ตอนที่ 32
ไม่ทันให้ผมเอ่ยถามตัวเองด้วยซ้ำ ว่าเอาจริงที่เขาว่ามันหมายความว่าอะไร สิ่งที่เคยเกยไหล่ของผมก็เปลี่ยนจากคางเป็นปลายจมูก ไล้ผิวนอกร่มผ้าเบาๆ พร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดจนทำเอาอุณหภูมิในใจผมแปรปรวน
ร้อน...ร้อนไปหมดแล้ว
และเพราะไม่ได้จู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวจนผมตระหนกตกใจร้องเสียงหลงหรือขัดขืนปฏิเสธ ผมจึงตกอยู่ในสภาพพูดอะไรไม่ออก แม้แต่อ้าปากพะงาบยังเหมือนจะทำไม่ได้ มีเพียงการหายใจถี่ระรัวไม่ต่างจากจังหวะการเต้นของหัวใจ
แล้วมือใหญ่ของเขาก็ดึงหนังสือออกจากมือของผม ปิดมันแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบาตามบุคลิกที่ไม่ว่าทำอะไรก็เบามือไปหมด ขณะที่มืออีกข้างเริ่มวางลงบนต้นขาที่เผยผิวเนื้อถัดจากร่มผ้าที่เป็นกางเกงขาสั้น ก่อนมืออีกข้างจะรุกไล้เข้ามาใต้ชายเสื้อของผมช้าๆ
“คะ...คุณอัฐ” ผมเรียกเขาเหมือนสมองเพิ่งจดจำวิธีพูดได้ “คุณอัฐ คือว่า...”
“เธอไม่ต้องเรียกฉันว่า ‘คุณ’ ก็ได้”
แต่เขาก็พูดแบบนั้นมาก่อน ทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ซึ่งก็เหมือนว่าพลาดท่า เพราะว่าอัฐใช้จังหวะนั้นจับขยับกายของผมให้เอียงตัวมาหา ไม่ใช่นั่งหันหลังอีกต่อไป
บะ...แบบนี้ก็หลบหน้ายากกว่าเดิมสิ ฮือๆๆ
“ละ...แล้วให้เรียกว่าอะไรล่ะครับ”
ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามตั้งสติ แบบพยายามมากๆ เพื่อเอ่ยถามออกไป แม้จะก้มหน้างุดหนีการสบตาก็ตาม
“เรียกอัฐเฉยๆ ก็ได้”
“ทำไมล่ะครับ...”
“ก็...ฉันจะเป็นอะไรของเธอก็ได้” แล้วไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกว่าเสียงของเขาอยู่ใกล้หูกว่าเดิม
ก่อนที่คำพูดต่อมา...จะทำผมเขินจนเหมือนระเหิดกลายเป็นไอ
แบบว่าข้ามขั้นละลายไปได้เลย...
“ที่แน่ๆ ฉันเป็น ‘อัฐ’ ของเธอคนเดียว”
ถ้า...ถ้าดีใจจนร้องไห้ออกมาอีกจะดูคลั่งรักเกินไปไหม
และเพราะเหตุนั้นแหละผมถึงเรียกเขาในใจว่า ‘อัฐ’ เสมอมา ไม่มีแม้แต่คำว่า ‘พี่’ หรือ ‘คุณ’ นำหน้า เป็นเพียงอัฐที่เป็นอัฐเท่านั้น
อัฐที่เป็นของผมคนเดียว
พลันสติที่หลุดลอยไปไกลก็เพิ่งกลับมารู้ตัวตอนที่เขาเลิกเสื้อของผมขึ้นมาจนเลยช่วงอก มืออีกข้างยังโอบเอวผมไว้ ก่อนที่เขาจะจูบลงบนหน้าท้อง...แล้วไล่ขึ้นมา
หนี... ต้องหนีแล้ว ช่วยด้วย จะตายแล้ว ฮือๆ
แต่ต่อให้ขยับกายหนียังไงก็ถูกแขนของเขาพันธนาการไว้ เขาลุกลามขึ้นมาเรื่อยๆ จนผมหันหน้าหนีเพราะกลัวหัวใจจะวายเสียก่อน ทว่ากายของผมก็พลันกระตุกขึ้นมาราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านทั่วร่าง เมื่อเขา...จูบลงที่ยอดอกของผม
ตะ...ตรงนั้นน่ะแหละ!
“อะ! ...อ๊ะ!” ผมหลุดร้องน่าอายออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มือเลื่อนจับศีรษะของเขาโดยอัตโนมัติ ดันออกนิดๆ เหมือนหวังให้เพลาการกระทำลง แต่ไม่ได้ผล...
ผมสัมผัสได้ถึงความอุ่นจากปลายลิ้นที่ไล้เลียลงบนจุดอ่อนไหวจนเสียวซ่านไปหมด
“ดะ...เดี๋ยว!”
ผมแทบร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงการดุนดันเบาๆ ก่อนที่จะ...กระตุกกายแล้วลั่นปากออกไปเมื่อถูกขบเม้มเข้ามา
“ผะ...! ผู้ชายเขาเสียวหัวนมกันด้วยเหรอครับ!”
“...”
“...”
...ดะ...ได้ผล...
ได้ผลอย่างไม่ตั้งใจ
ทุกอย่างหยุดลง และเงียบสนิท
เงียบจนได้ยินเสียงแอร์ดังลั่น
ตามด้วยเสียงไอร้อนที่ออกจากหน้าของผมเอง
ก่อนที่จะ... ก่อนที่จะเริ่มสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวเล็กน้อยจากกายของอัฐที่เขากำลังก้มหน้าอยู่ แล้วมันก็เริ่มไหวสะเทือนมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงหัวเราะดังไล่ระดับออกมาเหมือนสุดแล้วที่จะอดกลั้น
“คะ...คุณอย่าหัวเราะสิครับ...”
ผมบอกไปด้วยความอับอาย หน้าคงแดงแป๊ดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แต่อัฐก็ไม่หยุดหัวเราะ ถึงไม่ใช่เสียงหัวเราะที่ดังลั่น แค่เหมือนดังกว่าระดับเสียงพูดเบาๆ ของเขาไม่มาก ทว่ามันก็ต่อเนื่องเหมือนหยุดไม่ได้
“คุณอัฐอะ... ฮือ...”
ผมร้องครวญประท้วง ซึ่งอัฐก็ดูพยายามหยุดให้ ดึงเสื้อของผมลงให้เรียบร้อย แล้วกอดผมเอาไว้แน่น เสียงหัวเราะหยุดลงจนผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายที่แนบแน่น ก่อนที่เขาจะ...หัวเราะเบาๆ ออกมาอีกระลอก
“ขำอะไรนักหนาครับเนี่ย...”
“ก็เธอ...ตลกดี”
“ฮือ...”
คำพูดของเขาทำผมร้องครวญ วุ่นวายกันกับการขำความเปิ่นของผมอยู่อีกสักพัก อัฐก็ยอมสงบลงได้ สละเก้าอี้ให้ผมนั่งคนเดียวตามเดิม
“ไว้จะมาฟังที่เธอพากย์ใหม่แล้วกัน”
“จะไม่ให้ผมรับพากย์นิยายรักก็บอกตรงๆ ก็ได้ครับ...”
กระนั้นอัฐไม่ตอบ แค่กระตุกยิ้มมุมปากแล้วโน้มน้าวลงมาหาผมโดยไม่ทันตั้งตัว...เพื่อขโมยจูบของผม
“ฝันดีนะ”
เขาเอ่ยบอกเสียงแผ่ว ดวงตาที่ช้อนมองในระยะใกล้ทำผมเหมือนถูกสะกดให้แข็งค้าง แม้เขาจะผละออกแล้วเดินออกจากห้อง ปิดประตูลง ผมก็ยังนิ่งอึ้งในอิริยาบถเดิม
ฝันดีอะไรกัน...
นอนไม่หลับหรอกโว้ย!
ฮือๆๆ
แน่นอนว่าคืนนั้นผมเป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียว ร้อง ‘อ๊าก’ อัดหมอนไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ทั้งเนื้อทั้งตัวร้อนฉ่าหลายระลอก แต่คงเพราะใช้พลังงานมากไปนั่นแหละ ผมเลยผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
ตื่นมาอีกทีเป็นช่วง 7 โมงเช้า วันอาทิตย์ แม้ตั้งใจหลับต่อแต่ตาสว่างเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ผมจึงคิดออกไปเดินเล่นที่สวนของหมู่บ้าน แต่เมื่อเดินลงมาถึงหน้าบ้าน แผนก็เปลี่ยนนิดหน่อย
ผมพบแมว 2 ตัวนั่งอยู่บนสันกำแพงรั้ว ซอกซอนตามพุ่มเฟื่องฟ้าราวกับเป็นฉากหลังสีสวย ตัวหนึ่งคือเจ้ามิเกะแมวสามสี อีกตัวคือแมวดำตาสีอำพัน แปลกหน้า ไม่เคยเห็นมาก่อน พวกมันหรี่ตามองมายังผมเหมือนไม่ไว้ใจ แต่เมื่อผมลองทักทายว่า ‘เมี้ยว’ เจ้าแมวสีดำก็กระโดดลงจากกำแพง เยื้องย่างสามขุมเข้ามาหา ก่อนจะร้องเมี้ยวเมื่อมาหยุดยืนตรงหน้า ราวกับเรียกให้ผมก้มลงไปเกาคาง
จังหวะที่ผมนั่งยองลงไปแล้วเกาคางให้เจ้าแมวดำครางเครือในลำคออย่างพึงพอใจ เสียงเปิดประตูเหล็กด้านหลังก็ดังขึ้น หันไปมองก็พบว่าคุณอัฐออกมาหน้าบ้าน สภาพเพิ่งตื่นด้วยผมเผ้าสีดำที่ยุ่งนิดๆ และรกปรกคิ้ว
“เมื่อคืนฝันดีไหม?” เขาเอ่ยทักผม
“อย่าพูดถึงมันเลยครับ...”
พอผมตอบแบบนั้นเขาก็กระตุกยิ้มนิดๆ หัวเราะ ‘หึ’ อยู่ในลำคอ ก่อนจะเบนไปมองเจ้ามิเกะที่ยังนั่งหยิ่งที่กำแพงรั้ว ขณะที่ผมอดร้อง ‘หน็อย’ ในใจไม่ได้
หน็อย...ทีเมื่อก่อนนะ อย่าว่าแต่หัวเราะเลย ยิ้มยังไม่ยิ้ม ถึงจะดีก็เหอะที่ยิ้มได้ แต่ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้จริงๆ
จะขำอะไรผมนักหนา ห๊า?
“เมี้ยว”
แต่เหมือนจะหมั่นไส้มากไปหน่อยจนเผลอลงน้ำหนักที่มือ เจ้าแมวดำเลยร้องประท้วงเบือนหน้าหนีไม่ให้เกาคางอีก ซึ่งอัฐหันมามองเมื่อได้ยินเสียง ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
ผมเห็นดังนั้นก็งงนิดๆ แต่ก็เอื้อมมือไปลูบหัวลูบตัวมันต่อเพราะนุ่มนิ่มเพลินมือดี ก่อนที่มันจะผละหนี วิ่งแจ้นไปหาอัฐที่ออกมาอีกทีพร้อมปลาซาบะ 1 ตัว
เขาวางมันลงกับพื้น ซึ่งเจ้าแมวดำก็รีบคาบขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้คาบไปไหนไกล แค่หาที่นั่งกินให้ห่างจากมนุษย์อย่างเราๆ เท่านั้น
“ไม่เอามาให้มิเกะด้วยเหรอครับ” ผมถามอัฐ
“มิเกะกินแต่แซลมอน”
“โห... แต่มองหน้ามันแล้วก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นะครับ” ผมว่าพลางมองหน้ามิเกะที่มองมาพอดีเหมือนรู้ตัวว่าถูกนินทา
“อืม โจบินี่แหละกินง่ายหน่อย”
“โจบิ? แมวดำนี่เหรอ?”
“ใช่”
เขาตอบรับ ทำเอาผมขมวดคิ้วนิดๆ กับอีกชื่อประหลาดๆ
“แมวบ้านใครเหรอครับ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
และคำตอบทำให้รู้เลยว่าอัฐนั่นแหละที่ตั้งชื่อ...
เรามองเจ้าโจบิกินปลาซาบะกันอยู่สักพัก ซึ่งพอมันกินไปได้ครึ่งตัวก็อิ่มซะแล้ว และเริ่มนั่งเลียมือตัวเองเพื่อทำความสะอาด
“เสียดายนะครับ ที่เหลือมิเกะก็ไม่กิน”
“เดี๋ยวนกคงมากินเองแหละ”
เขาเอ่ย ทำให้รู้ว่าเขาเคยให้พวกมันกินอยู่บ่อยๆ เพียงแค่ผมไม่เคยเห็น
“จะว่าไป... ผมเคยคิดว่าคุณเหมือนแมวอยู่บ่อยๆ เลยนะครับ” ผมพูดขึ้นขณะที่โจบิเริ่มเลียขนตัวเองในบริเวณที่ผมเพิ่งลูบตัวมันไป
“ทำไมล่ะ”
“ก็...เดาใจยาก นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป แล้วบางทีก็ทำตัวดีด้วยเหมือนแมวที่มาอ้อนคลอเคลีย แต่สุดท้าย... เนี่ย เลียขนทำความสะอาดตัวเองเหมือนรังเกียจที่เราไปแตะต้องมันเลยครับ” ผมชี้เจ้าโจบิที่ยังเลียขนตัวเองอยู่ มันหยุดแล้วเหลือบตามองเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าถูกพูดถึง ก่อนก้มเลียขนต่อ
“งั้นเหรอ” อัฐตอบรับด้วยน้ำเสียงเหมือนคิดตาม “แต่ฉันก็ไม่ได้เลียขนตัวเองอย่างรังเกียจแล้วนะ”
คำพูดของเขาทำให้ผมยิ้มขำนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เพราะนั่งยองนานจนเมื่อยแล้ว
“ก็จริงครับ” ผมเอ่ยพร้อมหันไปยิ้มให้ ซึ่งอัฐก็จ้องสบตาครู่หนึ่งเหมือนคิดอะไรแล้วจึงเอ่ยมา
“แต่แมวก็มีข้อดีอย่างนึงคือมี 9 ชีวิตนะ”
“นั่นสิ แต่ว่าคุณจะเอา 9 ชีวิตไปทำอะไรเหรอครับ”
“ไม่เอาหรอก” ทว่าเขาปฏิเสธ “ถ้าให้อยู่กับเธอแล้วมีแค่ 9 ชีวิตน่ะ ไม่พอหรอก”
“...”
“ฉันอยากเป็นอมตะ แล้วอยู่กับเธอที่เป็นอมตะเหมือนกัน”
อะ...
อ่า... อยู่ดีๆ ทำไมพูดอะไรหวานๆ ขึ้นมาเนี่ย...
หวานมาก...
และเขิน
เขินไปหมดแล้วโว้ย!
ตอบ... ตอบอะไรแก้เขินดี
“ถ้าอยากอมตะก็กินเด็กสิครับ”
“...”
แล้ว...แล้วผมตอบอะไรออกป๊าย?!
มันดูสองแง่สองง่ามมากๆ ฮือ เมื่อไหร่จะเลิกลนแล้วพูดอะไรเปิ่นๆ ออกไปเนี่ย
พลันความเปิ่นของผมก็ทำให้อัฐเผยยิ้มอีกครั้ง
เป็นยิ้มบางๆ ที่มุมปาก พร้อมกับเผยร่างแมวยักษ์ที่ดูเหมือนกำลังตวัดหางไปมา และช้อนมองเหยื่อตัวเล็กๆ ที่เตรียมตะครุบ
“ถ้างั้น...จะให้กินได้หรือยัง?”
“...”
อา...
นี่ผมหัวใจวายตายแล้วเกิดใหม่มาอยู่ตรงนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ...
ไม่ได้ ไม่ได้สิโว้ย!
“ถ้าคุณอัฐหิว เดี๋ยวผมไปทำอาหารเช้าให้กินนะครับ”
ว่าจบ ผมก็รีบเดินหนีเข้าบ้านไปเลย ไม่รอดูเขาหัวเราะขำกับท่าทีตลกๆ ของผม ถึงจะยังได้ยินเสียงขำตามหลังมาก็ตาม
รู้เลยอะว่าในสายตาเขา ผมดูตลกแค่ไหน ฮือ
ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้สึกดีที่เขายิ้ม เขาหัวเราะได้เพราะผม
มันแปลว่าเขามีความสุขที่มีผมอยู่เคียงข้าง และผมก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเขาเช่นกัน
เล่ามาถึงตรงนี้ ระหว่างที่ผมกำลังทอดไข่ดาวไม่สุกเป็นอาหารเช้าให้เขา เหมือนทุกวันที่เขาตื่นก่อนเวลาปกติ ผมก็คิดว่าควรจะเปลี่ยนคำนิยามของเขาเสียใหม่
ที่ว่าเขาเหมือนแมวที่อ้อนคลอเคลีย สุดท้ายก็เลียขนตัวเองอย่างรังเกียจ ตอนนี้น่ะไม่ใช่แล้ว
เห็นทีคงต้องเปลี่ยนเป็น... เขาเหมือนแมวที่มองเมินเราคล้ายรังเกียจ สุดท้าย...ก็เข้ามาอ้อนคลอเคลียด้วยความรัก
เป็นความรักที่ไม่ต่างจากที่ผมรักเขา
และจะรัก...ตราบเท่าที่ชีวิตของแมวอมตะจะยืนยาว
*****จบบริบูรณ์*****
สวัสดีอีกครั้งในตอนจบ แยมส้มขมคอเองค่ะ
ใครชื่นชอบ สามารถคอมเม้นติชม หรือติดแท็ก #อัฐจา ให้แยมในทวิตเตอร์ได้นะคะ
ตอนแรกว่าจะทยอยลง แต่เปลี่ยนใจ ลงให้จบไปเลยดีกว่าค่ะ 555
เรื่อง เขาเหมือนแมวที่อ้อนคลอเคลีย สุดท้ายก็เลียขนตัวเองอย่างรังเกียจ
จะได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Hermit นะคะ
ถ้าตีพิมพ์เมื่อไหร่ จะมาแจ้งข่าวอีกที ขอบคุณค่ะ