พิมพ์หน้านี้ - HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่3 (อัพเดท 17/11/2562)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: ptp ที่ 22-02-2018 21:32:31

หัวข้อ: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่3 (อัพเดท 17/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 22-02-2018 21:32:31
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด  โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ผู้แต่ง:: บอกตามตรงว่าผู้แต่งไม่ได้มาอัพบ่อยๆนะคะ ถ้าช่วงไหนว่างจะลงมาอัพอีกทีนึงค่ะ ขอโทษทุกคนไว้ที่นี้ก่อนด้วย 
ตัวละคร สถานที่ เหตุการณ์ต่างๆเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ถ้าไปคล้ายคลึงกับใครสถานที่ใดก็ขออภัยนะคะ แต่ทั้งหมดเป็นจินตนาการของผู้แต่งล้วนๆค่ะ อาจจะพาดพิงบ้างจากที่ผู้แต่งเคยประสบเจอแต่ไม่ได้คิดแง่ร้ายแน่นอนค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องใสๆ ไม่ค่อยมีสาระและความจริงนะคะ บางส่วนอาจจะเกินจริงไปบ้างใครไม่ชอบก็ขอโทษด้วยนะคะคุณ


 :z10: :z10:

หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 22-02-2018 21:45:41
HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!



"ผมชอบตาของพี่ ผมชอบรอยยิ้มของพี่ ชอบทุกอย่างที่เป็นพี่"

คำพูดนั้นเหมือนเป็นคำสัญญาว่าต่อไปนี้คนที่น่ารักที่สุดในสายตาผมคือผู้ชายที่ชื่อฟิวคนเดียวเท่านั้น

"แฟนผมเป็นคนน่ารัก"

นั่นคือภาพความทรงจำอันสดใสสมัยมัธยมต้นของผมก่อนที่จะย้ายไปเรียนต่างประเทศ
และตอนนี้ผมก็ดีใจแทบตายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง!!!!
.
.



.
"เฮดว้ากแม่งโคตรโหดเลยวะ"

"นิสัยน่ากลัวไม่พอหน้ายังโจรอีก ถ้าบอกว่าพี่แกเคยฉุดเด็กกูก็เชื่อ"

"ตอนแกเดินผ่านสาวบัญชีกูเห็นเขาหน้าถอดสีกันเป็นแถบ"

"กูไม่แปลกใจ ขนาดกูเป็นผู้ชายยังกะ---"

"ปีหนึ่ง!!!! จัดแถว!!"

ผมรีบวิ่งแทรกแถวเพื่อนที่คุยอยู่เมื่อกี้
พวกเขาเลิกลั่กเหมือนกลัวโดนจับได้ทำเอาผมหลุดขำ แต่กลับโดนตาคนหน้าแถวอย่างจัง!

"ตลกหรอครับ!! สนุกกันมากใช่ไหม! ปีหนึ่งสก็อตจัมป์ห้าสิบครั้ง ปฏิบัติ!!!"

"ไอ้เหี้X! ดุอย่างกับหมา ชาตินี้แม่งก็ไม่มีใครเอาหรอก!!!"

เอิ่ม..เพื่อนครับไม่ต้องโกธรแทนกูก็ได้ เพราะคนที่เพื่อนด่าอยู่น่ะ..

แฟนกูว้อย!!!!!!!!

---------------------------------------------------------------------


หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 22-02-2018 22:47:28
 o13 ตามค่ะ...คิดถึงนิยายแนวนี้จัง... มาต่อไวๆนะค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 22-02-2018 22:56:17
รอออออ น่าตามมมม 55555555555555555555
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!_เริ่มกฏมีแฟนเป็นพี้ว้าก_
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 22-02-2018 23:09:32
HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!

เริ่มกฏมีแฟนเป็นพี่ว้าก



     "ทศ!!!!" เสียงทุ้มแหบคุ้นหูที่ผมฟังแล้วต้องขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง ผมรีบหันไปตามเสียงก่อนที่จะสะดุดตากับร่างสูงที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขาดๆ ผมไม่เอะใจกับแฟชั่นเขาหรอก แต่ที่ทำให้ผมขมวดคิ้วกว่าเดิม คือใบหน้าที่มีแมสปิดปากสวมแว่นกันแดดปิดบังดวงตากับหมวกไหมพรมที่คลุมผมทั้งหมดต่างหาก


       เอ่อ... นี่แฟนผมหนีคดี??


     แต่ผมก็ปัดความสงสัยทิ้ง รีบวิ่งไปหาคนตรงหน้าที่คิดถึงมาตลอดสามปี ปล่อยของไว้ที่พื้นก่อนจะกระโจนใส่อ้อมแขนที่ผมจำได้ว่าอุ่นแค่ไหนและแน่นอนตอนนี้ก็ยังอุ่นอยู่


       คนกอดผมเซเล็กน้อยทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ผมไม่ได้ตัวเล็กเหมือนสมัยก่อนแล้ว ตอนนี้ผมตัวเท่ากับพี่่ฟิว ผู้ชายที่ตัวสูงในความทรงจำผมในอดีต
 


       "โอยยยย คิดถึงจัง" เสียงทุ้มแหบเหมือนคนไม่สบายกระซิบข้างหู ก่อนที่ผมจะรู้สึกจั๊กจี้เล็กๆตรงข้างๆคอ จั๊กจี้เพราะแมสปิดปากถูกกับคอผมนี่แหละ ไม่ได้อีโรติกอะไรหรอกครับ
 


      "เหมือนกันครับ แต่เสียงพี่ฟิวดูแหบๆนะ ไม่สบายรึเปล่าครับ" ผมถามเสียงกังวลพลางเอามือแนบหน้าผากที่มีพื้นที่เหลือน้อยนิดจากแว่นตาแล้วผละออกมาแนบที่ต้นคออีกฝ่ายบ้าง
 


       "ตัวก็ไม่ร้อนนี่ครับ ทำไมเสียงแย่แบบนั้นละ" ผมขมวดคิ้วอีกครั้ง อยากจะสบสายตาคนตรงหน้าแต่ติดตรงแว่นตาจนแอบรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ไม่ได้เจอคนรักมาตั้งนาน แต่กลับได้มองหน้าไอ้โม่งที่ไหนก็ไม่รู้
 


      "แล้วแว่นนี่คืออะไรหรอครับ? หมวกไหมพรมอีก พี่ฟิวไม่ร้อนหรอ?" ผมเอียงคอสงสัย อันนี้สงสัยจริงๆเพราะขนาดแค่ผมลงจากรถไฟแปบเดียว เหงื่อกลับไหลตามเส้นผมเต็มไปหมด


 
       "อ่อ..แฟชั่นน่ะเดี๋ยวนี้เขาฮิตกัน! ไม่ร้อนหรอก ทศไปอยู่ต่างประเทศตั้งนานจะร้อนกว่าพี่ก็ไม่แปลก"


     พูดจบก็หัวเราะแฮะๆ เกาหลังคออย่างมีพิรุธ ผมหรี่ตาลงเล็กน้อย เพราะทุกครั้งที่แฟนผมกำลังจะปิดบังอะไร เขาจะเกาคอแล้วเหล่ตาไปทางซ้าย แต่ครั้งนี้เขาใส่แว่นตาผมเลยไม่รู้ว่าเขากำลังปิดบังผมจริงๆหรือผมคิดไปเอง
 


       "แล้ว..แว่นละครับ" ผมชี้ไปที่สิ่งขัดตาผมที่สุด ผมชอบมองตาของคนรักแต่พอมาเจอกันกลับไม่ได้สบตาใสเป็นอะไรที่ทำให้ผมคันยุบยิบในใจ



     "พี่... ตาบวมนิดหน่อย" พูดจบพี่ฟิวก็ก้มลงหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าผมบนพื้น



      พอเห็นคนรักถือกระเป๋าให้ ผมก็รีบแย่งใบที่ใหญ่สุดแล้วยื่นใบเล็กไปให้อีกฝ่ายแทน พี่ฟิวชะงักเล็กน้อยพลางเอื้อมมือจะหยิบกระเป๋าใบใหญ่ในมือผมแต่ผมรีบขัดไว้ก่อน


 
     "พี่ฟิวดูเหนื่อยๆ ผมถือเองดีกว่าครับ เราไปกันดีกว่าพี่จะได้พักด้วย" เพราะเหงื่อพี่นี่ไหลเป็นน้ำตกเลย ผมแอบต่อในใจไม่อยากจะขัดศรัทธาแฟชั่นของเขา

 
     "โอเค งั้นรีบกลับห้องของเราดีกว่าเนอะ" ผมยิ้มกว้างรับคำ รู้สึกดีกับคำว่า 'ห้องของเรา' เพราะเรื่องนี้ถือเป็นความฝันอีกอย่างของผมตอนอยู่ที่ต่างประเทศเลย


       พี่ฟิวสลับมือถือกระเป๋าก่อนจะเอามือซ้ายที่่ว่างแล้วมากุมมือข้างขวาผมไว้ มืออุ่นร้อนชื้นนิดๆเพราะสภาพอากาศทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมไปอีก
 


     "แล้ว..รถของเราอยู่ไหนหรอครับ" ผมเน้นคำว่า 'ของเรา' จนคนข้างๆหัวเราะสดใสทั้งๆที่เสียงแหบฟังไปฟังมาดูเหมือนเป็ด แต่เพราะคนนั้นๆคือแฟนผมเสียงแบบนี้เลยน่ารักเป็นพิเศษ



       พี่ฟิวพาผมไปที่รถฮอนด้าสีขาวคันเล็ก ที่ผมเพิ่งรู้มาว่าเขาเอาเงินเก็บทั้งหมดมาซื้อเพื่อให้ผมกับเขาได้ไปมหาลัยด้วยกัน ถึงแม้ว่าผมจะอยากแย้งเขาว่าใช้รถพ่อผมก็ได้ เพราะบ้านผมมีรถเยอะมากจนอยากจะเอาไปบริจาคแล้ว แต่พอได้ฟังน้ำเสียงดีใจปนคาดหวังจากผมตอนนั้น ผมก็เลยไม่อยากจะขัด
 


      เรานั่งคุยกันระหว่างกลับหอในรถฮอนด้าที่ตกแต่งเบาะด้วยสีน้ำเงินเข้มสีโปรดผม ใบหน้าที่ด้านข้างที่ปกปิดด้วยแว่นตาไม่ถึง ทำให้ผมแอบเห็นดวงตาสดใสใต้แว่น แววตาคนรักผมดูมีความสุขมากจนผมต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม



        พี่ฟิวเล่าเรื่องมหาวิทยาลัยที่เขาใช้ชีวิตมาสองปีจนตอนนี้ขึ้นปีที่สามแล้ว ถึงจะเคยฟังเรื่องนี้มาหลายครั้งแต่ผมก็อยากฟังอีก


       เพราะแฟนผมน่ารักไงครับ ถึงเขาจะทำอะไรก็น่ารักไปหมด
 


        พวกเราช่วยกันขนของลงรถก่อนที่จะพากันขึ้นไปบนห้องของพี่ฟิว ที่ตอนนี้จะกลายเป็นห้องของเรา ห้องพี่ฟิวไม่ใหญ่แบบคอนโด แต่มีการแบ่งแยกสัดส่วนโต๊ะอ่านหนังสือ ห้องอาบน้ำ โซฟา และห้องครัว
   

      ผมพอรู้มาบ้างว่าห้องเช่าพวกนี้จะแคบมากบางห้องมีแค่ห้องนอนกับห้องน้ำ ที่ห้องของพี่ฟิวใหญ่ขนาดที่อยู่สองคนได้สบายขนาดนี้แสดงว่าเขาต้องพยายามหามาเพื่อผมแน่ๆ ผมไม่อยากจะโม้หรอกนะครับ แต่บ้านผมค่อนข้างมีฐานะ พี่ฟิวก็รู้เรื่องนี้ดี เขาเลยรู้สึกกังวลตั้งแต่ผมเริ่มเดินสำรวจห้อง


       ผมมองคนรักที่ดูกังวลจนแมสปิดปากกับแว่นตาปิดไม่มิด แล้วหัวเราะในใจ


 
      "ห้องสวยมากเลยครับ" ผมยิ้มให้กับคนขี้กลัว ก่อนจะนั่งลงบนเตียงสีน้ำเงินเข้ม
     

       ร่างกายสัมผัสถึงความนุ่มที่ดูก็รู้เลยว่าไม่ได้มาจากที่พักจัดให้แน่นอน พอคิดได้แบบนั้นผมก็ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก อ้าแขนให้คนตรงหน้าที่มองอยู่



        "ชาร์ตพลังหน่อยไหมครับ?" คนถูกถามหัวเราะก่อนจะถอดแว่นตาที่ผมภาวนาให้หลุดออกไปตลอด แล้วกระโดดเข้าอ้อมแขนผมจนเราหงายหลังลงบนเตียงด้วยกัน


 
       "ทำไมน่ารักแบบนี้เนี่ย ฮะ ฮะ ฮะ!" ผมหัวเราะให้กับคำพูดของแฟนตัวเองที่ตอนนี้อยู่บนตัวผมพลางฟัดแก้มผมซ้ายขวาผ่านแมสปิดปากจนแอบรู้สึกคันๆ


 
       "ก็กลัวแฟนไม่รักไงครับ" ผมตอบพลางโอบเอวคนข้างบนดึงมากอดให้แน่นกว่าเดิม ฝังจมูกไปกับลาดไหล่กว้างพลางสูดกลิ่นที่เหมือนเดิม เหมือนกับสามปีที่แล้วเป๊ะๆ


       "ให้แฟนรักคนเดียวพอนะ คนอื่นห้าม" เสียงแหบดุ ผมแอบรู้สึกว่าน้ำเสียงเขาดูน่าเกรงขามกว่าเดิมจนผมหุบยิ้มไปนิดๆ แต่พออีกฝ่ายผละออกมาสบตากัน ผมก็ต้องยิ้มกว้างให้กับดวงตาใสนั่นอีกรอบ สงสัยผมจะยังไม่ชินคนรักเวอร์ชั่นตอนโตสักเท่าไหร่



      ว่าแต่พี่ฟิวตาบวมจริงๆด้วยแฮะ ผมเอื้อมมือสัมผัสใต้ตาอีกฝ่ายเบาๆ พี่ฟิวเอียงหน้ารับสัมผัสมือผมก่อนที่คิ้วของอีกฝ่ายจะขมวดนิดๆ



      "ทำไมทศหล่อจังวะ" มืออุ่นที่แอบหยาบ สัมผัสกับแก้มผมก่อนเจ้าของมือจะพูดต่อ "ตัวก็ขาวโอโม่ชิบหาย” ผมหัวเราะทั้งๆที่เอียงหน้ารับสัมผัสมืออีกฝ่ายตาม



        "ก็อยู่ที่ลอนดอนตั้งสามปีนี่ครับ พี่ฟิวก็ดูตัวใหญ่ขึ้นนะผิวดูแทนขึ้นด้วย สีสวยจัง" ผมยิ้มพลางลูบต้นแขนอีกฝ่ายที่ดูมีกล้ามเนื้อมากกว่าตอนมัธยมขึ้นเยอะ แต่ผมก็มีแหละครับ ที่ต่างประเทศส่วนใหญ่ผู้ชายไฮสคูลทุกคนมีกล้ามมีซิกแพคกันทั้งนั้น แน่นอนผมก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้น



     "สวยอะไรละ โดนเรียกดำจนเป็นฉายาละเนี่ย แต่ทศหล่อจริงๆนะ หล่อขึ้นมาก หล่อ....มากๆ" พูดจบคิ้วเข้มก็ขมวดขึ้นอีก จนผมต้องเอานิ้วนวดเบาๆคลายให้



       "แล้วมีแฟนหล่อไม่ดีหรอครับ" มีแต่คนชอบที่ผมหล่อ แต่แฟนผมกลับดูไม่ชอบ ผมควรทำยังไงดีละเนี่ย


       "เฮอะ ไอ้หล่อน่ะก็ดี แต่หล่อเกินไปแบบทศน่ะไม่ดี แล้วซิกแพคนี่มีไว้ทำไม ฮึ?" ผมกำลังจะอ้าประท้วงว่าซิกแพคผมไม่ดีตรงไหน แต่พอจะอ้าปากก็ต้องหลุดหัวเราะออกมาก่อนเพราะคนบนตัวก้มหน้าฟัดท้องผมแทน



      "ฮ่าๆ พี่ฟิวทำอะไรเนี่ย จั๊กจี้!!" จั๊กจี้ไม่พอเสียวท้องวาบด้วยนี่สิเรื่องใหญ่ผมดิ้นใต้ร่างคนรักทั้งๆที่หัวเราะเสียงใส งงกับตัวเองเหมือนกัน ตกลงจะขัดขืนหรือสมยอมลังเลไปหมด


      "อยากมีมากใช่ไหมซิกแพคเนี่ย พี่จะกินให้หมด!" ไม่พูดเปล่าพี่ฟิวก็ถลกเสื้อผมขึ้นก้มลงกัดหน้าท้องจนรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ไอ้ตอนแรกๆก็เจ็บอยู่หรอกแต่พออีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนจากกัดเป็นพรมจูบไปทั่วหน้าท้องเท่านั้นแหละ


        อื้อหือ! ปากพี่ฟิวนุ่มมากเลยครับ โอยยยยยย



      "อื้อออออ พอแล้วพี่ฟิว" เคลิ้มแล้วครับแฟน ผมร้องอื้ออึงออกมาตอนรู้สึกเหมือนปากนุ่มๆของคนรักจูบวนทั่วสะดือ จนอารมณ์ร้อนๆเริ่มไต่ระดับ


     "หอมอะ ให้ซิกแพคยุบก่อนนะแล้วจะหยุด" คนซุกท้องพูดทั้งๆที่จมูกแนบกับร่างผมอยู่ เสียงที่พูดออกมาฟังดูไม่ชัดเจนแต่ชัดในความรู้สึกเว่อร์ ความรู้สึกเสียวๆวาบๆอะครับ คันนิดๆเหมือนโดนอะไรข่วนด้วย จั๊กจี้ดี



     เดี๋ยวนะ....


      อะไรข่วน??


       ผมยันตัวเองขึ้นพยายามมองหน้าคนรักแต่กลับเห็นแต่หมวกไหมพรม นี่แฟนผมต้องแนบหน้ากับท้องผมแน่นขนาดไหนเนี่ย


      "พะ พี่ฟิว" ผมจับหัวคนรักให้ยกขึ้น แต่อีกฝ่ายยิ่งกดซุกไซ้กว่าเดิม คือจริงๆก็หื่นนะครับแต่ความสงสัยมันมากกว่า "พี่ถอดแมสออกแล้วหรอครับ แต่ทำไมถึง---"


     Rrrrrrrrrrrrrrrrr

         พรึบ!


   
      ทำไมถึงยังรู้สึกคัน....คัน

        ผมกลืนประโยคนั่นลงคอ ทันทีที่เห็นแฟนสุดที่รักรีบหมุนตัวหันหลังใส่ ก่อนจะดีดตัวลงจากเตียง ภายในเสี้ยววินาที ยังไม่ทันที่ผมจะได้สติ ร่างตรงหน้าก็มีแมสปิดปากปกปิดครึ่งหน้าไว้เหมือนเดิมแล้ว

       ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ที่ร้องขึ้นมาแนบหู ทำท่าทำทางขออนุญาตผมที่อยู่บนเตียง ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป...
 
 
.     เดี๋ยวนะ...



.       เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นวะ??



     ผมกระพริบตาปริบๆตั้งสติ แล้วเพิ่งตระหนักได้ว่าแฟนตัวเองหนีไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ทำไมต้องออกไปคุยข้างนอก? คำถามนี้วนเวียนในหัวผมทันที คำว่าหงุดหงิดวนเวียนไปมาก่อนหน้านี้ขนาดเรื่องเพื่อนสนิทเขาปวดท้องอึไม่ออก เขายังคุยต่อหน้าผมปาวๆอยู่เลย

      แต่มันก็ผ่านมาตั้งสามปีแล้วนี่เนอะ...


       ไม่ทันที่ผมจะได้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เสียงข้อความในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมรีบเอื้อมมือกดดูทันทีที่เห็นชื่อคนรักตัวเอง ก่อนที่จะขมวดคิ้วกับข้อความไปอีก


           พี่ต้องออกไปทำธุระก่อน คืนนี้พี่กลับดึกนะ นอนได้เลยไม่ต้องรอ



         นี่คือ... ผมโดนทิ้ง???
.
.
 .

 .
 .

 .
 .

        เสียงกุกกักกับสัมผัสยุบลงของเตียงทำให้ผมต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมาทั้งๆที่ยังงัวเงีย ไฟในห้องที่มืดสนิทพร้อมกับร่างเงาสูงตะคุ่มๆ แต่เพราะกลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมเอื้อมมือไปหาคนตรงหน้า


     ร่างสูงจับมือผมไว้ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกัน ไม่ทันที่ผมจะเข้าไปนอนกอด พี่ฟิวก็จับผมหันหลังนอนตะแคงก่อนจะเข้ามากอดเอวแน่นจนสัมผัสได้ถึงอกอุ่น


       ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย จำได้ว่าอีกฝ่ายชอบนอนแบบหันหน้าเข้าหากัน แต่ไม่ทันจะได้หันกลับไปถาม สัมผัสอุ่นนุ่มๆก็ประทับที่ต้นคอพร้อมกับเสียงกระซิบที่ผมชอบ


       “นอนนะครับคนดี” เสียงอีกฝ่ายดูแหบแห้งและเหนื่อยอ่อน ผมขมวดคิ้วไม่กล้าเอ่ยถามข้อสงสัย ทำได้แต่เลื่อนไปกุมมือคนที่อยู่ตรงเอวแล้วหลับตากล่อมตัวเองให้หลับอีกครั้ง
.

.

 .
       ถึงจะมีอะไรข่วนๆถูๆอยู่หลังคอตลอดก็เถอะ พี่ฟิวใส่แมสปิดปากนอนหรอครับ?




---------------------------------------------------------------
         บทนำจบละจ้าาาา ไม่รู้อะไรเพิ่มเลย5555 ตอนหน้าก็เปิดเทอมแล้ว รวบรัดตัดตอนมากเว่อร์  ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ  :laugh: :laugh: :laugh:


หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-02-2018 02:40:19
จะหลบหน้าไปทำไมเนี่ย กลัวจะรับไม่ได้หรอ หนวดฟิว  o18
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-02-2018 05:48:14
พี่ฟิวดูเกรงอกเกรงใจทศอยู่นะนั่น
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-02-2018 07:23:19
อยากเห็นพี่ว้ากน้องแล้วล่ะค่ะ 5555+
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-02-2018 10:18:32
 :hao7: 5555 อะไรข่วน.... :hao7: หนวดแน่ๆ...  :hao3:
FyI :รบกวนลงวันที่ได้ไหมค่ะ ...  :mew2: จะได้ทราบว่ามาลงตอนใหม่แล้ว  :ruready
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 23-02-2018 11:06:38
HOLY SHXT!!
ติดเรื่องนี้เข้าซะแว้วววว
กระหน่ำบวกและกดเป็ดน้อยรัวๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-02-2018 12:49:32
คือกลัวทศตกใจหนวด?
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 23-02-2018 13:01:52
เกิดอะไรขึ้นครับพี่ฟิว 5555555555555555
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 23-02-2018 18:11:59
แม็ก? =Mask มาส์ก
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 23-02-2018 18:45:06
แม็ก? =Mask มาส์ก

ว้ายยยย ขอบคุณมากค่ะ แก้เรียบร้อยแล้วพูดแม็กมาทั้งชีวิต ตายแล้ววววว  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-02-2018 19:13:34
ไม่อยากให้น้องรู้สิว่าเป็นพี่ว้าก 5555
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-02-2018 21:19:17
ยังไงๆ ฮึ.....พี่ฟิว แปลกๆนะ
พี่ฟิวไว้หนวดไว้เครา เพราะเป็นพี่ว้าก  :hao3:
ขนาดแฟนยังไม่ให้รู้เลย  ซื่อตรงมากมาก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-02-2018 01:21:31
ตามจ้าาา มีอัพเดตวันที่ลงตรงหัวเรื่องจะดีมากจ้าาาา จะได้กดเข้ามาอ่านถูกวัน
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-02-2018 20:15:39
ตามค่ะตาม
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-02-2018 21:22:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 03-03-2018 22:26:18
มารอ   o13
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: Hydrangeagirls ที่ 03-03-2018 22:38:03
พี่เค้าซ่อนหนวดแน่ๆเลย555 ตอนแรกก็ติดแล้วเนี่ย :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก!
เริ่มหัวข้อโดย: chaleeisis ที่ 09-03-2018 21:58:09
ลงที่นี่ด้วยเหรอคะ http://www.tunwalai.com/story/219495 (http://www.tunwalai.com/story/219495)
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 :: เป็นแฟนพี่ว้ากอย่าหัวร้อน
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 13-03-2018 02:54:25
กฏที่1 :: เป็นแฟนพี่ว้ากอย่าหัวร้อน

"ปีหนึ่งได้ป้ายชื่อแล้ว หาที่นั่งเลยนะคะ" ผมยิ้มขอบคุณให้พี่ผู้หญิงเสียงสวย รุ่นพี่ร่างท้วมตรงหน้าผมยื่นป้ายแขวนคอให้ก่อนที่มือจะตีแขนผมเบาๆ


"ว้าย! อย่ายิ้มให้พี่ ใจพี่สั่นค่ะน้อง!!" สาวท้วมเอามือปิดแก้มสีแดงระเรื่อแล้วบิดตัวไปมา ท่าทางนั้นทำให้ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ผมก้มขอบคุณรุ่นพี่ก่อนจะเดินตามคนอื่นๆเข้าหอประชุมไป


    ภายในหอประชุมมีเวทีขนาดปานกลางอยู่ข้างหน้า ตรงพื้นเต็มไปด้วยคนที่ใส่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบเหมือนผม พร้อมกับรุ่นพี่ที่ถือป้ายชื่อสาขาย่อยอยู่ตรงหน้าแถว ซึ่งมันจะดีมากถ้าคนที่มองป้ายพวกนั้นสายตาดีแต่คนที่มองดันเป็นผมนี่สิ เมื่อเช้าตอนตื่นมาก็ไร้ร่างคนรักแล้ว มีเพียงแผ่นโพสอิทสีฟ้าเป็นตัวแทนอวยพรวันเปิดเทอมใหม่เท่านั้น ช็อกเรื่องคนรักหายไม่พอยิ่งรู้ว่าต้องไปมหาลัยทั้งที่ไม่เคยไปคนเดียวอีก ทำเอาผมลนลานจนลืมใส่คอนแทคเลนส์ไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นแว่นตาก็ลืมอยู่ในกระเป๋าเดินทางอีกต่างหาก เรื่องนี้ผมโทษแฟนสุดที่รักเลย อีกฝ่ายควรมาพร้อมผมแท้ๆไม่ใช่แปะแค่โพสอิทกับพร่ำเพ้อขอโทษในข้อความโทรศัพท์ แต่พอจินตนาการถึงหน้าอีกฝ่ายตอนส่งข้อความขอโทษมาแล้ว ผมที่หลงพี่ฟิวขนาดนี้ก็โกธรเขาได้ไม่เกินสามวิหรอก

    แต่เรื่องเคืองรึเปล่านี้อีกเรื่องนะ ถ้าเย็นนี้เขาไม่หาวิธีง้อผมละก็จะจัดหนักให้!!

     มั่นหมายในใจได้ไม่นาน ผมก็ต้องออกมาสู่ความจริง พอมองแถวละลานตาด้วยสายตาพร่ามัวแล้ว ผมก็ได้แต่เดินไปซุ่มพวกท้ายแถว ค่อยๆถามแต่ละแถวว่าอยู่สาขาไหน  ผมไม่กล้าเดินไปหน้าแถวหรอกครับ บอกตามตรงผมไม่อยากเด่นจางไปกับอากาศได้ยิ่งดี  ถึงจะไม่เคยเป็นแบบนั้นได้ก็เถอะ เดินถามได้ไม่นานก็เกือบถึงแถวสุดท้ายแล้ว ผมสะกิดคนท้ายแถวครั้งที่หกก่อนที่จะได้รับคำตอบที่พอใจ


"ถะ แถวนี้ ซะ ซีอี.....อะ” ผมยิ้มรับขอบคุณผู้ชายแว่นหนาที่อ้าปากพะงาบๆตรงหน้า แล้วทรุดนั่งลงข้างหลังเขาทำเป็นเมินหน้าตาเด็กเรียนที่ดูตกอกตกใจเหมือนเห็นผมมีเขางอก แล้วถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่เลย


"เราทศนะ นายชื่ออะไร" ฉีกยิ้มที่ดูเป็นมิตรที่สุดถึงแม้อีกฝ่ายจะทำปากเป็นปลาทองอยู่ก็ตาม


     อ้า...หุบ อ้า....หุบ

     
      ชักจะเหมือนจริงๆแล้วแฮะ


"ฮ่าๆ ไอ้นี่มันชื่อนนท์ มันขี้ตื่นแบบนี้แหละ กูชื่อชัยกูพูดกูมึงได้ใช่ป่ะ?" ผู้ชายหน้าคมข้างๆปลาทองถามผม เจ้าตัวฉีกยิ้มบุคลิกเป็นมิตรจนดูไม่เหมือนคนกรุงเทพ ผมฉีกยิ้มกลับให้อีกฝ่าย


"ได้ดิ กูก็ใช้" ถึงจะไม่ค่อยคล่องก็เถอะ ในหัวผมมีแต่คำหยาบภาษาอังกฤษเต็มไปหมดที่บ้านผมไม่ชอบให้ใช้อังกฤษคำไทยคำผมเลยติดนิสัยนี้มา


"โห ทศมึงอย่ายิ้มเยอะดิพวกกูจางกันหมดแล้วเนี่ย" ชัยโวยวายหน้าตาจริงจัง แต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาพูดเล่นเลยหัวเราะเบาๆมาอีกระลอก ตลกหน้าเขาอะครับไม่ใช่คำพูดหรอก


"ก็เว่อร์ไป คนนะไม่ใช่อากาศ" เหมือนยิ่งแก้ตัวยิ่งแย่ ชัยเบะปากเหล่สายตาให้ผมดูพวกผู้หญิงรอบๆว่าพวกเธอเห็นพวกชัยเป็นอากาศจริงหรือเปล่า ผมหันไปยิ้มอ่อนๆให้พวกเธอก่อนจะหันไปยิ้มเจื่อนๆกับเพื่อนใหม่


"ยิ่งกว่าอากาศอีกพวกกูเนี่ย" ชัยบ่นแค่ให้ผมได้ยิน ผมยิ้มแหย่ๆมองคนหน้าคมกระทุ้งแรงๆไปที่นนท์ เจ้าปลาทองตอนนี้หยุดอ้าปากแล้ว แต่ตายังคงถลนใส่ผมอยู่


"เยอะแล้วไอ้นนท์ เห็นคนหล่อไม่ได้เลยนะมึง!"


"สัส! กูแค่ตกใจ" เด็กหนุ่มแว่นหนาโวยวายก่อนจะเหล่สายตามาที่ผมแบบกล้าๆกลัว "แค่ไม่ถูกกับคนหน้าตาดีแบบ....ดีมาก กูรู้สึก....เหมือนทำสิ่งศักดิ์สิทธิ์แปดเปื้อน" ผมหัวเราะ อันนี้ก็เว่อร์ไป


      ผมนั่งฟังคู่ดูโอ้สองคนคุยกัน ฟังไปก็ขำไป พอมีเพื่อนความรู้สึกกลัวๆเกรงๆในมหาลัยก็ลดน้อยลง ตอนนี้ผมเข้าเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ เต็มยศเชียว จริงๆผมจบไฮสคูลหลักสูตรบริหารมา แต่ก็นั่นแหละไหนๆผมจะตั้งใจย้ายจากอีกซีกโลกมาหาคนรักแล้ว ผมก็ต้องอยู่ใกล้เขาให้สุดจริงไหม?


       ผมก็เลยตัดสินใจเข้าคณะเดียวกันกับพี่ฟิว ถึงจะเรียนคนละปีแต่ก็ยังมีโอกาสได้เจอกันมากกว่าคณะอื่นอยู่ดี ถึงใครจะบอกว่าผมทำตามใจเกินไปก็เถอะ แต่ในความคิดผมทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเองผมสามารถกำหนดชีวิตผมเอง กำหนดคนรักผมเอง


       ผมไม่ชอบการบังคับ และใครก็บังคับผมไม่ได้


       ยกเว้นคนที่ผมรักนะครับ


        ชัยเล่าถึงความเป็นมาของมหาลัยจนผมแอบสงสัยว่าเขาเป็นพี่แฝงรึเปล่า แต่ดูจากที่เขาบ่นกิจกรรมพี่สันน่าเบื่อ (แต่ผมชอบนะครับ พี่เต้นตลกดี) บ่นทุกอย่างเกี่ยวกับปฐมนิเทศก่อนหน้านี้ ซึ่งผมกลับมาจากต่างประเทศไม่ทัน ดูๆแล้วดูเหมือนเพื่อนเฟรนลี่ของผมคนนี้จะไม่ค่อยชอบกิจกรรมเท่าไหร่ ดูขัดกับบุคลิกเขาเหลือเกิน


        พวกเรามองพี่สันพูดคุยเล่นกิจกรรมกันอีกสักพัก โชคดีที่เราอยู่เกือบท้ายๆแถวทำให้ไม่ถูกพวกรุ่นพี่ด้านหน้าเรียกไปเต้น (ต้องขอบคุณหลังของนนท์ด้วยครับที่ให้ผมแอบ) ก่อนที่อยู่ๆหอประชุมก็เงียบลง พร้อมกับประตูหอประชุมที่เปิดออก


       มีคนกลุ่มนึงเดินเข้ามาในหอประชุม ผมเห็นลางๆว่าใส่เสื้อสีแดงที่ผมเดาว่าคงเป็นเสื้อช็อป พวกเขาเดินมายืนกระจายอยู่ข้างหน้าแถว แต่มีคนนึงเดินขึ้นไปบนเวที ก่อนที่คนบนเวทีจะเอ่ยเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามเหมือนสิงโตคำรามดังทั่วหอประชุมใหญ่โดยไม่ต้องใช้เครื่องขยายเลยสักนิด


"สวัสดีปีหนึ่ง ผมวรชน เป็นรุ่นพี่ปีสามคณะวิศวกรรมศาสตร์ของพวกคุณ ผมมีหน้าที่ดูแลพวกคุณตลอดระยะการศึกษานี้!!" สิ้นเสียงคำรามที่ฟังแล้วทำให้รู้สึกประหม่า ทั้งห้องประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบจนผมได้ยินเสียงใจตัวเองเต้นดังก้องอยู่ในหัว


         สะ...
 

         เสียงนั่น 


       ผมได้แต่จ้องไปที่คนเวททีด้วยอาการตกใจ ไม่ใช่เพราะเสียงนั่นน่ากลัว แต่เป็นเพราะเสียงนั่น....ฟังดูคุ้นเคย


       หรือไม่คุ้นนะ?


       มันเป็นความรู้สึกเหมือน แต่ก็ไม่ใช่ ถึงจะฟังดูน่ากลัวจนไม่มีทางเป็นคนคุ้นเคยของผมได้ แต่ความรู้สึกกับใจที่เต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานี้ทำให้ผมหยุดสงสัยไม่ได้


        แต่ชื่อ...วรชน?

 
         ชื่อห้าวหาญขนาดนั้นก็ไม่เหมือนเขาอีก


         ผมหรี่ตาจ้องมองคนบนเวทีนิ่ง แต่ระยะทางที่ไกลเกินไปทำให้ผมมองเห็นแต่เงาคนบางๆที่แม้แต่เพศอะไร ผมยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำ รู้สึกอยากด่าตัวเองที่ขี้ลืมก็ตอนนี้นี่แหละ!!


          ยิ่งมองอีกฝ่ายบอกกฏระเบียบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ตื่นกลัวเท่าไหร่ หัวใจผมก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น ผมตกอยู่ในภวังค์ความคิดนานแค่ไหนไม่รู้จนกระทั่งมีเสียงดังขึ้นเหนือหัว


"ปีหนึ่งข้างหลังครับ ไม่ต้องรีบครับเพื่อนทุกคนรอคุณคนเดียวอยู่!!” ผมสะดุ้ง เงยหน้ามองเห็นรุ่นพี่หนวดเคราขรึมที่ยืนค้ำหัวอยู่อย่างตกใจ ก่อนจะกวาดตามองแล้วระลึกได้ว่าปีหนึ่งทุกคนเขาลุกขึ้นไปยืนตั้งแถวกันหมดแล้วและแน่นอนเป้าสายตาทุกคนก็คือผม


        โธ่.... อุส่าไม่เด่นตั้งนาน


        ผมรีบลุกขึ้นขอโทษรุ่นพี่หน้ายักษ์ที่แทบจะเขมือบหัวผม แล้วรีบวิ่งไปต่อแถวรวมกับเพื่อนในคณะ แต่ก็ไม่วายแอบเหลือบมองคนที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง


        รูปร่างก็.... อ่า ผมจำไม่ได้ด้วยสิ เอาจริงๆผมเพิ่งเจออีกฝ่ายเมื่อวานครั้งแรกรอบสามปีแถมได้กอดอีกฝ่ายไม่ถึงห้าชั่วโมงด้วยซ้ำ เมื่อคืนก็ดันนอนหันหลังอีกมีแต่อีกฝ่ายนั่นแหละที่กอดผม  รู้สึกแย่นิดๆแฮะที่จำรูปร่างคนรักของตัวเองไม่ได้ กลับไปจะจับให้จำได้ทุกส่วนเลยคอยดู!


"พวกคุณเข้าใจคำสั่งของผมใช่ไหมครับ!" อ้าว สั่งอะไรมาละเนี่ย ถึงผมจะสงสัยแต่คนอื่นกลับตะโกนตอบรับคำกันอย่างพร้อมเพรียง ผมเหลือบตามองคนบนเวทีอีกรอบ พยายามภาวนาให้อีกฝ่ายพูดอีกครั้ง ตั้งแต่อีกฝ่ายบอกกฎระเบียบนิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ผิดกับพวกรุ่นพี่ด้านล่างที่ผลัดกันพูดจนผมแยกเสียงไม่ได้แล้วว่าใครเป็นใคร


        โลกคนสายตาสั้นน่ะครับ ไม่จำหน้าจำแต่เสียงเอา


         ยังไม่ทันที่ผมจะจ้องมองจ้องจับผิดคนเวทีให้หายสงสัย พวกรุ่นพี่ใส่เสื้อช็อปสีแดงที่อยู่หน้าแถวก็รวมตัวกันเดินออกนอกหอประชุมกันแล้ว พร้อมกับพี่สันที่เดินมาหน้าแถวอีกครั้ง ผมถอนหายใจแรงๆอย่างเสียดาย


"พวกน้องๆจำไว้นะคะ ป้ายชื่อห้ามหายห้ามขาดเนอะ โอเคค่ะ ทุกคนนั่งลงได้ค่ะ เดี๋ยวรุ่นพี่จะแจกกล่องข้าวนะคะ พี่ปีสองแจกข้าวน้องค่ะ!"ประโยคหลังรุ่นพี่เสียงสวยหันไปบอกกลุ่มรุ่นพี่ด้านหลังที่ถือถุงใส่ข้าวกล่องเต็มมือไปหมด


        ผมกวาดตามองหาที่นั่งก่อนจะหยุดที่ผู้ชายหน้าคมกับเด็กเรียนที่โบกมือเรียกผมอยู่


"ไอ้ทศ! ตอนนั้นมึงเป็นไรวะ กูเรียกแทบตาย ไม่หันรุ่นพี่เรียกทีเดียวหันคอเคล็ดเลยนะมึง"ไม่ทันที่ผมจะได้นั่ง ชัยก็สวนคำถามขึ้นมาทันที ผมเลิกคิ้วใส่พลางคิดคำตอบในใจ ถ้าผมบอกว่าจับผิดพี่ว้ากอยู่มันจะแปลกไหมนะ


"กูแค่เหม่อนิดหน่อย" แน่นอนละ แปลกแน่นอนถ้าผมตอบ


"ไม่นิดนะทศ ถ้าอยู่กลางถนนนี่ตายเป็นศพไร้ญาติละนะ" เด็กแว่นพูดพร้อมตักข้าวเข้าปาก ผมหัวเราะเบาๆให้ ทั้งๆที่ในประโยคนั่นแช่งผมอยู่ชัดๆ แต่มองจากตาซื่อๆเอ๋อๆนั่นแล้วอีกฝ่ายคงไม่ได้คิดอะไร
"เออ นนท์สายตาสั้นเท่าไหร่อะ" ผมถามขึ้นรู้ว่าแปลกที่อยู่ๆก็ถาม แต่ผมก็เนียนพอที่จะทำเป็นหาเรื่องคุยขณะกินข้าวเหมือนคนอื่นๆ


         นนท์เลิกคิ้วทำหน้าเหมือนจะถามว่า ทำไมวะ แต่อีกฝ่ายก็เลือกกลืนข้าวคำใหญ่แล้วอ้าปากตอบผม


"เกือบห้าร้อยละมั้งไม่ได้วัดอะ นี่ก็กะจะไปตัดใหม่" พูดจบก็กินอีกคำแล้วพูดต่อ "ทำไมวะ?"


"แค่อยากรู้ว่าเห็นบนเวทีชัดไหมเฉยๆ กูสายตาสั้นไงมองอะไรไม่เห็นเลย" ผมพูดพลางแสร้งทำหน้าเสียดายแต่จริงๆก็เสียดายจริงๆนั่นแหละ "กูกลัวเดินผ่านรุ่นพี่แล้วจำไม่ได้ ไม่ได้ไหว้อะไรงี้ เดี๋ยวโดนเพ่งเล็งอีก" ถึงใจผมจะเล็งพี่ว้ากอยู่ก็เถอะ


"โหย เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยมึง คนไหนหน้าโจร หน้าโฉด หน้าเหมือนเพิ่งหลุดจากคุก มึงไหว้คนนั้นเลย" ชัยแสดงความคิดเห็นขึ้นมาทันที ใบหน้าคมจริงจังเหมือนที่พูดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผมขำกับมุขตลกหน้าตายของเขา... หรือไม่ใช่มุขวะ


"ไอ้ชัยก็เว่อร์ไป" นนท์ขัดขึ้นสงสัยจะเห็นว่าหน้าผมเริ่มเชื่อจริง "หน้าพวกพี่เขาก็ไม่ได้โหดขนาดนั้น ดูอย่างเฮดว้ากดิ"


"เฮดว้าก?" ผมเลิกคิ้วถาม


"คนที่อยู่บนเวทีไง"นนท์ตอบแล้วตักข้าวเข้าปากอีกคำ ภาพคนบนเวทีที่พร่ามัวเข้ามาในหัวผมทันที


"เขาไม่เหมือนกับคนอื่นหรอวะ?"ผมสนใจแบบปิดไม่อยู่ขึ้น ถ้าอีกฝ่ายตาใส ปากบาง หน้าตาเป็นมิตรกว่าคนอื่นละก็ แสดงว่าสัญชาตญาณของผมถูกต้อง!


"ฮึ ไม่เหมือน" ชัยโบกมือไปมา "มึงจินตนาการนะ ผู้ชายตัวใหญ่ผิวเกรียมๆหน้านี่ครึ่งนึงมีแต่หนวดอีกนิดก็ซานตาคลอส ปากนี่ไม่ต้องพูดถึงโดนปิดจนกูกลัวเขาแดกหนวดตอนพูดไปด้วย ผมอีกมึง ผมนี่ยาวกระเซอะกระเซิงเหมือนไม่ได้สระมาสามอาทิตย์" มีคนแบบนั้นมามหาลัยด้วยหรอวะ ผมกลืนน้ำลายรู้สึกอึนไปหมด


"ละ แล้วตาละ ตาเขาเอ่อ... สดใสไหม?" ชัยกับนนท์มองหน้าผมเหมือนเห็นผี ก่อนที่นนท์จะเบะปากจนข้าวแทบหก


"สดใส??"


"อ่า...แบบปริ้งๆวิ้งๆ" สดใสเหมือนลูกแก้ว เห็นแล้วรักเห็นแล้วหลง


"อื้อหือ มึงมองตาเขาแล้วจะวิ้งเลยละ วิ้งแบบวิ้งเลย ไอ้เหี้ยตาอย่างกับเลเซอร์กูนึกว่าซุปเปอร์แมนปล่อยลำแสง"


"เอาง่ายๆ คือตาเขาน่ากลัวจนขนลุกแค่นั้นแหละ แต่พี่เขาหล่อนะ ดูหล่อแบบ...คุณหฤษฎิ์ในจำเลยรักอะตบจูบตบจูบงี้” ผมหัวเราะเบาๆเป็นมารยาทกับข้อสรุปของนนท์ ซึ่งผมจะดีใจมากถ้ามันใช่คำตอบที่ผมต้องการ


         แต่เอ๊ะ... ทำไมผมต้องยัดเหยียดให้พี่ว้ากคนนั้นเป็นคนรักผมด้วยละ?


         หรือเพราะว่า....ผมเผลอใจเต้นกับเขา


          ซวยแล้ว!!!!!!


"เฮ้ย! ไอ้ทศเป็นไร ทำไมหน้าซีดวะ!"


"ทศขาวอยู่แล้วรึเปล่า"


"มันหน้าซีดจริงๆว้อย!! พี่พยาบา--"


"เดี๋ยวชัย กูไม่ได้เป็นอะไร" ผมสวนขึ้นก่อนที่เพื่อนใหม่จะทำผมเด่นไปมากกว่านี้ แล้วหลบสายตาทั้งสองคนโดยการหันไปสนใจแต่ข้าวกล่องแทน จริงๆจะได้เลิกคิดถึงประเด็นชวนรู้สึกผิดนั่นด้วย


         แต่....ผมใจเต้นกันคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ฟิวจริงๆหรอวะ


          โอย ไอ้ทศมึงนี่มัน!


"ไอ้เหี้ยทศศศศศศศศศศศศ!" เสียงโหยหวนหยาบคายทำเอาผมสะดุ้งออกจากความคิดผิดบาป ก่อนที่จะตกใจอีกรอบที่คนพูดไม่ใช่ชัย แต่เป็นนนท์!


"ป้ายชื่อกูวววววว มึงทำน้ำหกใส่ป้ายชื่อกู!!!" ฮะ ฮะ! ผมก้มมองกลุ่มป้ายชื่อบนพื้นข้างๆด้านซ้าย เราสามคนเอามาวางรวมกันไว้เพราะกลัวกินข้าวแล้วเปื้อน แต่ตอนนี้นอกจากไม่เปื้อนแล้วมันยังเปียกซกชนิดที่ว่าชื่อที่เขียนด้วยปากกาเคมีเลือนเลอะไปหมด


         ผมอ้าปากพะงาบๆจะบอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่ได้เพราะหลักฐานขวดน้ำที่ถืออยู่ในมือ ขวดน้ำที่ตอนแรกมีน้ำอยู่เกือบครึ่งแต่ตอนนี้อันตรธานหายไปหมดแล้ว และคงเป็นความซวยของนนท์ที่มันดันวางป้ายชื่อไว้บนสุด


"เฮ้ย!! นนท์!ขอโทษ" ผมรีบทิ้งขวดน้ำแล้วหยิบป้ายชื่อขึ้นมา


"เดี๋ยวทศ! อย่าหยิ--"


    แควก!


       เป็นเสียงแควกที่เบา นิ่มๆยุ่ยๆแต่สะท้านหัวใจคนถือกับเจ้าของเป็นที่สุด...


       ผมหน้าซีดมองป้ายชื่อที่ขาดยุ่ยครึ่งนึงในมือแล้วหันกลับไปมองหน้าเพื่อนใหม่ นนท์อ้าปากค้าง ตาเหลือก หน้าซีดจนผมกลัวว่าเขาจะเป็นลม ยิ่งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก ผมกลืนน้ำลายพูดเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายเสียงเบา ถึงแม้สติอีกฝ่ายจะดูเหมือนไม่อยู่ตรงหน้าผมแล้วก็ตาม


           นนท์.. อย่าเพิ่งเป็นลมนะมึง

------------------------------------------------------------------------------------------------------
(มีต่อจ้าาา)

       
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 :: เป็นแฟนพี่ว้ากอย่าหัวร้อน
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 13-03-2018 02:55:53


           ตอนนี้หอประชุมตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งไม่มีแม้แต่เสียงขยับตัว ตั้งแต่พวกพี่ว้ากกลุ่มเดิมเดินเข้ามาบรรยากาศที่กินข้าวพูดคุยอย่างครื้นเครงตอนแรกก็หนักอึ้งจนผมแอบเห็นเหงื่อบางคนไหลตามกรอบหน้าทั้งๆที่อากาศในหอประชุมไม่เฉียดคำว่าร้อนเลยสักนิด


        ผ่านมาสิบนาทีแล้วที่พวกผมถูกสั่งให้ก้มหน้าลงพื้นหมุนป้ายชื่อให้เข้าหาตัวเอง ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจพี่ว้ากตัวปัญหา ที่เสี่ยงทำเรื่องร้าวฉานระหว่างผมกับคนรัก เหลือบตามองนนท์ข้างๆ ร่างเหมือนคนขาดสารอาหารสั่นนิดๆพร้อมกับมือที่พยายามปกปิดป้ายชื่อที่ขาดครึ่งของตัวเอง ท่าทางที่ดูเป็นพิรุธขนาดนั้น ทำเอาผมต้องถอนหายใจดังเฮือก


       ยังไม่ได้ยินเสียงเฮดว้ากเลยแฮะ


        เดี๋ยว! ผิดประเด็นละไอ้ทศ!!!


          ผมนิ่วหน้าส่ายหัวเบาๆให้กับความคิดตัวเอง ถึงตอนนี้เหตุการณ์ข้างนอกจะดูยุ่งเหยิงกับกิจกรรมเรื่อยเปื่อยของกลุ่มคนเสื้อช็อปสีแดง แต่ผมของพนันเลยว่าในหัวผมยุ่งเหยิงกว่าเยอะ!


"รหัส 0021 เงยหน้าแล้วลุกขึ้นยืน!" เสียงถอนหายใจโล่งอกดังขึ้นแผ่วๆทันทีที่สิ้นคำพูดพี่ว้ากหน้าแถว ผิดกับคนที่ถูกเรียกขึ้นยืน ผมเดาว่าตอนนี้คงหน้าซีดไปแล้ว แต่คนที่หน้าซีดกว่าคนรหัส 0021 คงเป็นคนที่ถูกเลือกไปห้านาทีที่แล้วมากกว่า


        เขาเป็นผู้ชายร่างสูงผอมอยู่ถัดข้างผมไปสามคน ผมจำได้แค่ว่ารหัสประจำตัวเขามีเลขห้าประกอบ อีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งคิ้วบางขมวดเข้าหากันทันทีที่พี่ว้ากถามชื่อเล่นคนรหัส0021ที่ถูกเลือกมาใหม่ ใบหน้าที่ผมเห็นลางๆว่าซีดหลับตาเม้มปากแน่นก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบาๆ


".....เจมส์ครับ"  และหอประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายเครียดแค่ไหน แต่สักพักความเครียดของหน้าอีกฝ่ายก็คลายลงทันทีที่คนรหัส0021พลิกป้ายชื่อกลับมา


“จักริน รหัส0021 ขออนุญาตแนะนำตัวครับ!"


"คุณชื่อเล่นว่าอะไร?"


"เจมส์ครับ!"


"รหัส 0045 เชิญนั่ง!!" อ่อ... ที่แท้ก็45นี่เอง ผมพยักหน้าเบาๆแสดงว่าความจำผมก็ยังดีอยู่อะนะ หน้าของ0045ดูดีใจมาก เขาขอบคุณรุ่นพี่หน้าแถวเสียงดังก่อนที่จะนั่งไปอย่างรวดเร็วต่างกับตอนยืนลิบลับ สงสัยจะลืมไปแล้วว่าไอ้คนที่เขาขอบคุณด้วยความยินดีน่ะ เป็นคนที่ทำให้เครียดไปห้านาทีก่อน


       เหอๆ ตลกจริงๆคนเรา


"ทีนี้ผมจะสุ่มคนใหม่ ถ้าพวกคุณที่ถูกสุ่มสามคนสุดท้าย สามารถบอกชื่อเล่นของเพื่อนพวกคุณได้ถูกต้อง! ผมจะถือว่าวันนี้พวกคุณผ่านวันแรกสำหรับพวกผม รับทราบ!!" เสียงคนสั่งหน้าแถวดูน่ากลัว แต่ก็สู้ความน่าเกรงขามของเฮดว้ากตัวปัญหาไม่ได้อยู่ดี ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่เข้าตอนบ่ายและ


        วันนี้ผมอาจจะไม่ได้เจอเขาอีก


         เดี๋ยว!


          แล้วผมจะไปนึกถึงเขาทำไมนักหนาวะ!!


          ผมทำเสียงจิ๊จ้ะในลำคอ ไม่ชอบอาการแปลกๆที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทุกครั้งเวลาคิดถึงใครคนๆนั้นก็คือพี่ฟิวเท่านั้น พอคิดถึงเรื่องพี่ฟิวผมก็เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ทั้งวันยังไม่เห็นอีกคนโผล่มาเลยทั้งๆที่เรียนคณะเดียวกันแท้ๆ


       ไหนอีกฝ่ายบอกรีบมาเตรียมรับน้อง หรือจะอยู่ฝ่ายสวัส? แม้แต่ฝ่ายพยาบาลก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะแฟนของผมถึงจะดูหยาบกระด้างแต่เวลาเขาทำแผลให้ผม มือเขาจะเบาสุดๆ


        ว่าแล้วก็คิดถึงจัง


          ผมเข้าสู่ภวังค์หลงแฟนสักพัก ยังรู้สึกฟินไม่เท่าไหร่ก็ต้องตื่นมารับความจริงเพราะแรงสะกิดยิกๆที่ข้างขวา


            นนท์... มีอะไรวะ? ผมเอียงคอส่งสายตาสงสัยให้อีกฝ่ายไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบผมก็ต้องสะดุ้งกับเสียงดังทั้งๆเมื่อกี้แทรกเข้าสู่ความคิดผมไม่ได้เลยสักนิด


"รหัส 0015 คุณจะไม่ลุกขึ้นใช่ไหม!!"


“ทศกัณฐ์ รหัส 0015 ขออนุญาตครับ!” ผมยกมือรอให้อีกฝ่ายพยักหน้ารับถึงจะค่อยลุกขึ้น บอกตามตรง ผมโคตรไม่ชินกับขั้นตอนอะไรแบบนี้เลย รู้สึกแปลกๆไปหมดได้แต่คิดว่าคงมีเหตุผลกับการกระทำแบบนี้ เช่น รุ่นพี่จำหน้าผมได้ เพื่อนจำชื่อผมได้ หรือพี่รหัสจะได้รู้ว่าผมเป็นใคร พอคิดแบบนั้นก็พอจะหายขุ่นใจอยู่บ้าง


"รหัส0021 เพื่อนคุณชื่อเล่นว่าอะไรครับ!" เสียงอีกฝ่ายยังดังและรบกวนเส้นประสาทการรับรู้ผมเหมือนเดิม รู้สึกนับถือที่เสียงอีกฝ่ายไม่ลดลงเลยสักนิดถึงจะผ่านมาสิบกว่านาทีแล้วก็ตาม 0021 เอ่อ... ชื่ออะไรนะ อ๋อ เจมส์ เจมส์มองผมนิ่งอีกฝ่ายทำหน้าโล่งใจผิดกับ0045คนเก่าลิบลับ ไม่ต้องให้พี่ถามย้ำเขาก็ตอบได้เต็มปากเต็มคำ


"ทศครับ!" และดูจะมั่นใจ...มาก ผมเลิกคิ้วให้อีกฝ่ายเพราะถ้ายิ้มรับคงโดนคนหน้าโหดหาเรื่อง ใบหน้าเจมส์ดูมั่นใจจนรู้สึกอยากจะพลิกกระดาษแล้วเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นแกล้งอีกฝ่าย แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด ผมพลิกหน้าป้ายโชว์ชื่อเล่นของตัวเองแล้วพูดตอบรับตามคอนเซ็ปต์


"ทศกัณฐ์ รหัส 0015 ขออนุญาตแนะนำตัวครับ!" ทำไมต้องพูดซ้ำอีกรอบ อันนี้ผมสงสัยจริงๆ


"คุณชื่อเล่นว่าอะไร?"


"ทศครับ!"


"0021 เชิญนั่ง!" คนตอบถูกพูดขอบคุณเสียงดังพลางส่งยิ้มขอบคุณให้ผมจนผมอยากจะบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรเลย ยืนโง่ๆเฉยๆอย่างเดียว แอบสงสัยเหมือนกันว่าอีกฝ่ายรู้ชื่อผมได้ยังไงในเมื่อผมนี่แอบหลังนนท์แอบหลังชัยทุกครั้งที่มีโอกาส


        รุ่นพี่หน้าเข้มคิ้วหนาที่ตอนนี้เดินมาอยู่ข้างซ้ายผมห่างประมาณสองสามช่วงคน จนเห็นอะไรๆในหน้าพี่เขาชัดขึ้น อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้พวกผมลุ้นนานก็ประกาศผู้ถูกเลือกอีกครั้ง


"รหัส 0032 เงยหน้าแล้วลุกขึ้น!!"


        ผมพยายามยืนนิ่งๆรออีกคนลุกขึ้น กลั้นหาวแล้วกลั้นหาวอีก แต่พอรู้สึกถึงคนข้างๆลุก อาการง่วงของผมก็หายไปปลิดทิ้ง


       นะ...


       นนท์!!!!


         ผู้ชายผอมแห้งหน้าตาเด็กเรียนข้างผมสั่นงกๆ ยิ่งมือที่จับอยู่ตรงป้ายบวมๆที่อีกฝ่ายพยายามจับให้มันต่อกันอยู่ยิ่งสั่นเขาไปใหญ่ ผมกลืนน้ำลายลงคอรู้สึกว่าอยู่ๆมันก็เหนียวขึ้นมา


"รหัส 0015 เพื่อนคุณชื่อเล่นว่าอะไร!" คำถามเดิมถูกถามมาที่ผม แต่แทนที่จะรู้สึกเบื่อหน่าย ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกตื่นเต้นจนประหม่าแทน ผมเม้มปากนิดๆพยายามหาทางออกจากเหตุการณ์นี้ ผมบอกอีกครั้งเลยว่าผมไม่อยากเด่นจางไปกับอากาศได้ยิ่งดี แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าใจความต้องการผมเอาซะเลย ผมสูดหายใจเข้าก่อนจะตอบคำถามด้วยเสียงไม่มั่นใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจกับคำตอบแต่ผมไม่มั่นใจกับเหตุการณ์ต่อจากนี้ต่างหาก


"เขาชื่อ...นนท์ครับ" สิ้นเสียงผม หน้านนท์ก็ซีดลงยิ่งกว่ากระดาษซะอีก อีกฝ่ายยืนนิ่งแต่เสียงดังกึกๆที่ออกมาทำให้ผมรู้ว่าเพื่อนใหม่ของผมเครียดจนกัดฟัน


          ตอนนี้นนท์ต้องพลิกป้ายโชว์ชื่อเล่นได้แล้ว แต่เพราะเขาไม่ขยับ รุ่นพี่หน้าโหดด้านซ้ายที่ห่างจากผมไปแค่สองสามคนก็ก้าวเข้าไปหานนท์ทางขวาของผมพร้อมกับเสียงที่เอ่ยกดดันไปด้วย


"ไม่ได้ยินที่เพื่อนคุณพูดหรอ หรือคุณไม่อยากให้เพื่อนคุณรู้จัก!!" ยังไม่ทันที่นนท์จะตอบ รุ่นพี่ก็ผ่านผมเดินไปถึงหน้านนท์พอดี ผมเห็นคิ้วเข้มของอีกฝ่ายขมวดฉับทันทีที่เห็นสภาพป้ายชื่อของเพื่อนใหม่ ร่างขาวซีดก้มหน้าจนผมไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไงอยู่ แต่ร่างกายที่สั่นจนไม่สังเกตก็เห็นทำเอาผมรู้สึกผิดจับใจ


"นี่คุณ--"


"ขออนุญาตครับ!!!!" ผมยกมือพูดขัดกลบเสียงคนใส่ช็อปสีแดง อีกฝ่ายละสายตาจากนนนท์แล้วหันมาที่ผมข้างๆแทน


"คุณไม่ได้ฟังที่เพื่อนผมสอนเลยใช่ไหม! ก่อนที่คุณจะพูดกับผม คุณต้องทำยังไง!!" อยู่แค่นี้ทำไมต้องตะโกนด้วยวะ ผมเริ่มไม่สบอารมณ์คนข้างหน้านิดๆ


"ทศกัณฐ์ รหัส 0015 ขออนุญาตครับ!"


"คุณมีอะไร"


"ผมทำป้ายชื่อเพื่อนพังครับ!" ผมพูดเสียงดัง ย้ำเน้นๆตรงคำว่าทำด้วย กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ


"เพื่อนของคุณคนไหน!!" ก็มีคนเดียวไหมละ ผมขมวดคิ้วนิดๆแต่ก็พูดต่อ


"ผมทำป้ายชื่อนนท์พังครับ"


"อ๋อ... ป้ายชื่อคุณพังหรอ?" แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่คุยกับผม ผมขมวดคิ้วกว่าเดิมทันทีที่เห็นรุ่นพี่หน้าเข้มหันไปหาเรื่องนนท์อีกครั้ง อะไรวะ ไม่เห็นรึไงว่าเพื่อนผมมันกลัวจนจะเป็นลมแล้ว จะไปหาเรื่องมันอีกทำไม?


"ผมทำป้ายชื่อเขาพังครับ!" ผมพูดขัดอีกครั้ง อีกฝ่ายส่งสายตาเขียวให้ผม แต่ผมสิควรจะส่งสายตาแบบนี้ให้อีกฝ่าย เขาเมินคำพูดผมชัดๆ โคตรไร้มารยาทเลย!


"ผมไม่ได้อนุญาตให้คุณพูด!!" ผมขมวดคิ้วมากกว่าเดิม แล้วตอบกลับอีกฝ่ายไปไม่แน่ใจว่าน้ำเสียงเป็นยังไง แต่ที่รู้ๆผมโคตรหงุดหงิด


"แต่ผมเป็นคนทำ ถ้าพี่จะถามก็ถามผมสิครับ"


"งั้นทศกัณฐ์" ผมเลิกคิ้ว จำชื่อได้ด้วยแฮะ


"ครับ"


"คุณจะรับผิดชอบการกระทำของคุณยังไง?" อีกฝ่ายหันหน้ามาคุยกับผมจริงจัง แต่เพราะอะไรไม่รู้ ผมถึงรู้สึกว่าหน้าอีกฝ่ายดูกวนตีนตงิดๆ


"ผม..." รับผิดชอบยังไงดีละ หากระดาษมาทำให้ใหม่หรอ? แต่พอเหลือบตามองนนท์ปุ๊บผมก็เอ่ยตอบออกไป


"ขอรับบทลงโทษแทนเขาครับ" เพราะถ้าอีกฝ่ายเป็นคนรับเอง ร่างผอมๆนั่นจะหักรึเปล่าก็ไม่รู้


         นนท์เงยหน้ามองผมนิดๆ ดวงตาใต้กรอบแว่นแดงก่ำจนสงสาร จริงๆบทลงโทษสำหรับผมไม่เป็นไรหรอก ผมค่อนข้างออกกำลังกายเป็นประจำไม่น่าจะหนักหนามาก


"แต่แค่ป้ายชื่อของตัวเองเพื่อนคุณยังรักษาไม่ได้ คุณทศกัณฐ์บอกผมหน่อยสิผมควรจะจัดการเพื่อนคุณยังไง"ก็บอกว่าเดี๋ยวรับผิดชอบเอง ทำไมไม่เข้าใจวะ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามระงับอารมณ์ร้อนที่อยู่ๆก็พุ่งเข้ามา ถึงข้างในผมจะร้อนแค่ไหนแต่เสียงที่ผมเอ่ยออกไปก็พยายามให้ไม่ใส่อารมณ์ คนร้อนกว่าถือว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม นี่คือสิ่งที่บ้านผมสอนมา


"ผมว่ารุ่นพี่คงเข้าใจผิดนะครับ"ผมมองอีกฝ่ายนิ่งๆ พยายามบอกตัวเองว่าที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้ากวนตีนนั้นผมคิดไปเอง


"ผมเป็นคนทำไม่ใช่เขา ถึงเขาจะแขวนป้ายที่คอตัวเองหรือแขวนที่คอรุ่นพี่ ถ้าผมจะทำมันพังมันก็พังครับ เขาไม่จำเป็นต้องรับโทษอีกเพราะเขาได้รับไปแล้วจากการกระทำของผม และตอนนี้เขาเป็นฝ่ายเสียหายแต่ผม..."ผมชี้เข้าหาตัวเองพลางยิ้มบางๆให้อีกฝ่าย "ผมที่เป็นสาเหตุยังไม่ได้รับผลจากการกระทำที่เกิดขึ้น รุ่นพี่ที่มีวุฒิภาวะมากกว่าผม คงเข้าใจสิ่งที่ผมพูดนะครับ"
 

           ผมเลิกคิ้วเชิงถามอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็ทำเพียงแค่เสี้ยววินาที ถ้าคนที่ไม่สังเกตก็คงไม่เห็น แต่คนที่ยืนอยู่หน้าผมพร้อมจ้องทุกการกระทำที่ผมพูดอีก จะบอกว่าไม่เห็นก็โคตรจะตาบอด

   
         ครับ ผมจงใจย้ำคำว่าวุฒิภาวะ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจรึเปลล่าว่าผมกวนตีนเขาอยู่ แต่ตอนนี้แน่ใจแล้ว


         ผมลอบมองมืออีกฝ่ายที่กำแน่นอยู่ข้างๆตัวทั้งๆที่หน้ายังนิ่งไม่เคลื่อนไหว ผมถือว่าเขาเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งคนนึงเลย ถ้าคนที่ไม่เห็นมือเขาคงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกธรอยู่


         หอประชุมตอนนี้เงียบเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตแต่เพราะสายตาของหลายๆคนที่ทิ่มแทงผมอยู่ทำเอาเสียวสันหลังวาบๆเหมือนกัน


          แก๊งพี่ว้ากแกไม่ใช่คนน้อยๆนะที่จริง ผมจะแอบหวั่นก็ไม่แปลกหรอก


          คนใส่ช็อปสีแดงตรงหน้าผมเงียบไปสักพักก่อนจะเปิดปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูด เสียงคนจากฝั่งเวทีก็ดังขัดขึ้นมาก่อน จนใจผมแอบเต้นจังหวะเร็วขึ้นอีกนิด


          โอเค ก็ไม่นิดหรอก เยอะเลยแหละ ผมหวังว่าที่เต้นแรงเนี่ยเพราะตกใจกับเสียงเกรี้ยวกราดของอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ทำให้ผมผิดศีลธรรมละกัน


           คิดว่าใครละครับ?


           ครับใช่...


           เฮดว้ากนั่นแหละ


"ทศกัณฐ์! คุณมีปัญหาอะไรกับเพื่อนผมไม่ทราบ!!!" ก็เพื่อนคุณมันมีปัญหากับผมเองรึเปล่าละ! ผมจิ๊จ๊ะในใจ รู้สึกไม่สบอารมณ์แรงๆ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายตะโกนใส่ผมนะ เอ่อ.. มันก็มีส่วน แต่ที่ทำให้ผมโคตรจะอารมณ์เสียเลยก็คือ...


           ผมแม่งใจเต้นตอนเขาเรียกชื่อนี้แหละ โอยยย จะตื่นเต้นทำบ้าอะไรวะไอ้ทศ!


            ผมสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วหันกลับไปพูดกับคนบนเวทีที่ตอนนี้ผมยังคงเห็นเป็นเส้นสีแดงๆมัวๆเหมือนเดิม ทำไมเขาไม่เดินมาคุยใกล้ๆนะ อยู่ไกลแบบนั้นกลัวคอไม่แตกรึไง


 "ผมทำป้ายชื่อเพื่อนพังครับ ผมควรได้รับบทลงโทษ" ผมพูดรวบรัดในตอนเดียว ไม่รู้ว่าเขาเพิ่งมาหรือมองอยู่นานแล้ว


"คุณอยากได้รับบทลงโทษ?" อีกฝ่ายถามผมเสียงเข้ม "ดี! งั้นคุณกับเพื่อนของคุณไปวิ่งรอบสนามคนละสิบรอบ ปฏิบัติ!!!" สิ้นเสียงเอ่ยคำสั่งที่ดังก้องทั่วหอประชุม ผมก็ต้องรีบดึงนนท์ที่ทำท่าจะออกไปข้างนอกไว้ แล้วหันไปตะโกนพูดกับคนที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง


"ผมเป็นคนทำป้ายชื่อเขาพัง! เขาไม่ควรรับ--"


"ผมไม่อนุญาตให้คุณพูด!!!!"  Dammit!! โคตรไร้มารยาทเลย! ตอนนี้ผมหงุดหงิดมาก ผมยอมรับ อีกฝ่ายไม่คิดจะฟังเหตุผลผมด้วยซ้ำ!!!


"แต่เขาไม่ได้ผิ---"


"เพิ่มเป็นสิบห้ารอบ!!!!!!"


"แต่---"


"ยี่สิบ!!!!!!"


"ทำไมผมต้องทำด้วยวะ!!!!!!"  ผมหลุดตะโกนสุดเสียงกลบอีกฝ่าย คำสงคำสอนอะไรไม่อยู่ในหัวแล้ว รู้สึกอยากจะพ่นไฟใส่ด้วยซ้ำ! เหตุผลเขาก็ไม่ฟัง! พูดขัดผมไม่พอยังสั่งนู่นสั่งนี่อีก ให้ตายเถอะ! เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้


        หอประชุมเงียบอีกครั้ง พร้อมกับแอร์เย็นๆในห้องที่กระทบหน้าผม แต่บอกตามตรงไม่ได้ช่วยให้ผมเย็นขึ้นเลย ผมมองอีกฝ่ายที่นิ่งไปก่อนที่เสียงเข้มนั่นจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง


"ทศกัณฐ์" โธ่เอ๊ย ผมจะมาใจเต้นทำไมตอนนี้! "คุณจะทำตามที่ผมสั่งหรือจะให้เพื่อนคุณออกจากประชุมเชียร์แล้วไม่ต้องกลับมาอีก คุณเลือกเอา"


         อีกฝ่ายไม่ตะโกนใส่เหมือนที่ผมตะโกน แต่ประโยคที่พูดมาก็ทำให้ผมต้องกัดฟันกรอดเหมือนโดนอีกฝ่ายจี้จุด ผมหันไปทางนนท์ที่สะกิดผมยิกๆ คนตัวผอมตาแดงก่ำเหมือนน้ำตาจะไหลแหล่ไม่ไหลแหล่ ผมกำลังจากถามว่าเขาจะเอายังไง อยากเข้าประชุมเชียร์ต่อไหม เพื่อนใหม่ผมก็ยกมือขึ้นสูงซะก่อน


“นนทกร รหัส 0032 ขออนุญาตครับ" ผมมองคนข้างงงๆ เด็กเรียนนี่เขาคิดจะทำอะไร


"นนทกร คุณมีอะไร"


"ผมกับเพื่อนจะวิ่งรอบสนามครับ!!" WHAT!!!! ผมเบิกตากว้าง หันขวับไปหาร่างผอมแห้งข้างๆ ผมพูดตอนไหนว่าจะไป!!


"ดี! งั้นคุณกับเพื่อนของคุณวิ่งรอบสนามยี่สิบรอบ ปฏิบัติ!!" สิ้นคำสั่งร่างผอมบางของนนท์ก็ทำท่าจะเดินออกจากแถว ผมมองอีกฝ่ายนิ่งไม่คิดจะขยับแล้วหันหน้าเข้าหาเวทีอีกครั้งพร้อมกับเปิดปากจะเถียงคนออกคำสั่ง แต่ไม่ทันที่จะเอ่ยตอกกลับอย่างที่คิดประโยคของนนท์ก็ทำเอาผมชะงักไว้ก่อน


"ทศ กูขอ" อีกฝ่ายพึมพำเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเอง แล้วร่างผอมก็เดินผ่านหน้าผมไป ผมมองร่างเล็กนั่นอย่างไม่เข้าใจ ประชุมเชียร์บ้าๆนี่มันมีดีตรงไหน แต่ถ้าปล่อยอีกฝ่ายไปผมก็โคตรจะรู้สึกผิดมากกว่าเดิมถึงจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายแพ้ก็เถอะ ผมพ่นหายใจแรงๆมองตาขวางใส่ไอ้พี่ว้ากคิ้วหนากับเฮดว้ากที่อยู่บนเวทีก่อนจะวิ่งตามเด็กเรียนนั่นออกไป


           คอยดูนะกลับไป  ผมจะฟ้องพี่ฟิว!!!
______________________________________________________________________________
TBC

จบไปอีกตอนค่ดเหนื่อยยยยย ก็ยังไม่ถึงไหนอยู่ดี55555  จะบอกว่าเราไปเจอคนที่เอานิยายไปลงที่อื่นนะคะ (ขอบคุณคุณchaleeisisมากค่ะ )เราลงแค่ fictionlogกับ thaiboyslove เท่านั้นนะยู คนที่เอาไปลงช่วยลบออกเถอะนะคะ ถ้าอยากอ่านในเว็บนั้นเดี๋ยวเราเอาไปลงเองก็ได้ค่ะ  ลบออกเถอะเนอะ เราเพิ่งลงตอนที่หนึ่งเอง อย่าทำร้ายเราเลยยย

ปล. ขอโทษที่หายไปนานค่ะ ติดสอบพอดี เพิ่งสอบเสร็จวันอาทิตย์รู้สึกผิดมากที่เปิดนิยายก่อนสอบ เราขอโทษนะออเจ้า

ปล.2 ซีนอารมณ์ถ้าแข็งทื่อไปบอกได้นะคะ บอกตามตรงว่าเขียนแนวเกรี้ยวกราดไม่เก่ง เป็นคนใจดี รักโลก รักสัตว์5555

ปล.3 เรื่องหัวกระทู้ที่ให้อัพเดทไม่รู้ว่าทำถูกรึเปล่านะคะ ไม่แน่ใจเลยยยย.  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 (อัพเดท 13/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 13-03-2018 03:19:08
อยากรู้พี่ฟิวจะว่าไง ตอนน้องฟ้อง 55
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 (อัพเดท 13/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-03-2018 03:30:58
สงสารเฮียฟิว ตอนน้องทศไปฟ้อง  :pigha2:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 (อัพเดท 13/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-03-2018 05:58:27
ฟ้องเลย อยากรู้พี่ฟิวจะทำไง
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 (อัพเดท 13/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-03-2018 05:59:08
จะฟ้องแฟนหาตัวแฟนให้เจอก่อนดีไหม แฟนเราทำไมลึกลับ 555
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 (อัพเดท 13/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-03-2018 05:59:56
ทศเอ้ยยยยยย จะฟ้องพี่ฟิวหรอคะ อิอิ

น่ารักดีค่ะ ชอบทศอ่ะ
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 (อัพเดท 13/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-03-2018 06:36:36
ป้ายชื่อ มีปัญหาตลอดเวลารับน้อง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ทศ ถูกลงโทษหนักนะเนี่ย
ถ้าตอนหลังทศ รู้ความจริงพี่ฟิวโดนงอนแน่
พี่ฟิว ทศ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
     :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 (อัพเดท 13/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 13-03-2018 07:47:54
โหย สนุกมากกก อยากอ่านต่อแล้ว > <
แต่อ่านแล้ว ยังไม่รู้เลย ฝ่ายไหนรุกฝ่ายไหนรับคะ 555
สงสารนนท์ดวงไม่ดีเลย แล้วก็เข้าใจทศด้วย
เพราะตัวเองทำให้เพื่อนโดนลงโทษ ต้องรู้สึกผิดอยู่แล้ว
พี่ฟิวก็คงเจ็บเหมือนกันที่ต้องสั่งลงโทษแฟนตัวเอง โถ ๆ
จะรู้ความจริงกันตอนไหนน้อ
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่1 (อัพเดท 13/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 13-03-2018 08:06:46
โอ้ยย สนุกอ่ะ คิดถึงแนวนี้จัง
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 :: เป็นแฟนพี่ว้ากห้ามวู่วาม
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 25-03-2018 20:43:03
กฏที่2 :: เป็นแฟนพี่ว้ากห้ามวู่วาม


TosSaKan: ผมถึงห้องแล้วนะครับ

TosSaKan: พี่ฟิวเลิกกี่โมงครับ


           ผมจ้องมองข้อความตัวเองที่ส่งหาคนรักแล้วต้องถอนหายใจออกมาเหงาๆ นี่ผ่านไปสิบนาทีแล้วอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีจะอ่านเลย จะโทรไปก็กลัวรบกวน อีกฝ่ายคงจะยุ่งกับการรับน้องจนไม่ได้มองโทรศัพท์แน่ๆ ผมไม่ว่าเรื่องที่เขาเห็นงานสำคัญกว่าแฟนหรอกครับ ถ้าผมกังวลเรื่องนี้คงอยู่กับพี่ฟิวไม่ได้นานเพราะคนรักผมเป็นนักกิจกรรมตัวยงตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว จริงๆผมเจออีกฝ่ายก็เพราะเขาเป็นพี่สันของโรงเรียนนี้แหละ ครั้งนี้ผมนึกว่าเขาเป็นพี่สันมหาลัยด้วยซะอีก


          ก็นะเป็นอะไรนานๆก็คงเบื่อบ้างอะไรบ้าง แต่ถ้าเป็นแฟนผมนานแค่ไหนก็ไม่เบื่อนะครับพูดเลย หล่อ รวย เก่ง นิสัยดีแบบนี้ พี่ฟิวจะตระเวนหาทั่วโลกก็ไม่เจอแล้วละ ถามว่าเขินไหม ก็นิดหน่อยครับแต่ส่วนมากเป็นเรื่องจริงเลยไม่รู้จะเขินอะไร


          คิดเองเออเองตบมุขเองจบ ผมก็หัวเราะเบาๆให้กับตัวเองด้วย อ่า... ความเหงานี้มันน่ากลัวจริงๆ ผมกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียงเพื่อหยิบหนังสือการ์ตูนที่พี่ฟิวอ่านทิ้งไว้มาเปิดอ่านแทนแก้เบื่อ


          ตอนนี้ผมอยู่ที่หอรักของผมกับพี่ฟิวแล้วครับ กว่าจะแบกสังขารเดินมาได้แทบตกบันไดสามตลบ ดีนะที่หอที่พี่ฟิวเลือกเป็นแบบมีลิฟต์ เหมือนเขาทำนายล่วงหน้าได้อย่างงั้นแหละว่าผมต้องใช้แน่ๆ จริงๆก็ไม่ปวดมากถึงขนาดขาขาดหรอกครับ ผมไม่ได้วิ่งครบยี่สิบรอบตามคำสั่งเพราะแค่ผ่านไปหกรอบกว่าๆพวกพี่พยาบาลก็เรียกพวกผมเข้าไปหาแล้ว และแน่นอนครับผมไม่เล่นตัวเรียกปุ๊บผมก็วิ่งออกนอกสนามทันที ความจริงผมกะจะกลับหอตั้งแต่สามรอบแรกด้วยซ้ำ แต่นนท์นี่สิเห็นตัวเล็กๆบางๆแบบนั้นแต่เล่นวิ่งจริงจังเหมือนไปเกณฑ์ทหารเลย


           คิดถึงเรื่องนี้ก็เคือง เหงาไม่พอดันมาอารมณ์เสียกับอะไรแบบนี้อีก วู้! หงุดหงิด!


          ผมดีดตัวลุกขึ้นออกจากเตียงไปหยิบผ้าเช็ดตัว กะจะขัดสีฉวีวรรณลบเรื่องร้ายๆออกจากตัวแล้วนอนต้อนรับสุดที่รักบนเตียงหอมๆ พี่ฟิวกลับมาจะได้สดชื่นๆ ถึงผมจะทำอาหารไม่เป็นแต่เรื่องหวานเสน่ห์ใส่แฟนนี้ผมไม่เป็นรองใครนะครับ ฝึกมาสามปีเพื่อใช้กับอีกฝ่ายโดยเฉพาะเลย


          ผมใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง ยืนอาบจนขาที่ตอนแรกเริ่มหายปวดตอนนี้เริ่มปวดมาอีกรอบ ผมทาครีมใส่เสื้อบอลแขนกุดของคนรักลวกๆ ถึงห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำก็ตาม ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆที่อีกฝ่ายเลือกสรรให้แล้วก็กดดูแชทที่ผมถามอีกฝ่ายอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่สูญเปล่าเพราะพี่ฟิวตอบกลับมารัวๆ พร้อมเปลี่ยนชื่อไลน์ใหม่ที่ผมอ่านแล้วต้องหลุดขำเบาๆ เฮ้อ ทำไมแฟนผมน่ารักจัง


ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: อีกนานเลยอะ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: คิดถึงเราละสินาย

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: เขินจัง

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: พี่กลับสองทุ่มเลยครับทศกินข้าวก่อนก็ได้นะ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: เอาแบบกินจนเตียงหัก เดินทีพื้นร้าวอะ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: เข้าใจนะครับแฟน

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: อย่าลืมคิดถึงเรานะนาย

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: บอกว่าให้คิดถึงเราไง

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: คิดถึงเราสิ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: อย่างอแงนะแฟน

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: พี่ต้องไปแล้วว่ะ มีมารผจญ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ทำไมต้องมาขัดขวางความรักคนอื่นไม่เข้าใจ
ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: คุยนิดเดียวแม่งบ่นอยู่ได้

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: พี่ไปแล้วนะ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ไปจริงๆแล้ว

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ไปจริงๆอีกรอบ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ทำไมทศไม่อ่าน

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ทศมีใคร

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ทศคุยกับใคร

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ทำไมเมินพี่

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ถึงพี่จะไม่รวยแต่ทุกอย่างพี่ใหญ่นะครับ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ทำไรอยู่อะ

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: ไปจริงๆละ แม่งจะยึดมือถือพี่โคตรเลว

ฟิวรูปหล่อพ่อไม่รวยแต่แฟนเพอร์เฟค: อย่างอแงนะคนดี


          ใครงอแงกันแน่ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ต้องเหงาขนาดไหนถึงจะเพ้อเองขนาดนี้ได้


          ผมส่ายหัวขำๆกับข้อความที่ไม่เหมือนมนุษย์มนาของพี่ฟิว พอนึกว่าถ้าอีกฝ่ายกำลังประชุมหรือคุยกับเพื่อนอยู่ ผมนี่สงสารเพื่อนของแฟนจริงๆ เหลือบมองเวลาตอนนี้ก็ปาไปทุ่มเกือบครึ่งแล้ว คิดไปคิดมาผมรอกินพร้อมพี่ฟิวเลยดีกว่า


TosSaKan: เดี๋ยวผมรอครับไม่เป็นไร กลัวแฟนเหงา


          ส่งข้อความเสร็จก็รอดูอีกสักพัก พอเห็นอีกฝ่ายไม่มีวี่แววจะอ่าน ผมก็เปลี่ยนเป็นไปอ่านหนังสือการ์ตูนอีกรอบ อากาศเย็นๆกับความเพลียเมื่อตอนเย็นทำให้ผมตัดสินใจวางการ์ตูนแล้วเปลี่ยนแผนเป็นนอนรออีกฝ่ายแทน หวังว่าอีกฝ่ายจะปลุกผมนะ ไม่งั้นผมไม่ตื่นยันเช้าแน่ๆ .
.
 
 
.



 
 
           ลมอุ่นร้อนกระทบหน้า ไออุ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมที่นอนเคลิ้มๆต้องเอื้อมมือไปโอบอีกฝ่ายมากขึ้น  ขยับหาที่เหมาะๆอีกสักนิดก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจให้เข้าสู่นิทราต่อ


"เหนื่อยหรอครับ" เสียงอีกฝ่ายดูแหบแห้งคุ้นหูแปลกๆ แต่ต้องคุ้นหูอยู่แล้วเขาเป็นแฟนผมนี่ งงอะไรวะทศ ผมขมวดคิ้วงงกับความคิดตัวเอง พลางขยับมือลูบหัวคนรักไปด้วย พี่ฟิวชอบทำตัวเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ผมลูบหัว อีกฝ่ายขยับตัวซุกไซ้ผมกว่าเดิม จนแทบไม่มีช่องให้หายใจแต่ผมก็ไม่ว่าหรอกครับ ความคิดถึงมันชนะความรู้สึกอึดอัด ผมนอนลูบผมอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ผมคนรักยาวขึ้นมากจนแอบรู้สึกเมื่อยมือ         


           พี่ฟิวเหมือนจะรู้ เขาจับมือผมข้างที่กล่อมเขามากุมไว้ ก่อนที่ผมจะเคลิ้มเตรียมหลับอีกครั้ง ถา้ไม่ติดว่าอีกฝ่ายซนอะนะ ความรู้สึกสากๆคันๆเหมือนเมื่อคืนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่รู้สึกอภิรมย์ด้วยเพราะมันกวนเวลานอนผมเหลือเกิน     


"อืมมมมมม" ผมครางเสียงในลำคอแต่ไม่ใช่เพราะสยิวนะครับ รำคาญล้วนๆเลย ผมขยับหนีไปที่อื่นแล้วเบียดเข้าหาที่อุ่นๆนั่นอีกครั้ง พยายามดึงผ้าห่มที่ไม่รู้มันหายไปไหนหรือว่าไม่ได้ห่มก่อนนอนก็ไม่รู้ ดึงแล้วดึงอีกก็ไม่เห็นมันมา แถมมันบางจนไม่น่าจะช่วยให้หายหนาวเท่าไหร่ด้วย แต่กลิ่นแปลกๆชวนปลอดภัยดีให้อภัย


"จะถอดเสื้อให้พี่หรอครับ" เสียงหยอกเย้ากับลมหายใจร้อนๆเป่าบนหัวผม แต่มันไม่น่าสนใจเท่าผ้าห่มบางๆกับไออุ่นที่ชวนให้ผมซุกเข้าไปหาอีก ผมสูดกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าไปเต็มปอด เอาหัวขยับๆพอได้ที่รู้สึกอุ่นสบายที่สุดผมก็พร้อมจะเอาสู่นิทราเหมือนเดิม


"เปลี่ยนยาสระผมหรอเรา หืม หอม" เสียงสูดหายใจดังต่อเนื่องบนหัว ทำให้จากที่พร้อมนอนทำเอาผมเริ่มรำคาญแทน ผมร้องเสียงในลำคอแบบขัดใจ ขยับหัวซุกเข้าไปอีกจนรู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มตรงเปลือกตาและแน่นอน


         ผมเจ็บ!!


        มันแสบๆคันเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก ผมขมวดคิ้วพยายามไถหน้าลงมาให้หลีกๆหนามที่ทิ่มตา แต่ยิ่งไถยิ่งแสบ ยิ่งไถยิ่งคัน ใครเอาสก็อตไบรท์มาไว้แถวนี้วะ  ผมเอามือที่ว่างดันหน้าอีกฝ่ายที่ซุกไซ้ มาดมั่นว่าจะถอดแมสเจ้าปัญหาออกไปให้ได้ 


          ป่วยก็ป่วยด้วยกันละวะ! ติดหวัดแฟนไม่เป็นไร แต่กวนเวลานอนสิเรื่องใหญ่!


          แต่พอลูบๆคลำๆตรงที่น่าจะเป็นแมสปิดปาก ผมกลับรู้สึกถึงอะไรที่เป็นเส้นๆแทน จะบอกว่าผมก็ไม่ใช่ หรือว่าผมซุกหัวพี่ฟิวอยู่ 
          ผมค่อยๆลืมตาทั้งๆที่อารมณ์ขุ่นมัว แต่พอลืมปุ๊บสายตาที่ควรจะปะทะกับแสงห้องที่ผมเปิดทิ้งไว้แต่มันกลับมืดเหมือนมีอะไรมาบัง ผมขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมเพราะภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า มันเป็นเส้นสีดำๆยาวๆอีกนิดก็จะทิ่มตาผมแล้ว ลองขยับมือมาเขี่ยๆไอ้เส้นดำๆในสายตากลับให้ความรู้สึกแปลกๆ มันแข็ง สาก คันๆ และ...อยู่ตรงคาง...
 

         นึกถึงเวลาตัวเองต้องโกนตอนเช้าทุกอาทิตย์ก็ทำให้รู้แจ้งขึ้นมา ที่แท้ก็หนวดนี่เอง ก็ว่าอยู่ทำไมเจ็บๆ แถมไว้ยาวขนาดนี้อีก ผมละอยากจะโกนให้ซะจริง พอรู้ถึงสาเหตุความสงสัยถูกปัดเป่าผมก็ปิดตาลงเตรียมนอนอีกครั้ง แค่ขยับออกจากตรงที่มีหนวดก็ไม่โดน...ทิ่ม....แล้ว...
 
 
         หนวด!!!!!!!!
 
 
         พลั่ก!!!!
 
 
"อั่ก! โอ๊ย!!!!" ผมกระแทกหัวกับที่อุ่นๆตรงหน้าก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกตื่นเต็มตากับเรื่องตกใจเมื่อกี้ พอตั้งหลักได้แล้ว ก็หันขวับไปหาผู้ชายร่างสูงข้างๆที่ร้องโอดครวญมือกุมจมูกจนมองไม่เห็นหน้าตา เห็นแค่หนวดรุงรังตรงคางแค่นั้น อีกฝ่ายใส่เสื้อช็อปสีแดง ผมยาวรุงรัง และเสียงร้องแหบเหมือนกอลลัม!!


          ใครวะเนี่ยยยยยยย!!!!


          ปากไม่ทันเอ่ยถามเท้าก็กระตุกยันไปเต็มแรงจนร่างเหมือนหมีป่าหล่นตุ๊บไปข้างเตียง อีกฝ่ายส่งเสียงเจ็บปวดแต่เพราะมันแหบจนน่ากลัวมันถึงฟังดูน่าขนลุกแทนสงสาร


          ผมเปลี่ยนตำแหน่งจากเตียงไปยืนข้างๆอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะจะช่วยนะครับ จะซ้ำ!!!


"ดะเดี๋ยว! อั่ก!!" ผมไม่สนใจท่าทางคนบนพื้นที่ยกมือห้ามไปมา พอยืนได้มั่นคงปุ๊บก็ยกเท้าเหยียบหลังอีกฝ่ายไปเต็มแรง จนคนโดนเหยียบทรุดนอนคว่ำไปกับพื้น โอเค เหยียบอาจรู้สึกไม่พอเตะขอเตะสีข้างอีกละกัน!


"มึงเป็นใครวะ!!!! เข้ามาได้ยังไง!!" ผมตะโกนถามอีกฝ่ายเสียงกร้าว ห้องผมไม่พอมานอนบนเตียงให้ซุกไซ้อีก เข้าห้องคนอื่นทั้งทีนั่งเฉยๆขโมยของไปเงียบไม่ได้รึไง จะมากอดรัดฟัดเหวี่ยง ผมทำไมวะ! โอยยยยยย ไม่ไหวแล้ว ขนลุกกกก! ผมดันรู้สึกดีตอนกอดด้วยไง!!
 

            ยิ่งคิดยิ่งเคือง ผมถีบยันอีกฝ่ายที่พยายามลุกขึ้นจนหงายหลังไปนอนกับพื้น เตะมือที่พยายามจะจับข้อเท้าผมไว้ก่อนจะง้างเท้าขึ้นสูงอีกรอบ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะยกเท้ากระทืบท้องมันรอบที่สอง เสียงคำรามที่คุ้นหูเหมือนเพิ่งได้ยินเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้ผมหยุดชะงัก


"ทศ!!!! นี่พี่เอง!!" เสียงกอลลัมตะโกนแต่ที่ทำให้ผมสะดุดที่สุดคือมันรู้ชื่อผมด้วยนี่แหละ ผมเปลี่ยนกระทืบเป็นเหยียบอกอีกฝ่ายแทน กดน้ำหนักจนอีกฝ่ายหน้าเหยเกย


"พี่ไหน?" ถ้าบอกว่าพี่คณะ ผมจะบี้ลูกรักให้หาเมียไม่ได้เลย เอ๊ะ หรือจริงๆเขาอยากได้ผัว? เล่นนอนกอดผมด้วย แค่คิดหน้าผมอึมครึมขึ้นอีกระดับ


            ตัวผม ผมให้แฟนกอดได้คนเดียวว้อยยยยยยย!


"อึก! พะ พี่ฟะ"


"มึงพูดดีๆดิ!" ผมไม่สนตาใสที่มองผมเหมือนด่าในใจ ทำไมอะ ผมจะเหยียบจนมันหายใจไม่ออกแบบนี้แหละ ว่าแล้วก็เพิ่มแรงกดไปอีก ตาใสแล้วไงคิดว่าผมจะ...ยอม...


          เดี๋ยวนะ


          เมื่อกี้ผมว่าอะไรนะ


          ตาใส???


"ฟะ ฟิวไง อึก! ฟิวแฟนทศอะ!!"


          ตาใส!!!!


          FUCK!!!!!!!!!!!!



          ผัวะ!!


"อั่ก!!"


"เฮ้ย!" ผมรีบทรุดลงไปหาอีกฝ่าย มองหน้าด้านซ้ายที่ผมเผลอเตะไปเต็มแรงจนคนบนพื้นหน้าหัน ครั้งนี้ผมไม่ได้ตั้งใจนะสาบาน! เท้าไปเองล้วนๆเลย โอยยยยยยยย


"ทศขอโทษ พี่เป็นไงบ้าง" ความรู้สึกอยากเหยียบให้จมดินเมื่อกี้ลอยหายไปทันที พอสังเกตท่าทาง เส้นผม ลำคอเนียนๆแบบละเอียด ร่างหมีถึกเมื่อกี้ดูบอบบางขึ้นจม!


          ทำไมผมไม่เอะใจตั้งแต่กลิ่นอีกฝ่ายแล้ววะ! เส้นผมเล็กๆขี้แมลงวันบนหลังคอนั่นอีก นี่มันแฟนผมชัดๆ!!


          พี่ฟิวโอดโอยในลำคอเสียงที่ตอนแรกฟังดูน่ากลัวแต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกน่าสงสารซะงั้น อีกฝ่ายค่อยๆลุกขึ้นพลางสะบัดหัวเบาๆเหมือนเรียกสติ แต่ที่ทำให้ผมหน้าซีดมากกว่าเดิมนั้นคือ เลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากซ้ายของอีกฝ่าย!
 

            โอยยยยย แฟนผมมมมม


"พี่ฟิว! จะ เจ็บมากไหมครับ เจ็บตรงไหนบ้าง" ผมหันรีหันขวาง มองสำรวจอีกฝ่ายซ้ายขวา พยายามนึกว่าตัวเองลงแรงไปที่ไหนบ้าง แต่แบบ.... มีที่ว่างตรงไหนผมยันตรงนั้นเลยนี่หว่า ภาวนาให้ตัวเองไม่ใส่แรงมากแต่ก็รู้ตัวอยู่ว่าปล่อยไปสุดทีน


       ฮือ แฟนผมมมมมมมม


"ทะ ทศ" อีกฝ่ายมองหน้าผมอึนๆพลางซี๊ดปากเบาๆ ดวงตาที่เหมือนลูกแก้วกวาดตารอบห้องก่อนที่จะทำหน้าเหยเก คือ... พี่โดนเตะไงไม่ใช่ตกบันได ไม่ต้องทำท่าเหมือนความจำเสื่อมได้ไหม


"พี่ลุกไหวไหมครับ มา ผมช่วย" ผมถามน้ำเสียงหงอยๆ พลางรวบเอวคนตัวหนาพยายามค่อยๆดึงคนบนพื้นลุกขึ้น พี่ฟิวงอตัวทันทีที่ยืนเห็นแบบนั้นผมยิ่งใจเสียเข้าไปใหญ่


"นั่งตรงนี้ก่อนนะครับ" ผมประคองอีกฝ่ายนั่งบนเตียงแบบเก้ๆกังๆ ตัวพี่ฟิวก็ไม่ได้เล็กๆไง ตัวหนากว่าผมด้วยซ้ำ ดีหน่อยที่ผมสูงกว่า


"ซี๊ดดด ไหวๆ" คนโดนผมกอดเอ่ยเสียงเบาทั้งน้ำตาคลอ ผมเห็นแบบนั้นยิ่งหน้าเจื่อน กวาดตาดูรอบห้อง แต่ก็ไม่เห็นกล่องปฐมพยาบาลสักชุด


"เรามีพวกที่ล้างแผลยานวดอะไรแบบนี้ไหมครับ" ถ้าไม่มีผมคงต้องลงไปซื้อ ไม่ก็พาพี่ฟิวไปโรงพยาบาล


"มีๆ" แฟนผมพูดพลางกุมมุมปากด้านซ้ายไว้ นิ้วสีแทนชี้ไปยังตู้ที่อยู่มุมสุดของห้องครัว ใครเก็บที่ทำแผลไว้ห้องครัวบ้างอะ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย


"ครับ เดี๋ยวผมทำแผลให้นะ" จะบอกว่านอนลงไปเลยก็ได้ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าด้านหลังก็โดนผมเหยียบไปไม่น้อยก็เลยได้แต่เก็บปากเก็บคำดีที่สุด


          ผมรื้อๆเอากล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ห้องครัวสักพัก ก่อนจะรีบเอาไปทำให้คนบนเตียง พี่ฟิวนั่งมองผมตาแป๋วอยู่แล้ว ดวงตาใสนั่นดูไม่โกธรผมเลยสักนิดมีแต่น้อยใจล้วนๆ


           ทำไมผมเห็นเป็นหมาตัวใหญ่กำลังเศร้าหูหางตกวะ ไม่ได้ ผมจะเปรียบสุดที่รักเป็นหมาไม่ได้!

"เจ็บมากไหมครับ" ผมถามคนที่เงยหน้าให้ผมทำแผล พี่ฟิวส่ายหัวเบาๆแต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นพยักหน้าหงึกหงัก ตกลงจะเจ็บหรือไม่เจ็บครับแฟน


          ผมกวาดตามองแผลตรงปากอีกฝ่ายแล้ว พยายามใช้น้ำเกลือเช็ดคราบเลือดที่แห้งและติดเต็มหนวดเป็นก้อนๆออก แต่พอไม่ใช้แรงมันก็ไม่ออก พอใช้แรงคนตรงหน้าผมก็ซี๊ดปากทุกที เป็นแผลแบบนี้กินอาหารคงลำบากน่าดู พาอีกฝ่ายไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงบาลเขาจะหาว่าเว่อร์ไหมนะ


"โกนหนวดดีไหมครับ มันบังแผลอะ" ผมเอ่ยขึ้นมาลอยๆแบบไม่คิดอะไร แต่คนถูกถามกลับส่ายหัวรัวๆแบบไม่เจียมสังขาร ใบหน้าที่โจร.... เอิ่ม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราตื่นตกใจ หน้าซีดลงจนผมสงสัยว่าซีดกับคำถามหรือเพราะแผลกันแน่ ตอนแรกก็ไม่สงสัยหรอกพอคนเจ็บเล่นใหญ่งี้ต่อมสงสัยผมก็ทำงานขึ้นทันที


"ทำไมละครับ พี่ฟิวชอบหนวดหรอ?" ผมเลิกคิ้วถาม ตอนคบอีกฝ่ายตอนมัธยมโรงเรียนเขาก็ไม่ให้ไว้หนวดซะด้วย แต่ถึงยังไงไว้ยาวขนาดนี้ก็เกินไปไหมนะ


"ทศไม่ชอบหรอ" อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ถามผมกลับด้วยน้ำเสียงหงอยๆ ผมละสายตาจากมุมปากอีกฝ่ายแล้วมาสบตาใสที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยใจแทน ไม่เข้ากับตัวใหญ่ๆหนวดเราขรึมเลยสักนิด ผมหัวเราะเบาๆแล้วก้มลงจุ๊บมุมปากอีกข้างที่ไม่มีแผลของคนบนเตียง
 

"รักขนาดนี้ยังจะถามอีกหรอครับ" ถึงมันจะสากๆเจ็บๆรุงรังไปบ้างก็เถอะ พี่ฟิวฉีกยิ้มกว้างแบบไม่เจียมสังขารอีกรอบ ก่อนจะหลุดร้องโอดโอย กุมมุมปากข้างที่เป็นแผลของตัวเอง แผลจะเปิดเพราะเจ้าตัวนี่แหละผมว่า


"เรารีบทำแผลกันเถอะเนอะ" ผมใช้มีอีกข้างสางผมฟูๆให้คนบนเตียงให้รู้ว่าผมหมายถึงแบบนั้นจริงๆ “พี่จะได้กินข้าวกินยาอาบน้ำสระผม ดูสิ เหนียวไปหมดแล้ว...อะ...” ผมขมวดคิ้วชะงักมือที่เล่นผม อยู่ๆคำพูดของชัยก็เข้ามาในหัว ทั้งทีไม่เกี่ยวกับสถานการณ์เลยสักนิด
 

        ผู้ชายตัวใหญ่ผิวเกรียมๆหน้านี่ครึ่งนึงมีแต่หนวดอีกนิดก็ซานตาคลอส ปากนี่ไม่ต้องพูดถึงโดนปิดจนกูกลัวเขาแดกหนวดตอนพูดไปด้วย ผมอีกมึง ผมนี่ยาวกระเซอะกระเซิงเหมือนไม่ได้สระมาสามอาทิตย์!
 

           ผมกวาดตามองแฟนตัวเองอีกครั้ง เริ่มมีอะไรสักอย่างที่ไม่ถูกต้อง


           ผิวเกรียมๆ ผมมองสีผิวที่ดูก็รู้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาของคนด้านล่าง

           หนวดยาวเหมือนซานต้า ผมเขี่ยหนวดรุงรังของอีกฝ่าย แม้จะไม่ถึงเหมือนกับซานต้าแต่ก็ยาวเกินกว่าที่คนทั่วไปจะไว้

           ผมยาวกระเซอะกระเซิง ผมค่อยๆใช้มือสางผมที่ฟูยาวถึงบ่า มันติดแน่นเป็นก้อนจนผมสงสัยว่ามีครีมนวดในห้องน้ำไว้ทำไม


            พี่ฟิวเงยหน้ามองผมงงๆ แต่พอผมสำรวจอีกฝ่ายหลายๆรอบ ภาพเลือนรางสีแดงเส้นๆของอีกคนก็เข้ามาแทนที่แทน


           เฮดว้าก...


           เสียงคำรามที่เรียกชื่อผมตอนผมเหยียบท้องพี่ฟิวเข้ามาในหัวอีกครั้ง พอลองนึกเอาไปเทียบกับเสียงคำรามที่เรียกผมว่าทศกัณฐ์ในหอประชุม ก็ทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่


          ผม.... จำไม่ได้ครับ
 
 
         อะล้อเล่น
 
 
         ผมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกมีเรื่องอิมพอสซิเบิ้ล เสียงของคนบนเตียงกับคนบนเวทีเหมือนกันจนน่ากลัว แต่เดี๋ยวๆตั้งสติก่อนทศ มึงอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ใจที่เต้นแรงนี่สิทำเอาคำถามในหัวตีกันจนผมทนไม่ไหว


หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 :: เป็นแฟนพี่ว้ากห้ามวู่วาม
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 25-03-2018 20:50:19


"พี่...ไว้ผมกับหนวดทำไมครับ" ผมถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง พี่ฟิวชะงักกึก ก่อนที่คนบนเตียงจะเกาหลังคอแล้วเหล่ไปทางซ้าย ท่าทางแบบนั้น ทำให้ผมที่ตอนแรกไม่มั่นใจเปลี่ยนเป็นมั่นเกินครึ่งทันที


          พิรุธ...


         ชัดเลยว้อย!!!


"ก็แบบ..." อีกฝ่ายอ้ำอึ้ง ปฏิกิริยาแบบนั้นทำให้ผมฉุน แต่เพราะผมยังไม่รู้ความจริง ยังไม่รู้เหตุผลและ...อาจจะคิดไปเอง เรื่องแค่นี้ แฟนผมต้องบอกผมสิ!


"ชอบหนวดกับผมยาวหรอครับ" ผมจับหน้าให้อีกฝ่ายมองผมดีๆ พี่ฟิวไม่ตอบแต่หัวเราะแห้งๆแทน
 

 
"พี่ไม่ได้ไว้ เพราะเป็นกฎอะไรใช่ไหม" คนข้างล่างส่ายหัวรัวๆ ตอนนี้ผมรู้สึกคิดถูกมากที่ยืนข้างๆแทนนั่งบนเตียงเพราะผมสามารถเห็นหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งสายตาของคนรักที่เบี่ยงหลบผมไปมองพื้น ผมตีแก้มอีกฝ่ายเบาๆให้เขามาสบตาอีกครั้ง ก่อนจะเลิกคิ้วถามต่อ


"ไว้เพราะกิจกรรมรึเปล่าครับ" ถ้าไม่ใช่กฎก็ต้องตามเพื่อน พอคิดถึงพวกไว้หนวดรุงรัง ไอ้พี่ว้ากคิ้วหนาก็เข้ามาในหัวทันที พี่ฟิวมองตาผม ปากบางที่แทบจะมองไม่เห็นเม้มเข้าหากันแน่นจะหนวดกลบหายไป อีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆพลางส่งสายตาให้ผมแบบกล้าๆกลัวๆ


"กลัวทำไมครับ ผมแค่ถาม"คนที่ควรหน้าถอดสีอยู่ตรงนี้เถอะ "วันนี้ผมเจอพี่ที่คณะใช่ไหม"


"ครับ" พี่ฟิวตอบรับเสียงเบา ยิ้มเจื่อนๆส่งมาให้ ผมไม่เว้นว่างถามต่อทันที ทั้งๆที่ใจเต้นโครมคราม เริ่มเข้าใจความรู้สึกโคนันก็ตอนนี้


"พี่ยืนอยู่บนเวทีหอประชุมรึเปล่า"


"อ่า..." แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายนิ่ง พี่ฟิวเบะปากให้ผมเหมือนทุกครั้งเวลาทำตัวไม่ถูกก่อนที่แขนยาวๆจะโอบเอวผมแล้วซุกหน้ากับท้องผมไว้ "ครับ...ใช่"


            โอเค


            ชัด


            เจน
 
 
"พี่นึกว่าทศรู้แล้ว" คนฝังหน้าบนท้องผมพูดอ้อมแอ้ม แต่ผมดันฟังรู้เรื่องซะนี้


"รู้ว่าอะไรครับ"


"ว่าพี่เอ่อ... เป็นพี่ว้ากกับ...เปลี่ยนชื่อ" เหอะ อยากจะหัวเราะเสียงนี้ออกมาดังๆ ถ้าผมตื่นมาเห็นพี่ว้ากบุกห้องมานอนกอดผมบนเตียงนะ ผมกระทืบไม่เลี้ยงยิ่งกว่านี้อีก จริงๆผมไม่ได้เป็นพวกหัวรุนแรงนะครับ แต่รู้สึกวันนี้ผมจะหงุดหงิดบ่อยเหลือเกิน อยากจะพ่นไฟใส่หัวแฟนให้มอดไหม้


          เปลี่ยนชื่อเลยนะครับ ถ้าแฟนของคุณเปลี่ยนชื่อแล้วไม่บอกคุณจะรู้สึกยังไง! โอเคผมจะพยายามเข้าใจว่าระยะทางกับเวลาอาจจะเป็นอุปสรรคในการพูดคุย แต่ยังไงผมก็เคืองอะ


"ผมลืมใส่คอนแทค" ผมกรอกตาตอบอีกฝ่ายส่งๆ พี่ฟิวร้องอ๋อเบาๆกับเหตุผลของผมก่อนที่ห้องจะปกคลุมไปด้วยความเงียบ อยากทำบรรยากาศมาคุต่ออีกหน่อยแต่พอก้มมองหัวฟูๆที่ซุกท้องผมแล้วต้องถอนหายใจออกมา ถามว่าโกธรไหมก็โกธรครับ แต่มันไม่ถึงขนาดโวยวายออกมาส่วนมากเป็นน้อยใจมากกว่า ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำตัวอ้อนๆใจผมก็ยิ่งอ่อนยวบ เฮ้อ เพิ่งเจอกันเมื่อวานไหงวันนี้มีเรื่องให้ระทมทุกข์แบบนี้วะ ผมเม้มปากแน่นพลางเอื้อมมือไปนวดต้นคอคนกอดเบาๆ


"ทำไม... พี่ไม่บอกผม” แล้วผมจะเชื่อใจพี่ได้ไงวะ พี่ฟิวคลายแรงกอดช้าๆก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองผม เหลือบตาเห็นรอยช้ำตรงมุมปากคนรักใจผมก็ยิ่งอ่อนยวบลงไปอีก


            ทำไมผมเห็นคนหนวดขรึมเป็นน่าฟัดได้นะ


            ทศ อย่าเพิ่งไม่ใช่เวลา


"พี่ขอโทษ โกธรหรอ" สบตาใสที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนั่นแล้ว ผมต้องถอนหายใจยาวๆอีกครั้ง


             น่าฟัดจริงด้วย


              ทศ กำลังดราม่าทศ เอ้า ฮึบ!


"ครับ แต่ผมเสียใจมากกว่า" ปากบางใต้หนวดเคราขรึมเบะอีกครั้ง แขนที่กอดรอบเอวผมไว้รัดแน่นขึ้น


"ขอโทษครับ พี่แค่อยากให้ทศรู้วันเปิดเทอมเลย แบบ...เซอร์ไพร์" ผมเลิกคิ้วแล้วหัวเราะในลำคอ หัวเราะแบบแห้งๆน่ะครับ เซอร์ไพร์เลยไง เซอร์ไพร์จนเลือดกลบปากเลยไหมละ


"เซอร์ไพร์บ้าอะไรครับ" อยากจะบอกว่าเซอร์ไพร์เหี้ยอะไรละ แต่ก็พูดกับอีกฝ่ายไม่ลง


"ก็... ถ้าพี่บอกว่าเป็นพี่ว้าก ทศจะกลัวพี่ไหมอะ" ผมก้มมองหน้าคนพูดนิ่ง กลัวไหมหรอ... แน่นอนคำตอบคือไม่ ใครมันจะไปกลัวแฟนตัวเองครับ พอนึกภาพอีกฝ่ายอยู่บนเวทีเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ถึงผมจะไม่รู้ว่าเป็นพี่ฟิวผมก็ไม่กลัวอยู่ดี เพราะผมรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรผมไม่ได้อยู่แล้วเปรียบเทียบกับพวกนักธุรกิจหน้าซื่อตาใสรอยยิ้มดูจริงใจในลอนดอนแล้ว พวกแก๊งพี่ว้ากดูเป็นแก๊งหมีเดินหาน้ำผึ้งกันไปเลย

 
            ถึงจะกวนตีนก็เถอะ เหอะ!
 
 
"อ่อ... ให้ผมกลัวแบบวิ่งรอบสนามยี่สิบรอบน่ะหรอ?" จบประโยคพี่ฟิวที่ยิ้มเจื่อนอยู่แล้วก็ยิ่งเจื่อนเข้าไปอีกทันที ทำเสียงกระเง้ากระงอดตอบผม


"ทศอะ ก็ตอนนั้นทศผิดนี่" หืม ผมผิด? ผมยิ้มหวาน เพิ่มแรงนวดที่หลังคอคนรักอัตโนมัติ พี่ฟิวชะงักก่อนที่จะพูดต่อ "เรื่องปกป้องเพื่อนทศไม่ผิดหรอก พี่เข้าใจ"


"แล้วที่ผมผิด?"


"ทศเถียงรุ่นพี่ แถมกวนต-- แฮ่ม แอบแซะเขาด้วย" อ่อ... หมีคิ้วหนา


"ทศแค่พูดความจริง" ผมแก้ต่างให้ตัวเอง แต่แทนที่พี่ฟิวจะพูดต่อกลับยิ้มแป้นน่ารักน่าหมั่นไส้แทน นี่แฟนผมเสพยาหรืออะไร


"ยิ้มทำไมครับ"


"ทศหายโกธรพี่แล้วอ่อ" ผมบอกตรงไหนว่าหายโกธรวะ แต่เอาจริงๆก็หายแล้วละถือว่าเจ๊ากับที่ผมลงแรงเท้ากับคนรักไป ถึงจะน้อยใจอยู่ก็เถอะ ผมมาที่นี้เพื่ออยู่กับคนที่ผมรัก อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามประเทศมาถ้าผมมัวแต่โกธรก็รู้สึกเสียเวลาสวีทกับพี่ฟิวไปอีก ค่อยแก้แค้นอีกฝ่ายในแบบของผมก็ยังไม่สาย


"ทศแทนตัวเองด้วยชื่อแล้วอะ หายโกธรเค้าแล้วใช่ป่ะ" แบ๊วเว่อร์ ตอนที่ไม่มีหนวดเครามันก็น่ารักน่าแกล้งนะ แต่พอมีปุ๊บความชายฉกรรจ์มันตีเข้าหน้าผมแทนเลยเนี่ยสิ แต่โอเค คนรักผมมีความสุขผมรับได้


"อย่าเปลี่ยนเรื่องสิครับ ทำไมไม่ให้ป้ายชื่อใหม่ละ ให้วิ่งรอบสนามทำไมครับ" แถมไม่ฟังเหตุฟังผลอะไรอีก คิดแล้วก็ขึ้น ถอนผมฟูนั่นซะเลย นี่แน่ะ!


"นั่นพี่ช่วยทศนะ จริงๆต้องโดนไล่ออกจากห้องเชียร์ด้วยซ้ำ ทศปีนเกลียวรุ่นพี่เพื่อนทศทำป้ายพังตั้งแต่วันแรก มันไม่ใช่ข้อหาเบาๆเลยนะเว้ย" ผมเลิกคิ้วส่งสายตาว่า อาร์ ยู ซีเรียส? พอพี่ฟิวพยักหน้ารับด้วยใบหน้าจริงจัง ผมก็หลุดหัวเราะออกมาจริงๆ


"ดีซะอีก ใครอยากเข้าเชียร์อะ จริงๆพรุ่งนี้ทศก็กะจะไม่เข้าไปแล้วนะ น่าเบื่อ"


"ทศอะ!" อะอะไรละ อะอา เอะเอ อุอูหรอ ทำผิดแล้วแบ๊วกลบเกลื่อนทุกที


"มันไม่เห็นมีประโยชน์เลยพี่ฟิว ทศว่ามันเสียเวลา" ไร้สาระมากเลยในสายตาผม เต้นบ้าๆบอๆของพี่สันยังมีประโยชน์กว่าอีก


"มีดิ ไม่งั้นพี่จะเข้าว้ากทำไมวะ"พี่ฟิวพูดน้ำเสียงจริงจัง ผมมองตาใสมุ่งมั่นนั่นแล้วชี้เข้าหาตัว


"อยากว้ากผมหรอ?" พี่ว้ากของผมชะงักแล้วตอบอ้อมแอ้ม


"ก็...นิดนึง" ตะโกนใส่หน้าแฟนมีอะไรให้ชอบอะ สงสัยอะเกน


"ไม่ต้องว้ากที่มหาลัยก็ได้มั้งถ้างั้นอะ" คนกอดผมทำหน้าสงสัย "ว้ากในห้องก็ได้ เฮดว้ากอยากให้ทศกัณฐ์ทำอะไรละครับ" ผมฉีกยิ้มอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนมือจากนวดหลังเป็นโอบรอบคออีกฝ่ายแทน


               ดวงตาใสเหมือนลูกแก้วเบิกกว้าง ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นวิ้งๆระยับไปหมดพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มจะประทับลงบนใบหน้าหนวดเครา


                พี่ฟิวไม่ตอบแต่กลับทำปากจู๋ พยายามเงยหน้าให้ผมที่อยู่ข้างบนเห็นชัดๆ ผมขำให้กับคำสั่งของคนรัก ขำทั้งท่าทาง ขำทั้งหน้าเขาด้วย จินตนาการผู้ชายหน้าโหดๆทำปากจู๋ตาหยีใส่สิครับ ไม่เหลือภาพคนเวทีให้ผมแค้นเคืองเลย

                ผมกุมแก้มอีกฝ่ายไว้ทั้งสองข้าง ก่อนที่จะค่อยๆโน้มลงไปใกล้ๆดวงตาใสเปิดขึ้นน้อยๆตามระยะที่สั้นลงเรื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไรแค่สบตาใสนั่นผมก็รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูรู้สึกตัวอีกทีใบหน้าคนรักผมอยู่ใกล้แค่คืบก่อนที่จะใกล้จนลมหายใจร้อนๆรดริมฝีปาก  ผมขยับจมูกซีดของตัวเองเขี่ยจมูกโด่งสีแทนนั่นเบาๆพร้อมกับใบหน้าตรงหน้าที่ค่อยๆเอียงปรับองศา รู้สึกถึงสัมผัสกดให้โน้มมากกว่านี้ที่ต้นคอ ความร้อนของริมฝีปากอีกฝ่ายที่ใกล้จะแตะกันทำให้ผมค่อยๆเผลอปากช้าๆเหมือนมนตร์สะกดพลางค่อยๆหลับตาเตรียมสัมผัสกับความนุ่มที่คุ้นเคย แต่พอคิดอะไรบางอย่างได้ปุ๊บก็ทำให้ผมชะงักเปลี่ยนใจต้านแรงกดที่ต้นคอชะโงกหน้าขึ้นไปจุ๊บเบาๆที่เหม่งคนตรงหน้าแทน
 

          จุ๊บ!
 

"อ้าว!?!"
 

"แผลยังไม่หายเลยทำแผลกันต่อดีกว่าครับ" ผมผละตัวออกจากอีกฝ่ายเร็วๆจนคนบนเตียงจับไม่ทัน พยายามไม่สนใจใบหน้าเหมือนโลกสลายของพี่ฟิวแล้วหยิบสำลีใส่ยาต่อ
 

"ดึกแล้วพี่ฟิวยังไม่ได้ทำอะไรเลย พรุ่งนี้มีเรียนนะครับ"
 

"ทศอะ! อะไรวะ"
 

"อะไรครับ?" ผมถามกลับ ทำหน้างงว่าอีกฝ่่ายมีอะไรทำหน้างอนผมทำไมผมทำอะไรผิด พี่ฟิวจิ๊ปากขัดใจ มองค้อนผมวงโต ก่อนจะชูมือขึ้นสองข้างเหมือนยอมแพ้ แม้ปากจะยื่นจนน่าตีก็เถอะ


                ผมพยายามใช้เวลาทำแผลให้พี่ฟินน้อยที่สุดเพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้กินอะไรเลย มองคนบนเตียงบิดขี้่เกียจช้าๆก่อนจะไล่อีกฝ่ายไปอาบน้ำสระผม เมื่อเห็นว่าพี่ฟิวไม่ได้บาดเจ็บสาหัสสากรรจ์เหมือนที่ผมนึกไว้ ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว หวังว่าร้านข้าวจะไม่ปิดนะ


"พี่ฟิวครับ กินอะไรเดี๋ยวทศสั่งให้" ด้วยความที่กลัวคนในห้องน้ำจะไม่ได้ยิน ผมเลยลืมตัวตะโกนถามเสียงดังจนกลัวคนห้องข้างๆด่า นี่เพิ่งสามทุ่มเองคนในหอคงไม่หลับกันหรอกมั้ง


"เดี๋ยวพี่ลงไปด้วย" แต่เสียงคนในห้องน้ำกลับดังไม่ต่างกัน เสียงแหบขนาดนั้นยังจะตะโกนอีกนะคนเรา ผมถอนหายใจเบาๆรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่าย ยิ่งพรุ่งนี้มีประชุมเชียร์ต่ออีกด้วย มองนาฬิกาอีกทีผมว่าไปสั่งอะไรให้พี่ฟิวกินรอเลยดีกว่า


"งั้นพี่ตามมานะครับ เดี๋ยวทศสั่งให้ก่อน" ได้ยินเสียงโอเคแว่วๆมาตามลม ผมก็คว้าเอากระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ออกจากห้องไป




             ร้านข้างล่างหอเป็นร้านอาหารเล็กๆหลายร้านมารวมกัน มีอาหารตามสั่ง ราดหน้า ข้าวมันไก่ ร้านขายน้ำ เหมือนเป็น Food court ขนาดย่อม


            ผมเลือกเดินไปสั่งผัดกระเพราให้ตัวเอง กับข้าวผัดหมูแฉะๆให้พี่ฟิว กลัวถ้าสั่งข้าวต้มอีกฝ่ายจะครวญครางกับความร้อนของน้ำซุป ถ้าสั่งผัดกระเพราแบบผมก็กลัวแผลอีกฝ่ายจะทรมาณกับความเผ็ด เอาข้าวผัดที่ทั้งจืดทั้งไม่มีน้ำซุปให้พี่ฟิวนี่แหละ น่าจะโอเคสุด


"นั่งก่อนนะพ่อรูปหล่อ เดี๋ยวพี่เอาไปเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะเลยจ๊ะ" ผมยิ้มหวาน หัวเราะเบาๆกับสรรพนามเรียกตัวเองของผู้หญิงวัยกลางคน ผมผละออกมาจากร้านอาหารตามสั่ง เดินไปสั่งน้ำต่อก่อนจะหาที่นั่งดีๆ


TosSaKan: ถึงร้านแล้วครับ พี่ลงมาได้เลย


           กดส่งข้อความแล้วรออีกฝ่ายอีกสักพัก ไม่ถึงนาทีพี่ฟิวก็ส่งสติ๊กเกอร์โอเคที่ดูฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งกิงก่องแก้วให้ผม นี่หรอพี่ว้าก แล้วผมจะเอาอะไรไปกลัวอะถามจริง


            ระหว่างรออาหารกับคนรัก ผมเลยนั่งเล่นนั่งส่องกราฟหุ้นในบริษัทพี่ชายรอ ไม่ได้เล่นหุ้นแบบจริงจังหรอกครับ แต่เหมือนเป็นสิ่งที่ผมทำจนชินไปแล้วตอนเรียนไฮสคูล มองดูตัวเลขที่เปลี่ยนจากเมื่อวานไปโขก็ต้องร้องดีใจในใจ ดีนะที่ไม่ลงทุนกับตัวนี้


             พอตรวจดีไปเรื่อยๆชักเพลิน ยิ่งเห็นว่าตัวไหนเพื่อนผมมันพลาดไปก็ต้องยิ้มสะใจ ไม่ได้สะใจแบบเต็มขั้นครับ สะใจที่มันไม่ฟังผมนี่แหละว่าแล้วก็แคปหน้าจอไปเย้ยมันซะหน่อย แต่ยังไม่ทันจะส่งข้อความไปให้เพื่อนตาน้ำข้าว แรงสะกิดเบาๆก็ดึงผมออกจากภวังค์


              อา... ผมมากินข้าวกับพี่ฟิวนี่หวา แต่อีกฝ่ายลงมาเร็วขนาดนี้แสดงว่าวิ่งมาแน่ๆ ร่างกายไม่อำนวยอยู่ทำไมไม่ดูแลดีๆนะ


"พี่ฟิว--"


"แบร่!!!!!!!"


"เฮ้ย!!!" ผมสะดุ้งตกใจ มองค้อนเจ้าของเสียงก่อนที่ผมจะผงะ เบิกตากว่ามองคนตรงหน้านิ่ง


         มะ


         มาได้ไงวะ!!


"มึงอยู่หอนี้หรอ ทำไมไม่บอกวะ ทศจะได้กลับพร้อมกัน” เสียงร่าเริงเฟลนลี่นั่น ทำให้หัวผมขาวโพลนไปหมด


"ชะ"


"อ้าว หน้าซีดเฉยหิวอะดิ สั่งข้าวยังวะ มากูแดกเป็นเพื่อน"


"อะไอ้ชะ"


"ฮะ อ้ำอึ้งไรวะ หรือกูหล่อขึ้น? เรื่องปกติอะมึงกูหล่อขึ้นทุกชั่วโมงอยู่แล้ว"


"ไอ้ชะ"


"โอ๊ย กูรำคาญว่ะ เออ! กูชัยเอง มึงเป็นอะไรเนี่ยไอ้หล่อ"


"....."


          ไอ้ชัย


           มึงมาทำอะไร!!!
______________________________________________________________________________________

นั่นสิ ชัยมากินอะไรตอนสามทุ่มลูก ดึกขนาดนี้หนูมาทำไม555
รู้ความจริงแล้วจ้าาาา แก้ลบแก้ลบบ่อยสุด ตอนแรกก็อยากให้ทศดราม่าแต่มันไม่ดราม่าสักที เอาขำแบบทศไปเลยแล้วกันนนน  พยายามทำให้พีคแต่มันก็ไม่พีคอะค่ะคุณ  คาแรกเตอร์พี่ฟิวอยากให้เป็นคนที่เหมือนว้ากใครไม่ได้ในสายตาทศ
ขอบคุณที่อ่านค่ะ จะพยายามแต่งให้สนุกไม่ออกนอกทะเลนะคะ เพิ่งรู้ว่่านิยายนี่แต่งยากเหลือเกินนนนนน   :katai1: :katai1: :katai1:

หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-03-2018 00:10:57
5555
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 26-03-2018 00:15:00
พี่ว๊ากความแตกก็งานนี้ 555
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-03-2018 01:11:10
คนอะไรวาดแฟนตัวเอง? :hao4:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 26-03-2018 01:23:28
 :m16: เพื่อนโผล่มาผิดเวลามากกกก  :m31: อย่างนี้ต้องโดนซ่อม  :m16:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-03-2018 02:06:48
ก่อนที่พี่ฟิวจะลงมา เจอกับน้องหายก่อนแล้วกัน เห็นหลัด ๆ มาโน้นแล้ว "น้องหายนะ"  :katai1:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-03-2018 03:00:04
 :m20:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-03-2018 06:40:33
พี่ฟิว ให้อารมณ์งุ้งงิ้ง ออดอ้อน
ส่วนทศ ดูเข้มแข็ง  ปกป้อง ไม่ยอมคน 
 แล้วสถานะของคู่นี้มันยังไงกันเนี่ย  :mew2:
ทศ ฟิว หรือ ฟิว ทศ  ล่ะเนี่ย  :hao3: :hao3: :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig2:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Aeflizm ที่ 26-03-2018 19:01:11
ใครนายเอก ใครพระเอกคะ จะได้จิ้นถูก <3
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 26-03-2018 21:15:51
พี่ฟิว น้องทศถ้าจะเนื้อหอมน๊ะจ๊ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่2 (อัพเดท 25/03/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 26-03-2018 23:00:25
โอ๊ยยยย ดีค่ะ เรื่องนี้ อ่านแล้วยิ้มมากมาย ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: HOLY SHXT!! เมื่อแฟนผมเป็นพี่ว้าก! กฏที่3 (อัพเดท 17/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ptp ที่ 17-11-2019 00:32:30

กฏที่3 :: เป็นแฟนพี่ว้ากต้องพยายาม(1)


ผมเคยคิดว่าเมื่อผมมีคนรัก ไม่ว่าเขาจะเป็นคนยังไง เพศไหน ฐานะไหน หรือแม้แต่รูปร่างหน้าตาจะเป็นยังไง ผมก็จะเปิดเผยต่อคนรอบข้าง บอกเพื่อน บอกพี่ บอกครอบครัว ความคิดผมมันถือเป็นการให้เกียรติอีกรูปแบบหนึ่ง



แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีแฟนเป็นเฮดว้าก...



โอเค ผมปั๊บปี้เลิฟกับพี่ฟิวตั้งแต่มัธยมต้น หลายปีที่ผ่านมาแน่นอนผมรับได้ที่มีแฟนเป็นผู้ชายและสามารถปรับตัวที่คนรักเป็นราษฎรเคลื่อนที่ได้ ผู้ชายที่รู้จักทุกคนยันหมาหน้าโรงเรียน ครั้งนี้อาจจะคล้ายๆกัน แต่เปลี่ยนจากทุกคนทักทายสวัสดีเป็นเดินหนี แหวกทางเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้แทน แน่นอนมันไม่ได้กระทบอะไรกับสถานะคนรักของเรามาก



เอ่อ..แต่คิดไปคิดมาก็น่าจะกระทบมากอยู่



เฮดว้าก คือคนที่เด็กเข้าใหม่ต้องเกรงกลัว นั้นคือลุคที่พี่ฟิวพยายามฝึกมาตั้งแต่ปีสอง ผมที่เคยเห็น(ลางๆ)เคยฟังเขาเกรี้ยวกราดในหอประชุม ก็ต้องยอมรับว่าคนรักผมพยายามมากจริงๆ พอคิดว่าพี่ฟิวทุ่มเทให้กับตำแหน่งสูงส่งขนาดนี้ ผมก็คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆที่ทำให้ตำแหน่งคนรักด่างพร้อย ถึงไม่อยากจะทำตัวคิดมาก เสียสละตัวเหมือนนางเอกละครแต่ถ้านึกถึงเหตุและผล ผมเลยเสนอกับพี่ฟิวให้ปิดความลับที่เราคบกันเอาไว้



และใช่ครับ คนรักผมโวยวายห้องแตกเลย ถึงเขาจะโตขึ้นสามปีแต่ความเป็นเด็กในตัวไม่รู้ทำไมยังอยู่ในตัวเขาไม่ต่างจากเดิม




แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหรอกนะ



กว่าจะอธิบายเหตุผลร้อยแปดก็หมดไปครึ่งค่อนคืน พี่ฟิวของผมไม่ใช่เด็กดื้อเขาเข้าใจเหตุผลได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แค่ทำตัวง้องแง้งให้ดูไม่ยอมความไปงั้นแหละ ผมรู้ว่าเขาก็กังวลเรื่องนี้ เพราะมันอาจจะส่งผลกระทบไปถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ชาววิศวะว้ากของเขาด้วย แล้วยิ่งผมเป็นเด็กปีหนึ่งที่สร้างวีรกรรมตั้งแต่วันแรก คงจะสนุกเลยแหละ



อา... แต่ถ้าถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นใต้หอผมตอนนั้นละก็ มันก็ผ่านไปสามวันแล้วละครับ



ใช่ครับ ดินเนอร์ครั้งแรกหลังที่ไม่ได้เจอกันมาสามปีของผมกับพี่ฟิว ถูกทำลายลงโดยไอ้ชัย
ครับ ผมเรียก 'ไอ้' ชัย คนอย่างมันไม่ควรให้เกียรติใดๆ ยิ่งผมนึกย้อนไปเหตุการณ์นั้นแล้ว รู้สึกยิ่งอยากเพิ่มสรรพนามนำหน้ามันด้วยซ้ำ ไอ้ชัยที่สถาปนาเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทผมภายในไม่ถึงอาทิตย์แต่เกลียดพี่ว้ากเข้าไส้ ตอนที่มันเห็นพี่ฟิวเข้าร้านเดียวกับผม เพื่อนสนิทผม(ที่สถาปนาตัวเอง)ก็เกรี้ยวกราดกัดพี่แกทันที คนรักผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ชัยมันแซะๆด่าๆอยู่เนี่ยเป็นพี่เขา เพราะนอกจากไม่หงุดหงิดเก๊กโหดแล้ว ยังยิ้มหน้าบานมาหาผมจนแทบจะได้แบล็คกราวเป็นสวนลาเวนเดอร์อยู่แล้ว



และสุดท้ายก่อนจะถึงขั้นวิกฤต ผมก็เลือกเดินไปบอกป้าแม่ค้าคนสวยให้เอาข้าวใส่กล่องให้ ก่อนที่จะเดินไปขอตัวกลับจากไอ้ชัยด้วยข้ออ้างที่สุดเบสิคตอนเรียนที่ไฮสคูลคือ 'ไม่ว่างมีธุระกับแฟน' แค่นั้นมันก็ทำตาโตแล้วเข้าอกเข้าใจผมทันที แต่ไม่วายแซะพี่ฟิวที่นั่งเอ๋อรอผมอยู่ที่โต๊ะอีก คนรักผมผู้ไม่รู้เรื่องราวใดๆพอเห็นผมเดินผ่านเหมือนคนไม่รู้จักกันเขาก็ได้แต่นั่งมองตาระห้อยสายตาตัดพ้อ ทำหน้าเหมือนโลกสลายซะอย่างนั้น



ช่างไม่รู้เลยเอาซะเลย



แต่ก็นั่นแหละครับ สุดท้ายก็ได้นั่งคุยทานข้าวปรับความเข้าใจกันบนห้องจนถึงดึกดื่นยันฟ้าสว่าง เห็นพี่ฟิวต้องตื่นแต่เช้าทั้งๆที่ตายังไม่เปิดก็สงสารจับใจ



ถ้าจะหาคนผิดละก็ผมโยนให้ไอ้ชัยคนเดียวเลย กล้าทำให้แฟนผมเป็นหมีแพนด้า มันต้องชดใช้!
 


"วู้ว! กูได้สมุดมาแล้วว้อย!!!" พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา ผมเบนตาออกจากมือถือเหลือบมองผู้ชายที่ผมเคียดแค้นเมื่อสามวันก่อน พอเห็นมันชูสมุดเล่มเล็กๆสีน้ำตาลเท่าฝ่ามือ ผมก็ทำได้แค่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



"งงไปอีก นี่สมุดล่าลายเซ็นต์ไงมึง ที่พี่แกอธิบายไว้เมื่อคราวนู่นน่ะ" ไอ้ชัยพูดพลางสะบัดสมุดขึ้นลง ก่อนที่จะโยนแบะไปบนโต๊ะแบบไม่มีความถนอมใดๆทั้งสิ้น ผมขมวดคิ้วย้อนความทรงจำว่าเมื่อวานผมทำอะไรไปบ้าง แต่ไม่ทันที่ผมจะตอบเสียงแหบๆก็แทรกเข้ามาก่อน



"ทศไม่ได้เข้าเชียร์ครั้งที่แล้ว มึงจำไม่ได้รึไง" ร่างผอมบางเดินเข้ามานั่งข้างชัย ก่อนที่จะถือวิสาสะหยิบกาแฟเย็นที่ผมซื้อขึ้นดื่มโดยไม่ได้ขอ



ยิ่งคบการกระทำยิ่งขัดกับหน้าตาจริงๆ...



ผมเลิกสนใจกาแฟที่โดนผู้ชายสองคนตรงหน้าแย่งกันกิน แล้วกลับไปนึกถึงเรื่องเมื่อวาน สาเหตุที่ผมไม่ได้เข้าห้องประชุม มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอกครับ ก็แค่เมื่อวานพี่ฟิวไม่ได้เข้าว้ากผมก็เลยไม่ไป



ครับ... ผมจะเข้าเชียร์ก็ต่อเมื่อไปเฝ้าแฟน



มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ผมก็ไม่เห็นว่าการเข้าเชียร์จะสำคัญหรือได้ประโยชน์อะไรสักนิด ก็พยายามเปิดใจอยู่นะครับ แฟนผมอุตส่าห์ทุ่มตัวเป็นเฮดว้ากเจ็บคอกลับห้องทุกวันแบบนั้น แต่นั่นแหละผมดันเป็นคนหัวดื้อซะด้วย ครั้งนี้ถือเป็นข้อเสียเลยจริงๆ


"เออ แต่พวกแม่งไม่ให้สมุดมึงอะ" ชัยเอ่ยขึ้นหลังจากที่กินกาแฟหมดยันน้ำแข็งอีกครึ่งแก้ว คนหน้าคมเปิดสมุดพลางเคี้ยวน้ำแข็งในปากไปด้วย



"อ่อ..." ผมครางในลำคอ ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงเพราะถ้าเป็นผม ผมก็ไม่ให้เหมือนกัน สมุดเชียร์ที่พวกเพื่อนผมทั้งสองคนถืออยู่ เป็นสมุดแฮนด์เมดที่พวกปีหนึ่งในคณะทุกคนต้องช่วยกันทำ แน่นอนว่าสมุดก็ต้องออกแบบเอง เย็บเอง สุดท้ายเงินก็ต้องออกเอง ยิ่งถ้าผมที่เข้าเชียร์บ้างไม่เข้าบ้าง ยิ่งงานร่วมกลุ่มของคณะแบบนี้ผมยังไม่เข้าไปแม้แต่เงา อย่าว่าแต่สมุดเลยชื่อผมคงยังไม่อยากจะเรียกกันเลยมั้ง



"เราก็อยากปกป้องทศนะ แต่หาข้อโต้แย้งไม่ได้จริงๆ" นนท์ทำหน้าสำนึกผิด ไม่รู้ว่าฝั่งนั้นเขาด่าผมว่าอะไรบ้าง ถ้าไม่ร้ายแรงขนาดฆ่าแม่ตบผู้หญิงผมก็น้อมรับนะ เพราะครั้งนี้ผมดูเห็นแก่ตัวจริงๆ เถียงไม่ออกเลยครับ



"ไม่เป็นไร เรากะจะไม่เข้าอยู่แล้วอะ" ผมยิ้มให้นนท์ ทันทีที่ผมพูดจบ จากหน้าสำนึกผิดของเด็กเรียนก็เปลี่ยนเป็นปลงตกทันที พร้อมกับสายตาที่ส่งมาประมาณว่า กูว่าแล้ว


เพื่อนขอโทษได้ไหมละ
 


"กูเข้าใจๆ กูก็เบื่อโคตรๆเหมือนกัน ถ้าไอ้นนท์แม่งไม่ป๊อดเข้าเชียร์คนเดียวไม่ได้ละก็ กูโดดไปแล้วววววววว" ชัยเอ่ยเสียงสูงจนคนโดนนินทาระยะเผาขนส่งค้อนให้ แต่คนอย่างชัยมันก็ไม่สะทกสะท้าน เขาทำหน้าล้อเลียนกลับ ก่อนที่จะกระดกน้ำแข็งที่เหลือในแก้วกาแฟผมจนหมด
 


คือ... กูดื่มไปแค่สองอึกเองนะ


 
"แม่งไม่เห็นมีประโยชน์เลย มึงรู้มะไอ้ทศ เข้าไปนั่งแต่ร้องเพลงๆ กูนี่แทบจะรักสถาบันเหมือนเป็นหุ้นส่วนลูกหลานอธิการเขาละ" ชัยใส่อารมณ์อย่างเกรี้ยวกราด ยังไม่ทันที่ผมจะบอกว่าเห็นด้วย ผู้ชายแว่นหนาก็พูดแทรกออกมาก่อน


   "แต่สมุดล่าลายเซ็นมันไม่เหมือนกันว้อย! เขาสร้างให้เรารู้จักรุ่นพี่ รุ่นพี่ได้รู้จักเรา มึงไม่มองจุดประสงค์เขาไง!!" คนตัวผอมโวยวายก่อนที่จะหันทางผม "ทศลองไปดูสิ มันต้องมีประโยชน์แน่ๆเชื่อกู" ผมสบตาใต้แว่นนั่นก่อนจะเลิกคิ้วมองชัยดูว่ามันจะเถียงอะไรต่อ



"โห อย่างไอ้ทศแม่งไม่ต้องร่วมกิจกรรม แค่นั่งหายใจทิ้งคนเขาก็รู้จักกันทั้งมอละ มึงคิดสินนท์มึงคิดดดด” ผู้ชายตัวโตฝั่งตรงข้ามผมเอานิ้วชี้กดแรงๆที่ขมับคนข้างๆ คนถูกจิ้มปัดนิ้วทิ้ง ทำท่าจะเถียงกลับ ก่อนที่ชะงักเหมือนพูดไม่ออก ท่าทางนั่นทำให้ผมหลุดขำออกมาเบาๆ



"กูชนะ ไอ้ทศมึงไม่ต้องเข้าร่วม" หน้าตาชัยดูพึ่งพอใจเหมือนโต้วาทีชนะระดับประเทศ ผมพยักหน้ารับ



"กูไม่คิดจะเข้าอยู่แล้ว"



ถึงจะมีนนท์เป็นร้อยคน ก็เปลี่ยนความคิดผมไม่ได้หรอก ขอโทษนะเพื่อน
.
.
.

.
.

.

.
.
.

. .
"ทศได้สมุดล่าลายเซ็นรึยัง" เสียงแหบๆจากฝั่งตรงข้าม ทำให้ผมละความสนใจข้าวเย็นตรงหน้ามาสนใจหน้าอีกฝ่ายแทน



"ครับ?" ผมทำหน้าอึน พี่ฟิวมองผมตาปริบๆก่อนจะทำหน้าอึนตาม



"อ้าว สมุดไง สมุดล่าลายเซ็นอะ" ดวงตาใสฉายแววคาดหวังนิดๆนั่น ทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่



"ครับ ผมรู้แล้ว ทำไมหรอครับ?" ผมหยิบแก้วดื่มน้ำแก้เก้อ คนรักผมเปลี่ยนจากหน้าอึนเป็นยิ้มหน้าบานอีกรอบพลางพยักหน้าหงึกหงักหลายๆที



"ได้แล้วใช่เปล่า โธ่ พี่ก็ตกใจนึกว่าทศไม่รู้เรื่อง ก็งงอยู่จะไม่รู้เรื่องได้ไงวะในเมื่อต้องช่วยๆกันทำ" พี่ฟิวทำหน้าโล่งใจอย่างน่ารัก ผมยิ้มบางก่อนจะตอบอีกฝ่าย



"ครับ ผมรู้แล้ว" รู้เรื่องสมุดแล้วแต่ไม่ได้ช่วยทำนะครับ...



"ดีๆ ตอนแรกพี่โคตรเป็นห่วงเลย คิดว่าทศจะไม่เข้าร่วม นี่แอบเครียดเลยนะเนี่ย" ผมยิ้มให้กับใบหน้ายู่ยี่ที่อีกฝ่ายแกล้งทำ พลางเอื้อมมือไปคลายหัวคิ้วนั่นเบาๆ



"อยากให้ผมเข้าขนาดนั้นเลยหรอครับ" ผมถามพลางหมุนเส้นผัดไทป้อนอีกฝ่าย คนรักผมอ้าปากรับแล้วพยักหน้ารับแข็งขัน



"สุดๆ" ปากบางนั่นตอบทั้งๆที่เส้นเต็มปาก ผมหัวเราะขำทั้งๆที่ในใจเริ่มรู้สึกกังวล
 


ชิบหายแล้วไงละไอ้ทศ
 


ใบหน้าผมยังคงยิ้มหวานพลางป้อนให้คนตรงหน้าอีกคำ พี่ฟิวก็ช่างเป็นเด็กดีเคี้ยวนิ่งๆไม่มีการขัดขืนทั้งที่ตะเกียบก็คาอยู่ในมือตัวเอง แต่ก็ดีแล้วครับเขาจะได้ไม่ถามอะไรเยอะแยะ



ผมกรอกตาคิดเรื่องเข้าร่วมกิจกรรมอีกครั้ง มือก็ทำหน้าที่เลี้ยงเด็กตัวโตไปด้วย ถึงผมจะเปลี่ยนใจเพราะอีกฝ่ายแล้ว ยังไงผมก็ไม่มีสมุดอะไรนั่นอยู่ดี เอาไงดีละ



เหลือบมองตาใสคนตรงข้ามแล้วก็รู้เสียใจขึ้นมา ถ้าหากประกายสดใสนั่นเปลี่ยนเป็นผิดหวังแทน ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกแบบนั้นกับผมเลยจริงๆ



"ทศอยากรู้เหตุผลไหม ที่พี่อยากให้เราเข้าร่วม" พี่ฟิวเอ่ยขึ้นทันทีที่ผมป้อนผัดไทเสร็จ ผมยิ้มรับกับเสียงแหบแห้งเพราะการว้ากของเขา ทั้งๆที่ในใจอยากจะถามอีกฝ่่ายว่า วกกลับมาเรื่องนี้อีกทำไม



"ยาวรึเปล่าละครับ ถ้ายาวพี่ฟิวไปอาบน้ำก่อนดีไหมแล้วค่อยนอนคุยกัน ดีไหมครับ?" คนรักผมชะงัก ปากบางนั่นอ้าเหมือนอยากจะพูดเต็มที่ ผมลุกขึ้นชะโงกจูบเบาๆที่หน้าผากอีกฝ่าย ก่อนที่จะทำท่าทางปิดจมูกหน้ายี๋



"ว้า เหม็นเหงื่อจัง น่ารักไม่ลงแล้ว"



"โธ่ ทศ!" คนรักผมเบะปากทั้งๆที่หูแดง ไม่รู้ว่าเขินที่ผมจุ๊บหรือที่ผมพูดกันแน่ คนตัวโตเด้งตัวลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวพลางใช้ตาใสนั่นคาดโทษ



"พี่ออกมาเดี๋ยวเจอกัน!"



"ว้า คนต่อคิวเยอะด้วยสิ" ผมทำหน้าเสียดาย พี่ฟิวทำปากขมุบขมิบเหมือนจะพูดว่าตัวแสบแล้วก้าวยาวๆเข้าห้องน้ำไป



พอเห็นทางสะดวก ผมก็รีบหยิบมือถือหารายชื่อในแอปพลิเคชั่นดังสีเขียวๆทันที กรอกตานึกถึงคนที่พอจะช่วยได้ก่อนที่ชื่อของคนๆนึงจะเข้ามาในหัว ผ่านไม่แค่นาทีกว่าอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา



ดีมากนนท์ สมแล้วที่ยกกาแฟให้แก้วนึง




ทศกัณฐ์ :: เราอยากล่าลายเซ็นแล้ว พอติดต่อใครได้บ้าง



N.: เดี่ยวลองถามให้



N.: ดีใจนะที่ทศคิดได้




นี่ไม่ได้แค้นกันใช่ไหม



ผมส่ายหน้าขำ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำมะนาวที่ผมแช่ตู้เย็นไว้มาอุ่นใส่แก้วรอคนที่อยู่ในห้องน้ำ ถ้าทุกคนถามว่าตอนเย็นที่ผมเลิกเรียนผมรีบกลับมาทำอะไร คำตอบก็คือ เจ้าน้ำมะนาวนี่แหละครับ



ผมหาข้อมูลมาเขาว่าจะช่วยรักษาเส้นเสียงคนรักผมได้ไม่รู้ว่าได้มากน้อยแค่ไหนแต่ลองดูก็ไม่เสียหายเท่าไหร่ พี่ฟิวของผมเป็นคนชอบสนใจแต่คนรอบข้างไม่ดูแลตัวเอง เมื่อวานซืนอีกฝ่ายตื่นมาคุยกับผมอยู่ดีๆเสียงก็หายไปเลย ผมนี่ตกใจจนแทบจะโทรให้หมอที่บ้านบุกมา แต่ก็นั่นแหละหน้าที่หัวหน้าว้ากมันค้ำคอ พี่ฟิวฝืนสังขารจะไปให้ได้ จนครั้งล่าสุดที่อีกฝ่ายไม่ได้เข้าเชียร์นั่นแหละครับ ครั้งนั้นเสียงหายไปจริงๆ หายชนิดที่แบบว่าหลงเหลือแต่ลมออกมา แต่ก็ดีครับคนรักผมจะได้พักบ้าง ถึงเขาจะยอมพักแค่วันเดียวแล้วใช้เสียงเหมือนกอลลัมไปว้ากน้องวันถัดไปก็เถอะ



คิดถึงตรงนี้ผมก็ขำ ไอ้ชัยกับนนท์บ่นให้ผมฟังใหญ่เลยว่าเฮดว้ากเสียงน่ากลัวขึ้น แค่กระแอมเสียงนนท์ก็ขนลุกซู่ไหล่หดแล้ว ผมนี่ไม่รู้ว่าจะสงสารคนรักดีหรือเพื่อนใหม่ดีเลย



"ทศทำไรอะ" กลิ่นหอมสบู่พร้อมกับแรงรัดที่เอวทำให้ผมออกจากความคิด เอ่อ.. จริงๆตกใจเพราะหนวดมันทิ่มอะครับ ไม่ใช่เพราะมีคนกอดหรอก



"ทำน้ำมะนาวให้รุ่นพี่อยู่ครับ เป็นรุ่นพี่ที่น่ากลัวมากๆด้วย" คงเพราะยังแอบรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายอยู่ ตอนตอบผมถึงดัดเสียงเล็กเสียงน้อยตามคนกอด บอกตามตรงว่าโคตรไม่คุ้นคืออยู่ที่นู่นผมไม่เคยทำตัวมุ้งมิ้งกับใครเลยไง



"แล้วแฟนกลัวรึเปล่าครับ ให้พี่ตีให้ไหม" ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถามแบบไหนหนวดถึงทิ่มคอผมจนจั๊กจี๋ไปหมด ผมขยับคอหนีนิดๆแต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่ยอมลดละ ยังใช้ลมหายใจร้อนๆกับหนวดเส้นยาวยุ่งกับคอผมไม่เลิกไม่ลา



โอย เดี๋ยวน้ำมะนาวหกกกกก



"พี่ฟิวหยุดเล่นก่อนนนนน" ผมห้ามเสียงอ่อน ไม่กล้าขึ้นเสียงใส่นั่นแหละ พี่ฟิวหัวเราะเบาๆข้างหูผมก่อนแรงรัดกับไออุ่นด้านหลังจะหายไป



น่ะ... พอเขาออกไปก็เสียดาย ไอ้ทศนะทศ



"หืม นี่ครั้นให้พี่อีกแล้วหรอ" ผมพยักหน้าแต่ก็ไม่วายทำเสียงเล็กเสียงน้อยตอบอีกฝ่าย
คนมีความรักมักดูเด็กลงไปจริงๆ



"ทำไมครับ เบื่อฝีมือทศแล้วหรอ" เสียงตอแหลมากทศ อยากจะกรอกตาด่าตัวเอง แต่พอเห็นพี่ฟิวดูยิ้มแย้มหน้าบานชื่นชอบแบบนี้แล้ว โอเค ทศยอมปัญญาอ่อนต่อไปก็ได้



"ใครว่าพี่เบื่อ บอกมาเดี่ยวพี่ไปเตะปากมันให้" ทศเองแหละครับ แฟนต้องใจเย็นๆนะ



"ฮ่า! หวานสดชื่นนนนน" ผมยิ้มกว้างตอบรับทันทีที่อีกฝ่ายยกดื่ม ความรู้สึกแม่ที่เห็นเรากินข้าวอร่อยเป็นแบบนี้นี่เอง แต่ครั้งนี้ผมแค่ครั้นน้ำมะนาวครั้งหน้าคงต้องทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านี้



หมายถึงครั้นน้ำส้มนะครับ เอาจริงๆผมยังไม่กล้าลงครัวขนาดนั้น ยกหน้าที่ให้พี่ฟิวผมดีกว่า อีกฝ่ายทำอาหารเก่งกว่าผมเยอะ!



"น้ำมะนาวที่ไหนหวานละครับ เสียใจเลย" ผมทำปากยื่นที่ทั้งชีวิตไม่เคยคิดจะทำใส่ใคร ก่อนที่จะตกใจที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็หันมาจุ๊บปากผมแรงๆทีนึง จนเสียงดังจ๊วบดังก้องห้อง



"หวานไหมละครับ" คนมีหนวดถามพร้อมรอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนหน้า ดวงตาใสนั่นดูระยิบระยับไปหมด ผมกัดฟันรู้สึกหมั่นเขี้ยวอีกฝ่ายขึ้นมา แต่พอจะทำท่าเข้าหา พี่ฟิวก็หลบหนีไปห้องนอนแล้ว



จริงๆจะบอกว่าหนีก็ไม่ถูก เล่นนั่งรอบนเตียงเลย ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวใหญ่มีหนวดเฟิมจะดูน่ารักได้ขนาดนี้



ผมเดินเข้าไปตรงกลางระหว่างขาที่อีกฝ่ายอ้าและล็อคผมทันทีที่เข้าไป ยืนมองคนข้างล่างที่นั่งเงยหน้ามองผมตาแป๋วแล้วรู้สึกหมั่นเขี้ยวอย่างบอกไม่ถูก



ผมประคองหน้าคนข้างล่างก่อนที่จะประทับที่ปากบางนุ่มนั่นเบาๆ ไม่น่าเชื่อว่าหนวดพวกนี้จะไม่เป็นอุปสรรคเลย พี่ฟิวเม้มปากรับผมเบาๆพร้อมกับแรงกดหลังคอที่ทำให้ผมต้องก้มต่ำลงอีกอย่างช่วยไม่ได้ ลิ้นร้อนสัมผัสกลีบปากบางแผ่ว มันให้ความรู้สึกหวิวๆจนผมต้องเม้มปากใส่เจ้าลิ้นนั่นก่อนที่เราสองคนจะผละออกจากกัน



ขนาดไม่ได้แลกลิ้นเหมือนในหนังอีโรติก ผมยังตื่นเต้นขนาดนี้ ตายๆตายแน่ๆ



"ทศรักพี่จัง" ผมพึมพำออกมาเบาๆทั้งๆที่จมูกโด่งของอีกฝ่ายยังคลอเคลียแก้มผมอยู่ไม่ห่าง



"ลองไม่รักสิ จะร้องไห้ให้ดู" เสียงพี่ฟิวถึงจะแหบแต่ยังรับรู้ว่าอีกว่าใช้น้ำเสียงน่าสงสาร ผมหัวเราะแล้วผละออกมา



"อยากเห็นคนร้องไห้จัง"



"ตุเวงง่า อย่าแกล้งดิ" ใบหน้าที่เป็นญาติกับซานต้ายู่ยี่ แก้มที่ปกคลุมด้วยเส้นหนวดป่องออกมาก่อนที่คนรักของผมจะสะบัดหน้าแรงๆเหมือนน้อยใจนักน้อยใจหนา



เอิ่ม...



ผมควรจะมองว่าน่ารักดีไหม ควรบอกคนรักไหมว่ามันปัญญาอ่อ-- หมายถึงแบ๊ว แบ๊วเกินไป
คนนั่งบนเตียงพอเห็นผมเงียบก็เปลี่ยนเป็นช้อนตามองผมปริบๆ ทำปากยู่บิดตัวไปมาพลางครางเสียงเล็กในลำคอ



"อื้ออื่อ ไม่ยักเก๊าหยอ ตะมัยอะตุเวง"



โอเค ไม่บอกดีกว่า



แม่ง...



ตลก!!



ผมกลั้นขำในคอพยายามไม่ให้หลุดพรวดใส่หน้าคนข้างล่างแต่มันก็ยากลำบากซะเหลือเกิน ไหนฟิลลิ่งโรงแมนติกผมอยู่ไหนวะ อยู่ซอกไหนหาให้ผมที!



โอยยย ตลก ทรมาณณณณ



"จะขำก็ขำเถอะ ตาแดงละน่ะ ใช่ซี้ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนนี๊" เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน โดนเฉพาะพี่อะ เปลี่ยนเยอะสุดเลย ผมปล่อยขำออกมาแบบอดไม่อยู่ก่อนที่พยายามจะกลืนมันลงคอเมื่อเห็นว่าคนหน้าเข้มเริ่มสลด



ขอโทษครับแฟน ผมมองพี่เป็นเด็กชายวัยใสแบบเมื่อก่อนไม่ได้จริงๆ ขออภัย



"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ ผมขำเพราะเอ็นดูไง พี่ฟิวของผมน่ารักจะตายเนอะ" น่ารักแบบหมีเท็ดดี้อะครับ ไม่ก็หมีล่าน้ำผึ้งในป่าใหญ่



เดี๋ยวทศ นี่แฟนมึงไง



"น่าเอ็นดูแล้วอยากดูเอ็นไหมอะ มีให้ดูนะตุเวงใหญ่ด้วย เท่านี่!" คนหน้าสลดเมื่อกี้ชูแขนให้ผมดู ใบหน้าหนวดเคล้ายิ้มกรุ่มกริ้มพร้อมกับด้วยตาที่ประกายแวววาว ดีนะที่เขาทำให้ผมดูคนเดียว ถ้าไปทำแบบนี้ข้างนอก เจอกันอีกทีอาจจะตอนประกันตัวที่โรงพักเลยก็ได้



อะ แต่เขาน่ารักนะครับ ถึงจะทำหน้าโรคจิตเขาก็น่ารักอยู่ดี



"นอนไหมครับแฟน" ผมจับแขนเขาให้ลงมา ก่อนที่จะผลักไหล่คนนั่งบนเตียงให้นอนลง "นอนเยอะๆจะได้โตไวๆเนอะ"



"โตมากกว่านี้ตุเวงจะรับไม่ไหวเอานา" พี่ฟิวก็ยังคงเป็นเด็กเสมอจนเสมอปลาย แฟนผมยังคงยิ้มกรุมกริ่มแม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะโดนผมคร่อมบนตัวก็ตาม



"ทศรับพี่ได้หมดแหละครับ"



"ชื่นใจจังครับแฟน"



"นอนเนอะ"



พี่ฟิวพยักหน้าทั้งๆที่หัวเราะเสียงแหบ ผมล้มตัวลงข้างๆคนบนเตียง ก่อนที่คนรักผมจะดึงผ้าห่มคลุมให้พร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่ประทับตรงหน้าผาก



"ฝันดีครับทศ รักทศนะ"



"ครับ" ผมขยับหัวตัวให้ซุกเข้าอกอีกฝ่ายเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นทั้งๆที่ผ้าห่มก็อุ่นจนร้อนแล้ว "ทศก็รักพี่ครับ"



รักจนไม่อยากห่างกันอีกแล้ว

.

.

.
.

.

"อะนี่ทศ ข้อมูล" นนท์ยื่นกระดาษสีขาวใบเล็กๆ พร้อมกับภาพบางคนที่แคปส่งมาในแชท ในกระดาษเล็กๆเป็นเหมือนไอดีไลน์ ส่วนในแชทเหมือนจะเป็นรูปภาพ เฟสบุ๊ค กับชื่อนามสกุลและสาขา



ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อนคนนี้อยากให้ผมเข้ากิจกรรมขนาดไหน



ผมพยักหน้าขอบคุณ ก่อนที่ร่างผอมตรงหน้าจะนั่งลงเก้าอี้หินอ่อนของคณะแบบไม่ต้องเชิญ



"แต่ได้ข่าวมานะว่า ไอ้ต่วยเนี่ยมันเป็นคนอคติ แบบถ้าไม่ชอบใครแล้วก็จะไม่ชอบอะ แต่ถ้าชอบใครนี่แม่งตาบอดไปหมดดดดด"



"และมึง ไอ้ทศมึงอยู่ไทป์แรกแน่นอน"ชัยกล่าวเสริม



"แบบไม่ชอบขี้หน้าอะ"



"แม่งเกลียดมึงเลยดีกว่า เอาตรงๆ"



ขอบใจนะชัย กูสบายใจขึ้นมากเลย



ผมยิ้มบางรับพวกเพื่อนสองคนด้วยหน้าเรียบเฉยทั้งๆที่ในหัวเริ่มตีกันไปหมด เอาไงดีวะ ใช้เงินฟาดหัวเลยได้ไหมง่ายดี



"แล้วคนอื่น?" ผมลองถามนนท์อีกครั้งเผื่อจะมีเคสง่ายๆบ้าง เพราะเอาจริงๆผมต้องการด่วนอยู่เหมือนกัน พวกแก๊งค์พี่ว้ากจะลงมาให้ลายเซ็นวันที่สาม ซึ่งถ้าตัดวันนี้ไปมันเหลือแค่อีกสองวันด้วยซ้ำ


จะให้คนรักผมเฟลไม่ได้ ไม่ได้!



"นี่แหละ เฮดแล้ว คือมันเป็นหัวหน้างานอะ สมุดเหลือก็อยู่ที่มัน เงินก็อยู่ที่มัน แบบ... เหรัญไม่ต้องทำอะไรเลยแค่นั่งเชิดๆอย่างเดียว"



เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วว่างั้นเถอะ



ผมกรอกตาใช้ความคิด ก่อนที่จะมองตรวจสอบหน้าฟีดเฟสของคนที่เป็นเฮดไปด้วย ถ้าผมเดาไม่ผิดเขาน่าจะ...



เยี่ยม อันนี้น่าจะใช้ได้



"ไม่เป็นไรนนท์ เราจะพยายามหาทางละกัน" ผมเอ่ยขึ้นแต่ดูเหมือนนนท์จะไม่มั่นใจ



"ไหวแน่นะทศ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ"



"ถ้าไม่ได้ก็ดักตีแม่งเลยดิ ง่ายดี" ชัยมึงต้องไม่ก้าวร้าวสิ นนท์ก็ดูเห็นด้วยกับผม เด็กเรียนแว่นหนาทำสีหน้ารังเกียจชัยเหมือนเห็นเพื่อนข้างๆเป็นสปีชีย์ที่ไม่น่าพิศสมัย



ผมหัวเราะใส่ทั้งคู่พลางเก็บกระดาษที่เขียนไลน์ในลงกระเป๋า



“กูมีวิธีน่า... ว่าแต่ Aquaman  นี่เข้าโรงวันไหนนะ”



_______________________________________________________________________________________________________