บุพเพวายร้าย(สอง)
25
อย่าโกรธเพราะจะบ้า
อย่ารักเพราะจะบ้ายิ่งกว่า
“…………………………” ขาผมหนักจนก้าวไม่ไหว สายตาผมมองไปยังไอ้แบงค์ และแล้วไอ้แบงค์ก็หันมาเห็นว่าผมกำลังมองอยู่
“…………………………”ไอ้แบงค์หันไปหาไอ้วุฒิไม่ยอมสบตากับผม
ผมมองไอ้แบงค์อยากจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก เมื่อออกมาจากรถก็เปิดขวดน้ำ กินน้ำไป 2 อึกก่อนที่จะก้มหัวห่างจากตัว แล้วเอาน้ำที่เหลือจากขวดเทราดหัวแล้วสะบัดไปมา
“จุม!!” เสียงไอ้วุฒิ?? ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมเอามือลูบน้ำออกจากใบหน้า เห็นไอ้วุฒิวิ่งไล่ตามอะไรแวบๆที่หายไป และไอ้วุฒิก็วิ่งหายไปด้านข้างของร้าน
“ ชนะ!” ไอ้แบงค์ชี้มือให้ผมไปด้านที่ผมอยู่ใกล้ซึ่งเป็นซอยเล็กๆเข้าไป พอบอกผมเสร็จไอ้แบงค์ก็วิ่งเลยที่ไอ้วุฒิเลี้ยวที่หายไป พวกผมกำลังวิ่งไล่ดักบางสิ่งบางอย่าง
ไอ้แบงค์ก็บ้าตามไอ้วุฒิจุมจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง แต่คงทำไปเพื่อความสบายใจของไอ้วุฒิ
เมื่อคืนพวกผมเดินสำรวจ(พาไอ้วุฒิเดินหาจุม)แถวนี้แล้วพอจะรู้เส้นทางบ้าง
“………………….”จุมจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ผมถามตัวเองอีกครั้ง ไอ้วุฒิคงจำคนผิดอีกตามเคย ผมคิดแบบนั้นแต่ก็ยังวิ่งลึกเข้าไปในซอย ที่เป็นบ้านชั้น สองชั้นที่ปลูกติดๆกัน บ้างก็มีรั้วอิฐ บ้างก็เป็นรั้วต้นไม้ บ้างก็ปล่อยโล่ง
ผมหันซ้ายหันขวามองหาสีเหลืองๆจากที่มองเห็นแวบๆเมื่อกี้จะได้พาไปไอ้วุฒิได้เห็นเต็ม 2 ตาว่านี่ไม่ใช่จุม จุมไม่ได้อยู่ที่นี่!
ผมมองด้านขวาเป็นแม่ลูกคู่หนึ่ง ด้านซ้ายเป็นตรอกแคบๆลึกเข้าไป เห็นต้นมะม่วงไม่ยักมีจุม ผมวิ่งๆผ่านตาลุงเหมือนเมาค้างเข้าไปในซอยลึกเข้าไปเรื่อยๆ
“ โอ๊ย!” ผมร้องพร้อมอีกเสียงหนึ่ง
ใครชนใครล่ะเนี่ย
ใครมันไม่ดูตาม้าตาเรือวิ่งมาชนกันได้ (ผมเองก็ไม่ดู)
ผมเอามือจับหน้าที่เจ็บนิดๆพร้อมๆกับเงยหน้าขึ้น
แล้ว
ก็
ผม
อึ้ง
“……………………….” ลมเย็นๆพัดผ่านหน้าผม คนที่ผมเห็น คือ
จุม!! ผมพูดไม่ออก ผมคาดไม่ถึง!
และอีกฝ่ายก็คงคาดไม่ถึงเหมือนกัน ถึงได้ยืนนิ่ง หน้าซีดอยู่ตอนนี้ และยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีก
“ จุม!” เสียงของอีกคนที่เข้ามาเพิ่ม
จุมหันไป!
“ จุม!” ชิด!? เพื่อนจักร
“ ชิ ด” จุมพูดเสียงแหบพร่า แล้ววิ่งไปทางที่ผมเพิ่งมา ชิดวิ่งตาม
ผมยืนนิ่ง พอผมหันกลับไปมอง จุมกับชิดก็หายไปแล้ว
“……………………….”
จุมจริงๆ น้องเขาอ้วนกว่าเดิมแต่ก็ยังถือว่าผอม ผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อย ผมยังยาวกว่าที่ผมเห็นครั้งสุท้าย แล้วชิดนี่สิมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้!!??
“ ชนะ! เจอจุมไหม?” ไอ้วุฒิวิ่งหอบถามมาแต่ไกล
“……………….” ตามด้วยไอ้แบงค์
“ …………..” ผมจะตอบว่าอะไร ผมมองไอ้วุฒิที่ยังหันซ้ายหันขวารอบเพื่อหวังว่าจะเห็นเงาจุม ผมหันไปมองไอ้แบงค์บ้าง
ผมกลัว….
ถ้าเจอจุมแล้ว ไอ้แบงค์มันจะทำยังไง ในเมื่อมันรักจุม แต่ไอ้วุฒิก็รักจุมเหมือนกัน หรือว่าผมควรจะบอกไอ้แบงค์คนเดียว นั่นทำให้ผมกลัวยิ่งกว่ากลัว ……………………..กลัวมาก
ผมเห็นแก่ตัว ที่ยังอยากจะให้ความหวังตัวเอง ว่าถ้าไม่มีจุม ไอ้แบงค์อาจจะ. …ระรัก...ผมบ้าง
“ ไม่เห็นเจอใครที่เหมือนจุม มรึงมั่วอีกอ่ะดิ” ผมว่า เพราะหลายๆครั้งไอ้วุฒิมันเห็นใครที่คล้ายๆจุมก็จะเป็นแบบนี้ และพอเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่จุม
“ แต่กรูเห็นจริงๆว่าเป็นจุม” ไอ้วุฒิพูด
“ มรึงแน่ใจว่ามรึงเห็นหน้าจุมเต็มๆ” ผมว่า
“ ไม่เห็น แต่กรูมั่นใจ เพราะถ้าไม่ใช่จุมจะวิ่งหนีทำไม!” ไอ้วุฒิพูดถูก
“ แต่กรูเห็นผู้ชาย ใส่เสื้อยืดสีเหลืองเมื้อกี้ ไม่ใช่จุม เป็นใครก็ไม่รู้ หน้าไม่คล้ายจุมสักนิด” ผมโกหก หันไปมองไอ้แบงค์ที่ตอนนี้กำลังมองไปรอบๆ
ผมหันกลับมา ยิ่งเห็นหน้าไอ้วุฒิผมก็ยิ่งรู้สึกผิด
ขอโทษวุฒิ
กรูขอโทษ มรึงเองก็คงยังไม่พร้อมที่จะเจอจุม กรูเอาเหตุผลนี้มาใช้เพื่อให้ตัวเองไม่ดูชั่วไปมากกว่านี้
“……………..”
แบงค์ มรึงด้วย ขอโทษที่ทรยศมรึง
มรึงอย่าเพิ่งเจอจุมเลยนะ กรูยังทำใจไม่ได้
“ ต้องใช่จุมแน่ๆ ต้องใช่! กรูมั่นใจกรูจำไม่ผิด”
“ เอางี้พวกเราก็เดินหากันใหม่” ผมบอก เพราะมั่นใจว่าจุมว่าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
บางทีเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ต่างคนต่างมีชีวิตอยู่โดยไม่มีกันและกัน
ผมเจ็บปวดยิ่งกว่า
.
.
ไอ้วุฒินั่งซึมอยู่ด้านหลัง ผมนั่งข้างไอ้แบงค์ที่กำลังขับรถมุ่งสู่กรุงเทพฯก็ไม่ต่างกัน
“…………………………………”
ที่นี่ไม่มีจุม และในใจไอ้แบงค์ไม่มีให้ผม
“ ดูเหมือนกรูจะบ้า” ผมพูดลอยๆขึ้นมา ก่อนที่จะค่อยๆหันหน้าไปหาไอ้แบงค์ จะไม่ให้บ้าได้ยังไง ทั้งที่รู้ว่าไอ้วุฒิไอ้แบงค์ตามหาจุมแทบตายแต่ผมกลับโกหก ว่าไม่เจอจุม
บ้าเอ๊ย!!
ไอ้แบงค์ไม่ได้หันมา อาจจะเป็นเพราะมันกำลังขับรถอยู่ก็เป็นได้ ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่ได้สนใจคำพูดผม แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรผมก็เจ็บอยู่ดี
“ พวกมรึงว่า จุมจะรู้ไหมว่ากรูทรมานแทบตาย ตามหาน้องเขาทุกๆที่ทุกๆวัน” ไอ้วุฒิถาม
ผมไม่ได้ตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี ไอ้แบงค์เองก็คงเช่นกันถึงได้เงียบอยู่แบบนี้
หน้าจุมที่ผมเจอ ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ที่เห็นผม คงคิดว่าผมจะบอกเรื่องที่ผมเจอจุมแน่นอน แต่น้องเขาคิดผิด
จุม
คงจะดีกว่าที่จะอยู่ไอ้วุฒิ แม้ว่าไอ้วุฒิคือเพื่อนผม ผมคิด หรือผมเองไม่อยากให้ไอ้แบงค์เจอจุม
“ กรูว่าจุมไม่รู้หรอก เพราะถ้าจุมรู้คงกลับมาหากรูแล้ว ก็น้องเขารักกรู” ไอ้วุฒิถามเองตอบเอง ไอ้วุฒิกำลังปลอบใจตัวเองสายตามันที่มองไปด้านนอกผมคิดว่ามันไม่ได้มองอะไรเลย คิ้วเรียวยาวไอ้วุฒิกำลังขมวด
รักเหรอ? นั่นมันเมื่อ 2ปีที่แล้ว ผมรู้ว่าไอ้วุฒิก็คิดแบบนี้ ถึงได้พูดแบบนี้
ถ้าเป็นปกติผมคงมีคำพูดดีๆพูดกับไอ้วุฒิแล้ว แต่ตอนนี้แค่เรื่องของตัวเองผมก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดี ผมต้องยังไงถึงจะได้รับความรักบ้าง…
ทำยังไงถึงจะมีใครเห็นค่า ผมเหนื่อยไม่ใช่ไม่เหนื่อยที่ต้องวิ่งตามรักที่ไม่มีใครต้องการ
เมื่อไรทีผมควรหยุดดี คำตอบคือผมไม่รู้จะหยุดตอนไหน หัวใจมันสั่งไม่ให้หยุด หยุดไม่ได้
“ …………..” ผมก้มหน้าลง มองโทรศัพท์ จักรไม่โทรหาผมเลย ตอนนี้คงอยู่ในคลาส จะโทรได้ไงไอ้โง่ชนะเอ๊ย ผมคิดแบบนั้น
“ จะให้ไปส่งที่คอนโดเลยไหม?” ไอ้แบงค์ถามไม่ได้หันหน้ามา(ใกล้ลงทางด่วนแล้ว)
“ แล้วมรึงล่ะ?” ผมถามกลับ
“ ไปส่งไอ้วุฒิที่คอนโดแล้วจะกลับบ้าน” ไอ้แบงค์ตอบ หันหน้ามาและหันกลับไปในทันทีเพราะต้องขับรถ
“อืม กรูจะกลับคอนโด ไปอาบน้ำแล้วจะไปหาจักรที่มหาลัย ตอนนี้คงไม่พอใจกรูน่าดูที่ไม่ไปรับ” ผมบอก สังเกตด้วยว่าไอ้แบงค์มีปฎิกิริยายังไง ซึ่งไม่มีเลย
ก็ไอ้แบงค์มันคิดว่าผมเป็นเพื่อนจะรู้สึกอะไรได้ ที่เคยมีอะไรกันก็แค่ขำๆ ผมเบือนหน้าหนี หัวใจเริ่มชาทีละน้อยแต่หนักแน่น
รถวิ่งตามทางไปเรื่อยๆ ไปจนถึงจุดหมายที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
รถจอดหน้าคอนโดสูง 29 ชั้น
“ ตอนเย็นมาหาหน่อยดิ” ผมเปิดประตูรถออกมาแล้วก้มลงพูดอยู่นอกรถ พร้อมทั้งใช้ทางตามองไอ้วุฒิที่หลับไปแล้ว
“ มีอะไร?” ไอ้แบงค์ถาม
“ เดี๋ยวนี้กรูต้องมีอะไรก่อนใช่ไหม มรึงถึงจะมาหากรู!” ปัง! ผมปิดประตูรถเต็มแรง ก่อนที่หันหลังเดินขึ้นคอนโด
เออ เพื่อนก็เพื่อนสิวะ!
“ ………………………………..…..” ผมกำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ
# # #
11 โมงรถผมจอดที่หน้าคณะฯของจักร ก่อนที่ผมจะออกมาแล้ววิ่เข้าตึก ตามด้วยยืนรอลิฟท์ด้านใน
ไฟกระพริบบอกชั้น 3 ชั้น2 และชั้น1 ประตูเปิดจากตรงกลาง นิสิตกรูกันออกพร้อมเสียงที่คุยตั้งแต่อยู่ในลิฟท์ ลิฟท์โล่งเมื่อไม่มีคน ผมเดินเข้าไปคนเดียว แล้วกดชั้น
ประตูปิดแล้วรู้สึกได้ว่าลิฟท์กำลังลอยสูงขึ้น ผมกำลังมองปลายเท้าตัวเองก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นพร้อมๆกับที่ลิทฟ์หยุดพอดี(ใส่รองเท้าคัทชูสีดำ)
จักร อย่าโกรธพี่นะ
พอผมเดินออกมาก็เดินไปปีกด้านขวาของอาคาร ห้องที่จักรเรียนอยู่ยังปิดอยู่คาดว่าคงจะเลิกเที่ยงตามตาราง ผมเลยยืนพิงผนังรอ(ตรงข้ามกับห้อง)
ใจก็กังวลว่าจักรจะพูดว่าอะไรที่เจอผม จะโกรธผมมากไหม แล้วผมต้องพูดอะไร ต้องทำยังไงจักรถึงจะหายโกรธ หรือว่าจะให้แก้ตัวยังไง พอจะโทรไปปรึกษาคนที่ไว้ใจได้ก็มีแต่ไอ้วุฒิและ……..ไอ้แบงค์ ผมก็ตัดใจทันที ผมต้องช่วยตัวเอง
เสียงในคลาสดังขึ้น ท่าจะเลิกแล้ว ผมดูนาฬิกาจากโทรศัพท์
เพิ่ง 11:15
เลิกเร็ว?
“……………..” ผมถอยออกมาเล็กน้อย มองจักรจากกลุ่มนิสิตที่เดินออกมา จนคนสุดท้าย ก็ไม่เห็นจักร
หรือว่าจักรจะไม่มาเรียน ผมคิดแบบนั้น เลยเดินจะกลับแต่ไม่รู้เป็นไงถึงได้เดินกลับไป และเข้าไปในห้อง
!?
จักรนั่งเก้าอี้(แลคเซอร์) ก้มมองโทรศัพท์ในมือที่วางบนหนังสือที่ยังเปิดค้างไว้
“ จักร?” ผมเรียก น้องเขาเงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วก็เก็บหนังสือยัดเข้ากระเป๋าแบบลวกๆ ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหา
“ จักรพี่ขอโทษ” ผมรีบบอก แต่จักรเดินหนี ผมคว้ามือไว้ น้องเขาหยุดเพราะผมเองก็รั้งตัวจักรไว้ด้วยมือที่กำ
“ พี่มีธุระ ต้องไปต่างจังหวัด พี่กลับมาไม่ทัน” ผมบอกเสียงวิงวอนมากกว่าอธิบายให้เข้าใจ
“ ……………” จักรเบือนหน้าหนี หัวใจผมที่กำลังเต้นและกำลังปวด
“ พี่ขอโทษนะ ให้พี่ทำอะไรก็ยอม” ผมบอก
“ ……………” จักรไม่พูดไม่มองแม้หน้าผม
“ จักร” (ผม)
“ ……………” จักรค่อยๆหันหน้ามา
“ ให้ทำอะไรก็ยอม พูดมากี่ครั้งเคยทำได้ไหม?” จักรว่า
“ ……………”เป็นผมที่ตอนนี้พูดไม่ออก ตอนที่ผมพูดไม่คิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้
“ จะไม่ทำร้ายกรูอีก พอโมโหก็ใช้ความรุนแรง เออลืมไป ทำไมกรูต้องเชื่อมรึงที่บอกว่าจะมารับแค่นี้มรึงก็ทำไม่ได้!” จักรพูดยิ้มที่มุมปากว่ากำลังดูถูกผม
“ แต่ครั้งนี้ พี่จำเป็นจริงๆ”
“ จำป็นอะไร?” จักรถาม ผมเงียบเพราะอึ้งที่ยังไม่ได้คิดคำตอบนี้เอาไว้
คงไม่แปลกที่ผมจะบอกจักรว่าไปตามหาจุม แต่ถ้าผมบอก ผมก็ต้องบอกหมด แต่เรื่องนี้ก็อาจจะพาลให้จักรไม่พอใจผมไม่มากกว่านี้ก็ได้ทั้งที่คนก่อเรื่องไม่ใช่ผม
“ ทำไม อย่าบอกนะว่าบอกไม่ได้ หรือว่ามรึงก็แค่กุเรื่องมาหลอกกรู!”
“ ไม่ใช่นะจักร!” ผมรีบพูด
“ แล้วมันอะไรล่ะ!” จักรตะเบ็งเสียง ผมเงียบ
โครม! จักรถีบโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า
“ จักร!?”
“ ก็มรึงทำให้กรูโมโห!” จักรว่าสะบัดแขนที่ผมจับ แต่ผมไม่ปล่อย ถ้าผมปล่อยวิ่งหนีแน่
“ งั้นทำพี่” ผมบอก จักรมองหน้า แล้วเตะขาผมไม่ยั้ง
“………………….” ผมเจ็บแต่ไม่พูด ยอมยืนนิ่งๆให้จักรถีบ เตะตามที่ต้องการ
จนจักรเหนื่อยแล้วนั่งลง(บนเก้าอี้)
“ หายโกรธพี่หรือยัง?” ผมถามนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ขาผมเจ็บแปล๊บๆเพราะจักรเมื่อกี้
“ ไม่!!” จักรตอบทันที และเบือนหน้าหนี ผมเอามือจับหน้าน้องเขาให้หันกลับมา
“ มรึงบ้าหรือไงให้กรูเตะอยู่ได้!” “ ไม่บ้าหรอก พี่ยอมเจ็บถ้าให้จักรหายโกรธ” ผมบอก
“นั่นแหละที่เขาเรียกว่า บ้า” จักรว่าเสียงเบาลง ปัดมือผมออกจากหน้า
“ก็ได้ บ้าก็บ้า”
“ จะเอากันแน่ บ้าหรือไม่บ้า!” เสียงเหมือนจะไม่พอใจผมขึ้นมาอีก ทั้งที่ผมพยายามะตามน้ำไม่ขัดใจแล้ว
“ พี่บ้าเพราะรักจักร” ผมบอก
“ ตามใจดิ” เม้มปากก้มลงเล็กน้อยแต่ตวัดตาขึ้นมองผม ?
“ กรูกลับล่ะ” จักรบอกยืนขึ้น แต่ผมจำได้ว่าจักรมีเรียนภาคบ่าย
“ แล้วตอนบ่ายล่ะ?” ผมถามยืนขึ้นตาม ขายังเจ็บจิ้ดๆอยู่ พอลุกขึ้นแล้วเลยต้องยืนนิ่งๆให้ตัวเองชินเสียก่อน
“ อาจารย์เลื่อน ไปสัมมนายังไม่กลับ” จักรตอบเดินลิ่วออกจากห้องแต่ผมยังยืนอยู่ที่เดิมครับ ขาผมเจ็บจนชาเลย
!!?
จักรเดินกลับเข้ามา
“ ช้าจริง” (ตอนนี้ผมเริ่มเดินแล้ว)
“ ก็พี่…” เจ็บขาที่จักรเตะถีบนับครั้ไม่ถ้วนนั่นแหละ
“ ทำไม!แค่นี้ทนไม่ได้ ก็มรึงบอกให้ทำมรึงเอง” จักรว่าเดินมาหาหยุดตรงหน้าผม
“ แต่จักรก็น่ายั้งบ้าง” ผมว่า
“ ไม่มีทาง และถ้ามีครั้งต่อไป มรึงได้หยอดน้ำข้าวต้มแน่” จักรขู่ แต่ผมยิ้มกับคำว่ามีครั้งต่อไป
“ ยิ้มอะไร!!” เสียงแข็งกว่าเดิม
“ พี่เจ็บ” ผมบอก
“เจ็บแล้วยิ้มหรือไง” ผมส่ายหน้าไม่ไช่
“ แล้วเจ็บมากไหม?” ถาม
“ ไม่มาก พี่ทนได้” ผมว่า ก็ทนได้จริงๆ ขอให้จักรหายโกรธก็พอ ซึ่งเจ็บนี้ดูจะได้ผลแม้จะถือว่าจักรไม่หายโกรธก็เถอะแต่ก็ดีกว่าที่คิดไว้ และยิ่งจักรดูเป็นห่วงผมแบบนี้ยิ่งแทบหายเจ็บ แต่สำออยหน่อยก็ดี เผื่อได้คะแนนสงสาร
“ ทนได้ก็ทนไป” จักรว่า
อ้าว แล้วคะแนนสงสารล่ะครับ??
“ ……………..”(ผม)
“ ไหนๆกรูก็มีส่วน ช่วยก็ได้” จักรว่า ??
แล้วจักรก็เอาแขนผมไปพาดไหล่
“ ยังมองหน้าอีก ก็เดินดิ”
โอ๊ย! อยากเดินไม่ได้จริงๆ จักรจะได้อุ้มผม แต่คงไม่ได้ ตอนนี้สิดีใจจนแทบหัวเราะออกมาดังๆเลยทีเดียว
ผมเดินกระเพลกๆทั้งที่เดินปกติก็ได้
“ อย่าทิ้งน้ำหนักลงมามากดิ กรูแบกควายไม่ไหว” จักรว่า ตัวโน้มไปเพราะตัวผม
“ โอะโอ๊ย!” ผมทำที จักรหันหน้ามา เงียบไม่พูดอะไร คงคิดว่าผมเจ็บจริง ผมแค่สำออยครับ
“ ……………….”น้องเขาพูดเหมือนกำลังบ่น ผมก็ไม่ได้ยินด้วยคงจะต่อว่าผมนั่นแหละ
จักรพาผมเดินทุลักทุเลจนมาถึงรถ
“ ขับรถไหวไหม?” จักรถาม
“ พอไหว?” ผมตอบ ถ้าจะให้ตอบในใจก็ ‘สบายมากหายห่วง’
“ แน่ใจ ไม่ใช่ว่าพากรูไปแหกโค้งที่ไหน?”
“ พี่แน่ใจ”
“ เออดี ไปส่งกรูที่บ้านด้วย” จักรพูดแล้วปิดประตูรถ ก่อนที่วิ่งอ้อมหน้ารถมานั่งข้างๆผม
ผมยิ้มขับพาจักรออกจากมหาลัย
.
จนเกือบๆถึงบ้านจักรแล้ว จักรก็บอกให้ผมจอด
“ ทำไมเหรอจักร?”
“ เดี๋ยวจอดซื้อข้าวก่อน” จักรบอกผมมองข้ามตัวจักรออกไปนอกรถ เป็นร้านตึกแถว 1คูหาในนั้นเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว เหมือนจะมีข้าวมันไก่ด้วย และน่าจะมีข้าวหมูแดงด้วย(เห็นไก่ เห็นหมูแดง)
“ ที่บ้านไม่มีอะไรกิน” จักรว่าเปิดประตูรถออกไป ผมมองตามหลังบางของจักรเงียบๆ จักรสั่งแม่ค้าอะไรไปไม่รู้แล้วก็หันกลับมา เห็นผมกำลังมองอยู่ก็รีบหันลับไป
ผมยิ้มสบายใจที่จักรไม่ได้โกรธมากอย่างที่คิด ก่อนที่จะฟุบกับพวงมาลัยรอจักรและแน่นอนหันหน้าไปมองจักรที่ยืนอยู่
ผ่อนคลาย แต่เรื่องในหัวหลายเรื่องทำให้ดึงสติให้กลับมา……
“…………………..”
ไม่นานจักรก็กลับมาพร้อมถุงบรรจุกล่องโฟม 3 กล่อง ซึ่งมากเกินไปสำหรับ 1 คน
“ จักรซื้อมาเยอะขนาดนี้จะกินหมดเหรอ?” ผมถาม หรือว่าจักรจะซื้ออไปให้ใครที่บ้าน พ่อแม่จักรก็ไปทำงาน ชมพูก็ไปเรียน
“ ซื้อมาให้มรึงด้วย” จักรบอก ?ซื้อให้ผมด้วย
“ ก็ ก็ ยังไงมรึงก็ตื้อเข้าไปบ้านกับกรูด้วยใช่ไหมล่ะ?” ที่ผมคิดคือ ถ้าจักรไม่ยอมให้ผมเข้าไปผมก็ไม่เข้าไปครับ
“…………………..” ผมพยักหน้า
“ กรูซื้อข้าวหมูแดงมา ถึงมรึงไม่ชอบก็ต้องกินเพราะ …กรูชอบ” จักรบอก
“ จักรซื้ออะไรมาพี่กินหมดแหละ” ผมพูด
ทุกอย่างที่เห็นดูสวยงามเข้าที่ไปหมด
ผมกำลังมีความหวัง ผมรู้ และผมก็ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง
จักรพยุงผมเข้ามาในบ้าน พาเข้าไปในห้องครัว ด้านในมีโต๊ะสีขาวตั้งอยู่กลางห้อง
“ ยืนรออยู่นี่แหละ” จักรบอกแล้วเดินหายออกไปนอกห้อง ก่อนที่จะกลับมาพร้อมเก้าอี้พลาสติก 2 ตัว พอผมจะช่วยจักรก็เดินหนีแล้ววางเก้าอี้ลง
“ เจ็บก็อยู่เฉยๆ” จักรว่า แล้วขยับเก้าอี้มาข้างตัวผม
“ นั่งลงดิ” จักรสั่ง ผมนั่งลงเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าจักรจะดูแลผมขนาดนี้ หรือว่าไม่อยากรู้สึกผิดที่เตะ(ถีบ)ผม
“ จักรพี่ไม่เป็นอะไรมาก” ผมว่าลุกขึ้น แต่พอเห็นสายตาดุของอีกฝ่ายผมก็ต้องนั่งลงเหมือนเดิม แล้วนั่งดูจักรเอาข้าวหมูแดงเทใส่จาน ซึ่งข้าวหกเรี่ยราด ถ้าลำบากนักให้ผมกินทั้งกล่องก็ได้
“ เอ้ากิน” จักรบอกแกมสั่ง(วางจานข้าวหมูแดงทั้งของตัวเองและของผมลงบนโต๊ะ)
“ …………………..”(ผม)
“ อย่าบอกว่ามือก็เจ็บด้วย?”
“จะป้อนพี่เหรอ?” ผมถามแอบหวังนิดๆเหมือนกัน
“ เปล่าถามดูถ้า.. ยังไม่เจ็บจะทำให้เจ็บ!”
“ โหดจัง เมียพี่”
“พูดอีกคำ
ไม่ต้องกิน! ” จักรบอกพร้อมลากจานข้าวผมไป
“ ไม่พูดแล้วคร้าบบบบ” ผมว่า แล้วจานข้าวหมูแดงผมก็ค่อยๆเลื่อนกลับมาอย่างกะปฎิหารย์ T^T
“ ไม่พูดก็กิน!”
“ ครับ” ผมเผลอพูด จักรชี้หน้า ผมก้มหน้าหลบสายตา แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวหมูแดง เกือบงานเข้าแล้วไม่ละ
ผมลอบมองจักร เห็นว่าน้องเขากำลังผมยิ้ม แต่ผมฉีกยิ้มเลยล่ะครับ
* * *
เมื่อครั้งที่แล้วที่ว่าตอบคำถามหรือสึกว่ามันจะขาดไปตอนท้าย เอาเพิ่มให้
ตอบรวมๆ
๑ เจ้าค่ะ เรื่องราวตอนนี้คือบุพเพวายร้ายสอง ที่เกี่ยวข้องกับกับบุพเพวายร้าย
๒ จะเจอน้องจุมเมื่อไร? อาจจะโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว
๓ ความรู้สึกของ พี่ๆ น้องๆ ในบุพเพวายร้ายสองจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆเจ้าค่ะ
๔ ปล. รูปต่างพี่ชนะเจ้าหญิงเคยเอามาลงแล้ว ไว้หาเจอจะเอามาลงใหม่ และยังมีท่านท่านหนึ่งที่เอาในจินาตาการมาลงด้วย เจ้าหญิงก็ชอบเจ้าค่ะ