ตอนที่ 5 กุญแจมือ
ยังครับ ยังไม่ตาย ผมยังมีชีวิตอยู่ดี อยู่รอดปลอดภัยครบสามสองชิ้น แค่เกือบเอาหน้าไปถูถนนเล่นเพราะขาผมแม่งแตะไม่ถึงพื้นตอนเบรก ไอ้หมอเวรแม่งขำเหมือนชีวิตนี้มึงไม่เคยสูงร้อยหกสิบมาก่อน
ตอนมึงสูงเท่ากูจะจับราวรถไฟฟ้าก็ต้องแอบเขย่งตีนกันบ้างแหล่ะวะ!!
“มัดส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเข้าหากันก่อนเข้าร่วมกิจกรรมนะคะ” ยังไม่ทันเดินเข้าลานพี่ผู้หญิงแจกยิ้มหวานใส่ผม
“มัดมือได้มั้ยครับ”
“ถามแบบนี้มัดใจพี่ไปเลยค่ะ”
เอวัง ไม่ได้ยิ้มให้กู ยิ้มให้ไอ้พี่หมอ เซ็งเป็ด มีตาหามีแววไม่นะครับพี่เนี่ย สุดท้ายผมก็เลือกจะมัดมือข้างขวาของตัวเองเข้ากับมือข้างซ้ายของไอ้พี่หมอ เบสิคสุดๆแล้ว ตัดภาพด้านหลังเป็นไอ้พี่แป๊ะ เอ้ย อาหรับแมนคนคูลประจำหอแดงได้สละกางเกงในมาผูกแขนตัวเองเข้ากับขาพี่โย ท่ายากเบอร์สิบ มีความยิมนาสติกลีลา ผมนี่ปวดหัวแทนไอ้พี่โยเลย
“เห้ยๆ ไอ้โยมึงก้าวขาขวาก่อนดิวะ”
“นี่กูก็ก้าวขาขวาอยู่”
“อย่ายกขาสูงสิวะ กูเจ็บจั๊ก!!”
“มึงเปลี่ยนมาผูกอย่างอื่นเถอะแป๊ะ แค่ผูกเข้างาน”
“ใครแป๊ะครับคุณ”
“ไอ้อะไรซักอย่างอมๆ”
“โนมอร์แป๊ะ นี่ผมโบก – อมครับ เรียกให้ถูกครับคุณซงเด็งกี่”
“ชื่อห่าไรอย่างกับไข้เลือดออก เออๆ ไอ้อมมึงเปลี่ยนมาผูกที่อื่นดิ๊”
“ไม่ได้มันไม่คูล”
นั่นแหล่ะครับวิถีชีวิตคนคูล สุดท้ายสะดุดแขนตัวเองกับเท้าพี่โยเลยโดนพี่โยเหยียบเข้าให้เต็มตีน ร้องเสียงหลงลั่นงานเลย สมน้ำหน้า
เมื่อเดินเข้ามาในลาน ก็มีนิสิตมากหน้าหลายตา ผูกแขนผูกขากันเป็นกลุ่มดูตื่นเต้นครับ บางทีมก็ส่งเมทมาครบห้าคนผูกมือต่อกันเป็นกลุ่มใหญ่ บ้างก็มาเป็นคู่แบบผม แต่ไม่มีฉายเดี่ยวครับ เนื่องจากงานสร้างขึ้นเพื่อกระชับมิตรชาวหอ กติกาเลยบังคับให้สองคนขึ้นไปและต้องมาจากห้องเดียวกันเท่านั้น
ผลกรรมเลยตกอยู่ที่กูไงสังคม...
อีกอย่างนึงที่เพิ่งรู้คือปีนี้ผู้หญิงจะลงแข่งเยอะกว่าทุกปี เพราะทุกคนอยากจะได้เห็นรูปลับๆของไอ้พวกเดือนเดือดทั้งสามที่เป็นดั่งพรีเซ็นเตอร์มหาลัยว่ามันจะลับขนาดไหน แต่ดูจากรูปการณ์แล้วน่าจะลับมากครับ เห็นว่าลงแข่งกันทั้งสามคนอย่างจริงจังทั้งๆที่ปกติพวกมันนอกจากเดินหล่อไปวันๆก็ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับมหาลัยซักเท่าไหร่ อ้อ ได้ยินมาอีกว่าตอนแรกคนว่าเยอะแล้วแต่เยอะขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อมีข่าวลือว่าเป็นภาพแอบถ่ายจากในห้องน้ำสระว่ายน้ำตอนพวกพี่มันอาบน้ำกัน
นี่มันเข้าข่ายโรคจิตแล้วโว้ย! แล้วทำไมกูต้องมาแข่งเพื่อรางวัลเป็นรูปเปลือยผู้ชายด้วยเนี่ย!!
“ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่การแข่งชิงรางวัลใหญ่ของานเปิดหอนะครับ อย่างแรกเลยก็ขอให้ทุกคนมองมันเป็นแค่เกมสนุกสนาน เล่นกันอย่างสันติ ไม่ทะเลาะกัน สำหรับกติกาวันนี้ก็ง่ายๆ จนกว่าวันนี้จนถึงห้าทุ่มทุกคนจะต้องตามหาแบล็กบอกซ์ให้เจอโดยที่ต้องไปหาโดยการผูกร่างกายติดไว้ด้วยกัน แอ๊ะๆ ห้ามครับ ผูกส่วนไหนส่วนนั้น ห้ามเปลี่ยน เดี๋ยวเราจะส่งให้ทีมงานเอากุญแจมือไปล๊อคแล้วทุกคนก็มาเอากุญแจไปไขออกได้ที่ซุ้มกิจกรรมหน้าหอนะครับ กิจกรรมหมดเวลาเล่นตอนห้าทุ่ม รบกวนเข้าหอในให้ทันไม่งั้นไม่รับผิดชอบเรื่องเซ็นหอสายนะครับ อ่า...อ้อ! แล้วสำหรับวันนี้ถ้าหาไม่เจอ คำใบ้จะมาบอกใหม่วันศุกร์หน้า ในช่วงวันธรรมดาขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนนะครับ” และแล้วพี่ผู้หญิงคนเดิมก็เดินเอากุญแจมือมาคล้องแขนผมแทนผ้า ลองขยับดูนี่แน่นแบบหนีไม่ได้
อื้อหือ
กูหล่ะวงวารพี่โย (วงวารมาจากสงสารแต่ความสงสารแบบไม่เต็มใจ อืมๆ วงวาร นับเป็นวิบัติเพื่อการแสดงอารมณ์)
ผมแอบหันไปมองหน้าไอ้พี่แป๊ะตอนนี้ที่ซีดเป็นไก่ที่ต้มแล้วต้มอีกต้มสิบน้ำ พร้อมกับพี่โยที่หน้าโคตรเซ็ง หงุดหงิดทำอะไรไม่ได้นอกจากขยี้นิ้วพี่แป๊ะเป็นการระบายอารมณ์
“คำใบ้นะครับ ฟังดีๆนะครับ
มืดเงียบปลอดภัยหลับสนิทตลอดคืน "
หลังจากพิธีกรบอกคำใบ้ออกมา ทุกกลุ่มก็เฮกันออกตามล่าหาสมบัติทันที ส่วนผมได้แต่ยืนงงในดงคน
เดี๋ยวๆ นั่นคำใบ้หรือคุณสมบัติผ้าอนามัย
“มืดเงียบ คืออะไรวะพี่”
“มึงคิดมาดิ๊ในมอเราที่ไหนมันเงียบบ้าง”
“ผมเพิ่งมาอยู่มอได้ไม่ถึงเดือน”
“กูอยู่มอมาสามปีวนอยู่แค่ตึกเรียนหอร้านเหล้า”
“...” อนาคตนี่ภาพมาเลยกู โครตสิ้นหวัง สงสัยเผลทำหน้าโง่ชัดไปไอ้พี่หมอเลยขมวดคิ้วใส่
“ไว้ก่อน ตอนนี้ลงขับไปดูแถวๆยิมละกัน กูว่ามันเงียบสุดแล้ว” ผมพยักหน้าแล้วก็ปล่อยให้ไอ้พี่ลากเดินไปถึงมอเตอร์ไซต์ ในตอนนั้นเองก็คิดขึ้นมาได้
“เห้ย จะขี่ยังไงวะพี่ มือติดกันอยู่แบบนี้” คิดสภาพที่นะครับทุกคน ตอนนี้มือขวาของผมถูกล๊อคติอยู่กับมือซ้ายไอ้พี่หมอ ผมก็ขี่มอไซต์ไม่เป็นด้วย แล้วผมก็เชื่อว่าไอ้พี่หมอไม่น่าจะมีความสามารถพิเศษในการใช้ตีนขับแบบกายกรรมกวางโจว อ่อแต่ถึงมีก็ใช้ไม่ได้เพราะต้องเอามาใช้เบรค
“ได้ดิวะ”
“ทิ้งไว้นี่เถอะพี่”
“กูไม่เดินนะ ไกล”
“ห่าพี่แล้วจะเอายังไง บินไปมั้ย ขี่ไม้กวาดเก่งรึเปล่า”
“เอามากวาดมึงทิ้งไปเถอะ อืม... งั้นเอาแบบนี้”
“แบบไห- เฮ้ย!!!” วิเดียวไอ้พี่หมอก็เอาตูดแปะลงไปกับเบาะแล้วกระชากผมขึ้นมาไปนั่งด้านหน้าหันหน้าเข้าอกไอ้พี่มันไปเต็มๆจนมือข้างที่ไม่ได้ล๊อคไว้ต้องยกมาดันอกมันออก ฟังดูขนลุกขนพอง สยดสยองเหมือนตกอยู่ในอ้อมกอดของเดอะฮัคเลยก็ว่าได้ จะพูดไงดี ท่านี้มันก็คือกอดผมขี่มอเตอร์ไซต์นั่นแหล่ะครับง่ายๆ
“ท่านั่งแบบนี้ปกติมีแต่หมาอ่ะนั่งได้มึงรู้มั้ย”
“ขนลุกว่ะ ไม่เอาแบบนี้” ยึ้ยยยย ผมพยายามขยับตูดหนีเลี่ยงกิจกรรมชนช้าง
“มึงจะกระเถิบหนีทำไมมันไม่ลุกหรอกหน่ะ”
“อะไรลุก!!! พี่แม่งชอบพูดอะไรแบบนี้ว่ะ เสื่อม ปล่อยผมลงเลย เฮ้ยยยยย” กำลังจะดิ้นลุกหนีแต่ไม่ทันครับ ไอ้พี่มันก็กำเบรกแล้วก็สตาร์ทเครื่อง พุ่งออกตัวอย่างไว ไอ้ห่า อย่าไวมาก ขากูเบรกไม่ถึงงงงงง
นั่งท่านี้บอกเลยว่าผมมองไม่เห็นอะไรซักอย่าง รับรู้แต่ว่ารถเคลื่อนไหวพร้อมกับท่านั่งที่บรรลัยแน่ๆถ้าแม่มาเห็น มือข้างที่ล๊อคติดด้วยกันมันจำเป็นต้องกุมให้แน่นเพื่อรักษาบาลานซ์ไม่ให้กลิ้งตกคุณถึกทึนของไอ้พี่มันไปซะก่อน ถึงความเร็วอาจจะไม่ได้ไวมากแต่ผมก็ไม่ได้ดิ้นขัดขืนเหมือนนางเอกช่องสีเวลาโดนพระเอกลวนลามเพราะพี่หมอมันต้องขับรถมือเดียวคือมือข้างขวา ขนาดไม่ดิ้นยังเซไปเซมา กลัวรถล้มไปหน้าแหกหมดหล่อแล้วไม่คุ้ม คือไอ้พี่หมออ่ะแหกไปอาจจะยังหล่ออยู่ แต่ผมนี่ดิดีไม่ดีโดนไอ้พี่หมอทับให้ได้ซี่โครงแยกไปอีก
“นั่งเงียบนี่คือเขินหรืออะไร”
“รีบขับไปเงียบๆได้ป่ะพี่ ท่านั่งตอนนี้แม่งโคตรเกย์”
“ก็มัดแขนอยู่ มึงจะให้มึงนั่งเอาหลังชนกัน แขนกูบิดขนาดนั้นไม่ได้หรอก”
“แต่ท่าเหี้ยนี่ผมก็ไม่เอา!”
“เออๆ ถึงแล้ว กูนับหนึ่งสองสามเบรกนะ”
“เบรกห่าอะไรพี่ ขากูไม่ถึงพี่มึงเห็นมั้ยเนี่ย ไม่งั้นก็ชนซักพุ่มไม้ไปก่อนเลยไป” ไอ้พี่ไม่ตอบอะไรแต่หัวเราะเบาๆอยู่เหนือหัวผม ซักพักเครื่องก็จะลอความเร็ว เบรกอัตโนนาตีนก็กลับมาเหมือนเดิม พอเครื่องจอดสนิทผมก็รีบพลิกตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อให้หลุดจากท่าที่น่าหวาดเสียว ตอนนี้เป็นเวลาประมาณหกโมงกว่าๆใกล้จะทุ่มนึงฟ้าก็เริ่มมืดแล้วแต่ว่าในยิมก็ยังพอมีคนเล่นกีฬาอยู่
“มันเงียบตรงไหนเนี่ย”
“ห้องเก็บของหลังยิม” ไม่รู้จักหรอกครับ แค่ยิมยังไม่เคยมาเหยียบเลย ปล่อยให้ไอ้พี่มันลากไปตามเดิม ลากแถดๆไปซักพักนึงก็มาถึงบริเวณหลังยิม ซึ่งก็ปรากฏอีกคู่นึงที่มาถึงอยู่ก่อนแล้ว โอ้โห ลับซับซ้อนขนาดนี้ก็ยังจะมีคนมาดูอีกหรอ
“โว้ววว ไม่คิดว่าจะได้เจอมึงที่นี่นะเนี่ย” อ้าว เป็นคนรู้จักของไอ้พี่หมอซะงั้นครับ รุ่นพี่ตรงหน้าผมสูงกว่าไอ้พี่หมอไปอีกครับ ตัวใหญ่มาก ส่วนหน้าตายอมรับแบบผู้ชายเลยว่าหล่อครับ เหมือนพวกลูกครึ่ง ขาวมากแบบมากๆ ยืนกับกำแพงนี่กำแพงดูหมองไปเลย ดูจากการเจาะหู เสื้อนิสิตยับๆกับกางเกงบ๊อกเซอร์ลายตาราง แถมหน้าไอ้พี่หมอก็โคตรจะเหม็นเบื่อขึ้นมาทันทีกับการทักทาย บอกได้เลยว่าไม่น่าจะมาอย่างเป็นมิตรแน่นอน
“มึงยังไม่ตายอีกหรอวะ”
“รอไปงานศพมึงก่อนอ่ะ”
“งั้นวันตายของมึงก็วันนี้แหล่ะ”
“เอาสิวะ กูรออยู่พอดี” ไอ้พี่หล่อยกมัดขึ้นจังหวะเดียวกับที่ดึงแขนของคนข้างๆขึ้นมาด้วย เพราะกุญแจมือมันคล้องกันอยู่แบบเดียวกับที่ผมคล้องกับพี่หมอ
“ถ้าจะต่อยกันตรงนี้ก็เอาข้อมือออกก่อน ผมไม่ต่อยกับพวกพี่หรอก”
“พี่หญิง? ” โอ๊ะ คนนี้ผมรู้จักครับ เป็นพี่ปีสองคณะผมภาคผม ดังอยู่เหมือนกัน เพราะพี่เค้าเป็นผู้ชายที่ดันชื่อว่าหญิงบวกกับชอบทำหน้าเหมือนหมารำคาญยุง อะไรนะครับ? หน้าแบบไหน? อ่า ก็แบบเบื่อๆเซ็งๆตลอดเวลา แบบเวลามียุงมาบินข้างหูอ่ะครับ แบบนั้นแหล่ะ เลยมีชื่อประจำตัวที่เรียกล้อพี่เค้าว่า น้องหญิง โครตมีคลาส เดินไปทางไหนไอ้พวกพี่ก็จะเปิดเพลงแดจังกึมอูล้าล้าลาอู๊ลาหล่าต้อนรับให้พี่เค้าแจกนิ้วกลางใส่ ดูมีความบีกุงมาม่าในวังหลวงไปอีก
“อ้าวอู้”
“ไปรู้จักมันได้ยังไงหญิง”
“น้องคณะกู”
อย่างกะได้ยินคำว่าแล้วไปนะมึงมาจากสายตาพี่หล่อเค้าหล่ะ นี่ว่าไอ้พี่หมอหน้าตาเหมือนพวกนักเลงแล้วไอ้พี่นี่หน้าเหมือนพวกลูกผู้มีอิทธิพลไปมากกว่าอีก
“แล้วอู้มาอยู่กับพี่หมอได้ยังไง”
“เรียกมันพี่ทำไมหญิง!!”
“เอ่อ..” กูยังต้องตอบมั้ยครับ
“ก็พี่เค้าเป็นพี่กู มึงจะโวยวายทำไมเนี่ยพี่”
“เรียกคนอื่นได้แต่ยกเว้นมันไง!”
“พอดีอู้เป็นเมทพี่ น้องหญิงรู้จักหรอครับ” ไอ้พี่หมอนี่ก็เหมือนรู้ว่าพูดแล้วยั่วประสาทไอ้พี่หล่อขึ้น เพราะทันทีที่เรียกน้องหญิงออกไป ไอ้พี่หล่อก็คว้าหมับกระชากคอเสื้อไอ้พี่หมอทันที เอ้า งงไปสิกู เรียงลำดับตารางความสัมพันธ์ไม่ออกแล้ว งงยิ่งกว่าความสัมพันธ์และฟังก์ชั่น
“อย่าเสือกเรียกหญิงว่าน้องหญิง”
“ก็น้องเค้าชื่อหญิงให้กูเรียกเค้าว่าอะไร”
“ ไอ้หมอ!!!”
“พอเลย! เจอกันทำไมต้องกัดกันตลอด มึงเป็นหมาหรือไงพี่ พี่หมอก็เหมือนกัน จะไปกวนตีนมันทำไมนักหนา” พี่หญิงกระชากคอพี่หล่ออย่างแรงจนพี่หล่อชะงักกึ้ก ยอมหยุดขู่กระโชกโฮกฮาก มองไปมองมาแล้วเหมือนหมาบ้ากับเจ้าของอะไรแบบนี้เลยครับ
“มึงไปไหนก็ไปเลยไอ้หมอ กูจะมาหาในห้องเก็บอุปกรณ์กับหญิง”
“เรื่องไร กูก็จะหาในห้องนี้เหมือนกัน” ไอ้พี่หมอไม่ยอมครับ
เอาอีกแล้วครับ หมาบ้าสองตัวจ้องและขู่กันแฮ่ๆน้ำลายฟูมปาก จริงจังซะยิ่งว่าศึกน้ำแร่อะเวียงเจอร์ของไอ้พี่แป๊ะ ส่วนผมน้องน้อยได้แต่ยืนเงียบดูสถานการณ์ เพราะดูจากไซส์พี่หล่อกับพี่หมอแล้ว เข้าไปห้าวเป้ง คงโดนพี่เค้าเอานิ้วตีนดีดออกมานอกวงได้อย่างง่ายๆ
“พอๆไม่ต้องตีกัน อยู่มหาลัยแล้ว เลิกใช้กำลังกันได้แล้ว” พี่หญิงดึงแขนพี่หล่อไว้อีกรอบ
“ไม่รู้แหล่ะ กูมาถึงก่อน”
“กูมาถึงทีหลัง แต่แล้วไง”
“กูมาถึงก่อน ชื่อกูก็สะกดตัวอักษรก่อนชื่อมึง!”
“แต่นามสกุลกูตัวอักษรกูก่อนนามสกุลมึง”
“กูห้องเลข 511 ถึงก่อนห้องมึง”
“สัด ห้องเก่ากู 302 ”
เวร พวกมึงอยู่อนุบาลสามแล้วแย่งสไลด์เดอร์เล่นกันหรอครับพี่ หน้าอย่างโหดแต่พวกมึงเอาตัวอักษรกับเลขห้องมาเกทับกันเนี่ยนะ
“โอ๊ยยยย อ่ะเป่ายิงฉุบไปเลย ใครชนะได้เข้าไป จบ” พี่หญิงโวยวายออกมาเพื่อตัดปัญหา โถ่พี่ หาวิธีแก้ปัญหาได้ไม่เข้ากับหน้าตาเหมือนนักเลงของพวกพี่สองตัวมันเลย หมาบ้ามันคงจะยอมเล่นเป่ายิงฉุบกับพี่หรอก
“เป่า ยิ้งงง ฉุบ!! “
ไอ้ห่า!!! เสือกเล่น!!!
“กูชนะ!!” ไอ้พี่หมอยกยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วจูงมือผมเข้าห้องเก็บอปุกรณ์ด้วยหน้าตาลัลล้าสุดๆ ระหว่างที่ไอ้พี่หล่อได้แต่ยืนมองกรรไกรนิ้วของตัวเองด้วยความอาฆาต
ผมโดนลากเข้าห้องอุปกรณ์อย่างงๆ แสงลอดผ่านประตูมาพ่อให้เห็นเงาลูกบาสลูกบอลที่ตกอยู่กับพื้น แต่ห้องมืดมากๆ จนผมต้องหรี่ตามองหาที่เปิดไฟ พอผมกดเปิดไฟดังกิ๊กแล้วไม่มีอะไรติดก็รู้ทันทีว่าหลอดขาด กำลังจะหันไปบอกไอ้พี่หมอแต่ก็ดันไม่ทัน...
ปัง!!!
“มึงอยากเข้านัก ก็อยู่ในนั้นไปเลยไอ้สัส!!!”
เฮ้ย!!!
ไอ้พี่หล่อ!! มึงจะแค้นเป่ายิ้งฉุบแพ้ไอ้พี่หมอแล้วมาลงกับกูแบบนี้ไม่ได้!!
“ไอ้สัดพี่!! มึงเปิดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พี่!!” ไอ้พี่หมอทุบประตูลั่นซึงมือที่ทุบคือมือที่ผูกไว้กับผม มือผมเลยได้อานิสงส์กระแทกไปด้วย เจ็บโว้ย
“ฝัน! ข้อหามึงสาระแนมาเรียกหญิงว่าน้องหญิง มึงอยู่ไปยันเช้าเถอะ”
“พี่มึงเล่นอะไร เปิดให้พี่หมอกับอู้นะ นี่! อย่าล็อค! ”
“บอกว่าห้ามเรียกมันพี่ไง!!”
“ไอ้พี่!!”
“เจอกันพรุ่งนี้เช้านะสัสหมอ ตายไปเลยยิ่งดี ส่วนไอ้หน้ามดเมทมึงก็ถือว่าหารกรรมกับมึงไปละกัน ไปหญิง! หยุดเรียกไอ้หมอพี่เดี๋ยวนี้นะ พี่ไม่ชอบ!!” ผมได้ยินเสียงพี่หญิงด่าพ่อล่อแม่ไอ้พี่หน้าหล่อยาวก่อนที่เสียงจะค่อยๆหายไป เดาว่าคงโดนอุ้มออกไปแล้วเรียบร้อย ปล่อยให้ผมยืนเอ๋ออยู่กับไอ้พี่หมอท่ามกลางห้องมืดสนิท มีหน้าต่างซี่ๆพอให้แสงจากดวงจันทร์และอากาศลอดมาได้เพียงนิดหน่อย
“ไอ้พี่หมอ บอกกูมาทีว่ามึงเอาโทรศัพท์มาจากตะกร้ามอไซต์”
“มึงบอกกูมาก่อนว่ามึงเอามือถือรุ่นทับกระดาษมึงมา”
“...”
“...”
“...”
“...”
เงียบ...
สงสัยไม่บอก
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ กูอยากตายยยยยยยยยย
ทำไมกูต้องมาหารกรรมกับพี่มันด้วยยยย
“พะ พี่คนนั้นคงไม่เลวร้ายขนาดจะทิ้งพวกเราอยู่ในนี้ข้ามวันใช่มั้ยพี่”
“ถ้าหมายถึงไอ้พี่เลวขนาดนั้นแน่นอน”
“ตกลงเค้าชื่ออะไรวะ เค้าเป็นรุ่นพี่พี่หรอ”
“มันชื่อพี่ เดือนเสดสาดปีกู”
ห๊ะ! ชื่อพี่!
ไอ้นี่เองอะหรอเดือนเดือดคนที่สาม โหหหห หล่อสมชื่อเดือนแล้วก็เหี้ย(ม)สมชื่อเดือนเดือดไปอีก แล้วชื่ออะไรของพี่มันเนี่ย เล่นกูงงไปตลอดบทสนทนาตกลงคนไหนพี่อะไรพี่ กว่าจะเกทก็โดนจับขังมืดแล้ว ไอ้พี่หมอถอนหายใจแล้วลากไปนั่งบนเบาะนวมที่วางอยู่ที่พื้น เสียงกุญแจมือเหล็กกระทบเบาะดังกริ๊กๆเตือนให้รู้ว่าเรายังแยกไปนั่งคนละมุมไม่ได้ ต่อให้อยากแค่ไหน
“ทนหน่อยละกัน เดี๋ยวหญิงก็คงไปบอกพวกพี่มึงเองแหล่ะ”
“อือ..”
บรรยากาศในห้องมืดไม่ได้โรแมนติกอะไรครับ ติดไปทางหลอนนิดๆ เพราะเสียงลมพัดผ่านซี่หน้าต่างมันดังวิ้วๆ บวกกับเสียงหมาที่หอนกันระงมเหมือนเก็บกดไม่ได้หอนกันมาตอนกลางวัน ลมยิ่งแรงประตูก็สั่นดังกึ้กๆ พี่หมออาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่กูนี่ประสาทแดกกับทุกเสียงเลยครับ ฮือออออออออออออออ
“พะ พี่ เรามาหาอะไรทำกันรอพี่ผมกันเถอะ”
“ทำอะไร กูทำหรือมึงทำ”
“สัส! พี่ทำไมชอบลากเข้าอะไรหื่นกามแบบนี้วะ เอาเกมอะไรง่ายๆอ่ะ แบบ.. ถามตอบละกัน”
“เอาสิ ใครจะถามก่อน”
“พี่อ่ะเริ่ม” ผมโยนขี้
“อืม... มึงสูงเท่าไหร่” ผมเงยหน้ามองค้อนไอ้พี่หมอในที่มืดนี่แม่งเลย มืดก็ขอให้ได้ค้อน
“ร้อย หก สิบ”
“โห ห่างกับกูสามสิบเซ็น” คิดถูกหรือคิดผิดวะเนี่ย ชวนพี่แม่งเล่นเนี่ย
“ตาผม อืม.. ทำไมพี่ถึงชื่อหมอ”
“แม่เป็นหมอ”
“แค่เนี้ย?”
“อืม แม่กูเป็นหมอกูเลยชื่อหมอ พ่อกูเรียนวิศวะโยธา พี่ชายกูก็เลยชื่อวิศวะ ชื่อจริงโยธา”
โหหหหหหห โคตรชื่อโครตแนว บุญแค่ไหนพ่อพี่ไม่เรียนประมง เรียกชื่อเล่นซ้ำๆ นี่น้องมงมงมง มงแซะมงแซะ แซะมงตะลุมตุ่มมงได้เลย ล้ำไปอีก
“แล้วพี่ชายเรียนหมอ?”
“เปล่าเรียนบริหาร”
เออดี งงแทนอาจารย์พี่เค้าได้มั้ยวะ อารมณ์แบบ ขอเชิญนายวิศวะกรรม โยธา จากคณะบริหาร ใครไม่งง กูงง
“มีพี่น้องอีกป่ะ” ผมนี่นับนิ้วเลย ไหนๆมีคณะอะไรอีกในโลกนี้ น้องสถาปัตย์ ชื่อเล่นว่าไม้ที อะไรแบบนี้มั้ย
“มีพี่สาว ชื่อปิงปอง”
“ห๊ะ!”
“พ่อกับแม่ชอบเล่นปิงปอง เจอกันตอนตีปิงปอง”
ใช่หรอวะพี่ ลองไปถามพ่อแม่อีกที ว่าพี่กับพี่ชายไม่ได้เก็บมาเลี้ยงใช่มั้ย มันมีที่ไหนคนโตปิงปอง
ชื่อน่ารักเบสิคตามแบบปุถุชนคนธรรมดาสุดๆ ต่อมาเป็นน้องวิศวะกับน้องหมอ ไหงมันอัพเลเวขึ้นไปขนาดนั้นวะ
“กูถามบ้าง ทำไมมึงถึงเรียนวิศวะ”
“มันคูลดี แม่อยากให้เรียน แม่อยากเอาไปบอกป้าติ๋มข้างบ้านว่าลูกได้เรียนวิศวะ” ว่าแล้วก็ยืดอกด้วยความภูมิใจครับ
“แล้วป้าติ๋มว่าไง”
“ป้าติ๋มยกยิ้มยินดีแต่ในใจริษยายิ่งกว่าตัวร้ายช่องสาม แม่บอกมาแบบนี้ ตาผมๆ ผมถามบ้าง..ทำไมพี่ถึงไม่ชอบพี่พี่”
“สัส แค่ชื่อแม่งก็กวนประสาทละ ขยาดปากต้องเรียกมันพี่ กูเจอมันตอนประกวดเดือนก็ไม่อะไร รู้แต่ว่าหน้าตากวนส้นตีน บังเอิญกูเดินไปชนหญิงในโรงอาหาร หญิงมันเซจะล้มกูเลยรับไว้ แม่งมองมาเห็นไม่พูดห่าไร เตะกูชนโต๊ะโรงอาหารล้มระเนระนาด กูเลยเอาต้มยำโต๊ะข้างๆราดแม่งร้อนๆ ไม่ถูกกันมาตั้งแต่ตอนนั้น เจอกันก็ต่อยมาตลอด ยิ่งหญิงติดเข้ามาอยู่วิศวะยิ่งเจอมันเช้าเย็น ก็ตีกันแม่งเช้าเย็นนั่นแหล่ะ ” โอ้โห ปวดหัวแทนพี่หญิงเลย
“แล้วเกี่ยวไรกับพี่โยอ่ะ”
“มันมาเป็นเดือนแทนกู แล้วยังมีอีกหลายเรื่อง อย่าพูดถึงเลยว่ะ หงุดหงิด” พี่หมอสะบัดลมหายใจแล้วเอนตัวนอนลงมาบนตักผม ยกมือที่ติดกันขึ้นมาตรงอกตัวเอง
“เห้ยๆ เกินไป นอนตักผมทำไม”
“ข้อหาถามคำถามกวนส้นตีนติดกันสองข้อ เงียบๆไปเลยมึงอ่ะ”
เอ้า! ได้หรอ!
ผมอยากจะโวยวายแต่เห็นพี่หมอมันเอามือปิดตาจะนอนก็เลยเงียบ คร้านจะตีกับมันอีก นี่ก็เกินครึ่งชั่วโมงแล้ว เมื่อไหร่จะมีคนมาเปิดให้ซักที
ช่วยไม่ได้ ไม่ได้อยากนอนหรอกนะ
แค่พักสายตาเป็นเพื่อนไอ้พี่หมอมันเฉยๆ!
------
มีเนื้อหาบ้างซักตอน ค่อยกลับไปไร้สาระต่อ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ ฮืออออออออ ต่อลมหายใจอย่างมาก
จริงๆคนเขียนก็ #ทีมตู้เสือก นะคะ 5555555555555555555
เปิดตัวพี่พี่และน้องหญิงแล้ววว เรื่องนี้มีแต่หมาบ้า เรื่องนี้จริงๆอยากเน้นชีวิตเด็กหอให้เหมือนชื่อเรื่องค่ะ
ส่วนทำไมน้องอู้ยังเรียกมึงๆพี่ๆ คือมันอยู่กึ่งกลางระหว่างจะเคารพดีมั้ยวะนั่นเองค่ะ ฮาาาา