กฏที่3 :: เป็นแฟนพี่ว้ากต้องพยายาม(1)
ผมเคยคิดว่าเมื่อผมมีคนรัก ไม่ว่าเขาจะเป็นคนยังไง เพศไหน ฐานะไหน หรือแม้แต่รูปร่างหน้าตาจะเป็นยังไง ผมก็จะเปิดเผยต่อคนรอบข้าง บอกเพื่อน บอกพี่ บอกครอบครัว ความคิดผมมันถือเป็นการให้เกียรติอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีแฟนเป็นเฮดว้าก...
โอเค ผมปั๊บปี้เลิฟกับพี่ฟิวตั้งแต่มัธยมต้น หลายปีที่ผ่านมาแน่นอนผมรับได้ที่มีแฟนเป็นผู้ชายและสามารถปรับตัวที่คนรักเป็นราษฎรเคลื่อนที่ได้ ผู้ชายที่รู้จักทุกคนยันหมาหน้าโรงเรียน ครั้งนี้อาจจะคล้ายๆกัน แต่เปลี่ยนจากทุกคนทักทายสวัสดีเป็นเดินหนี แหวกทางเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้แทน แน่นอนมันไม่ได้กระทบอะไรกับสถานะคนรักของเรามาก
เอ่อ..แต่คิดไปคิดมาก็น่าจะกระทบมากอยู่
เฮดว้าก คือคนที่เด็กเข้าใหม่ต้องเกรงกลัว นั้นคือลุคที่พี่ฟิวพยายามฝึกมาตั้งแต่ปีสอง ผมที่เคยเห็น(ลางๆ)เคยฟังเขาเกรี้ยวกราดในหอประชุม ก็ต้องยอมรับว่าคนรักผมพยายามมากจริงๆ พอคิดว่าพี่ฟิวทุ่มเทให้กับตำแหน่งสูงส่งขนาดนี้ ผมก็คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆที่ทำให้ตำแหน่งคนรักด่างพร้อย ถึงไม่อยากจะทำตัวคิดมาก เสียสละตัวเหมือนนางเอกละครแต่ถ้านึกถึงเหตุและผล ผมเลยเสนอกับพี่ฟิวให้ปิดความลับที่เราคบกันเอาไว้
และใช่ครับ คนรักผมโวยวายห้องแตกเลย ถึงเขาจะโตขึ้นสามปีแต่ความเป็นเด็กในตัวไม่รู้ทำไมยังอยู่ในตัวเขาไม่ต่างจากเดิม
แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหรอกนะ
กว่าจะอธิบายเหตุผลร้อยแปดก็หมดไปครึ่งค่อนคืน พี่ฟิวของผมไม่ใช่เด็กดื้อเขาเข้าใจเหตุผลได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แค่ทำตัวง้องแง้งให้ดูไม่ยอมความไปงั้นแหละ ผมรู้ว่าเขาก็กังวลเรื่องนี้ เพราะมันอาจจะส่งผลกระทบไปถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ชาววิศวะว้ากของเขาด้วย แล้วยิ่งผมเป็นเด็กปีหนึ่งที่สร้างวีรกรรมตั้งแต่วันแรก คงจะสนุกเลยแหละ
อา... แต่ถ้าถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นใต้หอผมตอนนั้นละก็ มันก็ผ่านไปสามวันแล้วละครับ
ใช่ครับ ดินเนอร์ครั้งแรกหลังที่ไม่ได้เจอกันมาสามปีของผมกับพี่ฟิว ถูกทำลายลงโดยไอ้ชัย
ครับ ผมเรียก 'ไอ้' ชัย คนอย่างมันไม่ควรให้เกียรติใดๆ ยิ่งผมนึกย้อนไปเหตุการณ์นั้นแล้ว รู้สึกยิ่งอยากเพิ่มสรรพนามนำหน้ามันด้วยซ้ำ ไอ้ชัยที่สถาปนาเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทผมภายในไม่ถึงอาทิตย์แต่เกลียดพี่ว้ากเข้าไส้ ตอนที่มันเห็นพี่ฟิวเข้าร้านเดียวกับผม เพื่อนสนิทผม(ที่สถาปนาตัวเอง)ก็เกรี้ยวกราดกัดพี่แกทันที คนรักผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ชัยมันแซะๆด่าๆอยู่เนี่ยเป็นพี่เขา เพราะนอกจากไม่หงุดหงิดเก๊กโหดแล้ว ยังยิ้มหน้าบานมาหาผมจนแทบจะได้แบล็คกราวเป็นสวนลาเวนเดอร์อยู่แล้ว
และสุดท้ายก่อนจะถึงขั้นวิกฤต ผมก็เลือกเดินไปบอกป้าแม่ค้าคนสวยให้เอาข้าวใส่กล่องให้ ก่อนที่จะเดินไปขอตัวกลับจากไอ้ชัยด้วยข้ออ้างที่สุดเบสิคตอนเรียนที่ไฮสคูลคือ 'ไม่ว่างมีธุระกับแฟน' แค่นั้นมันก็ทำตาโตแล้วเข้าอกเข้าใจผมทันที แต่ไม่วายแซะพี่ฟิวที่นั่งเอ๋อรอผมอยู่ที่โต๊ะอีก คนรักผมผู้ไม่รู้เรื่องราวใดๆพอเห็นผมเดินผ่านเหมือนคนไม่รู้จักกันเขาก็ได้แต่นั่งมองตาระห้อยสายตาตัดพ้อ ทำหน้าเหมือนโลกสลายซะอย่างนั้น
ช่างไม่รู้เลยเอาซะเลย
แต่ก็นั่นแหละครับ สุดท้ายก็ได้นั่งคุยทานข้าวปรับความเข้าใจกันบนห้องจนถึงดึกดื่นยันฟ้าสว่าง เห็นพี่ฟิวต้องตื่นแต่เช้าทั้งๆที่ตายังไม่เปิดก็สงสารจับใจ
ถ้าจะหาคนผิดละก็ผมโยนให้ไอ้ชัยคนเดียวเลย กล้าทำให้แฟนผมเป็นหมีแพนด้า มันต้องชดใช้!
"วู้ว! กูได้สมุดมาแล้วว้อย!!!" พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา ผมเบนตาออกจากมือถือเหลือบมองผู้ชายที่ผมเคียดแค้นเมื่อสามวันก่อน พอเห็นมันชูสมุดเล่มเล็กๆสีน้ำตาลเท่าฝ่ามือ ผมก็ทำได้แค่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"งงไปอีก นี่สมุดล่าลายเซ็นต์ไงมึง ที่พี่แกอธิบายไว้เมื่อคราวนู่นน่ะ" ไอ้ชัยพูดพลางสะบัดสมุดขึ้นลง ก่อนที่จะโยนแบะไปบนโต๊ะแบบไม่มีความถนอมใดๆทั้งสิ้น ผมขมวดคิ้วย้อนความทรงจำว่าเมื่อวานผมทำอะไรไปบ้าง แต่ไม่ทันที่ผมจะตอบเสียงแหบๆก็แทรกเข้ามาก่อน
"ทศไม่ได้เข้าเชียร์ครั้งที่แล้ว มึงจำไม่ได้รึไง" ร่างผอมบางเดินเข้ามานั่งข้างชัย ก่อนที่จะถือวิสาสะหยิบกาแฟเย็นที่ผมซื้อขึ้นดื่มโดยไม่ได้ขอ
ยิ่งคบการกระทำยิ่งขัดกับหน้าตาจริงๆ...
ผมเลิกสนใจกาแฟที่โดนผู้ชายสองคนตรงหน้าแย่งกันกิน แล้วกลับไปนึกถึงเรื่องเมื่อวาน สาเหตุที่ผมไม่ได้เข้าห้องประชุม มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอกครับ ก็แค่เมื่อวานพี่ฟิวไม่ได้เข้าว้ากผมก็เลยไม่ไป
ครับ... ผมจะเข้าเชียร์ก็ต่อเมื่อไปเฝ้าแฟน
มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ผมก็ไม่เห็นว่าการเข้าเชียร์จะสำคัญหรือได้ประโยชน์อะไรสักนิด ก็พยายามเปิดใจอยู่นะครับ แฟนผมอุตส่าห์ทุ่มตัวเป็นเฮดว้ากเจ็บคอกลับห้องทุกวันแบบนั้น แต่นั่นแหละผมดันเป็นคนหัวดื้อซะด้วย ครั้งนี้ถือเป็นข้อเสียเลยจริงๆ
"เออ แต่พวกแม่งไม่ให้สมุดมึงอะ" ชัยเอ่ยขึ้นหลังจากที่กินกาแฟหมดยันน้ำแข็งอีกครึ่งแก้ว คนหน้าคมเปิดสมุดพลางเคี้ยวน้ำแข็งในปากไปด้วย
"อ่อ..." ผมครางในลำคอ ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงเพราะถ้าเป็นผม ผมก็ไม่ให้เหมือนกัน สมุดเชียร์ที่พวกเพื่อนผมทั้งสองคนถืออยู่ เป็นสมุดแฮนด์เมดที่พวกปีหนึ่งในคณะทุกคนต้องช่วยกันทำ แน่นอนว่าสมุดก็ต้องออกแบบเอง เย็บเอง สุดท้ายเงินก็ต้องออกเอง ยิ่งถ้าผมที่เข้าเชียร์บ้างไม่เข้าบ้าง ยิ่งงานร่วมกลุ่มของคณะแบบนี้ผมยังไม่เข้าไปแม้แต่เงา อย่าว่าแต่สมุดเลยชื่อผมคงยังไม่อยากจะเรียกกันเลยมั้ง
"เราก็อยากปกป้องทศนะ แต่หาข้อโต้แย้งไม่ได้จริงๆ" นนท์ทำหน้าสำนึกผิด ไม่รู้ว่าฝั่งนั้นเขาด่าผมว่าอะไรบ้าง ถ้าไม่ร้ายแรงขนาดฆ่าแม่ตบผู้หญิงผมก็น้อมรับนะ เพราะครั้งนี้ผมดูเห็นแก่ตัวจริงๆ เถียงไม่ออกเลยครับ
"ไม่เป็นไร เรากะจะไม่เข้าอยู่แล้วอะ" ผมยิ้มให้นนท์ ทันทีที่ผมพูดจบ จากหน้าสำนึกผิดของเด็กเรียนก็เปลี่ยนเป็นปลงตกทันที พร้อมกับสายตาที่ส่งมาประมาณว่า กูว่าแล้ว
เพื่อนขอโทษได้ไหมละ
"กูเข้าใจๆ กูก็เบื่อโคตรๆเหมือนกัน ถ้าไอ้นนท์แม่งไม่ป๊อดเข้าเชียร์คนเดียวไม่ได้ละก็ กูโดดไปแล้วววววววว" ชัยเอ่ยเสียงสูงจนคนโดนนินทาระยะเผาขนส่งค้อนให้ แต่คนอย่างชัยมันก็ไม่สะทกสะท้าน เขาทำหน้าล้อเลียนกลับ ก่อนที่จะกระดกน้ำแข็งที่เหลือในแก้วกาแฟผมจนหมด
คือ... กูดื่มไปแค่สองอึกเองนะ
"แม่งไม่เห็นมีประโยชน์เลย มึงรู้มะไอ้ทศ เข้าไปนั่งแต่ร้องเพลงๆ กูนี่แทบจะรักสถาบันเหมือนเป็นหุ้นส่วนลูกหลานอธิการเขาละ" ชัยใส่อารมณ์อย่างเกรี้ยวกราด ยังไม่ทันที่ผมจะบอกว่าเห็นด้วย ผู้ชายแว่นหนาก็พูดแทรกออกมาก่อน
"แต่สมุดล่าลายเซ็นมันไม่เหมือนกันว้อย! เขาสร้างให้เรารู้จักรุ่นพี่ รุ่นพี่ได้รู้จักเรา มึงไม่มองจุดประสงค์เขาไง!!" คนตัวผอมโวยวายก่อนที่จะหันทางผม "ทศลองไปดูสิ มันต้องมีประโยชน์แน่ๆเชื่อกู" ผมสบตาใต้แว่นนั่นก่อนจะเลิกคิ้วมองชัยดูว่ามันจะเถียงอะไรต่อ
"โห อย่างไอ้ทศแม่งไม่ต้องร่วมกิจกรรม แค่นั่งหายใจทิ้งคนเขาก็รู้จักกันทั้งมอละ มึงคิดสินนท์มึงคิดดดด” ผู้ชายตัวโตฝั่งตรงข้ามผมเอานิ้วชี้กดแรงๆที่ขมับคนข้างๆ คนถูกจิ้มปัดนิ้วทิ้ง ทำท่าจะเถียงกลับ ก่อนที่ชะงักเหมือนพูดไม่ออก ท่าทางนั่นทำให้ผมหลุดขำออกมาเบาๆ
"กูชนะ ไอ้ทศมึงไม่ต้องเข้าร่วม" หน้าตาชัยดูพึ่งพอใจเหมือนโต้วาทีชนะระดับประเทศ ผมพยักหน้ารับ
"กูไม่คิดจะเข้าอยู่แล้ว"
ถึงจะมีนนท์เป็นร้อยคน ก็เปลี่ยนความคิดผมไม่ได้หรอก ขอโทษนะเพื่อน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
. .
"ทศได้สมุดล่าลายเซ็นรึยัง" เสียงแหบๆจากฝั่งตรงข้าม ทำให้ผมละความสนใจข้าวเย็นตรงหน้ามาสนใจหน้าอีกฝ่ายแทน
"ครับ?" ผมทำหน้าอึน พี่ฟิวมองผมตาปริบๆก่อนจะทำหน้าอึนตาม
"อ้าว สมุดไง สมุดล่าลายเซ็นอะ" ดวงตาใสฉายแววคาดหวังนิดๆนั่น ทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่
"ครับ ผมรู้แล้ว ทำไมหรอครับ?" ผมหยิบแก้วดื่มน้ำแก้เก้อ คนรักผมเปลี่ยนจากหน้าอึนเป็นยิ้มหน้าบานอีกรอบพลางพยักหน้าหงึกหงักหลายๆที
"ได้แล้วใช่เปล่า โธ่ พี่ก็ตกใจนึกว่าทศไม่รู้เรื่อง ก็งงอยู่จะไม่รู้เรื่องได้ไงวะในเมื่อต้องช่วยๆกันทำ" พี่ฟิวทำหน้าโล่งใจอย่างน่ารัก ผมยิ้มบางก่อนจะตอบอีกฝ่าย
"ครับ ผมรู้แล้ว" รู้เรื่องสมุดแล้วแต่ไม่ได้ช่วยทำนะครับ...
"ดีๆ ตอนแรกพี่โคตรเป็นห่วงเลย คิดว่าทศจะไม่เข้าร่วม นี่แอบเครียดเลยนะเนี่ย" ผมยิ้มให้กับใบหน้ายู่ยี่ที่อีกฝ่ายแกล้งทำ พลางเอื้อมมือไปคลายหัวคิ้วนั่นเบาๆ
"อยากให้ผมเข้าขนาดนั้นเลยหรอครับ" ผมถามพลางหมุนเส้นผัดไทป้อนอีกฝ่าย คนรักผมอ้าปากรับแล้วพยักหน้ารับแข็งขัน
"สุดๆ" ปากบางนั่นตอบทั้งๆที่เส้นเต็มปาก ผมหัวเราะขำทั้งๆที่ในใจเริ่มรู้สึกกังวล
ชิบหายแล้วไงละไอ้ทศ
ใบหน้าผมยังคงยิ้มหวานพลางป้อนให้คนตรงหน้าอีกคำ พี่ฟิวก็ช่างเป็นเด็กดีเคี้ยวนิ่งๆไม่มีการขัดขืนทั้งที่ตะเกียบก็คาอยู่ในมือตัวเอง แต่ก็ดีแล้วครับเขาจะได้ไม่ถามอะไรเยอะแยะ
ผมกรอกตาคิดเรื่องเข้าร่วมกิจกรรมอีกครั้ง มือก็ทำหน้าที่เลี้ยงเด็กตัวโตไปด้วย ถึงผมจะเปลี่ยนใจเพราะอีกฝ่ายแล้ว ยังไงผมก็ไม่มีสมุดอะไรนั่นอยู่ดี เอาไงดีละ
เหลือบมองตาใสคนตรงข้ามแล้วก็รู้เสียใจขึ้นมา ถ้าหากประกายสดใสนั่นเปลี่ยนเป็นผิดหวังแทน ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกแบบนั้นกับผมเลยจริงๆ
"ทศอยากรู้เหตุผลไหม ที่พี่อยากให้เราเข้าร่วม" พี่ฟิวเอ่ยขึ้นทันทีที่ผมป้อนผัดไทเสร็จ ผมยิ้มรับกับเสียงแหบแห้งเพราะการว้ากของเขา ทั้งๆที่ในใจอยากจะถามอีกฝ่่ายว่า วกกลับมาเรื่องนี้อีกทำไม
"ยาวรึเปล่าละครับ ถ้ายาวพี่ฟิวไปอาบน้ำก่อนดีไหมแล้วค่อยนอนคุยกัน ดีไหมครับ?" คนรักผมชะงัก ปากบางนั่นอ้าเหมือนอยากจะพูดเต็มที่ ผมลุกขึ้นชะโงกจูบเบาๆที่หน้าผากอีกฝ่าย ก่อนที่จะทำท่าทางปิดจมูกหน้ายี๋
"ว้า เหม็นเหงื่อจัง น่ารักไม่ลงแล้ว"
"โธ่ ทศ!" คนรักผมเบะปากทั้งๆที่หูแดง ไม่รู้ว่าเขินที่ผมจุ๊บหรือที่ผมพูดกันแน่ คนตัวโตเด้งตัวลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวพลางใช้ตาใสนั่นคาดโทษ
"พี่ออกมาเดี๋ยวเจอกัน!"
"ว้า คนต่อคิวเยอะด้วยสิ" ผมทำหน้าเสียดาย พี่ฟิวทำปากขมุบขมิบเหมือนจะพูดว่าตัวแสบแล้วก้าวยาวๆเข้าห้องน้ำไป
พอเห็นทางสะดวก ผมก็รีบหยิบมือถือหารายชื่อในแอปพลิเคชั่นดังสีเขียวๆทันที กรอกตานึกถึงคนที่พอจะช่วยได้ก่อนที่ชื่อของคนๆนึงจะเข้ามาในหัว ผ่านไม่แค่นาทีกว่าอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
ดีมากนนท์ สมแล้วที่ยกกาแฟให้แก้วนึง
ทศกัณฐ์ :: เราอยากล่าลายเซ็นแล้ว พอติดต่อใครได้บ้าง
N.: เดี่ยวลองถามให้
N.: ดีใจนะที่ทศคิดได้
นี่ไม่ได้แค้นกันใช่ไหม
ผมส่ายหน้าขำ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำมะนาวที่ผมแช่ตู้เย็นไว้มาอุ่นใส่แก้วรอคนที่อยู่ในห้องน้ำ ถ้าทุกคนถามว่าตอนเย็นที่ผมเลิกเรียนผมรีบกลับมาทำอะไร คำตอบก็คือ เจ้าน้ำมะนาวนี่แหละครับ
ผมหาข้อมูลมาเขาว่าจะช่วยรักษาเส้นเสียงคนรักผมได้ไม่รู้ว่าได้มากน้อยแค่ไหนแต่ลองดูก็ไม่เสียหายเท่าไหร่ พี่ฟิวของผมเป็นคนชอบสนใจแต่คนรอบข้างไม่ดูแลตัวเอง เมื่อวานซืนอีกฝ่ายตื่นมาคุยกับผมอยู่ดีๆเสียงก็หายไปเลย ผมนี่ตกใจจนแทบจะโทรให้หมอที่บ้านบุกมา แต่ก็นั่นแหละหน้าที่หัวหน้าว้ากมันค้ำคอ พี่ฟิวฝืนสังขารจะไปให้ได้ จนครั้งล่าสุดที่อีกฝ่ายไม่ได้เข้าเชียร์นั่นแหละครับ ครั้งนั้นเสียงหายไปจริงๆ หายชนิดที่แบบว่าหลงเหลือแต่ลมออกมา แต่ก็ดีครับคนรักผมจะได้พักบ้าง ถึงเขาจะยอมพักแค่วันเดียวแล้วใช้เสียงเหมือนกอลลัมไปว้ากน้องวันถัดไปก็เถอะ
คิดถึงตรงนี้ผมก็ขำ ไอ้ชัยกับนนท์บ่นให้ผมฟังใหญ่เลยว่าเฮดว้ากเสียงน่ากลัวขึ้น แค่กระแอมเสียงนนท์ก็ขนลุกซู่ไหล่หดแล้ว ผมนี่ไม่รู้ว่าจะสงสารคนรักดีหรือเพื่อนใหม่ดีเลย
"ทศทำไรอะ" กลิ่นหอมสบู่พร้อมกับแรงรัดที่เอวทำให้ผมออกจากความคิด เอ่อ.. จริงๆตกใจเพราะหนวดมันทิ่มอะครับ ไม่ใช่เพราะมีคนกอดหรอก
"ทำน้ำมะนาวให้รุ่นพี่อยู่ครับ เป็นรุ่นพี่ที่น่ากลัวมากๆด้วย" คงเพราะยังแอบรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายอยู่ ตอนตอบผมถึงดัดเสียงเล็กเสียงน้อยตามคนกอด บอกตามตรงว่าโคตรไม่คุ้นคืออยู่ที่นู่นผมไม่เคยทำตัวมุ้งมิ้งกับใครเลยไง
"แล้วแฟนกลัวรึเปล่าครับ ให้พี่ตีให้ไหม" ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถามแบบไหนหนวดถึงทิ่มคอผมจนจั๊กจี๋ไปหมด ผมขยับคอหนีนิดๆแต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่ยอมลดละ ยังใช้ลมหายใจร้อนๆกับหนวดเส้นยาวยุ่งกับคอผมไม่เลิกไม่ลา
โอย เดี๋ยวน้ำมะนาวหกกกกก
"พี่ฟิวหยุดเล่นก่อนนนนน" ผมห้ามเสียงอ่อน ไม่กล้าขึ้นเสียงใส่นั่นแหละ พี่ฟิวหัวเราะเบาๆข้างหูผมก่อนแรงรัดกับไออุ่นด้านหลังจะหายไป
น่ะ... พอเขาออกไปก็เสียดาย ไอ้ทศนะทศ
"หืม นี่ครั้นให้พี่อีกแล้วหรอ" ผมพยักหน้าแต่ก็ไม่วายทำเสียงเล็กเสียงน้อยตอบอีกฝ่าย
คนมีความรักมักดูเด็กลงไปจริงๆ
"ทำไมครับ เบื่อฝีมือทศแล้วหรอ" เสียงตอแหลมากทศ อยากจะกรอกตาด่าตัวเอง แต่พอเห็นพี่ฟิวดูยิ้มแย้มหน้าบานชื่นชอบแบบนี้แล้ว โอเค ทศยอมปัญญาอ่อนต่อไปก็ได้
"ใครว่าพี่เบื่อ บอกมาเดี่ยวพี่ไปเตะปากมันให้" ทศเองแหละครับ แฟนต้องใจเย็นๆนะ
"ฮ่า! หวานสดชื่นนนนน" ผมยิ้มกว้างตอบรับทันทีที่อีกฝ่ายยกดื่ม ความรู้สึกแม่ที่เห็นเรากินข้าวอร่อยเป็นแบบนี้นี่เอง แต่ครั้งนี้ผมแค่ครั้นน้ำมะนาวครั้งหน้าคงต้องทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านี้
หมายถึงครั้นน้ำส้มนะครับ เอาจริงๆผมยังไม่กล้าลงครัวขนาดนั้น ยกหน้าที่ให้พี่ฟิวผมดีกว่า อีกฝ่ายทำอาหารเก่งกว่าผมเยอะ!
"น้ำมะนาวที่ไหนหวานละครับ เสียใจเลย" ผมทำปากยื่นที่ทั้งชีวิตไม่เคยคิดจะทำใส่ใคร ก่อนที่จะตกใจที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็หันมาจุ๊บปากผมแรงๆทีนึง จนเสียงดังจ๊วบดังก้องห้อง
"หวานไหมละครับ" คนมีหนวดถามพร้อมรอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนหน้า ดวงตาใสนั่นดูระยิบระยับไปหมด ผมกัดฟันรู้สึกหมั่นเขี้ยวอีกฝ่ายขึ้นมา แต่พอจะทำท่าเข้าหา พี่ฟิวก็หลบหนีไปห้องนอนแล้ว
จริงๆจะบอกว่าหนีก็ไม่ถูก เล่นนั่งรอบนเตียงเลย ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวใหญ่มีหนวดเฟิมจะดูน่ารักได้ขนาดนี้
ผมเดินเข้าไปตรงกลางระหว่างขาที่อีกฝ่ายอ้าและล็อคผมทันทีที่เข้าไป ยืนมองคนข้างล่างที่นั่งเงยหน้ามองผมตาแป๋วแล้วรู้สึกหมั่นเขี้ยวอย่างบอกไม่ถูก
ผมประคองหน้าคนข้างล่างก่อนที่จะประทับที่ปากบางนุ่มนั่นเบาๆ ไม่น่าเชื่อว่าหนวดพวกนี้จะไม่เป็นอุปสรรคเลย พี่ฟิวเม้มปากรับผมเบาๆพร้อมกับแรงกดหลังคอที่ทำให้ผมต้องก้มต่ำลงอีกอย่างช่วยไม่ได้ ลิ้นร้อนสัมผัสกลีบปากบางแผ่ว มันให้ความรู้สึกหวิวๆจนผมต้องเม้มปากใส่เจ้าลิ้นนั่นก่อนที่เราสองคนจะผละออกจากกัน
ขนาดไม่ได้แลกลิ้นเหมือนในหนังอีโรติก ผมยังตื่นเต้นขนาดนี้ ตายๆตายแน่ๆ
"ทศรักพี่จัง" ผมพึมพำออกมาเบาๆทั้งๆที่จมูกโด่งของอีกฝ่ายยังคลอเคลียแก้มผมอยู่ไม่ห่าง
"ลองไม่รักสิ จะร้องไห้ให้ดู" เสียงพี่ฟิวถึงจะแหบแต่ยังรับรู้ว่าอีกว่าใช้น้ำเสียงน่าสงสาร ผมหัวเราะแล้วผละออกมา
"อยากเห็นคนร้องไห้จัง"
"ตุเวงง่า อย่าแกล้งดิ" ใบหน้าที่เป็นญาติกับซานต้ายู่ยี่ แก้มที่ปกคลุมด้วยเส้นหนวดป่องออกมาก่อนที่คนรักของผมจะสะบัดหน้าแรงๆเหมือนน้อยใจนักน้อยใจหนา
เอิ่ม...
ผมควรจะมองว่าน่ารักดีไหม ควรบอกคนรักไหมว่ามันปัญญาอ่อ-- หมายถึงแบ๊ว แบ๊วเกินไป
คนนั่งบนเตียงพอเห็นผมเงียบก็เปลี่ยนเป็นช้อนตามองผมปริบๆ ทำปากยู่บิดตัวไปมาพลางครางเสียงเล็กในลำคอ
"อื้ออื่อ ไม่ยักเก๊าหยอ ตะมัยอะตุเวง"
โอเค ไม่บอกดีกว่า
แม่ง...
ตลก!!
ผมกลั้นขำในคอพยายามไม่ให้หลุดพรวดใส่หน้าคนข้างล่างแต่มันก็ยากลำบากซะเหลือเกิน ไหนฟิลลิ่งโรงแมนติกผมอยู่ไหนวะ อยู่ซอกไหนหาให้ผมที!
โอยยย ตลก ทรมาณณณณ
"จะขำก็ขำเถอะ ตาแดงละน่ะ ใช่ซี้ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนนี๊" เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน โดนเฉพาะพี่อะ เปลี่ยนเยอะสุดเลย ผมปล่อยขำออกมาแบบอดไม่อยู่ก่อนที่พยายามจะกลืนมันลงคอเมื่อเห็นว่าคนหน้าเข้มเริ่มสลด
ขอโทษครับแฟน ผมมองพี่เป็นเด็กชายวัยใสแบบเมื่อก่อนไม่ได้จริงๆ ขออภัย
"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ ผมขำเพราะเอ็นดูไง พี่ฟิวของผมน่ารักจะตายเนอะ" น่ารักแบบหมีเท็ดดี้อะครับ ไม่ก็หมีล่าน้ำผึ้งในป่าใหญ่
เดี๋ยวทศ นี่แฟนมึงไง
"น่าเอ็นดูแล้วอยากดูเอ็นไหมอะ มีให้ดูนะตุเวงใหญ่ด้วย เท่านี่!" คนหน้าสลดเมื่อกี้ชูแขนให้ผมดู ใบหน้าหนวดเคล้ายิ้มกรุ่มกริ้มพร้อมกับด้วยตาที่ประกายแวววาว ดีนะที่เขาทำให้ผมดูคนเดียว ถ้าไปทำแบบนี้ข้างนอก เจอกันอีกทีอาจจะตอนประกันตัวที่โรงพักเลยก็ได้
อะ แต่เขาน่ารักนะครับ ถึงจะทำหน้าโรคจิตเขาก็น่ารักอยู่ดี
"นอนไหมครับแฟน" ผมจับแขนเขาให้ลงมา ก่อนที่จะผลักไหล่คนนั่งบนเตียงให้นอนลง "นอนเยอะๆจะได้โตไวๆเนอะ"
"โตมากกว่านี้ตุเวงจะรับไม่ไหวเอานา" พี่ฟิวก็ยังคงเป็นเด็กเสมอจนเสมอปลาย แฟนผมยังคงยิ้มกรุมกริ่มแม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะโดนผมคร่อมบนตัวก็ตาม
"ทศรับพี่ได้หมดแหละครับ"
"ชื่นใจจังครับแฟน"
"นอนเนอะ"
พี่ฟิวพยักหน้าทั้งๆที่หัวเราะเสียงแหบ ผมล้มตัวลงข้างๆคนบนเตียง ก่อนที่คนรักผมจะดึงผ้าห่มคลุมให้พร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่ประทับตรงหน้าผาก
"ฝันดีครับทศ รักทศนะ"
"ครับ" ผมขยับหัวตัวให้ซุกเข้าอกอีกฝ่ายเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นทั้งๆที่ผ้าห่มก็อุ่นจนร้อนแล้ว "ทศก็รักพี่ครับ"
รักจนไม่อยากห่างกันอีกแล้ว
.
.
.
.
.
"อะนี่ทศ ข้อมูล" นนท์ยื่นกระดาษสีขาวใบเล็กๆ พร้อมกับภาพบางคนที่แคปส่งมาในแชท ในกระดาษเล็กๆเป็นเหมือนไอดีไลน์ ส่วนในแชทเหมือนจะเป็นรูปภาพ เฟสบุ๊ค กับชื่อนามสกุลและสาขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อนคนนี้อยากให้ผมเข้ากิจกรรมขนาดไหน
ผมพยักหน้าขอบคุณ ก่อนที่ร่างผอมตรงหน้าจะนั่งลงเก้าอี้หินอ่อนของคณะแบบไม่ต้องเชิญ
"แต่ได้ข่าวมานะว่า ไอ้ต่วยเนี่ยมันเป็นคนอคติ แบบถ้าไม่ชอบใครแล้วก็จะไม่ชอบอะ แต่ถ้าชอบใครนี่แม่งตาบอดไปหมดดดดด"
"และมึง ไอ้ทศมึงอยู่ไทป์แรกแน่นอน"ชัยกล่าวเสริม
"แบบไม่ชอบขี้หน้าอะ"
"แม่งเกลียดมึงเลยดีกว่า เอาตรงๆ"
ขอบใจนะชัย กูสบายใจขึ้นมากเลย
ผมยิ้มบางรับพวกเพื่อนสองคนด้วยหน้าเรียบเฉยทั้งๆที่ในหัวเริ่มตีกันไปหมด เอาไงดีวะ ใช้เงินฟาดหัวเลยได้ไหมง่ายดี
"แล้วคนอื่น?" ผมลองถามนนท์อีกครั้งเผื่อจะมีเคสง่ายๆบ้าง เพราะเอาจริงๆผมต้องการด่วนอยู่เหมือนกัน พวกแก๊งค์พี่ว้ากจะลงมาให้ลายเซ็นวันที่สาม ซึ่งถ้าตัดวันนี้ไปมันเหลือแค่อีกสองวันด้วยซ้ำ
จะให้คนรักผมเฟลไม่ได้ ไม่ได้!
"นี่แหละ เฮดแล้ว คือมันเป็นหัวหน้างานอะ สมุดเหลือก็อยู่ที่มัน เงินก็อยู่ที่มัน แบบ... เหรัญไม่ต้องทำอะไรเลยแค่นั่งเชิดๆอย่างเดียว"
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วว่างั้นเถอะ
ผมกรอกตาใช้ความคิด ก่อนที่จะมองตรวจสอบหน้าฟีดเฟสของคนที่เป็นเฮดไปด้วย ถ้าผมเดาไม่ผิดเขาน่าจะ...
เยี่ยม อันนี้น่าจะใช้ได้
"ไม่เป็นไรนนท์ เราจะพยายามหาทางละกัน" ผมเอ่ยขึ้นแต่ดูเหมือนนนท์จะไม่มั่นใจ
"ไหวแน่นะทศ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ"
"ถ้าไม่ได้ก็ดักตีแม่งเลยดิ ง่ายดี" ชัยมึงต้องไม่ก้าวร้าวสิ นนท์ก็ดูเห็นด้วยกับผม เด็กเรียนแว่นหนาทำสีหน้ารังเกียจชัยเหมือนเห็นเพื่อนข้างๆเป็นสปีชีย์ที่ไม่น่าพิศสมัย
ผมหัวเราะใส่ทั้งคู่พลางเก็บกระดาษที่เขียนไลน์ในลงกระเป๋า
“กูมีวิธีน่า... ว่าแต่ Aquaman นี่เข้าโรงวันไหนนะ”
_______________________________________________________________________________________________________