ดวงใจจ้าวมังกร
Act.8 ลอบเข้าปราสาทมังกร
...แองเซลตามมาถึงปราสาทมังกรแล้วก็จริง แต่หัวหน้าองค์รักษ์แห่งฮาร์โมเนียก็ยังคงไม่อาจแฝงตัวแทรกซึมเข้าไปยังในตัวปราสาทได้ เนื่องจากเขตแดนอันแข็งแกร่งของปราสาทมังกร ที่ไม่อนุญาตให้แม้แต่แมลงแปลกถิ่นแม้สักตัวหลงเข้าไป
วิธีที่จะเข้าไปในนั้น นอกจากทำลายเขตแดนที่ไม่อาจทำได้ด้วยตัวคนเดียว ก็เหลือเพียงอีกหนึ่งวิธี คือเข้าทางประตูใหญ่ของปราสาทโดยซึ่งหน้านั่นเอง
ปัจจุบัน แองเซลกำลังอยู่บนเกาะลอยฟ้าเล็ก ๆ อันเป็นอาณาบริเวณของราชอาณาจักรมังกร เขาแหงนไปมองเกาะเบื้องบนที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีตราประทับผ่านเขตแดนเข้าไปเท่านั้น ก่อนจะนิ่งคิดถึงวิธีที่จะหาทางผ่านเข้าไป ยังประตูใหญ่ อันเป็นทางเข้าออกที่น่าจะเป็นไปได้เพียงแห่งเดียวบนเกาะลอยฟ้านั่น
“เอ้า ๆ ช่วยกันขนใส่ลังให้เรียบร้อย อย่าให้ช้ำหรือตกหล่นล่ะ ของพวกนี้ต้องนำไปส่งที่ปราสาทมังกรเชียวนะ!”
เสียงแว่ว ๆ ที่ดังขึ้นไกล ๆ ทำให้แองเซลในร่างเหยี่ยวขาวที่กำลังเกาะกิ่งไม้พักอยู่บริเวณนั้นชะงัก ก่อนจะนึกถึงแผนการในบางอย่างขึ้นมาได้
“อืม...วิธีนี้อาจจะได้ผลก็ได้ ต้องลองเสี่ยงดูสักครั้งล่ะนะ”
กล่าวจบ เหยี่ยวขาวก็บินร่อนโฉบไปยังต้นกำเนิดเสียงดังที่ได้ยินทันที
ณ ประตูใหญ่อันเป็นทางเข้าสู่ปราสาทมังกร สถานที่พำนักของราชามังกรองค์ปัจจุบัน
“ไง! ชูม่า งวดนี้ได้ลูกเบอร์รี่มาบ้างไหม”
ทหารยามที่เฝ้าประตูเอ่ยทักทายออกไป เมื่อเห็นมังกรสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่อุ้งเท้าจิกกระบะผลไม้ใบโต ร่อนลงมายังผืนดินหน้าปราสาท ก่อนจะกลายร่างเป็นชายวัยกลางคนท่าทางบึกบึน เจ้าตัวลากกระบะล้อเลื่อนบรรทุกผลไม้ ที่บินแบกมาตอนเป็นมังกร ไปยังทหารยามผู้นั้น
“ได้สิท่าน ลูกโต ๆ กำลังดีทั้งนั้น”
“โอ้! ดี งั้นก็เข้าไปสิ”
“ขอรับ”
คุยทักทายกันเสร็จ ชายชื่อชูม่าก็เข็นกระบะใบใหญ่สูงเลยครึ่งเอวของตนผ่านเข้าประตูปราสาท แต่พอไปได้สักพัก เขาก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินเสียงแหลมสูงดังขึ้นได้ยินไปทั่วบริเวณนั้น
“หือ! เจ้านำอะไรนอกจากผลไม้มาด้วยงั้นหรือชูม่า!”
นายทหารผู้เฝ้าประตูตะโกนถามด้วยใบหน้าถมึงทึง ทำเอาชายชื่อชูม่าหน้าซีดเผือดพลางสั่นศีรษะไปมา
“ไม่นะ ข้าไม่ได้นำตัวอะไรเข้ามา โธ่ ท่าน ข้าทำมาหากินกับทางปราสาทมาหลายปี ข้าจะหาเรื่องบั่นทอนช่องทางทำมาหากินของตัวเองทำไม”
ชูม่ารีบแก้ตัวขอความเห็นใจ แต่ทหารผู้นั้นขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงพยักหน้าเรียกให้เพื่อนอีกคนมาช่วยตรวจสอบ
“ถึงเจ้าจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่อาจจะมีพวกไส้ศึกอาศัยอาชีพของเจ้าแฝงกายเข้ามาก็ได้ ข้าคงต้องขอตรวจผลไม้ของเจ้าหน่อยล่ะ”
ชายวัยกลางคนพอได้ฟังก็รีบพยักหน้าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ทันที
“เชิญ ๆ ค้นได้เลยท่าน ตามสบาย ถ้าผลไม้ลูกไหนเสียหายข้าจะให้คนขนมาเปลี่ยนเพิ่มภายหลัง”
นายทหารทั้งสองนายพยักหน้า แล้วเตรียมหอกจะจ้วงแทงเข้าไปในกระบะผลไม้ ทำเอาแองเซลที่แฝงกายหลบอยู่ใต้กองผลไม้นั่นกลืนน้ำลายลงคอ พลางคิดว่าจะเสี่ยงแสดงตนออกไปดีไหม ทว่า...
“กิ๊ด ๆ”
เสียงร้องเล็ก ๆ แหลม ๆ ที่ดังขึ้นก่อนที่ปลายหอกจะจิ้มลงไป ทำเอานายทหารทั้งสองนายชะงักกึก จากนั้นผลไม้ในกระบะก็กลิ้งกรุก ๆ ไปมา พร้อมกับการปรากฏกายของเจ้าหางฟูตัวหนึ่ง มันมองซ้ายมองขวา พลางเตรียมจะกระโดดวิ่งจากกระบะเพื่อจะหนี แต่ก็ถูกหิ้วหลังคอไว้เสียก่อน
“กระรอกเองหรอกหรือนี่ ทำเอาแตกตื่นตกใจไปเสียหมด หือ มีปลอกคอด้วยนี่?”
“ฮาวี่! ไอ้เจ้ากระรอกงี่เง่า นี่เจ้าเองหรอกรึ! รู้ไหมว่าเกือบทำให้ข้าต้องโทษโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว!”
ชูม่าตวาดใส่กระรอกในมือของทหารยาม เจ้าตัวน้อยทำหัวหดด้วยความกลัว แต่สักพักก็ทำตาแป๋วชวนให้น่ารักน่าเอ็นดูดังเดิม
“กระรอกของเจ้าหรอกหรือชูม่า?”
นายทหารยามส่งคืนให้กับชายตรงหน้า ซึ่งพอเป็นอิสระ เจ้ากระรอกแสนรู้ก็วิ่งไปเกาะไหล่ของชูม่าแล้วยืนนิ่ง ๆ เช่นนั้นทันที
“ของบุตรสาวข้าเองขอรับ คงเพราะเมื่อเช้าลูกสาวข้ามาช่วยขนผลไม้กับคนอื่น เจ้านี่มันเลยเผลอติดมาด้วย”
“เอาเถอะ! เป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ดีแล้ว อ้อ! อย่าลืมพามันกลับไปด้วยล่ะ”
นายทหารผู้นั้นบอกกับอีกฝ่ายซึ่งชายวัยกลางคนก็รีบโค้งรับปลก ๆ
“ขอรับ ๆ”
หลังพูดจบทหารยามคนเดิมจึงโบกมือไปมา เสียงสัญญาณก็พลันหายไป จากนั้นชายวัยกลางคนจึงเข็นกระบะผลไม้เข้าไปในปราสาท สร้างความโล่งอกให้แองเซลที่แอบซ่อนอยู่ในกระบะผลไม้ยิ่งนัก
แองเซลฉวยจังหวะตอนชูม่ากำลังคุยกับหัวหน้าคนครัววุ่น ๆ หลบออกมาจากกระบะผลไม้ แล้วบินไปหลบตามซอกตามมุมของหลังคาปราสาท เพื่ออาศัยสืบหาข่าวคราว จนกระทั่งพอจะรู้เบาะแสบางอย่างมาว่า ราชามังกรเจ้าของปราสาทแห่งนี้กำลังต้องตาต้องใจเจ้าชายน้อยของเขาเข้าให้แล้ว และนั่นก็ยิ่งสร้างความกลัดกลุ้มให้เขาหนักขึ้นไปอีก
‘คงต้องไปพบเจ้าชายโดยตรง แล้วค่อยคิดหาทางดูอีกที’
แองเซลคิดในใจอย่างเป็นกังวล เนื่องจากเท่าที่รับฟังและได้ยินข่าวลือซุบซิบทั่วปราสาท ตัวเจ้าชายของเขาเองก็หาได้อยู่อย่างโดนบังคับฝืนใจแต่อย่างใด และนั่นล่ะที่จะสร้างปัญหาให้เขา เพราะหากเด็กหนุ่มไม่อยากกลับฮาร์โมเนียพร้อมเขา เขาก็ต้องหาวิธีลักพาตัวอีกฝ่ายกลับไปให้ได้ แม้จะต้องเสี่ยงกับการถูกราชามังกรไล่ล่าตัวก็ตาม
หัวหน้าองค์รักษ์แห่งฮาร์โมเนียหลบซ่อนตัวอยู่ในปราสาทมังกรโดยไม่มีผู้พบเห็นเป็นเวลากว่าสามวัน ในที่สุดโอกาสก็เปิดให้เขา เมื่อน้ำฟ้านั้นออกมาเดินเล่นที่สวนของวังในเช้าวันถัดมา
“ไม่เห็นจะต้องเดินตามทุกฝีก้าวแบบนี้เลยนะครับ ยังไงผมก็หนีจากที่นี่ไม่ได้อยู่แล้ว”
น้ำฟ้าบอกกับทหารองค์รักษ์ที่ติดตามเขาชนิดก้าวต่อก้าวอย่างนึกรำคาญใจ
“เป็นคำสั่งจากท่านจ้าวขอรับ ข้าเองก็จนใจ...”
อีกฝ่ายมีสีหน้าลำบากใจขณะพูด จนคนฟังต้องถอนหายใจเบา ๆ แล้วฝืนยิ้มให้
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องตามติดตลอดนักก็ได้ แค่ระยะสายตาเห็น ก็น่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรไม่ใช่หรือครับ”
ทหารองค์รักษ์ทั้งสองสบตากัน แล้วต่างโค้งรับคำสั่งของอีกฝ่าย จากนั้นทั้งคู่ก็ทิ้งระยะห่างในการติดตามทำให้น้ำฟ้ารู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
“อีตามังกรหื่นกามนั่นจะขี้หวงขี้ห่วงไปถึงไหนก็ไม่รู้ นี่ถ้าเกิดแกล้งหนีขึ้นมา สงสัยคงไม่ได้ออกจากห้องมาให้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่เลยมั้งนั่น!”
น้ำฟ้าบ่นกับตัวเองแต่ก็ขึ้นเสียงให้ทหารอีกสองนายได้ยินไปด้วยในตัว ทั้งคู่สบตากันแล้วลอบถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงทำเสียงฮึในลำคอเบา ๆ เพราะคาดว่าคงไม่มีเพื่อนคุยแน่แท้ ดังนั้นพอเดินเล่นได้อีกพักใหญ่ เขาจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้องพักแทน โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่า บัดนี้กำลังมีใครบางคนตามสะกดรอยอยู่ห่าง ๆ เพื่อหาทางเข้าไปที่ห้องพักของอีกฝ่ายให้ได้
น้ำฟ้ากลับมาถึงห้องพัก เขาก็ตรงไปยังที่นอนพลางล้มตัวลงนอนคว่ำหน้าบนนั้นอย่างเบื่อหน่าย เพราะวันนี้ดราโกมีงานต้องสะสางล้นมือ เนื่องจากเมื่อวันก่อนมังกรหนุ่มแอบโดดงานมาหาเขา ดังนั้นวันนี้ครีอุสเลยเฝ้าประกบไม่ให้ผู้เป็นนายพ้นหูพ้นตาไปไหนได้ แม้กระทั่งเวลากินข้าวเลยทีเดียว
“ก๊อก...ก๊อก...”
เสียงแว่วมาเบา ๆ คล้ายใครเอาหินขว้างของแข็งดังมาจากระเบียงนอกห้อง ทำให้น้ำฟ้านึกสงสัย และเดินออกไปด้านนอก ก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดขาว มีปีกกลางหลัง เหาะอยู่ห่าง ๆ ระเบียง และยังไม่ทันที่น้ำฟ้าจะหลุดคำพูดอะไรออกมาอีกฝ่ายก็ชิงพูดเสียก่อน
“ฟังข้าก่อนองค์ชาย ข้าคือแองเซล หัวหน้าองค์รักษ์แห่งฮาร์โมเนีย มาเพื่อรับท่านกลับไปดินแดนบ้านเกิดเมืองนอน ทว่าห้องนี้มีเขตแดนอันแข็งแกร่งของราชามังกรอยู่ ทำให้ข้าไม่สามารถเข้าไปได้”
น้ำฟ้าตกตะลึงตาค้าง ปากที่เตรียมคำพูดชะงักกึก ก่อนจะนิ่งคิดทบทวนคำพูดของอีกฝ่ายไปมา
“คุณเป็นคนของฮาร์โมเนีย...”
“ขอรับ”
แองเซลตอบกลับพร้อมรอยยิ้มโล่งอก ที่น้ำฟ้าพอจะพูดคุยกันรู้เรื่อง หาไม่แล้วหากเด็กหนุ่มส่งเสียงตะโกนเรียกทหารเข้ามา เขาคงไม่แคล้วโดนไล่ล่าพลิกแผ่นดินแผ่นฟ้าสุดฤทธิ์แน่
“คุณจะมาฆ่าผมหรือเปล่า?”
น้ำฟ้าถามอย่างลังเลทำให้คนฟังชะงัก แล้วจึงเอ่ยต่อด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ้าชาย...ถ้าทรงคิดทบทวนดี ๆ เราเคยเจอกันก่อนหน้านั้นครั้งหนึ่ง แต่อาจจะทรงจดจำไม่ได้ เพราะข้าเองหาได้มีเวลาแนะนำตัวกับท่าน เพราะมัวแต่จ้องกำจัดคนโฉดที่หมายชีวิตท่านในคืนนั้นอยู่”
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้ง ภาพของชายในเสื้อคลุมสีขาวที่ปรากฏกายมาช่วยชีวิตเขาได้ทันอย่างหวุดหวิดหวนแวบกลับเข้ามาในสมองทันที
“คุณคือคนเมื่อคืนนั้นสินะ...”
“ขอรับ”
แองเซลยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายคลายความหวาดระแวงลง
“ฝ่าบาท ประชาชนและเหล่าขุนนางชาวฮาร์โมเนีย ล้วนรอคอยท่านกลับไปเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินสืบต่อไป โปรดเสด็จกลับไปพร้อมกับข้าเถิดนะขอรับ”
ร่างในชุดขาวโค้งขอร้องออกมาจากใจจริง ทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง แล้วจึงตอบออกไปตามตรง
“ผมพอจะรู้เรื่องภายในดินแดนนั้นมาบ้าง... ผมว่าผมจะไม่สืบทอดตำแหน่งเป็นรัชทายาทอะไรนั่นหรอก ใครอยากได้ก็ปล่อยให้เขาเอาไปเถอะครับ จะได้ไม่มีปัญหาวุ่นวายตามมาอีก”
แองเซลชะงัก เงยหน้ามองเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเขา ก่อนจะรีบพูดเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายทันที
“ไม่ได้นะขอรับฝ่าบาท... จริงอยู่ ที่องค์ชายรองยังทรงไร้เดียงสา หามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอันใด หากแต่พระมารดาหาเป็นเช่นนั้นไม่ ...เฮ้อ! ยังไงก็ไม่ได้หรอกขอรับ กฎมณเฑียรบาลบัญญัติไว้แล้ว ท่านที่ทรงเป็นรัชทายาทองค์โต ยังมีพระชนชีพอยู่ ท่านก็ต้องสืบทอดตำแหน่ง ตามคำสั่งเสียของราชาองค์ก่อนที่ทรงให้ไว้นะขอรับ”
น้ำฟ้านิ่งเงียบ เขาพอจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายดี น้องชายต่างมารดาของเขา อายุยังน้อยนักจึงยังใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป แต่หากถูกพระมารดาที่มีจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูงเฝ้าหล่อหลอมเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ ก็อาจกลายเป็นปัญหาตามมาในภายหลัง อีกอย่างกษัตริย์ไร้ความรับผิดชอบเท่าที่เห็น ก็มีใกล้ ๆ แถวนี้ให้เป็นตัวอย่างอยู่หนึ่งราย แต่ถึงอย่างนั้นดราโกก็ยังมีส่วนดี ตรงที่ยอมรับฟังในสิ่งที่คนสนิทตักเตือนอยู่บ่อย ๆ ล่ะนะ
“เจ้าชาย ทรงกลับไปพร้อมข้าเถิดนะขอรับ ฮาร์โมเนียจำเป็นต้องมีท่านจริง ๆ”
“ถ้าให้ทางนั้นยึดอำนาจของราชินี แล้วเลี้ยงดูองค์ชายรองให้เป็นทายาทแทนผมล่ะ คุณคิดว่าพอจะทำได้ไหม?”
น้ำฟ้าต่อรอง เพราะยังไงเขาก็ไม่อยากจะเป็นเจ้าชายรัชทายาทอะไรนั่นอยู่ดี
“ถ้าเช่นนั้น ท่านก็ต้องกลับไปเป็นผู้นำทางฝั่งเราอยู่ดีล่ะขอรับ หากเราดำเนินการเอง ก็เท่ากับเป็นการก่อกบฏภายใน เรื่องมันจะยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่”
แองเซลตอบตามตรง ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจเบา ๆ
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับไปรับตำแหน่งสินะ”
“เจ้าชาย...นั่นคือสิทธิ์อันชอบธรรม และหน้าที่ของท่านนะขอรับ ถึงจะพลัดหลงไปยังดินแดนอื่นก็ตาม แต่ท่านก็ยังทรงเป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งฮาร์โมเนียอยู่ดี”
แองเซลบอกกับเด็กหนุ่ม แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายยิ้มเศร้า ๆ ส่งให้เขา
“แล้วคุณไม่คิดกลับกันบ้างหรือว่า นั่นอาจจะเป็นโชคชะตาของผมก็ได้ ชะตากรรมอาจจะเห็นว่าผมไม่เหมาะสมกับการเป็นเจ้าชายของฮาร์โมเนีย จึงชักนำให้ผมต้องพลัดถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอนไปแบบนั้น”
“เจ้าชาย...”
แองเซลพึมพำ พลางจ้องมองเด็กหนุ่มอย่างนึกสงสาร เขาเข้าใจว่าเจ้าตัวยังคงทำใจรับเรื่องราวของตัวเองไม่ได้ เพราะตอนที่จากฮาร์โมเนียไป น้ำฟ้ายังคงอายุน้อยอยู่มากทีเดียว
“ข้ารู้ว่าท่านยากที่จะเลือก แต่อยากให้ท่านทรงจดจำไว้ ฮาร์โมเนียจำเป็นต้องมีท่าน ...ตอนนี้ฮาร์โมเนียกำลังเข้าสู่ยุคตกต่ำ หลังจากสิ้นราชินีและราชาองค์ก่อน เมืองหลวงเต็มไปด้วยความฟุ้งเฟ้อของขุนนางหลายต่อหลายคนที่แลกมาด้วยการขูดรีดภาษีประชาชน พวกข้าเองก็ไม่อาจโต้แย้งอันใดได้ เพราะไม่มีอำนาจที่จะต่อกรกับองค์ราชินีที่หนุนหลังพวกนั้นอยู่ พระนางใช้เงินตราและอำนาจซื้อใจพวกนั้นให้อยู่ฝั่งพระนาง...และหากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปสักพัก ต่อให้ท่านเต็มใจกลับไปเป็นรัชทายาทของฮาร์โมเนียด้วยตัวเอง... บางทีมันก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้”
แองเซลเอ่ยกับเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าและแววตาเจ็บปวดระคนเคียดแค้นตนเองที่ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านี้ จากนั้นองค์รักษ์หนุ่มจึงพยายามสงบสติอารมณ์ แล้วเอ่ยขึ้นกับเจ้าชายของเขาที่เฝ้ามองมา
“ข้าจะรอจนกว่าท่านจะเปลี่ยนใจ หากท่านเปลี่ยนใจเมื่อใด ก็ขอให้เรียกชื่อข้า... ข้าจะเฝ้ารอท่านอยู่ใกล้ ๆ นี้”
แองเซลกล่าวจบก็กลายร่างเป็นวิหคสีขาว แล้วบินหายลับตาไป ทิ้งให้น้ำฟ้าจมอยู่กับเรื่องราวที่ได้รับรู้มา ทีแรกเขาคิดว่าเป็นการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองเพียงแค่นั้น แต่นี่กลับเกี่ยวข้องไปถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั่วไปอีกหลายพัน หลายหมื่นคน ...แล้วถ้าเขาที่อาจจะช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นได้ เกิดเมินเฉยไม่สนใจขึ้นมาเล่า ชาวบ้านพวกนั้นจะประสบชะตากรรมเช่นไรในอนาคตกัน
“จะทำยังไงดีนะ...ผมจะทำยังไงดี คุณจะบอกผมได้ไหม ดราโก”
น้ำฟ้าพึมพำถึงมังกรหนุ่มผู้ซึ่งใกล้ชิดและเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเขาในยามนี้ เขาอยากเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าจะได้รับคำตอบกลับมาเป็นแบบไหน เนื่องจากนับวัน ความรักและความห่วงใยของมังกรหนุ่มยิ่งเพิ่มมากขึ้น และมากขึ้น จนแม้แต่เขายังรู้สึกได้
เฉกเช่นเดียวกับตัวเขาเอง แม้เวลาจะผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่วัน แต่เขากลับรู้สึกโหยหาและอบอุ่นเสมอ ยามที่ได้อยู่ภายใต้อ้อมกอดอันแข็งแกร่งนั่น และหากเขาจะต้องสูญเสียมันไปเล่า เขาจะทนได้ไหม...
--- TBC ---