END-
..ขอบคุณที่รักกัน..
ภาพเบื้องหน้าตอนนี้ ถึงมันจะเบลอจนมองไม่ค่อยชัดเพราะน้ำตามันคลอหน่วยเต็มไปหมด แต่ยังไงเค้าก็จะไม่ร้องไห้ เพราะวันนี้เค้าสัญญากับตัวเองเอาไว้ เลยได้แต่พยายามกลืนก้อนแข็งๆที่คอลงไป ถึงแม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ขามันก็ยังคงแข็งก้าวไม่ออก เลยได้แต่ยืนหลบอยู่ตรงมุมเสาใกล้ๆกับโต๊ะที่ราชันย์นั่งอยู่ และทนมองภาพของทั้งคู่ต่อไป
“ สาขอโทษนะชันย์ น่าอายจังเลย ” หลังจากที่ร้องไห้มาพักใหญ่ทิสาก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตาตัวเองไปพลางๆ
“ ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ ” ราชันย์พูดพร้อมยิ้มให้ทิสาอย่างอ่อนโยนเหมือนเคย
เหมือนเคย ...เค้าเป็นคนอ่อนโยนแบบนี้เสมอ อบอุ่นเสมอ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้จะมีความสุขมาก หากใครได้เค้าไปเป็นคนรักจะต้องเป็นคนที่โชคดีและมีความสุขที่สุดในโลกแน่ๆ ทิสาคิดพร้อมกับอิจฉาคนๆนั้นในใจ พลางสายตาก็เหลือบไปเห็นแก้วลาเต้ที่วางไว้นานจนเย็นชืด
นายเป็นคนที่น่าอิจฉามากที่สุดในโลก .. ทิวา
“ ชันย์ค่ะ ”
“ หืม .. มีอะไรเหรอ ” ราชันย์ตอบรับเสียงเรียบ
“ สา..มีเรื่องจะถาม ชันย์จะตอบสาตามตรงได้มั้ยค่ะ ” ทิสาจ้องหน้าราชันย์อย่างบอกให้รู้ว่า เธอกำลังจิงจังมากแค่ไหน ราชันย์เองก็พลอยตีสีหน้าจิงจังตามไปด้วยแต่ยังไม่วายมีรอยยิ้มประดับน้อยๆอยู่ที่รอมฝีปาก
“ อะไรเหรอ ถ้าผมตอบได้ผมจะตอบ ”
“ ชันย์รักทิวามั้ยค่ะ ” เมื่อได้ยินคำถามราชันย์ก็ถึงกับอมยิ้มทันที
“ ทิวาเป็นคนที่ขี้โมโห ชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เป็นประจำ แถมยังไม่ชอบฟังเหตุผล อะไรๆก็ต้องได้ก่อนเสมอ เจ้าอารมณ์ถึงขั้นเอาแต่ใจเลยแหละ และอีกอย่างเค้าก็เป็นผู้ชาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังรักเค้าอยู่ดี ”
“ ถ้ารักมากขนาดนั้น แล้วทำไมถึงต้องไปด้วยละค่ะ ทำไมถึงต้องไปจากที่นี่ ไปจากทิวา ไปจากสา” ทิสาถามอีกครั้ง
“ ก็เพราะว่าผมรักเค้ามากไง ผมถึงต้องไป ” ราชันย์ตอบเรียบๆพร้อมกับยิ้มให้แก้วลาเต้ที่ไม่มีเจ้าของนั่งอยู่น้อยๆ ทิสาเองก็ยิ้มเหมือนกัน แต่ดูจะเป็นรอยยิ้มที่ข่มขื่นซะมากกว่า เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบนี้จึงไม่เสียใจมากเท่าไหร่ เลยตัดสินใจพูดขึ้นอีกครั้ง
“ สาเองก็รักชันย์เหมือนกันนะค่ะ รักเหมือนกับที่ทิวารักชันย์ แล้วอย่างนี้ชันย์... จะรักสาบ้างได้มั้ยค่ะ รักสาเหมือนกับที่รักทิวา ”
เหมือนเสียงทุกอย่างมันจะหายไปหมด ทิวาที่ยืนฟังอยู่ถึงกับลมหายใจติดขัดขึ้นมาเฉยๆ เค้ารู้มานานแล้วว่าทิสามีใจให้ราชันย์มานาน แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้ามาบอกรักเค้าถึงขนาดนี้ อยากจะตะโกนออกไปดังๆว่า เค้ายังอยู่ตรงนี้อีกคนนะ แต่มันก็พูดไม่ออก ยิ่งเห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับนั่นของราชันย์แล้วยิ่งใจหาย อยากจะเดินหนีไปให้พ้นๆซะตอนนี้เลย
“ … สา ” ราชันย์เองก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าทิสานิ่งๆ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มีแต่แววตาคาดคั้นที่จะรอฟังคำตอบเท่านั้น ราชันย์เลยถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบไป
“ อยากฟังแน่เหรอสา ”
“ สาฟังได้ สาอยากรู้ว่าชันย์รักสาบ้างมั้ย ”
“ คุณเป็นผู้หญิงที่สวยและเพียบพร้อมนะสา ใครๆก็รักคุณทั้งนั้น ” ราชันย์พูดเรื่อยๆพลางหันมาจ้องหน้าทิสา
“ ซึ่งผมเองก็รักคุณเหมือนกันนะสา ”
ฟังถึงตรงนี้ทิวาก็ตัดสินใจเดินออกจากร้านไปเงียบๆในที่สุด ปัญหาทุกอย่างที่ค้างคาใจตอนนี้เค้ารู้หมดแล้ว รู้แล้วว่าทำไมราชันย์ถึงได้ทำท่าทางเย็นชาใส่ รู้แล้วว่าทำไมเค้าอยากจะไปเรียนต่อที่อังกฤษโดยที่ไม่บอกเค้าสักคำ เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมเค้าถึงคิดไม่ออกนะ โง่จริงๆ.. !
ที่ราชันย์บอกว่ารักเรามันเป็นเรื่องจริง เราเชื่อแบบนั้นมาตลอด แต่ที่เค้าต้องไปเพราะเรามันก็เป็นเรื่องจริงอีกเช่นกัน เพราะเค้ารักเราที่เป็นผู้ชายนั่นแหละ.. เค้าถึงต้องไป ถ้าเค้าไปรักกับทิสาซะ อะไรๆก็จะง่ายกว่านี้ ทุกอย่างจะลงตัวกว่านี้ คนรอบข้างก็จะได้เลิกมองด้วยสายตาแปลกๆสักที สุดท้ายแล้ว คนที่ผิดก็คือเราเอง
ทิวาทิ้งตัวนั่งร้องไห้อยู่หน้าประตูอย่างคนหมดความอดทน ไม่สนใจแล้วว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะมองรึเปล่า รู้แต่ว่า มันเจ็บ มันอึดอัด มันไม่ไหวแล้วจิงๆ.. อยากจะไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังอดที่จะเหลียวกลับไปมองสองคนนั้นในร้านไม่ได้อยู่ดี ถึงแม้ว่าภาพที่เห็นตอนนี้จะเป็นภาพที่ทิสากำลังซบหน้าร้องไห้อยู่กับไหล่ของราชันย์ก็ตาม
ดีแล้วละ.. ดีแล้วจริงๆ
ทิวาหันหน้ากลับมาจากภาพบาดตานั้นแล้วก็ออกวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด วิ่งไปโดยไม่คิดจะเหลียวมองกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง
“ ทิวา !! ” ราชันย์ลุกพรวดจากเก้าอี้พลางร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นทิวาวิ่งหายไป
“ ไหนค่ะ ..” ทิสาเองก็มองซ้ายมองขวาหาทิวาเช่นกัน
“ เค้าวิ่งไปเมื่อกี๊ ผมจะไปหาเค้า ” พูดจบราชันย์ก็ควักเงินมาวางบนโต๊ะแล้วก็ออกวิ่งไปในที่สุดทิ้งให้ทิสานั่งงงอยู่คนเดียวตามลำพัง พลางมองตามอย่างตื่นๆ
“ ชันย์ค่ะ .. ชันย์ !! ..” สายไปเสียแล้วเมื่อเจ้าของชื่อบัดนี้กลับวิ่งหน้าตื่นออกจากร้านไปแล้วท่ามกลางความงุนงงของทั้งตัวเธอเอง ทั้งพนักงาน และลูกค้าคนอื่นๆ
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ชันย์ก็ยังคงรักทิวาอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงสินะ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อกี๊ที่ราชันย์พูดกับเธออย่างย้ำชัด
“ ผมเองก็รักคุณเหมือนกันนะสา ”
“ ชันย์ค่ะ ” ทิสายิ้มพลางเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของราชันย์ ราชันย์เองก็เอามือขึ้นกุมมือทิสาไว้เช่นกัน
“ แต่ผมรักคุณเหมือนเพื่อน คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนนึง นะสา ผมขอโทษที่ผมอาจจะพูดจาทำร้ายจิตใจคุณ แต่มันเป็นความจิงนะสา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากทิวา ผมเชื่อว่าคุณต้องเจอคนที่ดีกว่าผมแน่นอน ..” ทิสาฟังแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่ซุกหน้าร้องไห้กับไหล่ของราชันย์อย่างอยากจะกลั้น
“ สาเข้าใจค่ะชันย์ ขอบคุณที่พูดความจริงกับสา ”
น้ำตาที่ไหลมาเมื่อกี๊ดูเหมือนจะแห้งไปแล้ว คงจะเป็นเพราะลมที่นี่แรงพอสมควร เลยพัดจนน้ำตาแห้งไป ทิวาที่นั่งกอดเข่าอยู่ใตต้นไม้พลางจ้องมองไปยังเนินเข้าเบื้องหน้า ที่นี่เป็นที่ๆเค้าชอบมาก เค้าจะมานั่งที่นี่ทุกครั้งเวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ มันเป็นเนินเขาเล็กๆที่จะมองเห็นเมืองทั้งเมืองได้ แถมยังมีต้นไม้ต้นใหญ่ไว้ให้ร่มเงาอีกด้วย บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การนั่งทำใจคนเดียวจริงๆ
“ ทิวา !! คุณอยู่ไหน ออกมาหาผมเถอะ ” ราชันย์ที่วิ่งตามมา ร้องเรียกสุดเสียงพลางสอดส่ายสายตามองหาไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งสุดตัวพลางไปหลบหลังต้นไม้ต้นใหญ่
“ คุณได้ยินผมมั้ยทิวา หายโกรธผมเถอะนะ ผมขอร้อง !! ” ราชันย์ยังคงร้องตะโกนต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ จนมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดียวกับทิวา เพียงแต่ว่าอยู่กันคนละด้าน
เมื่อไม่เห็นวี่แววใดๆ ราชันย์ก็ถึงกับทรุดเข่าลงนั่ง พิงหลังกับต้นไม้ต้นใหญ่
“ ผมขอโทษทิวา ... ผมขอโทษ ” ราชันย์ที่เอาแต่พูดพร่ำอยู่แค่นั้น ทำให้ทิวาถึงกับใจอ่อนยอมเดินออกไปหาแต่โดยดี
“ วันนั้น.. เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนคุณจำได้มั้ย ” จู่ๆราชันย์ก็พูดขึ้น แต่ใบหน้ายังคงจับจ้องเพียงท้องฟ้าเบื้องหน้า ทิวาเองที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ไมได้พูดอะไร ได้แต่ยืนฟังเงียบๆ
“ เป็นวันฉลองที่คุณเรียบจบ ผมไปหาคุณที่บ้าน กะไว้ว่าจะทำเซอร์ไพรส์คุณให้คุณตกใจ แต่แล้วกลับเป็นผมเองที่ต้องตกใจ ” ราชันย์พูดค้างไว้เท่านั้น แล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วสาวเท้าเดินตรงไปที่ริมหน้าผา ซึ่งเบื้องล่างเป็นวิวของเมืองทั้งเมือง
นึกถึงตรงนี้จู่ๆก็เกิดความรู้สึกเย็นๆที่จมูกจนต้องเอามือไปจับ
เลือดกำเดาไหล..
คงจะร้องไห้มากไปสินะ ทิวาเองก็เช็ดมันออกอย่างไม่สนใจเท่าไหร่ พลางสาวเท้าเข้าไปหาราชันย์ แล้วสวมกอดเค้าไว้จากด้านหลัง พลางซบหน้ากับหลังของเค้าไว้
..วันฉลองที่เราเรียนจบ.. งั้นเหรอ
1 อาทิตย์ก่อน
- ทิวา เย็นนี้ผมจะไปหาที่บ้านนะ แล้วเจอกัน - ทิวากดปิดมือถือที่มีข้อความของราชันย์ทันทีที่อ่านจบ แล้วรีบไปจัดการเก็บบ้านให้สะอาด พอถึงเวลาที่ราชันย์มาบ้านจะได้ไม่โดนบ่นอีกว่าชอบทำบ้านรก
“ เอาละ เท่านี้คงใช้ได้ละ เดี๋ยวตาแก่มาจะได้ไม่มีเรื่องให้บ่น วะ ฮ่า ฮ่า ” คิดเองขำเองอยู่คนเดียว เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น .. มาแล้วเหรอ ไวจัง
“ มาแล้วครับ อ้าว.. คุณสา” ทิวาเองยังตกใจอบู่เล็กน้อยเมื่อคนที่มาไม่ใช่ราชันย์แต่เป็นทิสาเพื่อนสาวคนสวยของราชันย์
“ มีอะไรเหรอครับคุณสา ”
“ สาแวะมาแสดงความดีใจที่เรียบจบค่ะ ” เธอพูดพร้อมยื่นกล่องของขวัญที่ชมพูให้ ทิวาเองก็รับมาอย่างเขินๆ
“ เอ่อ.. ขอบคุณครับ เข้ามาข้างในก่อนดีกว่าครับ ยืนนานๆมันเมื่อย ” ทิสาทำตามอย่างว่าง่ายพลางไปนั่งรอที่โซฟารอให้ทิวาเอาน้ำมาเสริฟแล้วถึงเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
“ ทิวา ..”
“ หา มีอะไรเหรอครับ ” ทิวาขานรับอย่างว่าง่าย
“ สารู้นะค่ะว่า ทิวารักชันย์ แล้วชันย์ เองก็เหมือนกัน ” ประโยคที่เล่นเอาคนฟังถึงกับนิ่งไปเป็นนานที ก่อนจะยิ้มแหะๆออกมาเบาๆ
“ แต่ว่าทิวาเป็นผู้ชายนะค่ะ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอค่ะ ” เป็นอีกประโยคที่ทำให้คนฟังถึงกับพูดไม่ออก
“ คุณสาจะพูดอะไรกันแน่ครับ ” ทิวาถามเสียงเครียด
“พ่อแม่ของชันย์เค้ารับไม่ได้ค่ะ ที่ลูกชายตัวเองไปชอบผู้ชายด้วยกัน สาฟังแล้วก็ไม่สบายใจ คุณเองก็คงจะไม่สบายใจใช่มั้ยค่ะ ทำไมคุณถึงไม่ไปชอบคนอื่นค่ะคุณทิวา คุณเป็นผู้ชายนะค่ะ หน้าตาก็ดี การศึกษาก็สูง ทำไมถึงไม่ ...”
“ พอได้แล้วทิสา !! ” เสียงราชันย์ที่เพิ่งมาถึงตวาดลั่น ทิสาหันไปมองด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ทิวาตอนนี้เองก็คิดอะไรไม่ออก ยังติดใจคำพูดของทิสาอยู่ ได้แต่มองหน้าราชันย์อย่างจะขอคำอธิบาย
“ มันอะไรกัน .. ” ทิวาพูดได้เพียงเท่านี้
“ ไม่ต้องสนใจที่สาพูดหรอกทิวา ไม่มีอะไรหรอก ” ราชันย์พยายามจะเดินเข้ามาหาทิวา แต่ทิวาก็ลุกหนีไป
“ มันต้องมีสิ ไม่มีแล้วเค้าจะมาพูดใส่หน้าผมแบบนี้เหรอ ” ทิวาเริ่มพูดเสียงแข็งขึ้นเรื่อยๆ
“ ทิวา ..”
“ เพราะคุณมาชอบผู้ชายอย่างผม เลยทำให้ใครๆก็คิดว่าคุณเป็นพวกจิตไม่ปกติ ชอบเพศเดียวกัน วิปริต วิปลาสไปแบบนี้ คุณไม่อายเหรอ ? คุณทนอยู่ได้ยังไง ”
“ ทิวา ฟังผม ก่อน ..” ราชันย์เดินเข้ามากอดทิวาไว้ พร้อมกับพยายามพูดให้ทิวาเข้าใจ
“ ผมไม่สนใจอยู่แล้วเรื่องแบบนั้น ถ้าผมสนใจ ผมจะมารักคุณทำไม อีกอย่างผมไม่อายใครที่จะบอกว่าผมรักคุณที่เป็นผู้ชายเต็มตัวแบบนี้ ได้ยินมั้ย ทิวา ผมรักที่คุณเป็นคุณ .. แบบนี้”
ภาพของคนสองคนที่ยืนกอดกันอยู่ตรงหหน้า ทำให้ทิสารู้สึกอิจฉาปนเสียใจหน่อยๆ อิจฉาที่คนที่ราชันย์กอดเป็นทิวา แล้วก็เสียใจที่ราชันย์ไม่เคยสนใจเธอเลย
“ ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจ ผมจะไปพูดกับพ่อแม่ผมเอง ” พูดจบราชันย์ก็คลายอ้อมแขนที่กอดทิวาอยู่แล้วผละจากไป ทิวาส่งเสียงเรียกแค่ไหนก็ไม่ยอมหยุด
“ แย่แล้วคุณทิวา ถ้าปล่อยชันย์ไปมีหวังเกิดเรื่องแน่ รีบไปห้ามไว้เร็ว ” ทิสาร้องเตือน แต่ทันเท่าความคิด ทิวาเองก็เป็นห่วงในจุดนี้อยู่แล้ว เลยวิ่งออกไปหาราชันย์ เห็นราชันย์กำลังจะสตาร์ทรถออกไปเลยวิ่งไปดักหน้ารถไว้
“ อย่าไปนะคุณชันย์ ..”ราชันย์เห็นทิวามายืนขวางหน้ารถไว้เลยยอมเลื่อนกระจกรถลงแต่ก็ยังไม่ยอมลงมาจากรถ
“ อันตรายนะทิวา อย่ามาขวางหน้ารถผมแบบนี้สิ ผมไปไม่นานหรอก ”
“ ไม่ได้ ผมรู้ว่าพ่อแม่คุณดุมากแค่ไหน ถ้าคุณไปพูดเรื่องนี้กับพวกท่าน ผมอาจจะไม่ได้เจอคุณอีกก็ได้ ” ทิวาว่าอย่างไม่ยอมแพ้
“ ไม่เป็นไรหรอกทิวา ผมจะกลับมาหาคุณแน่ หลีกทางให้ผมเถอะ ” ราชันย์เองก็ยังไม่ยอมแพ้ทิวาเลยวิ่งออกไปขวางทางออกที่กลางถนน แล้วแสงไฟจากหน้ารถใครสักคนก็สาดเข้ามาที่ใบหน้าจนมองไม่เห็นอะไรอีกต่อไป จู่ๆก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันมืดสนิท ความรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้นแล้วร่วงลงมามันก็เหมือนจิงเหลือเกิน หูอื้อไปหมดเลย แต่ยังได้ยินเสียงคุณทิสากรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงเรียกเรา
“ ทิวา !! อย่าเป็นอะไรนะ ทิวา ! ”
ความคิดสะดุดลงฉับพลัน ในหัวมีแต่สีขาวโพลนไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกัน ทิวาเองก็ตะลึงกับความทรงจำของตัวเองเหมือนกัน
เราถูกรถชนเหรอ ?
“ ผมคิดถึงคุณมากเลยนะทิวา ทุกๆวัน ตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเหมือนตกอยู่ในนรก ตอนนี้ผมตัดสินใจว่าจะไปอังกฤษ เผื่อมันจะช่วยให้ผมรู้สึกผิดน้อยลงได้บ้าง ” ราชันย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย เค้าก้มหน้าลง แล้วน้ำหยดนึงก็ร่วงลงมาโดนแขนของทิวาที่กอดราชันย์ไว้
“คุณร้องไห้ทำไม ผมไม่โกรธคุณหรอก ” สิ้นเสียงพูดอย่างหมายจะปลอบโยนของทิวา สายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของราชันย์
มันเป็นไม้กางเขนที่ทำจากหิน บนพื้นใกล้ๆกันมีช่อดอกไม้สีขาววางไว้ใกล้ๆรูปของคนๆนึง แต่เมื่อทิวาเห็นชัดว่าเป็นรูปใคร ดวงตาถึงกับเบิกกว้าง
รูปใบนั้น เป็นผู้ชายที่กำลังทำหน้าทะเล้น ผมสีน้ำตาลระต้นคอ ยิ้มใส่กล้องอย่างยียวนเป็นที่สุด
นั่นรูปเรานี่ ... ทำไม
และเมื่อไล่สายตาลงมาเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็กระจ่างชัดในความรู้สึก
ทิวา ศิริไพศาล ได้นอนหลับอยู่ที่นี่
ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง !!
“ จะเป็นไปได้ยังไง ฉันจะตายไปแล้วได้ยังไง ก็ฉันยังอยู่ที่นี่ ราชันย์เองก็เห็นฉัน ใช่ไหม .. คุณชันย์ คุณเองก็เห็นผมใช่มั้ย ตอบผมหน่อยสิ .. ตอบผมหน่อย .. นะ.. ผมขอร้อง “ ทิวาพยายามจะร้องเรียก แต่ราชันย์ที่ยืนอยู่ใกล้เพียงแค่นี้กลับไม่ได้ยินเสียงของเค้าเลยแม้แต่น้อย
“ วันนี้ผมไปร้านกาแฟร้านประจำของเรามาด้วย ผมยังสั่งลาเต้ให้คุณเหมือนเดิมนะ พนักงานเค้ายังมองหน้าผมเลย คงจะสงสัยว่าทำไมสั่งมาสองแก้ว ทั้งๆที่มาคนเดียว ” ราชันย์เริ่มเล่าเหตุการณ์ต่างๆต่อหน้าหลุมศพของทิวาอย่างเป็นเรื่องปรกติ แต่ยิ่งทำแบบนั้นมันยิ่งเป็นการย้ำชัด ว่าราชันย์มองไม่เห็นเค้าเลย
เรา...ตายแล้วจริงๆ ....ใช่ไหม
“ กาแฟมันก็อร่อยเหมือนเดิมทุกวัน แต่ผมรู้สึกว่ามันจะขมกว่าเดิมเป็นพิเศษ จนกระทั่งทิสาเค้าโทรมาหาผม ผมเลยบอกเค้าไปว่าผมจะไปอังกฤษ คุณรู้มั้ยว่าทำไมผมถึงจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ ” ราชันย์หยุดพูดไปนิดนึงแล้วยกมือขึ้นมาไล้ใบหน้าของทิวาที่อยู่ในรูปนั้น
“ ส่วนนึงก็เป็นเพราะผมอยากจะไปทำใจ แต่จริงๆแล้ว ที่ผมไปเรียนต่อนั่นเพราะผมอยากจะไปเรียนแทนคุณ ผมรู้ว่าคุณอยากเป็นทนายมากแค่ไหน รู้มาตลอดว่าความฝันของคุณคืออะไร แต่ตอนนี้..คุณคงไม่มีโอกาส " ราชันย์หยุดพูดไปนิด แล้วเงยหน้าขึ้นท้องฟ้าพยายามจะไม่ให้น้ำใสไท่มาคลอเต็มสองตาต้องไหลลงมาให้ใครเห็น
"เพราะเหตูนั้น ผมเลยจะป็นแทนคุณเอง ผมเห็นคุณตั้งใจเรียนมากมาย แต่สุดท้ายกลับกลายมาเป็นแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะทิวา สิ่งที่คุณอยากทำผมจะทำให้คุณเอง สิ่งที่คุณอยากได้ ผมก็จะคว้ามาไว้ในมือให้คุณเอง สิ่งที่คุณรักผมก็จะรักด้วย ไม่ต้องห่วง นะ ผมไม่คิดสั้นหรอก ผมบอกแล้วว่าผมจะรักในสิ่งที่คุณรักด้วย เพราะงั้น ผมจะรักตัวเองมากๆเช่นกัน... ” ราชันย์นิ่งไปอีกครั้ง ทิวาเองที่ยืนฟังความจิงทุกอย่างจากปากคนของที่รักก็กำลังร้องไห้เงียบๆเช่นกัน
สุดท้ายวันนี้เราก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองไม่ได้ ร้องไห้ไปบ่อยกว่าทุกวันอีก
เสียใจจิงๆ..
“ แต่ว่า.. คุณจะเชื่อผมมั้ยถ้าผมจะบอกว่า ผมเห็นคุณนะ ที่ร้านกาแฟ ผมเลยวิงตามคุณมา ผมดีใจ .. ที่อย่างน้อย คุณก็ยังไม่ทิ้งผมไปไหนไกล คุณจะอยู่กับผมแบบนี้ตลอดไปรึเปล่า ทิวา ... ”
คำถามที่ถามไปโดยไม่หวังคำตอบ แต่ทำไมไม่รู้ ราชันย์กลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากแผ่นหลัง แถมยังได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของทิวาอีก แค่นี้มันก็ทำให้ราชันย์ยิ้มได้จากใจจริงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทิวาตายไป
“ ผมรักคุณมากนะ ..ทิวา”
เงาจางๆของทิวาที่กอดราชันย์จากด้านหลังนั่นกำลังยิ้มให้อย่างมีความสุข พร้อมกับกระซิบบางอย่างให้ได้ยินกันสองคน แต่ดูเหมือนราชันย์เองก็คงได้ยินเช่นกัน
... ขอบคุณที่รักผม คุณชันย์ ..
---------
ลองโพสแบบรีกระทู้ตัวเองครั้งแรกด้วยการลงเรื่องสั้น