(ต่อจากด้านบน)
สุดท้าย ฝายก็ได้กดปุ่มเรียกลิฟต์สมใจ หลังจากพาชายชราเดินข้ามถนน และวิ่งฝ่าผู้คนที่เดินขวักไขว่เข้ามาภายในอาคารสำนักงานอย่างทุลักทุเล
นั่นทำให้ทั้งร่างของเขาโยกไปตามแรงหอบหายใจ แต่แน่นอน… ความเหนื่อยอ่อนยังไม่กระทบจิตใจเท่ากับการมองเห็นเวลาจากนาฬิกาข้อมือ
สิบโมงสามนาที
ท่าทางที่ตามมาจึงเป็นการส่ายหน้าเบาๆ เพื่อขับไล่ความตึงเครียด เพราะรู้ดีว่าควรปล่อยวาง และทำจิตใจให้สงบก่อนจะเข้าสัมภาษณ์
แต่ก่อนที่เขาจะหยิบแฟ้มใสออกมาจากกระเป๋าสะพายเพื่อตรวจสอบเอกสารสมัครงานที่เตรียมมาอีกครั้ง ปลายหางตากลับมองเห็นร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดฝีเท้าลงข้างเขา
ฝายไม่ทันได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้น และคงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองในระยะประชิดด้วย จึงมีเพียงกลิ่นน้ำหอมที่ระเหยออกมาจากตัวของชายหนุ่มเท่านั้นที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้แทบจะทันที
กลิ่นสดชื่น แต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น แม้จะปนกับควันบุหรี่ที่เจ้าตัวเพิ่งสูบมา ก็ไม่อาจลดทอนความละมุนละไมลงได้
และนั่นทำให้เด็กหนุ่มเริ่มจินตนาการถึงรูปร่างหน้าตาของคนข้างกายโดยอัตโนมัติ
ต้องหล่อแน่ๆ แต่อาจจะเจ้าชู้ ยิ่งคาดเดาว่าน่าจะสูงกว่าเขาเกือบสิบเซนติเมตรทั้งที่ความกว้างของลำตัวใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ภาพของนายแบบที่เคยผ่านตาปรากฏขึ้นในสมอง
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเหลือบมองผิวพรรณของชายหนุ่มได้อย่างถนัด เสียงกริ่งจากลิฟต์ตรงหน้ากลับดังขึ้นขัดจังหวะ
“กริ๊ง!”
และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง ฝายก็มองเห็นใบหน้าของคนข้างกายได้ทันทีจากกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังของลิฟต์โดยสาร
หล่อมาก!
ฝายเดินนำเข้าไปด้านในแล้วพิงแผ่นหลังแนบกับผนังด้านซ้าย เพื่อให้สายตามองเห็นชายหนุ่มที่จับจองพื้นที่หน้าแผงปุ่มกดตัวเลขชั้นทางฝั่งขวาได้อย่างชัดเจน
หล่อจริงๆ… เขายืนยันกับตัวเองด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นกระตุก
โครงหน้าเรียวรี ดวงตากลมโต จมูกโด่งแบบธรรมชาติ ริมฝีปากอวบอิ่มได้รูป เมื่อประกอบกับผิวสีแทน ยิ่งเสริมให้ดูคมเข้มแบบชายไทย
แต่เด็กหนุ่มรูปร่างจ้ำม่ำที่เสื้อเชิ้ตเปียกชื้นด้วยเหงื่ออย่างเขาจะทำอะไรได้ นอกจากก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นรอยยิ้ม
“ชั้นอะไรครับ”
แม้ว่าน้ำเสียงของชายหนุ่มจะเรียบเฉยจนน่าตกใจ แต่เขาไม่อยากใส่ใจนัก เพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่า…
นั่นคือชั้นที่ตั้งของบริษัท
แย่แล้ว... เขามัวแต่รีบร้อนจนลืมสำรวจป้ายรายชื่อบริษัทที่ติดอยู่ชั้นล่างสุดของอาคารไปเสียสนิท
ทำอย่างไรดี ในอีเมล์ที่พี่แผนกบุคคลส่งมาจะระบุไว้หรือเปล่านะ
“เอ่อ…” เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดบนหน้าจอทันที
แต่เสียงตวัดห้วนกลับดังสวนขึ้นอีกครั้ง “บริษัทอะไร”
ฝายเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำถามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉยชา ซ้ำยังพบว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังเหลือบมองเขาด้วยหางตาราวกับไม่ต้องการผูกไมตรีใดๆ
“เอ่อ…ว… วีไนน์ครับ”
ชายหนุ่มจึงใช้นิ้วจิ้มลงบนปุ่มหมายเลขสิบแปดทันที ก่อนจะหันกลับไปโดยไม่สนใจเขาอีก
ส่วนฝาย… ก็ได้แต่ละสายตาจากคนตรงหน้าไปยังทิศทางอื่น ก่อนจะพบว่าปุ่มเดียวเท่านั้นที่มีแสงไฟสีเขียวปรากฏขึ้นโดยรอบ…
คือปุ่มหมายเลขสิบแปด
แสดงว่าชายหนุ่มก็คงทำงานอยู่ที่ชั้นสิบแปดเหมือนกันสินะ
ฝายไม่เคยมาที่นี่ จึงไม่แน่ใจนักว่าแต่ละชั้นบรรจุออฟฟิศไว้มากน้อยแค่ไหน แต่จากลักษณะของคนตรงหน้า ก็ทำให้สมองของเขากลับนึกย้อนไปถึงข้อความของเพื่อนสนิทอย่างเลี่ยงไม่ได้
‘ครีเอทีฟ’
‘ชื่อ พี่คิน’
‘หล่อมากกกกกกกกกก’
‘แต่เค้าดูเก๊กๆ หยิ่งๆ นะ’
‘เหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับคนที่ไม่สนิทอะ’ หรือว่า…
“มาสัมภาษณ์เหรอ”
ฝายเผลอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงเรียบดังขึ้นขัดจังหวะ คงทั้งตกใจระคนดีใจด้วยไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“ค… ครับ” เขาจึงตอบอย่างสุภาพ แล้วกลั้วด้วยเสียงหัวเราะเขินๆ ในช่วงท้ายของประโยค “แต่เหมือนผมจะมาสายไปหลายนาทีเลยครับ”
เป็นธรรมดาที่คู่สนทนาโดยทั่วไปจะคาดหวังคำตอบแบบสั้นๆ หรือแม้แต่รอยยิ้มให้กำลังใจ
แต่ในความเป็นจริง…
เขากลับได้รับเพียงความเงียบสนิท
เพราะชายหนุ่มหันกลับไปแล้ว และไม่มีท่าทีจะพูดคุยกับเขาอีก
และนั่นทำให้เขาหุบยิ้มลงอย่างงงงัน ก่อนที่ข้อความจากเพื่อนสนิทจะตอกย้ำให้เขามั่นใจอีกครั้ง
‘แต่เค้าดูเก๊กๆ หยิ่งๆ นะ’
‘เหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับคนที่ไม่สนิทอะ’ คนนี้แหละ…
พี่คิน ครีเอทีฟสุดหล่อที่เพื่อนของเขาเพ้อถึงแน่ๆ
ฝายถอนหายใจเบาๆ ในใจยอมรับเลยว่ารู้สึกเสียดายใบหน้าอันหล่อเหลาของคนตรงหน้ามากทีเดียว หากไม่แสดงท่าทีเหยียดหยิ่งแบบนี้ ชายหนุ่มคงดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลขึ้นอีกหลายเท่าตัว
และไม่แน่…
เขาอาจเป็นอีกคนที่ตกหลุมรักพี่คินก็ได้
“กริ๊ง!”
เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับประตูลิฟต์ที่ค่อยๆ เลื่อนออกจากกัน ชายหนุ่มนำออกไปก่อน โดยไม่สนใจฝายรีบเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดลิฟต์ไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกประตูหนีบแล้วก้าวตามออกมาทันที
‘นั่นไง พี่คินชัวร์’ ฝายคิดในใจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผลักประตูกระจกด้านหน้าบริษัท วีไนน์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด แล้วเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เขาคงต้องเล่าถึงวีรกรรมของชายหนุ่มให้มายด์ฟังเสียแล้ว…
หวังว่าจะทำให้เพื่อนสนิท ‘หลงรูป’ น้อยลงได้นะ
▧ ▨ ▧ ▨ ▧ ▨ ▧ ▨ ▧ ▨
“ขอบคุณมากนะ เดี๋ยวได้ผลสัมภาษณ์แล้วพี่ติดต่อกลับไป” แนน หัวหน้าแผนกบุคคลพูดขณะเดินนำฝายออกมาจากห้องประชุม
“ได้ครับ” ฝายพยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเคาน์เตอร์รับรองผู้มาติดต่อ “เอ่อ… ผมขอโทษด้วยนะครับ ที่มาสายไปตั้งสิบนาทีแหนะ”
ใช่… ฝายยังคงติดใจกับความผิดพลาดของตัวเอง คงเพราะรู้ดีว่าการตรงต่อเวลาเป็นความประทับใจแรกที่ผู้สัมภาษณ์จะสัมผัสได้ และตัวเองก็ไม่เคยมาสายในนัดสำคัญ
ยกเว้นครั้งนี้
“ไม่เป็นไร ก็เราไปทำความดีมานิ”
“ฮะ!?” เขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า “อะไรนะครับ”
“อ่าว… ก็เราไปช่วยพาคนตาบอดข้ามถนนไม่ใช่เหรอ”
“พี่เห็นด้วยเหรอครับ” เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะมองเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วย
“เปล่า พี่ไม่ได้เห็นหรอก” แนนตอบอย่างฉะฉาน “พี่คินเล่าให้ฟัง”
พี่คิน… คนที่เขาพบเมื่อครู่น่ะเหรอ จะพบเห็นและยี่หระต่อการกระทำของเขา
แต่หัวหน้าแผนกบุคคลยังคงเล่าต่อด้วยรอยยิ้มกว้าง “เนี่ย มันบังคับพี่ด้วยนะ ไม่ให้บอกพี่ที่สัมภาษณ์ว่าน้องฝายมาช้ากว่าเวลา”
“ห… เหรอครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับน้อยๆ แม้ความประหลาดใจจะคับแน่น
“ใช่ๆ” หญิงสาวยังคงยืนยัน ก่อนจะพลิกข้อมือขึ้นเพื่อสำรวจหน้าปัดนาฬิกา “งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ”
“อ่อครับ… สวัสดีครับ” ฝายพยักหน้าหงึกๆ แล้วยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินออกมาจากบริษัทอย่างมึนงง ทว่าใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้ม
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เด็กหนุ่มยังเห็นด้วยกับคำบอกเล่าอยู่เลย
แต่ตอนนี้…
เขาไม่คาดคิดว่าพี่คินมองเห็นเขาที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนน ไม่คาดหวังว่าพี่คินจะใส่ใจคำตัดพ้อที่เขาพูดขึ้นในลิฟต์ และไม่คาดเดาว่าพี่คินจะช่วยเหลือทั้งที่เขาไม่ได้เอ่ยปากขอ
ฝายเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโชคดีกว่าเพื่อนสนิทหลายเท่า เพราะมีโอกาสได้เห็นมุมที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาแต่เย็นชา มุมที่แม้แต่นักศึกษาฝึกงานอย่างมายด์ยังไม่เคยเห็น
และใช่... เขาเริ่มอยากทำงานที่นี่จริงๆ แล้วละ