[แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55  (อ่าน 318265 ครั้ง)

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ประโยคทำร้ายจิตใจ... เห็นตัวจริงแล้วจะอึ้ง อิอิ
ไอ้ที่ว่าเห็นตัวจริงแล้วจะอึ้ง เนี่ย 
ใช่สำเนาถูกต้องหงคงฉ่วยมาอ่ะเปล่า

แบบหน้ายังเอ๊าะ  แต่อายุ....ปู๊น ปู๊น ^^ o18 o18

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป




   โห ความหลังฝังใจ
   แต่โกรธกันมาฟรีๆ 20 ปีแค่เรื่องไม่ยอมเปิดอกคุยกันอ่านะ
   ว่าแต่ว่านายเอกของเราก็นิสัยเด็กจริงๆนั่นล่ะ
   ทำให้เหล่าคนแอบมองต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อย




ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
สวัสดีปีใหม่ค่าาา :mc3: ขอให้เป็นปีที่ดีและมีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ


แต่ว่าตอนนี้...

คิดถึงพี่นิตกับน้องโจแล้วค่ะ :impress2:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
แว้บมาสวัสดีปีใหม่ค่ะ....

แต่ยังไม่มีตอนใหม่นะคะ แหะๆ :o8:

มีการ์ตูนมาให้อ่านกันแทนค่ะ

------------------------------------------------
**ของขวัญปีใหม่ที่โจอยากได้จากพี่นิต**



ตกลง... พี่นิตตื่นเต้นจนเป็นลม หรือสลบเพราะกลิ่นปากโจกันแน่ (ว้าย ขอโทษค่า แซวเล่นน๊า :impress2:)

ใจจริงพี่นิตอาจจะเขินมากๆ ก็ได้........ (หรือว่าเพราะมัวแต่จินตนาการกันแน่!!)



Kiss สิ Kiss เลย!! (ได้ยินว่าโจทำไปหลายรอบแล้ว จนพี่นิตเลือดกำเดาพุ่ง!!!!!!)

ีปีใหม่ ขอให้ตั้งใจทำสิ่งๆ ดีๆ เพื่อให้เกิดความดีงามในชีวิต และขอให้เชื่อในเหตุและผลนะคะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

น่ารักดี

จะตามอ่านเรื่อยๆ นะ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
นึกว่าเอาตอนใหม่มาด้วย ฮิฮิ แอบฮา พี่นิต เป็นลม น่ารักอ่ะ สงสารโจ จะมีเมียแก่ ก็หายาบำรุงพี่แกหน่อยนะ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
น่ารักค่ะ :o8: ว่าแต่ทำไมพี่นิตมีริ้วรอยด้วยอะคะ เด่นชัดที่มุมปาก o22 พี่นิตยังไม่แก่ซะหน่อย :-[

นั่งรอตอนต่อไป :amen:

pmnet

  • บุคคลทั่วไป



การ์ตูนน่ารัก มาก ชอบเรื่องนี้มากๆผ่อนคลายสุดๆ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
**ตอนใหม่มาแล้วค่ะ^^
------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่15

   สงสัยเพราะยังคึกจากงานเลี้ยงรุ่น ห้าทุ่มแล้วผมยังไม่ยักจะรู้สึกง่วง นี่ถ้ามีไมค์อยู่ใกล้ๆ แล้วมีทำนองขึ้น ผมคงคว้ามาร้องเพลงแล้ว แต่บังเอิญบ้านผมไม่มีทั้งคาราโอเกะ และโฮมเธียร์เตอร์ แถมบรรยากาศก็เงียบสนิท มีแค่เสียงลมพัดใบไม้ไหวยวบยาบบ้างในบางครั้ง ดังนั้น สิ่งที่ผมทำคือยืนจ้องที่นอน ระหว่างที่รอสุภาพงษ์อาบน้ำอยู่
   อันที่จริงผมเปิดอีกห้องให้เขานอนก็ได้ แต่ก็นะ ผมขี้เกียจไปสูดฝุ่นกลางดึก ใช่ว่ายังคึกอยากร้องคาราโอเกะแล้วมันจะทดแทนด้วยการดมฝุ่นแทนได้สักหน่อย อีกอย่าง คราวก่อนไปห้องเขา สุภาพงษ์ก็อุตส่าห์ให้ผมนอนเตียง แล้วผมจะไล่เขาลงไปนอนบนพื้นได้ยังไง แต่ปัญหาคือ ถ้าให้เขานอนเตียงเดียวกับผม มันจะเกิดอะไรพิเรนๆ ขึ้นอีกรึเปล่าน่ะสิ
   ผมยังจำฝันประหลาดวันนั้นได้อยู่เลย
   ผมยืนจดๆ จ้องๆ เตียงกับพื้น พลางนึกสงสัยตัวเองว่าทำไมไม่อยู่ร้องคาราโอเกะกับเพื่อนต่อ เอาเถอะ ผมยิ่งอยู่ดึก มันก็ยิ่งกลับลำบาก เดี๋ยวเกินโดนปล้นโดนจี้กลางทางขึ้นมามันจะแย่เอา ถึงคนอย่างผมจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่สมัยนี้มันเชื่อได้ที่ไหนล่ะ
   “พี่นิต?”
   ผมสะดุ้งโหยง หันไปก็เห็นสุภาพงษ์เดินเข้าห้องมาแล้ว พร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ที่คอ คราวนี้ดีหน่อย เขาใส่เสื้อผ้าออกมาเรียบร้อยตามคำกำชับของผม ไม่ไหวล่ะ ผมไม่อยากเลือดกำเดาพุ่งต่อหน้าเขาซ้ำอีกครั้งหรอกนะ แต่ว่า... ขนาดเขาใส่เสื้อผ้าแล้ว ผมยังมองเห็นรูปร่างดีๆ ของเขาเลย ท่าทางเสื้อมันจะตัวเล็กไปแน่ๆ
   “มะ... มีอะไรหรือครับ?” สุภาพงษ์ถามขึ้น สงสัยคงเห็นผมจดๆ จ้องๆ เขาอยู่นานล่ะมั้ง ผมทำเป็นกระแอมแล้วพูดออกไป “ไม่มีอะไรหรอก พี่กำลังคิดว่า โจตัวใหญ่ขนาดนี้ จะให้ไปนอนที่ไหนดี”
   ผู้ชายรูปร่างดี ที่ขนาดใส่เสื้อผ้าที่ไม่เข้ากับตัวเองสักนิดตรงหน้าผม มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “ผมนอนที่พื้นก็ได้”
   คำพูดและท่าทางของเขาทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันใด อันที่จริงผมแค่หาข้ออ้างแก้ตัวเรื่องมองเขาตาค้าง ไม่ได้คิดจะไล่เขาไปนอนที่พื้นจริงๆ หรอก
   “โจนอนบนเตียงเถอะ”
   “แล้วพี่นิตล่ะครับ?”
   “..................” เออ.... ผมลืมคิดไปสนิท ให้เขานอนเตียง แล้วผมจะไปนอนที่ไหนดี จะนอนเตียงเดียวกันมันก็.....
   ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาทางออก สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “นอนด้วยกันนะ”
   ผมเงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วก็เห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ “นอนด้วยกันนะครับ เบียดๆ กันก็ได้ นะ....”
   ผมชักนึกสงสัยว่าตกลงนี่มันเตียงใครกันแน่ แต่ก่อนที่ผมจะได้อ้าปากพูดอะไร มือของสุภาพงษ์ก็เลื่อนมาโอบเอวผมเอาไว้ ให้ตายสิ เขามือไวจนน่าตีให้มือหักจริงๆ แต่ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะอาจจะโดนแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย หรือถ้าพูดให้ตรงความจริงกว่านั้น ผมคงไม่มีปัญญาจะตีเขาให้มือหักหรอก แค่ตีธรรมดาผมยังตีไม่ลงเลย
   ดังนั้น สิ่งที่ผมทำคือ รีบพูดเรื่องอื่น ก่อนที่จะโดนมือเขาแย่งบทพูดไปจนหมด
   “พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”” ผมพูดเร็วปรื๋อ ก่อนจะชิงจังหวะ ชิ่งหนีจากมือเขา เดินออกจากห้องเข้าห้องน้ำไป โอ๊ย เผลอเป็นไม่ได้เลยนะเนี่ย เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้แล้วหัวใจผมจะวายเอา ชอบมาจับมาลูบอยู่ได้ พิศวาสอะไรผมนักหนาก็ไม่รู้
   ผมถอดเสื้อออก เตรียมจะอาบน้ำ แต่พอเดินผ่านกระจกก็ต้องหยุดมองตัวเองหน่อยหนึ่ง ไม่ใช่ว่าผมเกิดหลงรูปอะไรเอาตอนสี่สิบห้านะ แต่สงสัยขึ้นมาว่าสุภาพงษ์เห็นดีเห็นงามอะไรในตัวผม ถึงได้ฝังใจนัก แต่ผมมองได้แว้บเดียวก็แทบจะรีบเอาผ้าดำมาคลุมกระจก โห... อย่าให้มองซ้ำสอง ผู้ชายอะไร ทั้งผอมทั้งแห้ง ผมก็ยาวเพราะไม่ได้ตัดมาเป็นเดือนๆ ผิวก็ใช่ว่าจะตึงเหมือนตอนหนุ่มๆ แล้ว หน้าตายิ่งไม่ต้องพูด นี่สุภาพงษ์มีปัญหาด้านสายตาหรือไงนะ หรือว่าเขาไม่เข้าใจว่าอะไรน่ามองน่าจับกันแน่
   ผมรีบเดินออกจากกระจก เพราะกลัวเห็นภาพชวนฝันร้ายรอบสอง ตรงไปเปิดฝักบัว อาบน้ำล้างตัวให้สะอาด เตรียมจะเข้านอน เอาเถอะ ถึงผมจะผอม ท่าทางโทรมๆ จนเพื่อนฝูงแซวว่าไส้แห้ง แต่คืนนี้ผมมีคนหุ่นดีมานอนใกล้ๆ คงพอจะทำให้หลับฝันดีได้อยู่หรอก ถ้าเขาไม่ทำให้ผมฝันแปลกๆ อีกน่ะนะ
   เพราะไม่เข้าใจว่าสุภาพงษ์คิดยังไงถึงมาติดใจคนอย่างผม สุดท้ายผมเลยเลิกคิด หันไปมุ่งมั่นกับการฟอกสบู่ขัดขี้ไคลฆ่าเวลาเพราะยังไม่ง่วง กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็กินเวลานานโข ที่จริงก็ตั้งใจว่าจะรอให้เขาหลับไปก่อนด้วยแหละ จะได้ไม่แอบทำอะไรผมกลางดึก
   ผมปิดฝักบัว เดินออกมาเตรียมจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหัวให้แห้ง แต่พอเอื้อมไปที่ราวพาดผ้า ก็มีอันต้องสะท้านไขสันหลัง เพราะสิ่งที่ผมคว้าได้คือความว่างเปล่า
   เดี๋ยวสิ!
   ผมหันไปมองราวพาดผ้าเช็ดตัวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แล้วก็เห็นว่ามันไม่มีอะไรพาดหรือแขวนอยู่จริงๆ ผมนึกทบทวนกับตัวเอง เมื่อตะกี้นี้ผมรีบปลีกตัวหนีจากมือสุภาพงษ์มาที่ห้องน้ำ คงจะลืมหยิบผ้าเช็ดตัวมาด้วยแน่ๆ จนใจที่มารู้ตัวเอาตอนอาบน้ำเสร็จแล้ว
   เนื่องจากห้องน้ำผมไม่ได้อยู่ในห้องนอน จะเข้าออกต้องเปิดประตูออกมาตรงทางเดินระหว่างห้องก่อน ครั้นผมจะตะโกนเรียกสุภาพงษ์ให้หยิบผ้าเช็ดตัวให้ก็ใช่ที่ เกิดเขาหลับไปแล้วมันจะน่าเกลียดเอาเปล่าๆ แต่ไอ้ครั้นจะใช้เสื้อผ้าตัวเดิมมาเช็ดแทนไปก่อนก็ยังไงอยู่ อุตส่าห์อาบน้ำอย่างดีทั้งที ดันต้องมาเช็ดกับเสื้อเปื้อนเหงื่ออีก
   สุดท้ายผมเลยตัดสินใจว่าจะเดินออกจากห้องน้ำไปทั้งอย่างนี้ก่อน แล้วแง้มประตูดูว่าสุภาพงษ์นอนแล้วหรือยัง ถ้าเขายังไม่นอนก็ค่อยใช้ให้เขาหยิบผ้าเช็ดตัวให้ เพราะในบ้านไม่มีคนอื่นแล้ว ผมเดินแก้ผ้าตรงทางเดินระหว่างห้องคงไม่มีใครเห็นหรอก
   ผมเลยเปิดประตูห้องน้ำ เดินออกมาแง้มประตูทั้งแบบนั้น พอแง้มประตูไปก็เห็นว่าไฟหัวนอนเปิดอยู่ สุภาพงษ์คงจะนอนไปแล้ว เลยปิดไฟดวงใหญ่ แล้วเปิดดวงนี้เอาไว้ให้ผมแทน ก็ดี ผมย่องเข้าไปเช็ดตัวใส่เสื้อทั้งมืดๆ แบบนี้ดีกว่า ไม่มีใครเห็นแน่นอน
   คิดได้ดังนั้น ผมเลยรีบเปิดประตู เดินย่องๆ ไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดแบบไม่กลัวสายตาใคร เพราะคนที่น่าจะมีโอกาสมองที่สุดก็หลับไปแล้ว แถมไฟสลัวแบบนี้ ถึงเขางัวเงียตื่นมาก็คงไม่ทันสังเกตหรอก
   ผมเช็ดตัวเสร็จก็รื้อเสื้อนอนออกมาจากตู้ สวมแล้วก็เดินมาตรงที่นอน ค่อยๆ ปีนขึ้นไปนอนแล้วเอื้อมมือไปปิดสวิตช์โคมไฟ
   เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แถมยังมีอารมณ์คึกคักจากงานเลี้ยงรุ่นอยู่ ผมเลยใช้ความตื่นตัวช่วงก่อนนอนไปกับการคิดถึงพล็อตนิยายที่กำลังจะต้องเขียน  กำลังนอนคิดถึงเรื่องพ่อกระแตเพลินๆ ก็มีอันต้องสะดุ้ง เพราะรู้สึกเหมือนมีใครเอามือมาจับที่เอว ผมนึกถึงสุภาพงษ์ทันที
   นี่เขาไม่ได้หลับไปแล้วหรอกรึ?
   ผมรีบหันไปมอง แล้วก็เห็นว่าเขากำลังมองมาทางผมอยู่ ท่าทางเหมือนจะตกใจนิดๆ คงคิดไม่ถึงล่ะสิว่าผมจะหันมาน่ะ
“พี่นิตยังไม่นอนหรือครับ?” สุภาพงษ์พูดเสียงเบา แต่ก็ฟังออกหรอกว่าแปลกใจ ผมนึกอยากหยิกเขาขึ้นมาจริงๆ นะ นี่กะแอบจะทำอะไรผมตอนหลับอีกแล้วสิ “โจคิดจะทำอะไรพี่อีกล่ะ?”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ ในความมืด ผมเดาเอานะว่าเขาเม้มปาก มันมืด ผมมองอะไรไม่ค่อยเห็นหรอก เขาก็คงมองไม่ชัดเหมือนกันนั่นล่ะ พอเห็นเขาเงียบไปนาน ไม่ยอมพูดอะไรสักที ผมเลยต้องพูดขึ้นอีก “ห้ามทำอะไรแปลกๆ นะ ไม่งั้นพี่จะไล่ไปนอนที่พื้น”
   เหมือนได้ยินเสียงเขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็พูดออกมาได้เสียที “งั้น... ผมไปนอนที่พื้นนะครับ”
   “?!” ผมเขม่นมองเขา แต่ว่าสุภาพงษ์ลุกขึ้นจากเตียงแล้ว ผมเลยโพล่งออกไป “จะไปนอนพื้นทำไมน่ะ?”
   สุภาพงษ์หันกลับมามองผม เพราะความมืดทำให้ผมมองไม่เห็นว่าเขามองผมด้วยสายตาอย่างไร เลยพูดอีก “นอนเถอะ พี่พูดเล่น ถ้าโจอยากกอดก็กอดแล้วกัน”
   เหมือนได้ยินเสียงเขาสูดหายใจอีก “พี่นิต... ไม่โกรธผมนะ?”
   ผมไม่รู้ว่าจะโกรธเขาเรื่องอะไร เลยส่งเสียงตอบไป “อืม”
   สุภาพงษ์เลยล้มตัวลงนอนตามเดิม แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด อืม... นี่เขาเห็นผมเป็นตุ๊กตาหมีหรือไงนะ
   อันที่จริงถ้าเขาจะแค่กอดผม ผมคงไม่คิดจะเอาเรื่องอะไรเขาหรอก แต่สุภาพงษ์กอดผมได้แป๊บเดียว ก็เริ่มจะลูบมือไปตามตัวผม ผมว่ามันแปลกๆ แล้วล่ะ เลยพูดออกไปอีก “โจจะทำอะไรน่ะ?”
   เขาชะงักไปหน่อยหนึ่ง แต่ยังไม่ตอบผมในทันที ถึงอย่างนั้นผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าเขาจะทำอะไร เพราะเขาหายใจแรงมาก แถมมือที่ลูบก็ไม่ใช่ว่าลูบหลังลูบไหล่ แต่ลูบเอวแถมเริ่มลามปามมาที่ก้นแล้ว ผมอ้าปาก เตรียมจะเอ็ดเขา แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อถูกเขารวบตัวเข้าไปอีก จนขาอ่อนผมชนกับอะไรบางอย่าง
   “พี่นิต” สุภาพงษ์เรียกผมเสียงแห้ง ขณะที่ผมกำลังตัวแข็งทื่อ เพราะสิ่งที่ดุนขาอ่อนผมอยู่
   อย่าบอกนะว่าเขา...?!!
   “โจ!” ผมโพล่งชื่อเขาออกไป ในตอนที่เขาขยับตัวเข้ามาเบียดผมอีก เขาหอบหายใจแรงจนผมรู้สึกได้ว่าตัวเขาสั่นนิดๆ ที่สำคัญ... ตรงนั้นของเขามัน....
   ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยนอนกับเขามาแล้ว จำได้ว่านอกจากทำให้ผมฝันแปลกครั้งนั้น อีกวันต่อมาเขาก็ไม่มีอาการอะไรอีก แค่ตื่นมาตอนเช้าแล้วขโมยจูบผม แต่ว่าตอนนี้.....
   !!
   สุภาพงษ์ขยับตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะแนบริมฝีปากเข้ามาบนริมฝีปากของผม ผมตกใจเลยรีบผลักเขาออก “ไม่ได้นะ!!”
   ผู้ชายตัวใหญ่ที่กอดผมไว้ชะงักไปอีก ก่อนจะพูดเสียงพร่า “ให้ผมเถอะ”
   จากนั้นเขาก็กดแขนสองข้างผมแนบกับเตียง ก้มลงแล้วจูบซอกคอจนผมขนลุก เดี๋ยวก่อนนะ!! นี่มันไม่ใช่ละครหลังข่าวที่ต้องมีฉากพระเอกปลุกปล้ำนางเอกบนเตียงสักหน่อย แล้วผมก็ไม่ใช่นางเอกหนัง แถมนี่ไม่ใช่การแสดง ผมปล่อยให้ตัวเองถูกบรรณาธิการขืนใจบนเตียงในบ้านไม่ได้หรอก ดังนั้นผมเลยทั้งดิ้นทั้งเตะ เห็นผมผอมแห้งแบบนี้อย่าคิดว่าผมไม่มีแรงนะ
   ดิ้นขลุกขลักได้ไม่นาน สุภาพงษ์ก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี ผมเลยรีบยันตัวลุกขึ้นมานั่ง เตรียมจะอ้าปากว่าเขา โทษฐานทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่พอเงยมาเห็นเขากำลังหอบ แถมทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ เสียงผมมันดันหายลงไปในคอกะทันหัน
   สุภาพงษ์ยกมือขึ้นลูบหน้า ก่อนจะสูดหายใจลึก “ขอโทษ...”
   เสียงเขาพร่าจนผมใจหายวาบ กำลังจะอ้าปากบอกเขาว่าไม่เป็นไร สุภาพงษ์ก็ลุกพรวดขึ้นก่อน
   “จะไปไหนน่ะ?!” ผมโพล่ง เมื่อเห็นว่าเขาลุกแล้วก็เดินตรงไปที่ประตู สุภาพงษ์พูดโดยไม่หันมามองผม “กลับบ้านครับ”
   “เดี๋ยวสิ” ผมพูด แล้วลุกตามเขาไป เพราะท่าทางเหมือนเขาจะออกจากห้องไปจริงๆ
   “กลับป่านนี้มันอันตรายนะ” ผมพูด แล้วเอื้อมมือไปดึงแขนเขาไว้ สุภาพงษ์หันกลับมาทันที “พี่นิตอยากโดนผมข่มขืนเหรอ?”
   ผมอึ้งสนิท เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะพูดประโยคแบบนี้ออกมา สุภาพงษ์มองผม แล้วขบริมฝีปากล่าง “ขอโทษนะครับพี่นิต ผมคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ให้ผมกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านเถอะ”
   ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรออกไป ในแสงสลัวๆ ผมเห็นหน้าเขา เห็นว่าเขากำลังพยายามอดทนกับอารมณ์ของตัวเองอยู่ ผมไม่อยากโดนเขาข่มขืน แต่ก็ไม่อยากให้เขากลับไปทั้งแบบนี้....
   “พี่นิต.... ปล่อยผมเถอะครับ”
   ผมเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนของเขา เราเงียบกันไปพักใหญ่ แล้วสุภาพงษ์ก็พูดออกมา “ถ้าพี่ไม่ปล่อย อย่าดิ้นอีกนะครับ”
   ผมสะดุ้งเฮือก ตอนที่เขายื่นมือมารวบตัวผมเข้าไปกอด แล้วจูบซอกคอผมทั้งอย่างนั้น ด้วยความตกใจ ผมยกมือขึ้นผลักเขา
   !!
   สุภาพงษ์เงยหน้ามองผมอีกครั้ง ด้วยสายตาอึดอัดจนผมรู้สึกได้ ผมรู้หรอกว่าเขากำลังใช้ความอดทนกับผมอย่างเต็มที่ แต่เขาจะรู้ไหมว่าหัวใจผมมันเต้นจนจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว
   “ช้าๆ หน่อย... พี่ไม่เคย” ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป จากนั้นก็เห็นเขาเบิ่งตาขึ้นมานิดๆ แล้วเม้มปาก ก่อนจะกอดผมแน่น
   “พี่นิต” เสียงเขาพร่า แต่ทำเอาผมตัวสั่นไปหมด ทำไงดีล่ะ ผมไม่เคยกับเรื่องพวกนี้ ไม่เคยคิดด้วยว่าจะเกิดกับตัวเอง ไม่คิดด้วยว่าจะเกิดวันนี้ นาทีนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้ แค่ไม่อยากให้เขากลับไปในสภาพแบบนั้น…
   สุภาพงษ์กอดผมครู่หนึ่งก็ผละออก แล้วแนบริมฝีปากลงมาบนริมฝีปากผม ผมไม่เคยถูกใครจูบนอกจากเขา ไม่เคยจูบกับใครคนอื่น ไม่มีประสบการณ์ว่าพอเอาปากแตะกันแล้วต้องทำยังไงต่ออีก ที่ผมทำคือปิดปากแน่นด้วยความเกร็ง ปล่อยให้เขาดูดริมฝีปากของผมเบาๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกๆ
   ดูดริมฝีปากผมได้สักพัก สุภาพงษ์ก็ขยับมือขึ้นมาขยี้ริมฝีปากผมเบาๆ “อ้าปากหน่อยสิครับ”
   ผมนึกไปถึงฉากบรรยายในบทความเชิงอิโรติกที่เคยอ่านในหนังสือประเภทปลุกใจเสือป่าสมัยหนุ่มๆ จึงคิดไปว่าเขาจะให้ผมอ้าปากเพื่อทำออรัลให้เขารึเปล่า เลยยิ่งปิดปากแน่นกว่าเดิม แล้วสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย
   สุภาพงษ์มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถามเสียงแห้ง “ทำไมล่ะครับ”
   ผมกลัวจะถูกเขาจับง้างปาก เลยขยับถอยออกมาหน่อยหนึ่ง “พี่ไม่เคยทำ ทำไม่ไหวหรอก”
   ผู้ชายรูปหล่อตรงหน้าผมเบิ่งตานิดๆ แล้วยิ้มออกมา บ้าจริง ทำไมเขาต้องยิ้มด้วยล่ะ ผมพูดอะไรผิดหรือไง หรือว่าเขาคิดบ้าๆ กับผมอยู่
   ขณะที่ผมกำลังนึกโมโหรอยยิ้มของเขา สุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบเบาๆ “พี่นิตไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรหรอก”
   ผมไม่เชื่อเด็ดขาด เอาไอ้นั่นใส่ในปากมันจะไม่น่ากลัวได้ไง แน่จริงเขาทำให้ผมดูก่อนสิ
   แต่ผมยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร สุภาพงษ์ก็ชิงปิดปากผมด้วยริมฝีปากเขาอีกแล้ว นี่คิดว่าปากผมเป็นลูกอมหรือไงนะ ดูดอยู่ได้
   เขาดูดปากผมได้พัก ก็ยกมือขึ้นบีบกรามผมเบาๆ ผมถึงเพิ่งนึกได้ว่าเขาอาจจะอยากให้ผมอ้าปากเพื่อจะจูบ แปลว่าเขาจะเอาลิ้นใส่เข้ามาในปากผมหรือเนี่ย!!??
   เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าจูบมีหลายแบบ แบบที่ใช้ลิ้นล้วงเข้าไปในปากก็มี แต่... มันจะรู้สึกดีได้หรือไงนะ อีกอย่าง ผมกลัวเผลอกัดลิ้นเขา ทีนี้คงกลายเป็นเรื่องแน่ๆ
   เพราะมัวแต่คิดสารพัด ผมเลยไม่กล้าจะอ้าปากสักที ทั้งๆ ที่ถูกบีบกรามอยู่ สุภาพงษ์เลยค่อยๆ ใช้ลิ้นดุนฟันผม แล้วก็ออกแรงบีบอีก คราวนี้ผมอยากกัดลิ้นเขาจริงๆ นะ เพราะเขาบีบแรงขึ้น จนผมแทบน้ำตาร่วง เลยต้องอ้าปากให้เขาไป
   !!
   ฟันของเราสองคนกระทบกันดังกึก ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ดีนะที่ไม่โดนปากด้วย ไม่งั้นปากแตกแน่ๆ ขณะที่ผมยังไม่หายตกใจดี ก็รู้สึกถึงปลายลิ้นของเขาที่ขยับเข้ามา ผมรีบเอามือจับไหล่เขาไว้ ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวหน้ามืดไปกลางทางน่ะ ก็ผมไม่เคยมีประสบการณ์นี่นา
   ลิ้นของสุภาพงษ์แทรกเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ ผมกลัวจะกัดลิ้นเขาเลยอ้าปากกว้างอีก คราวนี้เลยเหมือนเปิดทางสะดวกให้เขาเลย
   “อื้อ!!” ผมได้ยินเสียงตัวเองครางออกมา คิดว่าจะหายใจไม่ออกน่ะ แบบว่า... อธิบายยังไงดี เขาเล่นจูบเอาๆ ไม่ยอมให้ผมพักบ้างเลย หัวใจผมก็เต้นตึกๆ จนหูอื้อหมดแล้ว
   ก่อนที่ผมจะหายใจไม่ออกตาย สุภาพงษ์ก็ยอมเอาปากกับลิ้นออกไปเสียที ผมหอบแฮ่กๆ ขณะที่เขาก้มลงจูบแก้มผมอีกสองสามครั้ง ก่อนจะเคล้าริมฝีปากกับผมอีกรอบ คราวนี้เขาไม่เอาลิ้นล้วงเข้ามาเยอะแล้ว ผมเลยกล้าจะลองใช้ลิ้นตอบโต้เขาบ้าง
   เราจูบกันอีกพักใหญ่ ผมแทบไม่ได้คิดอะไรนอกจากรู้สึกถึงลิ้นที่เกี่ยวกันไปมา บ้าจัง นี่มันแค่จูบเองนะ
   “พี่นิต” สุภาพงษ์เรียกชื่อผมเสียงพร่า ก่อนจะเม้มปากหน่อยๆ ผมเป็นตาเขาเป็นประกายในความมืด ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อมือของเขาล้วงเข้ามาในอกเสื้อผม
   “โจ!!”
   เขาจูบผมอีกครั้ง กลืนคำพูดผมไปจนหมด และเริ่มลูบไล้ร่างกายผมอย่างจริงๆ จังๆ ที่จริงระหว่างที่จูบกันเมื่อครู่ เขาก็ลูบจนผมร้อนไปหมดแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับล้วงเข้ามาในเสื้อแบบนี้ ผมตกใจเลยจับไหล่เขาแน่น ไม่อยากจะจินตนาการว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรผมกันแน่
   สุภาพงษ์ทั้งจูบทั้งลูบผมอยู่พักใหญ่ เล่นเสียเข่าผมแทบอ่อน แถมยังเบียดส่วนนั้นของเขาเข้ามาชนขาอ่อนผมเป็นระยะ อย่างกับตั้งใจจะบอกให้ผมรู้กลายๆ ว่าเขาอยากจะทำอะไรงั้นแหละ ไม่เกรงใจ หรือกลัวว่าผมจะเป็นลมเป็นแล้งไปบ้างเลยหรือไงนะ
   ขณะที่ผมใจเต้นตึกๆ ทำท่าจะหน้ามืดเพราะถูกเขาจูบเขาลูบ แถมยังถูกตรงนั้นเบียด สุภาพงษ์ก็ผละตัวออก แต่อย่านึกว่าเขาจะไปนอนดีๆ หรืออะไร เพราะเขาขยับออกแล้วก็ช้อนตัวผมขึ้นจากพื้นโดยไม่บอกอะไรให้ผมได้เตรียมตัวสักคำ
   โอ๊ย!! ผมถูกเขาอุ้มอีกแล้ว
   ผมรีบกอดคอเขาไว้แน่น เพราะว่ากลัวตก พอเงยขึ้นไปก็เห็นเขากำลังก้มลงมองผมอยู่ แถมยังทำท่าเหมือนยิ้มนิดๆ ด้วย ผมงี้ใจเต้นแรงหนักเข้าไปอีก เขาจะอุ้มผมแล้วยิ้มทำไมนะ แล้วคิดจะอุ้มผมไปไหนน่ะ คงไม่ใช่ว่าจะอุ้มไปที่เตียง แล้ว............. หรอกนะ
   จู่ๆ หน้าผมก็ร้อนเห่อขึ้นมา จะจ้องหน้าเขาต่อก็ไม่ไหว ใจมันเต้นตึกๆ เหมือนจะกระเด็นออกมาอยู่แล้ว จะกระโดดลงก็กลัวจะหล่นหลังกระแทกพื้น สุดท้ายก็กลั้นใจหันหน้าซุกอกเขาแทน ไม่รู้ว่าจะช่วยให้หายอายหรือจะน่าอายกว่าเดิมกันนะเนี่ย แต่ก็ดีกว่าจ้องตาเขาล่ะ
   ผมเอาหน้าซุกอกแน่นๆ ของสุภาพงษ์ได้ไม่นาน ก็มีอันต้องเกือบร้องเหวอออกมา เมื่อถูกเขาวางลงบนเตียง เดี๋ยวสิ เขาเอาจริงเรอะ อุ้มมาที่เตียงแบบนี้ เขาคงไม่ใช่พาผมมานอนเฉยๆ หรอกใช่ไหม ไม่เอานะ ผมไม่ไหวหรอก อายุก็ปูนนี้เข้าไปแล้ว
   ผมเงยหน้าขึ้นมองสุภาพงษ์อีกครั้ง แล้วก็เห็นว่าเขาจ้องผมอยู่ แถมเม้มปากแน่นเลย เขาหล่อนะ หุ่นก็ดี  ผมเคยเห็นเขาถอดเสื้อไม่กี่ครั้ง แต่จำติดตาเลยล่ะว่าอกเขาสวย ผิวเขาขาว แต่ว่า...
   “เดี๋ยวนะโจ!” ผมโพล่ง ตอนที่เห็นเขาปีนเตียงขึ้นมาคร่อมตัวผม และทำท่าว่าจะปลดกระดุมเสื้อของผมออก สุภาพงษ์เลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง แล้วพูดออกมา “ทำไมครับ?”
   “เอ่อ....” ผมส่งเสียงออกมาอย่างไร้ความหมาย จุดประสงค์ก็แค่อยากถ่วงเวลาเพื่อคิดหาทางเอาตัวรอดในสภาวะแบบนี้ เข้าใจหรอกนะว่าอารมณ์ผู้ชาย เวลามันขึ้นแล้วใช่ว่าจะกล่อมให้ลงกันง่ายๆ แถมมาถึงขั้นนี้ ผมว่าเขาไม่ยอมปล่อยผมไปโดยดีแน่ แต่ถ้าหักหาญกันมากไป เดี๋ยวเขาจะหนีกลับบ้านอีก... อืม... ปัญหานี้แก้ยากจริงๆ นะเนี่ย
   ระหว่างที่ผมกำลังคิด สุภาพงษ์ก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อผมออก ผมเลยไม่เป็นอันได้คิดอะไร ต้องรีบโพล่งออกไปอีก “อย่าถอดนะ!”
   คราวนี้สุภาพงษ์เลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง แล้วถามผมเสียงแปลก “ทำไมล่ะครับ?”
   ผมมองหน้าเขา ก่อนจะสั่นศีรษะดิกๆ “อย่าดีกว่า หุ่นพี่ไม่น่าดูหรอก”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมชอบ”
   คำตอบของเขาทำเอาผมแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองจริงๆ แต่ว่าผมปล่อยให้เขาถอดไม่ได้จริงๆ ใช่ว่าผมหวงตัวอะไรนะ แต่... แต่ผมกลัวของผม... ผมไม่เคยนี่นา
   “โจ... ใจเย็นๆ ก่อนนะ” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเขา พร้อมกับเอามือปิดอกเสื้อของตัวเองไปด้วย สุภาพงษ์ชะงักมืออีก แล้วก้มหน้าลงมาใกล้ “พี่นิตไม่ต้องกลัวนะ ผมจะค่อยๆ ทำ ไม่เจ็บมากหรอก”
   โอ๊ย! ผมล่ะเกือบจะหน้ามืด ไม่นะ ผมไม่สนใจหรอกว่ามันจะเจ็บหรือไม่เจ็บ เขาจะค่อยๆ หรือไม่ค่อย ผมยังไม่พร้อมน่ะ ผมยังไม่ได้เตรียมใจมา ผมกลัวจะทำอะไรน่าเกลียด กลัวมันจะล่มกลางทาง กลัวจะทำให้เขาไม่พอใจ กลัวจะหัวใจวายตายน่ะ อีกอย่าง ถ้าผมเกิดมีอะไรกับเขา เรื่องหลังจากนี้จะเป็นยังไงล่ะ ผมยังไม่เคยบอกเลย ว่าจะตกลงปลงใจกับเขา
   พอผมเงียบ มือของสุภาพงษ์ก็ขยับอีกแล้ว เขาอยู่นิ่งๆ ไม่เป็นหรือไงนะ ชอบจับนั่นจับนี่จริงๆ ผมไม่รู้จะทำไงเลยต้องพูดออกไปอีก “เดี๋ยวนะ ขอพี่ทำใจก่อน”
   ผู้ชายอกแน่นที่อยู่เหนือตัวผมยอมหยุดมือแต่โดยดี ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายจ้องผมด้วยสายตาที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคิดอะไรอยู่ ผมจึงไม่กล้าสบตากับเขา เลยหันไปมองผ้าปูเตียงที่อยู่ข้างๆ แทน
   เอาไงดีล่ะผม....
   ผมมองผ้าปูเตียงอยู่พักใหญ่ แต่ก็ยังนึกอะไรไม่ออก ในสมองมีแต่เรื่องบ้าๆ เต็มไปหมด จนสุภาพงษ์โน้มหน้าลงมาใกล้ แล้วจูบแก้มผมเบาๆ
   นี่ถ้ายืนอยู่ผมว่าผมวูบแล้วล่ะ
   ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีรึเปล่า ที่เผอิญตอนนี้ผมนอนราบอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือหัวใจผมเต้นรัวเป็นกลอง ตัวก็ร้อนวูบขึ้นมาอีกแล้ว สุภาพงษ์จูบแก้มผมแล้ว ก็เลื่อนมือมาลูบอกผม ผมเลยรีบจับมือเขาเอาไว้ “โจ!”
   “ครับ?”
   “พี่จะเป็นลม”
   “?!” สุภาพงษ์มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด “พี่นิตไหวรึเปล่าครับ”
   ผมได้โอกาส รีบสั่นศีรษะทันที ผู้ชายรูปหล่ออย่างกับพระเอกหนังตรงหน้าผมหน้าสลดลงหน่อยหนึ่ง ก่อนจะเม้มปากแน่น ผมเห็นเขาทำหน้าอึดอัดแบบนั้นแล้วก็นึกสงสารขึ้นมา แต่จะทำไงล่ะ ก็ผมไม่อยากจะมีอะไรกับเขาโดยที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนนี่นา
   “เอ่อ....” ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไปอีกครั้ง “พี่ว่า.... เราสองคน... เอ่อ..... คือ.... ทำอะไรแบบที่ไม่ต้องสอดเข้ามาทางก้นได้มั้ย?”
   “....................”
   ผมล่ะอยากเอาหน้ามุดดินจริงๆ บ้าเอ๊ย ถามอะไรออกไปน่ะ น่าเกลียดสุดๆ ยิ่งพอเห็นเขาเบิ่งตานิดๆ แบบนั้นแล้ว ผมเดาไม่ออกเลยว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่ แย่จริงผม ไม่ไหวแล้วล่ะ ผมทำทุเรศอีกแล้วสิเนี่ย
   ผมไม่กล้าสบตาเขาต่อ แต่แค่หันหาผ้าปูคงยังไม่พอ ผมเลยพยายามจะเอาหน้ามุดลงไปบนเตียง เรียกว่าถ้าใช้มือตะกุยเตียงแล้วขุดมันเป็นรูได้ ตัวผมคงจะมุดลงไปได้แล้วล่ะ
   ขณะที่ผมพยายามจะมุดหน้าลงกับเตียงแทบตาย สุภาพงษ์ก็ยื่นมือมาจับไหล่ผมไว้ “พี่นิตกลัวหรือครับ?”
   ผมกำผ้าปูที่นอนแน่น ตอบเขาไปเสียงอู้อี้ เพราะเอาหน้าซุกเตียงอยู่ “อื้อ”
   เหมือนได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ จากนั้นก็ยื่นมือมาโอบหลังมือผมที่ขย้ำผ้าปูเตียงอยู่ “ไม่เป็นไรนะ ผมไม่สอดเข้าไปก็ได้ พี่นิตหันมาหน่อยสิครับ”
   ผมเหลือบตากลับไปมอง แล้วเห็นว่าเขากำลังยิ้มบางๆ อยู่ หัวใจผมเต้นแรงอีกแล้ว ผมไม่กล้าหันกลับไปมองเขาหรอก ผมกลัว... กลัวจะเป็นลมไปจริงๆ น่ะ
   พอผมไม่ยอมหันหน้า สุภาพงษ์ก็ก้มลงจูบแก้มผม แล้วสอดมือเข้ามาระหว่างนิ้ว ดึงมือผมออกจากผ้าปูที่นอน แล้วเอาไปแนบอกเขาไว้แทน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   โอ๊ย! ผมรู้สึกชัดเลยว่าตัวเขาอุ่น แถมอกเขาก็แน่นจริงๆ
   เอามือผมไปแนบอกแล้ว สุภาพงษ์ก็จัดการจับตัวผมพลิกกลับขึ้นมา คราวนี้ผมเลยต้องหันมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่เต็มใจสักนิด เขาคร่อมอยู่เหนือตัวผม กำลังจ้องผมอยู่ ด้วยสายตาที่ผมไม่อยากเดา พร้อมกับใบหน้าหล่อๆ ของเขา ดีนะที่เขายังใส่เสื้ออยู่ ขืนเขาถอดเสื้ออีก ผมตายแน่ๆ เลย
   เพราะกลัวที่จะสบตากับเขานานๆ ผมเลยเลื่อนมามองคอเขาในความมืด จากนั้นก็เลื่อนลงมามองอกเสื้อ อืม... นี่ขนาดมืดนะเนี่ย ผมยังจะอุตส่าห์มองเห็นอีกว่ากล้ามอกเขาแน่นนาดู โอ๊ยตาย! ผมหยุดคิดอะไรแบบนี้สักพักไม่ได้หรือไงนะ
   ระหว่างที่ผมนึกแช่งด่ามโนภาพของตัวเอง สุภาพงษ์ก็จัดแจง ยกมือผมไปลูบอกเขาอย่างกับจะแกล้ง ไม่ต้องมีของจริงมาประกอบ ผมก็คิดของผมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว นี่เขายังจะให้ผมลูบอีก เกิดผมเลือดกำเดาทะลักขึ้นมา ใครมันจะมารับผิดชอบล่ะ นี่ถ้าเขาจะรังเกียจผมเพราะท่าทางทุเรศๆ ของผมล่ะก็ ผมก็อยากจะให้เขารู้เหมือนกันว่าก็เพราะเขานี่แหละ แต่มาคิดอีกที อย่าเลยดีกว่า มันคงยิ่งประจานความทุเรศของผมให้เขารู้ไปเสียเปล่าๆ ทางที่ดีผมควรตั้งสติ สงบจิตสงบใจ แล้วพยายามผ่านสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ไปก่อนก็แล้วกัน
   สุภาพงษ์จับมือผมลูบอกตัวเองอยู่พัก ก็เลื่อนมือมาลูบผมบ้าง ผมเลยได้แต่เอามือดันอกเขาไว้เบาๆ พร้อมกับสะดุ้งตัวหน่อยๆ ตอนที่เขาสอดมือเข้ามาในเสื้อ มือของสุภาพงษ์อุ่นจนเกือบร้อน เขาเริ่มลูบอกผมเบาๆ ใช้นิ้วขยี้ยอดอกผม แล้วก็เริ่มขยำไปขยำมาจนผมขนลุกไปหมด ยิ่งพอเห็นสีหน้าที่ดูจะพออกพอใจเงียบๆ ของเขาด้วยแล้ว ผมแทบจะหนีบขาตัวเองไม่ทัน กลัวเขาจะเห็นว่าผมตื่นเต้นไปกับเขาด้วยน่ะ
   มือของสุภาพงษ์ลูบตัวผมอยู่ ริมฝีปากเขาก็ค่อยๆ จูบแก้มผม ไล่ลงมาตามปลายคาง ซอกคอ ต่ำลงจนถึงปกคอเสื้อ จากนั้นเขาก็เลิกเสื้อผมขึ้น จูบลงบนยอดอกผม ผมสะดุ้งเฮือก มือจิกลงบนไหล่เขาอย่างลืมตัว
   บ้าจัง นี่ผมถูกดูดตรงนี้ก็รู้สึกดีกับเขาด้วยหรือเนี่ย
   ผมเม้มปากแน่น กลัวว่าจะส่งเสียงน่าเกลียดออกไป เลยกลายเป็นได้ยินเสียงตัวเองหายใจฟืดฟาดแทน
   ดูดอกผมเล่นอยู่พัก ผู้ชายร่างดีที่คร่อมอยู่เหนือตัวผมก็เลื่อนริมฝีปากต่ำลงไปอีก พาเอาความดันผมวูบตามไปด้วย เดี๋ยวนะ มันต่ำเกินไปแล้ว!!
   ผมรีบเอามือลงไปปิดหว่างขาตัวเองเอาไว้ทันที ไม่ไหวล่ะ ขืนให้เขารู้ว่าตรงนั้นผมตื่นอยู่ ได้เป็นเรื่องแน่ๆ แต่สุภาพงษ์มือไวใช่เล่น ผมน่ะเอามือปิดทันหรอก แต่มือเขาก็จับหมับลงบนมือผมเหมือนกัน พอเงยหน้าก็เห็นว่าเขาเม้มปากนิดๆ อีกแล้ว
   “พี่นิต.... เขินเหรอครับ” เขาพูดเสียงเบา ก่อนจะสูดหายใจลึก แล้วขยับมาจูบแก้มผม จากนั้นก็ค่อยๆ สอดมือเข้าไประหว่างมือผม แล้วแตะส่วนนั้นจนได้ ผมอายจนต้องหันหน้าไปซุกกับผ้าปูเตียงอีกรอบ นี่ถ้าผมดึงหมอนมาปิดไว้ มันจะน่าเกลียดมากมั้ยนะ...
   สุภาพงษ์คลึงเคล้นหว่างขาผมโดยใช้มือผมร่วมด้วย ผมว่าเขารู้แล้วล่ะว่าผมตื่นเต้นเพราะสิ่งที่เขาทำ เขาคลำไปพลางจูบผมไปพลาง สักพักก็ค่อยๆ แนบตัวเข้ามาชิดอีก ก่อนจะดึงมือผมออกหน่อยหนึ่ง แล้วสอดส่วนที่เขาใช้ดุนขาผมจนสะดุ้งหลายครั้งเข้ามาระหว่างอุ้งมือของเราสองคน
   ผมได้ยินเสียงเขาสูดหายใจลึก ขณะค่อยๆ จับมือผมกำรอบส่วนอ่อนไหวของเราทั้งคู่ ผมเองก็ต้องสูดหายใจหลายครั้งเหมือนกัน เพราะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไประหว่างทาง ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมกับเขากำลังทำแบบนี้กันอยู่ สุภาพงษ์จับมือผมรูดส่วนนั้นของเราสองคนขึ้นๆ ลงๆ เสียงหอบหายใจ และลมหายใจอุ่นๆ ของเขา ทำเอาผมตัวสั่น ใจเต้นตึกตัก อุ้งมือของเขาที่แนบอยู่บนหลังมือผมพาให้ตัวอุ่นวาบ ความวาบหวามที่เราสองคนสร้างร่วมกันยกสติผมจนลอยล่อง ความรู้สึกสุขสมอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมานานค่อยๆ เอ่อท้นจนทะลัก
   ผมตวัดมืออีกข้างกอดไหล่เขาไว้แน่น ได้ยินเสียงตัวเองครางฮือ เอวกระตุกกึกๆ รู้สึกได้ถึงของเหลวขุ่นข้นที่ทะลักออกมา สุภาพงษ์ก้มลงจูบผมด้วยลมหายใจปั่นป่วน และบังคับผมขยับมือต่อ ความซ่านเสียวเกินระดับทำให้ผมระงับเสียงครางไว้ไม่อยู่ ได้แต่จิกเล็บลงบนหลังเขา แล้วครางฮืออย่างขาดสติ จนกระทั่งรู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่รดราดลงบนท้องน้อยของผม
   สุภาพงษ์ตัวสั่นสะท้านในตอนที่ดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่น ผมตวัดมือกอดตอบเขาไป เราสองคนหอบหายใจอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันพักใหญ่ ก่อนจะจูบกันอีกครั้ง ผมพิงศีรษะเข้ากับอกอุ่นๆ ของเขา แล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไป
------------------------------------------
   หลายคนคงเคยคิดว่า สักวันหนึ่ง อยากจะทำให้ความฝันเป็นจริงสักครั้ง ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน ผมเป็นนักคว้าฝัน ตามไล่ล่าฝันตัวเองมายาวนานเป็นค่อนชีวิต แต่วันนี้เป็นวันแรก ที่ผมชักอยากให้ความจริงกลายเป็นความฝัน... อันที่จริงผมก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝันของผมกันแน่.....
   “อรุณสวัสดิ์ครับพี่นิต”
   ผมปรือตาตื่นมา ยังไม่ทับมองอะไรได้ชัดดี ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาดุนปาก อืม... มีคนมาจูบปากผมนั่นแหละ พอกะพริบตาอีกครั้งสองครั้งก็เห็นคนหน้าตาดี กำลังคลี่รอยยิ้มพิมพ์ใจอยู่บนหน้า ผมถึงกับถามตัวเองขึ้นมาในใจ ว่านี่ตกลงผมตื่นมาในความฝันรึเปล่า จนเขาขยับแขนเข้ามากอดผมหลวมๆ แล้วพูดต่อ “พี่นิตจะตื่นหรือยังครับ? ออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกันมั้ย?”
   ผมกะพริบตาปริบๆ พยายามระลึกชาติว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ เมื่อคืนนี้ผมกับเขา..... เราก็แค่......
   จู่ๆ ผมก็รู้สึกร้อนวาบขึ้นมาบนหน้า ที่จริงเมื่อคืนก็ไม่ได้มีอะไรมาก ผมกับสุภาพงษ์แค่... เอ่อ.... ช่วยกันช่วยตัวเอง... แค่ช่วยกันช่วยตัวเองเท่านั้นเอง
   ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกหนังไทยขยับเข้ามาใกล้ แล้วหอมแก้มเสียงดังฟอด เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก รีบหันไปมองเขา
   “ตื่นเถอะครับพี่นิต สายแล้วนะ”
   ผมกะพริบตาอีก ก่อนจะหันไปมองนาฬิกา อืม... ก็แค่แปดโมงเช้าเองนี่นา มันก็สายจริงหรอก แต่ว่าผมไม่ได้รีบไปไหนนี่
   “โจ...” ผมเรียกชื่อเขา พอเห็นเขามองผมตาเซื่องแล้วก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่า เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นมากกว่าแค่การ ”ช่วยกันช่วยตัวเอง” รึเปล่านะ?
   “อืม...” ผมส่งเสียงต่อแบบไร้ความหมาย พอเห็นหน้าเขาแล้วก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างผิดไป อะไรกันนะ... เรื่องเมื่อคืนรึเปล่า...? หรือว่าเป็นเรื่องอื่น
   “เออ นี่โจไม่ไปทำงานหรือไง?!” ผมโพล่งออกมาอย่างนึกขึ้นได้  ผมทำงานที่บ้านจนชิน แต่สุภาพงษ์ต้องเข้าออฟฟิศทุกวันนี่นา แล้วเมื่อวานวันอาทิตย์ วันนี้ก็วันจันทร์น่ะสิ!
   “ไปครับ” เขาตอบผม แล้วพูดต่อ “แต่ผมรอพี่นิตตื่นก่อนน่ะ... ไม่อยากทิ้งพี่ไว้คนเดียว”
   “อืม... พี่ก็อยู่คนเดียวอยู่แล้วนี่” ผมตอบเขาไปอย่างไม่คิดอะไร “รีบไปอาบน้ำเถอะ สายแล้วนะ”
   สุภาพงษ์เม้มปาก ทำท่ารีๆ รอๆ อยู่พัก สุดท้ายก็ยอมลุกออกจากผ้าห่ม พอผ้าห่มพ้นจากตัวเขาเท่านั้นล่ะ ผมแทบลมจับ ท่อนบนของเขาใส่เสื้อเรียบร้อยดีนะ แต่ท่อนล่างนี่สิ!!
   สุภาพงษ์ลุกแล้วก็ยังยืนอยู่อีกพัก อย่างกับจะอวดของดีให้ผมเห็น เขากลัวผมจะมองไม่ชัดหรือไง ถึงเมื่อคืนจะมืดขนาดไหน ผมก็ไม่เคยคิดอยากจะมองของเขาหรอก แต่... ก้นเขาแน่นดีจริงๆ ขาอ่อนก็สวย ตรงนั้นก็...........
   ผมมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เขาหยิบกางเกงขึ้นมาสวม แล้วหันมาพูดกับผมอีกครั้ง “งั้นผมไปอาบน้ำนะครับ”
   ผมพยักหน้าอึ้งๆ จนเขาปิดประตูแล้วนั่นแหละ ผมถึงรีบเอาหน้าซุกหมอน อยากจะตบตัวเองหลายๆ ครั้งจริงเชียว เมื่อกี้เขาเห็นสายตาผมรึเปล่านะ ถ้าเห็นแล้วจะเข้าใจว่าอะไรน่ะ?!
   ผมซุกหน้าลงกับหมอนได้แป๊บเดียว ก็เพิ่งระลึกรู้ตัวว่า ตัวเองก็ไม่ได้สวมท่อนล่างเหมือนกัน บ้าจัง เมื่อคืนเขาถอดออกไปเลยหรือ?! ผมใจเต้นตึกๆ ขณะที่นึกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาทั้งจูบ ทั้งกอดผม แถมเรายังจับตรงนั้นของกันและกันอีก อืม... เมื่อคืนผมทำอะไรน่าเกลียดไปบ้างเนี่ย
   ยิ่งนึกผมยิ่งรู้สึกว่า แค่หมอนอย่างเดียวอาจจะไม่พอให้ผมเอาหน้าซุก นี่ผมปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนั้นได้ยังไง สุภาพงษ์ก็เหมือนกันล่ะ อะไรจะมาของขึ้นเอาตอนนั้นเล่า นอนก็นอนไปแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ นะ แล้วนี่ผมจะเอายังไงต่อไปดีล่ะ เกินเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาคงไม่มองผมเป็นนักเขียนในสังกัด หรือว่าพี่ชายข้างบ้านอีกแล้วล่ะ ทำยังไงดี ผมไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับความสัมพันธ์ที่ลักๆ ลั่นๆ นี้ยังไงดี
   ระหว่างที่ผมกำลังคิดนั่นคิดนี่วุ่นวาย สุภาพงษ์ก็เปิดประตูเข้ามา ผมรีบยกศีรษะขึ้น เพราะกลัวจะทำท่าน่าเกลียดให้เขาเห็นอีก ผู้ชายหุ่นดีคนนั้นเดินเข้ามาในสภาพอาบน้ำเปลี่ยนไปใส่ชุดเดิม และพาดผ้าเช็ดตัวไว้บนบ่า หล่อจนน่าโมโหจริงๆ
   “พี่นิตจะไปอาบน้ำเลยมั้ยครับ?” สุภาพงษ์ถาม ผมมองเขา แล้วพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้ลุกออกจากที่นอนในทันที ทำไมน่ะรึ? ก็กางเกงนอนผมมันไม่ได้อยู่ใต้ผ้าห่มด้วยน่ะสิ หลังจากใช้เท้าควานหาอยู่สักพัก ผมก็พูดขึ้นบ้าง “โจ... เห็นกางเกงนอนพี่มั้ย?”
   สุภาพงษ์กำลังพาดผ้าเช็ดตัวลงบนราวพอดี ตอนที่ผมถาม เขาหันกลับมา หน้าแดงนิดๆ แล้วเดินมาหยิบกางเกงนอนที่หล่นอยู่ปลายเตียงให้ผม ผมยื่นมือไปรับ ที่จริงต้องพูดว่าขอบใจเขาด้วย แต่ว่า เพราะเห็นเขาทำหน้าแดง แถมเม้มปากนิดๆ เลยพาลให้ผมพูดไม่ออกไปด้วย ทำหน้าแบบนั้น คิดอะไรกันน่ะ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนรึเปล่านะ
   “โจหันหน้าไปทางอื่นเลยนะ ห้ามมอง” ผมหันมาขู่เขา แทนที่จะพูดขอบใจ เพราะเกิดรู้สึกอายขึ้นมา เขาอาจจะใส่กางเกงนอนต่อหน้าผมได้ แต่ผมทำไม่ลงหรอก หน้าผมยังมียางอยู่น่ะ สุภาพงษ์ดูจะอึ้งนิดๆ แต่ก็ยอมหันหน้าไปหาผนัง ผมรีบซุกกางเกงเข้ามาใส่ในผ้าห่ม ชนิดว่าต่อให้เขาหันมาก็ไม่เห็นหรอก อย่าว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ เมื่อคืนมันมืด เขาคงไม่เห็นอะไร เพราะงั้น ก็อย่าให้เขาเห็นเลยจะดีกว่า กลัวเขาทำหน้าเสียใจที่ทำอะไรอย่างนั้นลงไปกับคนแบบผมน่ะ
   ผมใส่กางเกงแล้ว ก็ลงจากเตียง เตรียมจะไปอาบน้ำ ขณะจะเดินออกประตู สุภาพงษ์ก็เดินเข้ามาหา
   “พี่นิต ผ้าเช็ดตัวครับ” เขาพูด แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวให้ผม ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าทำท่าจะลืมผ้าเช็ดตัวอีกแล้ว รับมา แล้วบอกขอบใจเขาไป สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “พี่อย่าไปลืมผ้าเช็ดตัวแบบนี้ที่บ้านคนอื่นนะ”
   ผมหัวเราะขึ้นมา “พี่ไม่ลืมหรอก ลืมก็ตะโกนเรียกเอาก็ได้”
   “อืม.... อย่าเดินแก้ผ้าออกมาอีกนะครับ”
   “....................” ผมจ้องหน้าเขาเขม็ง ผู้ชายหน้าตาดี หุ่นสวยตรงหน้าผมมีสีหน้าลำบากใจ ขณะพูดประโยคต่อมา “ผมเป็นห่วงนะ”
   “...............................................” ผมทนมองหน้าเขาต่อไม่ไหว เพราะยางอายมันทะลักออกมาจนหน้าแทบไหม้ เลยรีบเปิดประตู เดินจ้ำออกมาทันที บ้าเอ๊ย อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนตอนที่ผมย่องเข้ามาน่ะ เขาตื่นอยู่ ที่ของขึ้นกลางดึกเพราะเห็นผมแก้ผ้าเหรอเนี่ย?!
   ผมอาบน้ำอย่างไม่ค่อยเป็นสุขนัก แต่พออาบเสร็จก็ไม่อยากออกจากห้องน้ำอีก กลัวน่ะ กลัวเดินออกไปเจอสุภาพงษ์ กลัวจะเห็นสายตาเขา โอ๊ย นี่เมื่อคืนผมแก้ผ้าต่อหน้าเขาไปเหรอเนี่ย จะบ้าตาย ผมจะเอาหน้าไปซุกไว้ไหนดี
   ผมยืนจดๆ จ้องๆ กับประตู พยายามปลอบใจตัวเองไปต่างๆ นาๆ เพื่อให้กล้าเดินออกไปด้านนอก แล้วทำหน้าเฉยๆ ตอนเจอสุภาพงษ์ เอาน่า.... ตะกี้เขายังใส่กางเกงให้ผมดูอย่างไม่อายเลย แล้วผมจะอายเขาทำไมล่ะ....
   ถึงจะนึกแบบนั้น แต่พอเปิดประตูออกมาจริงๆ ผมก็อดใจเต้นตึกๆ ไม่ได้ ยิ่งพอเข้าห้องไปแล้วเจอเขายืนอยู่ ใจผมยิ่งเต้นแรง
   “พี่นิตรีบเปลี่ยนเสื้อเถอะครับ”
   แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายพูด เขาดันชิงพูดขึ้นก่อน ผมมองหน้าเขา จะอ้าปากพูดก็พูดไม่ออก สุดท้ายเลยเดินเงอะๆ งะๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งแบบนั้น
   แต่แน่นอนว่าผมไม่กล้าหน้าด้านขนาดปลดผ้าเช็ดตัวออก แล้วสาธิตวิธีการใส่เสื้อผ้าต่อหน้าเขาหรอก ถึงเขาจะกล้าใส่กางเกงโดยโชว์ก้นให้ผมดู แต่ก้นเขาสวยนี่ นอกจากอนาจารแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีให้ติ แต่ผมนี่สิ นอกจากจะโดนข้อหาอนาจาร อาจจะโดนข้อหามลพิษทางสายตาด้วย ดังนั้น ผมเลยหันไปหาเขา “โจหันหน้าไปหาผนังนะ พี่จะเปลี่ยนเสื้อ”
   สุภาพงษ์พยักหน้าแล้วหันเข้าหาผนังอย่างว่าง่าย ผมรีบหยิบชั้นในมาเปลี่ยน รื้อเสื้อรื้อกางเกงออกมาสวม แล้วค่อยปลดผ้าเช็ดตัวออกตอนหลัง คราวนี้ผมรอบคอบ ต่อให้เขาแอบหันกลับมาก็ไม่มีทางได้เห็นอะไรผมหรอก
   ผมเตรียมจะเอาผ้าเช็ดตัวกลับไปพาดไว้ที่ราว แล้วก็มีอันต้องสะดุ้ง เมื่อหันกลับไปพบสุภาพงษ์เดินเข้ามาพอดี
   !!
   ผู้ชายหน้าตาดี ซึ่งตอนนี้เป็นบรรณาธิการคนปัจจุบันของผม อ้าแขนกอดผมไว้หลวมๆ แล้วจูบหน้าผากผมเบาๆ “ไปทานข้าวกันนะครับ”
   ผมอุ่นวาบไปทั้งตัว รู้สึกอย่างกับฝัน เขากอดผมไว้อีกพัก จากนั้นก็จูงผมออกจากห้อง
   อืม... ผมชักสงสัยแล้วสิว่าเมื่อคืนใครเสียตัวให้ใครกันแน่.....
----------------------------------------------------
   สุดท้ายผมกับสุภาพงษ์ก็เดินออกมาทานอาหารกันที่ร้านตามสั่งใกล้ๆ บ้านผม เพราะขืนออกไปป่านนี้ รถก็ติดอยู่ดี อีกอย่าง ผมไม่ได้ไปทำงานกับเขา แค่หลวมตัวมาทานข้าวกับเขานี่ก็ถือว่าเกินภารกิจผมมากแล้ว ผู้ชายรูปหล่อตรงหน้าผมสั่งผัดซีอิ้ว ขณะที่ผมสั่งข้าวราดคะน้าน้ำมันหอย แบบนี้ค่อยดูเป็นชีวิตจริงหน่อย นี่ถ้าเป็นในละคร คนหน้าตาดีอย่างเขาคงไม่มานั่งกินผัดซีอิ้วแน่ๆ
   สุภาพงษ์ดูมีความสุขเป็นพิเศษ ระหว่างรออาหาร เขาเหลือบมองผม แล้วเม้มปากนิดๆ ทำเอาผมต้องรีบหาหัวข้อมาคุยกับเขา เพราะกลัวใครผ่านมาเห็นจะหาว่าเขาสติไม่เต็ม มานั่งเม้มปากมองคนมีอายุอย่างผมอยู่ได้
   “โจ แล้วนี่ไปทำงานสาย ไม่เป็นไรเหรอ?”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมโทรบอกน้องที่ออฟฟิศไว้แล้ว” เขาตอบ ผมขมวดคิ้วหน่อยๆ “ไปสายบ่อยๆ ไม่ดีนะ อีกหน่อยเดี๋ยวเด็กมันก็สายตามหรอก”
   “ครับ” เขาพยักหน้า “ถ้าวันนี้เป็นวันหยุดก็ดีสิ”
   “ขี้เกียจไม่ดีนะโจ” ผมว่า เขารีบสั่นศีรษะ “เปล่าครับ แค่คิดว่าคงไม่ต้องรีบไปทำงานน่ะ จะได้ชวนพี่นิตไปเที่ยวบ้าง”
   ผมเกือบสำลักน้ำ ดีที่กลืนลงไปแล้ว “ไปเที่ยวชวนวันหยุดก็ได้”
   “ครับ” เขาพยักหน้าอีก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมนึกถึงเรื่องที่เขาชวนไปอยุธยาวันก่อน ก็เลยพูดขึ้นบ้าง “โจยังอยากไปอยุทธยาอยู่รึเปล่า?”
   สุภาพงษ์เบิ่งตานิดๆ แล้วพยักหน้า “พี่นิตจะไปหรือครับ?”
   “อืม... เสาร์อาทิตย์นี้พอว่างอยู่นะ” ผมตอบเขาไป สุภาพงษ์ยิ้มออกมาหน่อยๆ “งั้น... วันเสาร์ตอนเช้าผมมารับพี่นะ”
   “อ้อ... เออ.....” ผมพยักหน้าไปอย่างงงๆ ตัวเอง ว่าจู่ๆ เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเขาไปเที่ยวก่อนได้ยังไง แต่พอเห็นเขายิ้มดีใจ ผมก็พาลรู้สึกดีใจไปด้วย
   สรุปแล้ว ใครเสียตัวให้ใครกันแน่นะเนี่ย......
--------------------------------------------------
**โอ๊ย ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่เค๊ยไม่เคย เขียนฉากที่กินเนื้อหาไปทั้งตอนขนาดนี้ (แถมไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก สมเป็นพี่นิต!!!) อนึ่ง รู้สึกเลยว่าการบรรยายฉากโดยใช้พี่นิตบรรยายเป็นอะไรที่เขียนยากลำบากเป็นยิ่งนัก ใช้คำซ้ำบ่อยโคตร (ไว้เดี๋ยวค่อยแก้ตอนรวมเล่มอีกที นี่อ่านจนตาเปื่อยล่ะ)

ตอนเขียนก็ตื่นเต้น (ฮ่าๆ ทำเหมือนไม่เคยเขียน) ตื่นเต้นว่าพี่นิตจะเป็นลมกลางทางรึเปล่า แอบเปลี่ยนเนื้อหาไปมาหนสองหน แต่เห็นว่าพี่นิตเป็นลมไปหลายรอบแล้ว รอบนี้ให้ตั้งสติได้ก่อนแล้วกัน ก๊ากกก

มีฉากฮาๆ หลายฉากที่เขียนไปอยากจะต่อท้ายแซวพี่นิต (ตัวอย่าง... พี่นิตกระมิดกระเมี้ยนเปลี่ยนเสื้อมาก หารู้ไม่ โจเห็นไปถึงไหนต่อไหนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พี่นิตจะอายทำไม ฮ่าๆ :laugh:)

เขียนไปเขียนมา รู้สึกว่าพี่นิตเป็นนายเอกที่โก๊ะอย่างรุนแรง (ตามประสาคนที่อยู่กับตัวเองมานาน มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก)

แต่ก็รักพี่นิตนะคะ :กอด1: (พักนี้อะไรๆ ก็พี่นิต ฮ่าๆ<<อาการหนักจริงๆ)

ปล.มีคนเสนอให้ลองทำโหวตอายุคนเขียน ใจร้ายจริงๆ เราว่าทำโหวตอายุคนอ่านดีกว่า น่าสนุกดี

สนใจจะลองกดโหวตกันไหมคะ อิอิ :-[

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ลุ้นฉากเอ็นซีเรื่องนี้ที่สุดในชีวิตแล้ว กริ้ดดดดดดด พี่นิตยังรอดอยู่เลย อ้ากกกกก

แต่ก็นะ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก็แล้วกัน เดี่ยวพี่นิตเป็นลม กร้ากกก

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
พี่นิตทั้งฮา ทั้งน่ารักโคตรๆ ถ้าเค้าเป็นโจ พี่นิตไม่รอดแน่ๆ ทำตัวน่าจับฟัดมาก  :o8:  :-[

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
ลุ้นจริงๆ กลัวพี่นิตเป็นลมกลางคัน  :laugh:
และขอกรี๊ดให้กับประโยคนี้ดังๆ  “ช้าๆ หน่อย... พี่ไม่เคย”  กี๊สสสสสสสสสสส  :-[

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิตน่ารักมากกกกกกกกกกกกกแบบนี้โจก็ทั้งรักทั้งหลงแย่

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
จะ...ใจร้าย อย่ามาว่าพี่นิตเค้าโก๊ะนะ  พี่นิตแค่เบลอไปหน่อยเท่านั้นเอง แบบว่าคนมันไม่เคย อยู่ดีๆมีหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตๆมานัวเนีย มันก็อดตกใจไม่ได้แค่นั้น

แน่จริงลองปล้ำดูอีกสักหนสองหนสิ :o8: ขี้คร้านจะได้ตาค้างกับลีลาเร้าใจของพี่นิตไปตามๆกัน (มันจะหวังมั้ยพี่นิต)

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33
แทนที่จะได้ตื่นเต้นกับฉากที่คุณนิตจะโดน... :m10:
ดันฮาแทนซะงั้นอ่ะ :laugh:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
คืบหน้าไปมากแล้ว(สำหรับคู่นี้)
อีกนิดเดียวสู้เค้านะโจ

เชียร์ให้พี่นิตเลิกมึนซะทีสงสารโจ นี่ก็อดทนมากเกินคนปกติแล้วนะเนี่ย

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
 :m25: อนิจจังวัฏสังขารา สังขารพี่นิตย่อมไม่เที่ยง = =

อ่านแล้วมันได้อารมณ์ยังไม่เค๊ยไม่เคยยยยยจริงๆนะเนี่ย

พี่นิ๊ตตตตตตต~

ปล.โหวตอายุคนเขียนน่าสนใจกว่าค่ะ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ parakoparako

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
กรี๊ดดดดดดดดดโจหื่น
(แต่หื่นกว่านี้จะดีมักๆแม่ยกตรึม)
อิอิ เพราะเรามันหื่น :o8:

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วรู้สึกดี..พี่นิตอายุ45 แล้วยังซิง :impress2:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
พี่นิตโดนจนได้อิอิ

ฮามากอ่ะ :laugh:

soullve

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิตน่ารัก
เกือบเป็นลมไปกับพี่นิตแล้ว
เดี๋ยวนี้โจรุกเอาๆ

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
แค่พี่นิตเปลือยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อใส่เสื้อผ้าในห้องที่มืด

คุณบ.ก กก้ตาดีเกิน  มองเห็นรูปร่างพี่นิตในความมืด  จนเกิดอาการหื่น   หึหึ :z1:    :z1:

สรุปแล้ว ใครเสียตัวให้ใครกันแน่นะเนี่ย...... 

เจ่ว่าพี่นิตไม่รอดจาก บ.ก.โจแน่นอน 

เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองมันใกล้จะให้เลือดเลือดเข้ามาทุกทีแล้วอ่ะ   :กอด1:   :กอด1:  :กอด1:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
แค่พี่นิตเปลือยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อใส่เสื้อผ้าในห้องที่มืด

คุณบ.ก กก้ตาดีเกิน  มองเห็นรูปร่างพี่นิตในความมืด  จนเกิดอาการหื่น   หึหึ :z1:    :z1:

สรุปแล้ว ใครเสียตัวให้ใครกันแน่นะเนี่ย...... 

เจ่ว่าพี่นิตไม่รอดจาก บ.ก.โจแน่นอน 

เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองมันใกล้จะให้เลือดเลือดเข้ามาทุกทีแล้วอ่ะ   :กอด1:   :กอด1:  :กอด1:

ห้องตอนนั้นไม่ได้มืดนะคะ เพราะมีโคมไฟหัวเตียงเปิดอยู่ ภาพที่โจเห็นเลย... อิโรติกน่าดู (สำหรับโจนะ ฮ่าๆๆ :laugh:ๆ)

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
พี่นิตท่าจะยังคาใจไม่เลิกนะ   :m20:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ลุ้นแทนโจจนเหนื่อย พี่นิตคิดมากจริ๊ง  :jul3:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
โถ ๆ ๆ ๆ ไม่น่าปล่อยให้รอดไปได้ เสียดายโอกาสจัง  หุ หุ หุ

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
อ่านไปลุ้นไป ฮ่าๆ พี่นิต จะโกรธมั้ยคะถ้าบอกว่าแทนที่จะหวานอายม้วนต้วน เรากลับหัวเราะกับอาการของพี่นิตมากๆ เลย  :laugh:

พี่นิตน่ารัก :-[

โจก็อดทนสุดยอด o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด