงจัง แต่ว่าเมศคะ อยากอ่านตอนพิเศษอีกอะ จะแอบแว๊บเข้ามาบ่อยๆเผื่อเมศใจดีแต่งตอนพิเศษอีก 555+

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษที่น่ารักตอนนี้นะคะ ^O^
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง อัพเดท 27 มิถุนายน 2553 (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 11-09-2010 00:25:04
คิดถึงรันย์เมศด้วยคน

เเทงคิ้วทุกความคิดเห็นค่ะ

ปล.เจ็บไหม?
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 16-09-2010 21:49:56
รันย์เมศ น่ารักง่ะ
อ่านแล้วนั่งฮาโม ญ
ชีร่วมด้วยทุกงานจริงจริงอ่ะ
บทอย่างเด่น
ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 17-09-2010 02:36:15
อ๊า าาาาา
รู้สึกอยากจะเข้าสภาขึ้นมาทันตาเหน
ฮ่าๆ ๆๆๆๆ โม ญ สุดยอด ด  o13

เรื่องนี้น่ารักมากๆ
ชอบๆ ๆ รันย์กับเมศ น่ารักหว่า า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Regina_1 ที่ 17-09-2010 13:09:31
อ่านจบแล๊ว ววววววววววว
โซโล่จากต้นจนจบเลยค่ะ เพิ่งจบเมื่อเช้านี้เอง
ฮากระจาย จ่ายมุกทั้งเรื่องเลยนะคะ
รันย์...อยากจะบอกว่า นายอึดมาก กกกกกกก
โหย ยยย สุดๆๆอ่ะ หยอดมาตั้งสองปีเกือบสาม
กว่าเมศเค้าจะเซเยส โอ้ย ยยยยยย อดและทนมากค่ะ
ถ้าเป็นคนอื่นนะ....ยกธงขาวกลับบ้านไปและ ฮ่าๆๆ
เวลาอยู่สองคนอ่ะ ว๊าน นนนนนน หวาน
แต่พออยู่กะคนอื่นนี่แหมๆๆๆ....ฮากลบเกลือนนะยะ
แต่เขิลอ่ะ เวลาที่เค้าอยู่กันสองคนแล้วแทนตัวเองว่า รันย์กะเมศ
คือเค้าเพื่อนกันอ่ะนะ แล้วอยู่กันแบบหัวเราะ หยอกหัว ภาษาพ่อขุนมาตลอด
แล้วพอจะสวีทวี๊ดวิ่วมาแบบนี้ คนอ่านเลยหน้าแดงครับท่าน
เห็นสาวสภาฯแล้วฮาอย่างแรง....-หันมองตัวเองในกระจก-....กร๊าก กก

ขอบคุณไรท์เตอร์และคนโพสมากๆนะคะ


ปอลอ...คาใจมากค่ะ...ตกลงโม ญ เค้าต้องแอบชอบใครอยู่แน่ๆเลย
เป็นเมศหรือรันย์หว่า อ่านๆมาเหมือนจะจงใจให้คิดว่าเมศ
แต่อ่านจะเป็นรันย์ก้อได้นะ..เอ๊ะ รึเราคิดมากไปเอง ???
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: scottoppa ที่ 18-09-2010 17:04:42
ปาดน้ำตา จบแล้ว
น่ารักมากๆเลย ทั้งรันย์เมศ และชาวสภา555

ลุ้นแทนพี่รันย์เลยนะตอนบันไดรักน่ะ ยิ้มจนแก้มแตก
น่ารักมากๆอ่านแล้วแฮปปี้

ถ้ามีตอนพิเศษอีกก็อยากอ่านนะค้ะ
ขอบคุณไรท์เตอร์ :)
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: zatannn ที่ 10-12-2010 10:46:20
ฮาอ่ะ  อ่านยังไม่ทันจบ ขอติดไว้ก่อน  ชอบทั้งรันย์แล้วก็เมศเลย

มันกวนตรีนกันดี อิๆ เดี๋ยวมาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 31-12-2010 21:32:08
คิดถึง

สุขสันต์ปีใหม่ครับ :man1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 01-01-2011 00:46:23
สวัสดีปีใหม่ืทุกท่านนะคะ
ขอให้มีความสุข คิดหวังสิ่งใดสมปรารถนาโดยถ้วนหน้าค่า~
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 01-01-2011 08:02:22
(http://i.kapook.com/glitter/2010/th/12/T021210_05CC.gif) (http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=115&sid=7c9c3cc5908a7c50569533a85ad0dde6)
สวัสดีปีใหม่เหมือนกันค่า ตอนพิเศษจะมีมั้ยน้อ ^^
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 01-01-2011 15:39:20
อ่านตอนแรกและตอนจบเลย
น่ารักดี รันย์น่ารักมากต๊องได้ใจเลย

เดี๋ยวตอนกลางๆ จะหาเวลามาอ่านนะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 03-01-2011 23:12:47
เพิ่งจะอ่านจบ
คู่นี้รักกันแบบแปลกๆ
รันย์อึด อดทน มาก บอกรัก 3 ครั้ง นึกว่าจะแห้วซะแล้ว
แต่เมศก้อไม่ทำให้รันย์ต้องผิดหวัง
ยิ่งตอนพิเศษ ยิ่งทำให้รู้ว่าเค้ารักกันมากกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: sa~waii ที่ 04-01-2011 22:53:18
พึ่งอ่านจบคร่า

สนุกดี เรื่อยๆ สบายๆ ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 28-01-2011 18:00:46
ในที่สุดก็อ่านจบแล้วเรา
ชอบเนื้อเรื่องแบบนี้ แบบค่อยเป็นค่อยไป
เมศน่ารักอ่ะชอบๆ เป็นคนเรื่อยๆเหมือนเฉื่อยๆ
ส่วนรันย์ก็เท่ห์น่ะ มีความพยายามดีด้วย
เพื่อนๆก็เฮฮากันดีทุกคนเลย ร่วมด้วยช่วยเชียร์สุด
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 16-02-2011 23:46:26
อ่านจบเรียบร้อย
เรื่องราวน่ารักมากๆ ค่ะ
ชอบตอนบันได  :o8:

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 18-02-2011 06:34:05
ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 24-03-2011 05:07:05
รู้สึกดีใจจังที่กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกรอบ เพราะทำให้ได้อ่านตอนพิเศษด้วย

น่ารักทั้งเมศทั้งรันย์เลย

 :oo1:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yumi_rainbow ที่ 25-03-2011 19:09:21
ตอนพิเศษน่ารักมากมาย

ชอบรันย์...พยายามมากๆกว่าเมศจะยอมรับ
เมศก้อน่ารักกก
ต้องขอบคุณสาวๆสภาด้วย 555+
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 27-03-2011 03:37:03
เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้จบแล้ว :a5:
ธรรมดาจะอ่านในเด็กดี ไม่ได้เข้ามาดูเล้าเป็ด
พอเห็นว่าจบแล้วก็งงไปเลยทีเดียว
รันย์เมศหวานมว๊ากกกก :m1: :m1:
ไม่คิดจะแต่งฉาก... :m10: บ้างหรอคะ? 5555555555555
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Rain ที่ 19-10-2011 08:19:13
น่าร้ากกกกก อยากได้ฉาก nc จังเลยยย
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 23-03-2012 23:34:37
สนุกมากเลยค่ะ
ชอบมากๆเลย
โดยเฉพาะคุนโม ญ
จิตสุดๆ ขัดความหวานเค้าเรื่อย :z3:
ส่วนคู่พระ-นายเรานี่
ตอนแรกๆเหมือนจะเนิบๆ
แต่หลังๆนี่หวานไม่เกรงใจใครเลย :-[
อยากได้ตอนพิเศษที่มีNCจัง
คนเขียนที่น่ารักจะมีให้มั้ยค้า :impress:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 12-05-2012 15:36:27
ชอบรันย์ รักรันย์

เมศก็น่ารัก  :กอด1:

อยากอ่านตอบพิเศษคู่นี้แบบรักลึกซึ้ง

ไม่ได้หื่นนะครับ แบบว่ามันน่ามีอะไรให้เป็นกำไรพระเอก

รอมานานแหน่ะ  :เฮ้อ:

ผมแอบใจแป้วตอนไปต่างประเทศด้วยอ่า

กลัวใจทั้งคู่ แต่สุดท้ายก็สมหวัง  :L2:

ขอบคุณมากครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: tumz007 ที่ 13-05-2012 15:18:56
 :-[
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: M33A ที่ 27-09-2012 03:52:03
ยังไม่ได้อ่านคะ  จิ้มไว้ก่อน

 :z13:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 11-11-2012 21:58:49
แปะๆๆ ไว้ก่อน อ่านได้สามตอนเดี๋ยวมาอ่านต่ะน่ะค่ะ น่ารักจังเลย  o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: makilu ที่ 13-05-2013 23:09:13
เรื่องนี้ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ่านวันเดียวจบเลยแบบ ถ้าต้องรออ่านวันถัดไปมันอดใจไม่ได้><  :m25:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Orangewitch ที่ 17-05-2013 13:46:39
 :mew1: :mew1: เวลา+หัวใจ เป็นตัวแปรของความรักนะเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 25-02-2014 15:36:04
น่ารักมากเลยค่ะ ตอนจบของตอนพิเศษนี่หวานซะ  :o8:
ขอบคุณค่าสำหรับนิยายน่ารักๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 26-02-2014 16:17:54
 :o8: ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: kakax ที่ 17-08-2014 21:11:51
แปะๆ เดี๋ยวมาอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: kakax ที่ 18-08-2014 20:52:49
 :m20:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 15-10-2015 20:13:59
55555ฮามาเต็มมากอ่าเรื่องนี้
แต่แอบๆน่ารักน้าา
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-10-2015 00:12:58
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 23-12-2015 06:57:20
รักแบบมุ้งมิ้ง  :mew1: น่ารักทั้งคู่
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 27-05-2016 09:15:52
น่ารัก ........... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 07-06-2016 12:17:00
จบเสียแล้ว  :hao5:

ตอนพิเศษมีเปลี่ยนคำเรียก

จาก กู-มึง เป็น รันย์-เมศ ด้วย

น่ารักอบอุ่นมากค่า

อยากรู้เรื่องราวหลังเรียนจบแล้วจัง

หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 08-08-2016 21:58:34
เรื่องมันเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ไปหน่อย มันขาดจุดพีค อ่านแล้วเลยแอบบน่าเบื่อบางช่วง แต่ก็อ่านจบแล้วหละ

 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Shxtaop ที่ 28-08-2016 09:40:07
ขอบคุณนะคะ รันน่ารักมากกกเลยยยยย
เมศก็ซึนได้ซึนดี แต่ก็ไม่ปฏิเสธ. น่ารักกกก :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 21-09-2016 11:27:41
โอ๊ยยยยยยย หวานมากค่าาาา  :ling1: จะตายอยู่ละ มดมาเป็นรัง ชอบฉากตอนเล่นเกมตอบคำถามตรงบันไดที่สุด ชอบเมศเล่นตัว แต่พอรันย์ถามว่า เมศแกล้งรันย์ นางตอบใช่ โอ๊ยยยยย ใจฉานนนนน  :hao7: สนุกมากๆเลยค่าาา ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 23-10-2016 17:35:01
 :impress2: ขอบคุณครับ :impress2:
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 18-05-2020 00:30:20
 o13
หัวข้อ: Re: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 19-05-2020 19:29:44
 :pig4: :pig4: :pig4: