ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๔๐ หลอกใช้
-มาวิน-หลังจากวันนั้นผมก็ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ งานอะไรที่บริษัทผมรับมาทำแทบทั้งหมด ไหนจะงานที่ต้องทำส่งอาจารย์อีก ผมแทบไม่มีเวลากินข้าวทำงานจนเพื่อนๆทักว่าผมจบไปคงนั่งแท่นผู้บริหารได้เลย ผมมีเหตุผลที่ต้องทำ เพราะผมไม่อยากปล่อยให้ตัวเองมีเวลาว่าง เหตุผลเพราะผมไม่อยากนึกถึงเรื่องวันนั้น
วันที่มันขอร้องให้ผมมองมันในฐานะผู้ชายคนนึง มองมันเหมือนที่มองเทียน พอคิดถึงตอนที่มันเอาปากมาโดนแก้มผมแล้ว รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆใจเต้นโครมครามจนกลัวว่าใครต่อใครจะได้ยิน ผมจึงต้องเลี่ยงไม่เจอหน้ามันและพยายามทำตัวให้ยุ่งเพื่อที่จะลืมขอเสนอของมัน
ข้อเสนอที่ผมไม่มีวันให้มันได้
ผมกับมันไม่มีทางเป็นได้มากกว่ารูมเมท สถานะของเราเป็นได้แค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว เพราะผมรู้ว่าถ้าวันใดวันนึงเราสองคนก้าวข้ามสิ่งที่ขีดไว้นี้เมื่อไหร่ ผมจะยึดมันไว้กับผมเพียงคนเดียว ผมจะเห็นแก่ตัว ผมรู้เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเมื่อผมรักใครเขาก็มีอันต้องจากผมไปทั้งนั้น และเมื่อมันเสนอตัวว่าผมรักมันได้จะแปลกอะไรถ้าผมจะยึดมันไว้คนเดียว แต่เพราะความกลัวที่มีมากกว่าสุดท้ายผมจึงต้องหันหลังให้กับสิ่งที่มันเสนอ
ตอนนี้เขากลับมาจากสิงคโปร์กับน้าพีแล้ว แต่เขาก็ทำงานหนักเสียจนเราไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกัน ผมโหยหาความรักมาตั้งแต่เด็กๆแต่ผมไม่รู้วิธีรักษามัน ถ้าวันนึงความรักที่ทุกคนพร้อมจะหยิบยื่นให้ผมทำหลุดมือไป ผมไม่รู้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหน จะทนอยู่คนเดียวได้เหมือนที่ผ่านมารึเปล่า
ดังนั้นอย่ารักกันเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า
เพราะผมคงรักษาความรักได้ไม่ดีพอ
"กลับมาดึกขนาดนี้ถ้าไม่บอกว่าทำงานที่บริษัทกูคงคิดว่ามึงหลบหน้ากู"
ผมสะดุ้งเมื่อไฟในห้องเปิดขึ้นทันทีเมื่อผมเปิดประตู พร้อมกับใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสองพอดี ปกติถ้ามันไม่เมาหลับคาโซฟามันก็ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนในกลุ่ม หรือไม่ก็เข้านอนแล้ว แต่ทำไมวันนี้มันจึงมายืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้ในตอนนี้
ตอนที่ผมไม่พร้อมจะเจอที่สุด
"งานเยอะหน่ะ" ผมตอบ
"เมื่อคืนทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง" เดินตามผมเข้ามาถึงหน้าห้องน้ำ
"เหนื่อยเลยหลับไป" ผมโกหกคำโตออกไป เหตุผลจริงๆคือผมอยากอยู่ห่างจากมัน กลัวความใกล้ชิดจะวกกลับมาทำร้ายตัวเอง
"โกหก!!" มันตะคอกกลับมาทันควัน
ผมหันกลับไปมองมันด้วยสายตาที่ว่างเปล่าพยายามทำตัวเย็นชาไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาให้มันเห็น
"กูเหนื่อย อยากพัก" ผมบอก และมันไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไปจากห้อง "คนเดียว" ผมย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าเริ่มไม่พอใจ
เรายืนจ้องตากันอยู่นานผมเองก็ไม่ยอมส่วนมันก็ดื้อรั้น เกมส์จ้องตาไม่มีวี่แววว่าจะจบลงง่ายๆเมื่อเราทั้งคู่ยังคงยืนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
สุดท้ายเป็นผมเองที่แพ้ ผมหลบตาเสมองไปทางอื่น "กูง่วงแล้ว และเหนื่อยด้วยกูอยากนอนบนเตียงสบายๆ"
"กูนอนพื้นข้างๆมึงก็ได้" มันไม่พูดเปล่าเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบที่นอนปิคนิคที่ผมไปเล่นปาโปงในงานวันดกับเทียนออกมาปูลงตรงข้างเตียง
"ทำอะไร" ผมถาม
"ก็กลางที่นอนไง" ผมตอบหน้าซื่อ
"กูหมายถึงมึงเอามันออกมาทำไม"
มันหันมองหน้าผมทำเหมือนผมโง่มากที่ถามอะไรแบบนี้ "มึงจะนอนก็นอนไปดิวะ กูไม่กวนมึงหรอก"
มันทิ้งตัวลงบนที่นอนปิคนิคข้างเตียงผมล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาเล่นโดยไม่สนใจผมที่ยืนหน้าหงิกอยู่ตรงปลายเท้ามัน
"ออกไปนอนข้างนอก!!" ผมตวาดมันลั่นอย่างลืมตัว เพราะผมกลัวใจตัวเองจะเจ็บอีกจึงต้องทำเสียงดังกลบเกลื่อน
มันลุกขึ้นมองหน้าผมเหมือนไม่พอใจแต่มันไม่พูดอะไรนอกจากเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
ผมล้มตัวลงนอนที่นอนปิคนิคนั้น ความอบอุ่นยังคงมีอยู่ กลิ่นกายยังคงมีให้ได้กลิ่นจางๆ แต่ความกลัวของผมมันมีมากกว่า พอคิดได้ดั่งนั้นผมก็ลุกขึ้นไปนอนที่เตียง ยกแขนขึ้นโอบกอดตัวเองมันไม่อุ่นแต่ปลอดภัยเพราะผมไม่มีวันทำร้ายตัวผมเอง ยังไงก็ไม่มีทางเจ็บเพราะตัวเองแน่นอน
วันนี้หลังเลิกเรียกผมก็ต้องรีบมาทำงานที่บริษัท หลังจากโหมงานทำอาจารย์จนแทบไม่ได้นอน เกือบเดือนแล้วที่ผมหลบหน้ามันอยู่ทำงานที่มหาลัยกินนอนห้องเพื่อน ผมไม่ได้เข้าบริษัทเขาเองก็รู้เพราะผมต้องทำงานส่งอาจารย์ คณะผมตัวสอบไม่เยอะแต่คะแนนงานมันสามารถตัดสินได้เลยว่าห้าปีในรั้วมหาลัยผมจะอยู่หรือไป ดังนั้นผมจึงต้องทุ่มเทกับมันเต็มที่
"ถ้าพ่อเลิกงานเร็วเราไปทานข้าวกันนะลูก" เขาบอกผมหลังจากได้รับโทรศัพท์ให้ไปดูงานที่ชลบุรี
"ครับ" ผมตอบรับ
"รอพ่อนะวิน" เขาลูบหัวผม "พ่อรักลูกมากนะ ลูกรู้ใช่ไหม" เขายิ้มให้ผม เขาดูอิดโรยและอ่อนล้ามาก คงเพราะทำงานหนักเพื่อผม
"ครับ ผมรู้" เขายิ้มอย่างดีใจ บอกลาผมและรีบออกไปดูบริษัทกับน้าพี
แม่ครับดีใจกับวินไหมที่วินกำลังจะได้ครอบครัวได้รับความสุขที่วินร้องหามาทั้งชีวิต วินคิดถึงแม่นะครับ วินอยากให้แม่อยู่ตรงนี้ตรงที่วินที่ความสุข อยากให้เราอยู่เป็นครอบครัวกันอีกครั้ง
มีคนเคยพูดไว้ว่าความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ
ผมได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลในคืนวันนั้นเขาและน้าพีประสบอุบัติเหตุคนเมาขับรถตัดหน้า เข้าขับรถไปดูบริษัทกับน้าพีสองคนขากลับเขาเป็นคนขับ และเพราะความรักที่เขามีต่อน้าพีมาก รักกว่าชีวิตตัวเองเขาจึงหักพวงมาลัยเอาฝั่งที่เขานั่งอยู่กระแทกกับต้นไม้อย่างแรง เขาหมดสติในที่เกิดเหตุจนตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัดยังไม่ออกมา
ผมมาถึงโรงพยาบาลได้อย่างไรไม่รู้เหมือนกัน ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือผมยืนถือโทรศัพท์ค้างอยู่กลางห้อง น้ำตามันไหลออกมาช้าๆอย่างไม่รู้ตัว พอได้สติผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ผมยืนนิ่งมองเข้าไปในห้องผ่าตัดภาพหมอและพยาบาลวิ่งวุ่นกันทำเอาใจผมเสีย ภาพตรงหน้าถูกบดบังไปด้วยน้ำตา น้าพีที่มีผ้าพันแผลอยู่ที่ศรีษะเดินเข้ามากอดผมร้องไห้สะอึกสะอื้นโทษตัวเองสารพัดแต่คำพูดเหล่านั้นไม่เข้าหูผมเลยแม้แต่นิดเดียว
ตำรวจบอกว่าเขาค่อนข้างอาการหนักสภาพรถพังยับเยินยังดีที่เขาคาดเบลล์แต่ก็ติดอยู่ในรถจนต้องรถเครื่องตัดถ่าง เขาหมดสติเพราะศรีษะกระแทกอย่างแรง เป็นตายเท่ากัน
คำนี้ทำเอาผมทรุดลงไปกองกับพื้น
ผมห่วงคนที่อยู่ในห้องนั้นทำไมเขาเข้าไปนานจัง ทำไมผมจึงมีความสุขอย่างใครเขาไม่ได้เลยหรือไง ทำต้องพรากความสุขไปจากผมด้วย แม่ครับแม่ช่วงเขาด้วยนะครับ อย่าให้ใครเอาตัวเขาไป อย่าให้วินต้องอยู่คนเดียวเลยนะครับ
วินเหงาเหลือเกิน
"วินลุกขึ้นมานั่งดีๆเถอะ" ความอบอุ่นที่โอบรอบตัวผมทำให้ได้สติ ผมหันไปมองเจ้าของมือก็เจอกับผู้อาศัยร่วมห้องกับผม
ตอนนี้ผมต้องการหลักยึด ผมยืนไม่ไหวผมไม่มีแม้แต่แรงหายใจสติที่มีก็ลางเลือนเต็มที จึงทำให้ผมผมไม่ได้ตรองว่าสิ่งที่กำลังทำต่อไปนี้มันไม่สมควร
"แมนเขาอยู่ในนั้น เขาจะเป็นอะไรไหม" ผมโผเข้ากอดมันแน่นร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน มันโอบกอดผมเอาไว้ลูบหลังปลอบผมว่าคนที่ผมห่วงจะไม่เป็นอะไร
"พ่อมึงเขาต้องปลอดภัย"
"แต่เขาเข้าไปนานแล้วนะ กูเป็นห่วงเขา" น้ำตาผมไหลออกมาไม่หยุด ผมซบหน้าลงบนบ่ามัน ถึงผมจะสูงกว่ามันแต่ตอนนี้ผมดูตัวเล็ก และอ่อนแอจนถึงขีดสุด
"น้าขอโทษ ถ้าคุณภาคไม่ขอขับรถเองเพราะนัดกับวินเอาไว้" น้าพีหยุดพูดเพราะปล่อยโหออกมาเมื่อคิดว่าทั้งหมดคือความผิดของตนเอง
ผมผละออกจากอกมันหันไปดึงตัวน้ามากอด น้าพีตัวสั่นคงกลัวไม่แพ้ผมเหมือนกัน "น้าไม่ผิดหรอกครับ อย่างโทษตัวเองเลยนะ" น้าพีส่ายหัวอยู่ตรงอกผม พร่ำบอกว่าเขาไม่ค่อยได้นอนเพราะอยากเร่งทำงานเพื่อให้ได้อยู่กับผม
ทำไมต้องทำเพื่อผมขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องทำอะไรให้ผมมากมายขนาดนี้
ผมหันกลับไปหาความอบอุ่นอีกครั้งหลังจากที่น้าพีดูสงบลง มันอ้าแขนรับตัวผมทั้งตัว เรายืนกอดกันอยู่หน้าห้องนั้น เขาเข้าไปนานจนใจผมไม่ดี นึกกลัวไปทุกอย่าง กลัวว่าสุดท้ายแล้วผมจะอยู่คนเดียว
ผมผละออกจากความอบอุ่นนั้นเมื่อคิดว่าตัวเองเริ่มยืนไหว มันปล่อยให้ผมนั่งลงข้างๆน้าพี ผมโอบบ่าน้าและกดศรีษะน้าให้ซบที่ไหล่ผม น้าพีต้องการหลักยึดไม่แพ้ผมอาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำ น้ากำลังอ่อนแอไม่แพ้ผมหรืออาจจะมากกว่าผม แต่ผมก็เสียใจไม่แพ้น้าพีเหมือนกัน
"แกทำหน้าที่ของแกยังไงลุกชายฉันถึงเป็นแบบนี้" เสียงด่าทอดังลั่นทางเดินโดยไม่คิดจะเกรงใจใคร
เพลี้ย!! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของคนที่ผมโอบกอดอยู่บนเก้าอี้ น้าพีโดนย่ากระชากให้ลุกขึ้นก่อนจะตบเข้าที่หน้าของน้าอย่างแรง
"ย่า" ผมดึงตัวน้าพีมาหลบที่ด้านหลัง ใช้ร่างกายที่ใหญ่โตของตัวเองบังน้าเอาไว้ ปู่และย่ามองมาที่น้าพีเหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกลียด
หลังจากที่เรายืนเงียบกันอยู่นานตาและยาย ตามด้วยลุงภัทรที่มากับผู้ญิงคนใหม่ของลุง ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนตรงหน้า พวกท่านลูบหน้าลูบตาผมถามสารทุกข์สุขดีที่ไม่ได้เจอผมมานาน โดยที่ทุกคนลืมไปว่าคนที่เจ็บจากเหตุการณ์รถชนนั้นไม่ใช่ผม
แต่เป็นน้าพี
ตายายไม่มองหน้าน้าพี ไม่แม้จะแลสายตามามองลูกชายตัวเองที่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ส่วนปู่และย่านั้นไม่ต้องพูดถึงท่านทั้งสองคนโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของน้าพี กล่าวโทษตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งหลังกล่าวโทษว่าน้าพีคือตัวซวยที่ฉุดชีวิตลูกชายของพวกท่านให้ตกต่ำ น้าพีก้มหน้ารับทุกคำกล่าวหาไม่เคยโต้แย้ง และตายายเองก็ไม่เคยยื่นมือมาช่วยเหลือ เพราะท่านทั้งสองคนเห็นพันธมิตรทางธุรกิจสำคัญกว่าเลือดเนื้อของตนเอง
ผมเดินเข้าไปหาน้าพีกุมมือเล็กๆนั้นผมยิ้มให้น้า บอกน้าว่าผมอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างน้าตลอดมาและตลอดไป ผมจะไม่มีวันทิ้งให้น้าต้องแบกรับเรื่องบ้าๆนี้คนเดียวอีกแล้ว
"ตาวินมาหาย่า" ย่าเสียงแข็งเมื่อเห็นผมนั่งให้กำลังใจน้าพี
"ตาวินย่าสั่งให้มาหาย่าเดี๋ยวนี้!!" ย่าตะเบ็งเสียงออกคำสั่งเมื่อเห็นว่าผมยังนั่งอยู่ทีเดิม
"ไปหาย่าเถอะวิน น้าไม่เป็นไร" น้าพียิ้มและพยักหน้าให้ผมไปหาคนที่ยืนตัวสั่นเมื่อผมขัดคำสั่งท่าน
"ไม่อ่ะ ผมจะอยู่กับน้า"
"แกกล้าขัดคำสั่งย่ารึไงตาวิน!!" ปู่ตะคอกถามโดยไม่เกรงใจว่าสถานที่ที่เราอยู่นั้นต้องการความเงียบสงบ
"ผมไม่ได้ขัดคำสั่ง แต่ผมไม่เคยทำตามคำสั่งใครอยู่แล้ว" ผมหันกลับไปตอกใส่หน้าพวกเขา
ย่ากระฟัดกระเฟียดเดินเข้ามาทุบตีน้าพี ปากก็ด่าว่าน้าพีสารพัดหาว่าน้าพีเสี่ยมให้ผมแข็งข้อกับพวกท่าน ผมทนมองภาพนั้นไม่ไหวเดินไปแยกย่าและน้าออกจากกัน ย่าจะเข้ามาทำร้ายน้าพีแต่ก็กลัวจะทำให้ผมเจ็บไปด้วย สุดท้ายย่าจึงหยุดและเชิดหน้าคอตั้งเหมือนเดิม สลัดคราบแม่ค้าสวมวิญญาณผู้ดีคอตั้งเหมือนเดิม
"คุณดูลูกชายตัวดีของพวกคุณนะ ฉันเริ่มลังเลแล้วสิว่าจะร่วมหุ้นต่อไปหรือจะถอนหุ้นที่มีอยู่ออกไปดี" ย่าพูดกดดันฝั่งตายายของผม
"แกมันตัวซวยทำแต่เรื่อง!!" ตาชี้หน้าด่าน้าพีทันทีเมื่อได้ยินว่าย่าจะถอนหุ้นในบริษัท
"พอสักที!!" ผมตะเบ็งเสียงดังโดยไม่สนใจใครหน้าไหน น้าพีผิดอะไรทำไมต้องด่าและทำร้ายกันขนาดนี้ แค่น้ารักเขามันผิดมากมายเลยหรือไง
"ตาวิน!!" ย่าตกใจที่ผมแสดงกิริยาไร้ความเป็นผู้ดี ย่าคงรับไม่ได้ที่มีหลานสถุนอย่างผม แต่ใครสนพวกท่านสนแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ
"ถ้าจะมาชวนทะเลาะก็กลับไปเถอะครับ" ผมบอก
"วินพูดกับพวกท่านดีๆหน่อย ท่านเป็นปู่ยาวินนะ" ลุงภัทรที่เงียบอยู่นานปรามผมขึ้นมา
"ให้ผมพูดดีกับคนที่ไม่เคยมองว่าผมเป็นหลานหน่ะเหรอครับลุง ตั้งแต่แม่ตายกี่ปีมาแล้วที่ผมไม่เคยเจอหน้าคนที่ผมควรเรียกว่าปู่ย่า" ผมปลายตามองผู้ใหญ่สี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า "ตายาย กี่ปีแล้วครับลุงภัทรที่ผมเห็นหน้าะวกท่านผ่านหนังสือพิมพ์"
"........"
"คนเดียวที่ผมเห็นตอนลำบากก็คือน้าพี คนเดียวที่กอดผมตอนร้องไห้ก็คือน้าพี คนเดียวที่อยู่ข้างๆผมก็คือน้าพี แล้วปู่ย่าตายายของผมอยู่ที่ไหนครับ ไม่ในงานสังคมก็คงสนามกอล์ฟ หรือไม่ก็เมืองนอก"
ผมหัวเราะเหมือนคนบ้าเมื่อเห็นพวกท่านยืนนิ่ง คงเพราะไม่มีข้อแก้ตัวอะไร
เพลี้ย!!หน้าผมสะบัดไปตามแรงตบที่ปะทะเข้ามามันไม่เจ็บคงเพราะผมด้านชากับเรื่องพวกนี้แล้ว ปู่ตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อเห็นผมแข็งข้อ สุดท้ายท่านก็ลงที่น้าพี กล่วหาว่าน้าพีทำให้ผมเป็นเด็กเหลือขอ
ไอ้แมนมันเดินเข้ามายืนข้างผมตั้งแต่ที่ผมโดนต่อยผมหันไปเห็นมันที่ทำสีหน้าเจ็บปวด ผมโดยต่อยยังไม่แสดงอาการเจ็บปวดเหมือนมันเลย แล้วทำไมมันต้องทำหน้าอย่างนั้น ทำไมต้องทำเหมือนเจ็บแทนผมด้วย
"ตั้งแต่พรุ่งนี้แกต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านฉัน" ปู่ร้องสั่ง
"ไม่" ผมปฏิเสธ
"ไอ้วิน!!" เมื่อไม่ได้อย่างใจปู่ก็ออกคำสั่ง "ฉันขอสั่งแกถ้าไม่อยากให้น้าสุดที่รักของแกเป็นอะไรล่ะก็ พรุ่งนี้แกต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านฉัน และเตรียมตัวหมั้นกับหนูแก้ว"
"ผมไม่ทำตามคำสั่งคุณ"
การที่ท่านทั้งสี่เดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เป็นห่วงลูกหลานตัวเอง แต่พวกท่านรู้ว่าผมต้องมาและพวกท่านก็วางแผนไว้แล้ว ปูทางโดยจับผมใส่พานให้ลูกหลานนักธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ เหมือนครั้งที่แม่ผมถูกกระทำมากก่อน
"แกเป็นหลานฉัน ต้องตอบแทนบุญคุณฉัน" ในเมื่อบัคับไม่ได้ปู่ก็เรียกร้องบุญคุณที่ผมไม่เคยได้รับ
"พวกคุณทำอะไรให้ผมอย่างนั้นเหรอครับ" ผมย้อนถาม จะไม่มีการอ้อนข้อให้พวกท่านมาบงการชีวิตผมแน่นอน ชีวิตเป็นของผมไม่ใช่ของใคร
"ถ้าสั่งฉันให้หมั้นแกก็ต้องหมั้น" ตาเสริมทัพเข้ามาช่วย ผมว่าครอบครัวคู่หมั้นของผมคงร่ำรววยและมีอำนาจมาก ไม่อย่างนั้นท่านทั้งสี่คนคงไม่สละเวลาอันมีค่าเพื่อเดินทางมาที่นี่แน่นอน
"ผมคงทำอย่างที่พวกท่านต้องการไม่ได้"
"ทำไม" พวกท่านถามด้วยความสนใจ
"เพราะผมมีคนรักอยู่แล้ว" ผมโกหกเพราะไม่รู้ว่าจะเอาเหตุผลอะไรมาอ้าง ในหัวคิดได้แค่เรื่องนี้เท่านั้น
"มันเป็นใคร"
ผมไม่ตอบแต่หันไปมองมันที่ยืนอยู่ข้างผม ก่อนที่สมองจะคิดอารมณ์มันก็เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว ผมยกมือกุมใบหน้ามันก่อนจะกดริมฝีปากบดจูบมันโดยไม่สนเสียงกรีดร้องของใคร มันยืนอึ้งอยู่สักพักก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาในปากของผม มันยกมือกอดเอวผมเอาไว้ มันขบเม้นปากผมดูดลิ้นผมอย่างอารมณ์ดี
ผมผละจูบจากมันอย่างอ้อยอิ่งหันไปสบตากับผู้ใหญ่ที่ยืนอึ้งตาค้างกันตรงหน้า
"ผมเป็นเกย์ และเป็นเองไม่เกี่ยวกับน้าพี" ผมดักทางเมื่อเห็นว่าย่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายน้าพีที่ยืนอึ้งอยู่ด้านหลังผม
"เป็นได้ก็เลิกได้ ตอนพ่อแกฉันยังทำได้คราวแกฉันก็ทำได้เหมือนกัน" ปู่เบนสายตาหันไปมองมันที่ยืนข้างผม
"......."
"คราวพ่อแกฉันยังใจดีเพราะอย่างน้อย ก็เป็นน้องชายของแม่แก และเป็นลูกของคนที่ฉันจะทำธุรกิจด้วย แต่คราวนี้"
ปู่ยิ้มมุมปาก
"ฉันไม่เก็บไว้แน่นอน" ผมจบก็เดินกลับไป ตามด้วยย่าลุงภัทรและผู้หญิงของลุง
ตายายส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเดินตามหลังไป น้าพีนั่งจับแขนผมขอโทษที่ปกป้องผมไม่ได้ ผมนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมน้าพีและมันที่ยิ้มห่าอะไรก็ไม่รู้
"วินไม่ได้เป็นอะไรกับมัน" ผมบอกเมื่อน้าพีกำลังจะเอ่ยปากถาม
"อ้าว" น้าพีทำหน้างง
"วินคิดอะไรไม่ออกเลยโกหกไป ขอโทษ" ผมบอกน้าก่อนจะหันไปพูดกับมัน
มันไม่พูดอะไรกับผมหันหน้าหนีแต่ไม่ได้ลุกไปไหน น้าพีบอกกับผมว่าปู่ทำได้ทุกอย่างท่านมีอำนาจมืดอยู่ในมือ ที่น้าต้องไปเมืองนอกก็เพราะโดนคุกคาม ปู่ยังใจดีเพราะเห็นว่าเป็นน้องชายของแม่ แต่กับมันที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน น้าพีเป็นห่วงว่าผมจะดึงมันเข้ามาในเกมส์ธุรกิจ
"ผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ" มันบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินเลี่ยงไป
"ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับเขา วินควรบอกปู่นะไม่อย่างนั้นเพื่อนวินอาจจะตกอยู่ในอันตราย"
ผมหันมองตามร่างสูงใหญ่ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู๋ไม่ใกล้ไม่ไกล ถ้ามันเป็นอะไรไปผมคงรู้สึกบาปที่ดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเดือดร้อน ถึงเวลาที่ผมกับมันต้องจากกันจริงๆแล้วสินะ ทำไมแค่คิดผมถึงได้เจ็บในอกขนาดนี้