จงรักรู้สึกตัวตื่นตอนเช้ามืดก็พบว่าตัวเองถูกพาขึ้นมานอนบนห้องแล้ว ร่างกายที่ควรจะเปล่าเปลือยถูกสวมทับด้วยชุดนอนของตัวเองเรียบร้อย ทว่าคนที่ควรอยู่ข้างกายกลับหายไปไหนก็ไม่รู้ ทั้งที่วันนี้เป็นที่พวกเขาพร้อมใจกันลาหยุดเพื่อเดินทางไปเชียงใหม่ก่อนเทศกาลสงกรานต์แท้ๆ คนตัวสูงก็ไม่น่าจะตื่นเร็วขนาดนี้
คนตัวเล็กฝืนร่างกายให้ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันแม้จะรู้สึกเสียดๆนิดหน่อยแต่โดยรวมก็ถือว่าปรกติดี ก่อนจะเดินลงไปหาคนรักข้างล่าง สอดส่ายสายตาหาไปทั่วทั้งห้องครัว ห้องรับแขกก็ไม่พบ มองเลยไปเห็นโซฟาสีน้ำเงินที่ถูกใช้เป็นสมรภูมิรักใบหน้าก็รู้สึกร้อนๆขึ้นมาจนต้องไปเดินหาทางอื่น
ตอนที่ออกมานอกบ้านจงรักได้ยินเสียงพี่เมฆกำลังคุยกับใครสักคน คนตัวเล็กจึงเดินอ้อมไปตามเสียง แล้วในที่สุดก็พบคนรักของเขากำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงสนามหญ้า
“เรียบร้อยไหมครับพี่”
“คุณเมฆลองเปิดเทสดูเลยครับ” เมื่อได้ยินคำสั่งเมฆาก็ลุกขึ้นไปบิดก๊อกน้ำที่ซ่อนไว้หลังพุ่มวาสนา ชั่วพริบตาสายน้ำก็พุ่งออกมาจากสปริงเกอร์เป็นละอองฝอยเล็กๆกระจายไปทั่วทั้งสนาม
“ผมว่าใช้ได้แล้วล่ะนะ” คนหน้าดุยิ้มยินดีก่อนหันมาเห็นจงรักที่ยืนมองอยู่ไม่ห่างไปเท่าไหร่ “ตื่นแล้วเหรอ”
“ครับ” จงรักพยักหน้ารับก่อนเดินเข้าไปหาคนรัก “ทำอะไรกันครับเนี่ย”
“พอดีพี่เห็นว่าเราจะไปเชียงใหม่กันเป็นอาทิตย์ กลัวว่ากว่าจะกลับมาต้นไม้ของเราจะแห้งตายเสียก่อนเพราะอากาศมันร้อน พี่ก็เลยสั่งช่างให้เข้ามาติดสปริงเกอร์ให้ ตัวนี้เป็นแบบตั้งเวลานะ หกโมงเช้ากับหกโมงเย็น”
“ดีจังเลยครับ รักลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย”
จงรักยิ้มแป้นให้คนรักก่อนจะมองไปรอบๆ เขาเห็นว่าเมฆายกกระถางยิปโซลงมาไว้ใกล้ชิงช้าไม้ที่เพิ่งซื้อมาไม่นานนี้ด้วย เมฆามองตามสายตาของน้องไปหยุดที่ต้นยิปโซซึ่งเดิมทีเคยตั้งบนระเบียง เขาจึงอธิบายว่า
“พี่กลัวมันเฉาตายก่อน จะขึ้นไปติดข้างบนด้วยก็ยุ่งยากไปหน่อยเวลามันไม่พอ เอาไว้กลับมาหลังสงกรานต์ค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงกับบนระเบียง”
“ต่อไปเอาไว้ข้างล่างก็ได้ครับ ไม่ยุ่งยากด้วย ยังไงผมก็ลงมาที่สนามทุกวันอยู่แล้ว”
“ตามใจเราแล้วกัน”
อุ้งมืออุ่นลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่เอ็นดู ก่อนจะสังเกตเห็นว่าชุดนอนที่ใส่ลงมานั้นค่อนข้างบางคอก็ลึก เผยให้เห็นร่องรอยรักที่ถูกทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืนรำไร เมฆาจึงปล่อยให้ช่างจัดการเก็บรายละเอียดงานที่เหลือไปก่อน ส่วนตัวเองก็จูงมือน้องเข้าไปในบ้าน พร้อมกับเอ่ยปากบ่นเบาๆ
“คราวหลังห้ามใส่ชุดแบบนี้ออกไปนอกบ้านเด็ดขาดนะ บางจนเห็นทะลุไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับก็บ้านเราเอง อีกอย่างผมเป็นผู้ชายไม่เสียหายตรงไหนสักหน่อย” จงรักแย้ง
“พี่ไม่ชอบ แถมมีคนอื่นอยู่ด้วยอีกต่างหาก ไปๆขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย เดี๋ยวพี่ส่งช่างเรียบร้อยแล้วจะตามขึ้นไป ดูของในกระเป๋าด้วยว่าครบไหม ออกเดินทางตอนบ่ายจะได้ไม่ฉุกละหุก” คนหน้าดุทั้งบ่นทั้งสั่งเสียงขรมทำเอาจงรักถึงกับหน้ามุ่ย ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่ากำหนดเดินทางที่ตกลงกันไว้มันเป็นตอนเย็นไม่ใช่หรือ
“เดินทางตอนบ่ายเหรอครับ”
“อืม”
“ไหนพี่เมฆว่าจะไปตอนเย็นไง”
“พี่จะพาไปที่หนึ่งก่อน กว่าจะเสร็จธุระก็คงเย็นๆ จากนั้นเราค่อยขับรถไปเชียงใหม่”
“ไปที่ไหนครับ” จงรักถามด้วยความสงสัย เพราะก่อนหน้านี่เมฆาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขาเลย
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง ตอนนี้ขึ้นไปอาบน้ำแล้วจัดของก่อนเถอะ”
“อ่า…ก็ได้ครับ” พอถูกสั่งเสียงเรียบแบบนี้ทีไรจงรักก็ไม่อาจขัดใจอีกคนได้เสียที คนตัวเล็กยอมทำตามง่ายๆแล้วเดินกลับขึ้นไปบนห้อง คิดในแง่ดีว่าประเดี๋ยวก็คงรู้เองอย่างที่พี่ว่านั่นแหละ
เมื่อถึงบ่ายโมงตรงก็ได้เวลาล้อหมุน เมฆาพาจงรักขับรถออกนอกเมืองไปตามถนนสายเอเชีย ความจริงก็เป็นเส้นทางขึ้นเหนือนั่นแหละ ทว่าพอผ่านอำเภอบางประอินเมฆาก็เลี้ยวรถเข้าตัวเมืองอยุธยา จงรักแปลกใจนิดหน่อยแต่พอจะเดาได้ว่าอีกคนจะไปไหนจึงไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงอะไร
กระทั่งบ่ายสองนิดๆรถสีขาวก็ไปจอดที่จุดหมายปลายทางแรก นั่นคือวัดเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดโดยมีที่ตั้งติดกับแม่น้ำป่าสัก เมฆาปลดล็อคแล้วลงไปหยิบของท้ายรถ จงรักเดินตามไปดูก็พบสังฆทาน ธูปเทียน ทั้งยังมีพวงมาลัยดอกไม้สดที่ใส่ไว้ในลังน้ำแข็งขนาดเล็กอีกด้วย
“มาทำบุญหรอกเหรอครับ นึกว่าจะพาไปบ้านที่อยุธยาเสียอีก” จงรักรู้อยู่แล้วว่าเดิมทีเมฆามีพื้นเพเป็นคนจังหวัดอยุธยา เมื่อเห็นคนรักบอกว่าจะพาไปทำธุระที่หนึ่งแล้วเข้ามาในเมืองอยุธยาเช่นนี้ เจ้าตัวจึงตีความเอาเองแบบนั้น โดยไม่นึกว่าอีกฝ่ายต้องการจะมาทำบุญก่อนเดินทาง
“บ้านเก่าของพี่ญาติๆเขาแบ่งขายกันไปตั้งแต่ตาเสียแล้วล่ะ ดังนั้นบ้านหลังเดียวที่มีก็คือบ้านของเราที่รังสิต”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“ทำเสียงหงอยทำไม”
“ก็แค่รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นที่ที่พี่เมฆเติบโตมา” จงรักรู้สึกเสียดายจริงเพราะหลายครั้งเขาเคยฝันว่าอยากไปดูบ้านของคนรัก เหมือนกับที่เขาพาเมฆาไปดูบ้านของเขาที่เชียงใหม่ “แต่ช่างมันเถอะครับ เราไปทำบุญกันดีกว่า”
“อื้ม” ชายหนุ่มยิ้มให้คนรักที่แสนจะว่าง่าย ก่อนช่วยกันถือข้าวของแล้วเดินนำไปหาพระคุณเจ้าที่ศาลา
หลังจากถวายสังฆทานเรียบร้อยพระท่านก็สนทนากับเมฆานิดหน่อย ทั้งไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ รวมไปถึงหน้าที่การงาน จงรักจึงเดาว่าแต่ก่อนเมฆาคงมาที่นี่เป็นประจำ ผ่านไปสักพักหลังจากพระท่านกลับกุฏิแล้วเมฆาก็เดินนำน้องมาที่ข้างศาลา คนหน้าดุเรียกเด็กวัดเพื่อถามว่าไม้กวาดทางมะพร้าวกับผ้าขี้ริ้วอยู่ที่ไหน เด็กวัดจึงวิ่งไปเอามาให้ครบชุด
จงรักมองการกระทำต่างๆด้วยความสงสัย ไม่แน่ใจว่าเมฆาจะไปกวาดลานวัดหรือเปล่าเขาจะได้ขอช่วยอีกแรง กำลังคิดว่าจะเอ่ยถาม ทว่าคนหน้าดุก็ยกกล่องโฟมกล่องเล็กที่บรรจุพวงมาลัยดอกไม้สดเอาไว้ให้จงรักถือ แล้วเอ่ยปากไขข้อข้องใจเรื่องที่สงสัยให้กระจ่าง
“ถือเอาไว้นะ เดี๋ยวจะพาไปเจอคนสำคัญของพี่”
“คนสำคัญเหรอครับ”
“อื้ม ตามมาสิ” พูดจบเจ้าตัวก็เดินนำไปอีกเช่นเคย จงรักจึงรีบเดินตามทันที
สถานที่ที่เมฆาบอกว่าจะพาเจอคนสำคัญ คือสถานที่ที่อยู่ด้านหลังสุดของวัด มันร้างไร้ผู้คนและเงียบสงบ เหมาะสมกับเป็นที่สุดท้ายให้คนที่จากไปได้พักผ่อน โกฏิสีขาวน้อยใหญ่ตั้งยอดแหลมเรียงรายเป็นแถวยาวไปจนสุดพื้นที่ จงรักเดินตามแผ่นหลังกว้างไปบนทางเดินสายเล็กที่ปูด้วยอิฐแดง บริเวณรอบๆบ้างก็รกชัฏมีหญ้าแทงสูงออกมานอกรอยแตกของอิฐ บ้างก็สะอาดสะอ้านแสดงถึงความใส่ใจของบุคคลที่อยู่ข้างหลังผู้ล่วงลับ
กระทั่งเลี้ยวขวาแล้วตรงมาจนสุดทางเดิน จงรักก็เห็นโกฏิสีขาวขนาดไม่สูงนักแบบเดียวกันทั้งสี่โกฏิตั้งเรียงอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำ เยื้องหลังไปมีต้นสาละต้นใหญ่กำลังผลิดอกชูช่อพร้อมจะออกผล หน้าโกฏิทั้งสี่มีรูปของบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของเมฆาประดับอยู่
คนตัวสูงเดินไปหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างรูปของหญิงสาวและชายชราที่มีดวงตาแบบเดียวกันกับตัวเอง ก่อนจะยกมือไหว้ จงรักเองก็ทำตามอย่างสงบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงทุ้มเอื้อนเอ่ย
“ริมสุดด้านนี้คือยายของพี่ ถัดมาเป็น พ่อ แม่ แล้วก็ตาตามลำดับ ยายกับแม่แล้วก็พ่อเสียพร้อมกันตั้งแต่พี่จำความไม่ได้ ตาบอกว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุ ส่วนตาพี่เพิ่งมาเสียไปเมื่อสองปีก่อน”
“เสียใจด้วยนะครับ”
“พี่ไม่ได้คิดอะไรแล้วล่ะ อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิ”
“ครับ” จงรักพยักหน้ารับ พยายามสูดลมหายใจเข้าแล้วบังคับตัวเองให้อดทนไว้
จากนั้นจงรักกับเมฆาก็ช่วยกันทำความสะอาดรอบๆบริเวณ ทั้งถอนหญ้า กวาดใบไม้ แล้วปัดถูฝุ่นที่เกาะตามโกฏิจนสะอาดเรียบร้อย จงรักนำไม้กวาดกับผ้าขี้ริ้วไปส่งคืนให้ให้เด็กวัดก่อนกลับมาเห็นเมฆากำลังเอาพวงมาลัยสี่พวงออกจากกล่องโฟม
“รักมานี่สิ”
“ครับ” จงรักเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียก
“ถือเอาไว้นะ”
“ครับ” จงรักรับพวงมาลัยพวงหนึ่งมาไว้ในมือ ก่อนจะถูกดึงให้ย่อลงนั่งตรงหน้าโกฏิของคุณตา
“ผมมาหาแล้วนะ อยู่ทางโน้นตาเป็นยังไงบ้าง ได้เจอแม่กับยายแล้วใช่ไหมครับ ผมอยู่ทางนี้สบายดี ตาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ตอนนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่เหมือนที่ตาอยากให้เป็น รู้หรือเปล่า ผมสามารถดูแลใครที่ผมรักอีกคนได้แล้ว วันนี้ผมก็พาเขามาหาตาด้วย
เขาชื่อจงรัก เป็นเด็กดีแล้วก็น่ารักมากๆ ถ้ายังอยู่ตาต้องชอบเขาแน่ๆ จงรักว่าง่ายไม่ได้หัวรั้นเหมือนอย่างที่ตาชอบว่าผมประจำหรอก…”
ถึงตรงนี้ความรู้สึกถวิลหาจนสุดขั้วหัวใจก็เข้าจู่โจม เมฆาไม่มีใคร ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่ผู้เป็นตาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ในวันนี้เขามองดูตัวเองที่โตเป็นผู้ใหญ่ สามารถดูแลใครที่เขารักได้ ในส่วนลึกของหัวใจก็ยังอยากที่จะมีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณผู้ที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
ทว่าความจริงคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนความตายที่หลบหนีไม่พ้น ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มีคุณตาอยู่ให้ทดแทนคุณแล้ว แต่เมฆาก็อยากให้ท่านหมดห่วง อยากให้ท่านภูมิใจว่าหลานชายคนนี้เติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคงแข็งแรง และพร้อมจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อดูแลคนที่ตัวเองรักเหมือนกับท่าน
เมื่อเห็นเมฆานั่งเงียบไปเหมือนตกอยู่ในภวังค์ของความทรงจำเก่าๆ จงรักจึงใช้โอกาสนี้กล่าวอะไรบางอย่างขึ้นมา คนตัวเล็กมองตรงไปที่รูปของชายชราจากนั้นก็เริ่มต้นพูด
“สวัสดีครับคุณตา ผมชื่อจงรักนะครับ แม้ผมจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุด แต่ผมจะดูแลหลานชายคุณตาให้ดีที่สุดเอง แต่นี้ต่อไปไม่ต้อง…เป็นห่วงอะไรแล้วนะครับ”
แม้ถึงตอนท้ายเสียงจะค่อนข้างสั่นเครือเอามากๆ ทว่าจงรักก็ยังพยายามพูดให้จบ ก่อนจะยกมือไหว้แล้ววางพวงมาลัยไว้ที่หน้ารูปบนแท่นโกฏิของคุณตา เมฆามองน้องด้วยสายตาเปี่ยมรักอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะวางพวงมาลัยอีกสามพวงตรงหน้าแท่นโกฏิของแม่ ยาย และพ่อ
เสร็จจากตรงนั้นพวกเขาก็ลากลับ ตอนเดินออกมาจากแทบไม่มีสัมภาระอะไรให้ถือวุ่นวายอีกแล้ว เมฆาเอากล่องโฟมไปเก็บที่รถ ก่อนจะพาน้องไปนั่งตากลมที่ท่าน้ำข้างวัดเนื่องจากยังมีเวลาอีกมากก่อนขับรถเดินทางขึ้นเหนือต่อ
ช่วงบ่ายแก่แดดร่มลมตกแล้ว วัดเล็กๆแห่งนี้เงียบสงบไม่ค่อยมีคนอย่างวัดใหญ่ๆในตัวเมือง จะมีก็แต่เรือที่สัญจรไปมาบ้างเป็นครั้งคราวในแม่น้ำป่าสัก จงรักนั่งมองผักตบชวาลอยไปติดที่ชายน้ำ มองนกกระยางโฉบลงมาจากขอนไม้เพื่อจับปลาตัวน้อยที่ว่ายขึ้นมาเหนือน้ำ มองแสงระยิบระยับของคลื่นกระทบแดดจนชวนให้ตาพร่า จนสุดท้ายต้องยอมถอนสายตาออกมา เพื่อมองเสี้ยวหน้าคมของคนข้างกายแทน
“พี่เมฆครับ”
“ว่ายังไง”
“ทำไมถึงพาผมมาที่นี่ล่ะ”
“จะพูดยังไงดี พี่ก็…พามาให้ตารู้จักล่ะมั้ง เหมือนแนะนำอะไรทำนองนั้น”
“แล้วพี่เคยพาใครมาอีกนอกจากผมหรือเปล่า”
“ถามทำไม หึงเหรอ”
“จะเรียกว่าหึงก็คงไม่เชิงหรอกครับ แค่อยากรู้มากกว่าว่าตัวเองสำคัญระดับไหน สำคัญกว่าคนอื่นๆที่ผ่านมาหรือเปล่า”
“เป็นเด็กขี้อิจฉาหรือไงหืม?” น้ำเสียงกับแววตาหยอกเย้าจับผิดทำเอาจงรักเกือบหลุดขำพรืดออกมา
“อืม…” จงรักอมลมไว้ที่ข้างแก้มนิดๆ พร้อมกับเตะขาสองข้างให้แกว่งไปมา ก่อนจะยอมสารภาพ “คง…ทำนองนั้นล่ะครับ ว่าแต่ผมไม่เด็กแล้วนะ”
“นี่แหละเด็ก” เมฆาว่าพลางจับหัวน้องโยกเบาๆก่อนจะขยี้ จงรักเบี่ยงตัวหลบเพราะต้องการคาดคั้นคำตอบให้ได้ แต่คงดิ้นหนีมากไปหน่อยรองเท้าผ้าใบสีตองอ่อนคู่เก่งจึงกระเด็นหลุดจากเท้า
“ไม่ต้องเก็บหรอกครับ เดี๋ยวผมเก็บเอง บอกมาก่อนนะ”
“หึ”
แต่ทว่าเมฆาไม่ทำตามคำที่จงรักพูด ชายหนุ่มร่างสูงยังคงเดินไปก้มเก็บรองเท้าที่นอนแอ้งแม้งอยู่ไม่ไกล จากนั้นก็กลับมายืนตรงหน้าก่อนจะย่อตัวลงนั่งชันเข่า ในขณะที่จงรักนั่งอยู่บนที่นั่งไม้กระดานในศาลาอย่างเก่า
“เดี๋ยวครับ!” จงรักร้องห้ามเมื่อมือหนาข้างหนึ่งคว้าประคองอุ้งเท้าเปลือยเปล่าข้างนั้นเอาไว้
“รู้ไหมพี่ไม่เคยพาใครมาหรอกนะ” เมฆาเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตาแล้วเอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ “มีแค่เราคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักที่นี่ คราวนี้พอใจหรือยัง”
“พอใจแล้วครับ แต่พี่เมฆขึ้นมาบนนี้เถอะ เดี๋ยวรักใส่รองเท้าเอง” จงรักพยายามพยุงไหล่หนาให้ลุกขึ้นมานั่งเสมอกัน แต่เมฆาก็ขืนตัวไว้แล้วค่อยๆบรรจงสวมรองเท้าให้น้องจนเสร็จก่อนจะเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา
“รัก”
“ครับ”
“พี่มีอะไรจะบอก”
“อะไรครับ”
“ฟังพี่นะ”
“ผมฟังอยู่”
จงรักไม่แน่ว่าบรรยากาศจริงจังเช่นนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่คนตัวเล็กก็ยอมเงียบแล้วตั้งใจฟัง ทั้งที่ในหัวใจค่อยๆ เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีสาเหตุ
“พี่อาจจะเคยพูดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่วันนี้พี่จะพูดอีก เพราะพี่คิดว่าพี่พร้อมหมดแล้วทั้งหัวใจ” เจ้าของดวงตาคมดุที่มองทอดอ่อนมายังจงรักหยุดสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเอ่ย
“รัก”
“ครับ”
“นับจากนี้พี่ขอให้เราโปรดจงรัก โปรดจงเชื่อใจในความรู้สึกที่มอบให้ เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่สัญญาว่าจะมีแค่จงรัก จะรักและคิดถึงเพียงจงรักคนเดียวเท่านั้น โปรดอยู่เคียงข้างกันตลอดไปด้วยนะครับ”จงรักพยักหน้ารับและยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เขารู้ว่าคำว่าตลอดไปมันไม่มีจริงๆหรอก แต่ถ้าพี่เมฆพูดว่าอยากให้จงรักอยู่กับพี่เมฆตลอดไป จงรักก็จะอยู่เคียงข้างจนสิ้นลมหายใจสุดท้ายเช่นกัน
ไม่มีความรักใดที่สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น ความรักนั้นต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะ ต้องใช้ความพยายามที่จะเข้าใจและปรับจูนเข้าหากัน จึงจะทำให้รักนั้นยืนยาวไปจนตลอดรอดฝั่งได้
“ฝากตัวด้วยครับ”(จบบริบูรณ์)
‘โปรดจงรัก’
พอเอ่ยถึงชื่อนี้ลำดับแรกคงคิดถึงจงรักที่แอบรักเขามานาน
แต่เอาเข้าจริงๆมันสื่อถึงพี่เมฆด้วยในตอนช่วงหลัง ช่วงที่รักจงรักแล้ว
เราว่าความรักที่สมบูรณ์มันไม่ได้มาจากความรักของคนๆเดียว
แต่มาจากการที่คนสองคนต้องการที่จะให้ความรักและรับความรักตอบจากกันและกัน
มีคนบอกเราว่าชอบชื่อเรื่องชื่อนี้ เราเองก็ชอบค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นการขอความรักที่สุภาพและเว้าวอนในหัวใจดีเนอะ
เอาล่ะๆ ในที่สุดนิยายเรื่องแรกในชีวิตก็จบลงอย่างสมบูรณ์จนได้
โปรดจงรักใช้เวลาเขียนยาวนานเกือบปีทีเดียว
ด้วยเนื้อเรื่องเรียบๆเรื่อยๆ บ้างคนอาจรู้สึกยาวยืดยาด บางคนอ่านแล้วรู้สึกว่ามันจบเร็วไปไหม
แต่สำหรับฝนที่เขียนได้ตามพล๊อต ตามเป้าหมายที่วางไว้ เท่านี้ก็ถือว่าพอดีแล้ว
(นี่ยังมีเพิ่มตอนนิดหน่อยตรงช่วงสองแฝดด้วยนะ)
ถึงตรงนี้ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ มีแค่คำขอบคุณที่ตามอ่านกันมาจนจบ
ขอบคุณแม้ว่าคุณเพิ่งหาโปรดจงรักเจอ
ขอบคุณที่อ่านงานเขียนของเราจริงๆ
คนอ่านเป็นแรงผลักดันที่สำคัญมากๆนอกเหนือจากพลังจินตนาการของตัวเอง
นี่กล้าพูดได้เลยนะว่าถ้าไม่มีคนอ่าน งานเขียนคงไม่ดำเนินได้จนตลอดรอดฝั่งได้เร็วแบบนี้แน่ๆ
เผลอๆคงใช้เวลาแต่งนานกว่านี้เยอะเลย
ตอนนี้เรื่องราวของพี่เมฆกับจงรักก็แฮปปี้แล้ว ยังไงก็ฝากผลงานชิ้นต่อๆไปด้วยนะคะ
เรารู้ตัวว่ายังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง สัญญาว่าจะพัฒนางานเขียนให้ดียิ่งๆขึ้นค่ะ
สุดท้ายก็มีข่าวมาแจ้งเรื่องการรวมเล่มของโปรดจงรักค่ะ
ตอนนี้โปรดจงรักได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Onederway นะคะ
สำหรับใครที่อยากเก็บโปรดจงรักเอาไว้ในชั้นหนังสือของท่านก็ไปจองได้เลยค่ะ
เราได้เขียนตอนพิเศษเอาไว้ด้วยกันหลายตอนเลย เด็ดๆทั้งนั้นขอบอก 5555
แถมยังมีของแถมให้คนที่พรีออเดอร์หลายอย่างเลยด้วย
พิกัด+รายละเอียกการจอง ไปที่
https://docs.google.com/forms/d/1pa73TRr65LdPb5Fs5tiNsAXybOBGeDKvJ5j7ix0gESY/viewform ส่วนเพจสำนักพิมพ์ คือ
https://www.facebook.com/onederwhy?fref=tsเข้าไปดูกันก่อนได้นะคะ ในเพจมีภาพดราฟหน้าปกมาให้ยลกันนิดนึงด้วย อิอิ
ขอบคุณอีกครั้ง แล้วเจอกันเรื่องหน้าค่ะ
ละอองฝน
(20:10 , 05/05/58)