ตอนที่ 6โซ่คิดในใจว่า ต่อไปไม่ว่าวินจะพูดหรือทำอะไร ก็ไม่สามารถทำให้เขาแปลกใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว วินบอกเขาว่าอยากหางานทำ ถามว่าเพราะอะไร คำตอบคือไม่อยากอยู่เฉยๆ แถมงานที่ว่าคืองานพวกพาร์ทไทม์ที่ประกาศรับสมัครตามร้านต่างๆ ในห้าง พวกเด็กเสิร์ฟ พนักงานขายของ...
ทั้งที่ตั้งใจพามาทานข้าวนอกบ้าน แทนกิจวัตรเดิมคือ วันหยุด=กินเหล้า
โซ่จับต้นแขนเพื่อนแล้วลากจากใบปิดรับพนักงานไกลๆ พลางว่า
"ถ้ามึงทำงาน ก็ต้องลำบากกูมารับมาส่งทุกวัน กูไม่ให้ทำ"
เป็นอันว่าเรื่องนี้จบไป วินขับรถไม่เป็นแล้ว ถึงจะมีคันอื่นที่ยังไม่ชนจอดอยู่ที่บ้านก็ตาม
พวกเราเลือกไปกินราเม็งในร้านหนึ่ง ซดน้ำซุปร้อนๆ แล้วนั่งคุยกัน
วินไม่เซตผม ไม่ใส่แว่นกุชชี่และนาฬิกา แค่กางเกงยีนส์ซีดๆ พอดีตัวกับเสื้อเชิร์ตผ้าบางสบายๆ
"แค่เรียนให้รอดไปจนจบก็พอมึงอ่ะ"
"ก็หาประสบการณ์ แถมได้เจอคนใหม่ๆ เวลาได้เงินมาด้วยตัวเองก็จะได้เห็นค่าของเงินมากขึ้นไง"
"พูดอย่างกับว่าเคยทำเหอะ"
"ก็... เอ่อ ไม่ทำก็ได้"
"เมื่อก่อนมึงได้พวกนามบัตรแมวมอง โมเดลลิ่งอะไรเยอะ ที่กูก็มี เดี๋ยวค้นให้มั้ยล่ะ? "
"ห้ะ? "
"งานไง มึงจะทำไรละ เดินแบบ โฆษณา ละคร ทำพวกนี้จ๊อบนึง ได้เท่ากับทำพาร์ทไทม์หลายเดือน จะทำมั้ยล่ะ"
"ไม่เอาอ่ะ กูไม่มีทางทำได้หรอก"
"ที่กูพามาเที่ยวห้างไม่ใช่จะช่วยมึงหางานทำนะ พามาเปิดหูเปิดตา อย่างผู้หญิงโต๊ะนั้นก็สนใจจะคุยกับมึง อยากรู้จักก็แสดงท่าทีตอบรับไป แค่นั้น"
ผมหันไปตามทิศทางที่โซ่ชี้แล้วสบตาเข้ากับสาวสวยในยูนิฟอร์มของพนักงานแบงค์ ก่อนหลบตาก้มหน้างุด
"กูยังไม่อยากมีแฟน"
"ก็ไม่ได้ให้จริงจังขนาดนั้น สาวๆ น่ารักๆ รู้จักไว้ไม่เสียหายนี่"
"ไม่ล่ะ"
"หรือว่าคราวนี้จะจีบหนุ่ม"
"หา? "
"มึงชอบพวกหนุ่มหน้าหวาน จำไม่ได้เหรอ พวกตัวผอมๆ ขาวๆ"
"กูไม่ชอบผู้ชาย... แล้ว"
"เออ กูลืมว่ามึงความจำเสื่อม ถึงขนาดอำว่ากูเป็นผัวมึงยังเชื่อเลย"
"ไอ้นี่ กูไม่ได้เชื่อเว้ย กูอึ้งเฉยๆ "
"ฮ่าๆๆ ในเมมโมรี่กูเซฟไว้ไม่แค่อึ้งอ่ะ กูทดสอบดูปฏิกิริยาว่ามึงความจำเสื่อมจริงรึเปล่า หน้ามึงตอนนั้นเชื่อสนิทเลย โครตฮา ฮ่าๆๆๆๆๆ"
"พาแฟนมาเดทรึไงวะโซ่"
โซ่ไหล่กระตุกและมองขวับไปที่ผู้มาเยือน มีชายหนุ่มแต่งตัวแฟชั่นจ๋าคนหนึ่งเดินมาถึงโต๊ะและยืนท้าวแขนพิงพนักเก้าอี้ฝั่งที่โซ่อยู่ จ้องวินเขม็ง หน้าคมคาย จมูกเรียว
ปลายเชิด มุมปากนั้นยักขึ้น
"อ้อ นึกว่าใครที่ไหน ยังไม่ตายอีก ถึงว่าแผ่นดินมันไม่สูงขึ้นสักที"
วินนิ่งงัน คนพูดยิ้มแย้มหรือยิ้มเยาะก็ไม่รู้ พูดจริงหรือแค่หยอกแรง จะตอบว่าอะไรดี
"ไอ้เก้า มึงอย่าเพิ่งคุยตอนนี้เลย นะ"
โซ่พูดหน้าเสีย วินเลยคิดได้ว่า คนที่ยืนค้ำหัวโซ่ตรงข้ามไม่ได้พูดเล่น แต่คือการเย้ยหยันอย่างหาเรื่อง
"ทำไมมึงยังมาหัวเราะสบายใจกับไอ้สัตว์นี่อยู่อีก รึมึงเคลียร์เรื่องแย่งเมียกันแล้ว"
"เก้า วินมันความจำเสื่อม จำมึงกับกูไม่ได้ด้วยซ่ำ"
"ตลกตาย"
"กูขอนะ อย่าว่าอะไรมัน"
"ทำไม มึงจบเรื่องกับมัน แต่กูยังไม่จบ"
"มึงโกรธอะไรมาลงกับกูนี่มา"
"อะไรนะ! นี่ ตอนนี้มึงปกป้องมันอีกเหรอ ไอ้คนพรรค์นี้มันสมควรตาย ไอ้ห่าทำไมมึงไม่ตายๆ ไปซะ! "
"เก้า!!! "
"ปล่อยกู ไอ้โซ่ มึงไม่เกี่ยว"
แวบหนึ่งที่วินคิดว่าคนชื่อเก้าจะโผเข้ามาทำร้าย เขาพุ่งเข้าแทบจะถึงตัวอยู่แล้ว แต่ไอ้โซ่ฉุดแขนข้างหนึ่งไว้แล้วลากคอถูลู่ถูกังออกจากร้านไป คนที่ยังนั่งอยู่ใจเต้นไม่
เป็นส่ำ ด้วยไม่เคยโดนใครตะคอกมาก่อนเลยในชีวิต... คนชื่อเก้าเป็นเหมือนพายุไต้ฝุ่นพัดถล่ม จู่ๆ ก็โกรธจนเดือดขึ้นมาฉับพลันทันใดไม่มีวี่แวว ลูกค้าคนอื่นหันมา
มองโต๊ะที่วินนั่งเป็นตาเดียว
วินนั่งรอพักหนึ่งแล้วเดินไปจ่ายเงินค่าอาหาร บัตรเครดิตหลายใบที่เขาไม่เคยใช้หรือหากจะใช้ลายเซ็นต์ก็ไม่เหมือนเดิม จึงจ่ายเป็นเงินสดแล้วเดินออกมาจากร้าน
ไม่รู้ว่าสองคนนั้นพากันไปทางไหน...
ผมรออยู่นานไม่เห็นวี่แววของโซ่เลยหยิบโทรศัพท์ของวินขึ้นมาเปิดเครื่อง พอเครื่องมีสัญญาณปุ๊ปก็มีสายเรียกเข้าระดมกันโทรเข้ามาปั้บ แต่หน้าจอโชว์คำเตือนว่าแบตเตอรี่อ่อนแล้วเครื่องก็ดับไป ผมลืมดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่ไปเลย ตอนนี้ผมต้องมายืนแกร่วอยู่หน้าสารพัดร้านอาหารนานาชาติ เดินเก้ๆ กังๆ เมื่อสายตาบางคู่จ้องมองออกมาจากในร้าน ความรู้สึกแปลกแยกชัดเจนขึ้นจนน่ากลัวเมื่อโซ่ไม่อยู่ด้วย คำด่าทอของคนแปลกหน้าเล่นซ้ำๆ ในหัว ทั้งที่เราก็ไม่ใช่คนผิด ผิดเรื่องอะไรก็ยังไม่รู้ แต่โดนเกลียดชังขนาดนั้นจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเลยก็ไม่ได้
เดินกลับไปคอยที่ลานจอดรถดีกว่า พูดแล้วก็พิลึก มาเดินห้างกันสองคน ทั้งที่ไม่อยากซื้ออะไร ผมอยากไปเดินตลาดนัดมากกว่า อยากเดินให้น้องสาวเกาะแขนแล้วตะล่อมให้ซื้อชุดน่ารักๆ ให้ เดินหอบของกินเต็มสองมือกลับไปล้อมวงกินที่บ้านเล็กๆ ที่แสนอึกทึก แต่ก็ยังดีกว่าเสียงตะคอกด่า ไล่ให้ไปตายนั่น ผมไม่ยอมตายหรอก ยังไงผมก็ไม่ยอมตายอีกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้หัวใจของนายนาวินจะเต้นด้วยตกใจ หรือความเจ็บปวด แต่ก็บุญแล้วที่มันยังเต้นอยู่
ผมลงบันไดเลื่อนไปหนึ่งชั้น เดินวนไปเรื่อยจนเจอทางลงไปชั้นจอดรถ ยังไงโซ่ก็คงกลับในไม่ช้า จำได้ว่ารถจอดตรงฝั่งนู้น...
"ไอ้วิน! "
คนชื่อเก้าเดินออกจากช่องจอดรถหนึ่งที่ผมเดินผ่าน สาวเท้าเร็วๆ เข้ามาหาอย่างคุกคามจนผมกลัว ผมกลัวจริงๆ นะ ลืมไปแล้วว่าตอนนี้ไม่ได้ตัวเล็กไปกว่าร่างสูงตรงหน้าเลยสักนิด ผมบังคับเสียงพูดให้ราบเรียบไม่สั่นไหว หรือวิ่งหนีเตลิดไป
"ครับ"
เก้าชะงักเดินแล้วทำตาโตเบิกโพลง
".....มึงสมองเสื่อมจริงเหรอ? "
"ใช่"
"น่าสมเพช"
"........"
"มึงจำกูไม่ได้? "
"อืม"
"จำไม่ได้ว่าเคยทำเรื่องอะไรไว้ด้วยสินะ เฮอะ"
"ครับ"
เก้าทาบมือมาบนอกดันตัวผมให้เดินถอยหลังจนเมื่อกระแทกเข้ากับเสา เลยกระอักและเจ็บร้าวไปหมดทั้งแผ่นหลัง
"งั้นมึงจำหน้ากูไว้ให้ดี ไอ้เก้าคนนี้จะไม่ปล่อยให้มึงลอยหน้าลอยตาสารเลวได้ต่อไป กูจะทำให้ชีวิตมึงเจอหายนะไม่ได้ตายดี มึงอย่าหวังเลยว่าชีวิตมึงจะสงบสุข กูจะ
ทำให้มึงทรมาน อยู่ก็เหมือนตาย แล้วต่อให้กูต้องตายกูก็จะฉุดมึงลงนรกไปด้วย"
"ผม... "
"อะไร!!! "
"ผมขอโทษ ผมจะชดใช้ให้..."
"มึง! "
ผลั้วะ กึงจู่ๆ เก้าก็ฉุนขาด ง้างหมัดพุ่งเข้าใส่หน้าอย่างจัง แรงกระแทกส่งให้หัวโหม่งอัดเข้ากับเสาใหญ่หนาอีกที เจ็บจนน้ำตาเล็ด ถึงกระนั้นเก้าก็ยังกระชากคอเสื้อผมไว้
"คิดว่าเงินมึงแก้ไขอะไรได้รึไง อย่ามาหยามพวกกูหน่อยเลย ไอ้ชาติชั่ว"
ไม่นะ ...ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินเลยสักนิด แต่ผมมัวกุมหัวตาปิดแน่นด้วยความเจ็บปวดจึงไม่ได้พูดออกไป แรงรั้งที่คอเสื้อหายไปแล้ว ผมทรุดตัวลงนั่งพิงเสา ...เก้า
ผมหมายถึงให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อไถ่โทษ
แต่เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นแล้ว เก้าขึ้นรถที่จอดใกล้ๆ ออกตัวแรงเลี้ยวจนล้อบดพื้นจนได้ยินเสียงเอี๊ยดก้องไปทั่ว ทั้งบริเวณคุกรุ่นไปด้วยอุณหภูมิแห่งความฉุนเฉียว
ผมลุกขึ้นใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ซึมไหลเพราะเจ็บ ปัดๆ ฝุ่นและเดินกลับไปรอโซ่ที่รถเชฟโรเล็ตสีดำของเพื่อน หัวที่โนเต้นตุบๆ และแก้มก็ปวดเจ็บไปหมด
เพิ่งเคยโดนต่อยเป็นครั้งแรกเลยแฮะ ฮะๆๆ ตั้งแต่มาเป็นคุณนาวินนี่ เจอประสบการณ์ครั้งแรกในหลายๆ อย่าง เยอะไปหมด
ให้ตาย คุณไปทำอะไรไว้บ้างครับ? ตัวผม
ผมนั่งกองอยู่ที่เดิมตรงนั้นจนเริ่มชินกับความเจ็บและปวด ช่างมัน เจ็บแค่นี้เรื่องเล็ก แต่ผมไม่ค่อยชอบที่ตัวเองเป็นฝ่ายที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะใจ
ดีมานั่งอธิบายความเป็นมาเป็นไปให้ฟัง อย่างเวลาเจอโจทย์เก่าแบบนี้ก็ต้องทนเป็นคนโง่ไม่เข้าใจสถานการณ์ แถมโดนว่าอะไรก็ดิ้นไม่หลุด
มันน่าเจ็บใจ แต่ก็โทษอะไรใครไม่ได้
ผมโชคร้ายเอง เลยต้องมายืมใช้ร่างของคนอื่น รับกรรมแทนคนอื่น
โมโหไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
"วิน"
โซ่วิ่งเข้ามาและช่วยพยุงผมยืนขึ้น
"กูไม่เป็นไร"
จริงๆ ครับ เจ็บตัวแค่นี้เอง
"มันทำอะไรมึง"
"แค่โดนต่อยหมัดนึง แต่หัวไปโขกเสาอ่ะ"
"เฮ้ย มาให้กูดูซิ"
"ไม่เป็นไรจริงๆ แค่หัวโนนิดเดียว ปล่อยๆ "
"แน่ใจนะมึง น่าจะให้หมอดูหน่อย คราวก่อนไม่เห็นช้ำอะไรมากยังความจำเสื่อมเลย"
"ฮะๆๆๆ กูคงไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้แล้วล่ะ จะให้กูเป็นเอ๋อ ปัญญาอ่อนไปเลยรึไง"
"ยังจะมาเล่นอีก กูจะต่อยซ้ำให้ ป่ะๆ กลับบ้าน กูทายาให้"
ผมหัวเราะขำ ถึงจะใช้คำพูดแบบนั้น แต่ไอ้โซ่ก็ยังช่วยพยุงเดินโดยไม่จำเป็น เปิดประตูรถให้ ถามอาการตลอดทาง ทำให้ผมหายเจ็บใจในโชคชะตาตัวเองไปเลย
tbc...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Kao เก้า
ชื่อ - นพคุณ บรรจงรังสรรค์
ส่วนสูง - 179cm
เลือดกรุ๊ป - AB
ราศี - กรกฏ
งานอดิเรก - ชงกาแฟ
อาหารที่ชอบ - เสต๊ก ซุป
เพลงประจำตัว 99 Problems - Hugo
เรื่องนี้ ค่อยๆ กระดึ้บๆ เพราะตัวเอกเอ๋ออยู่ คนเขียนก็เลยเอ๋อตาม กว่าตัวละครจะโผล่ครบปาเข้าไปหกตอนแล้ว
วิญญาณและกาย ก็คือ วิน (เรียกรวมๆ ละกันนะคะ ตอนนี้มีวินแค่คนเดียว)
ร้ายคือ เก้า รักคือ... โซ่
อยากเขียนให้เก้าเป็นตัวละครที่จัดจ้าน อยากให้นึกภาพเด็กจองหองสักคนที่แต่งตัวเป็น มีเซนส์ด้านแฟชั่นสูง
นิสัยแบบลูกคนกลาง ร่าเริง ซ่า เลือดร้อน จะเขียนถึงอีกบ่อยๆ ในตอนต่อๆ ไป
แล้วเจอกันใหม่วันที่16ค่ะ...