ผมยืนรอจนไอ้โปรดเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เราเงียบอยู่อย่างนั้น ไอ้โปรดเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองเท้าตัวเอง ที่คอมันเป็นรอยแดง ๆ ผมถอนหายใจ สุดท้ายผมก็โกรธมันไม่ลงอยู่ดี ไอ้โปรดสะดุ้งที่เห็นผมถอนหายใจแรงอย่างนี้ มันเงยหน้าขึ้นมอง เราจ้องหน้ากันนิ่งจนผมถึงกับต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พูดอะไรไม่ออก มันเหนื่อย ผมหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าสองเม็ดแล้วโยนไปให้ไอ้โปรดหนึ่งเม็ด พอเดินออกมาไอ้โปรดก็เดินตามหลังมาด้วย เราต่างเดินไปเงียบ ๆ ผมไปหยุดอยู่ที่สระน้ำใกล้กับห้องศิลปะ แถวนี้เงียบสงบและไม่ค่อยมีใครมานักเพราะค่อนข้างเปลี่ยว อีกทั้งเด็กนักเรียนที่ห้องศิลปะมักจะใช้เวลาอยู่แถว ๆ นี้กันอย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวนกันและกัน
"กูรักมัน" ไอ้โปรดพูดขึ้นโต้ง ๆ ระหว่างที่เราต่างนั่งรักษาความเงียบมาได้พักใหญ่ ผมหันไปมองมันด้วยความตกใจแต่ก็ไม่อึ้งอะไรนัก ผมเตรียมใจคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังมากกว่าที่เห็นแน่ ๆ
"แต่มันไม่รู้หรอกนะ หึ..กูไม่เคยบอก"
"สมเพชกูล่ะสิ" มันทำท่าจะแสยะหัวเราะ ผมเหสายตาลงเล็กน้อย ไอ้โปรดหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า ครั้งนี้ผมเลือกที่จะไม่ห้ามอีกเพราะห้ามไปก็เท่านั้น ปากมันคาบบุหรี่เข้าไปและพยายามจะจุดไฟแช็ก ผมเห็นว่ามือมันสั่นนิด ๆ กดจุดเท่าไหร่ก็ไม่ติดสักที ผมตีแก้มมันเบา ๆ เรียกสติ คว้าเอาไฟแช็กมาแล้วจุดให้แทน
"อึก~" อยู่ดี ๆ มันก็สะอึก มือคีบบุหรี่พลางพ่นควันออก น้ำตาหยดไหลลงบนหน้าขา
"แม่ง ฉิบ!" ไอ้โปรดกัดฟันพึมพำ มันสบถคล้ายกับมันเองต่างหากที่กำลังสมเพชตัวมันอยู่
"มึงได้กับมันเมื่อไหร่" ผมถามตรง ๆ เพราะกรณีนี้คงได้เสียเมียผัวกันแล้วแน่นอน
"หึ.." ไอ้โปรดหลุดหัวเราะ แต่หุบยิ้มลงทีละนิด
"สองเดือนก่อน" มันตอบพร้อมกับสูดบุหรี่เข้าไปอีกครั้ง
"ใส่ถุงยางรึเปล่า สดเหรอ..หน้ามืด เมา หรือไง" ผมซักรัวด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
"ไอ้เหี้ยไฟ! นี่มึงเป็นห่วงกูบ้างไหม!" ไอ้โปรดว่าเสียงหลง ผมหัวเราะ มันมองค้อนและอมยิ้มออกมา
"มึงเล่นยารึเปล่า" ผมถามตรง ๆ ไอ้โปรดนิ่งไป
"เปล่า" มันหลบตาผม ผมนั่งเงียบ
"ก็ดี..แต่ถ้ามึงแตะต้องมันเมื่อไหร่ เชิญไปจากชีวิตกูซะ" ผมพูดเสียงเรียบ ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมอึ้ง ๆ ผมจ้องมันเขม็งว่าผมพูดจริง ผมสังเกตอาการมันมานานพอดู จับผิดปกติแต่ไม่เคยพูดทักอะไรเลยสักครั้ง ผมไม่ต้องการรู้ด้วยว่าจริง ๆ แล้วมันเล่นรึเปล่า ผมไม่อยากรู้ แต่ผมต้องการบอกให้ทราบเอาไว้ว่าถ้าผมรู้ความจริงขึ้นมาเองโดยไม่ต้องพยายามเมื่อไหร่ ผมกับมันจบกัน
"ใช้คำว่าเชิญเหรอ" ไอ้โปรดแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ กลับมากวนโอ๊ยอย่างเคย
"ใช่..เชิญ คำพูดตามมารยาทระดับสากล" ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับ เราเงียบกันอีกครั้ง ไอ้โปรดสูบบุหรี่จนเกือบหมดมวน ผมมองมันอยู่ตลอดเวลาแต่มันไม่ยอมมองหน้าผมเลย นานพอจนมันขยี้ก้นบุหรี่ลงที่หินใกล้ ๆ
"เลิกทำตัวแบบนี้สักทีเถอะ" ผมพูดขึ้น วกกลับมาเรื่องที่ควรจริงจัง
"กูเองก็รู้ตัวว่าไม่ใช่คนดีที่ขนาดจะมาเตือนมึงได้หรอก" ผมว่า
"แต่มึงจะกระทืบทุกคนที่ไม่สามารถยอมรับในตัวมึงแบบนี้ไม่ได้ มึงไม่รักตัวเอง..แล้วจะให้ใครมารัก" ผมบอก ไอ้โปรดกัดกรามแน่นจนสังเกตเห็น
"เพราะกูรักตัวเองนี่ไง และเพราะมันได้กับกูแล้ว" ไอ้โปรดขึ้นเสียงนิด ๆ
"มึงดูไม่ออกรึไงว่าไอ้เป๋ามันรักมึงหรือไม่ได้รักมึง อย่าโง่ไปหน่อยเลย" ผมด่า ไอ้โปรดเบะปากมากกว่าเดิม ทำท่าเหมือนจะหลั่งน้ำตาออกมาอีก
"ควายเอ๊ย! มึงนี่..พบแพทย์หน่อยไหม ชอบแต่คนเลว ๆ กูไม่รู้จะด่าอะไรมึงดีแล้ว" ผมบ่นพร้อมกับหันหน้าหนี
"อึก..ไอ้เหี้ย ด่ากูเข้าไป" มันสะอื้นว่า เขามาทุบตัวผมเบา ๆ
"ก็ถือว่ามึงได้กำไรไง ไอ้เป๋ามันก็หล่อดี" ผมพูดติดตลก ไอ้โปรดอมยิ้มออกมาได้ มันหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะพูดแบบนี้
"ที่สำคัญ ของมันใหญ่ไหมวะ" ผมถามถึง มันอมยิ้มกว้างกว่าเดิม
"ไม่น่าใหญ่ กูว่ามันคงเล็กพอ ๆ กับใจมัน" ผมเบะปาก ยักคิ้วกวน ๆ
"ถึงมึงกับมันจะเอากันไปเรื่อย ๆ กูก็ไม่ยอมรับอยู่ดี" ผมพูดเปลี่ยนประเด็น เท้าแขนไปด้านหลังด้วยท่านั่งที่สบายมากขึ้น
"เพราะกูไม่ชอบขี้หน้ามัน มันไม่เหมาะกับมึง ดังนั้น..ถ้าสมมุติมึงกับมันจะรักกันปานจะแหกตูดดมจริง ๆ มึงก็ต้องเลือก ระหว่างไอ้เป๋า..หรือกู" ผมสรุปบอกเพื่อให้มันตัดใจได้ง่ายมากขึ้น
"มึงนี่มั่นใจในตัวเองดีนะ ตรงนี้ละที่กูชอบ" ไอ้โปรดพูดพลางอมยิ้ม มันก้มหน้าลงอีกครั้ง หุบยิ้มไปด้วยใบหน้าเศร้า ๆ มือยังคงสั่นอยู่ มีแผลเต็มไปหมด ผมจึงเอื้อมมือไปลูบแก้มมันเบา ๆ
"อึก" อีกฝ่ายสะอึกร้องในลำคอออกมาเหมือนสุดกลั้น ไอ้โปรดทิ้งตัวลงนอนบนตักผมมา ผมวางมือลงระหว่างใบหน้าและแก้มมันพร้อมเกลี่ยลูบไปมาอย่างให้กำลังใจ ผมไม่รู้จะพูดให้กำลังใจอย่างไรถึงจะเหมาะควร จะสั่งว่า "มึงเลิกรักมันเดี๋ยวนี้" ก็คงสั่งให้เป็นไปตามปากไม่ได้
เรื่องของสภาพจิตใจ มันไม่มีอะไรช่วยได้นอกจากเวลาหรอกครับ"กูจะฟ้องไอ้โชว่ามึงบีบคอกู" มันพูดเสียงเครือ
"หึ" ผมหลุดหัวเราะ
"เมื่อกี้มึงจงใจจะฆ่ากู ฟรืด~" มันร้องบอกเหมือนกับกำลังฟ้องอะไรใครอยู่
"หึ ๆ กูขอโทษ" ผมบอกมันแกมหัวเราะ น้ำตาของมันไหลลงจนเปื้อนขากางเกงผม ผมไม่ได้ว่าอะไร ไอ้โปรดนอนหลับตานิ่งไปเงียบ ๆ แล้ว เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ ได้เวลาที่พี่ธานใกล้เลิกเรียน ผมจึงส่งข้อความไปบอกพี่เขาว่าผมอยู่บริเวณไหนของโรงเรียน
"อ่าว มาแล้วเหรอ" ผมทักพี่ธาน เวลาผ่านไปเกือบ ๆ ชั่วโมงพี่เขาก็มา ชอบโผล่ตัวมาเงียบ ๆ ตลอด ไอ้โปรดสะดุ้งตื่น มันหันหน้าไปมองพี่ธานที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง
"อ๋อ พ่อมึงมาละ" ไอ้โปรดพึมพำ ผมส่ายหัวไม่ได้ว่าอะไร ตื่นขึ้นมาก็ปากดีเลย ไอ้โปรดหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย
"กลับพร้อมกูเลย เดี๋ยวกูไปส่ง" ผมบอก มันพยักหน้าลุกขึ้นยืน ผมสะพายกระเป๋าและลุกขึ้นตาม มันยืนนิ่งจ้องหน้าพี่ธาน พี่ธานเองก็จ้องกลับอย่างไม่ลดละเช่นกัน
"มองอะไรวะครับ" ไอ้โปรดเปิดประเด็น
"จะให้ผมพูดตรง ๆ หรือโกหกดีละครับ" พี่ธานย้อนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มแต่แฝงไปด้วยความกวนตีนไม่ต่าง
"กูไม่ไปละ เดี๋ยวกูให้พ่อส่งคนมารับ" ไอ้โปรดว่าเสียงห้วน
"ไป..เร็ว ๆ ไปขึ้นรถ" ผมไล่ ไม่อยากปล่อยให้มันอยู่คนเดียวในตอนนี้
"คุณไฟไม่มีคุณ เขาอยู่ได้ คุณไม่มีคุณไฟ คุณอยู่ได้รึเปล่าล่ะ ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อยเถอะครับ" พี่ธานพูดว่าทำเอาไอ้โปรดกัดฟันแน่น มันเดินปรี่เข้าไปหา พี่ธานยังคงยืนไม่ขยับ
"ขี้ข้ามึงนี่ปากมากฉิบเป๋งเลยว่ะไอ้ไฟ" ไอ้โปรดถลึงตาใส่อีกฝ่าย
"ไอ้โปรด" ผมปราม
"ฮึ..ก็เพราะนิสัยแบบนี้ไงล่ะ ใครก็ไม่อยากคบด้วยทั้งนั้นแหละ" พี่ธานกัดกรามว่ากลับอย่างมีอารมณ์เช่นกัน
"หุบปาก!" ไอ้โปรดตวาดพร้อมผลักอกพี่ธานอย่างแรง พี่ธานสะบัดหัว พุ่งตัวเข้าไปคว้าแขนไอ้โปรดกระชากไปจนมันเซไปอีกทางจนเกือบล้ม ผมรีบเข้าไปพยุงช่วยเอาไว้
"พี่ธาน!" ผมขึ้นเสียงปราม พี่ธานถอนหายใจ ยอมปล่อยแขนไอ้โปรดออกทันควัน แรงอย่างพี่ธานสะกิดทีเดียวไอ้โปรดก็กระเด็นแล้วมั้งครับ
"มันจะฆ่ากู!" ไอ้โปรดโวยวายฟ้องใหญ่
"ไม่มีใครจะฆ่ามึงทั้งนั้นแหละ!" ผมกระแทกเสียงบ่น
"ผมไม่ฆ่าคุณหรอกครับ เสียมือ" พี่ธานว่า
"ให้ตายเถอะ" ผมบ่น ดันตัวไอ้โปรดให้ออกห่างจากพี่เขา
"มันจะชกกูด้วย! มึงไล่มันออกเลยนะ!!" ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นจะเอาความให้ได้ มันมือชี้มือไปที่พี่ธานประกอบด้วย
"กูบอกให้ไปขึ้นรถ!" ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออด ไอ้โปรดชะงัก มันกัดฟันแน่น พี่ธานยักคิ้วเยาะเย้ยที่ตนเองเป็นฝ่ายชนะ ไอ้โปรดกัดฟันกำมือแน่น เดินเหวี่ยงกลับไปขึ้นรถง่าย ๆ แต่ดันเปิดประตูไม่ออก
"เปิดรถสิวะ! ไอ้เถื่อนเอ๊ย" ไอ้โปรดตะคอก พี่ธานกัดฟันแน่น หันไปกดปลดล็อกรถก่อนที่ไอ้โปรดจะขึ้นรถไป พี่เขาหลับตาหายใจค่อนข้างแรง ผมเองก็ถอนหายใจแรงเช่นกัน
"ผมขอโทษ" ผมพูดบอก ยกมือลูบหน้าตัวเองอย่างเหนื่อย ๆ
"ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ" พี่ธานยิ้มพูด แต่อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกขำจึงหัวเราะออกมา
"หึ ๆ ไอ้เถื่อน ฮ่า ๆ ๆ" ผมนำหลังมือปิดปากตัวเองเพราะเพิ่งเคยได้ยินใครเรียกพี่ธานแบบนี้เป็นครั้งแรก พี่ธานยิ้มเขิน
"แต่พี่นี่ก็จริง ๆ เลย" ผมส่ายหัวบ่น
"ขอโทษครับ" พี่ธานอมยิ้มก้มหัวนิดหน่อย ผมไม่ว่าอะไร ตีแขนพี่เขาเบา ๆ ก่อนเดินตามไอ้โปรดไปขึ้นรถ พี่ธานขึ้นมาฝั่งคนขับ ส่วนผมนั่งข้าง ๆ พี่เขา ไอ้โปรดนั่งเบาะหลัง
- - - - - - - - - - - - - - -
..ปัจจุบัน..หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุอันเกิดจากความตั้งใจของไอ้โปรดที่สนามแข่งก็ผ่านมาได้ร่วมหนึ่งอาทิตย์แล้ว ถัดจากวันนั้นไอ้โปรดต้องขอลาป่วยกะทันหัน มันไม่ได้ไปบิน พี่สนให้มันไปตรวจเช็กร่างกายและพักผ่อนอยู่บ้านห้ามไปไหน
ที่สนามค่อนข้างวุ่น ทางทีมงานต้องเอารถเข้าตรวจสอบทั้งหมด ไม่มีข่าวรั่วหลุดลอดออกไปทางหน้าหนังสือพิมพ์ ผมกับพี่สนวุ่นวานไปกับการปิดข่าว เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทีมงานของพวกไอ้ดอย โดยการให้พี่สนเป็นคนกลางในการสอบถาม พวกไอ้ดอยเองก็ไม่ได้เอาความอะไร คงเพราะเห็นว่าต่างคนต่างพยายามเอาชนะซึ่งกันและกันอยู่ลึก ๆ มันคงกลัวคดีอยู่เหมือนกัน และถ้ามีคดีก็จะส่งผลกระทบกับงานของมันโดยตรงด้วย ถัดจากวันนั้นสองสามวันไอ้โปรดได้กลับไปทำงานตามปกติ มันถูกพี่สนบ่นที่ดันทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี แต่ก็แค่บ่นแหละครับเพราะพี่สนแกรักน้องแกจะตายไป
"คุณไฟครับ พี่สาวที่ตลาดโทรมาครับ" สมุทรเดินมายื่นโทรศัพท์ให้ ผมหยิบมารับ
"ครับ"
"คุณไฟคะ เอ่อ..วันนี้คุณจะเข้ามาที่ตลาดหน่อยได้ไหมคะ" เธอถาม น้ำเสียงฟังดูร้อนรน
"มีอะไรรึเปล่าครับ" ผมถามตรง ๆ ที่จริงตั้งใจว่าจะเข้าไปที่ตลาดอยู่แล้วในช่วงสาย ๆ ของวันนี้
"พวกแม่ค้าเขาประท้วงเรื่องค่าเช่าแผงน่ะค่ะ" พี่สาวตอบ ผมเงียบฟัง พี่ธานเหลือบมามอง
"ได้ครับ เดี๋ยวผมเข้าไป" ผมตอบ
"ขอบคุณค่ะ" พี่สาวรับคำก่อนตัดสายไป
"แม่ค้าประท้วงเรื่องค่าเช่าแผง" ผมพูดบอก
"ขอเอกสารของแม่ค้าที่ติดหนี้ไว้หน่อย" ผมสั่งพี่ธาน มือเปิดปฏิทินดู
"ครบกำหนดพอดี" ผมพูด พี่ธานนำเอกสารมาให้ ผมเปิดดูทั้งหมด
"เอาไปด้วย" ผมยื่นกลับไปทางสมุทร เขารับไปถือไว้
"ไปเถอะ ให้สมุทรขับแล้วกัน" ผมสั่ง พี่ธานผงกหัวรับก่อนเดินไปหยิบกุญแจรถ
เราเดินทางไปที่ตลาดชโนทัยโดยสมุทรเป็นคนขับ พี่ธานนั่งด้านหน้าข้าง ๆ คนขับ สมุทรดูจะหายเกร็งกับรถยนต์คันนี้ของผมแล้ว ที่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ เขาเรียนรู้งานตามตารางของผมได้เร็วดี จำได้ด้วยว่าผมจะต้องไปที่ไหนบ้างในแต่ละวัน พอจำทางได้บ้างแล้ว รถยนต์แต่ละคันที่ผมใช้ประจำมีทั้งหมดสามคัน เขาก็เรียนรู้จำได้หมดว่าควรตรวจเช็กสภาพรถอย่างไร เรียนรู้ระบบการใช้รถคันนั้น ๆ โดยมีไอ้เด่นเป็นคนแนะนำให้อีกที งานส่วนอื่นก็กระจายแบ่งเบาภาระไป พี่ธานทำงานเบาลงกว่าเดิม ไม่ต้องคอยตามผมตลอดเวลาอย่างแต่ก่อน แต่ก็มีบ้างที่พี่เขาคอยเป็นห่วง ชอบห้ามนู่นห้ามนี่ตามประสาและดูจะติดเป็นนิสัยไปแล้ว
เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว มีเรื่องที่ทำให้ผมแปลกใจเกี่ยวกับสมุทรอยู่อย่าง ผมไปเตะตะกร้อกับพวกพี่อ้อน พี่ธานเลยชวนให้สมุทรไปด้วยกัน ผมไม่รู้มาก่อนว่าเขาเล่นตะกร้อเป็นและเล่นได้ดีอีกด้วย ผมเองก็เพิ่งจะมานึกได้ว่าเจ้าตัวอยากลงเรียนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ดังนั้น พื้นฐานทางด้านกีฬาของเขาน่าจะดีพอสมควร แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเตะตะกร้อเป็นน่ะนะ ดูเหมือนสีหน้าแปลกใจจากผมจะทำให้สมุทรดูออก อีกฝ่ายอมยิ้มเจ้าเล่ห์ พยายามเล่นเอาชนะผมตลอดเวลาและเขาก็ทำได้ผลดีซะด้วย ตอนนี้พวกคนในชมรมตะกร้อที่พี่อ้อนดูแลอยู่ถูกใจสมุทรน่าดู ก่อนกลับพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่ารอบหน้าให้สมุทรมาด้วยกัน สงสัยผมคงจะตะกระป๋องแล้วเป็นแน่
"เฮ้อ" ผมถอนหายใจแรงเมื่อเห็นกลุ่มพวกพ่อค้าแม่ขายรวมตัวกันอยู่ที่หน้าทางเข้าสำนักงาน
เห็นแล้วก็เหนื่อยใจขึ้นมาเลย "จอดด้านหน้านั่นเลย" พี่ธานสั่ง
"ครับ" สมุทรรับคำ ผมลงจากรถ พี่สาวและพนักงานคนอื่น ๆ ที่รับหน้าแทนผมอยู่หันมาเห็นผม พวกเธอคลายสีหน้าเคร่งเครียดลงทันที
"เขาว่าไง" ผมถามรายละเอียดจากพี่สาว
"น้าน้อยแกเป็นตัวตั้งตัวตีให้คนในตลาดมาประท้วงขอลดค่าเช่าแผงน่ะค่ะ" พี่สาวเล่า
"แค่น้าน้อยเหรอ" ผมถาม
"เปล่าค่ะ มีอู๊ดกับลุงจ๋อด้วย แต่ว่าเป็นกลุ่มน้อยนะคะ พ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ๆ เขาก็ไม่ได้เห็นดีด้วย" เธอตอบ
"โอเค" ผมพยักหน้ารับทราบ พี่ธานกับสมุทรลงมาจากรถและเดินตามผมมา พ่อค้าแม่ค้าคาดด้วยสายตาแล้วราว ๆ ยี่สิบคนพากันหยุดส่งเสียงเมื่อเห็นหน้าผม
"ผมขอตัวแทนหนึ่งคน คนที่อยากจะพูดกับผม..ขอคนที่คุยรู้เรื่องหน่อยนะ" ผมพูดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบ ๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"ฉันเอง" น้าน้อยยกมือขึ้น ตามที่คาดไว้เปี๊ยบ
"เชิญครับ" ผมพยักหน้าอนุญาต
"พวกเราคิดกันแล้ว ว่าค่าเช่าแผงต่อเดือนมันแพงไป..อยากให้ลดลงให้หน่อย" น้าน้อยว่าห้วน ๆ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ สีหน้าที่พยายามทำให้ตัวเองดูเหนือกว่าในตอนนี้
"อยากได้เท่าไหร่ล่ะครับ" ผมแกล้งอมยิ้มถาม น้าน้อยหลบตาผมทันที เธอหันไปมองลูกทีมที่มาด้วยกัน
"ฉันขอลดสักสี่ห้าร้อยก็พอ คงช่วยได้มาก!" แกว่า น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังเลยสักนิดเดียว
"ใช่..เท่านั้นก็พอ" พ่อค้าแม่ค้าประสานเสียงพูดขึ้นพร้อมกัน
"ห้าร้อย" ผมแสยะยิ้มมุมปาก เลิกตาขึ้นมองพวกเขา
"ห้าร้อย..ห้าร้อย ห้าร้อย ๆ ๆ ๆ" ผมพูดกวน ๆ ขณะเดียวกันก็นำมือชี้หัวเรียงรายตัว ทุกคนหน้าเสีย
"ยี่สิบคนเป็นเท่าไหร่ครับ" ผมกลอกตากลับมามองน้าน้อย เธอชะงักหน้าซีด
"ผมไม่สามารถลดให้ได้" ผมพูดขึ้นเสียงแข็งไม่มองหน้าใคร
"แกทำอย่างนี้ได้ไง ไม่เห็นใจกันเลยรึไง คนทำมาค้าขาย ของก็ขึ้นเอา ๆ" หนึ่งในนั้นขึ้นเสียง
"ใช่! รวยแล้วนี่ จะขูดเลือดขูดเนื้อยังไงก็ได้" น้าน้อยสมทบทันที
"ผมก็ค้าขายเหมือนกัน และนี่คือธุรกิจ!" ผมพูดแทรกตอบกลับไปแทบตวาด ทุกคนเงียบลง
"ฟังไว้ให้ดี..ผมจะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น" ผมย้ำเสียงเข้ม กลอกตามองขวางไปที่น้าน้อย น้าแกหลบสายตาหนี
"ผม..สนใจเฉพาะคนที่เคารพในการทำงานของผม ใคร..ที่คิดถึงแต่ตัวเอง ผมไม่สนใจ" ผมกระแทกเสียงหนักแน่น อารมณ์ขึ้นสุด ๆ จนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
"ที่ผ่านมา ผมพยายามปรับปรุงดูแลตลาดนี้อย่างดีเพื่อให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตกันอย่างสะดวกสบายมาเสมอ ไม่มีปีไหนที่ผมไม่ปรับปรุงให้มันดีขึ้น"
"และทุกการทำงาน มีค่าใช้จ่ายตลอดเวลา ผมขอย้ำว่า! ตลอด..เวลา" ผมกระแทกเสียงชัดถ้อยชัดคำ
"ผมเห็นใจทุกคน และคิดดีแล้วว่าค่าเช่าแผงสมเหตุสมผล พวกคุณเป็นเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าค่าเช่าแผงแพงเกินไป"
"ดังนั้น ถ้าพวกคุณรับไม่ได้ อยู่ไม่ไหว ก็เชิญออกไป" ผมว่าส่ง
"และก่อนที่จะออกไป กรุณาใช้หนี้ผมให้เรียบร้อยซะด้วย" ผมพูด
"เข้าใจที่ผมพูดนะครับ ใครอยากเช่าต่อ กรุณากลับไปทำงานด้วยครับ ส่วนใครที่ไม่พอใจจะอยู่..กลับไปเก็บข้าวของที่แผงตัวเอง ทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วกลับมารับเงินประกันที่คุณสาว ผมจะไม่ขอหักเงินประกันสักบาทเดียว..แต่เชิญออกไปได้เลย" ผมพูดบอก ไม่มองหน้าใครสักคนเพราะไม่จำเป็นต้องมอง ผมไม่เห็นใจใครทั้งนั้น ทุกคนมีลิมิตในการทำงาน ผมให้ลิมิตกับตัวเองผมถึงมอบหมายหน้าที่ให้ลูกน้องไปตามสมควร พี่สาวรับมือ ถ้าเธอรับไม่ไหวก็จะส่งต่อให้พี่ธาน ถ้าพี่ธานรับไม่ไหวก็ส่งต่อให้ผม และถ้าการทำงานมาถึงจุดสูงสุดที่มือผมเมื่อไหร่ ผมไม่ไว้หน้าใครและใจแข็งกว่าลูกน้องผมทุกคนเสียอีก ที่ผ่านมาผมถึงได้ส่งพี่ธานไปเจรจาก่อนเสมอ แต่ดูเหมือนการไม่ให้เกียรติพี่สาวหรือพี่ธานจากพวกเขา นั่นก็คือการไม่สำเหนียกกะลาหัวตัวเองไว้ให้ดีด้วย
"ไปเถอะ" พ่อค้าแม่ค้า เดินหน้าสลดยอมแพ้กลับไปง่าย ๆ
"นี่พวกแก!" น้าน้อยร้องเสียงหลง ผมเดินตรงเข้าไปหาเธอทันที
"อย่านึกนะว่าน้าทำอะไรแล้วผมไม่รู้" ผมกระซิบพูดเสียงเย็น น้าน้อยถอยหลังไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว
"มันอยู่ที่ว่าผมอยากรู้หรือผมไม่อยากรู้" ผมจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ฆ่าให้ตายตอนนี้ได้คงฆ่าไปแล้ว
"ฉันเปล่า" แกว่า
"ถ้าน้า ก่อปัญหาอีกครั้งนึงละก็..ผมไม่เอาไว้แน่" ผมกระซิบเตือน เธอร้อนรนจะเดินหนีไป
"เดี๋ยว" ผมเรียกไว้ อีกฝ่ายหยุดชะงัก
"ใช้หนี้ด้วยครับ ถึงกำหนดแล้ว" ผมบอก เธอกลืนน้ำลายหน้าซีด รีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนที่ใส่อยู่ มือสั่นไปหมด น้าน้อยรีบหยิบเงินออกมาอย่างร้อนรน สมุทรเข้าไปรับเงินมาถือไว้ก่อนที่น้าน้อยแทบจะวิ่งกลับเข้าตลาดไป
"อีเปรตเอ๊ย" ผมกัดฟังสบถ
"ให้ไอ้เข้มไปสืบมา ว่าแกทำงานให้ใครรึเปล่า ผมคิดว่าตอนที่ท่อประปาแตก น่าจะเป็นฝีมือคนเดียวกัน" ผมสั่ง
"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับ สมุทรยื่นเงินให้กับพี่สาว
"เก็บค่าเช่าแผงเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" ผมถามเธอ สีหน้าเธอดูกังวลมากเช่นกัน ไม่ยอมสบตาผมเลย
"ค่ะ..แต่ว่าพวกที่มาประท้วงเมื่อครู่ยังไม่ยอมจ่าย" พี่สาวตอบ
"ไปเก็บมาเดี๋ยวนี้" ผมสั่ง
"ค่ะ" เธอพยักหน้ารับ
"นายไปพร้อมพี่สาว..ดูแลเธอด้วย เก็บมาให้หมดทุกสตางค์ ใครไม่มีก็ต้องมี ทุกคน..อย่าให้ขาดแม้แต่บาทเดียว" ผมจ้องหน้าสมุทรเขม็ง บอกให้รู้ว่าผมไม่เล่น ถ้าเขาไม่แข็งข้อกับคนพวกนี้ด้วยผมเอาเรื่องเขาแน่ สมุทรพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปพร้อม ๆ พี่สาว
ผมกลับขึ้นไปบนสำนักงานพร้อมกับพี่ธาน พนักงานรีบนำน้ำมาเสิร์ฟให้เราทั้งคู่ ผมเปิดดูกล้องวงจรปิดดูทั้งหมด ดูความเป็นไปทุกอย่างในตลาดอย่างละเอียด พนักงานรวบรวมบัญชีเพื่อให้ผมได้รับทราบให้เสร็จภายในวันนี้ ระหว่างนั้นผมแอบดูการทำงานของสมุทรจากกล้องวงจรปิด อยากรู้ว่าเขาจะสามารถทำมันได้ดีหรือไม่ สมุทรไม่ค่อยพูดหรือยิ้มอย่างที่ควรนัก ดูอีกฝ่ายจะเครียดพอดู เวลาที่เขาไม่ยิ้มเขาเป็นคนที่นิ่งขรึมมากคนหนึ่ง พ่อค้าแม่ค้าที่มาประท้วงเมื่อครู่กลับไปทำงานที่แผงของตนตามปกติ พี่ธานโทรสั่งให้ไอ้เข้มออกไปสืบเรื่องของน้าน้อย เมื่อพี่สาวกับสมุทรกลับมาถึงและได้เงินมาครบตามที่ผมต้องการ ผมจึงจัดแจงเรื่องบัญชีของเดือนก่อนได้จนเสร็จ รีบร่ำลาทุกคนเพราะต้องไปตรวจตราที่ห้างสรรพสินค้าต่อ
เราสามคนพากันมากินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารในตัวห้าง Bangkok Land พี่ธานชวนสมุทรคุยเป็นระยะ ส่วนผมได้แต่นั่งฟังเพราะก็เพลินหูดี ถ้าให้เป็นฝ่ายชวนคุยผมก็อดไม่ได้ที่จะกวนตีนเขาน่ะนะ ซึ่งอารมณ์ตอนนี้ของผมยังไม่คงที่เท่าไหร่ และการกวนต่อหน้าพี่ธานก็จะถูกอีกฝ่ายเอาไปแซวในวันอื่น ๆ ต่อได้อีกด้วย ดังนั้น..มันไม่โอเค รอบนี้ผมขอผ่านดีกว่า อยากให้บรรยากาศมันดูอบอุ่น ๆ ในรูปแบบการพูดคุยอย่างปกติทั่วไปบ้างน่ะนะ อย่างน้อย ๆ พี่ธานก็ทำให้สมุทรผ่อนคลายลงได้แล้ว
...........ไฟ...........