จิตติอ่านทุกคอมเมนต์แล้ว แต่อาจจะไม่ได้ตอบคนอ่านต้องขอโทษด้วยค่ะ
พอได้อ่านความเห็นแล้วรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ ไม่คิดว่าจะอินขนาดนี้
แต่นี่ก็เขียนเอง ร้องไห้เองเหมือนกัน ตั้งแต่เขียนนิยายมาเรื่องนี้คงหดหู่ที่สุดแล้ว
เอาล่ะ มาตอบข้อสงสัยของคนอ่านนิดหน่อย เพื่อให้กระจ่างถึงจุดประสงค์ของเรื่องนี้
สงสัยอยู่อย่างนึงว่า คนเขียนเคยยืนอยู่ในจุดที่อยากจะตายหรือเปล่า หรือคุณแค่ถ่ายทอดออกมาได้ดีเท่านั้น
จิตติไม่มีโมเมนต์นี้หรอกค่ะ เพราะแท้จริงแล้วเป็นคนตลกโปกฮาไปเรื่อย
ถ้าใครเคยอ่านปลาบนฟ้าจะรู้เลยว่าชีวิตเราเป็นแบบนั้น ส่วนที่เขียนเธอที่ร้ายแล้วหนักหน่วงขนาดนี้
อาจเพราะถนัดดราม่าและเขียนค่อนข้างบ่อยค่ะ
ตอนที่ภูผาเล่าเรื่อง ชั่วอึดใจเรากลับคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
ตอนที่ภูผาอาบน้ำ โกนหนวด ผูกไทด์ และทานอาหาร
เราเห็นภาพจำลองโดยไม่ต้องใช้ความคิด
อาจจะเป็นเพราะเราเพิ่งสุญเสียพี่ชายไป และพี่ชายอีกคนของเราก็กำลังเป็นคล้ายกับพี่ภูผา
มันเลยเห็นภาพได้ชัดเจนเกินไป
เสียใจด้วยนะคะ จิตติเป็นกำลังใจให้เชื่อว่าเช้าวันต่อๆมาทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน
อยู่เคียงข้างและให้กำลังใจพี่ชายให้มากนะคะ เพราะความห่วงใยที่เรามอบให้เขาต้องรับรู้และเข้าใจมันแน่นอน
ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีค่ะ
อ่านแล้วเหมือนย้อนเหตุการณ์ในอดีต ถึงจะผ่านมาแล้วแต่คิดไปดิดมาเหมือนอยากตายตามไปจริงๆและคงทำแบบภูผาเหมือนกัน......
จิตติเขียนเรื่องนี้มาให้เข้าใจห้วงอารมณ์จมดิ่งของคนๆหนึ่งที่อยู่ในสภาวะจิตใจไม่ปกติ
แต่ไม่ได้มีเจตนาให้กระทำอย่างนั้น แค่หวังให้ทุกคนเข้าใจ ยอมรับมัน และผ่านมันไปได้โดยคิดเสมอว่าทางออกของปัญหาไม่ได้มีทางเดียว และที่ภูตัดสินใจอย่างนั้นจิตติก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันคือจุดจบสำหรับทุกอย่างนะคะ นิยายยังเหลืออีก 4 ตอน นั่นหมายความว่าทางข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึงเราก็ไม่มีวันรู้
จิตติไม่อยากให้ตัดสินทุกอย่างเพียงเพราะเราหยุดอยู่ตรงนี้ อดีตที่เราเคยคิด แน่นอนมันมีอารมณ์นั้นสำหรับบางคน ความรู้สึกสับสน ว้าวุ่น หรือแม้แต่อารมณ์ชั่ววูบ มันโหดร้าย ใช่มันโหดร้ายมากแต่เมื่อเราผ่านวันนั้นมาได้ พอเจอปัญหาใหม่เราก็จะผ่านมันไปได้เช่นกันใช่มั้ยคะ ผ่านมาด้วยตัวเอง ด้วยหนทางที่ดีกว่าที่เรามองเห็น
เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปค่ะ ^^
**และสำหรับเธอที่ร้ายที่เหลืออีก 4 ตอน อาจจะหนักหน่วงกว่านี้ อยากให้ทุกคนเตรียมใจยอมรับ
แน่นอนเราเราคาดหวัง ว่าคนอ่านจะได้อะไรสักอย่างจากนิยายเรื่องนี้ค่ะ