【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35  (อ่าน 234047 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ชอบเจย์จัง ทั้งเรื่องเนี่ยดูโอเคสุดล้าว ห้ามตายเด้อ

และหวังว่าจะไม่ทำให้เจย์ดำมืดไปอีกคน

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แผดเผา ลุกไหม้ อยู่ตรงใจกลางไฟ
ยินยอมจะถูกไฟทำลายซ้ำ ๆ เพียงแค่รู้ว่าต้นเพลิงมาจากน้ำมือเจ้า


ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 28 : สองราชัน (1)

ท้องพระโรงแห่งแผ่นดินรูเมเรียร์

ราชาซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ถือว่าปกครองแผ่นดินด้วยความหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน…

ความหวาดกลัวมาพร้อมความเคลือบแคลงที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง บรรยากาศมัวซัวโรยตัวเหมือนหมอกในเช้าวันสถาปนา ริมฝีปากของเหล่าขุนนางเป็นอัมพาตชั่วขณะ ไม่มีผู้ใดกระซิบกระซาบกัน ริมฝีปากนั้นจะขยับได้ก็ต่อเมื่อเอ่ยคำว่า ‘ขอความสวัสดิวัฒนาจงมีแก่องค์ราชา ขอพระหัตถ์แห่งความเมตตาจากบิดานภาจงวางบนบ่าของพระองค์ ขอจุมพิตแห่งความรักจากมารดานภาจงประทับบนกระหม่อมของพระองค์ ขอบิดาธรณีแลมารดานทีเป็นสักขี ในการทรงพระแสงดาบ คทา และมงกุฏของราชาพระองค์ใหม่--ซิกฟรีด อาเลธ แห่งรูเมเรียร์ด้วยเทอญ’ 

บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกัน

จากนั้น...เมื่อพระองค์ทรงออกไปยังระเบียงท้องพระโรง เหล่าขุนนางชั้นผู้น้อยก็ถวายพระพรตามกันไป ทหารสะบัดธงสีแดงอันมีตราสัญลักษณ์วิหคเพลิงจากราชวังชั้นในสู่ราชวังชั้นนอก และจากราชวังชั้นนอกสู่ประชาชนซึ่งออกันอยู่หน้าประตู เสียงระฆังดังขึ้นในเวลานั้นเอง...ตามด้วยเสียงแตรและเสียงพลุ ดอกไม้ไฟสีทองบานซ้อนกับสีฟ้า ไม่ทันจะดับหายดอกไม้ไฟสีแดงก็วาบขึ้นมา จับตาและจับใจ

งานรื่นเริงจำกัดเพียงหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ประชาชนเข้าใจ...เอ่ยกันว่า ‘ราชาผู้เยาว์ยังคงโศกเศร้ากับการจากไปของพระเชษฐาริวอร์นอร์’ และให้ความเห็นว่า ‘พระองค์ทรงมีเมตตาแก่ดาร์กเอลฟ์ยิ่งกว่าพระเชษฐาเฟรธูริน ดูสิ พระเชษฐาทั้งสองพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพราะฝีมือกบฏดาร์กเอลฟ์ แต่พระองค์กลับไม่แค้นเคือง ไม่เนรเทศพวกมันออกจากรูเมเรียร์ ข้ารู้...ลูกเล็กเด็กแดงไม่เกี่ยว แต่อย่างไรก็เสี่ยงจริงไหม ถ้าพวกมันโตแล้วคิดอกตัญญูแผ่นดินเล่า จะทำอย่างไร’

ทว่าผู้ทราบความจริงใต้พรมนองเลือดไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงแม้เพียงครึ่งถ้อยคำ ท้องพระโรงแห่งนี้เพิ่งซากลิ่นโลหิตของอดีตราชาริวอร์นอร์ไปเมื่อไม่กี่คืนก่อน พระองค์ไม่ได้หลั่งเลือดให้อาวุธอาบพิษของกบฏดาร์กเอลฟ์ แต่ให้แก่ดาบใหญ่มหึมาของพระอนุชา และคมเขี้ยวอสรพิษของพระคู่หมั้นแห่งอิซิลดาร์ ผู้รู้เห็นถ้าไม่สวามิภักดิ์ก็จะถูกตัดศีรษะ ถูกลากร่างไปสุมรวมกันแล้วจุดไฟเผา ไม่ใช่ไฟธรรมดาแต่เป็นไฟเวทซึ่งผลาญถึงกระดูกในพริบตา กลิ่นความตายอบอวล แม้กระทั่งหยาดฝนบริสุทธิ์ในเช้าถัดมาก็ไม่อาจชะล้างได้

ราชาซิกฟรีดทรงมีเมตตาหรือ…

หากพูดว่าทรงโหดเหี้ยมอาจเข้าใจได้ง่ายกว่า

ความหวาดกลัวปิดปากบรรดาขุนนางซึ่งระแคะระคายเรื่องนี้จนแน่นสนิท ทำตัวสงบเสงี่ยมท่ามกลางเหล่าขุนนางผู้สนับสนุนกษัตริย์พระองค์ใหม่

ไม่มีใครพูด ไม่มีใครกล้าวิจารณ์ เรื่องราวก็ดำเนินไปในหมอกอันพร่ามัว

ประวัติศาสตร์ดำมืดเฉกนี้จะไม่ได้รับการบันทึกไว้

ไม่มีหลักฐานใดหลงเหลืออยู่

เช่นเดียวกับคราวที่ราชาริวอร์นอร์ปลงพระชนม์ราชาเฟรธูรินผู้เป็นพระเชษฐา...ด้วยน้ำมือของพระองค์เอง

 

เช้า...หมอกโรยตัวบางเบาคล้ายเช้าในวันสถาปนา ทูตอิซิลดาร์ประจำรูเมเรียร์แจ้งข่าว ว่าราชาริวอร์นอร์ อาห์นดี แห่งรูเมเรียร์ มีพระประสงค์จะสนทนากับราชาซิกฟรีด

หนึ่งแผ่นดิน สองราชา และความกังขาอันอัดแน่นอยู่ในใจประชาชนชาวรูเมเรียร์ ข่าวการกลับมาของราชาริวอร์นอร์กระจายไปไวราวติดปีกเพราะพิธีต้อนรับอันยิ่งใหญ่ ซ้ำบริเวณชายแดนติดแดนทมิฬ ฝั่งทมิฬยังชักธงแห่งช่วงเวลาสันถวไมตรี ซึ่งแปลว่าจะไม่มีการรุกรานใดๆ จอมทัพทมิฬประกาศจะคงธงนี้ไว้เป็นเวลาสามเดือน เพื่อร่วมแสดงความยินดีที่แผ่นดินเอลฟ์ได้กษัตริย์กลับคืนมา

ราชาซิกฟรีดตอบรับด้วยการสั่งให้นำกระจกเวทมาตั้งในท้องพระโรง โดยเลือกวางตรงบัลลังก์เหล็กดำ ส่วนพระองค์จะประทับฝั่งเดียวกับขุนนาง บนพระที่นั่งซึ่งตั้งบนยกพื้นสูงอีกทอดหนึ่ง

ตำแหน่งช่างแปลกทว่าไม่มีใครทักท้วง

ทุกอย่างถูกจัดเตรียมอย่างรีบเร่งให้ทันบ่ายที่จะถึงนี้

ราชวังกลับคืนชีวิตชีวาสำหรับผู้ที่ไม่ทราบเรื่องราวแท้จริง

...และน่าประหวั่นพรั่นพรึงสำหรับผู้ที่เข้าใจเรื่องราวโดยตลอด

 

โคลด์พิจารณาหน้ากากไม้ที่เขาเพิ่งแกะสลักและประกอบเสร็จเมื่อคืน มันปิดซีกหน้าครึ่งบนด้วยจะงอกปากยาวเหมือนปากอีกา ครึ่งหน้าด้านล่างเปิดโล่ง เขาลูบไปตามลวดลายบนเนื้อไม้ เมื่อเห็นว่ามันคล้ายหน้ากากในความทรงจำดีแล้วก็หลับตาเพื่อทำสมาธิ

วันนี้โคลด์สวมชุดต่างไปจากที่เคยและแปลกตา มันเป็นชุดแบบดาร์กเอลฟ์ขนานแท้ ท่อนบนกึ่งเปลือยสวมเกราะเบาทำจากหนังสีดำ ตัวเกราะดัดแปลงจากรูปลักษณ์กระดูกสันหลังทว่านำมาสวมด้านหน้า ประกอบด้วยแผ่นหนังแข็งยืดหยุ่นเย็บติดกันเป็นกระบังบ่าและหน้าอกส่วนบน เส้นกลางลำตัวมีสายหนังโยงออกมาข้างละสามเส้น สายหนังเหล่านี้รัดตั้งแต่ใต้ราวนมลงไปตามลำตัว ดูคล้ายกระดูกซี่โครงสีดำ เผยผิวสีม่วงอมเทาเนียนละเอียด

เสียงเคาะประตูดังเบาๆ เมื่อโคลด์ตอบรับค่อยเปิดออก ซิกฟรีดสวมชุดอย่างกษัตริย์เต็มยศ เสื้อปกตั้งสีครามปักดิ้นเงินเป็นลายเมฆ กระดุมเงินเรียงเม็ดลงไปถึงใต้สะดือ ส่วนชายเสื้อหยุดลงบริเวณครึ่งหน้าแข้ง กางเกงพอดีตัวสีเข้มกว่าเล็กน้อยไม่มีลวดลาย รองเท้าหนังขัดมันไร้ฝุ่นให้เสียงกึก...กึก ยามก้าวเข้ามาใกล้โคลด์ ซิกฟรีดสวมผ้าคลุมเนื้อละเอียดประดับขนวิหคเพลิง และสวมมงกุฏซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เพชรสีน้ำเงินดุจพระเนตรของบิดาแห่งนภาล้อกับแสงเช้าซึ่งลอดผ่านหน้าต่าง ราชาหนุ่มผู้งดงามและแสนเศร้า...

“เต็มยศ” โคลด์วิจารณ์สั้นๆ

“เจ้าก็เหมือนกัน” ซิกฟรีดมองชุดนักรบดาร์กเอลฟ์ของโคลด์ “ช่างท้าทายบิดาแห่งความตาย” เขายิ้มขณะลากนิ้วไปบนผิวเนียนซึ่งไม่ได้รับการปกป้องจากเกราะ

“มันต่างจากชุดออกรบอยู่นิดหน่อย แต่ก็ใช้รบได้เช่นกัน” โคลด์ไม่ปัดป้อง อาจเพราะกำลังมองคนตรงหน้าอย่างใช้ความคิด

“ได้ยินข่าวหรือไม่ แดนทมิฬมอบของขวัญให้ริวอร์นอร์และชักธงเป็นเกียรติแก่ ‘ราชา’ ผู้คืนแผ่นดิน”

สารจากจอมทัพทมิฬอาจแปลได้ว่า ผู้เหมาะสมคู่ควรกับแผ่นดินเอลฟ์คือราชาริวอร์นอร์ ส่วนราชาซิกฟรีดน่ะหรือ...ไม่อยู่ในสายตา

“ได้ยินแล้ว นั่นไม่ดีกับเจ้า และทำให้ข้าต้องเตรียมของพวกนี้” โคลด์ยกหน้ากากขึ้น นอกจากหน้ากากและชุดที่สวม ยังมีกลุ่มไหมสีเงินและผ้าคลุมขนนกสีดำเหลือบลายเงินวางข้างกัน “ข้าหวังว่าจะไม่ต้องใช้พวกมัน...แต่ก็นะ”

“ถ้าเจ้าเข้าร่วม…” ซิกฟรีดแตะหางตาโคลด์ เขาหลงรักดวงตาสีม่วงถึงขั้นเพ้อคลั่งในบางครั้งยามหลับฝัน ดวงตาที่เคยสะท้อนภาพเขาเพียงคนเดียว และในช่วงวัยเยาว์อันแสนสั้นที่มีร่วมกับโคลด์ เขาคล้ายเห็นร่องรอยความรักฉายออกมาเจือจางผ่านดวงตาคู่นั้น

“ถ้าเจ้าปรากฏตัว ข่าวจะไปถึงหูจอมทัพทมิฬหรือไม่”

“ย่อมถึงอยู่แล้ว เพราะข้าประสงค์ให้ถึง เขาก็ไม่ได้เลี้ยงข้ามาให้โง่เขลาหรอกนะ” โคลด์ยกยิ้ม จากนั้นเอ่ยจริงจัง “เจ้าต้องการพันธมิตร ซิกฟรีด ข้าไม่ให้ริวอร์นอร์เป็นราชา ถ้าเขาเป็น คอของเจ้าก็กระเด็น”

“ข้าไม่แน่ใจเลยว่าจะได้ตายสบาย เขาน่าจะบังคับให้ข้าจุดไฟเผาตัวเอง รู้ไหม คืนที่ข้าประมือกับเขา ข้าแน่ใจว่าลำพังฝีมือข้าไม่มีทางเอาชนะเขาได้ เขาเพลี่ยงพล้ำอย่างน่าประหลาด โคลด์ สตาร์...เขาชะงักตอนที่พี่หญิงร้องสั่งให้ข้าตัดศีรษะเขาเสีย”

“แปลว่าเขาก็มีหัวใจกระมัง ไม่ว่าจะเป็นหัวใจรัก หวาดเกรง ผิดหวัง หรือเคียดแค้นชิงชัง” โคลด์บีบมือบนบ่าซิกฟรีด “เขาไม่ใช่อสูรร้ายไร้เทียมทานที่ใครก็ต่อต้านไม่ได้ เจ้าเองก็แกร่ง อย่ากลัวเขา”

คำปลุกใจนี้หนักแน่น ทว่าโคลด์ทราบดีว่าเงาของริวอร์นอร์แผ่ปกคลุมซิกฟรีด ฝังรากลึกในใจราชาหนุ่ม รากแห่งความหวาดเกรงนี้คล้ายบุตรที่ประหวั่นบุพการี...เขาเข้าใจดี เพราะเขาเองก็เป็น หากมีคนบอกให้เขาเลิกเกรงบิดาบุญธรรม ก็คงยากยิ่ง

“มันยาก แต่อย่ากลัว ต่อสู้กับความกลัวของเจ้า เพราะเจ้ามีสิ่งที่ต้องปกป้อง ข้าเคยอยู่จุดเดียวกับเจ้า จนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่จุดเดียวกับเจ้า แต่ข้ากล้าเพราะข้าต้องปกป้องกวินีเวียร์...เกวนโดลิน” โคลด์ดึงซิกฟรีดเข้ามากอด “และตอนนี้ ข้าปกป้องเจ้า”

ท่านพี่เฟรธูรินเคยว่าอย่างไรนะ…

‘ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดคือดาบที่กวัดแกว่งเพื่อปกป้องใครสักคน’ ใช่หรือไม่

แขนที่แข็งแกร่งเล่า ใช่แขนที่สามารถกอดปลอบโยนคนสำคัญได้...ใช่หรือไม่

ซิกฟรีดรับกอด แล้วกระหวัดแขนกอดโคลด์กลับ “เช่นกัน…” เขากระซิบ “ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น ข้าให้สัญญา” จมูกโด่งฝังในกลุ่มผมนุ่ม สูดกลิ่นคุ้นเคยซึ่งทำให้รู้สึกปลอดภัยเสมอมา

โคลด์เป็นเพื่อน เป็นบ้าน และเป็นคนรัก

...เสมอมา

โคลด์กำหมัด ตบเบาๆ บนหลังคออีกฝ่าย “เจ้าฉลาด เก่งกล้า และเจ้าจะไม่ยอมให้เขาชิงสิ่งที่เจ้าได้มาโดยชอบธรรม ‘ชอบธรรม’ เหมือนที่เขาได้สิทธิ์นั้นด้วยการสังหารท่านเฟรธูริน ใช่หรือไม่ ซิกฟรีด”

“ข้าเริ่มคิดว่าเจ้าเป็นบิดาแล้ว” ซิกฟรีดวางมือบนแก้มโคลด์ มือเขาเย็น แสดงถึงความหวาดหวั่นที่ซุกซ่อนอยู่ แม้ปากจะเย้าแหย่โคลด์ก็ตาม

“ข้าไม่มีลูกตัวขาวเป็นแป้งอย่างเจ้าหรอก ซิกฟรีด” โคลด์จับมือนั้น ยิ้ม “หลับตาแล้วนับถอยหลัง ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง แล้วเจ้าจะเดินออกไป ยังท้องพระโรง ประกาศสิทธิ์และศักดิ์ของเจ้า มีข้า มาลแกธ อิลราลาน และกอห์นดีเอนสนับสนุน ข้าจะคอยดูเจ้าในกลุ่มทูตดาร์กเอลฟ์ ข้าหวังว่าจะไม่ต้องออกไป แต่ถ้าข้าออกไปจริง จงเชื่อใจข้า เหมือนกับที่ข้าเชื่อใจเจ้า ยอมเปิดเผยตัวตน”

ซิกฟรีดมองโคลด์นิ่งและนาน เขาจูบหน้าผากมน กระชับกอดอีกครั้งแล้วเอ่ย “ข้าเชื่อใจเจ้ายิ่งกว่าใครมานานแล้ว ดวงดาวที่แสนเย็นชา”


—————————————————————————

A/N พี่ชายน้องชายใกล้จะเจอกันแล้วค่ะ โคลด์เองก็ยืนข้างซิกฟรีด และมีแผนการรับมือริวอร์นอร์อยู่ค่ะ


ป.ล. ใกล้จบภาคแล้ว อยากทราบว่านักอ่านท่านไหนที่ยังติดตามกันอยู่และรอคอยบทสรุปของภาคนี้กันบ้างคะ




ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @ILLREIwriter

♰ LINE : @illrei

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ฉันยืนข้างโคลด์และซิกฟรีดเสมอ

อาจจะว่อกแว่กบ้างก็ยามหนุ่ม ๆ สาว ๆ สวยงามมาล่อตา

แต่ฉันหนักแน่นนะ! จะบุกน้ำลุยไฟไปกับโคลด์และอาเลธไม่เปลี่ยนเรือ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ซิก โคลด์  :กอด1: :กอด1: :กอด1: สู้ สู้

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฉันยืนข้างโคลด์และซิกฟรีดเสมอ

อาจจะว่อกแว่กบ้างก็ยามหนุ่ม ๆ สาว ๆ สวยงามมาล่อตา

แต่ฉันหนักแน่นนะ! จะบุกน้ำลุยไฟไปกับโคลด์และอาเลธไม่เปลี่ยนเรือ

ตามนั้นค่ะ5555

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นางเหมือนแม่นกไปและ 

ดวงดาวที่แสนเย็นชา :-[

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 28 : สองราชัน (2)

ท้องพระโรงแห่งแผ่นดินอิซิลดาร์

ถึงเวลานัดหมาย ริวอร์นอร์ อาห์นดีร์ รูเมเรียร์--กษัตริย์ผู้คืนแผ่นดิน ได้รับเกียรติให้นั่งบัลลังก์เคียงข้างบัลลังก์ของท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์ ธงประจำพระองค์สองผืนถูกชักขึ้นเคียงกัน ธงสัญลักษณ์อันแขวนอยู่หลังบัลลังก์ของราชาริวอร์นอร์เป็นม้าดำเขาเดี่ยว นัยน์ตาปักด้วยไหมสีแดงฉาน เขากลางหน้าผากปักด้วยไหมดำประกายเงินซึ่งคล้ายปั่นจากแร่เหล็กดำจริงๆ ลมหายใจของมันปรากฏเป็นลวดลายม้วนวน ปักด้วยไหมสีขาวอมเทาแซมด้วยไหมสีแสดเกือบแดงนิดๆ แสดงถึงความร้อนระอุเฉกม้าศึก ขณะที่ธงสัญลักษณ์อันแขวนอยู่หลังบัลลังก์ของท่านหญิงเอริแอดเน่เปรียบเสมือนคู่ตรงข้าม ยูนิคอร์นขนสีขาวบริสุทธิ์ครองสีหน้าสงบและสูงส่ง เขาเดี่ยวมีลายปักสายน้ำอ่อนโยนม้วนเป็นเกลียวโอบล้อมอยู่ ฝีมือช่างอิซิลดาร์ประณีตกระทั่งลายปักดอกไม้สีขาวอมทองยังคล้ายส่งกลิ่นหอมหวานอวลท้องพระโรง

ทว่าขณะนี้ สิ่งที่ส่งกลิ่นฉุนที่สุดคือ ‘ความประหวั่นต่ออนาคตและความเคลือบแคลงใจ’

ไม่มีผู้ใดทราบว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร แม้กระทั่งเอลเดอร์ผู้อาวุโสที่สุด แก่ประสบการณ์ที่สุดยังไม่อาจทำนายได้ พวกนางยืนบนยกพื้นต่ำกว่าบัลลังก์หนึ่งขั้น ดวงตางดงามอันซ่อนเล่ห์กลแนบเนียนหลายคู่จับไปที่กระจกเวทบานยาวซึ่งตั้งอยู่กลางท้องพระโรง ในกาลก่อน ราชาเฟรธูรินแห่งรูเมเรียร์ได้มอบกระจกเวทบานนี้ให้ท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารในยามห่างไกล

กระจกเวทได้รับการดัดแปลงเล็กน้อย แต่เดิมมีบานเดียว เวลานี้ถูกประกอบใหม่เป็นกระจกหกด้าน ซึ่งสะท้อนภาพแบบเดียวกันจากกระจกเวทบานหลัก

นอกจากเอลเดอร์และขุนนางสูงศักดิ์แห่งอิซิลดาร์แล้ว ท่านหญิงเอริแอดเน่ยังเชิญราชทูตจากเผ่าพันธุ์อื่นเข้าร่วมรับฟังการสนทนาอันจะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้ด้วยน้ำใจกว้างขวาง ทั้งเซ็นทอร์ ดวอร์ฟ มนุษย์ หรือกระทั่งคณะทูตดาร์กเอลฟ์ของจอมทัพทมิฬ

ผู้ร่วมท้องพระโรงทุกผู้เฝ้ารอภาพที่กำลังจะฉายขึ้นมา

ภาพของกษัตริย์หนุ่มองค์ปัจจุบันของรูเมเรียร์

“เราตื่นเต้นจนมือเย็นไปหมด” ริวอร์นอร์โน้มใบหน้ามากระซิบข้างหูเอริแอดเน่

“หรือ” นางรำพึงพอให้ได้ยินกันสองคน ใบหน้าเชิดและมองตรง “เจ้ากำลังเนื้อเต้นว่าจะรับขวัญน้องชายอย่างไรดีสินะ”

ริวอร์นอร์ยิ้มอ่อนโยน ต่อหน้าธารกำนัล เขาแสดงออกได้อย่างเหมาะสม ไร้ที่ติ

เสียงแตรประกาศว่าถึงเวลาแล้ว ผู้เป่าแตรเป่าเสร็จก็กลั้นหายใจ รอให้ภาพฝั่งรูเมเรียร์ปรากฏขึ้นบนกระจกเวท

ไม่คลาดสักวินาทีตามกำหนด ภาพของราชาซิกฟรีดปรากฏขึ้นในกระจกเวท ราชาหนุ่มประทับฝั่งเดียวกับข้าราชบริพารของพระองค์ สีหน้าของเหล่าขุนนางรูเมเรียร์ช่างเคร่งขรึม ริมฝีปากเรียบตึงราวกับไม่เคยแย้มรอยยิ้ม ขุนนางคนสำคัญอยู่บริเวณฝั่งขวา หมายรวมถึงอิลราลานผู้เป็นองครักษ์และหน่วยกาลาฮานซึ่งยืนถัดไปทางด้านหลัง มาลแกธอยู่บริเวณฝั่งซ้าย--ฝั่งเดียวกับคณะทูตจากหลายดินแดน มีทาราเธียลและทูตจากตระกูลล็องธูขนาบข้าง

“น้องชายเรา” ริวอร์นอร์ยิ้มกว้างพร้อมผายมือออก ขณะซิกฟรีดอ้าปากน้อยๆ คล้ายไม่เชื่อสายตา ก่อนจะยิ้มกว้างเช่นกัน

“พี่…”

ละครอันตรายเริ่มขึ้นแล้ว

“มีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกัน แต่เวลานี้คงลุกไปกอดทักทายเจ้าไม่ได้ ท่านหญิงเอริแอดเน่กรุณาให้เราพำนักที่อิซิลดาร์ก่อนเดินทางกลับรูเมเรียร์ นางแสดงความกังวลว่าหากเรากลับไปกะทันหันจะทำให้ราชสำนักแตกตื่น จึงขอเอ่ยทักทายเจ้าและขุนนางผ่านกระจกเวทก่อน” ริวอร์นอร์กล่าวอย่างลื่นไหล ภาษากายผ่อนคลายและเปิดเผย เป็นราชาที่ใจกว้าง เป็นพี่ชายที่อารี

เจ้าเป็นคนอยากติดต่อเอง มาอ้างชื่อข้า งามหน้านัก ริวอร์นอร์ ถึงจะคิดเช่นนั้น เอริแอดเน่ก็ไม่เอ่ยอะไร นางพิจารณาซิกฟรีดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

ขณะเหล่าเอลฟ์ผู้ไม่ทราบความจริงล้วนปลาบปลื้มต่อท่าทีรักใคร่ปรองดองของสองกษัตริย์

“พี่หญิง…” ซิกฟรีดน้อมศีรษะให้เอริแอดเน่

“ท่านซิกฟรีด สบายดีหรือไม่” จากกันครั้งสุดท้ายบอกลาไม่ดีนัก ทว่าเอริแอดเน่ไม่แสดงอาการตัดพ้อหรือน้อยใจ

“ขอบพระทัย น้องสบายดีเช่นเดิม พี่หญิงเล่า…”

แม้จะแสดงละครต่อหน้าริวอร์นอร์เก่งเพียงไหน แต่พอถึงคราวสนทนากับเอริแอดเน่ ซิกฟรีดกลับแสดงสีหน้าอย่างซื่อตรงและจริงใจ ริวอร์นอร์จับสังเกตนั้นได้ เขากระตุกยิ้มบางๆ ...ยังอ่อนแอเช่นเคยต่างหากเล่า อาเลธ

“เป็นกังวล” นางหันมองริวอร์นอร์ด้วยสีหน้าห่วงใยแล้วเบือนหน้ากลับมายังกระจก “ราชาที่รักของพวกเราเดินทางมาไกล ข้าได้ต้อนรับพระองค์อย่างดีที่สุด และหวังว่าการต้อนรับนี้จะช่วยแสดงความจงรักภักดีและความจริงใจของท่านที่มีต่อเขาได้ ข้าทราบดีว่าความกังขาและวิตกกังวลแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินเมื่อเรามีราชาถึงสองพระองค์ รูปการณ์เช่นนี้ พวกท่านทั้งสองคิดเห็นเป็นอย่างไร”

ผู้ร่วมฟังเผลอกลั้นหายใจ เมื่อท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์เอ่ยออกมาตามตรง ความสนใจทั้งหมดก็พุ่งไปที่สองกษัตริย์

“สำหรับเรื่องนั้น...ข้าคิดว่าพี่ริวอร์นอร์เตรียมการไว้แล้วใช่หรือไม่” ซิกฟรีดหยั่งเชิงพี่ชายของตน

“อืม…” ริวอร์นอร์ถอนใจหนัก “เราติดค้างเจ้า อาเลธ…”

ซิกฟรีดกำหมัดน้อยๆ ใช่ เจ้าติดค้างข้า เจ้าขโมยชีวิตไปจากข้า จากพี่เฟรธูริน และจากพี่หญิง

ในคณะทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ โคลด์พิจารณาริวอร์นอร์ ดวงตาของเขากระตุก ถ้าไม่รู้เช่นเห็นชาติกันมาก่อน เขาก็เป็นราชนิกูลเอลฟ์ที่เหมาะจะนั่งบัลลังก์กษัตริย์

ถ้าไม่รู้มาก่อนน่ะนะ...

“เราถูกดาร์กเอลฟ์ลอบสังหารจริง ถูกพิษจริง และเกือบตายจริง พวกมันประกาศว่าทำเพื่อปลดแอกดาร์กเอลฟ์ในรูเมเรียร์ และเพื่อแก้แค้นให้จอมทัพทมิฬ คืนที่เราเจ็บหนักและเจ้าถูกกันออกจากห้องของเรา เป็นคืนที่เราเหนื่อยล้ากับสงครามอย่างยิ่ง...น้องชาย เราเอ่ยกับท่านหญิงผู้เป็นที่รักและคนสนิทว่า ‘หากจะมีพรใดที่เราบังอาจขอได้จากบิดาและมารดานภา เราขอเพียงความสงบ’ ”

มีเสียงฮือฮาจากกลุ่มดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ คำกล่าวนี้เหมือนอารี แต่ย่อมทำให้ที่ยืนของดาร์กเอลฟ์ในรูเมเรียร์ลำบากขึ้น

อาเลธผู้ไร้เดียงสา...เจ้าตามเราทันหรือไม่ ประกายตาของริวอร์นอร์วามวาว เขาว่าต่อไป

“ขุนนางทั้งหลาย เราเห็นแก่ความสงบส่วนตนและทิ้งพวกท่านไป เรือที่พวกท่านจุดไฟเผาเป็นเรือเปล่า เราเตรียมการให้อาเลธขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างชอบธรรม บัลลังก์ที่เขานั่งอยู่เป็นบัลลังก์อันชอบธรรม”

เมื่อราชามงกุฏดำประกาศว่าราชาซิกฟรีดขึ้นครองราชย์อย่างชอบธรรม ก็มีเสียงระบายลมหายใจอย่างโล่งอกจากฝั่งที่ไม่ทราบเรื่อง และเสียงสูดหายใจอย่างอึดอัดจากฝั่งที่สนับสนุนการชิงบัลลังก์

“มีผู้ทราบเรื่องไม่มากนัก” ถึงตรงนี้เขาบีบมือเอริแอดเน่ คล้ายประกาศว่านางเป็นหนึ่งในผู้รู้เห็นคนสำคัญ--อาจเป็นผู้ร่วมวางแผนเสียด้วยซ้ำ

เอริแอดเน่ไม่ผ่อนท่าที นางรู้ว่าริวอร์นอร์กำลังวางหมากล้อมนางและซิกฟรีด...ให้ไปถึงจุดรุกฆาตที่ว่า...นี่ไม่ใช่การชิงบัลลังก์อันมีเหตุผลเน่าเฟะมืดดำ แต่เป็นการมอบให้...และการขอคืนกลับ

ดั่งซิกฟรีดเป็นตัวแทนในตำแหน่งราชาเพียงชั่วคราว--ผู้รักษาการณ์ตำแหน่งราชา ซึ่งถ้ายอมรับเรื่องนี้ ณ เวลานี้ วันข้างหน้าซิกฟรีดจำต้องถวายบัลลังก์คืนแก่ริวอร์นอร์...อย่างน้องชายที่ดีและรักใคร่กลมเกลียวกับพี่ชายพึงกระทำ

ซิกฟรีดรับฟังอย่างสงบ เขากำลังนึกหาวิธีเล่นเกมรุกอย่างหนัก ซึ่งดูเหมือนจะพ่ายตั้งแต่หมากยังไม่ถูกวางบนกระดาน ริวอร์นอร์เริ่มเกมด้วยการปิดทางรอดทุกประตู โดยใช้เหตุผล ‘กบฏดาร์กเอลฟ์’ ที่เขาอ้างกับประชาชนย้อนมาแทงตัวเขาเอง ทั้งกระหน่ำไปถึงดาร์กเอลฟ์ผู้ไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอันใด ซ้ำราชามงกุฏดำยังบีบพี่หญิงไว้ในอุ้งมือ ฐานะที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสียอีก เขาไม่อาจปฏิเสธ ทั้งไม่อาจตอบรับ จะมีหนทางใดหลงเหลือนอกเหนือจากนิ่งเฉย

จะมีหนทางใดอีกหรือ

“ข้าขอคัดค้าน” เสียงเยือกเย็นดังมาจากคณะทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ “ข้าเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องคัดค้าน และอาจทำลายความหวังของประชาชนชาวรูเมเรียร์ แต่หากไม่คัดค้านในวันนี้ อนาคตประเทศแห่งเอลฟ์อาจสิ้นชาติ”

มันผู้นี้กล่าวอย่างใจกล้า และเดินออกมาข้างหน้า เมื่อเดินออกมาจากกลุ่มดาร์กเอลฟ์ย่อมเป็นดาร์กเอลฟ์ เพียงแต่มันสวมเสื้อคลุมและฮู้ดปิดบังหน้าตา เห็นเพียงหน้ากากที่มีจะงอยปากยืดยาวออกมาด้านบน

กลุ่มทูตจากดาร์กเอลฟ์แปลกใจ พวกเขามิใช่ราชทูตอย่างเป็นทางการของจอมทัพทมิฬ แต่เป็นดาร์กเอลฟ์ที่ลี้ภัยสงครามและเข้ามาตั้งรกรากในรูเมเรียร์ตั้งแต่ครั้งราชาเฟรธูริน แต่ละฝ่ายเป็นหลายเผ่าที่ห่างเหินกัน แต่ละเผ่าได้รับเชิญจากราชาซิกฟรีดให้มารวมกัน จึงไม่มีใครเอะใจว่ามันผู้นี้ที่ไม่ใช่คนในเผ่าของตนเป็นใคร เพราะนึกว่าได้รับเชิญมาด้วยกัน

เห็นดาร์กเอลฟ์ที่ทรยศเผ่าพันธุ์ไปสยบแทบเท้าเอลฟ์เดินออกมา ทูตของจอมทัพทมิฬที่ฝั่งอิซิลดาร์ก็มีท่าทางไม่พอใจ

“อา…” ริวอร์นอร์ขยับกายมาเบื้องหน้าเล็กน้อย สายตาเขม้นมองดาร์กเอลฟ์ผู้นั้นให้ถนัด “เราได้ยินมาว่าอาเลธให้ ‘ความเมตตา’ แก่ดาร์กเอลฟ์ผู้หนึ่งเป็นพิเศษ ดูจากการที่น้องชายเราไม่ทักท้วงแม้จะถูกขัด เจ้าคงเป็นดาร์กเอลฟ์นามโคลด์ สตาร์...หากเราได้ยินมาไม่ผิด”

คำพูดของราชามงกุฏดำให้น้ำหนักข่าวลือว่าราชาหนุ่ม--ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์มีใจให้ดาร์กเอลฟ์จนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และการที่ราชาซิกฟรีดนิ่งเฉย ไม่ปฏิเสธคำพูดนั้น ก็ตอกหมุดข่าวลือให้เป็นข่าวจริง--เป็นความจริง

“เจ้าชายของข้า” โคลด์คุกเข่าทำความเคารพสูงสุดแก่ริวอร์นอร์ ฝ่ามือแตะหน้าผากและทาบบนหน้าอก “ท่านย่อมรู้จักข้า เพราะท่านรับข้ามาจากจอมทัพทมิฬในฐานะตัวประกันเชื่อมสัมพันธ์...”

ป้ายสี! นี่คือการป้ายสีซึ่งๆ หน้าอย่างไร้ความละอาย

“แม้ราชาซิกฟรีดจะทราบความลับระหว่างท่านกับจอมทัพทมิฬก็ยังปิดบังไว้ ซ้ำยังให้เกียรติข้าดั่งมหามิตรจนถูกประชาชนของเขาเข้าใจผิด ความดีของเขาทำให้ข้ารู้สึกละอาย ‘เจ้าชายริวอร์นอร์’ เวลานี้ความเมตตาและความรักอันยิ่งใหญ่ของราชาซิกฟรีดที่มีต่อท่านทำให้ข้าคิดได้และกลับตัวกลับใจ ข้าจึงกล้าออกมาประกาศความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับจอมทัพทมิฬ”

“หืม” ริวอร์นอร์ดันตัวกลับไปนั่งพิงบัลลังก์ สีหน้าปกติ ไม่ทุกข์ร้อน “เรามีความสัมพันธ์อะไรกับจอมทัพทมิฬหรือ วานเจ้าบอกเราที เราจำไม่ได้ว่าเคยรับเจ้ามาในฐานะตัวประกัน หรือหากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมถือเป็นประโยชน์แก่รูเมเรียร์ในการเชื่อมสัมพันธ์กับแดนทมิฬ ไม่จำเป็นต้องรบพุ่งกันอีกใช่หรือไม่”

“เรื่องนั้นซับซ้อน ท่านจะให้ข้ากล่าวออกมาจริงหรือ” โคลด์โต้แล้วยกยิ้มลำบากใจ

ริวอร์นอร์ผายมือ เป็นเชิงให้ดาร์กเอลฟ์ว่าต่อได้

“กล่าวออกมาเถิด มีเรื่องใดของราชามงกุฎดำที่ข้าไม่ทราบหรือ” เอริแอดเน่เอ่ยสนับสนุนพลางชักมือออกจากริวอร์นอร์อย่างแนบเนียน นานทีจะมีคนกล้าหักหน้าริวอร์นอร์ ถึงมันจะเป็นดาร์กเอลฟ์ที่นางชัง นางก็ยินดีชมการแสดงของมัน

ซิกฟรีดหลุบตาลง กริยาเพียงเล็กน้อยแต่แฝงนัยมหาศาล สำหรับผู้ที่สังเกตโดยตลอด...อาจเข้าใจว่าราชาหนุ่มทราบเรื่องที่ดาร์กเอลฟ์กำลังจะพูดเป็นอย่างดี และไม่อยากให้ ‘เรื่องนั้น’ ถูกเปิดเผย

ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วซิกฟรีดไม่ทราบแผนการของโคลด์ เขาเพียงเชื่อใจโคลด์

ยามนี้...คำถามที่เขาเคยถามบรรดาขุนนางดังแว่วในมโนสำนึก

‘สิ่งใดกันเล่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าคมดาบ’

และคำตอบของอิลราลานกลับดังก้องยิ่งกว่า

‘ความเชื่อใจ’

“เมื่อสิบสามปีก่อน ข้าถูกส่งมายังราชวังรูเมเรียร์ในฐานะทาสนามโคลด์ สตาร์ ด้วยข้อตกลงของท่านกับจอมทัพทมิฬ ภายนอกท่านเหมือนไม่รู้จักข้า แต่ภายในทราบว่าข้าคือตัวประกัน ท่านยังพาข้าไปสถานที่ลับของท่านซึ่งใช้ศึกษาวิชาทมิฬ” โคลด์เว้นจังหวะ “แน่นอนว่าสถานที่นั้นมีเพื่อประโยชน์ของรูเมเรียร์ แต่จะให้ข้าพูด ก็เป็นสถานที่น่าเวทนาของดาร์กเอลฟ์”

โคลด์เอ่ยเช่นนี้เพื่อบอกว่า เขาทราบสถานที่ลับสำหรับเล่นเวททมิฬของริวอร์นอร์แล้ว ซึ่งความจริงกอห์นดีเอนยังหาไม่พบหรอก แต่ถ้าต้องแสดงหลักฐาน ฉากแบบไหนก็ใช้อำนาจของซิกฟรีดจัดขึ้นมาได้ทั้งนั้น

“นี่คือป้ายผ่านทางสำหรับเข้าไปสถานที่นั้น” โคลด์โยนป้ายเหล็กดำสลักตราสัญลักษณ์ดาร์กเอลฟ์ซึ่งเคยกรีดอยู่บนร่างเอริแอดเน่

คราวนี้ นางกษัตริย์เกร็งร่างขึ้น นางกำเท้าแขนบัลลังก์ ข่มความอับอายที่เกิดขึ้นในใจ

“อืม” บรรยากาศสบายๆ ของริวอร์นอร์หายวับไป เหลือเพียงสายตากร้าวและดุดัน

“เจ้า!” เอริแอดเน่เอ่ยเสียงพร่า

“เจ้ากำลังกล่าวหาเราด้วยข้อหาที่ร้ายแรงที่สุด ดาร์กเอลฟ์…” ริวอร์นอร์ลุกขึ้น เขาก้าวช้าๆ ลงจากบัลลังก์ ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้ากระจกเวทบานยาว

“ที่เป็นจริง” โคลด์ลุกยืนเช่นกัน

“เจ้ามีหลักฐานอะไรที่บอกว่าตนเป็นตัวประกัน” เอริแอดเน่เข่นเขี้ยว หันไปทางคณะทูตของจอมทัพทมิฬ “ถ้าเจ้ามีความสำคัญต่อจอมทัพทมิฬจริง ทูตเหล่านี้ย่อมรู้จัก”

ไม่ว่าทูตเหล่านี้จะรู้จักโคลด์ สตาร์หรือไม่ การที่จอมทัพทมิฬถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับเอลฟ์ก็เป็นเรื่องร้ายแรงเช่นกัน พวกมันย่อมปฏิเสธทุกทาง เอริแอดเน่คำนวณเช่นนั้น

“ของขวัญที่จอมทัพทมิฬมอบให้ท่านริวอร์นอร์ในวาระกลับคืนสู่แผ่นดินนั้นมีค่าน้อยนิด” โคลด์ลดฮู้ดลง เผยเส้นผมสีเงินยาวลากพื้น ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้หน้ากากรูปนก ผิวสีม่วงอมเทา และผ้าคลุมขนนกสีดำแซมเงินที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมชั้นนอก “มีค่าน้อยนิดจริงๆ เมื่อเทียบกับตัวข้า ทายาทของเซลันเดียร์แห่งเผ่าจันทร์”

เข่าของดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ทรุดลงแทบพร้อมกัน พวกมันคล้ายได้เห็นภูตผีอยู่ตรงหน้า ดาร์กเอลฟ์ที่รักสันติ ไหนเลยจะไม่รู้จักหัวหน้าเผ่าอันเป็นที่รักของเทพีจันทร์ ‘เซลันเดียร์ผู้แสวงหาสันติ’ บุรุษผู้ถูกจอมทัพทมิฬสังหารอย่างเหี้ยมโหด

หัวหน้าเผ่าดาร์กเอลฟ์ที่มาในวันนี้ล้วนเป็นเผ่าที่ให้ความเคารพแก่เซลันเดียร์--บิดาของโคลด์--ผู้ซึ่งถูกจอมทัพทมิฬบั่นศีรษะเมื่อสิบแปดปีก่อน พวกเขายังจดจำภาพของท่านไว้ในใจได้ไม่ลืม หน้ากากแพทย์รูปนกสลักลวดลายของเผ่าจันทร์ ผ้าคลุมขนนกมูนไลท์สีดำแซมเงิน เส้นผมสีเงินยาวลากพื้น และผิวสีม่วงอมเทา

โคลด์ใช้ปลอกเล็บกรีดฝ่ามือทั้งสองข้างช้าๆ โดยไม่แสดงอาการเจ็บปวด จากนั้นก็ผายมือมาข้างหน้าเพื่อให้คณะทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งอิซิลดาร์เห็นได้ชัด คำเอ่ยภาษาเวทมนตร์ของเผ่าจันทร์ก่อให้เลือดบนฝ่ามือส่องแสงนวลตาดุจแสงจันทร์วันเพ็ญ

นี่เป็นวิธีแสดงตัวของเผ่าจันทร์

“ข้าคือฮีมเดียร์แห่งเผ่าจันทร์”

พร้อมคำประกาศถึงเผ่าสมมติเทพที่สูญสิ้น เผ่าที่ได้รับความรักดุจราชวงศ์รูเมเรียร์ในแผ่นดินเอลฟ์ มีศักดิ์และสิทธิ์สูงส่งหยั่งรากลึกในใจชนดาร์กเอลฟ์

ทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ร่ำไห้ ร้องตะโกนว่า “ถวายความเคารพแด่เผ่าจันทร์! แด่เผ่าจันทร์!”


—————————————————————————

A/N โคลด์ก็มีไม้เด็ดเหมือนกันเนอะ >_0

เป็นตอนที่เขียนยากเหมือนกันค่ะ ตัวละครเอกของทั้งสองฝั่งมาฉะกัน

เอาจริงๆ ถ้าไม่มีอะไรรั้ง โคลด์ aka ฮีมเดียร์ ก็แสบไม่แพ้เอริแอดเน่

ความเจ้าเล่ห์และความราชินีกินกันไม่ลง /สวมรองเท้านางพญาให้ฮีมเดียร์


ป.ล. ผมยาวแบบนี้ มีคนแอบติดใจตั้งสองคน \(*0*)/


ชุด Sexy ของโคลด์




และภาพแฟนอาร์ตน้องงูจากคุณ Ann Sophon ค่ะ




ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @ILLREIwriter

♰ LINE : @illrei

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
:pig4: :pig4:
ขอบคุณที่แวะมาอ่านเป็นประจำนะคะ

ลุ้น ให้ ซิกฟรีด โคลด์ รู้เรื่องไวๆ
อสรพิษดำ จงรักภักดี ไม่แอะปากเลย
แต่สุดท้ายจะบอกมั้ยนะ
เสน่ห์เปี่ยมจริงๆนะซิกฟรีด
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ตอนนี้รู้เรื่องกันแล้วเนอะคะ
อสรพิษนี่ฮอตขนาดมีแฟนอาร์ตเป็นของตัวเองเลยค่ะ
เป็นไทป์หนุ่มน้อยที่อิลราลานชอบเสียด้วย

เชื่อใจใครได้บ้าง แม้กระทั้งคนแต่ง 5555
หวาย เชื่อใจเราสิ /ทำตาปิ๊งๆ

หัวใจที่ไม่ได้เลวโดยสันดานย่อมปรารถนาการให้อภัย

แอรี่ร้ายและลงมือทำมากมายเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย แต่นางก็เจ็บปวด
เฟรธูรินให้อภัยนาง ปลอบโยนจิตใจที่ผุกร่อนนี้ เจย์ก็เช่นเดียวกัน (แม้จะตื้นเขินกว่า เนื่องเพราะไม่ได้รู้เท่าที่เฟรธูรินรู้)

นางจึงปรารถนาดีต่อเจย์ อาจจะเพื่อเยียวยาความรู้สึกผิดต่อเฟรธูรินก็ได้


เจย์จ๊ะ เหล่าอสรพิษอิซิดาร์รอแทะโลม..เอ๊ย! ดูแลจ้ะ
อยากเชื่อว่าคนเราก็ต้องมีด้านดีด้านเลวผสมปนเปกันนะคะ
จริงๆ เราว่าเอรี่พังเพราะริวอร์นอร์เยอะมาก
ถ้าเป็นภาคที่เล่าเรื่องก่อนหน้านี้ เอรี่จะแสบกว่านี้เยอะเลยค่ะ แล้วก็ไม่เป็นที่รังเกียจขนาดนี้ ;w;
ส่วนเจย์ เรารักเขาค่ะ เขาน่ารัก อยากได้เป็นแฟนจริงๆ เลย

อย่างนี้อิลมาเร รอดแน่
จามิลลา ก็รอดเหมือนกัน

เจย์ แปลงโฉมแล้วหล่อเริด แถมปากหวานแบบธรรมชาติซะด้วย
เจย์ มีจิตใจดีงาม เข้าใจเอริแอดเน่จริงๆ
ไม่โทษ ไม่ปรักปรำ ไม่มองเอริแอดเน่ในแง่ร้ายเลย
เจย์ คงเจออิลมาเร และจามิลลาแน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
อุบไว้ อยากบอกมานานแล้วค่ะ คิดถึงอิลมาเรจริงจังนะคะ
แต่เพราะเสียอิลมาเร โคลด์ถึงเปิดใจ มองตัวเอง มองคนรอบตัว
เห็นความสำคัญของคนรอบๆ ที่รักเขาขึ้นมา  :mew4:
จามิลลานี่อยากเห็นมีบทกับโธรอสเหมือนกันนะคะ
อยากให้เจย์เจออิลมาเรด้วยค่ะ คงจะสนุกดี

ไปเจย์เราหนีไปด้วยกัน.....เดี๋ยวๆ
เจย์ดูน่ากินมาก :hao6:
อยากกินด้วยค่ะ แค่กๆๆ เดี๋ยวๆๆ

:pig4:
:katai2-1: :katai2-1:

เชื่อว่าเหล่าอสรพิษจะเขมือ-- อ่า.. ดูแลเจย์อย่างดี (ปล่อยให้เค้าเขมือ-- เอ้ย ดูแลเถอะน่า)

รอลุ้นเอรี่และริวอร์นอร์ #ทีมริวอร์นอร์

อาจโดนเขมือบเป็นหมู่คณะ แบบไม่หยุดพักนะคะ /ว้ายๆๆ แงงง หื่นออกไมค์  :jul1:
เอรี่กับริวอร์ ฉะ กับโคลด์ซิกฟรีด แล้วค่ะ แมตซ์นี้น่าลุ้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
:mew1: :mew1:

ชอบเจย์จัง ทั้งเรื่องเนี่ยดูโอเคสุดล้าว ห้ามตายเด้อ

และหวังว่าจะไม่ทำให้เจย์ดำมืดไปอีกคน
เขาดูจับต้องได้นะคะ อยู่ด้วยแล้วคงสบายใจ เป็นคนที่ตรงข้ามกับริวอร์นอร์เลย
เราก็ชอบเขามากเหมือนกันค่ะ  :mew2:

แผดเผา ลุกไหม้ อยู่ตรงใจกลางไฟ
ยินยอมจะถูกไฟทำลายซ้ำ ๆ เพียงแค่รู้ว่าต้นเพลิงมาจากน้ำมือเจ้า
เขินเลยค่ะ มันช่างโรแมนติก SM จริงๆ ระหว่างสองคนนี้ ฮือออออ

:pig4: :pig4:
:katai2-1: :katai2-1:

ฉันยืนข้างโคลด์และซิกฟรีดเสมอ

อาจจะว่อกแว่กบ้างก็ยามหนุ่ม ๆ สาว ๆ สวยงามมาล่อตา

แต่ฉันหนักแน่นนะ! จะบุกน้ำลุยไฟไปกับโคลด์และอาเลธไม่เปลี่ยนเรือ
โอยมวยคู่เอกฉะกันแล้วค่ะ เลือกข้างยากจริงๆ ;w;

ซิก โคลด์  :กอด1: :กอด1: :กอด1: สู้ สู้
กลับมาแล้วค่ะ! เรือนี้ที่อ่านกี่ทีก็รู้สึกถึงความรักความห่วงใย ฮือๆ ;w;

ฉันยืนข้างโคลด์และซิกฟรีดเสมอ

อาจจะว่อกแว่กบ้างก็ยามหนุ่ม ๆ สาว ๆ สวยงามมาล่อตา

แต่ฉันหนักแน่นนะ! จะบุกน้ำลุยไฟไปกับโคลด์และอาเลธไม่เปลี่ยนเรือ

ตามนั้นค่ะ5555
ไปค่ะ เรียงแถวด้วยกัน  o13

นางเหมือนแม่นกไปและ 

ดวงดาวที่แสนเย็นชา :-[
555 แม่นก ใช่เลย หลังๆ รอบทราชินี SM ใส่ ซิกฟรีดอยู่เหมือนกัน
แต่ตอนนี้เป็นแม่นกไปก่อนนะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
งัดไม้เด็ดมาสู้กันสุดฤทธิ์

ปล. อิมเมจน้องอสรพิษน่าจับฟัดมาก

อุ้ย! ลืมตัวปีนกราบเรือ #ถอยลงมานั่งพับเพียบในเรือนุ้งโคลด์#

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ว้าย! ตอนนี้แซ่บ ต่างฝ่ายต่างงัดไม้เด็ดภายใต้หน้ากากคนดี

ไงล่ะน้องโคลด์ชั้นชียอมเปิดเผยตัวและ ต่อไปยิ่งเจ้มจ้นแน่ๆ

ว่าแต่เสื้อนี่เปิดไปนะลูก#ทีมหวงลูกสาว :o8:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
งัดไม้เด็ดมาสู้กันสุดฤทธิ์

ปล. อิมเมจน้องอสรพิษน่าจับฟัดมาก

อุ้ย! ลืมตัวปีนกราบเรือ #ถอยลงมานั่งพับเพียบในเรือนุ้งโคลด์#
ไปได้ค่ะๆ ไปมุงเรืออิลราลานxน้องงูกัน ผู้ชายรูเมเรียร์ดูเผ็ดทุกคน อิอิ

ว้าย! ตอนนี้แซ่บ ต่างฝ่ายต่างงัดไม้เด็ดภายใต้หน้ากากคนดี

ไงล่ะน้องโคลด์ชั้นชียอมเปิดเผยตัวและ ต่อไปยิ่งเจ้มจ้นแน่ๆ

ว่าแต่เสื้อนี่เปิดไปนะลูก#ทีมหวงลูกสาว :o8:
เปิดอย่างสวยและแสบค่ะ ความแสบนี้ไม่ด้อยกว่าตอนขโมยหัวใจมังกร อิอิ
ป.ล. เสื้อนี้เสื้อคุณพ่อนุ้งโคลด์เขาค่ะ เขาแค่ใส่ตามพ่อ
ลูกๆ สวยทั้งพี่ทั้งน้อง คุณพ่อก็สว--

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ.....โคลด์ เด็ดมาก สุดยอดดดดด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ไม่ใช่แต่ริวอร์นอร์ ที่เจ้าเล่ห์ เพทุบาย โกหกปลิ้นปล้อนได้คนเดียว

หมากของโคลด์ ไม่เบา ทั้งยกฐานะตัวเอง
ทั้งประกาศฐานะจริงของตัวเองต่อหน้าเผ่าต่างๆของดาร์กเอลฟ์ ฮู้เล่ๆๆๆๆๆ
ทั้งเอารูปสัญลักษณ์ ที่เคยวาดบนหน้าท้องเอริแอดเน่มาใช้
ตบหน้าเอริแอดเน่อีก เยี่ยมมมมไปเลย  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 28 : สองราชัน (3)

ทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งอิซิลดาร์เหมือนถูกสาปให้แข็งเป็นหิน นานทีเดียว...พวกมันจึงยอมคุกเข่าลง เอานิ้วแตะหน้าผากและเอาฝ่ามือทาบอกเพื่อแสดงความเคารพเช่นกัน

หลักฐานโลหิตอยู่ตรงหน้า ฮีมเดียร์ที่เฝ้าตามหากันแทบตายมาอยู่ในแผ่นดินเอลฟ์ หากเป็นการแลกเปลี่ยนตัวประกันจริง ชื่อเสียงของท่านจอมทัพย่อมมัวหมอง แต่พวกมันไม่สามารถปฏิเสธให้ฮีมเดียร์แห่งเผ่าจันทร์เสียเกียรติเช่นกัน ปฏิเสธเผ่าจันทร์คือปฏิเสธเทพีจันทร์ อีกทั้งฮีมเดียร์คือบุตรสุดที่รักของจอมทัพทมิฬ ลบหลู่เจ้าเด็กน้อยนี่คือการลบหลู่ท่านจอมทัพ หากท่านทราบเรื่อง...แม้จะเป็นการทำเพื่อท่าน หัวของพวกมันก็อาจไม่อยู่กับตัว

ริวอร์นอร์กำหมัดแล้วยกขึ้น เป็นสัญญาณให้บรรดาขุนนางฝั่งอิซิลดาร์ที่เริ่มส่งเสียงฮือฮาเงียบ เขาพิจารณาดาร์กเอลฟ์ตรงหน้า มันใจกล้า...ใช่กล้าเพราะมันรู้ฐานะของตัวเองในเผ่าทมิฬดีเท่านั้น แต่เพราะใจมันบ้าบิ่นด้วย ประกาศตนท้าทายเกียรติของราชามงกุฏดำและจอมทัพทมิฬซึ่งๆ หน้า...อาเลธ เจ้าเก็บมันได้จากที่ไหน

นัยน์ตาสีแดงโลหิตเขม้นมองทายาทเผ่าจันทร์ จำได้รางๆ ว่า ‘โคลด์ สตาร์’ เคยเป็นพระพี่เลี้ยงให้ซิกฟรีด เฟรธูรินให้มันดูแลน้องชายคนเล็กระหว่างสงครามใช่หรือไม่ ตัวเขาเองก็น่าจะเคยเห็นมันในราชวังมาก่อนแต่ไม่ได้ใส่ใจ

ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีความลับสำคัญซ่อนอยู่

“ฮีมเดียร์…” ริวอร์นอร์กระซิบ “ฮีมเดียร์…” และกระซิบอีกครั้งคล้ายจดจำผู้ที่กล้าลุกขึ้นมาต่อต้าน

“ขอเทพีจันทร์อวยพร” โคลด์พริ้มตาและเอ่ยกับริวอร์นอร์อย่างนอบน้อม รอยยิ้มตรงมุมปากดุจเทพีผู้เมตตา

“เราไม่ทราบมาก่อนว่าจอมทัพทมิฬใฝ่สันติขนาดส่งตัวประกันอย่างเจ้ามาให้เราง่ายๆ” ริวอร์นอร์วางหมากขวางน้ำ เขาปฏิเสธที่จะเล่นตามเกมของโคลด์

“ข้าจึงขออนุญาตท่าน ว่าจะให้ข้ากล่าวออกมาจริงหรือไม่ ข้ารู้สึกเศร้ายิ่งนักที่ต้องเปิดเผยความลับของผู้ชุบเลี้ยงข้าทั้งสองคน ทั้งท่านและจอมทัพทมิฬ แต่ข้าจำต้องทำเพื่อสันติแห่งแผ่นดินรูเมเรียร์” โคลด์ใช้บลัดเมจิกปิดบาดแผลบนฝ่ามือ ทำให้มันคล้ายรักษาตัวเองได้ราวกับเซลันเดียร์ตัวจริง

จอมทัพทมิฬคือสัญลักษณ์แห่งความตายและอำนาจของแดนทมิฬ ได้รับสมญา ‘บิดาแห่งเปลวไฟและเถ้า’ ขณะเดียวกัน แม้จะเกรงต่อความแข็งแกร่งหาใครต้านทานของเขา ความรักที่มีต่อราชวงศ์แห่งเทพีจันทร์ก็แตกแขนงรากลึกสุดหยั่งในใจประชาชน เซลันเดียร์ อดีตผู้นำเผ่าจันทร์ผู้ล่วงลับมีพรสวรรค์ในการเยียวยารักษา คนเจ็บคนป่วยใกล้ตายแค่ไหน ขอแค่ถึงมือเขาย่อมมีชีวิตรอด ชื่อเสียงเมตตาและรูปลักษณ์เป็นหนึ่งเลื่องลือเป็นที่รู้จักตั้งแต่ภูเขาไฟเหนือสุดถึงทะเลใต้สุดแผ่นดินทมิฬ

สำหรับดาร์กเอลฟ์ที่แสวงหาสันติ ไม่มีสัญลักษณ์ใดทรงอำนาจเท่าเผ่าจันทร์ เดิมทายาทเผ่าจันทร์หายสาบสูญไปจากดินแดนทมิฬ พวกเขาสิ้นหวัง เวลานี้ฮีมเดียร์ปรากฏตัวร่วมกับราชาเอลฟ์ซิกฟรีดผู้ออกกฎหมายต้อนรับดาร์กเอลฟ์ ย่อมช่วยให้ประชาชนดาร์กเอลฟ์ในรูเมเรียร์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

แต่สำหรับจอมทัพทมิฬ มันคือการเอาใจออกหากของดาร์กเอลฟ์นับแสนนับล้านทั่วทั้งรูเมเรียร์อย่างน่ากลัวยิ่ง!

โคลด์กุมมือไว้ด้านหน้าและยืนสงบนิ่ง ไม่เอ่ยอะไรอีก เขากดดันและสร้างความเคลือบแคลงใจแค่นี้พอแล้ว ที่เหลือปล่อยให้มันฟุ้งอยู่ในใจเหล่าเอลฟ์

กดดันริวอร์นอร์เกินไปมันจะไม่มีที่ยืนจนเล่นแรงกลับ ถึงเวลานั้นอาจล่มจมกันหมด

แต่ถ้าเจ้าอยากเล่นให้แตกหัก ข้าก็เอาเหมือนกัน


“อืม…” ริวอร์นอร์มองไปยังเหล่าขุนนางอิซิลดาร์ หันกลับไปทางเอลเดอร์และท่านหญิงเอริแอดเน่ เขาเยือกเย็นได้พอๆ กับร้อนเช่นไฟผลาญ

“ให้เราสรุปการสนทนาสักนิด เจ้าเอ่ยว่าเราร่วมมือกับจอมทัพทมิฬ ในการอ้าแขนรับเจ้าเป็นตัวประกันเพื่อสงบศึก นั่นแปลว่าสงครามครั้งก่อน ‘พี่เฟรธูริน’ มีชัยเหนือแดนทมิฬได้ก็เป็นเพราะการทูต ไม่ใช่ด้วยการศึกและการเสียสละของทหารกล้า ถึงแม้การทูตนั้นจะไม่สง่าผ่าเผยแต่ก็ทำไปเพื่อให้ได้มาซึ่งสันติ เรายังไม่เห็นข้อด่างพร้อยอันแฝงนัยสำคัญอย่างที่เจ้ากำลังพยายาม ‘หว่านล้อม’ ให้ขุนนางเชื่อว่าเรื่องนี้มีนัยสำคัญ”

“เรื่องนั้น...” โคลด์เอ่ยเสียงกระจ่าง ฟังแล้วบริสุทธิ์ แม้กระทั่งหูของควาร์ยังรู้สึกหลงใหล “เป็นท่านไม่ใช่หรือ ที่ ‘นำชัย’ ต่อกองทัพของจอมทัพทมิฬ เวลานั้นข้าอายุน้อยนิด ไม่อาจทราบความนัยทั้งหมด ทราบเพียงว่าหลังจากนั้นราชาเฟรธูรินก็สิ้นพระชนม์ และท่านขึ้นครองราชย์สืบต่อมา”

โคลด์ไม่ฝืนโกหก แต่จับความจริงมาร้อยเรียงใหม่ให้มีรูปลักษณ์ต่างออกไป...ให้บิดเบี้ยวน่าชังจนผู้คนไม่อาจหยุดขบคิด

“ไปกันใหญ่แล้ว ดาร์กเอลฟ์...” ริวอร์นอร์ถอนใจ “สิ่งที่เจ้าเอ่ยสามารถตีความอย่างร้ายแรงได้ว่าเราเป็นกบฏแผ่นดิน”

โคลด์สงบปาก ไม่ต่อคำ

“ใช่หรือไม่เล่า...ท่านพี่อาห์นดีร์” ซิกฟรีดเอ่ยหลังจากเงียบมาโดยตลอด เพียงเท่านั้น...ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร

ริวอร์นอร์หรี่ตาคล้ายแปลกใจ ขณะซิกฟรีดลูบริมฝีปากช้าๆ ห้วงเวลาแห่งความเงียบอันแสนอึดอัดคล้ายจะยืดยาวออกไป เมื่อราชาหนุ่มลงจากบัลลังก์ไปยืนเคียงข้างฮีมเดียร์แห่งเผ่าจันทร์ ทำให้คำพูดของโคลด์ สตาร์ไม่เป็นเพียงคำกล่าวอ้างลอยลมจากเผ่าพันธุ์อื่น

“ข้าดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง รอยยิ้มของข้าเป็นของจริง และเวลานี้...รอยขุ่นแค้นในดวงตาข้าก็เป็นของจริงเช่นกัน”

ซิกฟรีดไม่ให้ความกระจ่างกับผู้ใด เว้นเสียแต่บรรดาขุนนางผู้ทราบเรื่องและสนับสนุนเขาโดยตลอด

ริวอร์นอร์ไม่โต้เถียง แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ เขาเพียงระบายลมหายใจหนัก ส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆ

“ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ ท่านพี่อาห์นดีร์…” ซิกฟรีดน้อมศีรษะทว่าสายตาไม่ยอมละจากใบหน้าของริวอร์นอร์ “บัลลังก์ยังตั้งอยู่ที่เดิม และมงกุฏของบรรพชนยังวางอยู่บน ‘ศีรษะ’ ข้า”

ราชาหนุ่มท้าทายราชามงกุฏดำใช่หรือไม่

สายตาของเอริแอดยังจับที่แผ่นป้ายเหล็กดำ บทสนทนาของริวอร์นอร์ โคลด์ และซิกฟรีด นางได้ยิน ทว่าปล่อยมันเลยผ่านหู...แล้วนางก็เงยหน้าขึ้นมา มองซิกฟรีดอย่างเสียใจ เขาเปิดเผยความลับของนางให้ดาร์กเอลฟ์นำมาใช้ประโยชน์...ให้มันประจานนางต่อหน้าผู้คน ต่อบริวารของนาง และผู้ที่ทราบเรื่อง…

ดอกไม้สีแดงที่เคยได้รับ และรอยยิ้มของเจ้าชายน้อยผู้บริสุทธิ์ใจต่อนางวาบเข้ามาในความทรงจำ

ซิกฟรีด… น้ำตาของเอริแอดเน่ไหลเงียบๆ ขณะจ้องตาราชาหนุ่มผู้ไม่เหลือเค้าของเจ้าชายน้อยในความทรงจำ โพรงอกที่คิดว่าว่างเปล่าไปแล้วกลับมาเจ็บปวดอีกครั้ง สีหน้าห่วงใย การสอบถามที่ดูจริงใจในตอนต้น...จบลงด้วยสิ่งนี้หรือ

ผู้สังเกตเห็นเงียบกริบ ใจหวาดหวั่น ด้วยไม่ทราบสาเหตุ ทว่าผู้รู้เบื้องหลังย่อมทราบ ว่าสัญลักษณ์นี้เป็นตราบาปในใจนางกษัตริย์ที่สลักลึกจนเลือดไหลซิบ

“ริวอร์นอร์ อาห์นดีร์ แห่งรูเมเรียร์” นางลุกยืน เรียกชายที่อยู่หน้ากระจกเวทพร้อมยื่นมือให้เขาอย่างแช่มช้า ทว่าเด็ดขาด สายตาของผู้เฝ้ามองกิริยานั้นพร่าเลือนราวกับกำลังมองภาพฝันอันแสนโศก

“ท่านหญิง…” ริวอร์นอร์น้อมศีรษะให้เอริแอดเน่ ก่อนรับหลังมือแบบบางมาจุมพิต

“ราชาของข้า ได้โปรด...ทำให้ข้าเป็นราชินีของท่าน”

‘ท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์เลือกจุดยืนแล้ว’ นี่คือสารที่ส่งถึงขุนนางทุกท่าน ทั้งอิซิลดาร์และรูเมเรียร์

ไม่มีใครทราบว่านางร่ำไห้เพราะเหตุใด อาจเพราะราชาซิกฟรีดเลือกทายาทแห่งเผ่าจันทร์ หรืออาจเพราะโศกเศร้าที่การสนทนาครั้งนี้มาถึงจุดแตกหัก

เอริแอดเน่จับมือริวอร์นอร์กลับอย่างหนักแน่น “ทำให้ข้าเป็นราชินีของราชาผู้ยิ่งยง และร่วมกันสร้างราชวงศ์ที่แม้แต่สวรรค์ยังล่มสลายไม่ได้สืบไป”

“แม้เราจะไร้บัลลังก์น่ะหรือ” ริวอร์นอร์ถามคำถามสำคัญต่อหน้าขุนนางและคณะทูตทั่วแผ่นดิน

“ข้าเลือกท่าน อิซิลดาร์ก็เลือกท่าน เฉกเช่นกัน” เมื่อนางปรายตา เหล่าขุนนางแห่งอิซิลดาร์ อัศวิน และพันธมิตรก็คุกเข่าลง

ซิกฟรีดมองภาพนั้นแล้วปวดในอก...พี่หญิง ท่านเลือกเดินทางเส้นเดิมหรือ

เหล่าขุนนางฝั่งรูเมเรียร์หายใจไม่ทั่วท้อง อิซิลดาร์ซึ่งสนับสนุนรูเมเรียร์เพิ่งประกาศว่าผู้ใดเป็นราชาแท้จริง--ราชาซึ่งมีกำลังและอำนาจอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ มิได้มีเพียงสัญลักษณ์แห่งกษัตริย์หรือมงกุฏสวมอยู่บนพระเศียรเท่านั้น

“เจ้าเข้าใจสถานการณ์ดีใช่หรือไม่ อาเลธ” ริวอร์นอร์กลับมาสนทนากับน้องชาย มันกล้าแว้งกัดเขาเป็นรอบที่สอง รอบแรกได้รับการสนับสนุนจากอิซิลดาร์ รอบที่สองได้รับการสนับสนุนจากทายาทเผ่าจันทร์...คิดพิจารณาอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดมันจึงได้รับการสนับสนุนจากผู้นำคนสำคัญถึงสองครั้งสองครา มันอ่อนแอหรือมิใช่

หรือเพราะมันอ่อนแอจนผู้คนเหล่านั้นทนสมเพชไม่ไหวกันแน่

“ข้าเข้าใจดี” ซิกฟรีดหลุบตา น้ำเสียงค่อนข้างสงบ “ข้าเข้าใจว่าตัวข้านั้นต้องรักษาคำปฏิญาณในวันสถาปนาเยี่ยงชีวิต” ราชาหนุ่มระลึกถึงเช้าวันขึ้นครองราชย์ เขาจำได้ว่าตนคุกเข่าบนพื้นหินขัดมันของท้องพระโรง ใบหน้าเงยขึ้นไปยังรูปสลักบิดาและมารดานภาซึ่งประดับอยู่เหนือบัลลังก์ ดวงตาพร่าด้วยน้ำ...เขาจำต้องทำให้มันไหลกลับคืนไป

“ ‘บิดาและมารดานภา ขอพระเนตรของพระองค์ทอดมายังข้าผู้มีนามว่าซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ ข้าปฏิญาณสัตย์สาบานจะรับใช้แผ่นดิน จะหลั่งโลหิตและพลีทุกสิ่งแด่รูเมเรียร์ หากมันผู้ใดกล้าทำให้เกียรติและศักดิ์ศรีของบรรพชนและวิญญูชนแห่งรูเมเรียร์แปดเปื้อน...ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ข้ารักยิ่งก็ตาม ข้าจักสำเร็จโทษมันด้วยคมดาบ แม้การนั้นจะทำให้วิญญาณข้าไม่บริสุทธิ์และอาจถูกปฏิเสธจากดินแดนนิรันดร์ของพระองค์ก็ตาม’ ”

ซิกฟรีดสบตาริวอร์นอร์ขณะย้ำหนักแน่นว่า “ข้าจักสำเร็จโทษมัน...ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นพระเชษฐาของข้าก็ตาม ขอบิดาและมารดานภาโปรดเป็นพยานด้วยเทอญ”

ริวอร์นอร์คาดไม่ถึงว่าซิกฟรีดจะกล้าประกาศสงครามในที่ประชุม...กล้าขนาดเอ่ยสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยอย่างยิ่ง ใครเล่าจะกล้าเอ่ยว่าต้องการฆ่าพี่ชายของตัวเอง ซ้ำยังเป็นพี่ชายผู้เป็นที่รักของประชาชน

“พูดอะไรก็ระมัดระวังบ้าง เคยฝึกในสำนักควาร์ เขาน่าจะสอนศิลปะการเจรจาไม่ใช่หรือ” ราชามงกุฏดำทอดเสียงทุ้ม

“ขอรับ และยังสอนให้พิจารณาว่าเมื่อใดที่การเจรจาไร้ประโยชน์ ไม่เป็นผล สมควรใช้กลยุทธ์ในศาสตร์แขนงอื่น”

โคลด์กำมือแน่น เขาอยากจับมือให้กำลังใจซิกฟรีด ทว่าสิ่งที่ทำคือกำมือแน่น ทั้งเขาและซิกฟรีด เมื่อประกาศเช่นนี้แล้วก็ไม่มีที่ให้ถอยกลับ แต่สำหรับเขา ชีวิตของซิกฟรีดสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!

เอริแอดเน่เฉยชาคล้ายไม่มีหัวใจ นางเพิ่งสนับสนุนผู้ฆ่าท่านเฟรธูริน ทว่า...นางหลับตาแล้วลืมตาขึ้น

นี่ก็เป็นจุดแตกหักเช่นกัน!

“เป็นตัวเจ้าเองก็พอ” นางกระซิบบอกริวอร์นอร์ สิ่งที่นางเลือกจะกัดกร่อนนาง แต่ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร...ให้มันพัง

“หากเจ้าอ้างว่าเรามีความสัมพันธ์กับจอมทัพทมิฬละก็...” ริวอร์นอร์หันไปพูดกับโคลด์ รอยยิ้มยกขึ้นคล้ายเหยียดหยัน “เรามาดูกันว่าแผ่นดินซึ่งปกครองด้วยราชาหนุ่มอ่อนประสบการณ์จะแหลกลาญได้เพียงใด”

ราชามงกุฏดำยื่นมือออกไปเบื้องหน้า แหวนเวทอันประดับด้วยโกเมนแดงก่ำเรืองเรื่อ เสียงเปรี๊ยะ...เบาๆ ดังกระทบโสต และเมื่อเขากำมือ กระจกก็แตกเป็นเสี่ยง

ท่ามกลางเสียงอุทาน ริวอร์นอร์สืบเท้าเข้าไปหาเศษกระจกชิ้นใหญ่บนพื้น ภาพสะท้อนของซิกฟรีดและบรรดาขุนนางที่เคยทรยศเขาฉายชัด ริวอร์นอร์เหยียบเศษกระจกนั้นแล้วขยี้มันช้าๆ รอยร้าวแล่นไปทั่ว

“เจ้ามันเกินอบรมแล้ว...อาเลธแห่งรูเมเรียร์”

สิ้นคำ เศษกระจกก็กลายเป็นผงละเอียด ตัดการสื่อสารและตัดสัมพันธ์กับรูเมเรียร์ในเวลานั้นเอง

เอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์คุกเข่าลง

...แทบเท้าราชาของนาง


—————————————————————————

A/N อื้อหือ สุดท้ายก็ไม่มีใครยอมใครในเกมนี้ค่ะ หลังจากนี้เรื่องก็ยังอยู่ที่โคลด์ค่ะ

ยาวๆ ไปจนจบและตอนพิเศษเลยจ้ะ หายคิดถึงแน่นอน!



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @ILLREIwriter

♰ LINE : @illrei

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เด็ดขาดอย่างเฉียบคมทุกคน
และต่างเชือดเฉือนในแผลกลัดหนองทั้งของตนและผู้อื่น

รอชมว่า นี่จะเป็นการกรีดแผลเพื่อรักษาให้หายขาด หรือกดลึกจนเฉือนเส้นเลือดให้ตายไปเสียเลย

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านแล้วกระหายเลือด สู้กัน สู้กันๆๆ

555#ทีมหนูดาว :hao7:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
เด็ดขาดอย่างเฉียบคมทุกคน
และต่างเชือดเฉือนในแผลกลัดหนองทั้งของตนและผู้อื่น

รอชมว่า นี่จะเป็นการกรีดแผลเพื่อรักษาให้หายขาด หรือกดลึกจนเฉือนเส้นเลือดให้ตายไปเสียเลย
เขียนเองก็เจ็บแผลที่เปิดเองค่ะ ;w;

อ่านแล้วกระหายเลือด สู้กัน สู้กันๆๆ

555#ทีมหนูดาว :hao7:
สู้กันๆๆๆ เลือดสาดแน่เลย แงงงงง  :jul1: (เลือดกำเดา อิอิ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตีกันให้ตายไปข้าง ตัวเอกต้องอยู่ครบ ใสๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เฉียบ คม ชัด ตัดขาด ประกาศสงครามกันแล้ว  :z6: :z6: :z6:

เอริแอดเน่ ช้ำแค้นซิก ที่เอาความลับไปเปิดเผยกับดาร์กโคลด์
แต่ที่นางคืนชีพริวอร์นอร์ มันก็ไม่เห็นจะดีต่อซิกนี่

มันจะเป็นสงครามสามเส้า หรือสองเส้ากันนะ
คงอยู่ที่ราชาทมิฬเลือกข้างแล้วละ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 28 : สองราชัน (4)

เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในเหล่าขุนนางรูเมเรียร์หลังราชามงกุฏดำตัดการสื่อสาร

ผู้ที่แตกตื่นย่อมเป็นผู้ที่ไม่ทราบเรื่องราวอันใด ส่วนผู้ที่สนับสนุนราชาหนุ่มเงียบแสนเงียบ มาลแกธดูเหมือนจะนิ่งที่สุด เขามองไปรอบๆ ก่อนโน้มไปกระซิบกับทาราเธียลผู้เป็นหลานชายว่า

“ข้าจะกลับแดนตะวันออก”

“ขอรับ?” ทาราเธียลเอียงมาหา สายตายังเหม่อไปที่กระจกเวท เขานึกชอบราชามงกุฏดำอยู่ในใจ สง่า...องอาจ ดูท่อนแขนสิ ถึงจะซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ แต่เห็นชัดว่าเป็นท่อนแขนแข็งแกร่งเยี่ยงนักรบ

สุดเท่!


“ซิกฟรีดตายแน่ถ้าไม่มีพันธมิตร อิซิลดาร์เพิ่งประกาศสนับสนุนราชาโฉดชั่วไป ซิกฟรีดก็ผ่าประกาศสงครามกลับ ไม่นับว่ากำลังจะเกิดความโกลาหลภายในราชสำนัก ขุนนางบื้อๆ ต้องการคำอธิบายแน่ ซึ่ง...ถ้าตอบไม่ดี ซิกฟรีดเตรียมต่อเรือล่องแม่น้ำของตัวเองได้เลย เจ้าไม่ได้ตั้งใจอ่านสถานการณ์หรือ” มาลแกธกระซิบดุ

“ตั้งใจขอรับ” ทาราเธียลกระซิบตอบ ใครจะไม่ตั้งใจบ้าง การเมืองเข้มข้น เห็นแววฉะกันอยู่ไหวๆ สนุกขนาดนี้ทาราเธียลไม่แอบหลับในเหมือนตอนเข้าประชุมกับขุนนางรูเมเรียร์แน่

“ดี ต่อจากนี้ตระกูลล็องธูจะเป็นพันธมิตรกับรูเมเรียร์ และ...อืม ลำบากใจสักหน่อย แต่ถ้าได้พวกดีรานมาด้วยจะช่วยได้มาก เราอาจต้องดึงข้อกับพวกมันในราชสำนักรูเมเรียร์ รบด้วยสมองแบบพวกอารยะ แค่นึกก็ขนลุก” ระหว่างคุยกับทาราเธียล มาลแกธยกมือห้ามไม่ให้ขุนนางซึ่งยืนข้างตนพูดอะไร เขารู้ มันจะถามความเห็นเขาต่อเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่ยังก่อน...เขาจะไม่พูดอะไรในช่วงเวลาเปราะบางเฉกนี้

“ลุงจะไปหาผู้นำตระกูลดีรานหรือขอรับ”

คราวนี้ทูตจากตระกูลล็องธูเอนมาฟังด้วย การขอความช่วยเหลือหรือความร่วมมือระหว่างตระกูลเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยเฉพาะกับล็องธูซึ่งถือว่าตนแข็งแกร่งแบบไม่ต้องพึ่งใคร

“วอร์ล็อค” มาลแกธเอ่ยตำแหน่งของพ่อมดสูงสุดในตระกูลดีราน ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ผู้นำตระกูลด้วย “เริ่มจากเข้าหาวอร์ล็อคของมันก่อน ถ้าดูท่าทีแล้วน่าจะเข้าไปคุยได้ ข้าก็จะให้มารดาเจ้าไปคุย ข้าคุยเองไม่น่าจะรอด”

มาลแกธเคยมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับวอร์ล็อคของดีรานคนก่อนหน้า--คนที่สอนเวทย้ายเวลา และให้กริชเวทซึ่งตัวด้ามพันผมสีเทากับทองแดงนั่นละ

“จะเดินทางเมื่อไหร่ขอรับ” ทาราเธียลคิดว่าตัวเองเดาคำตอบได้

เร่งด่วนขนาดนี้มันก็ต้อง...


“เร็วที่สุด” มาลแกธเอ่ยขณะมองซิกฟรีดที่ยังนิ่งขึงอยู่หน้ากระจกอย่างเป็นกังวล

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ คอยสนับสนุนซิกฟรีด ราชสำนักจะวุ่นวายมาก ซิกฟรีดคงประวิงเวลาการให้คำอธิบายแก่ขุนนางและคณะทูตได้อย่างช้าที่สุดก็เช้าพรุ่งนี้ ช่วยเขาหาทางออก”

ทาราเธียลและทูตจากตระกูลล็องธูตอบรับหนักแน่น มาลแกธพยักหน้า ก่อนจะสั่งให้ทูตส่งพิราบแจ้งข่าวแก่พระนางซึ่งเป็นผู้นำตระกูลล็องธู

จงเข้มแข็ง...ราชาผู้เยาว์


--------------------------------

ในห้องส่วนตัว หลังสิ้นการสนทนาอันร้าวฉานจนนำไปสู่การแบ่งแยกแผ่นดินเอลฟ์เป็นสองส่วน โคลด์หลบผู้นำเผ่าดาร์กเอลฟ์ในรูเมเรียร์ออกมารอซิกฟรีดเงียบๆ

เป็นดังที่มาลแกธคาด ซิกฟรีดไม่สามารถจัดประชุมได้ทันที เขาต้องการเวลาเตรียมตัวและเตรียมคำอธิบาย ซึ่งค่ำนี้ซิกฟรีดจะประชุมกับขุนนางคนสำคัญก่อน พรุ่งนี้เช้าจะประชุมกับคณะทูต

เมื่อซิกฟรีดเข้ามา โคลด์ที่ยังไม่เปลี่ยนชุดถอดหน้ากาก และเอ่ยคำแรกว่า “ขอโทษ” ผมยาวสีเงินทำให้ดวงหน้าของทายาทเผ่าจันทร์ดูละมุน ทว่าสวยบาดตา “ข้าไม่ได้บอกเรื่องจะนำตรามาใช้เพราะไม่อยากให้เจ้ามีส่วนร่วม เจ้าบอกเอริแอดเน่ได้ว่าข้าทำไปโดยพลการ”

โคลด์ยอมเสียเกียรติ เขาเลือกโจมตีเอริแอดเน่ เพราะนาง ‘อาจจะ’ เป็นหัวใจ--เป็นจุดอ่อนของริวอร์นอร์ ซึ่งมันก็ได้ผล เวลานั้นเขารอริวอร์นอร์พูดก่อนแล้วพลิกลิ้นตาม ไม่ทราบเช่นกันว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าจิตใจของอีกฝ่ายไม่หวั่นไหวเพราะเรื่องของเอริแอดเน่ เขาคงป้ายสีได้ลำบากกว่านี้มาก...หรือเลวร้ายถึงขั้นทำไม่สำเร็จและเพิ่มโทษให้ซิกฟรีด

มือของโคลด์ยังเย็นเฉียบ หนาวไปถึงสันหลัง ริวอร์นอร์ อาห์นดีร์ รูเมเรียร์มีความคิดฆ่าอยู่ในแววตายามมองเขา เขาไม่เคยเกรงใครนอกจากจอมทัพทมิฬและท่านพี่เบเลธ...เวลานี้ขอรวมริวอร์นอร์เข้าไปด้วย

“ไม่เป็นไร” ซิกฟรีดลูบแก้มโคลด์แล้วดึงมากอด แลกความหวาดหวั่น ความกังวล ไปจนถึงความอบอุ่นและการปลอบประโลม เขาไม่พูดอะไรเป็นนานสองนาน เหนื่อยล้าเกินกว่าจะหาถ้อยคำใดมาปลอบโยนโคลด์ในเวลานี้

โคลด์กอดตอบ หลับตา “อืม...ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่ข้างเดียวกับเจ้าเอง”

ยามกอดศีรษะแนบกัน ใบหูก็แนบกันโดยที่ซิกฟรีดไม่ได้ตั้งใจ เขากระชับแขนแน่นเข้า ระบายลมหายใจยาว...ก่อนจะสูดกลับอย่างเชื่องช้า

“ข้าสับสน” ซิกฟรีดเอ่ยด้วยความจริงใจถึงที่สุด

“ตอนนั้นข้าคิดเพียงแต่ว่า ถ้าข้าไม่ออกไป เขาจะกลับมา และเจ้าจะหายไป...”

“ข้ารู้…” ซิกฟรีดซุกหน้ากับบ่าโคลด์ “ข้ารู้ว่าเจ้าตัดสินใจดีแล้ว ข้าเองก็เช่นกัน แต่ข้าไม่แน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจได้ ‘ถูกต้อง’ หากไม่นับว่าริวอร์นอร์ฆ่าท่านพี่เฟรธูริน มันก็เป็นราชาที่ดีกว่าข้า…การที่ข้าไม่ยอมถอยทำให้ผู้คนอีกมากต้องเดือดร้อน”

“ถอยแล้วเจ้าตาย ข้าก็ไม่ยอม หรือมันจะขังเจ้า ข้าก็ไม่ยอม” โคลด์ตัดสินใจเด็ดขาด “ข้าไม่คิดเรื่องอื่น ในเมื่อเจ้าเอ่ยคำสาบานจะปกป้องแผ่นดินเอลฟ์ไปแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้ ซิกฟรีด ใจที่คิดเพื่อประเทศชาตินั้น ข้ามีไม่ถึงเจ้าสักกระผีก” เขายิ้มขื่นเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาของดาร์กเอลฟ์ที่มีต่อ ‘ฮีมเดียร์แห่งเผ่าจันทร์’

“แต่ข้าเกือบทิ้งแผ่นดินเพื่อเจ้า…” ซิกฟรีดหัวเราะเบาๆ คล้ายสมเพชตัวเอง “เอาเถิด คงเป็นเพียง ‘ภาวะเพ้อคลั่งของวัยรุ่น’ เหมือนที่เจ้าเคยว่า”

“...เจ้าคิดได้แบบนั้นก็ดี” โคลด์ไม่แน่ใจนักว่าควรตอบว่าอะไร จะให้ถามกลับว่า ‘ตอนนี้เจ้าไม่ทำแล้วใช่ไหม’ เขาก็ยังกลัวคำตอบ สติของซิกฟรีด...เหมือนระเบิดเวลา

“หากข้าเป็นสามัญชนเรื่องอาจง่ายกว่านี้ เพราะข้าคงหนีตามเจ้าไปแล้ว แต่ถึงเป็นราชา...ข้าก็ยังคิดหาวิธีหนีตามเจ้าอยู่ดี”

ดูจากการพูดจาเย้าแหย่ในสถานการณ์เคร่งเครียด โคลด์เห็นว่าซิกฟรีดเริ่มผ่อนคลาย

“แล้วเอริแอดเน่...จะเอายังไง”

ซิกฟรีดขมวดคิ้ว กลับมาเคร่งขรึมจริงจัง “พี่หญิงเลือกเส้นทางของนางแล้ว...”

“แปลว่าถ้านางตาย เจ้าก็ไม่เสียใจ” โคลด์ยังไม่ลืมหนี้แค้นที่ฝังลึก

“อย่า…” ซิกฟรีดส่ายหน้า

โคลด์ถอนใจ ถอดวิกผมออก “ข้ายังไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ ส่วนเรื่องทายาทเผ่าจันทร์ อืม เจ้าจะต้องวุ่นวายกับดาร์กเอลฟ์ที่อยากพบข้า แต่ข้าไม่อยากพบพวกเขา เพราะฉะนั้นข้าจะเขียนจดหมายให้พวกเขาไม่มารบกวน”

“เจ้าคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่ริวอร์นอร์กับจอมทัพทมิฬจะร่วมมือกันจริงๆ”

“เพื่อให้ริวอร์นอร์ถูกจอมทัพทมิฬบั่นคอทีหลังน่ะหรือ” โคลด์ยกยิ้ม “หากจะมีอะไรที่ข้าแน่ใจ คือบิดาบุญธรรมของข้าไม่ถือสาเรื่องเกียรติหรือศักดิ์ศรีใดๆ ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวรสำหรับเขา สิ่งที่เขาทำมีเพียงเอาชนะและกลืนกินผู้แพ้ ป่านนี้อาจหัวเราะชอบใจที่ข้าโผล่หน้าออกมาเองโดยไม่สนใจว่าข้าป้ายสีเขา คนที่ข้ากลัวคือ...ท่านพี่เบเลธ”

“นายพลทมิฬน่ะหรือ” ซิกฟรีดเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับนายพลคู่ใจของจอมทัพทมิฬมาบ้าง ทุกเรื่องล้วนน่าสะพรึง

“เขาภักดีมาก มักชอบขัดคำสั่งบิดา แต่เอาตัวรอดได้ทุกครั้งเพราะภักดีอย่างที่สุด เอาไว้ข้าจะบอกทุกสิ่งที่ข้ารู้จากกองทัพทมิฬ เพราะนั่นคือศัตรูของเรา บิดาบุญธรรมต้องส่งคนมาตามข้าคืนไป”

“อืม…” ซิกฟรีดเห็นศึกที่จะมาสองด้านพร้อมกัน “ข้ากังวลอีกเรื่อง” เขาลูบใบหน้าซีกซ้าย

“คำสาปรุนแรงขึ้นหรือ…”

ซิกฟรีดส่ายหน้า “เปล่า”

“มันยังพูดอีกไหม”

“ไม่”

“แล้วเจ้าลูบหน้าทำไม”

“ริวอร์นอร์ไม่ทักแผลคำสาปที่เขาทำกับมือ ไม่ทักสักคำว่ามันหายไปไหน ข้าไม่ไว้ใจ…”

ซิกฟรีดคิดว่ามันจะเป็นอย่างแรกที่ริวอร์นอร์ยกขึ้นมาขู่เสียด้วยซ้ำ--แต่ไม่

“เราจะรักษามันจนหาย” โคลด์ให้กำลังใจ

ซิกฟรีดยิ้มบางๆ เขาวางมือบนศีรษะโคลด์ โยกเบาๆ

“ข้ามีเรื่องต้องบอกเจ้าอีกเรื่อง” โคลด์ทำหน้ามุ่ย เอียงศีรษะหนี เขาหยุดคิดนิดหนึ่ง “ในสารที่ข้าเขียนถึงดาร์กเอลฟ์ จะระบุว่า...ข้าเดินทางไปแดนตะวันออกเพื่อหาพันธมิตร”

มุมปากของซิกฟรีดตึงทันที

“มาลแกธชวนข้าไป” โคลด์ไม่ปิดบัง แม้ซิกฟรีดอาจได้ยินบทสนทนานั้นแล้วก็ตาม “สถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องเดินทางเร็วๆ นี้แน่ ข้าจะตามไปดูเขา...ไม่ให้มีอะไรเปลี่ยนใจเขาไปจากเจ้า” โคลด์เป็นห่วงมาลแกธด้วย ทว่าเลี่ยงไม่พูดออกไป

“ใครจะบังคับใจเจ้าได้…” ซิกฟรีดจูบหน้าผากโคลด์ “ข้าเคยใช้เวทล่ามเจ้าไว้ ยังล่ามไม่ได้เลย”

“ข้าจะกลับมา ครั้งนี้ ข้าไม่ได้หนีไปไหน” โคลด์จับข้อมือซิกฟรีดหนักแน่น และให้คำสัญญาอย่างจริงใจ


—————————————————————————

A/N บทต่อไปเป็นบทส่งท้ายอีกไม่กี่ตอน เพื่อเปิดม่านการผจญภัยครั้งใหม่

ยังมีอีกหลายส่วนในโลกของ Elven Almanac รอคุณมาค้นหาอยู่นะคะ


ป.ล. วันนี้ลง 2 ตอน เลื่อนไปอ่านตอนต่อไปกันค่ะ!



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @ILLREIwriter

♰ LINE : @illrei

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทส่งท้าย (1) : สู่ตะวันออก

ราวสองอาทิตย์กว่า โคลด์และมาลแกธเดินทางด้วยม้าเร็วจนถึงท่าเรือ ซึ่งมีเรือสินค้าระหว่างรูเมเรียร์กับแดนตะวันออกจอดเทียบอยู่ ท่าเรือแห่งนี้ใหญ่ มีเรือหลากชนิดหลายขนาดจอดเทียบเป็นทิวแถว ตั้งแต่พวกเรือหาปลาขนาดเล็กสีสันสดใสไปจนเรือขนสินค้าขนาดกลางและเรือเดินสมุทร เรือส่วนตัวของบรรดาเศรษฐีก็มีให้ชมบ้างประปราย ไม่เพียงเรือเท่านั้นที่หลากหลาย แต่รวมไปถึงเผ่าพันธุ์ของชาวเรือผู้เดินทางไปๆ มาๆ จนท่าเหมือนเป็นบ้านแห่งที่สองด้วย

“วันแรกที่ข้าเดินทางมาถึงรูเมเรียร์ ข้านึกว่าทั้งแผ่นดินจะเป็นแบบนี้” มาลแกธผายมือไปรอบๆ “คึกคัก สนุกสนาน และ...เละเทะหน่อยๆ”

ปลาบนแผงข้างทางดีดตัวคล้ายได้ยินคำของเอลฟ์ตะวันออก มันกระเสือกกระสนที่จะยืดลมหายใจของตัวเอง และเฝ้าฝันถึงทะเลซึ่งห่างออกไปไม่กี่เมตร

โคลด์ถอยหลังเมื่อแม่ค้าปลาชาวมนุษย์จับปลาตัวนั้นฟาดลงที่แผงตามเดิม นางส่งเสียงเรียกลูกค้า เสนอขายปลาทะเลสดๆ ที่เพิ่งมาถึงท่าตอนเช้ามืด

“แล้ววันนี้ล่ะ”

“มากพิธี ค่อนข้างน่าเบื่อจนกระทั่งพี่น้องหันดาบใส่กัน” มาลแกธพาโคลด์เดินไปสุดท่า และหยุดรอใครสักคนบริเวณนั้น

“พี่น้องแดนตะวันออกรักใคร่กลมเกลียวกันหรือ ไม่เคยฆ่ากันเพื่อชิงตำแหน่งเลยสินะ” โคลด์ใช้หลังมือเคาะอกมาลแกธ คำตอบนั้นเขารู้ดี

“เราฆ่ากันตลอดเวลา เพิ่มสีสันให้ชีวิต” มาลแกธฉีกยิ้มกว้าง

“แล้วมันต่างกับรูเมเรียร์ตรงไหน” โคลด์ทำท่าคิด “อ้อ ไม่มากพิธี”

“ข้าบอกว่า...วันที่เดินทางมาถึงวันแรก ข้านึกว่ารูเมเรียร์จะคึกคักเหมือนท่าเรือแห่งนี้ แต่เวลานี้ข้ารู้แล้วว่าลึกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่มันน่าเบื่อ ถ้าสองพี่น้องไม่ทำศึกกันคงน่าเบื่อไปเรื่อยๆ จนข้าอึดอัดตาย” มาลแกธหันไปกางฝ่ามือขึ้นฟ้า วัดระยะของดวงอาทิตย์กับขอบฟ้า รำพึงว่า “อยู่ไหนของมันวะ”

“เจ้าดูดีใจที่ได้กลับทะเล” โคลด์มองเสี้ยวหน้ามีชีวิตชีวาของมาลแกธ “เจ้ามาที่นี่แต่แรกทำไมหรือ ที่บ้านเกิดล็องธูก็มิได้อ่อนแอจนต้องแสวงหาพันธมิตรจากแผ่นดินใหญ่ไม่ใช่หรือ”

“การภูมิใจประวัติศาสตร์ของตัวเองมากเกินไปก็เหมือนถูกมอมเมาด้วยภาพลวงตานั่นละ ใครจะรู้ อีกสิบปีพวกดีรานอาจขึ้นเป็นตระกูลอันดับที่หนึ่งในแดนตะวันออก ข้ามาเพื่อแสวงหาอนาคตที่รัก...อนาคต” มาลแกธจัดผมโคลด์ที่ถูกลมทะเลพัดให้เข้าที่ “เจ้าใส่วิกผมยาวก็ดูเหมาะดี ลองไว้ผมยาวดูไหม”

“ติดใจจากเมื่อวันก่อนหรือ” โคลด์ร้องอือในคอ ทำไมใครต่อใครชอบลูบโน่นลูบนี่เขากันนักนะ “ดาร์กเอลฟ์ชายที่ไว้ผมยาวคือพวกมีศักดิ์ ข้าต้องปลอมตัวเลยตัดผมออก ตอนนี้ข้าชอบสั้นๆ เบาหัวดี”

“ท่านมาลแกธ!” เอลฟ์ผมสีทองเหลือบแดงคนหนึ่งร้องทักมาลแกธ ขณะเดินเข้ามาหาด้วยท่าผายมือออกกว้าง

“คาริม” มาลแกธหัวเราะแล้วผายมือรับเช่นกัน เอลฟ์ตะวันออกจากตระกูลล็องธูสวมกอดและตบหลังกันอย่างหนักแน่น “คิดถึงจริง ญาติข้า” เขามองเปียสงครามของอีกฝ่าย เห็นถักสีฟ้าแซมเขียวก็จุปาก “ไม่เห็นสีเทาสักเส้น ไหนว่าพอข้ากลับมาจะเห็นถักเต็มหัว”

“แดนตะวันออกเปลี่ยนไปแล้ว ท่านมาลแกธ” คาริมถอนใจเบาๆ “ไม่รบกันบ่อยเท่าเดิมแล้ว พระนางเพิ่งลงนามในสัญญาสันติห้าสิบปีกับอีกสามตระกูลใหญ่ ดีราน การาซีน ดาเอียร์ ห้าสิบปีท่านเชื่อไหม แต่โชคยังดี พวกดีรานเสนอมาร้อยปี พระนางต่อรองเหลือห้าสิบปี บ้าเอ๊ย ใครมันจะทนไหว ห้าสิบปี!”

มาลแกธยิ้มขำ “ข้ารู้อยู่แล้ว เห็นพระนางว่าสัญญาสันติครอบคลุมถึงการเพิ่มความถี่ในการประลองระหว่างตระกูล จากปีละหนึ่งครั้งเป็นปีละหนึ่งครั้งใหญ่ สามครั้งย่อย ข้าค่อนข้างเห็นด้วยเพราะไม่ต้องเสียกำลังพลและกำลังทรัพย์มาก”

“เป็นการจัดระเบียบที่ดี” โคลด์เปรย ตามคำแนะนำของมาลแกธ เขาสวมฮู้ดของอีกฝ่ายที่เคยได้มาติดตัวไปแดนตะวันออก อันที่ทอจากไหมหลากสีนั่นละ “แล้วแดนตะวันออกก็จะมีพิธีการมากขึ้น” เขาเหน็บมาลแกธ

“อา...ขออภัยขอรับ” คาริมกำหมัดทุบกลางอกแล้วน้อมศีรษะต่ำ “ข้ามัวตื่นเต้นที่ได้พบญาติผู้พี่จนไม่ได้เอ่ยทักทายท่าน” อันที่จริง...คาริมตัวใหญ่จนสายตาเลยผ่านโคลด์ไป เขานึกอยากทุบอกตัวเองหนักๆ อีกสักทีเพราะเพิ่งเห็นว่าโคลด์สวมฮู้ดทอจากเส้นผมหลากสี เป็นเปียสงครามของท่านมาลแกธแน่!

“โคลด์ สตาร์ คนรักของข้า ข้าเขียนแนะนำไว้ในจดหมายแล้ว” มาลแกธยิ้มกว้างอย่างที่ไม่น่าจะกว้างไปกว่านี้ได้อีก

ก่อนออกเดินทางจากเมืองหลวงมายังเมืองท่า มาลแกธเขียนจดหมายถึง ‘พระนาง’ หรือน้องสาวร่วมบิดาที่เขายกปราสาทและตำแหน่งผู้นำตระกูลล็องธูให้ เนื้อหาในจดหมายกล่าวถึงสถานการณ์ระหว่างรูเมเรียร์กับอิซิลดาร์ เรื่อยไปจนเหตุผลที่ตัดสินใจเดินทางกลับแดนตะวันออก มาลแกธได้รับสารตอบกลับระหว่างเดินทางด้วยม้าจากเหนือลงใต้ หลังจากส่งจดหมายประมาณห้าวัน พระนางยินดีเป็นที่ยิ่ง

 

‘ที่นี่เป็นบ้านของพี่เสมอ ปราสาทและตำแหน่งก็รอพี่ ข้าจะให้คาริมไปรับพี่ที่เมืองท่า เขาอยู่ใกล้พี่ที่สุด มาถึงแล้วค่อยพูดคุยรายละเอียดกัน

อ้อ…

ข้ายินดีที่พี่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน จะรอพบดาร์กเอลฟ์ผู้โชคร้ายคนนั้น

 

ขอเทพนำทางเมตตาพี่

เมธิลด์’

 

“สวัสดี” โคลด์ที่ได้รับการแนะนำว่าเป็นคนรักไม่เอ่ยปฏิเสธ แม้จะแปลกใจที่เอลฟ์ตะวันออกซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้มากรักอย่างมาลแกธจะแนะนำเขาแบบนี้

ไปถึงโน่น เขาจะแนะนำข้ากับคนรักคนอื่นว่ายังไงนะ อืม...คนรักคนที่หนึ่ง สอง สาม สี่ อะไรอย่างนี้หรือเปล่า

โคลด์ไม่อยากคิดให้ปวดหัว ตราบใดที่การไปตะวันออกราบรื่นไม่เกิดปัญหา มาลแกธจะแนะนำเขายังไงก็ตามใจเถอะ

แค่ไม่บอกว่าเป็นฮีมเดียร์แห่งเผ่าจันทร์ก็พอ…

การปรากฏตัวอย่างเอิกเกริกในการพบปะกันอีกครั้งของราชาเอลฟ์สองพี่น้องทำให้โคลด์ไม่อาจปิดบังการคงอยู่ของ ‘ฮีมเดียร์’ ได้อีกต่อไป ดีที่เขาสวมหน้ากาก ใบหน้าจึงไม่เป็นที่กระจ่าง และเขาก็ยังไม่อยากให้มันแพร่ไปในแดนตะวันออก

ตอนออกจากราชวังรูเมเรียร์ โคลด์เห็นผู้แสวงบุญชาวดาร์กเอลฟ์หลั่งไหลมาออกันหน้ากำแพงวัง ต้องการเข้าพบทายาทแห่งเผ่าจันทร์...แม้ได้รับการปฏิเสธและมีหน่วยคิงเบลดมาควบคุม คนเหล่านั้นก็ยังปักหลักไม่ยอมไปไหนอย่างอดทน

โคลด์ค่อนข้างแน่ใจว่า ในบรรดานั้นมีทั้งผู้ประสงค์ดีและร้ายปะปนกัน

“เราจะขึ้นเรือเลยไหม แล้วลำไหน” โคลด์มองหาเรือไปแดนตะวันออก

“ตามข้ามาเถิด คนรักของท่านมาลแกธ” คาริมโบกมือ ท่าทางกระฉับกระเฉง เขาพาทั้งคู่ไปยังเรือเดินสมุทรชื่อ ‘เออร์ซา เมเจอร์’ ตั้งตามชื่อโคมดวงสำคัญของเทพนำทาง มันเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวที่ชาวเรือใช้บอกทิศทางในทะเล

“ตั้งแต่เกิดเรื่อง พวกคิงเบลดตรวจเข้ม” คาริมพยักพเยิดให้โคลด์และมาลแกธดูทหารที่กำลังตรวจตราแผงสินค้า รวมถึงตรวจตราใบรายชื่อสินค้าและตัวสินค้าจริงในเรือทุกลำ “ตอนเทียบท่าข้าโดนซักจนยับเยินว่ามาจากไหน มารับใคร อยู่นานเท่าไหร่ จะไปไหน ขนสินค้าอะไรมาบ้าง...พอเห็นเรือลำยักษ์แต่ไม่ได้ขนอะไรมาก็พร้อมจับข้า ก็บอกอยู่มารับท่านมาลแกธ ล็องธู เอ้า...เดี๋ยวท่านไปคุยกับคิงเบลดให้ข้าหน่อยเถอะ ท่านมาลแกธ มันยึดใบผ่านแดนของข้าไปด้วย”

“เราจะกลับแค่สองคน ไยต้องใช้เรือลำใหญ่สะดุดตา” โคลด์เดินตามคาริม

“แดนตะวันออกอยู่ไกลน้า...ท่านโคลด์ พวกสี่ตระกูลใหญ่อยู่ไกลกว่านั้นอีก” คาริมอธิบายเพิ่มเติมว่าจะใช้เรือขนาดย่อมลงมาก็ได้ แต่ช้าเพราะต้องหาเส้นทางเลี่ยงจุดอันตรายในทะเล ถ้าเจอสภาพอากาศเลวร้ายก็จำต้องหยุดพัก อันตรายกว่าเรือซึ่งสร้างมาสำหรับล่องน้ำลึกโดยเฉพาะ

โคลด์พยักหน้า ไม่ถามอะไรอีก นอกจาก… “แปลว่าเจ้ารวยไม่เบา” เขาหันไปทางมาลแกธ ความเคยชินต่อการประเมินเรื่องเงินๆ ทองๆ นั้นติดมาจากความยากจนและได้รับอิทธิพลจากอิลมาเร

“แรกทีเดียว เออร์ซ่า เมเจอร์เป็นเรือขนสินค้าบังหน้า” มาลแกธกระซิบข้างหูโคลด์ “แต่ความจริงขนอดีตผู้นำตระกูลล็องธู ทูต และนักรบเข้ามาแทรกซึมราชสำนักรูเมเรียร์”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาลแกธพูดถึงตัวเอง

“ข้าไปคุยกับคิงเบลดก่อน เจ้าอยู่ที่นี่กับคาริม อย่าแกล้งเขาละ” มาลแกธขยี้ผมโคลด์แล้วตรงเข้าไปหาคิงเบลดซึ่งยืนอยู่ตรงสะพานเชื่อมลำเรือกับฝั่ง

โคลด์ยืนนิ่งอย่างไม่ชิน เขาเป็นแอสซาสซิน ใช้ชีวิตในเงา วันนี้ยืนกลางแจ้ง ใต้แสงแดดจ้า กับนักรบจากดินแดนไกลโพ้นทะเล...เขาระบายลมหายใจ

จะว่าไป ชีวิตก็น่าขำ วัยเยาว์เขาอยู่ในเผ่าจันทร์ เพียบพร้อมสุขสบายและได้รับการยกย่องประหนึ่งเทพเจ้า--บุตรน้อยแห่งเทพีจันทร์ โตมาหน่อยเป็นเชลยของบิดาบุญธรรม เหยียบย่างไปบนโลหิตและเถ้าของเผ่าตน จากเมืองแห่งธรรมชาติอันงดงามกลางป่าสู่ป้อมปราการหินสูงตระหง่านในดินแดนมืดทึม จากนั้นก็เป็นทาสของเอลฟ์ อาศัยอยู่ในราชวังรูเมเรียร์และอาศรมควาร์ แล้วมาเป็นนักฆ่าในเงามืดของเมืองหลวงแห่งแสงสว่าง และเวลานี้...เขากำลังจะขึ้นเรือ สู่ท้องทะเล เดินทางไปแดนตะวันออก

จะว่าไป...ก็เป็นชีวิตผจญภัยที่ไม่เลวใช่ไหม...แบบที่เจ้าชอบเลย อิลมาเร

โคลด์ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า ในแดนตะวันออก

แต่เขาพร้อมสำหรับมัน

 

เออร์ซ่า เมเจอร์ออกจากท่าในยามสาย ดวงอาทิตย์แผดแสงกล้า ท้องฟ้าไร้ซึ่งเค้าของเมฆฝน

ใบเรือถูกกางออกรับลม เรือลำใหญ่แล่นฉิวสมที่คาริมอวด เขาว่าเจ้ายักษ์เออร์ซ่าตัวใหญ่แต่เคลื่อนไหวเร็ว เป็นภูมิปัญญาซึ่งบรรดาช่างต่อเรือจากล็องธูแสนภูมิใจ

โคลด์ยืนบนดาดฟ้าเรือ ให้สายลมตีหน้า ขณะที่เมืองท่าตรงขอบฟ้าค่อยๆ ห่างออกไป เขารู้สึกว่ามีคนมาด้านหลัง สวมกอดเขา “มาลแกธ?”

ทว่าคนที่สวมกอดเขาอยู่ไม่ตอบคำ กระทั่งโคลด์หันกลับไปจึงพบว่าเป็นซิกฟรีด นัยน์ตาสีแสดร้อนแรงมีรอยหึงหวง

“ข้ามาส่ง” เขาจูบแก้มดาร์กเอลฟ์ “จงจำไว้...โคลด์ สตาร์ จงจำว่าข้าไม่มีวันห่างจากเจ้าไปไหน”

โคลด์ไม่ทันโต้กลับ แขนสองข้างของซิกฟรีดก็ระเหิดและสยายออกเป็นเงาปีกทมิฬ ราชาหนุ่มเหยียดยิ้มแล้วจากไปเฉกวิหคซึ่งเป็นอิสระในท้องนภา

แม้ว่าอิสระนั้นจะเป็นของปลอมก็ตาม...

เสียงเพลงแห่งการกล่าวโทษกระหึ่มในหูโคลด์ เขาจับขอบเรือแน่น ไม่คลายอาการเกร็ง “ข้าเลือกแล้ว” โคลด์กระซิบกับตัวเองและปล่อยให้เสียงเบาแทบจับความไม่ได้นั้นถูกพัดหายไปกับสายลม

เขายินดีเป็นกำลังให้ และช่วยเหลือซิกฟรีด ใช้ความโอนอ่อนเข้าล่อให้อีกฝ่ายไม่เสียสติและมีชีวิตรอด เขาให้ซิกฟรีดได้หลายอย่าง...ยกเว้นเรื่องเป็นคนรักเท่านั้น

“เมาเรือหรือ” คราวนี้เป็นเสียงของมาลแกธ แขนแข็งแรงที่โอบรอบเอวย่อมเป็นเอลฟ์ตะวันออกไม่ผิดแน่ “ข้าไปดูห้องนอนให้เจ้า คาริมทำได้ไม่เลวนัก ถึงจะผ่าจุดกำยานจนควันโขมงก็เถอะ”

โคลด์ดึงมาลแกธมาจูบ มือยึดหน้าอีกฝ่ายแน่น เขางับปากเอลฟ์ตะวันออกอย่างรีบร้อน เมื่อจูบเสร็จก็เอ่ยอย่างรีบร้อนพอกัน “มันก็นานแล้วใช่ไหม ข้าพร้อมแล้ว มาลแกธ”

มาลแกธตงิดใจกับความเร่งร้อนของโคลด์แต่ไม่ได้ทัก เขาพาโคลด์ไปยังห้องนอน ถอดเสื้อผ้ากันและกันอย่างรวดเร็ว ขณะริมฝีปากไม่ยอมห่างกันแม้สักวินาที

โคลด์จิกเล็บกับแผ่นหลังกว้าง เขารู้ว่านี่ไม่ถูกต้อง...เขากำลังใช้มาลแกธ ทว่าความประทับใจที่อีกฝ่ายมอบชีวิตให้ก็สลักลงในใจเขาเช่นกัน

แล้วนั่นต่างอะไรกับซิกฟรีด...เขาไม่ได้มอบชีวิตให้ข้าเช่นกันหรือ

“ข้าไม่เคยอยากได้เลย” โคลด์พึมพำ “ข้าไม่เคยชินการให้ ข้าไม่เคยให้อะไรพวกเจ้าด้วยซ้ำ”

“ชี่…” มาลแกธแตะริมฝีปากโคลด์ “อย่าคิดมาก” เขาลดจังหวะลงด้วยการจูบตามแอ่งชีพจรบริเวณไหปลาร้าของโคลด์ จากนั้นจูบแผ่นอกเลยไปถึงยอดอกสีอ่อน เขาดูดดึงปลายยอดเรียกเสียงคราง และดึงให้โคลด์กลับมาจดจ่อกับปัจจุบัน--กับความรักที่เขามอบให้

มาลแกธยกขาโคลด์ขึ้น สอดนิ้วเข้าช่องทางด้านหลังเพื่อเตรียมร่างกายแบบไม่เร่งรีบ เขาควานหาจุดกระสันพบแทบจะทันที

“เจ้านี่มัน…” โคลด์สะดุ้ง “เวลาแบบนี้ควรหยุดทำไม่ใช่หรือ” ใบหน้าเนียนมีสีเลือดจางพาดผ่าน ใบหูกดไปกับฟูกนุ่ม นิ้วเท้ากระตุกแล้วงองุ้ม เขาดันหน้าท้องแข็งแน่น ทว่ามือตกลงอย่างไม่ตั้งใจ ปะกับความเร่าร้อนที่แข็งเป็นลำของเอลฟ์ตะวันออก

โคลด์รู้สึกหายใจไม่ทัน

เรือลำใหญ่เคลื่อนไปในทะเล พื้นห้องในเรือสงบนิ่ง สิ่งที่โยกเหมือนคลื่นคือตัวโคลด์เอง ด้วยแรงจากนิ้วมือของมาลแกธ

ดวงตาของทั้งสองสบกัน ชั่วขณะนั้นคำพูดเงียบลง ความในใจส่งผ่านสิ่งที่กำลังกระทำ มันคือการชำแรกเข้าไปในความเป็นส่วนตัวที่สุดของอีกฝ่าย ด้วยความดึงดันปรารถนาที่จะได้ผูกสัมพันธ์

เอลฟ์ตะวันออกดันขาโคลด์ไปข้างๆ ให้พร้อมรับแก่นกายที่แข็งตึงจนปวดหนึบ เขาจูบโคลด์ ส่งผ่านความหวานซ่านทางปลายลิ้น และดึงโคลด์ออกจากความเจ็บร้าวที่ก่อตัวขึ้นด้านล่าง เมื่อโคลด์หวีดร้องเป็นเสียงอื้อ! ในลำคอ มาลแกธค่อยหยุด ก่อนจะเริ่มใหม่อีกครั้งอย่างอดทน

“แน่น…” เขากระซิบเย้า “จะทนไม่ไหวแล้ว”

“เจ้า...” ดาร์กเอลฟ์หน้าร้อนและวาบหวาม ทั้งยังเสียวซ่านในท้องผสมกับเจ็บแปลบ...ถึงไม่ใช่ครั้งแรกก็ยังเป็นความรู้สึกที่ยากเกินบรรยาย “ขะ เข้ามาสุดแล้ว” โคลด์บอก

ความจริงจะสุดหรือเปล่าเขาก็ไม่ทราบ แต่มันแน่นเต็มท้องไปหมด

มาลแกธอุ้มโคลด์นั่ง เขากอดเอวดาร์กเอลฟ์แน่นขณะพาขยับขึ้นลง ริมฝีปากวนเวียนอยู่ระหว่างต้นคอกับใบหู บางครั้งเรียวลิ้นก็ฉกวูบเข้าช่องหูอันเป็นพื้นที่สงวนสำหรับคนรัก

“อะ!” โคลด์หวีดกับความลึกที่มากขึ้นและลิ้นที่วนเวียนในช่องหู เขาต้องเกาะไหล่มาลแกธไม่ให้ร่างทรุดลงไป “เสียว อย่า...อือ” แก่นกายใหญ่โตของอีกฝ่ายส่งความสุขเป็นจังหวะ โคลด์รับรู้ได้ว่าส่วนปลายของเขาเปียกชุ่ม ต้นขาด้านในชาวาบตามแรงกระแทก

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งสั่งให้ทำ ใครจะหยุดในเมื่อคนรักครางหวีดอย่างพอใจเสียขนาดนั้น เอลฟ์ตะวันออกดันโคลด์นอนบนฟูก ก่อนจะโหมแรงคล้ายจะทำให้เสร็จสมในอึดใจถัดมา

มาลแกธฝากรอยรักไว้ทั่วคอและอกของโคลด์ เวลานี้จูบหลังใบหูและโถมจังหวะใส่ดาร์กเอลฟ์ เสียงร่วมรักดังลั่นห้อง เขาสอดนิ้วทั้งห้ากับนิ้วโคลด์แล้วตรึงไว้ไม่ให้ดิ้นหนี

“แรงไป อื้อ!” โคลด์ร้อง แก่นกายของเขาเหยียดตรงและดีดตามแรงกระตุกของสะโพก ความร้อนที่อัดแน่นในท้องน้อยทะลักออกมาเป็นของเหลวอุ่นข้นสีขาวน้ำนม เปื้อนกลุ่มไหมสีเงินเหนือเครื่องเพศ เท้าสีเข้มจิกผ้าปูที่นอน นิ้วเท้าเกร็ง สีหน้าจมในความสุขสมดูน่าหลงใหลและยั่วยวน

มาลแกธครางเสียงทุ้มเมื่อเห็นภาพนั้น เขาเร่งจังหวะตัวเอง ก่อนจะหลับตาแน่นขณะความสุขดันผ่านท้องน้อยแล้วระเบิดออกในตัวโคลด์ มือใหญ่ขยุ้มผมสีเงินนุ่มนิ่ม ดึงมาให้รับจูบแนบแน่น

“อีกรอบได้หรือไม่” เอลฟ์ตะวันออกกระซิบ ฟันขบติ่งหูเบาๆ

“เจ้า…” เป็นพวกชอบใช้กำลังบนเตียงใช่หรือไม่ โคลด์พูดไม่ออก ทั้งที่โดนกดมือและขยุ้มผม

ไม่รอให้โคลด์ตอบรับหรือปฏิเสธ มาลแกธขยับกายอีกครั้ง สะโพกดันเข้าหาโคลด์จนไม่อาจแนบชิดได้มากกว่านี้อีกแล้ว

โคลด์ครางเพราะเสียววาบ

“ข้ารักเจ้า”

มาลแกธพิสูจน์คำรักกับโคลด์

ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า

โดยไม่มีใครกล้ารบกวน

—————————————————————————

A/N ไม่รบกวนแต่ขอตั้งกล้องได้ไหม เลือดจะไหลหมดตัวแล้วอะ แงๆๆๆ >/////<


ตอนนี้มีรายละเอียดการพรีออเดอร์หนังสือ Elven Almanac แจ้งทางเพจ ILLREI นะคะ


>> Pre-Order นิยายชุด Elven Almanac พร้อมส่วนลดและของแถมสุดพิเศษ สนใจคลิกที่นี่ <<


ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @ILLREIwriter

♰ LINE : @illrei

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ให้เป็นคนรักไม่ได้ แต่ก็รักเขามากใช่มะโคลด์

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทส่งท้าย (2) : ราชาผู้เยาว์

ซิกฟรีดนวดขมับไล่อาการปวดศีรษะ เช้าจรดค่ำ ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา...ราชาหนุ่มเข้าประชุมกับเหล่าขุนนางรูเมเรียร์เพื่อวางแผนรับมือกับราชามงกุฏดำและอิซิลดาร์ท่ามกลางบรรยากาศเคร่งเครียด ซิกฟรีดเห็นแววกังขาฉายในดวงตาขุนนางบางคน เห็นแววกังวลปนเปกับความหวาดเกรงในสีหน้า ขุนนางที่ประสาทอ่อนสูดลมหายใจขัดทุกครั้งที่เขาเอ่ยชื่อริวอร์นอร์ ส่วนบางคนที่ประสาทแข็งหน่อยก็เพียงกำหมัดเรียกกำลังใจ

สองสัปดาห์...ทั้งราชามงกุฏดำและบรรดาอสรพิษแดนใต้ไม่มีการเคลื่อนไหว ข่าวทั้งบนดินและใต้ดินสงบเงียบ สร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับฝ่ายตั้งรับอย่างรูเมเรียร์ ซิกฟรีดต้องรับมือกับจิตใจของเหล่าขุนนางมากกว่าที่คิด มีผู้ยื่นใบลาออกจากราชการทุกวัน และยังต้องรับมือกับประชาชนซึ่งเริ่มถามคำถามว่า ‘ราชามงกุฏดำจะนิวัติแผ่นดินเกิดเมื่อไรกัน’

เวลานี้พระอาทิตย์ลาขอบฟ้าแล้ว การประชุมอันยาวนานสิ้นสุด ซิกฟรีดกลับห้องส่วนตัว เอ่ยขอมวนยาสูบจากข้ารับใช้ พอได้ก็สั่งให้ออกไป เขาต้องการเวลาส่วนตัวซึ่งช่วงนี้เหลือเพียงน้อยนิดในแต่ละวัน

ซิกฟรีดสูบยาไปหลายมวน กลิ่นหอมฉุนติดอยู่ในลมหายใจ เขาไพล่นึกถึงเช้าของวันนี้ โคลด์กับมาลแกธเดินทางถึงเมืองท่าโดยสวัสดิภาพ หน้าตาดูสดชื่นแบบคู่รักที่เพิ่งตกลงปลงใจว่าจะร่วมชีวิตกัน เขาหึงหรือ...ใช่ หึงไร้สาระขณะที่แผ่นดินตกอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานหรือ

...แน่นอนที่สุด

หากเป็นเมื่อก่อน ยามคิดเช่นนี้ ซิกฟรีดจะรู้สึกถึงน้ำหนักของวิญญาณหลายร้อยดวงกดลงบนบ่า พวกมันจิกกรงเล็บแน่นขณะกระซิบว่า ‘พวกเราสละชีวิต ช่วยท่านชิงบัลลังก์จากพี่ชายผู้โหดเหี้ยม เพื่อให้ท่านสำราญกับความรักเล็กๆ หรือ’ ...และเขาก็พ่ายแพ้ให้กับการต่อว่าต่อขาน ก้มหน้าแบกแผ่นดิน ละทิ้ง ‘ความรักเล็กๆ’ ไป

แต่ในปัจจุบัน ซิกฟรีดสั่งให้พวกมันเงียบ ข้าจะเป็นเจ้าแผ่นดินผู้คลั่งรักไม่ได้หรือ...คำตอบคือได้ แต่อันตรายอย่างมาก เขาหัวเราะให้คำตอบที่ผุดขึ้นมาในมโนสำนึก สูบยาลึกจนไฟกินมวนกระดาษรวดเร็ว อันตรายหรือ…

ก็ดี

ข้าเอียนกับชีวิต ‘ราชาผู้เป็นที่รัก’ ที่ต้องระมัดระวังทุกคำพูด ทุกการกระทำ...ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว


ซิกฟรีดก้าวไปยังระเบียง เงยหน้ามองท้องฟ้า “ท่านพี่เฟรธูริน...” เขาเริ่มอย่างนั้น

“หากท่านพำนักอยู่ในดินแดนนิรันดร์ โปรดฟังข้า…”

ราชาหนุ่มขยี้มวนยาสูบกับระเบียงแล้วเอ่ยต่อ

“คนดีเปลี่ยนโลกไม่ได้...พี่จึงตาย แต่ความดีของท่านไม่ควรตาย มันควรสถิตอยู่ในหัวใจของประชาชน ความอุตสาหะในการสร้างโลกอุดมคติของท่านควรได้รับการกล่าวขานเช่นเดียวกับวีรกรรมนองเลือดของริวอร์นอร์ ด้วยเหตุนั้น พี่ชายข้า...ข้าจะเปลี่ยนโลก ข้าจะประกาศความดี ทว่าการต่อสู้กับปีศาจอย่างริวอร์นอร์ข้าจำต้องสวมหน้ากากคนชั่ว กวีอาจแต่งบทเพลงสาปส่งข้าที่กล้าหันดาบใส่เชษฐาที่พวกมันไม่รู้ว่าเป็นเดรัจฉาน ทว่าอีกร้อยปี พันปี หรืออาจหมื่นปีนับจากนี้ เมื่อความจริงปรากฏชัดแจ้ง บทเพลงที่เคยสาปส่งข้าจะสรรเสริญข้าและท่าน สรรเสริญความดีในโลกที่ดียิ่งกว่า ข้าโอหังใช่หรือไม่…”

ซิกฟรีดแตะใบหน้าซีกซ้าย สัมผัสผิวเรียบเป็นปกติเพราะฤทธิ์ของเงาทมิฬ แต่เขารู้...รอยแผลเป็นที่ซ่อนอยู่กำลังเน่าเฟะด้วยจิตใจอัปลักษณ์

เขาเพิ่งตระหนักรู้ไม่นานมานี้ เสียงกระซิบก่นด่าที่เคยได้ยินไม่ใช่เสียงสาปแช่งของริวอร์นอร์เลย…

แต่เป็นเสียงในใจของตัวเขาเอง

เสียงจากส่วนลึกที่อัปลักษณ์ที่สุดพยายามชักนำเขาไปสู่ด้านที่มืดมิดที่สุด

เขาระลึกได้ก็เวลานี้...ก่อนที่คมดาบจะบั่นศีรษะพี่ชายผู้น่าชัง มันเอ่ยว่า

 

“เจ้าไม่ต่างอะไรจากเราเลย”


 

เขาปฏิเสธคำของมันด้วยการแผดเสียงจนสุด ขณะยุดยื้อกอดปล้ำกันบนพื้น ฝ่ามือของมันยันใบหน้าซีกซ้ายของเขา เสียงร่ายเวทนอกรีตน่าสะพรึงกระหึ่มก้อง

 

“แล้วเจ้าจะเห็น อาเลธ”

 

เขาเห็น...ทุกคนเห็น ความอัปลักษณ์ภายในถูกฉายให้ปรากฏรูปร่าง ใบหน้าซีกซ้ายมีรอยแผลเป็นคล้ายไฟคลอก เส้นเลือดสีดำเต้นตุบ...ตุบ อยู่ใต้ผิวหนังน่าเกลียด และทุกครั้งที่เขาเกิดความคิดด้านลบ เกิดความโกรธ ความชิงชัง ไปจนถึงความโลภโมโทสัน รอยแผลเป็นจะขยายใหญ่ขึ้น กลืนกินส่วนที่ดีไปทีละน้อย...ทีละน้อย จนในที่สุดเขาอาจกลายเป็นราชาวิกลจริต

ทว่า

เขายังจำเสียงกระซิบที่คล้ายเสียงอดีตราชาเฟรธูรินได้ เสียงนั้นให้กำลังใจเขา มอบความเชื่อมั่นให้เขา

เสียงจากสำนึกด้านที่ดีที่พยายามยุดยื้อเขาสุดกำลัง

 

‘เจ้าไม่อาจบังคับความคิดหรือความรู้สึกใครได้ น้องชายข้า

แต่เจ้าต้องรู้ใจตัวเอง…

หากเจ้าคิดว่ามันดีแล้วก็จงทำ

และหากเจ้าทำแล้วก็จงรับผลที่ตามมา

ภูผาต้องรับได้ทั้งแรงประโลมของลม

...และแรงโหมของพายุ’


 

ความชั่วไม่อาจกลืนกินเขาได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันเขาก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ราชาที่ดี ไม่ใช่ต้นแบบที่ดีให้แก่ประชาชน แต่อย่างว่า...ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับเดรัจฉาน เขายอมเป็นปีศาจให้คนหยามหมิ่น

ซิกฟรีดมองดาวเกลื่อนฟ้า ก่อนจะเผยรอยยิ้มคล้ายเอลฟ์หนุ่มผู้บ้าบิ่น “แต่ท่านจำต้องทราบ พี่ชายที่รัก ข้าอุทิศเลือดเนื้อให้แผ่นดินได้มากพอกับอุทิศความรักให้โคลด์ สตาร์”

ความรักที่เรียกได้ว่าหลงใหลมัวเมาเชียวละ

“ส่วนพี่หญิง…” เขาเงียบไปครู่ใหญ่ “ข้ารักและเทิดทูนพี่หญิงเสมอ ข้าจะไม่ให้นางเป็นอันตรายอีก แม้นางเลือกสนับสนุนริวอร์นอร์ก็ตาม”

เขารักพี่หญิงเช่นครอบครัว เมื่อพูดถึงพี่หญิง แววตาของซิกฟรีดคล้ายอ่อนลง สะอาดใสขึ้น ราวกับเขาย้อนเวลาเป็นอาเลธน้อยให้พี่หญิงในชั่วขณะหนึ่ง

ระหว่างที่ราชาหนุ่มคิดว่าจะสูบยาอีกสักมวนนั้น จู่ๆ ดาวดวงหนึ่งกลับส่องสว่างขึ้น แต่พอมองให้ดีแล้ว ดวงดาวกลับเป็นนกส่งสารสีขาวตัวหนึ่ง

มันเป็นนกหงส์หยกที่ซิกฟรีดไม่เคยเห็นมาก่อน ขนของมันขาวเสียจนคล้ายเรืองแสงได้ มันร่อนเข้ามาเกาะคอนในห้องบรรทมอย่างไม่กลัวเกรง ก่อนจะเขยิบไปเบียดนกส่งสารสีน้ำเงินที่เกาะคอนอยู่ก่อนหน้าพลางร้องทักทาย

ซิกฟรีดเห็นม้วนสารที่ขาของมัน เจ้านกขนขาวกระโดดบนคอนเรียกร้องให้เปิดสารโดยเร็ว

ราชาหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆ เขาแกะสารออกและอุทานว่า

“พี่หญิงคาลิเธียล…”


—————————————————————————

A/N บทนี้เราได้เห็นความดาร์กของซิกฟรีด และตัวละครแห่งราชวงศ์รูเมเรียร์ที่ถูกเอ่ยถึงมาทั้งเรื่อง

แต่เพิ่งมีบทบาทจริงๆ ตอนนี้และในภาคต่อไปค่ะ!


ป.ล. วันนี้ลง 2 ตอน เลื่อนไปอ่านตอนต่อไปนะคะ



กิจกรรมสำหรับนักอ่านคนสำคัญ!

วันนี้ - 9 ก.ค. 60 มีกิจกรรม 'รีวิวนิยาย Elven Almanac' ให้ทุกท่านร่วมสนุก

>> Link กิจกรรม คลิก <<


รางวัลมี 2 รางวัล เป็นปลอกหมอนลายซิกฟรีด หรือ มาลแกธ เลือกได้ตามที่ชอบ ห้ามพลาดนะคะ!

ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @ILLREIwriter

♰ LINE : @illrei

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทส่งท้าย (3) : นาม

เอริแอดเน่ไม่ออกจากห้องส่วนตัวเลยตั้งแต่วันนั้น…

ทว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ใดทราบนอกจากคนสนิท ฉากหน้า ผู้ออกมาร่วมประชุมกับขุนนางอิซิลดาร์พร้อมราชามงกุฎดำคือโรสเวน

นางปฏิเสธไม่พบใครทั้งสิ้นนอกจากโรสเวน และหลบเลี่ยงริวอร์นอร์ด้วยการไม่อยู่ในสถานที่ของนางกษัตริย์ แต่มาอยู่ในหอคอยของโรสเวน

วันนี้โรสเวนสวมบทบาทท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์เสร็จก็มาเยี่ยมเอริแอดเน่และนำอาหารมาให้เช่นเคย นางเห็นเอริแอดเน่นอนหมอบอยู่บนเตียงคล้ายสัตว์บาดเจ็บ สองตาแดงก่ำ ท่าทางอิดโรย

“ท่านไม่นอนอีกแล้วหรือ” โรสเวนนั่งลงบนเตียง สภาพของเอริแอดเน่เวลานี้คล้ายย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน หลังเหตุการณ์ในคืนวิวาห์เลือด ท่านหญิงก็เก็บตัวเฉกนี้ ตั้งแต่เด็ก โรสเวนทราบว่าเวลาที่ไม่มีคนเห็น เอริแอดเน่ร้องไห้มากมายเพียงใด

ต้องเป็นเวลาที่ไม่มีคนเห็นเท่านั้น...

“ข้านอนไม่หลับ ความคิดเดิมๆ มันวนเวียนอยู่ในหัว ไม่ยอมออกไปเสียที” เอริแอดเน่ตอบเสียงเบา ดวงตาคู่งามเหมือนจะลึกและเห็นรูปตาชัดขึ้นเพราะนางผอมลง

“ท่านคิดอะไรอยู่หรือ” โรสเวนจัดผมให้นาง

“ซิกฟรีด...” เอริแอดเน่หลับตา รู้สึกสบายขึ้นเมื่อมือของอีกฝ่ายช่วยลูบเบาๆ

“ท่านเอ็นดูเขา เขาเป็นจุดอ่อนของท่านหลังสิ้นท่านเฟรธูริน ครั้งนี้ท่านก็ช่วยเขาอีกแล้ว”

“ข้าไม่ได้ช่วยเขา” เอริแอดเน่ปฏิเสธ

“ท่านช่วยเขา เวลานั้นถ้าท่านทอดทิ้งราชาริวอร์นอร์ ป่านนี้เขาคงเปิดเผยความจริงทุกอย่างเพราะไม่เหลืออะไรให้เสียอีกต่อไป แผ่นดินเอลฟ์จะเข้าสู่กลียุคที่แท้จริง ทมิฬจะมีชัยเหนือเรา ล้มล้างราชวงศ์รูเมเรียร์และอิซิลดาร์ที่บรรพกษัตริย์ก่อตั้ง”

เอริแอดเน่เม้มปาก “ข้าคิดถึงเจ้าชายน้อยที่รักข้า...คนที่ข้าสามารถดูแลเขา”

“ไม่เป็นไร...” โรสเวนเอ่ยถ้อยคำแห่งเวทมนตร์ “มันจะไม่เป็นไร ท่านหญิง”

มีเสียงสูดจมูกเบาๆ “ท่านพี่เฟรธูรินคงโกรธข้า”

โรสเวนปัดผมสีทองยาวของเอริแอดเน่ไปรวมกันทางหนึ่ง นางแตะมือกับหลังคอและไหล่เปลือยเพื่อลอบวัดไข้ ผิวเนื้อของเอริแอดเน่ร้อนเหมือนอังไฟ

ข้าคงต้องเพิ่มยาลดไข้ลงในซุป

“ท่านเฟรธูรินรักท่านมากและเข้าใจท่านเสมอ การล่มสลายของราชวงศ์รูเมเรียร์ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ท่านเฟรธูรินประสงค์”

คำปลอบใจเหมือนสายลมเย็น มันช่วยให้เปลือกตาของเอริแอดเน่เบาขึ้น ปวดศีรษะน้อยลง “ตอนนี้ข้าเหลือแค่พวกเจ้า...โรสเวน”

“เราอยู่ข้างท่านเสมอ พักให้สบายเถิดเอริแอดเน่ที่รัก” โรสเวนให้นางนอนตัก “เจย์ก็อยู่ข้างท่าน” นางกระซิบบอกให้เอริแอดเน่รู้ว่ายังมีคนที่รักและห่วงใยนางอยู่อีกมาก

เอริแอดเน่ซุกหน้าลงกับตักของสตรีด้านบน “ขอบคุณ...โรสเวน”

สมัยเด็ก ริวอร์นอร์เคยถามเอริแอดเน่ว่าชื่อกลางของนางคืออะไร เอริแอดเน่ตอบว่า “อิซิลดาร์ไม่มีชื่อกลางหรอก”

แท้จริงแล้ว ชื่อกลางของนางกษัตริย์แห่งอิซิลดาร์นั้นเป็นความลับ มอบให้แก่เงาที่เปรียบเสมือนแขนขา...และครึ่งหนึ่งของกันและกัน

‘เอริแอดเน่ โรสเวน แห่งอิซิลดาร์’

ชื่อกลางของนาง...มอบให้แก่โรสเวน

—————————————————————————

A/N จริงๆ คู่นี้ก็ดีนะ *0* ทำเราแอบจิ้นไปหลายรอบละอะ เราชอบความสัมพันธ์ของพวกเธอจัง



ป.ล. 2 หลังจากนี้จะมีตอนสั้นๆ อีก 2 ตอน และจบภาคค่ะ


แฟนอาร์ตสองสาวเสน่ห์แรง โอท็อปอิซิลดาร์ จากคุณ Ann Sophon

เป็นภาพในตอนทั้งคู่อยู่ห้องสรงกับริวอร์นอร์ แต่มาไว้ตอนนี้ก็เข้ากันดีนะคะ \(*0*)/




ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @ILLREIwriter

♰ LINE : @illrei

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด